>>> Avartar .... หนังที่ห่างไกลกับคำว่า สมบูรณ์แบบ !! <<<
Avartar ( อวตาร ) .... สองดาวครึ่ง ....
......................ผมขอสารภาพตรงนี้เลยนะครับ ว่า ผมแอบตกใจหลายต่อหลายครั้ง เมื่อเห็นใครต่อใครให้คะแนนหนังที่ตัวเองชอบ 10 เต็ม 10 !! สาเหตุมันก็เป็นเพราะว่า ผมเองนั้นเป็นคนที่ไม่เคยเชื่อในความสมบูรณ์แบบ เพราะว่าโลกนี้ไม่มีอะไรที่สมบูรณ์แบบ ~ ไม่ว่าจะเป็นผู้คน สัตว์ สิ่งของ งานศิลปะ รวมไปถึงภาพยนตร์ด้วยเช่นกัน อย่างดีที่สุดเท่าที่เคยเห็นก็คือ ใกล้เคียงความสมบูรณ์แบบมากที่สุดก็เท่านั้น !! หนังเรื่อง Avartar ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้นครับ แน่นอนว่ามันยังห่างไกลกับคำว่าสมบูรณ์แบบ แต่ก็ยังห่างไกลกับคำว่าห่วยแตก เช่นเดียวกัน ~ มันยังมีประเด็นที่พอให้เก็บไปครุ่นคิดได้ เป็นงานสูตรสำเร็จที่พอดูได้เพลินๆ แต่ที่พูดได้เต็มปากเลยก็คือ หนังเรื่องนี้ถือเป็นหนังเรื่องที่ 2 ในรอบปี ต่อจาก รถไฟฟ้ามาหานะเธอ ที่ได้รับการยกย่องสูงเกินจริงไปมากเหลือเกิน ... ซึ่งทำไมถึงเป็นอย่างนั้น เราจะมาวิเคราะห์กันในย่อหน้าต่อจากนี้ครับ ...
......................Avartar เป็นหนังซีจี เน้นขาย 3 มิติ ถูกทำออกมาเพื่อจะลงโรงในแบบ Imax 3 D โดยเฉพาะ เรียกว่าโชว์เทคโนโลยี โชว์ความมหัศจรรย์ในงานภาพกันแบบสุดๆครับ ซึ่งพูดตรงๆเลยคือ มันน่าตื่นตาครับ แต่ไม่ตื่นเต้น !! หากโลกนี้มีแค่หนังสามมิติ อย่างที่เราเคยๆดูในโรงไอแมกซ์ อวตาร ก็น่าจะถือว่าเป็นหนังที่ดีที่สุดในโลกไปแล้ว แต่เผอิญว่าไม่ใช่ โลกเรานี้ยังมีหนังอีกหลากหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็น feature film ชนิดต่างๆ หนังสารคดี หนังอาร์ต หนังอินดี้ ฯลฯ มีให้เราเลือกเสพมากมาย และหนังในสายต่างๆเหล่านี้ ก็มีความน่าค้นหา น่าพิศมัยกว่าหนังแนวสามมิติมากมายนัก ~ และแน่นอนว่า การที่เราเลือกชมหนังที่เค้าตั้งใจทำออกมาสามมิติ ในโรงฉายแบบ 2 มิติ ย่อมจะทำให้อรรถรสของหนังถูกกดลดลงไปมากพอสมควร !! และที่ลืมไม่ได้ก็คือ หนังสามมิตินั้นจะดึงดูดสายตาของคนดูทั่วๆไปได้ในระยะเวลาสั้นๆเท่านั้นนะครับ ~
......................ถามว่าทำไมผมเลือกไปดูหนังเรื่องนี้ ทั้งๆที่ไม่ใช่แนวถนัดของผม ? ขอตอบว่า นี่คือหนังภาคบังคับนะครับ ผมก็เป็นคอหนังคนหนึ่ง จะมาเลือกดู ไม่ดูแนวนั้น ไม่ดูแนวนี้ได้อย่างไร เราต้องดูได้ทุกแนวครับ เหมือนนักร้อง KPN นั่นแหละครับ จะมาเกี่ยงว่าท่านี้ไม่ถนัด แนวนี้ไม่ชอบ ไม่อยากร้อง มันก็ไม่ได้ จริงใหมล่ะครับ ? ยิ่งเป็นหนังฟอร์มยักษ์แห่งปีแบบนี้ ก็ยิ่งทำให้ต้องไปพิสูจน์ แต่ก่อนจะไปดูก็พยายามคาดหวังให้ต่ำไว้แล้วล่ะครับ ซึ่งระหว่างฉายหนัง คุณนายแม่มูวี่ ก็หันมาถามผมเป็นระยะว่า หลับหรือเปล่า ? ผมก็บอกไปว่า ไม่หลับนะ ดูอยู่ ผมเดาว่าคุณนายคงดูอาการผมออกว่า ผมไม่ค่อยแฮปปี้เท่าไหร่ เพราะถ้าหนังมันสนุก ผมจะมีการโต้ตอบ มีรีแอคชั่นดีกว่านี้เสมอๆกระมัง ~ คือหนังมันก็ไม่ได้ถึงกับน่าเบื่ออะไรมากมาย พอดูไปได้เรื่อยๆ เพียงแต่ไม่มีอะไรน่าจดจำ แล้วก็ไม่ได้มีอะไรเกินความคาดหมายเลยแม้แต่น้อย เดาได้ตั้งแต่ต้น !!
......................บทหนังแย่มากใหม ? ถ้าถามผม ผมคิดว่า บทหนังเรื่องนี้ ก็พอใช้ได้ครับ เพียงแต่มันซ้ำซาก แล้วก็ไม่มีประเด็นอะไรแปลกใหม่เลยแม้แต่น้อย เป็นสูตรสำเร็จที่เขียนออกมาง่ายๆ เดาตอนจบได้ตั้งแต่ตัวอย่างหนัง และเดาวิธีการหาทางออกให้เรื่องราวได้ตั้งแต่ตัวเอกพูดถึงนกยักษ์โทรุบักโต !! หนังมันเล่นอะไรง่ายๆเกินไปครับ การที่เลือกท่าง่ายมาโชว์กันแบบนี้ จะเรียกว่าเป็นความใสซื่อก็ได้ หรือจะเรียกว่า หมดไฟ ไร้ความกล้าหาญ ก็ย่อมได้เช่นกัน ~ การที่จะสนุกกับหนังทำนองนี้ได้ จะต้องปล่อยตัวปล่อยใจอย่างมากครับ และต้องพยายามมองหนังด้วยสายตาของเด็ก หรือผู้ที่ไร้เดียงสาครับ เรียกว่า มองด้วยสายตาของเจค หรือ " สเก๊าท์ " ในคำเรียกของพวกนาวี ก็ได้เช่นกัน !! เพราะเด็ก หรือผู้อ่อนเดียงสา ผู้อ่อนต่อโลก จะมีสายตาและความคิดอีกแบบนึงครับ ต่างจากผู้ที่เคยมีประสบการณ์ผ่านโลก ผ่านแพนดอร่ามา ย่อมจะมองความจริงแตกต่างออกไปแน่ๆ
......................Dance with Wolves ในปีที่ผมดู ผมรู้สึกชื่นชม ยกย่องมันเหลือเกิน แต่ถ้าหากมาดูในปีนี้ ตอนที่ผมอายุเท่าปัจจุบันนี้ บางทีผมอาจจะมองด้วยสายตาที่แตกต่างออกไป หรือแม้แต่ Pocahontus ที่ถ้าใครได้ศึกษาประวัติศาสตร์ จะรู้ว่าเรื่องจริงมันช่างแตกต่างจากการ์ตูนของดิสนีย์มากมายนัก !! ในสายตาของผู้เยาว์ ผู้ยังเขลา เรามักจะคิดว่า ถ้าเราเป็นเจค เราจะหยิบอาวุธขึ้นมาต่อสู้ ประหัตประหารกับชนเผ่าเดียวกัน เพื่อผดุงความยุติธรรม ปกป้องความถูกต้อง แต่หากในความเป็นจริง ถ้าสถานการณ์เช่นเดียวกันเกิดกับตัว เชื่อเถิดครับ ร้อยละเกือบร้อยเต็ม จะเลือกที่จะอยู่ข้างชนเผ่าเดียวกัน ไม่ว่าเผ่าพันธ์เดียวกันจะทำระยำตำบอน กับเผ่าพันธ์อื่นมากมายขนาดใหนก็ตาม !! ลองดูอเมริกา ยุคหลัง 911 สิ ผู้นำมันทำชั่วซะขนาดใหน แล้วเป็นไง สุดท้ายประชาชนอเมริกัน ก็เลือก จอร์จ บุช จูเนียร์ กลับมาเป็นประธานาธิปดีอีกสมัยอยู่ดี ? จริงใหม ?
......................ยาวไปหรือยัง ? ขอต่ออีกหน่อย .. มนุษย์เราเนี่ยกล้าหาญอยู่แค่ลับหลัง หรือ เก่งแต่ในโลกอวตาร เท่านั้นแหละครับ แต่พออยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง เกือบทั้งหมดก็จะกลายสภาพเป็น " ไอ้ขี้แพ้ " นั่งอยู่บนรถเข็น ทำตาละห้อยสร้อยเศร้า เป็นหมาป่วยกันไปซะหมด !! บ่อยครั้งที่ผมเห็นพวกในโลกอวตาร เที่ยวก่นด่าคนอื่นที่ตัวเองเห็นว่าทำไม่ดี เพียงเพราะพฤติกรรมนั้นจะทำให้พวกเค้าคิดว่า ตัวเองจะกลายเป็นคนดีขึ้นมา ซึ่งมันก็ไม่ใช่ ? การก่นด่าสาปแช่ง หรือ พยายามประชาทัณฑ์ผู้ต้องหา มันก็ไม่ได้ทำให้สถานการณ์ดีขึ้นมาได้ แล้วก็ไม่ได้ทำให้คนเหล่านั้นเป็นคนดี แต่เป็นการบ่งชี้ว่า คนเหล่านี้ก็จิตใจต่ำไม่แพ้ไปกว่าคนที่คุณไปทำเค้า ? หรือการที่เราหยิบอาวุธขึ้นมาเข่นฆ่าคนที่เราเห็นว่าเลว มันก็ไม่ได้ทำให้เกิดการจรรโลงโลกขึ้นมาฉันนั้น สรุปนะครับ หนังบางเรื่องดูแล้วอย่าคิดมาก พยายามช่างฝันเข้าไว้ ถ้าถามลุงเจมส์ แกคงตอบเราว่า อั๊วะทำหนังขายฝันโว้ย ถ้าเอ็งอยากถอดปลั๊ก ก็ไปดู The Matrix โน่นไป๊ !! ( ฮา )
ป.ล. คุยกันต่อเชิญมาที่เวปแพนด้านะครับ คลิกด้านล่าง
//www.pandagroup.pantown.com/
Create Date : 29 ธันวาคม 2552 |
|
4 comments |
Last Update : 29 ธันวาคม 2552 18:27:57 น. |
Counter : 1597 Pageviews. |
|
|
|
วันคืนดื่มด่ำไม่วาย
เวลาผันเปลี่ยนเวียนไป
ย่างวัยก้าวพ้นประสบการณ์
วันเวลาได้มาเปลี่ยนแล้ว
ขอจงผ่องแผ้วสุขสันต์
ยังจำสิ่งดีนิรันดร์
แม้วันผ่านมาเนิ่นนาน
แม้เวียนเปลี่ยนไปอีกปี
ความดียังมีสสาร
ไม่เคยอ้างวางยาวนาน
ขอให้พบกาลยั่งยืน
สุขภาพแข็งแรงยิ่งนัก
มันสมองป้องปักสร้างเสริม
เป็นกำลังความคิดริเริ่ม
เพิ่มเตื่มหน้าที่การงาน
ทุกสิ่งเป็นไปด้วยดี
ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง
ความรักเชื่อมั่นยาวนาน
ตลอดกาลไม่ว่าปีใด
จากไผ่ค่ะ