Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2553
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
17 สิงหาคม 2553
 
All Blogs
 
ส า ร ะ จ า ก พ่ อ คำ เ ดื่ อ งเรื่องเกษตรประณีต

โลกใบใหญ่ แต่ไม่เท่าใจอยาก...



พ่อคำเดื่อง ภาษี
..ปราชญ์ชาวบ้านภาคอีสาน
ผู้เรียนรู้ธรรมชาติจนสามารถพลิกฟื้นชีวิตตัวเอง
และพยายามพลิกฟื้นแผ่นดินอิสานให้เขียว

บอกว่าปัญหาของโลกเราทุกวันนี้
เกิดจากการไม่เข้าใจธรรมชาติ
และไม่ได้เรียนรู้ที่จะอยู่กับธรรมชาติอย่างพอเพียง

การพัฒนาของโลกเป็นไปอย่างผิดทิศผิดทาง
ความต้องการของคนนั้นมากขึ้นทุกวัน
พอคนเยอะขึ้นโลกก็ถูกแบ่งซอยไป
ทรัพยากรธรรมชาติก็น้อยลง ยิ่งใช้ก็ยิ่งน้อยลง...


..ความต้องการของคนนั้นสวนทางกับธรรมชาติ ไม่มีความพอดี..
ปัญหาต่างๆ จึงตามมามากมาย

กิจกรรมที่เป็น Hi-Light ของโครงการนี้ คือ
การอบรมวิธีคิดให้เกิดความ .. เข้าใจเรา เข้าใจโลก เข้าใจธรรมชาติ ..
โดยพ่อคำเดื่องได้พาชาว Tree O Camp
ชมแปลงเกษตรประณีตและไร่

ความรู้หลักๆ ที่พ่อคำเดื่องอธิบายคือ
เรื่องของการเรียนรู้ธรรมชาติ ที่จะมีการจัดสรรกันเอง

ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกมีวงจรที่เป็นวงกลม
พึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน
ทุกสิ่งล้วนเกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน ถ้าเราได้เรียนรู้ก็จะพบว่า
ไม่จำเป็นที่มนุษย์จะต้องเข้าไปแทรกแซง ด้วยการใช้สารเคมีใดๆ เลย

ซึ่งความรู้หลายอย่างที่พ่อคำเดื่องได้เรียนรู้จากโรงเรียนธรรมชาตินั้น
ก็หักล้างความรู้ทางวิชาการเดิมๆ ที่เคยเชื่อถือกันมาอีกด้วย

.. เพราะจริงๆ แล้วธรรมชาติสามารถดูแลกันเอง
กำจัดศัตรูด้วยวิธีการทางธรรมชาติเอง
แต่ที่สำคัญ เราต้องมีองค์ความรู้ และเข้าใจธรรมชาติอย่างแท้จริง ...


พ่อคำเดื่องบอกว่า “เกษตรประณีตคือวิธีการแก้ปัญหาของคนแก้ตัว
ความจำกัดของทรัพยากรไม่ใช่ปัญหา
ถ้าเราเข้าใจธรรมชาติ รู้จักวางแผน
และจัดสรรการใช้ทรัพยากรที่เรามีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
และพอเหมาะพอดี

.. ขอให้เราได้เริ่มต้น ถ้าเราได้เริ่มต้นลงมือทำ
และเรียนรู้ เราก็จะรู้เอง ..
และถ้าเรารีบรักษาธรรมชาติ เราก็จะเห็นผลเร็ว ..

ไม้โตเร็ว ก็คือ ไม้ที่ปลูกเร็ว
ไม้โตช้า ก็คือ ไม้ที่ปลูกช้า
ไม้ที่ไม่โต คือไม้ที่ไม่ได้ปลูก

เราไม่จำเป็นต้องนั่งรอให้ต้นไม้โต
อย่างที่คนมักจะอ้างว่า ปลูกแล้วเมื่อไหร่มันจะโต
… ก็จะไปนั่งรอทำไม ปลูกแล้วจะไปไหนก็ไป ไม่เห็นต้องรอ” ...

พ่อคำเดื่องอธิบาย แถมด้วยมุขตลกทิ้งท้าย

เรียนรู้เพื่ออยู่กับธรรมชาติอย่างพอเพียง


พ่อคำเดื่องมักพูดเสมอว่า ความรู้ที่ตนกำลังพยายามเผยแพร่นั้น
ไม่ใช่ความรู้ด้านการเกษตร
แต่เป็นเรื่องของการใช้ชีวิตอย่างเข้าใจธรรมชาติ
ถ้าเรามีความเข้าใจในธรรมชาติ
และ เข้าใจความต้องการ ที่แท้จริงของชีวิตแล้ว
เราจะมีวิถีชีวิตที่เป็นสุข โดยไม่เบียดเบียนธรรมชาติ
และยังมีทรัพยากรธรรมชาติ เป็นมรดกให้กับลูกหลานสืบไป..


พ่อคำเดื่องปรับแนวคิดใหม่ในทุกๆ เรื่อง
ทั้งแนวคิดการทำเกษตรที่พึ่งพาธรรมชาติ
และภูมิปัญญาท้องถิ่น ปรับชีวิตให้พออยู่พอกิน
ไม่หวังผลอย่างรวดเร็ว ไม่เห็นแก่ผลทางการเงินเป็นเป้าหมายสูงสุด

..พ่อคำเดื่องเรียนรู้ธรรมชาติเพื่อวางแผนจัดสรรทรัพยากรทุกอย่างที่มีอยู่
ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
..ซึ่งเป็นแนวทางที่พ่อคำเดื่องบอกว่า

“ ทำทีเดียว ได้ทุกอย่าง ”

เกษตรประณีต
“ ทำทีเดียว ได้ทุกอย่าง ” นวัตกรรมที่โลกจะต้องใช้ต่อไปจากนี้


เกษตรประณีต คือการเริ่มต้นจากเล็กๆ ไม่มีข้อจำกัด
มีพื้นที่เล็กๆ ก็ทำได้
และเมื่อมีความรู้แล้ว จะขยายไป ก็ไม่มีความเสี่ยง

การใช้พื้นที่น้อย เช่น พื้นที่ 1 ไร่ ก็สามารถทำได้แล้ว
ซึ่งการมีพื้นที่น้อย เป็นการบังคับให้เราต้องวางแผนให้ดี

วางแผนในการจัดการดิน จัดการน้ำ จัดการเวลา
รู้จักการออมดิน ออมน้ำ
การจัดการอากาศ จัดการแสง จัดการปัจจัยต่างๆ ทั้งหมด

ซึ่งก็คือ การวางแผนเพื่อจัดสรรทรัพยากรที่มีอยู่
เพื่อใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดนั่นเอง


..เราสามารถที่จะปลูกพืชได้ครบทั้ง 9 ประเภท ในพื้นที่เล็กๆ นี้
คือ ไม้ยืนต้น
ผัก ผลไม้ สมุนไพร ไม้ประดับ ไม้หอม พืชกินหัว
พืชเถา และพืชเรี่ยดิน ..ถ้าเรามีความรู้ที่ถูกต้อง


คุณครูธรรมชาติ

ความรู้สมัยใหม่ที่เราหลงใหลมานาน
มักจะบอกว่าการปลูกพืชแต่ละต้นต้องมีระยะห่าง
แต่ที่ธรรมชาติสอนเรานั้น บอกว่าไม่ต้องถึงขนาดนั้น

สมมติว่าเราปลูกกล้วย โคนกล้วยเราก็ปลูกพริก ปลูกมะเขือ
หรือปลูกไม้ยืนต้น อย่างตะเคียนทอง ยางนา ฯลฯ


พืชแต่ละอย่างป้องกันแดดให้กันและกัน
ดูดน้ำและธาตุอาหารที่ต่างกัน
และยังเป็นการจัดการที่ดินทุกตารางนิ้วให้เกิดประโยชน์สูงสุด
..อย่างการรดน้ำ พวกพริก มะเขือ มีรากอยู่ผิวดิน
ก็จะดูดน้ำผิวดินไปใช้ ก่อนที่น้ำจะซึมไปให้พวกตะเคียนทองได้ดูด
หญ้าก็เช่นเดียวกัน มันไม่ได้แย่งอาหาร
แต่จะป้องกันไม่ให้น้ำระเหยเร็วกว่าปกติ
เวลาตายก็กลายเป็นปุ๋ยอีก


พืชแต่ละอย่างมีความแตกต่างกันในเรื่องปัจจัยความต้องการ
หากจะจัดสรรให้อยู่ในพื้นที่เดียวกัน
ต้องจัดอย่างไม่ให้เกิดการเบียดเบียนกัน
ต้องเข้าใจพืชนั้นๆ ความต้องการน้ำ ความต้องการแสง
ความต้องการดิน ฯลฯ
เพื่อจัดวางตำแหน่งได้อย่างเหมาะสม
ซึ่งในส่วนนี้เราสามารถเรียนรู้ศึกษาได้จากธรรมชาติ


....นอกจากนี้ เกษตรประณีตยังเป็นการเริ่มต้นสร้างระบบนิเวศน์
เพราะการปลูกพืชหลายชนิดในพื้นที่เดียวกันนั้น
จะทำให้เกิดการจัดการศัตรูพืชอย่างอัตโนมัติ
โดยไม่ต้องใช้ยาฆ่าแมลง
( เพราะสีสันที่สดใส หรือกลิ่นของพืชบางชนิด เช่น โหระพา จะเป็นสิ่งป้องกันแมลงไปในตัว )
และยังสามารถเป็นที่พึ่งพิงของสัตว์ได้อีกด้วย

คิดนอกกรอบ


เกษตรประณีตไม่ใช่สิ่งที่ตายตัว

เพราะความคิดแต่ละคนไม่เหมือนกัน

แต่ขอให้คิดออกจากกรอบเดิมๆ
มีความหลากหลาย ประยุกต์ได้หลายรูปแบบ

แต่ต้องเป็นไปอย่างเกื้อกูลและสมดุล
พยายามใช้ที่ดินให้เต็มประสิทธิภาพ

ทั้งนี้ ความต้องการของเจ้าของจะเป็นตัวกำหนด
รวมทั้งต้องปรับความคิดให้เกิดการพึ่งตนเองมากที่สุด

ที่สำคัญ ต้องเข้าใจ อยู่ร่วมกับธรรมชาติ
พึ่งพาธรรมชาติ โดยไม่เบียดเบียนกัน

คุณค่าของชีวิต

อุณหภูมิในไร่ ที่แตกต่างจากภายนอก 5-6 องศา

..ปุ๋ยใบไม้ที่ไม่เคยต้องซื้อหา

.. พืชผักสวนครัว ผลไม้ สมุนไพร ปลา ที่มีให้กินไม่มีวันหมด
เพราะปลูกและเลี้ยงไปเรื่อยๆ

..หิ่งห้อยหลายสายพันธ์ ตัวเล็กตัวใหญ่ ที่พ่อคำเดื่องเชื้อเชิญให้ไปดู

...ต้นไม้ใหญ่หลายชนิดเต็มไร่ เอาไว้ให้ลูกหลาน ปลูกบ้านในอนาคต

...และความหลากหลายทางชีวภาพอีกมากมายในไร่
ได้สร้างระบบนิเวศน์ซึ่งเป็นที่พึ่งพากันของสิ่งมีชีวิตทุกชนิด
ให้เกิดขึ้นได้ตามธรรมชาติ..


...พ่อคำเดื่องใช้เวลาทำงานน้อย
แต่ได้ผลตอบแทนเยอะเพราะเข้าใจธรรมชาติ

...ลูกๆ ภูมิใจ ที่เห็นพ่อเป็นแบบอย่างแก่คนทั่วไป
และดำเนินตามรอยพ่อ มีอาชีพและอนาคตแบบเรียบง่าย
แต่มีความสุข และไม่ต้องดิ้นรนออก
ไปหางานทำให้ไกลหูไกลตา
ครอบครัวพร้อมหน้า ชีวาเป็นสุข


สิ่งเหล่านี้ คือรายได้ ที่พ่อคำเดื่อง
ไม่เคยคิดคำนวณบวกลบคูณหารเป็นตัวเงิน
เพราะคุณค่าของมันมากมายกว่านั้นหลายเท่านัก
เพราะนี่คือ คุณค่าของชีวิต
ที่เงินไม่อาจซื้อหาได้

..ทั้งๆ ที่สิ่งของหลายอย่างในไร่
อาจเปลี่ยนเป็นตัวเงินได้
แต่พ่อคำเดื่องกลับปล่อยให้สิ่งเหล่านั้นเป็นทรัพยากรหมุนเวียนภายในไร่

เพื่อสร้างและรักษาความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติของโลก
ให้คงอยู่ เป็นสมบัติอันมีค่าให้ลูกหลานสืบไป...

วิถีชีวิตที่เป็นสุข ที่ทุกคนปรารถนานั้น แท้จริงแล้วอยู่ที่ใด

..เราอาจไม่เคยตั้งคำถามจริงจังกับตัวเราเอง
และดิ้นรนแสวงหาแต่สิ่งภายนอก ที่เราคิดว่า
สามารถตอบสนองความสุขให้กับชีวิตเราได้

เป้าหมายสำคัญในชีวิตของคนเราส่วนใหญ่
ก็คงไม่พ้นวังวนที่พ่อคำเดื่อง เคยหลงติดอยู่ในนั้นมาก่อน

ดังประโยคที่ว่า “ งานคือเงิน เงินคืองาน บันดาลสุข ”

..การทำงานหนักของเรา
จึงเพื่อหาเงินมาตอบสนองความต้องการที่ไม่มีที่สิ้นสุด

..บางครั้งเราอาจ เบียดเบียนธรรมชาติ
เบียดเบียนตัวเอง ลืมคิดถึงลูกหลานในอนาคต

ใช้ทรัพยากรราวกับว่ามันจะไม่มีวันหมด

ใช้ชีวิตซับซ้อน ฟุ่มเฟือย อย่างเกินความจำเป็น


จุดเริ่มต้นแรกของวิถีแห่งความพอเพียง และการพึ่งตนเองนั้น
อาจเป็นการย้อนกลับมามองดูตัวเอง

ตั้งคำถามถึงสิ่งที่ต้องการแท้จริงในชีวิต

บางทีความต้องการสูงสุดของคนเรานั้น
อาจกลับคืนสู่ความเรียบง่ายที่เราเคยมองข้าม

อาจหมายถึงคุณค่าบางอย่างที่เราหลงหาเงินมาเพื่อซื้อหามัน

แต่แท้จริงแล้ว สิ่งนั้นอยู่รอบตัวเรานี่เอง
แต่เราไม่เคยเห็นคุณค่าและคิดที่จะรักษา
ซ้ำกลับทำลายเพื่อสร้างสิ่งที่เราคิดว่าศิวิไลซ์กว่า


หลักการจัดสรรการใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด
คงไม่ได้นำไปใช้ได้แค่การปลูกต้นไม้ หรือทำการเกษตร

ถ้าทุกคนรู้จักเรียนรู้ เพื่อเข้าใจธรรมชาติของชีวิต

ไม่ไปแทรกแซงหรือเบียดเบียนให้เกิดความสูญเสีย ..

ความสมดุลที่มีอยู่ตามธรรมชาติ
ก็จะช่วยโอบอุ้มทุกชีวิต ให้ดำเนินไปอย่างงดงามได้

ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหน ประกอบอาชีพใด

ชีวิตที่มีความสุขและความสมดุล ก็อยู่ไม่ไกลเกินจะก้าวไปถึง..



ขอบคุณเรื่องราวเรียบเรียงจากคุณ : NovemberSky100
และเครดิตภาพจากคุณ: AimH




Create Date : 17 สิงหาคม 2553
Last Update : 18 สิงหาคม 2553 0:05:10 น. 1 comments
Counter : 993 Pageviews.

 
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวและสาระดีๆ จากพ่อคำเดื่องนะคะ
เผอิญได้มีส่วนร่วมในกระทู้เฉลิมไทยที่กล่าวถึงเรื่องนี้
จึงทราบว่านอกจากคุณ NovemberSky100 แล้ว
ผู้ที่มีส่วนสำคัญในการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับแนวคิดที่น่าสนใจ
ของพ่อคำเดื่อง คือคุณชมะฯ และเพื่อนๆ จากทีมงาน
Simple Secrets Society ตามที่แจ้งไว้ในกระทู้นะคะ

อย่างไรก็ตาม ขอขอบคุณมากๆ ค่ะ ที่ได้ช่วยกันเผยแพร่แนวคิดดีๆ
ที่น่าสนใจของพ่อคำเดื่อง และเชื่อว่าพ่อคำเดื่องคงดีใจมาก
ที่ทราบว่ามีผู้สนใจความคิดและแนวคิดของท่านในเรื่องนี้


โดย: nature-delight วันที่: 12 ตุลาคม 2553 เวลา:12:41:44 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jk_จัง
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




หลงรักเชียงใหม่ อยู่เชียงใหม่สบายใจ หากพอมีเวลาก็หาสิ่งดีๆทำ
Friends' blogs
[Add jk_จัง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.