ในการทานอาหาร(ไทย) ไม่ว่ากับข้าวจะเป็นอะไรก็ตาม ผมเชื่อว่าทุกคนต่างพอใจที่จะได้ทานกับข้าวสวยร้อนๆ ที่ส่งกลิ่นหอมกรุ่น ก็เพราะด้วยข้าวสวยร้อนๆนี้เอง ที่จะช่วยเสริมความอร่อยให้กับอาหารมื้อนั้น
แต่หากทุกคนอยากทานเฉพาะข้าวสวยร้อนๆ... ก็แล้วใครกันเล่าที่จะเป็นคนทานข้าวที่เหลือจากการหุงคราวที่แล้ว ข้าวที่เย็นชืด ข้าวก้นหม้อที่บางครั้งก็มีรอยไหม้จากการหุง ... ใครล่ะจะเป็นคนเลือกทานข้าวเย็นแบบนั้น
พ่อของผมก็คือใครคนนั้น พ่อคือคนแรกที่เลือกทานข้าวที่เหลือจากการหุงคราวที่แล้ว แม้จะเย็นชืดเพียงใด ผมก็ไม่เคยเห็นท่านปริปากบ่น และนอกจากพ่อแล้วก็มีผม(ในสมัยเด็กๆ)ที่ทานข้าวเย็นกับพ่อ ด้วยเพราะประโยค กินข้าวเย็นเป็นพระยา กินข้าวร้อนนอนกับหมา ที่พ่อบอกกับผม
ในสมัยนั้น ผมไม่รู้ว่าพระยาคืออะไร(แล้วเกี่ยวอะไรกับแม่น้ำเจ้าพระยา) รู้เพียงแต่ว่าผมไม่อยากนอนกับหมา(ตอนเด็กๆผมเป็นเด็กแบบว่า ใครพูดอะไรมาก็เชื่อหมดครับ) ผมจึงเลือกที่จะกินข้าวเย็น
แต่กับพ่อ ที่ท่านเลือกที่จะกินข้าวเย็น คงไม่ได้เป็นเพราะท่านอยากเป็นพระยา หรือไม่อยากนอนกับหมา แต่เป็นเพราะว่าพ่อรู้ว่าข้าวทุกๆเม็ดนั้นมีคุณค่า นอกจากการกินข้าวเย็นแล้ว ผมไม่เคยเห็นข้าวที่พ่อกินเหลือแม้สักเม็ดเดียว และผมเองก็จะโดนดุเช่นกัน หากว่ากินข้าวไม่หมด...
นี่คือสิ่งหนึ่งที่ผมได้เรียนรู้จากพ่อเมื่อสมัยที่ผมยังเป็นเด็ก ซึ่งอาจเป็นได้ว่าสมัยนั้นครอบครัวของเราเรียกได้ว่าค่อนข้างขัดสน พ่อจึงเลือกที่จะใช้ชีวิตด้วยความประหยัด และรู้คุณค่าในทุกๆสิ่งที่มี...
(ของเล่นยอดฮิตที่พ่อให้กับผมในวัยเด็กก็คือ ก้านมะละกอที่ใช้จุ่มลงไปในน้ำสบู่แล้วเป่าเป็นฟองออกมา...)
สำหรับผมเอง แม้ว่าในสมัยเด็กๆ ผมเลือกที่จะกินข้าวเย็นเช่นเดียวกับพ่อ(เพราะกลัวต้องไปนอนกับหมา) แต่เมื่อล่วงเลยมาถึงวัยทำงาน วันที่ผมหาเงินได้เอง วันที่ผมใช้ชีวิตห่างจากครอบครัว ผมเริ่มที่จะไปทานอาหารที่ร้านค้าในศูนย์การค้า อย่างที่ใครต่อใครต่างก็นิยมชมชอบกัน และแน่นอนว่า ในแต่ละครั้ง(มื้อ)นั้น คิดเป็นเงินจำนวนไม่น้อย
แต่ผมถือว่านี่คือเงินที่ผมหาได้เอง ผมย่อมมีสิทธิ์ในการใช้จ่ายเพื่อความสุขของผม...