Group Blog All Blog
|
๒๒๒ ถึ ง เ ธ อ ค น นั้ น ๒๒๒ วันนี้ที่นี่ฝนตกอีกแล้ว ฝนตกปรอย ๆ ทั้ง ๆ ที่เมื่อวานแดดออก ส่องแสงร้อนจ้าไปหมดจนผมแทบจะหมดความอดทนกับฤดูฝนที่กลายเป็นฤดูร้อนอย่างผิดปกติในปีนี้ แต่พอฝนตกลงมามันก็เลยลดความร้อนของผมลงไปได้บาง และในขณะเดียวกันมันก็ไปกระตุ้นเตือนต่อมแห่งความทรงจำบางเรื่องของผมเข้า... ฝนตก...ทำให้ผมคิดถึงใครบางคนอย่างจับใจ ใครบางคนซึ่งตอนนี้เค้าน่าจะลืมผมไปแล้ว...และเธอก็เป็นคนที่ไม่ใช่ภรรยาของผมในตอนนี้ เรื่องราวระหว่างเรามันเกิดมาเนิ่นนานแต่มันยังคงแจ่มชัดอยู่ในความทรงจำของผมเสมอ ... เรื่องระหว่างเราเกิดขึ้นในตอนนั้น ตอนที่ฝนตกหนัก วันแรกที่ผมไปเริ่มงานที่โรงงานใหม่ ๆ ฝนตกหนักตลอดวัน ที่ด้านล่างตึกออฟฟิศที่ผมไปรายงานตัว มีห้องกระจกห้องหนึ่งที่แยกจากออฟฟิศชั้นสาม มาอยู่ที่นั่น ติดป้ายหน้าห้องว่า ห้องหัวหน้าแผนกขนส่งและสต๊อคสินค้า พอมองผ่านเข้าไปผมก็เจอกับผู้หญิงคนหนึ่ง ที่ท่าทางคงจะเป็นเจ้าของห้อง ๆ ผู้หญิงขี้โวยวาย โมโหฉุนเฉียว เสียงดัง และปากจัด เวลาเห็นเธอทีไร ผมก็ได้แต่อมยิ้มกับกิริยาอาการของเธอเสมอ ไม่มีครั้งใดที่ผมเห็นเธอ แล้วเธอจะไม่ยุ่ง นั่นคือคำสรุปสั้น ๆ ง่าย ๆ ของผมและทุกคนในโรงงาน ไม่ว่าฝนจะตกฟ้าจะร้อง เธอมีงานยุ่ง และวุ่นวายอยู่เสมอ และไอ้ทุกกิริยาอาการของเธอนั้นก็มาจากงานที่ไม่ได้สเป็ค ลูกน้องสั่งไม่ได้เรื่องได้ราวสั่งหนึ่งเอาสองมาให้ประมาณนั้น แต่ทุกสิ่งที่เธอทำก็เพื่อให้งานที่เธอรับผิดชอบออกมาได้ดี จริง ๆ ผมก็รู้ว่า ไอ้อาการโวยวาย ปากจัด เสียงดังของเธอนั้นจะเป็นเหมือนเกาะคุ้มกันตัวจริงของเธอต่างหาก ตัวจริงที่เธอซ่อนมันไว้ข้างใน... ไว้ผมจะเล่าให้คุณฟังทีหลังนะ... แหวนสวยนะ ผมเหลือบตามองคนที่พูดกับผม คนพูดที่ยืนทำหน้าเครียดสั่งงานอยู่ข้าง ๆ ผมที่กำลังซ่อมเครื่องอยู่ เธอมาตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ ครับ ผมยังคงเอ๋อ ๆ ว่าเธอพูดกับผมหรือเปล่า แต่เธอพูดกับผม ...เธอเหลือบตามองมานิดหนึ่งพร้อมยิ้มบาง ๆ แหวนคุณก็สวย นี่เหรอ เธอยกมือซ้ายที่สวมแหวนเทอร์คอยซ์ รูปวงรีสีฟ้าอมเขียวที่สวมติดอยู่ที่นิ้วนางขึ้นมาตรงหน้าผม ซึ่งที่นิ้วกลางข้างขวาของผมนั้นเป็นแหวนเทอร์คอยซ์รูปสี่เหลี่ยม และในตอนนั้นก็พอทำให้ผมเดาได้ว่าเธอชอบเครื่องประดับหินชนิดนี้มากเพียงใด และนับแต่วันนั้น ผมและเธอก็เริ่มทำความรู้จัก ทักทายกันมากขึ้น มากขึ้นตามวันเวลาที่เพิ่มมากขึ้น โดยต่างคนต่างเอาความรู้สึกมาเจอกัน ชอบคำนี้จัง เอาความรู้สึกมารู้จัก มาเจอกัน เธอเอ่ยปากบอกผมในวันหนึ่งในหลายวันที่เราคุยโทรศัพท์กันอย่างนี้ แล้วเราเจอกันหรือยัง ผมเอ่ยปากถาม เธอเงียบ ๆ ไปก่อนที่ผมจะได้ยินเสียงถอนหายใจยาวเหยียด ซึ่งผมแปลไม่ได้ว่ามันหมายความว่าอะไร แล้วคิดว่าอย่างไรล่ะ ในที่สุดเธอก็เอ่ยปากออกมา เจอแล้ว ผมตอบ และในคำตอบนั้นแม้ว่ามันจะผิดในความรู้สึกของผม แต่ผมก็อยากบอกให้เธอรู้ ทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับผม ตัวผม... ในทุกวันที่เราแยกกันกับบ้าน ผมมักจะอดไม่ได้เสมอที่จะโทรหาเธอหลังสองทุ่ม เพราะรู้ว่าเธอจะถึงบ้านแน่นอนแล้ว และแม้ว่าเราจะเจอกันที่โรงงานแทบจะทุกวันแล้ว ผมก็ยังมีเรื่องราวที่คุยกับเธอไม่หมดสิ้น และบ่อยครั้งที่เราคุยกันจนถึงเช้า และผลของการคุยโทรศัพท์มาราธอนนั้นทำให้ต่างคน ต่างพกหมีแพนด้ามาทำงานด้วยกันทั้งคู่ จนเธอเองเป็นฝ่ายทนไม่ไหว เราจำกัดเวลาคุยกันเถอะ คุยกันถึงเช้าอย่างนี้ไม่ไหวแล้วนะ สองทุ่มถึงหกทุ่ม ผมจำได้ว่าบอกเธอไปอย่างนั้น เธอตีหน้ายุ่ง ๆ ก่อนจะต่อรองว่า สองทุ่มถึงสี่ทุ่ม ทำไม เธอจะได้พักผ่อนไง อย่าลืมนะว่าตัวเองทำงานกับเครื่องจักร ส่วนเราทำงานกับคนมันไม่เท่าไรหรอก ผมซาบซึ้งกับความห่วงใยของเธอในคำพูดประโยคนั้น และมันก็เป็นเช่นนี้มาเรื่อย ๆ จนคนสองคนไม่เคยรู้ตัวเลยว่า ความผูกพัน นั้นได้กลายเป็นความรัก ที่เรารู้สึกได้ ในส่วนลึกของหัวใจผม และผมเห็นความรักนั้นอยู่ในแววตาของเธอเช่นกัน แต่ไม่เคยมีใครพูดถึงมัน เพราะต่างคนต่างรู้ว่า ระหว่างเรามีเส้นคั่นบาง ๆ กั้นกลางอยู่ มันเป็นเส้นที่เธอเป็นคนลงมือขีดไว้ และเป็นเส้นที่ผมข้ามผ่านไปไม่ได้ ถ้าถนนที่เรากำลังเดินกันไปอย่างนี้ มันไม่มีปลายทางล่ะ ผมเอยปากถามเธอในวันหนึ่งที่เราไปเที่ยวทะเลยด้วยกัน และตัวผมก็เริ่มรู้สึกว่า ตัวเองกำลังอยากจะข้ามเส้นที่ตัวเองข้ามไปไม่ได้นั้นไป มันก็อยู่ที่ว่าบนถนนนั้นมีนายอยู่ด้วยหรือเปล่า เธอตอบพร้อมทอดสายตามองเกลียวคลื่นอยู่เงียบ ๆ ถ้าเรากำลังเดินอยู่ด้วยกัน โดยที่รู้ว่า ถนนเส้นนี้ไม่มีปลายทางล่ะ ผมเอ่ยถามเธอไปอีกครั้ง ก็ ไหน ๆ ก็ลงเดินมาขนาดนี้แล้ว ยังไงก็ต้องลองเดินต่อไปให้สุดล่ะ ไม่ว่าปลายทางจะสิ้นสุดตรงไหนก็ตรงนั้น อยู่ที่นายนั่นแหละว่าจะเดินไปสุดทางด้วยกันหรือเปล่า เจ้าแมวยักษ์ เธอบอกผมง่าย ๆ และพักหลังเธอมักเรียกผมด้วยคำ ๆ นี้เสมอ ผมยาวมากแล้วนะ จู่ ๆ เธอก็หันมามองผมพร้อมรอยยิ้มที่ผมไม่เคยลืม อื่อ ...มัดให้หน่อยสิ เริ่มรำคาญแล้วเหมือนกัน ผมบอกเธอง่าย ๆ พร้อมกับยื่นหัวไปใกล้ ๆ เธอหัวเราะก่อนจะแกะหนังยางที่มัดผมตัวเองออกมามัดผมของผมแทน แมวตัวใหญ่ ขี้อ้อนไม่เข้าท่า เธอว่าผมอย่างนั้นก่อนจะเอนตัวลงนอนง่าย ๆ บนพื้นทราย ผมทำบ้าง ระยะหลัง ๆ มานี่ เธอมักจะเรียกผมจนติดปากว่า แมว เจ้าแมว หรือนายแมวยักษ์บ้าง ทั้ง ๆ ที่มันไม่ใช่ชื่อผมสักนิดเดียว แต่ผมก็ยินดีที่จะให้เธอเรียกอย่างนั้น และดูเหมือนมันจะกลายเป็นอีกชื่อของผมไปแล้วนะสิ... แล้ววันแห่งเหตุผล และการลาจากก็มาถึง ผมจำได้ว่าผมเคยสอนเธอไปว่า ...อย่าเอ็นดูใคร จนเป็นเอ็นดูเขา เอ็นเราขาดก็แล้วกัน... วันนี้เธอยอมเป็นคนเอ็นขาด อาจเป็นเพราะผมนี่แหละคือต้นเหตุของเรื่องทั้งปวง เธอไม่เคยล้ำเส้นของความเป็นเพื่อนเข้ามา และไม่เคยบอกรักผม และผมก็เคยบอกว่ารักเธอ แต่เรารู้จากความรู้สึกที่มาเจอกัน สาเหตุมันก็แค่ผมมีใครอีกคนอยู่แล้ว...และเธอรู้ตั้งแต่แรก ต่างคนต่างใช้ชีวิต และเวลาที่มี ให้คุ้มค่า และไม่ล้ำเส้นของกันและกัน โดยทำเป็นลืม ๆ ไปซะ เหมือนทุกครั้งที่ผมบอกกับเธอ ลืม ๆ ไปซะไม่ได้หรือไง ตอนนี้มีแค่คุณกับผม ก็ดีอยู่แล้ว ลืมไปนะเหรอว่าเธอมีใครอยู่แล้ว เหอะ... เธอหันหน้าหนีผมไปอีกทาง ผมรู้เธอเสียใจ จริงๆ ถ้าผมไม่รับโทรศัพท์สายนั้นก็จะดีหรอกเราจะได้ไม่ต้องเริ่มทะเลาะกัน ลืมไปได้ไหม ผมจำดวงตาของเธอในวันนั้นได้ดี รอยตาของความเจ็บปวดทั้ง ๆ ที่พยายามอย่างเต็มที่ ๆ จะแสดงว่าตัวเองปกติ และเข้มแข็ง เราไม่ลืม และไม่เคยลืม อย่ามาบอกให้เราลืมในความเป็นจริงที่มันเป็นอยู่ แค่นี้มันก็ดีอยู่แล้ว อยากหลอกตัวเองเลยนะ เธอบอกผมอย่างนั้น พร้อมรอยยิ้มที่เธอคิดว่าดูดีที่สุด แต่แย่ที่สุดในความรู้สึกของผม .................... ผมพูดอะไรไม่ออก ทุกสิ่งที่เธอพูดมันเป็นความจริง และเธอยอมรับความจริงและอยู่กับมันมาตลอด แต่ผมเปล่า... ถ้าเรามาเจอกันก่อนหน้านี้ก็คงดีนะ ในที่สุดผมก็เป็นคนทนความเงียบที่ผมเป็นคนก่อขึ้นมาไม่ไหว เจอกันตอนไหนก็เหมือนกัน ไม่เหมือน ถ้าแค่ ผมไม่ใช่คนที่พลาดในวันนั้น ก็คงไม่มีเค้าในวันนี้ ผมยอมรับว่าผมมีใครอีกคนเพราะความเมา และพลาดเองในวันก่อนเก่า มันเลยกลายมาเป็นผลที่ต้องทำใจให้ยอมรับจนถึงตอนนี้ ใคร ๆ ก็พลาดกันได้ทั้งนั้นแหละ ก็ไม่เห็นจะเป็นไรนี่ เราก็เจอกันแล้ว ดีแล้วที่เป็นอย่างนี้ เธอบอกด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม แต่ผมจับความผิดปกติจากสายตาเธอได้ เราเงียบกันไปนาน และนานจนในที่สุดเธอก็พูดขึ้นมาว่า คนที่รักกันไม่จำเป็นจะต้องเป็นคน ๆ เดียวที่เราจะใช้ชีวิตร่วมกันก็ได้นะ แล้วเธอก็ลุกเดินจากไป ผมเข้าใจประโยชน์นั้นของเธอดี และผมเข้าใจทุกสิ่งที่เธอทำดี เส้นบาง ๆ ที่คั่นเราไว้ เธอไม่ก้าวข้ามมา และผมก็ไม่มีความกล้าที่จะข้ามไป ต่างคนต่างอยู่ในที่ของตน มีเพียงความรู้สึกเท่านั้นที่กำลังพูดคุยกันเงียบ ๆ หลังจากวันนั้นผมและเธอ พูดจากันน้อยลง มีเพียงสายตาที่ยังมองหาถึงกันเสมอ มีเพียงเหตุผลที่ผมไม่เคยเข้าใจ คือ การที่เธอหายไปเงียบ ๆ ทั้ง ๆ ที่ผมเองต่างหากที่สมควรจะเป็นคนไปจากเธอ ลาออกแล้ว นั่นเป็นคำที่เพื่อนเธอบอกให้ผมฟัง หลังจากผมกลับมาจากพักร้อน และไม่พบเธอที่ห้องกระจกนั้น ผมโทรไปหาเธอ แต่มือถือเบอร์นั้นถูกเปลี่ยนมือไปแล้ว โทรไปที่บ้าน ทางบ้านเธอก็บอกกับผมว่าเธอไปต่างจังหวัด... ผมเพิ่งมารู้ในตอนหลัง ๆ ว่า คนของผม เธอคนจัดการทุกสิ่งทุกอย่างระหว่างเราเธอเป็นคนยอมถอยออกไป ทั้ง ๆ ที่ไม่น่าจะเป็นเธอ เธอยอมไปทั้ง ๆ ผมต่างหากที่ควรจัดการให้คนของผมอยู่เป็นที่เป็นทาง ผมรู้ว่ามันมันผิด... คนขี้โวยวายคนนั้นไม่มีอีกแล้ว เธอหายไปพร้อม ๆ กับวันเวลาที่เดินผ่านไปอย่างรวดเร็ว และก็ซ่อนคนขี้โวยวาย โมโหร้าย ปากจัด คนนั้นไปพร้อมกัน ซ่อนเธอจากผม และซ่อนเธอจากความรู้สึกที่ยังหลงเหลืออยู่ ผมรู้ว่าเธอเจ็บมากมาย แต่...ข้ออ้างเพียงข้อเดียวที่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเรา มันขาดวิ่นจนหารอยต่อไม่เจอ ...ลูกสาวของผม ผมไม่โทษคนของผม และผมก็ไม่โทษที่เธอหายไป ผมเพียรโทษความโง่งมของตัวเองต่างหากที่ดึงเธอเข้ามา โทษที่ผมไม่เด็ดขาดไม่เข้มแข็ง พอที่จะเลือกใครคนใดคนหนึ่ง หรือแม้ว่าจะอธิบายว่าสิ่งที่เราสองคนรู้สึก จะเป็นเพียงเพื่อนกัน เพราะความรู้สึกอื่นนอกจากนั้น จะถูกขีดด้วยเส้นบาง ๆ เส้นแห่งศีลธรรม ของเธอ และเส้นความความรับผิดชอบของผม แต่ไม่มีใครรู้และเข้าใจ... ทุกวันนี้แม้ว่าใครจะเรียก แมว หรือ อะไรก็ตามผมมักจะหันไปมองหาเสมอ ด้วยหวังว่าในวันหนึ่งผมอาจพบเธอที่ไหนสักที่บนโลกกลม ๆ ใบนี้ สิ่งเดียวที่ผมรู้ก็คือ เธอ จะอยู่บนโลกนี้อย่างมีความสุข และผมก็จะมีความสุขเมื่อคิดเช่นนั้น แต่พอเห็นฝนตกทีไร ใจผมก็พลอยแต่จะคิดไปถึงเธอคนนั้นไม่ได้ว่าป่านนี้เธอจะทำอะไรอยู่ที่ไหน และที่สำคัญ เธอมีความสุขดีอย่างที่ผมคาดหวังไว้หรือเปล่า.. ผมในตอนนี้ แค่อยากบอกเธอว่า...ผมคิดถึงเธอ...เพียงเท่านั้น เรื่องของความรู้สึกนี่มันพูดยากจริงๆนะ
โดย: wormearth IP: 58.136.199.254 วันที่: 19 พฤษภาคม 2549 เวลา:23:46:53 น.
|
จิตปาตลี
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] Friends Blog
Link |