Cuba: คิวบา ครึ่งศตวรรษหลังบันทึกมอเตอร์ไซค์
ครึ่งศตวรรษหลังบันทึกมอเตอร์ไซค์ (Half Century After The Motorcycle Diaries) The Motorcycle Diaries เรื่องของนักศึกษาแพทย์ชาวอาร์เจนตินาชวนเพื่อนขี่มอเตอร์ไซค์เที่ยวอเมริกาใต้ด้วยกัน เห็นทิวทัศน์ พบปะผู้คนต่างๆ เกิดความสงสารและอยากช่วยเหลือ จนสุดท้ายนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง ... ฟังดูเหมือนดี แต่ถ้าภาพที่มองโลกไม่ถูก ถึงความตั้งใจดี ก็ไม่ช่วย ... นักศึกษาแพทย์คนนั้น คือ เอร์เนสโต้ กีวาร่า หรือรู้จักกันในชื่อ เช กีวาร่า นักปฏิวัติ ที่เป็นแกนนำสำคัญในการปฏิวัติคิวบา
ด้วยความเคารพ ผมเชื่อว่า เชทำด้วยความตั้งใจดีจริงๆ แต่เมื่อภาพที่มองโลกมันผิด สิ่งที่ได้ ... ผมว่า เชโชคดีแล้ว ที่ตายไปก่อนจะได้มาเห็นคิวบาในปัจจุบัน สิ่งที่เชทำและคิดว่าช่วยประชาชน ผมไม่เคยเห็นคิวบาก่อนการปฏิวัติ แต่คิวบาที่ผมเห็นปัจจุบัน คิวบาจริงๆนะ คิวบาที่ไม่ได้เคลือบน้ำตาล ไม่ใช่คิวบาที่รายการพื้นที่ชีวิตไปถ่าย แล้วบอกว่าคนคิวบามีความสุข ถ่ายมามีแต่คนร้องเพลงเต้นรำ ไม่ใช่คิวบาที่โคนันโอไบรอันไปถ่ายแล้วมีแต่เสียงเพลงสนุกสนาน
คาร์ลอส กับ โรซี่ (หลานสาว)
คิวบาจริงๆ ... คิวบาที่เศรษฐกิจล้มเหลว คิวบาที่คนไม่มีเงิน คิวบาที่แม้จะมีเงินก็ต้องต่อแถวยาวเหยียดเพื่อจะไปกินร้านอาหารดีๆ คิวบาที่คนอยากเรียนภาษาอังกฤษมากๆ เพราะนักท่องเที่ยวคือแหล่งรายได้ที่ดีที่สุดเท่าที่คนธรรมดาจะเข้าถึงได้
ราวๆครึ่งศตวรรษหลัง La Revolucion หรือ การปฏิวัติคิวบา ที่สำเร็จเมื่อปี 1959 แม้ผมจะไม่ใช่นักเศรษฐศาสตร์ แต่ผมบอกได้เลยว่า คิวบาปัจจุบันอยู่ในสภาพเศรษฐกิจล้มเหลว ครูออกมาหลอกรีดไถ่เงินนักท่องเที่ยว นักเทคนิคในโรงพยาบาลออกมาขี่จักรยานให้นักท่องเที่ยวแล้วถามว่าอยากได้ผู้หญิงมั้ย พนักงานโรงงานซิการ์คะยั้นคะยอพยายามจะขายซิก้ากับนักท่องเที่ยว พนักงานพิพิธภัณฑ์ของขอทิปจากนักท่องเที่ยวแบบที่ผมไม่เคยเจอมาก่อน เด็กผู้หญิงก็พยายามขายกับนักท่องเที่ยว ... คนคิวบาจะอยากเรียนภาษาอังกฤษมาก นักท่องเที่ยวเป็นแหล่งรายได้ที่ดีที่สุดแล้ว สำหรับคนคิวบา นอกจากนั้น ถ้าเป็นผู้หญิง การพูดภาษาอังกฤษได้ นอกจากจะเป็นช่องทางหารายได้ที่ดีแล้ว ยังอาจเป็นช่องทางที่จะได้ออกจากคิวบาด้วย ถ้าเกิดได้แต่งงาน ซึ่งก็มีบ่อยๆ (ผู้หญิงคิวบาสวย)
ทำไมต้องออกหละ ไหนว่าดี ... ไหนโฆษณาว่า คิวบาไม่มีอาชญากรรม ไม่มียาเสพติด ไม่มีมาเฟีย เรียนก็ฟรี เข้าโรงพยาบาลก็ฟรี เพื่อนผม คาร์ลอส อาจารย์สอนฟิสิกส์ ทำงานหนึ่งวันได้ค่าจ้าง 12 cup หรือ ถ้าคิดเป็นเงินไทยก็ไม่น่าเกิน 20 บาท ข้าวกับไก่ทอด อาหารธรรมดาๆในฮาวานา จานละประมาณ 35 cup น่าจะพอนึกภาพออกนะครับว่ามันบีบคั้นขนาดไหน ถ้าอาหารสำหรับนักท่องเที่ยวจะแพงกว่านี้ และจะใช้เงินอีกสกุล คือ cuc ซึ่ง 1 cuc = 25 cup
บ้านของคาร์ลอสอยู่เมืองโฮกินซึ่งห่างฮาวาน่าไปกว่าเจ็ดร้อยกิโลเมตรทางตะวันออก แต่คาร์ลอสเข้ามาฮาวาน่าเพื่อทำเอกสารต่างๆ คาร์ลอสต้องการเดินทางไปอเมริกา จุดประสงค์จริงๆคือต้องการย้ายไปอยู่อเมริกา ลูกสาวของคาร์ลอสแต่งงานกับคนอเมริกันและทำงานเป็นช่างภาพอยู่ที่ไมอามี่ คาร์ลอสต้องการจะย้ายไปอยู่ไมอามี่ด้วย ไม่ใช่แต่คาร์ลอส หลานสาวของคาร์ลอสก็อยากย้ายออกจากคิวบาเหมือนกัน เธอยังบอกให้ผมพาเธอกลับเมืองไทยด้วย ... อายุผมหารสองยังมากกว่าเธอเลย
เรื่องเรียนฟรี ... ผมมีโอกาสไปเดินเล่นในมหาวิทยาลัยฮาวาน่า มหาวิทยาลัยฮาวาน่าสวยมาก ตึกใหญ่โตมาก ผมเห็นทีแรกนึกว่ารัฐสภาหรือว่าศาลฎีกาใหญ่โตโอฬาร นักศึกษาที่นั้นก็บอกว่า มหาวิทยาลัยฮาวาน่าเป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดอันดับ 2 ในทวีปอเมริกาทั้งเหนือและใต้เลย คือเก่าแก่กว่ามหาวิทยาลันในสหรัฐอเมริกาทั้งหมด เพราะเก่าแก่อันดับหนึ่งอยู่ในเปรู (ตามที่เขาบอกนะ) ฟังดูดี แต่หลังจากเดินเล่นอยู่ในมหาวิทยาลัยได้พักหนึ่ง ผมก็พบลี นักศึกษาจีน ที่เรียนอยู่ที่นั้น พอผมถามลีว่า เป็นยังไงเรียนที่คิวบา อยู่ที่คิวบา เขาแทบจะร้องไห้ออกมา เตะท่อน้ำไป ถุยน้ำลาย ขยี้ซองบุหรี่แล้วทิ้งไปกับพื้น เหมือนเคียดแค้นมาก เขาบอกว่าแต่ละคนก็มีแต่จะเอาเงินจากเขา อาจารย์ก็จะเอาเงินจากเขา เพื่อให้เขาสอบผ่าน
สังคมก็เหมือนบ้าน พอเสาหนึ่งพังที่เหลือก็อยู่ไม่ได้เสาเศรษฐกิจพัง เสาการศึกษา ก็อยู่ไม่ได้ เรื่องรักษาฟรี ผมไม่ได้เข้าไปสำรวจโรงพยาบาลในคิวบานะ แต่เดินๆผ่านร้านขายยาแล้วสังเกตุว่ามียาวางอยู่ไม่มาก ไม่มากทั้งปริมาณและความหลากหลาย ผมเดาว่า ถ้าจะป่วยก็ควรป่วยให้ตรงกับยาที่มีหละกัน
ร้านขายยา ร้านนี้มียาค่อนข้างเยอะ เทียบกับร้านอื่นๆที่ผ่านมา
เรื่องความปลอดภัยนี่ ถึงแม้ถนนหลายๆแห่งจะดูน่ากลัว แต่ก็ยังไม่ได้ยินข่าวอะไร แต่บ้านเขาก็มีทำเหล็กดัดที่ประตูด้วย ผมเดาว่าก็คงไม่ได้ปลอดภัยแบบเปิดบ้านทิ้งไว้ได้หรอก
ครึ่งศตวรรษผ่านไป การได้ไปเห็นชีวิตจริงๆ พบปะผู้คนจริง ยังคงให้มุมมองและช่วยให้เข้าใจ เห็นใจผู้คนได้อยู่ สิ่งที่เชเห็นเมื่อครึ่งศตวรรษที่แล้วอาจจะเป็นการกดขี่เอาเปรียบคนชั้นล่างจากระบบทุนนิยม แต่สิ่งที่ผมเห็นในคิวบา คือการกดขี่ และการทำให้คนไม่มีหนทางที่จะหากินของระบบคอมมิวนิสต์
แต่สิ่งที่เลวร้ายที่สุดจริงๆมันไม่ใช่ระบอบหรอก มันเป็นกิเลสในใจคนต่างหาก กิเลสทั้งจากคนชั้นบน และคนชั้นล่าง ก็ยังคงแข็งแรงอยู่ไม่ว่าจะอยู่ระบอบอะไร
ผมไม่โทษคนคิวบาเลยกับสิ่งที่เขาต้องทำ ผมตอบไม่ได้ด้วยซ้ำว่า มันเกิดจากความโลภ หรือ มันเป็นความจำเป็นเพื่อความอยู่รอด แต่ผมบอกได้อย่างหนึ่งว่า สิ่งที่เลวร้ายที่สุด ไม่ใช่การที่ระบบกดขี่ปิดกั้นไม่ให้คนมีทางสู้ ไม่ใช่การปิดกั้นไม่ให้คนมีทางทำมาหากิน
แต่สิ่งที่แย่สิ่งสุดคือ มันดึงความชั่วในใจคน มันดึงความชั่วในใจทั้งคนชั้นล่าง คนชั้นบน ออกมา มันดึงความชั่วในใจเรา และมันก็ดึงความชั่วในใจผมออกมา นั่นหละสิ่งที่แย่ที่สุด
คิวบาที่ผมเห็นเหมือนฝันร้าย แต่ผมตื่นขึ้นหลังจากสี่วันในฮาวาน่า แต่สำหรับคนคิวบาส่วนใหญ่ พวกเขาไม่รู้จะว่าเขาจะได้ตื่นเมื่อไร
ผมก็ได้แต่หวังว่าสิ่งต่างๆจะดีขึ้น สำหรับคนคิวบา สำหรับทุกๆคน
ขอ เมตตา ปัญญา ความกล้า พลัง มีแก่ทุกท่านครับ ขอบคุณครับ
ผู้หญิงคิวบาจะสวย รูปร่างดี; ผู้หญิงสวย ไม่มีเงิน ส่วนผสมนี้ดึงความชั่วในใจคนออกมาได้ง่ายมากๆ
มหาวิทยาลัยฮาวาน่า
ถ้ามองเข้าไปในซุปเปอร์มาเก็ตจะเห็นสินค้าชนิดเดียววางเต็มชั้น แม้แต่โทรศัพท์มือถือ คนคิวบาทุกคนใช้โทรศัพท์มือถือยี่ห้อ BLU
ไม่ว่าจะอย่างไร ฮาวาน่าก็สวย
Create Date : 17 พฤศจิกายน 2559 |
|
3 comments |
Last Update : 22 พฤศจิกายน 2559 15:17:07 น. |
Counter : 1416 Pageviews. |
|
|
|
และเที่ยวด้วยคนครับ