<<
มกราคม 2557
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
19 มกราคม 2557

กิน เที่ยว ช้อป จนอิ่มหนำ ดื่มด่ำบรรยากาศริมน้ำยามค่ำคืนที่ “เอเชียทีค”








ทางเข้าโครงการ


ย่านเจริญกรุงมีทั้งร้านค้า โรงละคร และร้านอาหาร


ย่านกลางเมือง


คล้องกุญแจคู่รัก


นั่งดื่มกินที่ย่านกลางเมือง


ย่านโรงงานกับหลังคาโครงเหล็กของโกดังเก่า


ประติมากรรมชาวท่าเรือ


ปั้นจั่นเก่าแก่


อาคารโบราณที่กำลังปรับปรุง


เอเชียทีค สกาย


สีสันแสงไฟในยามค่ำคืน






แม่น้ำเจ้าพระยา ถือเป็นเส้นเลือดเส้นใหญ่ที่หล่อเลี้ยงผู้คนมาอย่างยาวนานแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าสายน้ำที่คงอยู่มาเป็นเวลานานจะต้องผ่านเรื่องราวต่างๆ มามากมาย ซึ่งบางอย่างก็ได้ถูกบันทึกไว้ บางอย่างอาจจะสูญสลายไปตามกาลเวลา หรือบางแห่งอาจจะมีซากหรือร่องรอยอะไรบางอย่างที่เหลือทิ้งไว้ให้หวนนึกถึงอดีตได้



เหมือนกับแหล่งช้อปปิ้งที่ฉันจะไปเดินเล่นในช่วงพระอาทิตย์ตกดินเย็นนี้ ที่นอกเหนือจากจะเป็นแหล่งที่ให้ความบันเทิงเริงใจกับขาช้อป มีบรรยากาศที่งดงามริมแม่น้ำ และยังมีเรื่องเล่าขานถึงความสำคัญในอดีตของพื้นที่แห่งนี้อีกด้วย



บอกเลยก็แล้วกันว่าสถานที่แห่งนี้ก็คือ “เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์” (Asiatique The Riverfront) ที่ตั้งอยู่บนถนนเจริญกรุง และอยู่ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นแหล่งช้อปปิ้งและแฮงก์เอาท์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ก็เนื่องจากเป็นแหล่งรวบรวมร้านค้ามากมาย มีทั้งของใช้ ของฝาก เสื้อผ้า และอื่นๆ อีกมากมาย แถมยังมีร้านอาหารทั้งเล็กและใหญ่ให้เลือกชิมแบบนานาชาติ ที่สำคัญก็คือ บริเวณที่ตั้งนั้นอยู่ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา ทำให้บรรยากาศการเดินเล่นเป็นแบบสบายๆ ได้ชมทิวทัศน์งามๆ ของแม่น้ำ นั่งเล่นรับลมเย็นๆ แบบเพลินๆ



อย่างที่ฉันบอกไว้ว่าพื้นที่แถบนี้มีประวัติความเป็นมาที่ยาวนาน ซึ่งก็เริ่มตั้งแต่การเป็นที่ตั้งของ “วัดพระยาไกร” ที่ถูกยกฐานะขึ้นเป็นวัดหลวงในสมัยรัชกาลที่ 3 แต่ต่อมาได้กลายเป็นวัดร้างไป จนมาถึงสมัยรัชกาลที่ 4 ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้าง “ถนนเจริญกรุง” และยังมีการเปิดบริการรถรางไฟฟ้าบนถนนเจริญกรุงอีกด้วย



ภายหลังจากมีสนธิสัญญาเบาวริ่ง ทำให้สยามเกิดการค้าเสรี และมีบริษัทต่างชาติเข้ามาลงทุนมากมาย โดยบริษัท อีสต์เอเชียติก (เดิมชื่อ บริษัท แอนเดอร์เซ่น แอนด์ โค) เข้ามาสร้างท่าเรือและโรงเลื่อย ณ บริเวณวัดพระยาไกรที่กลายเป็นวัดร้างไปแล้ว โดยระหว่างก่อสร้างนั้นก็ต้องขนย้ายพระพุทธรูปที่เหลืออยู่ในวัดไปยังวัดสามจีน ระหว่างขนย้ายพระพุทธรูปองค์ใหญ่เกิดอุบัติเหตุลวดสลิงขาด องค์พระตกกระแทกพื้นอย่างแรง ปูนที่หล่อทับอยู่ด้านนอกกระเทาะออก เผยให้เห็นพระพุทธรูปทองคำที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งต่อมาขนานนามกันว่า “หลวงพ่อทองวัดไตรมิตร”


ท่าเรือของบริษัท อีสต์เอเชียติก เป็นท่าเรือที่สำคัญและทันสมัยที่สุดในเวลานั้น มีการนำเครื่องจักรขนาดใหญ่เข้ามาในสยามเป็นจำนวนมาก มีปั้นจั่นรางเลื่อนพลังงานไฟฟ้า และตัวโกดังเก็บสินค้ายังเป็นโครงสร้างเหล็ก แสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของท่าเรือในสมัยนั้น จนในช่วงสงครามมหาเอเชียบูรพา กองทัพญี่ปุ่นได้เข้ามายึดท่าเรือและคลังสินค้าของบริษัท อีสต์เอเชียติก เพื่อใช้เป็นฐานกำลังและคลังแสง ซึ่งในปัจจุบันยังคงได้เห็นรางรถขนแร่ และหลุมหลบภัยสมัยสงครามโลก



จากความหลังครั้งวันวาน มาจนถึงเมื่อปี 2555 ได้มีการปรับปรุงและพัฒนาพื้นที่โรงเลื่อย โกดัง และท่าเรือของบริษัท อีสต์เอเชียติก ให้กลายมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ โดยยังอนุรักษ์ร่องรอยต่างๆ ที่ยังคงหลงเหลืออยู่ พร้อมกับสร้างสิ่งก่อสร้างใหม่ที่ผสมผสานกันจนเป็นสถาปัตยกรรมร่วมสมัย และกลายมาเป็น เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ ในทุกวันนี้



แหม.. ยืนอ่านประวัติเขาเสียนาน ฉันว่ามันถือเวลาที่เราต้องออกเดินกันแล้ว แต่ถ้าใครกลัวจะหลง เพราะพื้นที่เขากว้างขวาง ก็เดินมาสำรวจแผนที่บริเวณทางเข้ากันก่อนก็ได้ ที่นี่ เขาจะแบ่งพื้นที่เป็นย่านต่างๆ โดยจำลองความรุ่งโรจน์ของธุรกิจบนถนนเจริญกรุงในยุครัชกาลที่ 5 มาให้ชม


เริ่มจากบริเวณทางเข้าโครงการ (จากฝั่งถนนเจริญกรุง) ตรงนี้เขาเรียกกันว่า “ย่านเจริญกรุง” ซึ่งด้านหน้าสุดจะเห็น “หลุมหลบภัย” ซึ่งเป็นของเก่าตั้งแต่สมัยสงครามโลก หากเดินเข้ามาจะเห็นร้านอาหารต่างๆ มีร้านขายของที่ระลึกสำหรับนักท่องเที่ยว ของตกแต่งบ้าน มีโรงภาพยนต์ 4 มติ โรงภาพยนตร์ โรงละคร และโชว์สวยๆ จากคาลิปโซ คาบาเร่ต์



เดินตรงเข้าไปด้านในเรื่อยๆ จะมาถึง “ย่านกลางเมือง” ที่รวบรวมอาหารอร่อยจากนานาชาติ ให้ได้นั่งดื่มกันในบรรยากาศสบายๆ และเป็นกันเอง และยังมีพื้นที่กิจกรรมกลางแจ้ง ที่จะหมุนเวียนกันจัดกิจกรรมตามเทศกาลต่างๆ อย่างวันที่ฉันไปนี้ก็เริ่มเข้าสู่บรรยากาศของเดือนแห่งความรักแล้ว ก็เลยมีการจัดกิจกรรมจำลองสวนแห่งความรักของจูเลียต มาไว้ให้ได้เข้าไปชม ไปถ่ายรูป มีของที่ระลึกขาย และที่สำคัญยังมีกุญแจคู่รักให้เข้าไปคล้องไว้กับรั้วรอบๆ สวน ให้บรรยากาศที่อบอวนไปด้วยความรักเสียจริงๆ



เลี้ยวมาซ้ายมืออีกนิด ก็จะเป็น “ย่านโรงงาน” บริเวณนี้จะเป็นพื้นที่พบปะสังสรรค์ และเป็นที่พักผ่อนหย่อยใจหลังเลิกงาน เนื่องจากได้รวบรวมร้านอาหาร ผับ และร้านขายสินค้าแฟชั่น ของประดับตกแต่งไว้มากมาย ยิ่งในช่วงพลบค่ำแล้วก็ยิ่งน่ามาเดินหรือนั่งเล่นแถบนี้มาก เพราะแต่ละร้านจะประดับประดาไฟสีสันสวยงาม เปิดเพลงจังหวะต่างๆ เคล้าคลอไปด้วย



ย่านสุดท้ายของที่นี่ก็คือ “ย่านริมน้ำ” เป็นจุดที่ฉันชอบที่สุด เพราะว่าได้ชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยาแบบพาโนรามา มานั่งดูสีสันของท้องฟ้าที่แปรเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามแสงตะวัน และเมื่อพระอาทิตย์ตกดินไปแล้วก็เปลี่ยนมาเป็นสีสันของแสงไฟ ทั้งจากในโครงการ และจากฝั่งตรงข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ที่สะท้อนแสงลงบนน้ำดูระยิบระยับ



แต่นอกจากจะมาชมบรรยากาศสวยๆ ในย่านริมน้ำนี้แล้ว ยังมีประติมากรรมที่สะท้อนถึงวิถีชีวิตของคนงานท่าเรือ มีปั้นจั่นรางเลื่อนตัวเก่า ที่ยังติดตั้งอยู่บริเวณริมแม่น้ำ ทำให้ได้ย้อนไปถึงเมื่อวันที่ท่าเรือแห่งนี้ยังคงมีความสำคัญอยู่ และยังปรากฏอาคารสถาปัตยกรรมโบราณที่ในอดีตเคยเป็นอาคารของบริษัทอีสต์เอเชียติก แต่ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการปรับปรุงให้มีสภาพดีขึ้น



อีกจุดหนึ่งที่ถือว่าเป็นแลนด์มาร์กสำคัญของเอเชียทีค ก็คือ “เอเชียทีค สกาย” ชิงช้าสวรรค์ขนาดใหญ่ที่เป็นจุดดึงดูดสายตาของทุกคน ไม่ว่าจะเดินทางมาทางรถ (ถนนเจริญกรุง) หรือทางเรือ (แม่น้ำเจ้าพระยา) ก็จะสามารถมองเห็นชิงช้าขนาดยักษ์เด่นเป็นสง่า ซึ่งถ้าได้ขึ้นไปด้านบนก็จะสามารถชมทิวทัศน์กรุงเทพฯ ในมุมสูงได้แบบรอบตัว



เดินวนในเอเชียทีคอยู่สามรอบเต็มๆ แวะชิมของอร่อยจากหลายๆ ร้านจนอิ่มแน่นกระเพาะ แถมสองไม้สองมือยังเต็มไปด้วยถุงช้อปปิ้งที่มีทั้งของกิน ของใช้ และของฝาก ฉันก็เริ่มเหนื่อยเต็มที ขาก็ล้า เริ่มจะก้าวไม่ออกแล้ว คืนนี้ก็เลยขอไปตบท้ายด้วยการขึ้นชิงช้าสวรรค์ “เอเชียทีค สกาย” นั่งพักผ่อนชมกรุงเทพฯ ที่ระยิบระยับไปด้วยแสงไฟ ก่อนจะกลับบ้านนอนด้วยความสุขใจ



“เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์” (Asiatique The Riverfront) ตั้งอยู่ระหว่างซอยเจริญกรุง 72-76 ถนนเจริญกรุง แขวงวัดพระยาไกร เขตบางคอแหลม กทม. เปิดบริการทุกวัน เวลา 17.00-00.00 น.



สำหรับการเดินทางมายังเอเชียทีคสามารถมาได้หลายเส้นทาง โดยเส้นทางที่สะดวกที่สุดคือ นั่งเรือด่วนเจ้าพระยามาลงที่ท่าเรือสาทร หรือใช้บริการ BTS ลงที่สถานีตากสิน จากนั้นจะมีเรือของเอเชียทีคให้บริการรับ-ส่งฟรี ระหว่างท่าสาทร-เอเชียทีค ระหว่างเวลา 16.00-23.30 น.



ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ //www.thaiasiatique.com




ข้อมูลโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์














Create Date : 19 มกราคม 2557
Last Update : 19 มกราคม 2557 12:31:33 น. 1 comments
Counter : 2210 Pageviews.  

 


โดย: ญามี่ วันที่: 19 มกราคม 2557 เวลา:12:33:08 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ญามี่
Location :
ภูเก็ต Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 260 คน [?]






อัพบล็อกครั้งแรก ๑๔ มีนาคม ๒๕๕๑
free counters
who's online
คนพูดน้อยคิดบ่อยแต่ไม่เงียบ
ไร้ระเบียบเคลิ้มครุ่นอณูคุ้นฝัน
ไม่ประวิงหากทิ้งจักลืมวัน
พลัดผ่านพลันหากจากยากฝากคอย...











[Add ญามี่'s blog to your web]