Group Blog
 
 
กันยายน 2555
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
16 กันยายน 2555
 
All Blogs
 

ตอนที่ ๑



อาจารย์อรรถพลกับ ดร.ชนมน ยืนกอดอกยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เมื่อในที่สุดก็สามารถผลักดันให้ ดร.จิรายุ วรรณกร อาจารย์สาวคนสวยอีกคนหนึ่งของภาควิชาเคมียอมสวมใส่ชุดราตรีผ้าซาตินสีเหลืองทองตัวนี้ได้สำเร็จ คนสวยที่ไม่ค่อยจะรู้ตัวเองว่าสวยยังคงยืนมองตัวเองอยู่หน้ากระจกอย่างไม่อยากเชื่อ

“แจนบอกพี่ไผ่แล้วว่าสวยแน่ๆ” ชนมนยังชมเปาะไม่ขาดปาก จิรายุเองก็พอรู้ตัวอยู่บ้างว่าตัวเองสูงโปร่ง อกและเอวชัดเจนจนหลายๆ คนอิจฉา เธอถูกจัดว่าเป็นคนหุ่นดีมากๆ คนหนึ่ง แต่เพราะผ้าซาตินพริ้วแนบเนื้อที่ถ้าหุ่นไม่เจ๋งจริง หลายๆ คนก็ถูกชุดฆ่าตายมานักต่อนัก ครั้นเมื่อชนมนและอรรถพลเอ่ยปากเชียร์ คนหุ่นดีอย่างจิรายุจึงเกิดอาการลังเลให้เห็น

“แหม ได้ข่าวว่างานพรุ่งนี้ เพื่อนเจ้าบ่าวโสดหลายคนนะคะ คงมีคนเหลียวมองพี่ไผ่กันบ้างละ”

“เหลียวเฉยๆ ไม่ได้นะ รุ่นนี้ต้องรีบแล้ว” จิรายุค้อนขวับทันที แน่นอนถึงจะสวย การศึกษาดี ดีกรีนักเรียนนอกแต่เรื่องคู่ครองช่างอัตคัดนัก

“กว่าจะเรียนจบก็ปาเข้าไปยี่สิบเจ็ด ยี่สิบแปดแล้วจ้ะพ่อคุณ ดูอย่างอาจารย์ตู่เจ้าสาวของเราสิ สามสิบเอ็ด พี่เพิ่งจะยี่สิบเก้าเฉียดๆ สามสิบ ยังพอมีเวลาน่า” ไม่รู้ปลอบใจตัวเองหรือปลอบใจใคร แต่จิรายุรู้ดี อายุไม่ใช่ปัญหา หากยังไม่เจอคนที่ใช่เธอไม่มีทางแต่งงานมั่วๆ เด็ดขาด

“พรุ่งนี้ไปที่บ้านแจนนะคะพี่ไผ่ พี่จอยจะช่วยพวกเราแต่งหน้าทำผมค่ะ”

“เกรงใจพี่สาวแจนจัง พี่ไปที่ร้านก็ได้จ้ะ”

“ไม่ต้องหรอกค่ะ นิดหน่อยเอง พี่จอยเขาอาสา รายนั้นเขามืออาชีพแต่ไม่ค่อยได้ใช้วิชา เลยร้อนวิชาน่ะค่ะ แล้วเราจะได้ไปงานพร้อมกัน คุณพิงจะขับรถมาส่งค่ะ” ชนมนเอ่ยถึงสามี

ดังนั้นในตอนบ่ายวันถัดมา จิรายุจึงแบกชุดราตรีตัวสวยมาที่บ้านของชนมนตามที่ตกลงกันไว้ เมื่อมาถึงชนมนล่วงหน้าแต่งหน้าทำผมไปบ้างเล็กน้อย ด้วยฝีมือของพี่สาวคนสวย โดยมีสามีที่ควรจะมารับตอนเย็นนั่งรออยู่เรียบร้อยแล้ว

“สวัสดีค่ะคุณพิง”

“ครับผม” พิธานเงยหน้าจากหนังสือที่กำลังตั้งใจอ่านอย่างขะมักเขม้นเมื่อได้ยินเสียงทัก

“เอ๊ะ...ไปด้วยเหรอคะ แต่งตัวหล่อเชียว แจนบอกว่าคุณพิงไปไม่ได้ไผ่ยังแปลกใจเลย ปกติไม่เห็นยอมให้แจนฉายเดี่ยวสักที” พิธานยิ้มเขินๆ เมื่อเจอคำชมซึ่งๆ หน้า ก้มมองชุกสูทสากลของตัวเอง

“ไป แต่คนละงานครับ พอดีมีงานของคนรู้จัก จัดโรงแรมเดียวกัน เวลาเดียวกันนี่แหละครับ ผมกับแจนเลยต้องแยกกันไปคนละงาน” จิรายุพยักหน้าอย่างเข้าใจ ชนมนจะเบี้ยวไปงานเดียวกับสามีก็คงไม่ได้ เพราะงานนี้เป็นงานแต่งงานยักษ์ของอาจารย์สาวคนสวยอีกคนของภาควิชาที่ชนมนค่อนข้างสนิทสนม

“งานนั้นก็คงไม่ใช่คนรู้จักธรรมดาสินะคะ คงสำคัญเหมือนกัน คุณพิงถึงเบี้ยวมาคุมแจนไม่ได้” พิธานหัวเราะเบาๆ กิตติศัพท์ความหวงเมียของเขาเป็นที่รู้กัน

“ครับ กำลังคิดว่าจะมีธุรกิจร่วมกัน” จิรายุพยักหน้าเข้าใจ

พิธานจัดการเชิญเพื่อนร่วมงานของภรรยาไปยังห้องที่สาวๆ ใช้เป็นสถานที่แต่งตัว จิรายุเพิ่งเคยมาที่บ้านของชนมนเป็นครั้งแรกจึงออกจะมึนงงไม่น้อย

ผ่านไปร่วมสองชั่วโมง ชลกรจึงจัดการตบแต่งสาวสวยทั้งสองคนให้ออกมางามอย่างไรที่ติ พิธานส่งสายตาหวานเชื่อมไปให้ภรรยาอย่างไม่ปิดบัง ตั้งแต่แต่งงานกันมาวันนี้เป็นอีกวันที่ภรรยาของเขาสวยมากๆ แต่กับเพื่อนรุ่นพี่ของภรรยาเขานี่สิ ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อว่าแต่งออกมาแล้วจะสวยชวนตะลึงขนาดนี้

“นี่คนมันสวยอยู่แล้วหรือว่าจอยเขาฝีมือเทพกันแน่ครับ” จากที่เขินอายสายตาคนมอง จิรายุกลับขำเพราะคำหยอกเย้าของพิธาน

“วัตถุดิบต้องดีก่อนจ้ะ ไผ่น่ะสวย เสียแต่ว่าแต่งตัวน้อยไปหน่อย” ชลกรการันตีความงามของจิรายุอีกคน

“แหม ทำงานแบบแจนกับพี่ไผ่จะเอาเวลาที่ไหนไปแต่งตัวคะ เวลามีใครแต่งงานทีหนึ่งพวกเราดีใจกันแทบแย่ ที่ได้หาเรื่องแต่งตัวสวยๆ กับเขามั่ง” จิรายุรีบพยักหน้าเห็นด้วยกับรุ่นน้อง ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากจะสวย ความสุขของผู้หญิงคงต้องมีเรื่องความงามเข้ามาเกี่ยวข้องอย่างแน่นอน แต่เพราะงานที่รัดตัว ภาระหน้าที่สอนหนังสือ ภาระการทำวิจัย การเป็นที่ปรึกษาของเด็กมากมาย ทำเอาเวลาที่จะคิดมาแต่งตัวหายไป บางครั้งเธอยอมเอาเวลาเหล่านี้ไปนอนแทน

“โชคดีของฉันที่ไม่เรียนแบบพวกเธอ” เจ้าแม่ความงามอย่างชลกรถึงกับเปรยออกมาด้วยท่าทางโล่งอก

“เอาละๆ ได้เวลาแล้ว ไปกันเถอะ สนุกให้เต็มที่นะจ๊ะ พรุ่งนี้วันเสาร์”
.......................................................................................................................................

จิรายุเดินตามหลังคู่สามีภรรยามาเงียบๆ จนกระทั่งถึงหน้าห้องจัดเลี้ยงที่เป็นงานแต่งงานระดับมหาเศรษฐีซึ่งพิธานกำลังขอตัวเข้าไปในงาน หญิงสาวกวาดสายตามองไปรอบๆ งาน แขกเหรื่อที่มามีทั้งไทยและต่างประเทศ คงเป็นงานนักธุรกิจดังจริงๆ

“เจ้าบ่าวงานนี้เป็นฝรั่งแฮะ” จิรายุก้มหน้าคุยกับชนมนขณะที่ทั้งสองกำลังสาวเท้าผ่านหน้าห้องจัดเลี้ยงนี้เพื่อไปยังอีกงาน

“ลูกครึ่งน่ะค่ะ ไทย-สวีเดน” จากที่เห็นชื่อนามสกุลของเจ้าบ่าว Lars Anderson จิรายุก็พอจะเดาได้ และก็ตรงตามข้อมูลที่ชนมนบอก

“เขาทำธุรกิจเสื้อผ้า เครื่องใช้ในบ้าน ของตกแต่งในบ้าน เน้นดีไซน์ค่อนมาทางเอเชีย วินเทจนิดๆ ค่ะ ชื่อแบรนด์ Mar & Nil มีสาขาเกือบทั่วโลกนะ แต่ฐานการผลิตส่วนมากอยู่ทางเอเชียนี่แหละ จีนกับอินเดียเป็นหลักเลย”

“คุณพิงบอกพี่ว่าอาจจะมีธุรกิจร่วมกัน”

“ใช่ค่ะ แม่ของคุณลาร์สเป็นคนไทยค่ะ คุณพ่อเขาเป็นสวีเดน แต่จริงๆ ตอนนี้คนที่คุม Mar & Nil จริงๆ คือคุณอิริคพี่ชายคุณลาร์สค่ะ แล้วก็มีน้องสาวคนเล็กอีกคนหนึ่ง เมื่ออาทิตย์ก่อนคุณพิงเพิ่งไปคุยงานมากับเขาค่ะ เพราะว่าคุณพิงเขาสนใจจะเจาะตลาดใหม่เอาของที่เหลือจากการแปรรูปไปทำเป็นของตกแต่ง แล้วคุณมารีน้องคนเล็กนี่แหละค่ะ เขาก็สนใจเหมือนกัน เลยให้คุณพิงไปคุยกับคุณอีริค”

“แต่พี่ยังไม่เคยเห็นแบรนด์นี้ในไทยเลยนี่นา”

“ตอนนี้มีร้านเล็กๆ ในห้างใหญ่ๆ ค่ะ เพิ่งเจาะเข้ามาเมื่อไม่นานนี้เอง แต่ตามต่างประเทศเขามีร้านใหญ่เลยค่ะ แต่ไม่ถึงขั้น IKEA นะคะ แต่ข่าวมาว่าเจ้าสาวของคุณลาร์สเป็นคนไทย และหลังจากแต่งงานเขาจะปักหลักที่นี่ และเขาจะเปิดสาขาที่นี่และทำเป็นร้านใหญ่เหมือนกันค่ะ”

“อุ้ย!” จิรายุอุทานก่อนรีบจับแขนของชนมนไว้ เมื่อจู่ๆ ก็มีคนมาขวางหน้าทั้งๆ ที่เธอกับชนมนกำลังจะเลี้ยวเข้าห้องจัดเลี้ยงแล้ว

“ขอโทษครับคุณผู้หญิง คุณอีริคต้องการคุยกับคุณครับ” ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งตามสไตล์คนตะวันตกตรงหน้าของเธอพ่นภาษาอังกฤษออกมาเร็วปรื๋อ จิรายุหันมองหน้าชนมนที่กำลังมองเธออยู่เช่นกัน ลักษณะการพูดของพ่อหนุ่มผมทองที่เอาแต่จ้องมาที่จิรายุก็พอจะทำให้เดาได้ว่าคนที่คุณอีริคของเขาต้องการพบเป็นใคร

จิรายุเงยหน้ามองพ่อหนุ่มผมทองคนนั้นอีกครั้งก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบๆ เผื่อจะได้เห็นคนที่ใช้ให้นายคนนี้มาพูดกับเธอ แต่มองไปก็เท่านั้น เพราะเธอก็ไม่เคยเห็นหน้าค่าตาอะไรของเขา ถึงเขาจะอยู่แถวนี้จริง เธอก็คงจะไม่รู้อยู่ดี

“นี่ครับนามบัตรของท่าน” จิรายุไม่ได้ยื่นมือไปรับนามบัตรนั้น หญิงสาวเพียงอ่านผ่านๆ Erik Anderson แน่นอนว่าต้องเป็นคนเดียวกับเจ้าของธุรกิจยักษ์ใหญ่ที่เธอกับชนมนกำลังพูดถึงแน่ๆ นอกจากชื่อเสียงเรียงนาม เบอร์โทรและตำแหน่งแล้ว ด้านล่างของนามบัตรยังมีลายมือหวัดๆ เขียนหมายเลขห้องที่จะให้เธอไปเจอกำกับไว้ด้วย

“ฉันไม่ได้ทำธุรกิจค่ะ และไม่รู้จักเจ้านายของคุณด้วย ต้องขอโทษด้วยนะคะ” จิรายุเบี่ยงกายพร้อมกระตุกมือของชนมนให้ไปจากจุดนั้นทันทีที่พูดจบ แต่เจ้าหนุ่มผมทองผู้จงรักภักดีก็ยังไม่วายก้าวมาขวางหน้าเธอไว้อีกตามเคย

“ท่านเชิญคุณไปทำความรู้จักครับ และท่านไม่ได้ต้องการจะคุยเรื่องธุรกิจ” กลิ่นแปลกๆ ชักจะโชยมาจนจิรายุต้องหันไปสบตากับชนมนอีกครั้ง หญิงสาวไม่พูดอะไรกับหนุ่มผมทองคนนั้นอีก แต่กลับเบี่ยงตัวและรีบเข้าไปในงานอย่างรวดเร็วจนชายหนุ่มแปลกหน้าตามเธอไม่ทัน

ร่างสูงของคนที่แอบมองดูอยู่ไกลๆ ถึงกับกัดกรามเป็นสันนูนด้วยความขัดใจ แก้วไวน์ในมือถูกยกขึ้นจิบก่อนจะหลับตาสกัดกลั้นอารมณ์โกรธ

แวบแรกที่เห็นผู้หญิงชุดเหลืองทองเดินผ่านมาหน้างานและหยุดอยู่สักพัก เขายืนมองเธออย่างตกตะลึงในความสวย ความรู้สึกย่ามใจว่าเธอคงมางานของน้องชายจึงทำให้อิริคไม่ผลีผลาม เขายังมีเวลาทำความรู้จักกับเธอ แต่เพราะเพียงไม่นานหญิงสาวกลับเดินเลยไป ซึ่งเขาเพิ่งจะนึกได้ว่ามีงานแต่งงานอีกงานที่จัดห้องถัดไปเวลาเดียวกัน จึงรีบสั่งให้มาร์คัสคนสนิทตามไปดักเธอไว้

แต่ดูเหมือนสาวสวยจะไม่ให้ความสนใจข้อเสนอของเขา เป็นเพราะยังไม่รู้ว่าเขาเป็นใครหรือเป็นเพราะยังไม่รู้ว่าเขาหล่อและรวยแค่ไหนหรือเปล่า ถึงได้ปฏิเสธอย่างไม่มีเยื่อใยขนาดนั้น แบบนี้คงต้องเจอกันสักตั้ง

“คอยสังเกตเอาไว้ ฉันต้องเข้าไปในงานแล้ว เธอออกมาเมื่อไหร่บอกฉันด้วย” ทันทีที่มาร์คัสเดินกลับมาหาเขา อีริคก็สั่งการอย่างรวดเร็ว

อีกห้องถัดไป หลังจากหลบเข้ามาได้อย่างรวดเร็วแล้วจิรายุยังไม่หายตกใจ หญิงสาวยังคงจับมือชนมนไว้แน่น พยายามจะควบคุมการเต้นของหัวใจให้เป็นปกติเสียที

“บอกแล้วว่าต้องสวยจนคนตะลึงแน่ๆ แล้วมันก็จริงเสียด้วย” จิรายุหันไปมองหน้าชนมนทันทีนึกอยากตำหนิว่ายังมีอารมณ์มาพูดเล่นในเวลานี้ แต่หน้าตาซีดๆ กับยิ้มเซียวๆ นั่นทำให้เธอเข้าใจว่าชนมนเอ่ยประโยคนี้ออกมาเพื่อกลบเกลื่อนความตกใจของตัวเองเสียมากกว่า

“สวยแบบนี้ไม่เอานะ น่ากลัวเกินไป”

“นั่นสิคะ แจนไม่คิดเลยนะคะว่าจะมีการส่งนายหน้ามาติดต่อไปพบที่ห้องกันแบบนี้ด้วย”

“อืม พี่ก็งงเหมือนกัน หรือเราสองคนจะอยู่ในโลกแคบๆ ของคุณครูคร่ำครึกันจนเกินไป จริงๆ เขาอาจจะทำกันแบบนี้เป็นเรื่องปกติ” จิรายุแค่นหัวเราะออกมาอย่างประชดประชัน

“แจนจะถามคุณพิง ไม่อยากจะเชื่อว่าคุณอีริคจะร้ายขนาดนี้ มิน่าล่ะ สามสิบกลางๆ แล้วถึงยังไม่แต่งงานเสียที เป็นเสือผู้หญิงแบบนี้นี่เอง”

“แต่มันหยาบคายมากเลยนะ ที่มาชวนขึ้นห้องแบบนี้ ถึงจะเป็นเสือผู้หญิงก็เรื่องของเขา แต่ก็น่าจะกับคนที่เขาเต็มใจ ไม่ใช่มาตื้อแบบนี้” จากอาการกลัว กลายเป็นอารมณ์โกรธ จิรายุคงยังไม่รู้ว่าอีริคสามารถทำได้มากกว่านี้ แม้ว่าจะเต็มใจหรือไม่ก็ตาม
.......................................................................................................................................

งานเลี้ยงยังคงดำเนินต่อไป หลังจากปรับอารมณ์ให้เข้าสู่ภาวะปกติได้แล้วจิรายุกับชนมนก็หาที่นั่ง โชคดีที่เป็นงานแต่งงานของอาจารย์ในภาควิชา แขกเหรื่อที่มางานจึงเป็นคนรู้จักกันทั้งนั้น จิรายุจึงเหมือนลืมเลือนเรื่องบ้าบอเมื่อสักครู่ไปได้บ้าง

ก่อนงานจะเลิกหญิงสาวจึงขอตัวไปเข้าห้องน้ำ เธอเดาได้ว่าเมื่องานเลิก ผู้คนจากทั้งสองงานคงจะกรูออกจากงานพร้อมๆ กัน และนั่นคงทำให้พวกเธอต้องติดแหงกอยู่บนท้องถนนนานพอสมควร การทำธุระส่วนตัวให้เสร็จเรียบร้อยคงเป็นความคิดที่เข้าท่าที่สุดเวลานี้

ห้องน้ำเวลานี้ยังไม่ค่อยมีผู้คน หญิงสาวใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำไม่นานก็กลับออกมา หวังจะเตือนให้ชนมนมาจัดการธุระของตัวเองเช่นเดียวกัน

เท้าที่กำลังก้าวอย่างระมัดระวังเพราะชายกระโปรงรุ่มร่ามต้องหยุดอย่างรวดเร็วเมื่อหญิงสาวเหลือบเห็นปลายรองเท้าหนังมันปลาบที่ก้าวมาขวางทางเธออย่างรวดเร็ว งานนี้คงเจอตอเข้าอีกแล้ว ซ่าก๋ากั่นออกมาคนเดียวเพราะคิดว่าไม่น่าจะมีอะไรเกิดขึ้น

จิรายุค่อยๆ เงยหน้ามองคนที่ก้าวมาขวางทางเธอไว้ ดวงตาสีฟ้าภายในกรอบหน้าที่หล่อสมบูรณ์แบบแบบตะวันตกผสมตะวันออกตรึงให้เธอต้องหยุดอยู่กับที่ ลางสังหรณ์ว่าเขาจะเป็นคนที่เธอเพิ่งจะปฏิเสธไปหยกๆ ทำให้หญิงสาวเผลอสูดลมหายใจเข้าปอดเพื่อเรียกกำลังใจให้ตัวเอง

หญิงสาวดึงชายกระโปรงขึ้นเล็กน้อยเพื่อการเดินที่สะดวกขึ้น ขาสวยๆ กำลังจะก้าวหลบเลี่ยงทั้งที่เธอเองเห็นว่าเขายังกอดอกจ้องเธอไม่วางตา ผมสีน้ำตาลเข้มและไรหนวดจางๆ ส่งให้ใบหน้าเขาคมเข้มมาทางเอเชีย หากจะไม่ติดจมูกที่โด่งเป็นสันผิดกับคนเอเชียทั่วไป และที่สำคัญคือดวงตาสีฟ้าคู่นั้น

ทันทีที่ขาของเธอขยับ มือใหญ่ก็ขยับมาคว้าเอวเธออย่างรวดเร็วเช่นกัน จิรายุเกือบหลุดเสียงร้องออกมา หญิงสาวไม่กล้าดิ้น ได้แต่สบตาเขาอย่างโกรธๆ มือเล็กๆ พยายามดึงเสื้อเขาเพื่อให้ปล่อย

“ผมไปอยู่เมืองนอกเสียนาน เลยไม่รู้ว่าคนไทยเวลาเขาเจอกันเขาไม่ทักทาย” เสียงทุ้มเปล่งภาษาไทยออกมาชัดแจ๋ว จนอดชมในใจไม่ได้ว่าถึงจะเป็นลูกครึ่งแต่ก็ไม่ทิ้งรากเหง้า

“ทักค่ะ แต่เฉพาะคนที่รู้จัก ไม่เที่ยวไปทักใครสุ่มสี่สุ่มห้า” จิรายุพยายามบังคับเสียงตอบไม่ให้สั่นทั้งที่ตัวเธอกำลังสั่น อีริคแกล้งเลิกคิ้ว

“เหรอ แต่แถวบ้านผม ถ้าเจอกันแบบนี้เขามักจะทักนะ ที่สำคัญ เวลาพูดกันเขาไม่หลบตา” นั่นยิ่งทำให้จิรายุก้มหน้า ให้ตายเถอะ เธอโกรธที่โดนกระทำรุ่มร่ามแบบนี้ มือใหญ่นั่นยังตรึงเอาไว้ที่เอวเธอ แต่เธอไม่แม้แต่จะกล้าบริภาษหรือดิ้นรนเพื่อเอาตัวรอด เขาคนนี้มีพลังบางอย่างที่ทำให้คนรอบข้างต้องตกเป็นรอง

“และเขาไม่ปฏิเสธคำเชิญอย่างไร้มารยาทแบบคุณ” อย่างลืมตัว หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมาทันที เจ้าของดวงตาสีฟ้ากำลังมองเธอด้วยสายตาที่เหมือนกำลังจะตะครุบเหยื่อ ใช่แน่แล้วเขาคือ อีริค แอนเดอร์สัน

“ฉันปฏิเสธคำเชิญอย่างไร้มารยาท เพราะคนเชิญก็ไม่มีมารยาทพอกัน” เสียงหวานๆ เปล่งออกมาอย่างพยายามข่มความโกรธเอาไว้ ดวงตาคู่สวยจ้องกลับเขาอย่างไม่ลดละจึงทำให้ได้เห็นความวาวโรจน์จากดวงตาคู่นั้น มือที่แตะอยู่ที่เอวกดกระชับเข้ามาแนบขึ้นจนจิรายุต้องวาดแขนตัวเองมาขวางกั้นระหว่างตัวเธอกับเขาเอาไว้

“ไม่มีมารยาทตรงไหน คนสวยๆ แบบนี้ เห็นแล้วจะมองผ่านไปเฉยๆ คงเสียดายแย่ สู้มาทำความรู้จักกัน มีความสุขด้วยกันจะดีกว่า” จิรายุรู้สึกว่าข้างในกำลังจะระเบิดเป็นเสี่ยงๆ ไม่รู้ว่าเพราะโกรธจัดหรือเพราะพลังคุกคามของเขากันแน่ รู้สึกว่าความสวยนำความซวยมาสู่ตัวเองก็ตอนนี้

“ขอโทษนะคะ ฉันต้องกลับเข้างาน กรุณาปล่อย” ควบคุมอารมณ์ก่อนเปล่งเสียงออกมา เปล่าประโยชน์แน่ๆ ถ้าจะสนทนากับเขา สู้ตัดบทไปเลยน่าจะดีกว่า

“ปฏิเสธผมเป็นครั้งที่สองแล้วนะ ไม่คิดว่ามากเกินไปหน่อยเหรอ” แม้จะเหมือนไม่จริงจัง แต่ดวงตาสีฟ้าที่แทบจะเปลี่ยนเป็นสีเพลิงนั่นต่างหากที่ทำให้จิรายุรู้ว่าเขาจริงจังแค่ไหน

“ฉันไม่มีรสนิยมสบตากับผู้ชายแล้วก็พากันไปนอน ถ้าคุณหรือใครจะมีรสนิยมแบบนั้นฉันก็ไม่ว่า แต่ช่วยไปหาคนที่มีรสนิยมตรงกัน ฉันขอตัว” หญิงสาวพยายามเบี่ยงตัวออกมาอย่างแรงเพื่อให้หลุดพ้นจากพันธนาการนั้น แต่คนที่ตัวใหญ่กว่าเธอมากมายอย่างเขากลับไม่สะดุ้งสะเทือน

“ต้องการเวลานานแค่ไหนเหรอ ถึงจะเก็บผ้าเก็บผ่อนตามผมได้” จิรายุรวบรวมแรงทั้งหมดที่มีก่อนจะสะบัดตัวออกมาจากเขาได้สำเร็จก่อนจะหันหน้าเพื่อวิ่งออกไปจากตรงนั้น แต่ก็ยังช้ากว่าอีริค ชายหนุ่มคว้าข้อมือของหญิงสาวไว้ได้ก่อนจะกระตุกเธอกลับเข้ามาในอ้อมกอดอีกครั้ง

มือใหญ่ตะปบเข้าที่สองข้างแก้มของหญิงสาวก่อนจะก้มลงประกบปากลงไปบนปากบางที่กำลังเผยอขึ้นเพื่อจะบริภาษเขา

“อุ๊บ...” เพราะตกใจหญิงสาวจึงไม่ได้ดิ้นรนหนี จนกระทั่งชายหนุ่มยอมถอนริมฝีปากออกมาในที่สุด จิรายุหอบจนตัวโยน มือข้างขวายกขึ้นกุมอกด้านซ้ายไว้แน่น กลัวเหลือเกินว่าหัวใจมันจะหลุดออกมานอกอก ตาคู่สวยตวัดมองใบหน้าของคนที่กระทำหยาบคายกับเธอด้วยความโกรธจัด

“เป็นยังไงบ้าง ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นไหมครับ” อีริคถอยไปยืนห่างจากหญิงสาวเล็กน้อย มือทั้งสองข้างซุกลงในกระเป๋ากางเกงอย่างสบายอารมณ์

“ค่ะง่ายมาก ลาขาดเลยนะคะ” จิรายุหมุนตัวจากไปอย่างรวดเร็ว อีริคไม่เพียงแต่ตกใจในคำตอบ เขายังตกใจกับดวงตาคู่โตที่ดูตัดพ้อ พร้อมกับน้ำใสๆ ที่เอ่อขึ้นมา

จิรายุไม่อยากกลับเข้าไปเจอชนมนในห้องจัดเลี้ยงในสภาพแบบนี้เลย แต่เธอก็กลัวเกินกว่าที่จะไปยืนรอคนเดียวด้านนอก อันตรายแบบเมื่อครู่อาจจะมาเยือนเธออีก

“พี่ไผ่คะ คุณพิงเพิ่งโทรมาบอกว่าเดี๋ยวเจอกันที่หน้าห้องจัดเลี้ยงงานโน้นได้เลยค่ะ งานฝั่งนั้นก็เลิกพอดีเหมือนกัน แจนจะไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ”

“เอ่อ...พี่จะรอในนี้นะ แจนเสร็จแล้วเข้ามาเรียกพี่ได้ไหม” แม้จะงงๆ กับการต้องเดินวกไปวนมา แต่ชนมนก็ไม่ขัดข้อง พยักหน้ารับแต่โดยดี จิรายุทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ คนในโต๊ะทยอยกลับไปเกือบหมดแล้ว ที่เหลือก็ไม่มีใครสังเกตว่าเธออยู่ในสภาพที่ไม่ปกติสักเท่าไหร่

เมื่อชนมนเดินเข้ามาตามเธอ จิรายุจึงสูดลมหายใจลึกๆ อีกครั้ง หวังว่าเธอจะไม่เจอใครอยู่ตรงหน้างาน การผจญภัยของเธอวันนี้น่าจะสิ้นสุดเสียที แต่เหมือนโชคชะตาจะไม่เข้าข้าง ร่างสูงของพิธานกำลังยืนคุยอยู่กับพี่ชายของเจ้าบ่าว คู่กรณีของเธอ แม้เขาจะหันหลังให้แต่เธอก็จำเขาได้ในทันที อยากเหลือเกินที่ยืนหลบอยู่ตรงนี้แล้วรอให้พิธานเสร็จเรื่องเสียก่อน

ชนมนกระตุกมือจิรายุให้เดินเข้าไปที่พิธานเมื่อชายหนุ่มหันมาเห็นและกวักมือเรียก จิรายุแทบอยากจะทิ้งตัวลงไปกับพื้น แต่มันช้าไปเสียแล้วเมื่ออีริคหันมามองตามทิศทางที่พิธานกำลังมองอยู่ ริมฝีปากสีชมพูของเขาหยักยิ้มขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อเห็นว่ามีใครบางคนเดินมาด้วย

“นี่ชนมนครับ ภรรยาของผม” อีริคยืนมือไปสัมผัสทักทาย แอบส่งสายตาไปยังหญิงสาวในชุดเหลืองทองด้านหลัง ตาสีฟ้าๆ คู่นั้นกำลังไหวระริกเมื่อเห็นอาการอึดอัดของจิรายุ

“แล้วนี่คุณจิรายุเป็นเพื่อนอาจารย์ของภรรยาผมครับ” อีริคเลิกคิ้วขณะยืนมือไปสัมผัสมือนุ่มๆ ของจิรายุ

“อาจารย์หรือครับ” สาวสวยสองคนนี้นะหรือเป็นอาจารย์

“ครับ แจนกับคุณไผ่เป็นอาจารย์ภาควิชาเคมีในมหาวิทยาลัยครับ” มือนุ่มที่ยังตกอยู่ในอุ้งมือใหญ่กระชากออกทันทีเมื่อเห็นรอยยิ้มเยาะแบบแปลกๆ ของเขา

“เราไปดื่มอะไรกันก่อนไหมครับ” พิธานเข้าใจการชวนของอีริค เพราะเมื่อครู่เขาคุยค้างเรื่องงานกับอีริคไว้ก่อนที่ชนมนกับจิรายุจะมาถึง จะเป็นการดีถ้าได้พูดคุยกันต่อ ชายหนุ่มหันไปมองภรรยาของตัวเองอย่างขอความเห็น

“แจนได้อยู่แล้วค่ะ ว่าแต่พี่ไผ่สะดวกมั้ยคะ” จิรายุส่งยิ้มบางๆ ไปให้ เธอจะไม่สะดวกได้อย่างไรเล่า ถ้าตอบอย่างนั้นพิธานกับชนมนคงไม่รีรอที่จะไปส่งเธอ และมันคงจะรู้สึกแย่มากที่เธอเป็นคนทำลายความสัมพันธ์ทางธุรกิจของเขา

“สะดวกค่ะ” รอยยิ้มสมใจปรากฏขึ้นที่มุมปากของอีริคอีกครั้งก่อนที่เขาจะเชิญทั้งสามไปที่คอฟฟี่ชอปของโรงแรม จิรายุพยายามพาตัวเองให้ออกห่างเขาอย่างมากที่สุดเท่าที่โอกาสจะอำนวย
............................................................................................................................................




 

Create Date : 16 กันยายน 2555
3 comments
Last Update : 16 กันยายน 2555 19:39:50 น.
Counter : 1505 Pageviews.

 

สวัสดีค่ะ ชาวบล็อกที่น่ารักทุกท่าน เอานิยายเรื่องใหม่มาลงให้อ่านกัน ลงชื่อให้กำลังใจติชมกันได้นะคะ

 

โดย: แลนซ์ลอท 16 กันยายน 2555 19:42:24 น.  

 

ว้าว เรื่องใหม่มาแล้ว
มาลงชื่อติดตามด้วยคนค้า

 

โดย: aey IP: 124.109.31.10 17 กันยายน 2555 12:07:40 น.  

 

ขอบคุณนะคะคุณเอ๋

 

โดย: แลนซ์ลอท 17 กันยายน 2555 22:59:21 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


แลนซ์ลอท
Location :
Lund Sweden

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




free glitter text and family website at FamilyLobby.com
Friends' blogs
[Add แลนซ์ลอท's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.