"Be the change you want to see in the world." - महात्मा (Mahatma Gandhi)

จอมเยอะเล่า
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




สิ่งที่น่านับถือในจอมยุทธ์หาใช่วิทยายุทธไม่
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2555
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
26272829 
 
12 กุมภาพันธ์ 2555
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add จอมเยอะเล่า's blog to your web]
Links
 

 
หมาที่รอดในป่ามีแต่หมาป่า: ธุรกิจของพ่อ กับ เส้นทางของผม

เฮ้อ ... ดูเหมือนพ่อผม ยังไม่ยอมรับว่า ผมไม่เหมาะกับธุรกิจของพ่อ ... ซึ่งสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับทุกคนคือ พ่อควรจะขายธุรกิจออกไปซะ แล้วพ่อก็จะได้เกษียณไปทำสวนที่อยากทำ ไม่ต้องมากังวล และ มาหวังลมๆแล้งๆกับผม

ผมไม่ใช่เด็กอายุสิบแปดที่อยู่ในโลกของความเพ้อฝัน
ผมเกือบสี่สิบแล้ว ทำงานมาก็หลายปีหลายที่รวมทั้งไปทดลองทำงานกับธุรกิจของพ่อมาแล้วด้วย

ซึ่งที่ผมมั่นใจว่าผมไม่ทำ เพราะผมลองแล้ว และผมรู้ว่า ...
ผมไม่ถนัด ... ผมไม่ชอบ ... นิสัยผมไม่เข้ากับธรรมชาติของธุรกิจ ...
พื้นฐานที่สุดของคนกับงาน (หรือแม้แต่คนกับอะไรก็ตาม)

พ่อไม่เคยเข้าใจเลย ... พ่อคิดแต่ว่า ผมทำได้ คนเราเปลี่ยนกันได้ ทำๆไปเดี๋ยวก็ชอบ (ฟังดูเหมือนคลุมถุงชนยังไง ไม่รู้)

ทำได้หรือเปล่า บอกตามตรงผมไม่รู้
รู้แต่ว่าถ้าจะทำให้ได้ ก็ต้องทุบผมทิ้งแล้วสร้างขึ้นมาใหม่ ... แต่ประเด็นคือ ผมปัจจุบันมันไม่มีค่าเลยเหรอ ถึงจะต้องทุบทิ้ง

ผมไม่เข้าใจเลยว่า พ่อทำธุรกิจเพื่อครอบคร้ว หรือ พ่อมีครอบครัวเพื่อทำธุรกิจ

ถ้าทำธุรกิจเพื่อครอบครัว ... ถ้ามันไม่เหมาะกับครอบคร้ว แล้วพ่อไม่อยากทำแล้วก็หยุดซิ ... ขายซิถ้าขายได้ ... ถ้าขายไม่ได้ อาจจะแปลว่า ธุรกิจมันยังไม่น่าสนใจพอเลย ... ถ้าอย่างนั้นจะให้ผมไปทำทำไม

เราทำงานเพื่อเลี้ยงชีวิต ไม่ได้มีชีวิตเพื่อทำงาน ... ผมเองไม่แน่ใจว่า ใครกันแน่ที่สับสน

อยากจะรวย อยากจะดัง ... ใช่ตอนเป็นเด็กๆ มันก็คิดเหมือนกันนะหละ แต่พอโตแล้ว ก็ได้คิด ได้บทเรียน ได้เข้าใจถึง ชีวิต คุณค่า หลักการ และ ตระหนักถึงสิ่งที่เราต้องการจริงๆ

ผมแค่ต้องการมีชีวิตที่ดี ผมแค่ต้องการมีความสุข
ผมเป็น introvert ผมชอบอยู่สงบๆ
... งานของพ่อ พ่อเลือกมาเข้ากับนิสัยพ่อ ... มันไม่ได้เข้ากับนิสัยผม ... มันเข้ากับความถนัดพ่อ ไม่ใช่ความถนัดผม ... พ่อก็พูดแต่เรื่องเงินๆ ว่าจะมีอะไรดีกว่าทำธุรกิจตัวเอง พ่อไม่พูดถึงชีวิตเลย ว่าพ่อเครียดขนาดไหน ผมเบื่อขนาดไหน ที่ตื่นเช้ามาพ่อกับแม่ก็ทะเลาะกันแต่เช้า

รวยๆๆๆ เมื่อไหร่ ถึงเรียกว่า รวย
บอกตามตรง มีช่วงหนึ่ง ผมเซ็งกับไอ้ความอยากรวยมาก เซ็งจนพอเข้าไปร้านหนังสือ เดินผ่านช่วงที่มันขายหนังสือวิธีรวยๆทั้งหลาย ผมรู้สึกหัวหมุนโลกหมุนเลย

ผมทำงานกับธุรกิจของพ่อ ผมแทบจะหัวเราะไม่เป็นเลย บอกตามตรงเลยช่วงนั้นผมอยากเป็นไมเกรนตายไปเลย มันเครียดมาก ทรมานมาก

ผมแค่สงสัยว่าถ้ารวยล้นฟ้า แล้วจะทำอะไร ... ชีวิตเรายังไม่จบนะ หนังไม่ได้จบ ... เรายังต้องมีชีวิตต่อ ... ถ้าเป็นพ่อ พ่ออาจจะเดินสายกินเลี้ยง ให้สัมภาษณ์ คุยโม้ไปเรื่อย

ผมไม่ชอบกินเลี้ยง ผมไม่ชอบงานสังคม ผมเป็น introvert

ผมคิดดูว่า ผมจะทำอะไรถ้าผมรวยล้นฟ้าแล้ว ผมก็จะแค่หางานธรรมดาๆทำ งานที่ผมทำแล้วผมรู้สึกว่าผมได้ทำอะไรที่มีคุณค่า
ซึ่งจริงๆแล้วก็คืองานที่ผมทำอยู่ปัจจุบัน ซึ่งผมไม่จำเป็นต้องรวยเลย ผมก็ทำมันอยู่ อยู่แล้ว

แล้วจะให้ผมเลิกงานที่ผมทำแล้วมีความสุข ไปทรมานทำธุรกิจเพื่อจะได้รวย (ซึ่งก็ไม่รู้จะรวยหรือเปล่า เห็นพ่อทำมาสิบกว่าปี ก็เห็นมีแต่ฝันว่าจะรวย) แล้วพอรวยแล้ว ผมค่อยกลับมาทำงานที่ผมชอบ ... ผมไม่เข้าใจ

ผมอยู่ในที่ที่ผมชอบอยู่แล้ว ผมทำงานในสิ่งที่ผมชอบอยู่แล้ว
เงินเดือนผมอาจจะไม่โก้ ที่จะเอาไปโม้กับคนเงินเดือนเป็นแสน แต่ผมก็ไม่ชอบอะไรฟู่ฟ่าอยู่แล้ว ผมเงินเดือนน้อย แต่ผมก็ใช้น้อย มันก็พอแถมมีเหลือเก็บด้วย แค่ไม่มีเอาไปอวดชาวบ้าน ซึ่งผมก็ไม่ชอบอวดอยู่แล้ว แถมบอกตามตรงผมรำคาญไอ้พวกชอบอวดด้วย

ผมไม่เข้าใจว่าพ่อจะมาดึงผมไปวิ่งไล่อากาศของพ่อทำไม
พ่อเองยังไม่แน่ใจเลยด้วยซ้ำว่าธุรกิจของพ่ออีกห้าปีข้างหน้า มันจะไปยังไง

ผมมีเส้นทางที่ดี ที่ชัดเจน ที่ชอบ ที่ถนัด ที่เข้ากับนิสัย ที่เข้ากับคุณค่าและหลักการของผม อยู่แล้ว

เส้นทางของพ่อมันเองยังไม่ลงตัวเลยด้วยซ้ำ หลักการของธุรกิจก็ขุ่นคลั่กมองแทบไม่เห็น นอกจากเงินและชื่อเสียง ซึ่งพูดตามตรง ผมว่าถ้าได้มาจริงก็มีแต่จะถม ego ของพ่อให้สูงขึ้นไปอีก

ผมไม่ได้อยากว่าพ่อนะครับ ผมรักพ่อ ผมนับถือที่พ่อสร้างธุรกิจขึ้นมาได้ แต่ผมอึดอัด กับสิ่งที่พ่อจะยัดเยียดให้ผม

เรานิสัยต่างกัน มุมมองของโลกต่างกัน ทัศนคติต่างกัน คุณค่าที่เชื่อถือต่างกัน หลักการที่ยึดมั่นต่างกัน

ผมรักพ่อ ผมเป็นลูกพ่อ แต่ผมไม่ใช่โคลนของพ่อ
ไม่ใช่ที่ที่พ่อจะมาสิงเพื่อใช้ชีวิตของพ่อต่อในร่างของผม
พ่ออยากดังเหมือนกลุ่มเซ็นทรัล ... พ่อยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าชีวิตจริงๆเขาเป็นยังไง

เวลาพ่อก็ไปคุยกับคนอื่น พ่อก็ใส่หน้าร่าเริง เวลาอยู่กับคนในบ้านพ่อก็มีแต่หงุดหงิดอารมณ์เสีย

ผมไม่รู้ว่าใครเป็นยังไง แต่สมมติว่า คนที่ต้องสวมหน้าออกสังคม ถ้าไม่โครตเหลืออดจริงๆ ยังไงเขาก็ต้องเอาหน้าร่าเริงออก ... เราไม่รู้หรอกว่าจริงๆเป็นยังไง

พ่อได้ใช้ชีวิตแบบที่พ่ออยากมี อยากจะใช้แล้ว ... พ่ออยากทำบริษัทใหญ่ พ่อก็ทำแล้ว ... พ่ออยากมีธุรกิจของตัวเอง ก็มีแล้ว ... พ่อมีเบนซ์ขับ ก็มีแล้ว ... พ่ออยากมีสวน ก็มีแล้ว ...

ผม แค่อยากมีชีวิตของผม ... ชีวิตที่ดี และ มีความสุข
... ชีวิตที่ไม่ต้องคอยรับ คอยคุยโทรศัพท์ ทั้งวัน ... ชีวิตที่ไม่ต้องเครียดตั้งแต่เช้าจรดเย็น 7 วันต่อสัปดาห์ ... ชีวิตที่ไม่ต้องคอยหาคนมาแทนที่คนที่ลาออกไป ... ชีวิตที่ไม่ต้องคอยจัดการกับพนักงานขี้โกงเป็นงานประจำ ... ที่ไม่ต้องคอยจัดการลูกค้าเบี้ยวจ่ายเงิน ... ที่ไม่ต้องคอยแย่งซัพพลายเออร์กับบริษัทอื่น หรือ ไม่ต้องทำยอดเพื่อรักษาซัพพลายเออร์ ... ชีวิตที่ไม่ต้องถูกขับเคลื่อนจากกระแสความโลภเข้มข้นรอบทิศ

ชีวิตธุรกิจ ... ทุกคนเรียกร้องหมด ... เซลส์ ก็อยากได้นั่นอยากได้นี่ เรียกร้องๆ ... ลูกค้าก็จะเอาของถูกลง ... เอาจัดเที่ยว ... เอาบริการนู้นนี่ ... ซัพพลายเออร์จะมีแต่ขยับเป้าขึ้นไปเรื่อยๆ
บางคนชอบว่ามันท้าทายดี

ผมไม่ชอบ แวดล้อมตัวเองอยู่กับคนพวกนี้

ผม ไม่ใช่คนดี ไม่เคยแอบอ้างว่าเป็น แต่ผมไม่อยากทุบตัวเองทิ้ง เพื่อเป็นคนใหม่ที่สามารถทำธุรกิจของพ่อได้

เส้นทางที่พ่ออยากให้ผมเดิน ผมไม่รู้หรอกว่า ผมจะเดินไปได้มั้ย แต่ผมรู้แน่ๆอย่างชัดเจนว่า ผมไม่อยากเดิน

"หมาที่รอดในป่าได้มีแต่หมาป่า. ถ้าหมาบ้านมันหลงไปในป่า มีแค่สองทางที่มันจะรอด คือ (1) เปลี่ยนตัวเองเป็นหมาป่า หรือ (2) หาทางออกจากป่ากลับไปอยู่บ้าน"

ผมแค่ไม่อยากเป็นหมาป่า


Create Date : 12 กุมภาพันธ์ 2555
Last Update : 3 มีนาคม 2555 10:37:11 น. 1 comments
Counter : 817 Pageviews.

 
อ่านแร้ว มันเหมือน ความจริงในใจของเรา ทีีต้องการบอกพ่ออ่ะค่ะ


อ่านไป น้ำตาไหลพรากเรย


โดย: xLUKANAx (AN.OIIXz ) วันที่: 1 มีนาคม 2555 เวลา:3:09:49 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.