<<
พฤศจิกายน 2556
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
5 พฤศจิกายน 2556

…แวะชิม…ขาหมูบาวาเรียน-สเต็กซี่โครงแกะ…
























…ที่ร้าน “Bavarian Field” สไตล์เยอรมันวินเทจ…




ระยะนี้เริ่มย่างกรายเข้าสู่ช่วงปลายฝนต้นหนาวที่มีอากาศค่อนข้างจะเย็นสบาย เหล่าบรรดานักเปิบทั้งหลายต่างพากันเริงร่าออกหาอาหารอร่อยรับประทาน เพื่อเป็นการต้อนรับฤดูเหมันต์ที่กำลังเข้ามาเยือน และเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศของฤดูหนาว เมนูอร่อยน่าชิมประจำฉบับนี้ “แม่ลิ้นจี่” ก็เลยขออาสาพาทุกท่านไปอิ่มเอมกับเมนูจานเด็ดในบรรยากาศสุดคลาสสิกสไตล์บาวาเรียนกันดูบ้าง ซึ่งร้านที่แม่ลิ้นจี่กำลังจะแนะนำกันในวันนี้เขามีชื่อว่าร้าน“Bavarian Field” เป็นร้านอาหารที่มีกลิ่นอายของความเป็นเยอรมันวินเทจ ซึ่งเป็นแคว้นเก่าแก่และใหญ่ที่สุดของประเทศเยอรมนี
ร้านนี้ตั้งอยู่บนเนื้อที่กว่า 5 ไร่ ซึ่งด้านหน้าร้านเขาจะแบ่งสรรบรรยากาศเป็นแบบโอเพ่นแอร์ยกพื้นอยู่บนบึงน้ำขนาดย่อม นั่งรับลมชมธรรมชาติที่ยังหลงเหลืออยู่ที่หาดูไม่ได้ในใจกลางเมืองกรุง ส่วนตัวร้านจะเป็นอาคารสไตล์แบบบาวาเรียน 2 หลังติดแอร์เย็นฉ่ำเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความเป็นส่วนตัวและใช้เป็นห้องจัดเลี้ยง รวมทั้งร้านสามารถรองรับลูกค้าได้กว่า 500 ที่นั่ง โดยมีบริกรในชุดแต่งกายของสาวเยอรมันย้อนยุคคอยบริการกันอย่างทั่วถึง



จากการที่ได้พูดคุยกับเจ้าของร้านคือ “คุณกฤตพล คงตระกูลชัย” หรือหลายท่านรู้จักกันเป็นอย่างดีในนาม “โด่ง โพนยางคำ เจ้าพ่อโคขุน 100 ล้าน” ซึ่งเป็นนักธุรกิจหนุ่มที่คลุกคลีอยู่ในวงการร้านอาหารมานานกว่า 20 ปี และยังเป็นเจ้าของและผู้บริหารร้าน “โคขุนโพนยางคำ เกษตร-นวมินทร์” ที่มีอยู่ถึง 13 สาขาในกรุงเทพฯ และเพิ่งจะเปิดอีกสาขาที่อ้อมน้อยไปเมื่อไม่นาน ซึ่ง “คุณโด่ง” ได้บอกเล่าถึงจุดเริ่มต้นของร้าน “Bavarian Field” ให้ฟังว่า ร้านนี้เป็นการฉีกแนวไปจากร้านเดิมๆ ที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นร้านในสไตล์ผับ ร้านโคขุน และร้านอาหารอีสาน ซึ่งการเปิดร้านในสไตล์วาวาเรียนนั้นเป็นความใฝ่ฝันของตนเองมาเนิ่นนาน แต่ถึงแม้จะมีประสบการณ์ทางด้านร้านอาหารมามากมาย แต่ก็ต้องมีการเตรียมการเป็นอย่างดี เพื่อให้ลูกค้าได้มีความสุขกับรสชาติของอาหาร บรรยากาศ และการบริการ



“คุณโด่ง” เล่าต่อไปว่า ตนเองนั้นโชคดีที่ได้ 3 เชฟยอดฝีมือมาเป็นที่ปรึกษาและควบคุมการปรุงอาหารทุกขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นเชฟกระทะเหล็กทางด้านอาหารยุโรป เชฟกระทะเหล็กด้านอาหารไทย-จีน อาจารย์เชฟจากโรงแรมโอเรียนเต็ล ซึ่งแต่ละท่านมีความชำนาญทั้งด้านอาหารและการจัดหน้าตาของอาหารให้ดูน่ารับประทาน ส่วนทางด้านเมนูอาหารนั้นก็จะมีให้ลูกค้าได้เลือกสั่งกว่า 200 ชนิด ทั้งอาหารยุโรปสไตล์บาวาเรียน ไทย จีน ซีฟู้ดสดๆ เป็นๆ ทั้งของไทยและนิวซีแลนด์ “กุ้งแม่น้ำ” และ “กุ้งมังกร” ตัวบิ๊กบึ้ม สนนราคาก็ไม่แพงถ้าเปรียบเทียบกับวัตถุดิบที่นำมาปรุงแต่ง เริ่มต้นกันที่จานละ 80-200-400-1,000 กว่าบาท และราคาตามน้ำหนัก ส่วนอาหารจานเด่นที่ “แม่ลิ้นจี่” จะแนะนำให้สั่งมาลิ้มลองกันในวันนี้ก็มี



ขาหมูบาวาเรียน…สไตล์เยอรมัน ซึ่งที่นี่เขาจะทำเองจากครัวยุโรปของร้าน โดยเขาจะนำขาหมูส่วนที่เป็นขาหน้าที่มีความนุ่มกว่าขาหลัง นำไปต้มกับเครื่องเทศและเครื่องปรุงนานาชนิดจนขาหมูอ่อนนุ่ม ก่อนนำไปทอดในหม้อที่มีน้ำมันท่วมท้นจนหนังหมูกรอบเหลืองแต่เนื้อในยังนุ่มเนียน ใส่จานเสิร์ฟพร้อมกับมันฝรั่งบดและผักดอง เคียงข้างด้วยน้ำจิ้มพริกสามรส ความอร่อยอยู่ที่หนังหมูฟูฟ่องเคี้ยวกินได้กรอบกรุบสนุกปาก บวกกับเนื้อหมูที่เครื่องปรุงซึมซาบเข้าถึงเนื้อใน จิ้มกินกับน้ำจิ้มรสจัดจ้านเพิ่มความอร่อยล้ำเกินคำบรรยาย ในราคาจานละ 380 บาท



สเต็กซี่โครงแกะนิวซีแลนด์…เป็นซี่โครงแกะที่ส่งตรงจากนิวซีแลนด์ โดยเขาจะหั่นซี่โครงแกะตามแนวติดกระดูกเป็นชิ้นใหญ่ หมักปรุงด้วยเครื่องเทศนานาชนิดก่อนนำไปกริลล์ในกระทะร้อนๆ จนด้านนอกสุกเกรียมส่วนเนื้อในยังคงความชุ่มฉ่ำ เสิร์ฟมาในจานใบใหญ่พร้อมมันฝรั่งทอดและผักสลัดเรดโอ๊ค ราดด้วยน้ำเกรวี่สีน้ำตาลเข้มข้น ใช้ซ่อมจิ้มเอามีดแล่เนื้อแกะเคี้ยวกินไร้ซึ่งกลิ่นสาบ ตักมันฝรั่งทอดเคี้ยวตามอร่อยแบบง่ายๆ สไตล์บาวาเรียน ในราคาจานละ 520 บาท



พิซซ่าฮาวายเอี้ยน…จะเป็นพิซซ่าแบบแป้งบาง เขาจะนำแป้งตีแผ่เป็นแผ่นกลมทาด้วยซอสพิซซ่าปรุงเอง โรยหน้าจนทั่วด้วยชีสฝอย ประดับด้านบนด้วยสับปะรด แฮม ข้าวโพดหวาน นำเข้าเตาอบจนแป้งสุกกรอบ เครื่องปรุงสุกถ้วนทั่ว ความอร่อยอยู่ที่พิซ่าแป้งบางกรอบกรุบ สัมผัสได้ถึงรสชาติของชีสรสมันเค็ม บวกกับรสเปรี้ยวอมหวานจากสับปะรด โรยพริกไทยลงไปนิดเติมเกลือป่นลงไปหน่อยอร่อยแน่นอน ในราคาถาดละ 250 บาท



เป็ดร่อน…เป็นสไตล์อาหารจีน โดยเขาจะนำเป็ดพะโล้ทั้งตัวไปทอดในน้ำมันร้อนๆ จนหนังกรอบ สับเป็นชิ้นเสิร์ฟมาในจานเปลใบใหญ่รองด้านล่างด้วยเส้นหมี่ขาวทอดกรอบ เคียงข้างจานด้วยใบคะน้าหั่นฝอยทอดจนกรอบกรุบ และกะหล่ำปลีดอง เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มซีอิ๊วหวานและพริกน้ำส้ม ความอร่อยอยู่ที่หนังเป็นร่อนเคี้ยวกินได้กรอบกรุบ บวกกับเนื้อเป็ดเนียนนุ่มหอมกลิ่นเครื่องเทศ ราดน้ำจิ้มซีอิ๊วหวานลงไปหน่อยช่วยเพิ่มรสชาติได้มากมาย ในราคาจานละ 420 บาท



แกงเหลืองปูทะเลไข่หน่อไม้ดอง…เป็นอาหารไทยแบบปักษ์ใต้ โดยเขาจะนำน้ำพริกแกงเหลืองต้มกับน้ำซุป ใส่หน่อไม้ดอง และปูทะเลสับแยกร่างมาเป็นชิ้นๆ ที่มีไข่เหลืองอร่ามอัดแน่นอยู่เต็มกระดอง เสิร์ฟมาในหม้อไฟเดือดพล่าน ความอร่อยอยู่ที่ปูทะเลสดรสหวานจากเนื้อและรสมันจากไข่ปู บวกกับน้ำแกงรสเผ็ดจัดจ้านจนเหงื่อซึม สั่งมากินกับข้าวสวยร้อนๆ อร่อยจนลืมอิ่ม ในราคาหม้อละ 420 บาท



นี่เป็นแค่เพียงส่วนหนึ่งที่แนะนำให้ลองชิม สะดวกกันเมื่อไหร่ก็ขอเชิญแวะเวียนมาเปิดเมนูเลือกสั่งกันเองได้ ร้าน “Bavarian Field” จะเปิดบริการกันทุกวันตั้งแต่เวลา 16.00-24.00 น. และในเทศกาล “วันลอยกระทง” ที่จะถึงนี้ เขาจะมีกระทงแจกกันอย่างทั่วถึงแวะมาสืบสานประเพณีกันได้ ส่วนสถานที่ตั้งของร้านก็หากันไม่ยาก ถ้าขับรถมาจากถนนแจ้งวัฒนะมุ่งหน้า 5 แยกปากเกร็ด ขึ้นสะพานพระราม ๔ ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาเข้าสู่ถนนราชพฤกษ์ จะเห็นร้านอยู่ฝั่งขวา ต้องไปกลับรถที่ใต้สะพานใกล้ถนนราชพฤกษ์ แต่ถ้าเกรงว่าจะหากันไม่เจอก็โทรศัพท์มาสอบถามเส้นทางกันได้ที่ 08-3718-6868 และ 08-6755-2246



โดย “แม่ลิ้นจี่พาชิมปีที่ 13”

ข้อมูลโดย บ้านเมือง
















Create Date : 05 พฤศจิกายน 2556
Last Update : 5 พฤศจิกายน 2556 14:25:23 น. 2 comments
Counter : 3658 Pageviews.  

 


โดย: ญามี่ วันที่: 5 พฤศจิกายน 2556 เวลา:14:26:54 น.  

 
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
Sweety-around-the-world Travel Blog ดู Blog
jamaica Health Blog ดู Blog
ญามี่ Education Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


โดย: ร่มไม้เย็น วันที่: 9 พฤศจิกายน 2556 เวลา:14:43:45 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ญามี่
Location :
ภูเก็ต Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 260 คน [?]






อัพบล็อกครั้งแรก ๑๔ มีนาคม ๒๕๕๑
free counters
who's online
คนพูดน้อยคิดบ่อยแต่ไม่เงียบ
ไร้ระเบียบเคลิ้มครุ่นอณูคุ้นฝัน
ไม่ประวิงหากทิ้งจักลืมวัน
พลัดผ่านพลันหากจากยากฝากคอย...











[Add ญามี่'s blog to your web]