Group Blog
 
 
มกราคม 2556
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
29 มกราคม 2556
 
All Blogs
 
...พ่อ...

“กินข้าวเย็นเป็นพระยา กินข้าวร้อนนอนกับหมา” เป็นประโยคแรกที่ผุดขึ้นในใจ ยามที่ผมนึกย้อนไปสมัยยังเด็ก ในความทรงจำของผมกับพ่อ...


ในการทานอาหาร(ไทย) ไม่ว่ากับข้าวจะเป็นอะไรก็ตาม ผมเชื่อว่าทุกคนต่างพอใจที่จะได้ทานกับข้าวสวยร้อนๆ ที่ส่งกลิ่นหอมกรุ่น ก็เพราะด้วยข้าวสวยร้อนๆนี้เอง ที่จะช่วยเสริมความอร่อยให้กับอาหารมื้อนั้น



แต่หากทุกคนอยากทานเฉพาะข้าวสวยร้อนๆ... ก็แล้วใครกันเล่าที่จะเป็นคนทานข้าวที่เหลือจากการหุงคราวที่แล้ว ข้าวที่เย็นชืด ข้าวก้นหม้อที่บางครั้งก็มีรอยไหม้จากการหุง ... ใครล่ะจะเป็นคนเลือกทานข้าวเย็นแบบนั้น



“พ่อ”ของผมก็คือใครคนนั้น พ่อคือคนแรกที่เลือกทานข้าวที่เหลือจากการหุงคราวที่แล้ว แม้จะเย็นชืดเพียงใด ผมก็ไม่เคยเห็นท่านปริปากบ่น และนอกจากพ่อแล้วก็มีผม(ในสมัยเด็กๆ)ที่ทานข้าวเย็นกับพ่อ ด้วยเพราะประโยค “กินข้าวเย็นเป็นพระยา กินข้าวร้อนนอนกับหมา” ที่พ่อบอกกับผม



ในสมัยนั้น ผมไม่รู้ว่าพระยาคืออะไร(แล้วเกี่ยวอะไรกับแม่น้ำเจ้าพระยา) รู้เพียงแต่ว่าผมไม่อยากนอนกับหมา(ตอนเด็กๆผมเป็นเด็กแบบว่า ใครพูดอะไรมาก็เชื่อหมดครับ) ผมจึงเลือกที่จะกินข้าวเย็น



แต่กับพ่อ ที่ท่านเลือกที่จะกินข้าวเย็น คงไม่ได้เป็นเพราะท่านอยากเป็นพระยา หรือไม่อยากนอนกับหมา แต่เป็นเพราะว่าพ่อรู้ว่าข้าวทุกๆเม็ดนั้นมีคุณค่า นอกจากการกินข้าวเย็นแล้ว ผมไม่เคยเห็นข้าวที่พ่อกินเหลือแม้สักเม็ดเดียว และผมเองก็จะโดนดุเช่นกัน หากว่ากินข้าวไม่หมด...



นี่คือสิ่งหนึ่งที่ผมได้เรียนรู้จากพ่อเมื่อสมัยที่ผมยังเป็นเด็ก ซึ่งอาจเป็นได้ว่าสมัยนั้นครอบครัวของเราเรียกได้ว่าค่อนข้างขัดสน พ่อจึงเลือกที่จะใช้ชีวิตด้วยความประหยัด และรู้คุณค่าในทุกๆสิ่งที่มี...

(ของเล่นยอดฮิตที่พ่อให้กับผมในวัยเด็กก็คือ ก้านมะละกอที่ใช้จุ่มลงไปในน้ำสบู่แล้วเป่าเป็นฟองออกมา...)


สำหรับผมเอง แม้ว่าในสมัยเด็กๆ ผมเลือกที่จะกินข้าวเย็นเช่นเดียวกับพ่อ(เพราะกลัวต้องไปนอนกับหมา) แต่เมื่อล่วงเลยมาถึงวัยทำงาน วันที่ผมหาเงินได้เอง วันที่ผมใช้ชีวิตห่างจากครอบครัว ผมเริ่มที่จะไปทานอาหารที่ร้านค้าในศูนย์การค้า อย่างที่ใครต่อใครต่างก็นิยมชมชอบกัน และแน่นอนว่า ในแต่ละครั้ง(มื้อ)นั้น คิดเป็นเงินจำนวนไม่น้อย



แต่ผมถือว่านี่คือเงินที่ผมหาได้เอง ผมย่อมมีสิทธิ์ในการใช้จ่ายเพื่อความสุขของผม...

 



จวบจนกระทั่ง วันที่ผมได้กลับมาทำงานที่บ้าน ได้กลับมาช่วยงานของครอบครัว ได้กลับมาอยู่กับครอบครัวอีกครั้ง และครั้งนี้ครอบครัวของเราไม่ได้ขัดสนจนยากดังเช่นแต่ก่อน...



เมื่อได้ทานอาหารร่วมกัน ผมไม่ได้กินข้าวเย็นเหมือนตอนเด็กๆ แต่ผมเลือกที่จะกินข้าวสวยร้อนๆเพื่อเพิ่มความอร่อยให้กับมื้ออาหาร



ในช่วงแรกๆผมไม่ได้สังเกตว่าพ่อกินข้าวเย็นหรือข้าวร้อน ผมรู้แต่ว่าผมอยากกินข้าวสวยร้อนๆ และอาหารจะหมดความอร่อยไปทันทีเมื่อกินกับข้าวที่เย็นชืด



แต่สำหรับพ่อของผม เมื่อได้กินข้าวด้วยกันบ่อยๆ ผมก็เห็นท่านยังคงเลือกที่จะกินข้าวเย็นอยู่เช่นเดิม และแม้ข้าวจะเย็นชืดเพียงใด ผมก็ยังไม่เคยเห็นท่านปริปากบ่น

(หากว่าประโยค”กินข้าวเย็นเป็นพระยา กินข้าวร้อนนอนกับหมา”เป็นจริง ผมคิดว่าจนถึงป่านนี้ พ่อคงได้เป็น “อภิบรม มหาเจ้าพระยา” ไปแล้ว) และยังคงไม่เคยเห็นข้าวที่เหลือแม้เพียงสักเม็ดเดียวในจานของพ่อ

ที่มากไปกว่านั้นคือ เมื่อบรรดาหลานๆกินข้าวไม่หมด และเหลือข้าวที่แลดูเละเทะสำหรับผมนั้น ผมกลับเห็นพ่อกวาดข้าวที่เหลือนั้นใส่จานของท่านและกินต่อไปอย่างเป็นปกติ

นอกไปจากเรื่องการทานข้าว ผมก็ยังเห็นว่า พ่อเลือกที่จะใช้ชีวิตด้วยความประหยัด และรู้คุณค่าในทุกๆสิ่งที่มี อยู่เช่นเดิม...

แม้ไม่ได้เอ่ยปาก แต่สิ่งที่ท่านทำ เป็นดังเหมือนคำสอนที่กลับมากระทบใจของผมเข้าอย่างจัง และทำให้ต้องทบทวนเรื่องการใช้ชีวิตของตัวเองอีกครั้ง...

เรื่องนี้อาจเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยสำหรับใครบางคน แต่สำหรับผม คำสอนที่พ่อไม่ได้เอ่ยปากนี้ เปรียบเหมือนแสงสว่าง  ที่ฉายขึ้นในท่ามกลามมืดมัวที่แผ่คลุมหนทางชีวิตเบื้องหน้า ในเส้นทางนั้น ผมไม่อาจรู้ได้เลยว่า จะยาวไกลสักเพียงใด แต่ด้วยแสงสว่างนี้เอง ทำให้ผมแน่ใจได้ว่า .... ผมจะไม่หลงทาง

 



ปล.เขียนครั้งแรกในวันพ่อ 2551 

ปรับปรุงอีกครั้ง ด้วยหมายใจจะทบทวนอะไรบางอย่าง ...3 มิ.ย. 2554

 

 




Create Date : 29 มกราคม 2556
Last Update : 29 มกราคม 2556 21:33:36 น. 0 comments
Counter : 1515 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Singkhon2008
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ใครกันหนอบอกไว้ 'เมื่ออ่านมากๆเข้า ไม่นาน ตัวหนังสือจะไหลออกมาเอง' ... (มีด้วยเหรอ แบบนี้!)

ครับ เป็นเช่นนั้น ด้วยความที่ชอบอ่านมากถึงมากที่สุด เมื่อนานเข้า อาจเป็นด้วยไม่มีพื้นที่เหลือพอให้เก็บตัวอักษรอีกต่อไป จึงต้องปล่อยให้มันไหลออกมาบ้าง...

เขียนสนุกๆครับ ก็อยากให้อ่านสนุกๆเช่นกัน

ขอบคุณครับ
Friends' blogs
[Add Singkhon2008's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.