Group Blog All Blog
|
ฝ น ล้ า ง ใ จ ก ลิ่ น ใ ห้ จำ ฝนขาดฟ้า ที่อยู่ ๆ ก็โปรยสายแผ่วเบาลงมาเมื่อตอนย่ำรุ่ง ทำให้อากาศหนาว ๆ เรียกให้คนที่นอนไม่ค่อยหลับอย่างผม อดไม่ได้ที่จะลุกจากผ้าห่มอุ่น ๆ มายืนมองเม็ดฝนเล็ก ๆ ที่เคาะเรียกผ่านกระจกบานใสในห้องนอนเหงา ๆ กลิ่นหวานชื้นของเม็ดฝน ทำเอาความรู้สึกเก่า ๆ ที่ตกตะกอนในหัวใจให้ลอยอวนขึ้นมาอีกครั้งอย่างที่ไม่อยากให้เป็น ผมเลยนึกถึงคำพูดบางประโยคที่ใครคนหนึ่งเคยพูดกับผมไว้ว่า ......กลิ่นเป็นเสมือนลูกกุญแจที่จะใช้ไขเปิดบานประตูแห่งอดีต ทำให้เรื่องบางสิ่งที่เราหลงลืม ลอยตัวขึ้นมากลายเป็นความทรงจำได้ดีนัก... และถ้าเป็นเช่นนั้น ลูกกุญแสำหรับไขบานประตูแห่งความทรงจำของผม ก็คงเป็นกลิ่นหวานชื้นของเม็ดฝนที่ล่วงหล่นในคืนนี้ คืนที่ผมไม่ได้อาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ แต่ผมกำลังยืนมองเม็ดฝนผ่านทางกระจกใสของบ้านเล็ก ๆ กลางสวนที่ผมจากไปนาน และนานพอที่จะหลงลืมทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมไม่อยากจดจำ ซึ่งจริง ๆ แล้วผมโยนเจ้าลูกกุญแจแห่งวันวานนี้ทิ้ง ตั้งแต่วันที่ผมเดินออกจากที่นี่ไป แต่วันนี้มันกลับถูกเปิดขึ้นโดยอัตโนมัติ ราวกับว่า มันรอคอยผมอยู่ในที่ใดที่หนึ่งของขอบความทรงจำที่ผมพยายามลืม ทันทีที่ประตูแห่งอดีตเปิดออก ตะกอนขุ่น ๆ ที่นอนนิ่งอยู่ข้างใต้ ก็ถูกกวนให้ฟุ้งขึ้นมาอีกครั้ง มันเป็นการยากที่จะทำให้มันตกตะกอนลงอีก ในเมื่อความทรงจำแห่งความเจ็บปวดได้ถูกเปิดขึ้นโดยไม่ได้รับเชิญ ที่นั่นผมเก็บความรู้สึกเก่า ๆ ไว้ มันถูกกระชากเปิดออก เพื่อที่จะพบว่า ภาพของใครบางคนที่ผมพยายามหนักหนาที่จะลืม แต่ผมก็ทำไม่ได้ ในวันนั้นจึงทำเพียงแค่ปิดประตูบานนี้ทิ้งไว้ แล้วเดินจากมา พร้อม ๆ กับโยนลูกกุญแจดอกนั้นทิ้งไปด้วย แต่น่าแปลก เพียงแค่ผ่านเข้ามาผมกลับจำได้ดี ว่าที่นั่นผมเก็บซ่อนภาพใครไว้ หรือเพราะว่ามันจารติดแน่อยู่ในวิญญาณที่ด้านชาของผม แต่เป็นเพราะผมเองที่เสือกไสมันเข้าไปเก็บไว้ในประตูบานนั้น โดยการหลอกตัวเองให้ลืม..... ท้องฟ้าด้านนอกกลายเป็นสีฟ้าหม่นแล้ว แต่ในสายตาผม ตอนนี้ มันกลายเป็นภาพโทนซีเปียไปทั้งหมด ดูซึมเซา หม่นเศร้า และหมองมัว ราวกับว่า ผมได้ตกไปอยู่ในห้วงเหวแห่งอดีต ที่แม้ว่าจะพยายามตะกายขึ้นมาเท่าไรก็ทำไม่ได้ ความเจ็บปวดจากความทรงจำเมื่อวันวานเล่นงานผมอย่างหนักหน่วง ราวกับว่ามือนับร้อยนับพันกำลังยืดยุดฉุดกระชากให้ผมจมจ่อมลงไปกับวังวนแห่งอดีตที่แสนปวดร้าว ล่วงหล่นลึกลงในในซอกหลืบแห่งหุบเหวแห่งความราวร้าน จนหาทางออกไม่เจอ แม้จะพยายามปีนป่ายกลับขึ้นไปด้านบนสักเท่าไร แต่เมื่อผมยังหันกลับไปมองอยู่ที่เดิม รู้สึกอย่างเดิม ผมก็จะพบว่า ผมได้ล่วงหล่นลงไปอยู่ที่ก้นเหวเบื้องล่างอีกอยู่ดี ไม่มีใครได้ยิน และไม่มีใครยื่นมือมาช่วยผมได้สักคน นอกจากตัวผมเองเท่านั้น... ผมรู้ดีว่า วันวานผ่านไป เหมือนกับเวลาที่เดินอย่างรวดเร็ว และไม่ย้อนกลับคืนมาอีกครั้ง เหมือนกับ ความรู้สึกบางอย่างที่เกิดขึ้นกับชีวิต เมื่อเริ่มขึ้นแล้ว ก็ยากที่จะลืมมันไปให้สิ้นซาก มันจะเป็นขยะติดอยู่ในความทรงจำที่ผมอยากจะลืม แต่ทำไม่ได้ แม้ว่าผมจะท่องอยู่ในสมองอยู่ตลอดเวลา ที่ผมอยู่ด้านล่างของหุบเหว ว่า ลืม ลืม ลืม และลืม แต่ดูเหมือนว่าจะเป็นการท่องตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง ผมพ่ายแพ้ต่อความรักที่มีต่อใครบางคนที่ผมซ่อนเอาไว้อย่างสิ้นเชิง ประตูบานเก่า ที่ถูกเปิดขึ้นอีกครั้ง บางทีอาจเป็นเพราะผมเองก็ได้ ที่ลึก ๆ ข้างในใจผมแล้วมันเรียกร้องให้ผมเปิดมันขึ้นมาอีกครั้ง ผมจึงกลับมาที่นี่ ... บางทีอาจไม่ต้องใช้ ลูกกุญแจที่ได้มาอย่างฟลุ๊กๆ แต่จริง ๆ แล้ว ลูกกุญแจนั้นอยู่ที่ไหนสักแห่งในหัวใจผมที่ผมแกล้งทำเป็นลืมมันไป เหตุผลก็แค่ ไม่อยากนึกถึงมันให้รวดร้าวกว่านี้ .....ฝนล้างใจ กลิ่นให้จำ.... ผมนึกถึงประโยคนี้ขึ้นมาตอนยืนมองเม็ดฝนที่เริ่มขาดสาย ฝนชะล้างทุกสิ่งทุกอย่างให้สะอาด แต่ดูท่ามันคงจะยากหน่อยที่จะล้างสิ่งที่ติดอยู่ในหัวใจผมให้หลุดออกไปได้ อีกไม่นานพระอาทิตย์จะสาดแสง และความชื้นแห่งผืนดินจะเหือดแห้ง ลูกกุญแจของประตูแห่งความทรงจำจะถูกเลือนหาย และตอนนั้น ตะกอนที่ถูกกวนขึ้นมาในใจผมจะตกตะกอนนอนนิ่งไปหรือยังผมไม่รู้ ผมรับรู้เพียงแต่ว่า ผมต้องรีบตะกายขึ้นมาจากหุบเหวนั้นให้ได้ ก่อนที่ผมจะถูกดึงให้จมลงไปในความเศร้าและเจ็บร้าวมากกว่านั้น และบางทีอาจถึงเวลาที่ผมควรจะยอมรับกับตัวเองเสียทีว่า บางทีการทนอยู่กับความทรงจำที่เจ็บปวด มันอาจจะดีกว่าการแกล้งลืมมันไป เพราะยิ่งอยู่กับมันนานเท่าไร หัวใจจะเริ่มชาชินขึ้นมากเท่านั้น สุดท้ายมันจะกลายเป็นความชินชา และผมจะอยู่ได้โดยไม่ต้องเจ็บปวดมากมาย หรือแกล้งทำเป็นลืมมันไปซะ มันอาจจะดีกว่า... นายจิตปาตลี โดย: wormearth IP: 58.136.199.254 วันที่: 19 พฤษภาคม 2549 เวลา:23:29:15 น.
|
จิตปาตลี
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] Friends Blog
Link |