Alaska: อลาสก้า แดนมหัศจรรย์
“We live in a wonderful world that is full of beauty, charm and adventure. There is no end to the adventures we can have if only we seek them with our eyes open.” - Jawaharial Nehru
ผมไปอลาสก้ามาปีหนึ่งแล้ว นี่ก็พึ่งรวบรวมมาเขียน ... ไปนู้นช่วงปลายสิงหา ต้นกันยา ปี 2008 อยู่นู้นราวๆ 8 วัน แล้วก็เช่ารถขับครับ อลาสก้า นี่ไม่มีรถเองนี่ลำบาก เวลาผมก็มีน้อยครับ แถมโอกาสจะได้ไปอีกรอบนี่ น้อยมากๆ ได้ไปรอบนี้ก็บุญแล้วครับ ค่าเช่ารถ บวกกับ ค่าน้ำมัน นี่ก็เกือบๆครึ่งหนึ่งของค่าใช้จ่ายทั้งหมดของทริปนี้เลยครับ
ส่วน ที่พัก ผมก็อาศัยพัก hostel สลับ กับ กางเต็นท์ เอาครับ มีวันที่พักที่แฟร์แบงส์ มันเป็น hostel แต่ผมได้นอนใน กระโจมแบบอินเดียน (tee-pee)
ตังค์ก็ไม่ค่อยมี ดันทุรังจะไป ก็พยายามประหยัดๆนะครับ
ผม ตั้งต้นจาก แองเกอร์เรจ (Anchorage) แล้วก็ขับลงไป คาบสมุทธคีนาย (Kenai peninsula) ที่นั่นมีพวกสัตว์ทะเล กับ ธารน้ำแข็ง ให้ดูครับ ผมไปนั่งเรือ แพงนะครับราวๆ $140 แต่ได้เห็นสัตว์ทะเลเยอะเลยนะครับ ... พวกนกนี่ ก็มี อินทรีหัวขาว (bald eagle) พัฟฟิน (puffin) แล้วก็ไอ้อื่นๆอีก แล้วสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมนี่ก็เห็นตั้งแต่ ปลาวาฬหลังค่อม (humpback whale), ปลาวาฬเพชรฆาต (orca), แมวน้ำ, สิงโตทะเล, แล้วก็เจ้าตัวเล็กสุด ... ไอ้ ตัว... ออตเตอร์ (sea otter) ครับ
แมว น้ำ กับ สิงโตทะเล ต่างกันยังไง ... รายละเอียดผมจำไม่ได้ แต่ที่จำได้แน่ๆคือ สิงโตทะเลฉลาดกว่า (ทหารเรือ เอามาฝึกใช้งานได้) แล้วคริบของมันแข็งแรงกว่าทำให้มันปีนหินสูงได้ดีกว่า เพราะงั้น ถ้าเห็นตัวที่นอนอาบแดดบนหินสูงๆแล้ว โอกาสน่าจะเป็น สิงโตทะเลมากกว่า
ว่า ถึงเรื่องธารน้ำแข็ง จริงๆแล้วเรือเขาก็ผ่านหลายอันครับ แต่เขาแวะเข้าไปให้ดูใกล้ๆอันเดียว แต่ก็แวะให้นานพอสมควรนะครับได้เห็น น้ำแข็งมันแตกออกมา (glacier carving) ที่เขาว่ากันว่า ภาวะโลกร้อนมันทำให้ ธารน้ำแข็งมันหด ครับ เวลามันแตกออกมาเสียงมันคล้ายฟ้าผ่าเลยครับ
... ผมไปทริปนี้เนี่ย ... เวลามันน้อย เพราะงบประมาณจำกัด จริงๆ มันควรจะเป็น 2 อาทิตย์ ไม่ใช่ 8 วัน ... ผมแทบไม่มีเวลา แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเดินเส้นทางไปดู ลานน้ำแข็งฮาร์ดิง (Harding Ice field) ซึ่งที่แรกก็ตัดใจแล้วว่าจะไม่ไป แต่ดันไปเจอคนที่เขาพึ่งไปมา เขาโม้ให้ฟัง เลยอดใจไม่อยู่ไปจนได้ แต่ออกเดินสายไปเยอะเลย คือ เริ่มตอนเกือบๆทุ่ม ปรากฎว่า ขากลับ ชั่วโมงกว่าๆต้องเดินในความมืด กลัวๆโครตๆ ทั้งร้อนเพลง ทั้งสวดมนต์ ... เวลากลัวๆอย่างนี้นึกถึง แม่ ที่สุดเลย ... ไม่น่าเลยผม ทำอะไรโง่ๆ โชคดีที่ไม่เกิดอะไรร้ายๆขึ้น
ลงใต้ไปแล้ว ผมก็ขับขึ้นเหนือไป อุทธยานแห่งชาติ เดนอลลี (Denali) ยอดเขาที่สูงที่สุดในอเมริกาเหนือ ก็อยู่ในเขตอุทธยานนี้หละครับ ที่ นี่ สัตว์ป่าเยอะมากๆ ผมเห็นหมีน้ำตาล 3 ครั้ง แล้วก็ตัวอื่นๆอีก หมาป่า จิ้งจอกแดง แกะดอลล์ คาริบู มูซ ไอ้ตัว บีเวอร์ ก็เห็นครับ มีคนไปรอถ่ายรูปกันเต็มเลยตรงสระ ที่มี บีเวอร์อยู่ จริงๆแล้ว แผนเดิมของผมคือ จาก เดนอลลีแล้ว ผมว่าจะกลับไป แองเกอร์เรจ เลย แต่มันคาใจเรื่อง แสงเหนือ (Aurora borealis) ผมก็เลยอยากเพิ่มโอกาสในการเห็นสักหน่อย ก็เลยเปลี่ยนแผน ขึ้นเหนือไปอีกถึง เมือง แฟร์แบงส์ แล้วก็โชคดีมากๆที่ได้เห็นแสงเหนือ ถึงแม้มันจะจางไปหน่อย แต่ว่าก็ยังถือว่าโชคดีที่ได้เห็น ... แต่ ผมก็ไม่วายต้องทำอะไรโง่ๆอีกจนได้ ดันไปจอดรถถ่ายรูปอยู่ข้างถนนที่ไม่ควรจอด เจอคุณตำรวจมาเอาไฟส่องหน้า ถาม ดีที่ไม่เกิดเรื่องร้ายๆขึ้น แล้วคุณตำรวจก็ใจดี ไม่แจกใบสั่งมาให้
ไปเดินเส้นทางมืดๆ ... ไปจอดรถข้างถนนที่ไม่ควรจอด ... เป็นความโง่ของผมเอง ... แต่ขากลับนี่ ซิครับ ผมกลัวขนหัวลุกเลย ขับรถอยู่เพลินๆ มีไอ้กวางบึก มูซ มาตัดหน้า ดีที่ว่ารถฝั่งตรงข้ามเขา กระพริบไฟเตือนเอาไว้ก่อน ไม่งั้น ผมซวยแล้ว ... ไอ้กวางมูซ ... มันถูกจัดอยู่ในตระกูลกวางนะครับ แต่ขนาดมันนะ ไม่ได้เล็กกว่า เจ้ากระบือ บ้านเราเลย แถมมันขายาวกว่า เกิดชนมันไป .... มูซเจ็บ ... รถพัง ... ผม..แย่แน่ๆ ... น่ากลัวจริงๆ เจอเรื่องนี้เข้าไปทีผมสยองเลย วันสุดท้ายผมเลย ใช้เวลาสบายๆ ไม่อยากไปไหนมากแล้ว กลัวเลย ... วันสุดท้ายเด่นๆก็ไปที่ ศูนย์มรดกวัฒนธรรมดั้งเดิมอลาสก้า (Alaska Native Heritage Center) แล้วได้เรียนรู้ ทักษะการใช้ชีวิต และ ก็เอาตัวรอดของ ชนพื้นเมือง แล้วก็ทึ่ง ... น่าสนใจมากๆ ... ผมว่าอาจจะลองดูๆหาๆ หนังสือไปอ่านเพิ่มเติม ู อ๋อ ที่น่าสนใจอีกอย่างคือ ฤดูกาล ทางแถบคาบสมุทรคีนาย มันยังดูเป็นเหมือน หน้าร้อน ... ในขณะที่บนเขาสูงๆ (เช่น เส้นทางเดินไป ลานน้ำแข็ง ฮาร์ดดิง) ดูเหมือนเป็นใบไม้ผลิ (เพราะหิมะพึ่งละลาย) ส่วนแถบทางแถวๆ เดนอลลี่ สีสันฉูดฉาด ไปทางแดงๆ ส้มๆ เหลืองๆ เป็นฤดูใบไม้ร่วงไปแล้ว
อลาสก้า .. สวย มีอะไรให้ดูให้ทำเยอะ ... แต่แพง น้ำมันที่อลาสก้าแพง $4.xx/gal (ถึง $5.xx/gal ในที่ไกลๆ) ทั้งๆที่ อลาสก้ามีน้ำมัน ว่าถึงเรื่องน้ำมัน... ท่อส่งน้ำมันที่มีชื่อเสียง ก็ Trans-Alaska pipeline ผมผ่านได้อ่าน เรื่องการออกแบบ ที่ทำเป็น ซิกแซก และมีตัวขยับได้ เผื่อกันแผนดินไหว รวมถึงเรื่องการระบายความร้อน เพื่อไม่ให้ความร้อนจากท่อไปละลายน้ำแข็งถาวรใต้ดิน (permafrost) เพราะถ้าน้ำแข็งใต้ดินนี้ละลาย มันจะทำให้ดินทรุด ก็น่าสนใจดีครับ
สรุป เสียตังค์ไปราว $1400 ไม่รวมเครื่องบิน สำหรับเวลา 8 วันที่อลาสก้า ได้เห็น ธารน้ำแข็ง สัตว์ป่า แสงเหนือ ชนพื้นเมือง ยอดเขาแมคคินลี่ กับ ทิวทัศน์ ... แล้วก็ไม่มีเรื่องร้ายๆเกิดขั้น ... ขอบคุณ สิ่งศักดิ์สิทธิทั้งหลาย รวมถึง คุณตำรวจที่แฟร์แบงส์ คนขับรถที่เตือนผม และ ก็คนทุกๆคนที่ช่วยเหลือ/แนะนำผม ระหว่างการเดินทาง ด้วยครับ
GoNorth Hostel & Adventure Travel Center 3500 Davis Road, Fairbanks, AK (เลี้ยวออกจากแยก University Av/Davis rd ไปบน Davis rd นิดเดียวครับ) //www.paratours.net
src: * //www.travelalaska.com/ * //ankn.uaf.edu/index.html
Create Date : 07 สิงหาคม 2552 |
|
7 comments |
Last Update : 18 สิงหาคม 2552 12:59:53 น. |
Counter : 2539 Pageviews. |
|
|
|