

โคลงสี่สุภาพ
กาลเวลาเกิดม่านท้อ...ทางเดิน ชีวิต
นำเนื่องจิตคิดเกิน...กอดสู้
ทุกข์มารุกจิตเมิน...หมดต่อ ข้ามเฮย
ยากเหนี่ยวจิตรอดรู้...รับกู้แรงถวิล
ชินกับจิตหวั่นว้าง... วายเวียน
ทางมืดมิดแสงเทียน...ทาบเกื้อ
คิดเดินต่อหมดเพียร...พาจิต สั่นนา
มองม่านหมดแสงเอื้อ...อวดรู้ประเมินไฉน
ไหววาบมองฟากฟ้า...เฟือนแสง
หวังวัฏฏะปัดโบยแสดง...เด่นแจ้ง
ลมอวลหนึ่งเรี่ยวแรง...รวมร่าย
เกิดภาพมัวเหมือนแกล้ง...ก่อรู้แลเห็น
เพ็ญเดือนมืดเร่งคว้าง...ครอบจิต
กมลเหน็บความบอดมิด...ม่านว้าง
หวังเทพช่วยบอกทิศ...ทางสว่าง พ้นนา
อยากเปลี่ยนมาอยู่ข้าง...ขจ่างฟ้าพิลาสปรารถนา
ตามองกาลผ่าห้วง...ห่างรู้
จิตเปลี่ยวแรงจักสู้...เสื่อมสิ้น
เจือจำเจ็บเรียกรู้...รอนเร่า หวังแล
กาลก่อเกิดแรงดิ้น...ดนุด้อยแรงฝัน
โคลงสามดั้น
ผะผ่าวในครามคลื่น ความขมขื่นหล่นว้าง
กาลผ่านพายุฟ้ากว้าง ก่อขม
ลมโอบดุจในสุสาน วาดวิมานเหงาเสกสร้าง
กลางกึ่งทุกข์ล้นคว้าง เคลื่อนเหลียว
เทียวถามเทพจ้องมอง จิตจักครองโศกเศร้า
ขมขื่นขับล้นเฝ้า ฝ่อฝัน
ควันไฟกาลหมองมัว จิตเกิดกลัวโลกหน้า
ละลิ่วเพลิงท้องฟ้า ก่อฝืน
ขื่นขมกับกาลเวลา กลปริศนาชิดรุ้ง
จิตเปลี่ยวดุจเถ้าคลุ้ง คลั่งถม
โคลงสองดั้น
กาลเวลาคอยเร่งคว้าง พาขื่นให้ขมข้าง สู่ฤทัย
ใจครวญเกินเหนี่ยวรั้ง กับทุกข์หลายสิบครั้ง ฝ่าถึง
หนึ่งหวังคลื่นน้ำล้น ความคิดยากจักพ้น สู่จริง
สิ่งท้อมาต่อหน้า หนาวห่มเกินใจกล้า เคลื่อนขวาง
กลางเวลาทุกข์เศร้า นภาฟากดุจเคลือบเคล้า เชื่อมผสม...