“สาเหตุที่ทำให้ร้านอาหารเจ๊ง คือ เจ้าของไม่เข้าใจธุรกิจ บางคนคิดว่าแค่เป็นคนชอบกินก็เปิดร้านอาหารได้แล้ว บางคนสร้างร้านสวยหรู แต่ไม่ยอมเสียเงินเพื่อจ้างกุ๊ก ไม่ยอมจ้างผู้เชี่ยวชาญมาชี้ทางให้ ความไม่ประสบผลสำเร็จจึงเกิดขึ้น" ทำอย่างไรอาหารทุกจานของร้าน “บ้านอำเภอ” จึงปรุงได้รสถูกลิ้น คุณสิทธิกานต์ หม่องสนธิ เจ้าของร้าน มีคำตอบ โดยยกคำชื่นชมให้กับคุณพ่อ ผู้มีประสบการณ์อยู่ในครัวร้านอาหารและภัตตาคารโรงแรมชื่อดังมาแล้วหลายแห่ง โดยเริ่มจากพนักงานอำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่มีตำแหน่งมีประสบการณ์เหนือกว่า “พ่อเล่าให้ฟังว่า เมื่อก่อนครอบครัวของพ่อ ค้าขายข้าวแกงอยู่ข้างที่ทำการอำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี กระทั่งที่ว่าการอำเภอย้ายไปตั้งตรงอื่น จึงเลิกกิจการ และย่า (แม่ของพ่อ) ก็อพยพครอบครัวมาอยู่กรุงเทพฯ ตอนนั้นพ่ออายุ 14 ปี กระทั่งมารู้จักกับเชฟในร้านอาหารคนหนึ่งจึงชวนไปทำงานด้วย ต่อมาเมื่ออายุ 21 ปีจึงย้ายไปอยู่ในภัตตาคารโรงแรมชื่อดังอีกหลายแห่ง สุดท้ายก็ได้ตำแหน่งเอ็กเซ็กคูทีฟเชฟ” คุณสิทธิกานต์ ว่า จากวันนั้นถึงวันนี้พ่อไม่เคยเปลี่ยนอาชีพไปทำงานสายอื่น เพราะหลงรักการปรุงรส จนกระทั่งมีความฝันอยากจะเปิดร้านอาหารเป็นของตนเอง พื้นที่เล็กๆ ภายในศูนย์อาหารของ หมู่บ้านสัมมากร รามคำแหง คือที่ตั้งของร้าน บ้านอำเภอ โดยมีเมนูอาหารตามสั่งไว้บริการลูกค้า ภายในระยะเวลาไม่เกิน 3 ปี จึงเกิดความพร้อมขยับขยาย “ตอนนั้นก็เหมือนมั่นใจในลูกค้าที่อยู่ในมือ และก็พอดีได้พื้นที่ลักษณะบ้านหลังหนึ่งในหมู่บ้านสัมมากร จึงเช่าเพื่อเปิดเป็นร้านอาหาร บ้านอำเภอ สามารถตั้งโต๊ะรองรับลูกค้าได้ราว 60 คน” บัดนั้นจนถึงวันนี้ ร้านบ้านอำเภอ คงมียอดขายอยู่ในเกณฑ์พึงพอใจ ส่วนเมนูอาหารจานเด่นและถือเป็นสูตรที่ต้องบอกว่าหาทานที่อื่นยาก อย่างเช่น หอยเชลล์ย่างเตาถ่าน ที่ใช้วิธีย่างแบบธรรมชาติ ไม่มีส่วนผสมใดๆ ใส่ลงไป เสิร์ฟคู่กับน้ำจิ้มซีฟู้ดรสจัดจ้าน หรือจะเป็นเมนู กุ้งบ้านอำเภอ ปลานึ่งซีอิ๊ว โดยเลือกใช้ปลากุดสลาดสดๆ เช่นนี้เป็นต้น “สูตรที่คิดขึ้นมาเป็นเมนูเด่นประมาณ 10 กว่ารายการ ซึ่งบางเมนูคุณพ่อคิดจากประสบการณ์ที่เคยทำงานด้านนี้มาเป็นสิบปี หรือบางครั้งก็เกิดไอเดียจากลูกค้ามาเล่าให้ฟัง” รวมรายการอาหารทั้งหมดประมาณ 90 รายการที่บ่งบอกไว้ในเมนู ซึ่งคุณสิทธิกานต์ ว่า พอเหมาะกับร้านอาหารขนาดไม่ใหญ่นัก แต่กระนั้นก็ยังต้องเพิ่มเมนูใหม่มาเอาใจลูกค้า โดยเฉพาะขาประจำ ทั้งนี้ คุณสิทธิกานต์ ยังได้กล่าวถึงการบริหารจัดการวัตถุดิบให้ได้ประโยชน์คุ้มค่า และไม่ต้องเหลือทิ้ง โดยใช้วิธีซื้อมาอย่าให้เกินยอดขาย “ต้องคำนวณออกมาก่อนว่า แต่ละวันมียอดขายเท่าไร อย่างถ้ายอดขายอยู่ที่ 10 กิโลกรัม ก็ควรซื้อวัตถุดิบมาใช้วันละประมาณ 5-6 กิโลกรัม และสำคัญคือต้องเรียนรู้วิธีถนอมอาหาร หัวใจก็คือ อย่าซื้อมาเยอะกว่ายอดขาย” ด้วยเพราะร้านบ้านอำเภอ ถือกำเนิดขึ้นจากผู้ประกอบการที่มีประสบการณ์ ฉะนั้น จึงขอถามว่า การเปิดร้านอาหารนั้นมีความจำเป็นหรือไม่ว่าเจ้าของต้องปรุงได้ “สาเหตุที่ทำให้ร้านอาหารเจ๊ง คือ เจ้าของไม่เข้าใจธุรกิจ บางคนคิดว่าแค่เป็นคนชอบกินก็เปิดร้านอาหารได้แล้ว บางคนสร้างร้านสวยหรู แต่ไม่ยอมเสียเงินเพื่อจ้างกุ๊ก ไม่ยอมจ้างผู้เชี่ยวชาญมาชี้ทางให้ ความไม่ประสบผลสำเร็จจึงเกิดขึ้น จริงแล้วเรื่องความอร่อยไม่ใช่ร้านเราร้านเดียว ลูกค้าโดยเฉพาะนักชิมเขารู้ดี ฉะนั้น ในเรื่องของราคาก็ต้องพิจารณาประกอบกัน ขายอาหารอร่อย แต่ราคาแพงกว่าร้านอื่น ลูกค้ามากินครั้งเดียวก็หายไปแล้ว” ก้าวมาถึงวันนี้ราว 8 ปีแล้วที่ร้านบ้านอำเภอเติบโตมา และเป็นการเติบโตอยู่บนฐานของความมั่นคง จนเกิดความแน่ใจในการขยับขยาย ก้าวมาสู่การเปิดสาขา 2 ที่จะรองรับคนกรุงเทพฯ และที่คาดหวังคือกลุ่มคนต่างชาติ ซึ่งหากผู้ใดสนใจต้องการลิ้มลองความอร่อย เดินทางไปได้ที่ สาขาแรก เลขที่ 244 หมู่บ้านสัมมากร รามคำแหง 112 เขตสะพานสูง กรุงเทพฯ และสาขา 2 อาคาร BOSS TOWER (ห่างจากช่อง 3 ประมาณ 100 เมตร) ถนนพระราม 4 คลองเตย กรุงเทพฯ โดยทั้ง 2 สาขาจะเปิดให้บริการเวลา 11.30-22.00 น. หรือโทรศัพท์สอบถาม (02) 373-3390, (085) 935-8144 ข้อมูลโดย มติชน

Create Date : 05 กรกฎาคม 2556
Last Update : 5 กรกฎาคม 2556 18:29:05 น.		1 comments
Counter : 2620 Pageviews.
Share Tweet