กาลเวลาและสายน้ำไม่เคยย้อนทวน
แต่ความทรงจำบางอย่างในชีวิตไม่เคยลบไปตามครรลองแห่งเวลา
Dedication To: my son Jit....... I love you today as I have from the start,.... And I will love you... forever... with all of my heart...
 
กันยายน 2548
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
28 กันยายน 2548

...รอยด่างบนผ้าขาว...

..." แม่..อย่าไป.." เสียงร้องไห้ฟูมฟายของลูกตัวน้อย เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นทุกวัน เมื่อถึงเวลาออกจากบ้านไปทำงาน...วันนั้นก็ไม่แตกต่างจากวันอื่นๆ...จิตรซึ่งขณะนั้นอายุได้ ห้าขวบ หน้าเบ้ น้ำตาคลอคลอง เดินมากอดรั้งฉันไว้เช่นเคย..." แม่ไปไม่นานหรอกลูก...จิตรอยู่กับซูซานนะ....เดี๋ยวตอนเย็นแม่ก็กลับแล้ว"...ฉันกล่าวพลางพยายามแกะนิ้วเล็กๆที่เกาะชายกางเกงไว้อย่างแน่นเหนียวให้คลายออก....

ซูซานเพื่อนข้างห้องที่ฉันจ้างให้ดูแลจิตรระหว่างออกไปทำงาน เข้ามาอุ้มจิตรแยกออกไป....แต่เมื่อฉันเริ่มปั่นจักรยานออกจากบ้าน...ร่างเล็กๆที่ถูกพี่เลี้ยงอุ้มไว้ ก็สะบัดดิ้นรนจนหลุด พลางซอยเท้าวิ่งตาม ร้องเรียกผู้เป็นแม่ให้กลับมาด้วยน้ำตาที่นองหน้า...ฉันหันไปมองแต่ต้องใจแข็งไม่ยอมหยุดรอ เพราะรู้ดีว่าหากทำเช่นนั้นแล้ว...การจะไปทำงานวันนั้นต้องล้มเลิก เหมือนที่เคยเกิดขึ้นมาก่อนหน้านั้นหลายครั้ง....

สองชีวิตแม่ลูกที่มีกันและกันตั้งแต่จิตรเริ่มกำเนิดในท้อง ทำให้ความผูกพันที่มีมากมายเกินกว่าจะบรรยายได้....หลังจากหย่าขาดจากพ่อของเด็ก ฉันหอบลูกไปเช่าอพาร์ทเมนท์พักอาศัยอยู่ที่เมือง โอ๊คแลนด์ ฝั่งตรงข้ามกับมหานครซานฟรานซิสโก...งานที่หาได้ตอนนั้นเป็นงานแคชเชียร์ร้านเบเกอรี่แห่งหนึ่ง....ระยะทางจากที่พักไปยังที่ทำงานไม่ไกลเท่าไหร่นัก...พาหนะการเดินทางที่สะดวกและรวดเร็วจึงเป็นจักรยานเสือหมอบคันเก่าๆที่ไปซื้อหามาจากร้านขายของมือสอง...เย็นวันนั้นเมื่อเลิกงานอากาศที่เริ่มโพล้เพล้ยามค่ำเป็นสิ่งที่คุ้นชินเช่นเคย...นึกขึ้นได้ว่าวันรุ่งขึ้นเป็นวันหยุด ตั้งใจว่าจะพาจิตรไปห้องสมุดใหญ่กลางใจเมืองซานฟรานฯ...เท้าไวเท่าใจคิด ฉันก้าวเข้าไปซุปเปอร์มาร์เก็ตฝั่งตรงข้าม กดเงินจากตู้เอทีเอ็มเตรียมไว้สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายของตัวเองและลูก....

ไม่รู้ตัวเลยว่าระหว่างนั้นได้มีสายตาคู่หนึ่งจับจ้องการเคลื่อนไหวของฉันอยู่อย่างเงียบๆ....หลังจากเสร็จธุระฉันรีบปั่นจักรยานมุ่งหน้ากลับบ้าน...ใจนั้นจดจ่ออยู่ที่ลูกซึ่งคงกำลังตั้งตาคอยฉันกลับเช่นเคย...ทันทีที่จักรยานเลี้ยวผ่านมุมตึก...เสียงฝีเท้าที่วิ่งมาอย่างรวดเร็วข้างหลัง ทำให้ฉันเอี้ยวตัวหันไปมองด้วยความแปลกใจ...สิ่งที่ผ่านแว่บมาทางหางตาคือร่างทะมึนสูงใหญ่ที่วิ่งเข้ามาประชิดข้างหลังอย่างรวดเร็ว..พร้อมๆกับอาวุธซึ่งคงจะเป็นเหล็กท่อนขนาดเหมาะมือ หวดกระหน่ำมาที่ศรีษะของฉันอย่างรวดเร็ว...เป้าหมายคงกะเป็นท้ายทอย บังเอิญฉันเอี้ยวตัวไปพอดี จึงพลาดจุดสำคัญ...แต่ความแรงที่หวดลงมาก็ทำให้ฉันถึงกับร่วงลงจากจักรยานแบบตั้งตัวไม่ทัน...สัญชาติญาณการป้องกันตัวจากที่เคยมีประสบการณ์ถูกสลายม็อบในอดีต ฉันรีบงอตัวเอาสองมือปิดกระหม่อมกลางศรีษะและจุดทัดดอกไม้ไว้...สองมือสัมผัสกับน้ำอุ่นเหนียวที่เริ่มซึมไหลออกมาจากบาดแผลที่ถูกกระหน่ำตีครั้งแรก...แหงะหน้าดูเห็นร่างนั้นก้าวเข้ามาอีกครั้ง...พร้อมทั้งเงื้อท่อนเหล็กในมือขึ้นสุดแขนเตรียมกระหน่ำลงมาเป็นครั้งสุดท้าย....

วินาทีนั้นไม่รู้มีอะไรดลใจให้ฉันดึงกระเป๋าสตังค์ใบเล็กจากกระเป๋ากางเกง สะบัดขว้างออกไปข้างหน้า...เหรียญเงินและธนบัตรที่กระจายออกมาจากกระเป๋า ทำให้ร่างทะมึนนั้นชะงักมือ ก้มลงมาตะครุบเงินด้วยอาการลุกลี้ลุกลน...เพียงเสี้ยววินาทีนั้นเพียงพอที่ฉันจะรวบรวมกำลังทั้งหมดลุกขึ้นวิ่งสุดแรงเกิด เข้าไปข้างในร้านค้าข้างๆ...เลือดที่ไหลโทรมร่างจากบาดแผลที่ศรีษะเรียกความสนใจจากคนในร้านให้กรูกันเข้ามาดูและโทร.เรียกตำรวจอย่างรวดเร็ว..

ฉันถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลในไม่กี่นาทีถัดมา..ความรู้สึกตอนนั้นมึนชา...ไม่รู้สึกเจ็บปวดใดๆทั้งสิ้น...ในใจนึกถึงแต่ลูกว่าจะเฝ้าคอยหา...ฉันบอกตำรวจให้โทรแจ้งข่าวแก่ซูซานให้รับรู้ไว้และดูแลจิตรไว้ก่อนจนกว่าฉันจะกลับไป...ขณะที่นั่งรอทำแผลที่ศรีษะ...ซูซานที่พอรู้ข่าวก็รีบพาจิตรตามมาดูอาการที่โรงพยาบาลด้วยความเป็นห่วง...ทันทีที่เห็นหน้าลูก น้ำตาที่ไม่ไหลซักหยดตั้งแต่เกิดเรื่อง ก็ทะลักทะลายไหลร่วงออกมาอย่างระงับไม่อยู่...รู้แน่แก่ใจในตอนนั้นเองว่าความกลัวที่กดดันมากที่สุดคือกลัวว่าจะไม่ได้มีโอกาสเห็นหน้าลูกที่รออยู่นั่นเอง...

จิตรเองก็คงจะตกใจกับสิ่งที่เห็นเช่นกัน แต่ยังถลาเข้ามาเกาะแขนฉันไว้แน่น..ทุกครั้งที่เห็นแม่ร้องไห้ จิตรจะเข้ามาลูบหลัง ซบหน้าปลอบโยนฉันเสมอ...ครั้งนี้ก็เช่นกัน.." แม่ ..อย่าร้องไห้นะ." เสียงอ่อนใสพึมพำอยู่ข้างๆ...ระหว่างนั้นตำรวจที่รับแจ้งเหตุได้เข้ามาสอบปากคำเพิ่มเติม ซึ่งฉันก็ให้การไปเท่าที่จำได้ว่า คนร้ายเป็นคนผิวดำโฮมเลสที่เคยเห็นป้วนเปี้ยนอยู่หน้าร้านที่ทำงาน...ที่จำได้แม่นเพราะบางครั้งฉันยังเคยยื่นขนม ผลไม้ให้ด้วยความเวทนา...คนพวกนี้ส่วนหนึ่งจะติดยาและทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เงินยามเกิดอาการเสี้ยนยา...ตลอดเวลาที่พูดคุยกับตำรวจ ฉันไม่เฉลียวใจเลยว่าลูกวัยห้าขวบของฉันได้บันทึกจดจำสิ่งที่เกิดขึ้นไว้ในความคิด ความรู้สึกอย่างแนบแน่น....

หลังเกิดเรื่องฉันตัดสินใจพาลูกย้ายที่อยู่อีกครั้ง...ไปให้ห่างไกลจากเมืองใหญ่ที่น่ากลัว...เลือกลงหลักปักฐานที่เมืองเล็กๆที่อยู่ปัจจุบัน...จากเหตุการณ์นั้น ทุกครั้งที่จิตรเห็นคนผิวดำเฉียดกรายมาใกล้..คำพูดที่ออกมาจากปากของลูกคือ.." คนดำเลว..ทำร้ายแม่"...ถึงแม้ฉันจะพยายามอธิบายให้ลูกเข้าใจว่าสีผิวไม่ได้แบ่งแยกความดีเลว การกระทำของคนๆเดียวจะไปตัดสินคนกลุ่มใหญ่ไม่ได้ แต่ดูเหมือนว่าผ้าขาวผืนน้อยของผู้เป็นแม่ ได้ซึมซับรอยด่างแห่งความเกลียดชังไว้อย่างมากมาย...หมดหนทางพูดให้ลูกเข้าใจ ฉันจึงใช้วิธีใหม่ด้วยการพาลูกไปรู้จักใกล้ชิดกับคนผิวดำที่นิสัยดีน่ารักและเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้คนเหล่านั้นได้รับทราบ...ใหม่ๆจิตรก็ยังไม่ยอมออมคำพูดที่ฟังแล้วสแลงหูคนผิวสี....จนกระทั่งถึงวันที่จิตรต้องไปเรียนร่วมกับเพื่อนใหม่...

ฉันกับลูกเดินไปดูสภาพโรงเรียนด้วยกันในวันแรก ...ขณะที่ยืนอยู่ที่สนามเด็กเล่น...เด็กชายวัยใกล้เคียงกับจิตร แต่ผิวดำผมหยิกหยองวิ่งเข้ามาหยุดยืนตรงหน้า พร้อมแนะนำตัวเองด้วยเสียงฉะฉานมั่นใจ..ในมือถือลูกบอลไว้และชักชวนให้จิตรไปเล่นด้วยกัน....ฉันก้มหน้ามองลูกพยักหน้าให้รับคำชวน ในขณะที่จิตรทำหน้าขึง เม้มปากอย่างไม่สบอารมณ์นัก...แต่เมื่อเด็กชายตรงหน้ารบเร้ามากๆเข้า ก็เดินตามไปอย่างเสียไม่ได้....สักพัก เสียงหัวเราะสดใสของเด็กทั้งสองก็สอดประสานขึ้น....เย็นวันนั้นเมื่อฉันไปรับจิตร..ภาพของเด็กผิวต่างสีที่จูงมือกันวิ่งออกประตูห้องเรียนมาด้วยความร่าเริง เป็นภาพที่สวยงามภาพหนึ่งที่ประทับอยู่ในความทรงจำของคนเป็นแม่อย่างมิรู้ลืม.....


Create Date : 28 กันยายน 2548
Last Update : 28 กันยายน 2548 10:29:20 น. 11 comments
Counter : 614 Pageviews.  

 
แวะมาอ่าน....เรื่องราวประทับใจมากๆเลย...


โดย: ตี๋น้อย (Zantha ) วันที่: 28 กันยายน 2548 เวลา:8:57:26 น.  

 
ขอบคุณ คุณตี๋น้อยที่แวะมาอ่านและคอมเมนท์ให้ค่ะ


โดย: แม่ของจิตร วันที่: 28 กันยายน 2548 เวลา:9:09:04 น.  

 
แวะมาเยี่ยมและขอบคุณพี่ปิ๊กค่ะ พี่ปิ๊กสบายดีนะค่ะ น้องจิตรเรียนไปถึงไหนแล้วค่ะ ไม่ได้ข่าวคราวนานแสนนาน ยีนส์คิดว่าพี่ปิ๊กคงเรียนหนักแน่ ๆ เลย ยังไงก็อย่าลืมรักษาสุขภาพนะค่ะ เป็นกำลังใจให้เสมอค่ะ ว่าง ๆ จะแวะมาเยี่ยมบ่อย ๆ ค่ะ


โดย: Roslita (roslita ) วันที่: 28 กันยายน 2548 เวลา:9:09:11 น.  

 
ขอบคุณเรื่องราวดีๆค่ะ


โดย: ธูปหอมเทียนสว่าง วันที่: 28 กันยายน 2548 เวลา:9:11:30 น.  

 
.....ยีนส์พี่สบายดี เรียนหนักอย่างที่ว่าแหละ ว่างๆจะแอบไปจิ๊กสูตรกับข้าวอีกนะ


โดย: แม่ของจิตร วันที่: 28 กันยายน 2548 เวลา:9:16:55 น.  

 
ขอบคุณ คุณธูปหอมที่แวะมาอ่านเช่นกันค่ะ


โดย: แม่ของจิตร วันที่: 28 กันยายน 2548 เวลา:9:19:36 น.  

 
อ่านแล้วรู้สึกดีจริงๆ ประทับใจมากค่ะ


โดย: พฤษภาคม 2510 วันที่: 28 กันยายน 2548 เวลา:12:22:28 น.  

 
แวะมาเยี่ยมคุณแม่ของหนูจิตรครับ
และอ่านเรื่องราวที่ทำให้ผ้าขาวต้องมาเปื้อนฝุ่นครับ
ปล.ขอเชิญชวนไปบล๊อกผม อ่านวิธีในการดูแลจิตใจเด็กสิครับ


โดย: เงือกลม วันที่: 28 กันยายน 2548 เวลา:14:22:51 น.  

 


โดย: เด็กชายก้อง วันที่: 28 กันยายน 2548 เวลา:23:19:21 น.  

 


โดย: เรียม IP: 209.145.112.75 วันที่: 20 เมษายน 2549 เวลา:6:10:19 น.  

 
อ่านไปร้องไห้ไป ขอเป็นกำลังใจให้จิตร กับแม่นะคะ ขอให้มีความสุข ปราศจากภัยอันตรายทั้งปอง


โดย: เรียม แคนาดา IP: 209.145.112.75 วันที่: 20 เมษายน 2549 เวลา:6:12:04 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Lascrus13
Location :
บุรีรัมย์ United States

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




<Notre Dame de Paris - Belle
สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2539 ห้ามผู้ใดละเมิด โดยนำข้อความต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นส่วนใดส่วนหนึ่ง หรือทั้งหมดใน Blog แห่งนี้ไปใช้ และ/หรือเผยแพร่ โดยมิได้รับอนุญาต เป็นลายลักษณ์อักษร
[Add Lascrus13's blog to your web]