"Be the change you want to see in the world." - महात्मा (Mahatma Gandhi)

จอมเยอะเล่า
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




สิ่งที่น่านับถือในจอมยุทธ์หาใช่วิทยายุทธไม่
Group Blog
 
 
กันยายน 2554
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
20 กันยายน 2554
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add จอมเยอะเล่า's blog to your web]
Links
 

 
แฟนเลิก - ทวิบทของการเกรงใจ : Being nice dilemma

แฟนเลิก - ทวิบทของการเกรงใจ : Being nice dilemma

วันนี้ผมพึ่งอ่านอีเมลล์ที่แฟนบอกเลิก
...
...
และ ผมมีความสุขมากๆ ฮู้หู้ ....

เฮ้อ เกรงใจ กันอยู่ตั้งนาน

จริงๆ แล้วมันก็เงียบๆมาก่อนแล้ว
และก่อนเงียบ มันก็แย่ๆมาก่อนแล้ว

และอนาคตร่วมกันก็ยังมีปัญหา

ผมเอง ผมก็รู้ว่า ชีวิตผมต่อจากนี้จะดีกว่า ถ้าเลิก
แต่ก็รู้สึกเป็นหนี้บุญคุณแฟน ก็เลยยังไงก็ต้องทน

ส่วนแฟนผม ทีแรกก็ไม่มีทีท่าอะไรเลยว่าจะเลิก อยู่ๆก็ค่อยๆสนใจผมน้อยลง คุยกันก็สนใจอย่างอื่นมากกว่า จนผมก็รู้สึกเซ็ง พอผมเซ็ง เธอก็ยิ่งเซ็ง
ตอนหลังเธอยุ่ง เลยไม่ค่อยได้คุยกัน ผมก็รู้สึกสบายดี แต่อีกส่วนก็รู้สึกผิด เลยพยายามติดต่อไปบ้่าง แต่ผลตอบกลับก็เป็นแบบแห้งๆ

ทีแรกก็ว่า จะอยู่อย่างนี้ไปเรื่อยๆ เกรงใจเธอ ไม่อยากบอกเลิกเธอ ไม่อยากทำให้เธอรู้สึกผิด หรือ ไม่อยากทำให้เธอรู้สึกว่าผมโทษเธอที่ทำให้เราเลิกกัน

แต่เมื่อวานไปอ่านเรื่อง Nice Guy Syndrome (สนใจดูลิงค์ท้ายเรื่องได้ครับ)
แล้วเขาบอกว่า "ผู้หญิงโดยปกติจะถูกดึงดูดด้วย ลักษณะความมั่นคงทางด้านจิตใจ ฐานะ และความเป็นตัวของตัวเองของเพศตรงข้าม"
แล้วก็อ่านดูชะตากรรมของ nice guys ทั้งหลาย แล้วก็มาคิดว่า ถ้าโดยจิตใต้สำนึกแล้ว ผู้หญิงชอบผู้ชายที่เป็นตัวของตัวเอง เพราะงั้นถ้าผมถามตรงๆ ถึงแม้ข้างนอกเธออาจจะโกรธผม แต่ข้างในจิตใต้สำนึกแล้ว ผมมีโอกาสดีขึ้นแน่นอน
สรุปว่า อยู่ไปเฉยๆ ยิ่งทำให้เธอมั่นใจว่า ผมไม่เอาไหน จะโดยสำนึก หรือ ใต้สำนึกก็แล้วแต่
ถามไปเลย ถ้าเธอยังมีใจอยู่บ้าง จิตใต้สำนึกของเธอจะรู้สึกดีขึ้นกับผม แล้วเธอก็จะมากลับมาเอง
ถ้าเธอไม่มีใจ ผมก็จะได้รู้เลย จะได้สบายใจ ไม่ต้องคาราคาซัง ไม่ต้องรู้สึกผิด

แล้วผมก็ถามตัวเองจริงๆว่า คิดว่าแฟนผมยังรักผมอยู่มั้ย
ความรู้สึกผม ตอบได้เลยว่า ไม่แล้ว
แต่ ผมมันชอบหลักฐาน (ความรู้สึก เราหลอกตัวเองได้ หลักฐานหลอกตัวเองได้ยากกว่า)
ดูซิว่าหลักฐานมีอะไรบ้าง ทบทวนพฤติกรรมช่วงหลังนี้:
* หาเรื่องหลีกเลี่ยงผมตลอด
* ถามคำตอบคำ เหมือนไม่อยากคุย
* เวลาคุยด้วยเหมือนหงุดหงิด แม้จะไม่ได้คุยกันเป็นเดือน โทรไปคุยด้วยก็ไม่มีท่าทีดีใจเลย

จากประสบการณ์ของผม ถ้าไปจีบผู้หญิงคนไหนแล้ว เจออาการแบบนี้ ถอยได้เลย เสียเวลาเปล่า ไม่สำเร็จหรอก
ถึงแม้จะสำเร็จได้ ก็จะแค่ชั่วคราว เพื่อนผมที่เชื่อสูตร ความพยายามที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั้น เคยทำ"สำเร็จ" โดยใช้ความพยายามอย่างสูงตลอดหนึ่งปี แล้วก็เป็นแฟนกันได้อีกหนึ่งปีต่อจากนั้น ก่อนที่สุดท้ายก็เลิกกันไป
สรุปว่า ยังไม่เคยมีใครทำสำเร็จจริงๆเลย (อย่างน้อย ต้องให้อยู่กันได้ถึง 7 ปึ ผมถึงถือว่าสำเร็จจริงๆ)

และผมก็สังเกตุว่า เธอไม่มีการพูดถึงผมเลย เวลาคุยกับเพื่อน

ผมก็พอรู้แล้วหละว่าใจเธอ ไม่มีผมแล้ว
แต่ที่ไม่รู้คือ เธอยังมีความหวังกับผมหรือเปล่า (คนบางคนอยู่ได้ด้วยความหวัง)
ถ้าเธอยังมีความหวังกับผมอยู่ เรื่องใจก็อาจจะฟื้นฟูกันได้
ก็รอต่อมาจนได้มาอ่านเรื่อง nice guy syndrome นี้หละครับ
เลยสรุปว่า
ถามเลย เพิ่มโอกาสกลับมา
หรือ ถ้าเกินเยียวยาแล้วก็จะได้รู้เลย ไม่คาราคาซัง จะได้สบายใจ

แต่จะถามส่วนหนึ่งก็กลัวว่า จะทำให้เธอน้อยใจ หาว่าผมจะหาเรื่องเลิกกับเธอ ... เมื่อหลายปีก่อน ผมเคยจะขอเลิกกับเธอทีแล้ว ร้องไห้ใหญ่เลย ถามเหตุผลมากมาย ... จำไว้นะครับ เลิก คือ เลิก
เหตุผลของการเลิกคือเลิก พอแล้ว
อย่าให้เหตุผลใดๆ ถ้าคุณอยากเลิกจริงๆ
อย่าให้เหตุผล เพราะมันจะเป็นจุดที่เธอ จะใช้ต่อสู้ ยื้อต่อไปได้
(You have right to remain silence. What you say can be used against you...)

แต่สุดท้าย ก็ถามไปทีเล่นทีจริง กะว่าถ้ายังมีใจ เธอก็จะแหย่ผมกลับมา
ถ้าไม่มีใจแล้ว นี่ซิที่ผมเดาไม่ออกว่า จะเป็นยังไง
จะโกรธหาเรื่องผม แล้วก็เลิกกันอยู่ดี ... (เลิก แบบโกรธกัน)
หรือ จะบอกตรงๆ (ทางเลือก ที่ดีที่สุดนะ ผมว่า)
หรือ จะยังเกรงใจ ไม่กล้าบอกอีก อ้อมๆค้อมๆ (ทางเลือกที่เฮงซวยที่สุด)

ปรากฎว่า เธอเป็นผู้เข้มแข็งจริงๆ สมกับที่ผมชื่นชม
เธอ ตอบมาตรงๆ

เธอ เป็นอิสระ
ผม เป็นอิสระ

น่าจะราวๆ 2-3 เดือนที่ใช้เวลาปิดเรื่องคาราคาซังได้

จริงๆ ผมว่าเธอก็คงอยากบอกเลิกผมอยู่พักหนึ่งแล้ว ผมจะได้เลิกกวนเธอซะที
ผมเอง ก็อยากให้เธอบอกเลิกผมซะที ผมจะได้ไม่ต้องรู้สึกผิด ที่ไม่ได้พยายามติดต่อเธอ
เกรงใจ กันมา เกรงใจ กันไป เฮ้อ เสียเวลาทั้งคู่ เสียพลังงานทั้งสองคน

เสียดายน่ะเสียดายแน่ ผู้หญิงฉลาด เข้มแข็ง แบบอดีตแฟนผมนี้ไม่ใช่เจอง่ายๆ (ถึงเจอ ก็ไม่ใช่ว่า เธอจะสนผม)
แต่ ไม่ว่าคนๆนั้นจะดีแค่ไหน การอยู่ในความสัมพันธ์ห่วยๆมีแต่โทษ มีแต่เป็นพิษกับตัวเอง

ยาแก้ความส้มพันธ์ห่วยๆนะเหรอ ใช้สองอย่าง 1. ยอมรับความจริง 2. ความกล้า

"The truth will set you free." - James A. Garfield

ฟู้ ... รอดไปอีกวิกฤตการณ์

เมตตา ปัญญา ความกล้า พลัง มีแก่ทุกท่านครับ
ขอบคุณครับ

free counters
Free counters

=== ลิงค์ท้ายเรื่อง ===
* nice guy syndrome
* Nice guy on wikipedia
* อาการดีเกินไป วิกิพีเดีย



Create Date : 20 กันยายน 2554
Last Update : 21 กันยายน 2554 9:27:36 น. 1 comments
Counter : 910 Pageviews.

 
ทักทายค่ะ แวะเข้ามาอ่าน
ได้อ่านเนื้อความที่คุณอ้างถึง เหมือนมันจะช่วยเราคลี่คล้ายบางเรื่องไปได้
แต่ก็ยังงว่ามันจะช่วยได้ยังไง
"สับสนในตัวเองวุ้ย"


โดย: เจ็บแต่ตอนหายใจ วันที่: 20 กันยายน 2554 เวลา:15:12:30 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.