อาบไล้ลมหนาว @ Hong Kong - Macau (1)
ปลายปีกระต่ายน่ารัก แอบเผลอดีใจจะได้ไปสบตา "กำแพงเมืองจีน" ที่ ปักกิ่ง 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก แต่แล้วก็ฝันสลาย เมื่อบริษัททัวร์หาตั๋วกรุ๊ปให้ไม่ได้ เลยแปลงกายเป็นไฮโซ ลั้นลาที่"ฮ่องกง-มาเก๊า" แทน
10 ธ.ค. ออกจากสนามบินนานาชาติเชียงใหม่ TG 105 เวลา 11.30 น. มุ่งสู่ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ต่อด้วย TG 652 บ่ายสองโมงตรง ใช้เวลาเพียงสองชั่วโมงกว่า ๆ ก็ถึงท่าอากาศยานใหม่ของฮ่องกงตอนโพล้เพล้ ..เวลาที่ฮ่องกง เร็วกว่าเมืองไทยไปหนึ่งชั่วโมง
Chek Lap Kok เป็นสนามบินใหม่ที่รัฐบาลฮ่องกงลงทุนถมทะเลด้วยงบประมาณจิ๊บ ๆ แสนล้านเองค่า เอื้อกก ..ใหญ่โต โอ่อ่า สมกับได้รับรางวัล สนามบินที่ดีที่สุดในโลก ถึง 7 ปีซ้อนกันเลย
กว่าจะเคลื่อนพลออกจากสนามบินไปยัง ภัตราคาร City ChiuChow เลทจากกำหนดการไปนิด เนื่องจากสมาชิกร่วมทริป กระเป๋าตกหล่นที่สุวรรณภูมิ และด่านตรวจคนเข้าเมืองคนอย่างกะมด ทำให้พลาดช่วงเวลาที่สำคัญ นั่นก็คือ A Symphony of Light
สวย เริ่ด บรรเจิดศรีแค่ไหน ไม่รู้ รู้แต่ว่าถึงขนาดที่ กินเนสบุ๊ค บันทึกว่า "เป็นการแสดงแสงและเสียงถาวรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก" ครอบคลุมพื้นที่อาคารตึกระฟ้าสำคัญต่าง ๆ ที่ตั้งอยู่สองฟากฝั่งของ อ่าววิกตอเรีย โดยทุกตึกจะประดับประดาด้วยแสงไฟ ระยิบระยับ เพียงกดสวิตซ์ ก็สว่างไสวไปทั้งเกาะ
ปิดโปรแกรมวันแรกด้วยการชมวิวทิวทัศน์ ตึกที่ประดับแสงสีอร่าอร่าม ถึงแม้จะไม่ทันการแสดงแสงสีเสียง แต่ก็ยังเห็นเค้าความไฉไล โชว์หน้าตาตึกสูงแพรวพราวไปด้วยแสงไฟ แสดงถึง เอกลักษณ์ของฮ่องกง ได้เป็นอย่างดี
ลมหนาว 9 องศา ทำเอาสั่นสะท้านแทบทนไม่ไหว เดินกอดอกกระย่องกระแย่ง ใส่แขนสั้นทับด้วยเสื้อแขนยาวไหมพรมชั้นเดียว เจอลมฮ่องกงทะลวงแทะเล็มผิว เดินเตร่ได้แป็บเดียว วิ่งกลับขึ้นรถแทบไม่ทัน
จนลืมไปว่าที่ยืนอยู่นั้น คือ Avenue of Star ที่ตรงพื้นทางเดิน มี รอยประทับมือของบุคคลสำคัญที่มีชื่อเสียง เช่น เจ็ท ลี, มิเชล โหย่ว, หลิวเต๊อะหัว , เฉินหลง, เหลี่ยงเฉาเหว่ย, จางม่านอวี้, ฉีเคอะ ฯลฯ (ใครไม่รู้จักบ้าง ยกมือขึ้น^^) เห็นมั้ย..พลาดไปอย่างน่าเสียดายมาก
ราว 20 นาที จากย่านชิมซาฉุ่ย ถึง Hong Kong Gold Coast Hotel โรงแรมสุดหรู อยู่ในเขตอุตสาหกรรมใหม่ของฮ่องกง แต่ห่างไกลย่านช็อปปิ้งชื่อดังพอสมควร ทำให้อดกระแซะฮ่องกงในค่ำคืนแรกอย่างที่ตั้งใจ อะ..ไม่เป็นไร เก็บแรงไว้ลุยต่อพรุ่งนี้ละกัน
ทำเวลาถลาลงมาล็อบบี้ก่อนนัดหมาย เพื่อที่จะไปเก็บภาพทะเล ด้านหลังของโรงแรม ตื่นตาตื่นใจไม่น้อย กับภาพเรือหรูนับร้อยลำที่เทียบท่าอยู่เบื้องหน้า เสียดายที่ไม่มีเวลาเดินเล่นอาณาบริเวณโรงแรม เหล่ซ้ายชะม้ายขวา ท่าจะโรแมนติกน่าดู
มื้อแรกของวันที่สอง เป็นติ่มซำสุดอร่อยที่ ภัตตราคาร Foo Lum Jordan (อร่อยสู้ ร้านเต้ยติ่มซำ ได้มั้ย ไม่บอก อิอิ)
อิ่มพุงพร้อมลุยกันแล้ว ก็ไปชม "วิกตอเรียพีค" ที่มองเห็นวิวทิวทัศน์ของอ่าวฮ่องกงได้มุมกว้าง เป็นอ่าวที่มีดีกรีความสวยงาม ล่ำรือกันไปทั่วโลก วิวดี อากาศก็ดี๊ ดี เสียอย่างเดียว ยื่นอยู่ที่ดี ๆ แปร็บเดียวเอง เฮ้อ..
เก็บกักอากาศบริสุทธิ์เต็มปอดบน วิกตอเรียพีค ก่อนจะขึ้นรถลงเขา เงินในกระเป๋าก็โบยบินเป็นครั้งแรกของทริป คว้า ที่เปิดขวดรูปหมีแม็กเน็ต เป็นของฝาก สีหวาน กิ๋บเก๋ เหมือนคนซื้อ เพื่อเพื่อนที่รักเป็นของที่ระลึก
อีตอนดูราคาครั้งแรก ลืมคิดเป็นเงินไทย ต่อรองจ่ายเงิน (ดอลล่าร์ฮ่องกง) เสร็จสรรพ มาคูณเป็นเงินไทยบนรถ ซีดเลยค่ะ แพงใช่เล่นอันตั้งเกือบร้อย แถมซื้อแบบยกโหล 55
ลงจากเขา ไปชม "รี พัลส์เบย์" หรือที่เรียกว่า อ่าวน้ำตื้น กันต่อ มาถึงก็เจอกับมหาชนที่หลั่งไหลกันมา กราบสักการะบูชา เจ้าแม่กวนอิม ที่หันหน้าออกทะเล อ่าวน้ำตื้นรูปจันทร์เสี้ยว ไม่ลืมขอพรเจ้าแม่ ..ขอให้ลูกได้กลับมาฮ่องกงอีกซักรอบ สาธุ๊.. อิอิ
ขอพรทวยเทพครบทุกองค์แล้ว ก็เติมพลังก่อนจะลุยต่อที่ ร้านอาหาร Foo Lum ก่อนที่จะแยกบัส คันแรกไป "โอเซี่ยน ปาร์ค" คันที่สองไป "ช็อปปิ้งที่ย่านชิมซาฉุ่ย"
ไม่ต้องคิด วินาทีแรกตัดสินใจไป โอเซี่ยนปาร์ค แทนการไปช็อปปิ้งแน่นอน ด้วยความอยากรู้อยากเห็น เก็บเกี่ยวทุกซอกทุกมุมของฮ่องกง
แต่พอนึกถึงเครื่องเล่นแต่ละอย่างที่ต้องรอเกือบครึ่งถึงหนึ่งชั่วโมง เหมือนตอนไป เอเวอร์แลนด์ ที่เกาหลีแล้ว มาเปลี่ยนใจเอาวินาทีสุดท้าย ไปสัมผัสวิถีไฮโซย่านช็อปปิ้งชื่อดังแทนดีกว่า
เปลี่ยนมาดจากกะเหรี่ยงเป็นไฮโซ โต๋เต๋แถว Shop แบรนด์เนมชื่อดังระดับโลก เดิน ๆ ไป ชักยังไง ๆ อยู่ เหมือนไม่ใช่ที่ของตัวเอง ประจวบกับเจอ "น้องจั๊ด" เพื่อนของ น้องชะเอม น้องสาวคู่หูที่ทำงาน มาเยี่ยมพ่อทำงานททท.ในฮ่องกง อาสาเป็นไกด์กิติมศักดิ์ในช่วงเวลาสั้น ๆ
Avenue Of Star รีเควสมาเลย เพราะค่ำคืนแรก พลาดไปทีหนึ่งละ วันนี้ขอไปดูให้เห็นกับตาซักครั้ง ทิ้งบรรดาผู้ใหญ่วัยป้า (คิคิ) ม่วนใจ๋กับการช็อปปิ้งไว้เบื้องหลัง
ไม่พลาดค่ะ สาวเท้าไล่ล่าหารอยประทับมือคนดัง และแล้วก็เจอค่ะ แจ็กกี้ ชาน / เจ็ท ลี / มิเชล โหย่ว / บรู๊ชลี ... กระดี๊กระด๊า ออกหน้าออกตาสุด ๆ
กึ่งเดิน กึ่งวิ่งมาราธอน ทำเวลาไปด้วย ถ่ายรูปไปด้วย แต่ก็ให้ความสุข สนุก ต่างกับการเดินช็อปปิ้งของแบรนด์เนมเยอะเลย ต้องขอขอบคุณ "น้องจั๊ด" ไกด์กิติมศักดิ์ พ่วงด้วย ตากล้องจำเป็น ให้อย่างเต็มอกเต็มใจ มา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
ก่อนลงจากรถ คุณจอย ไกด์สาวประจำบัส บอกว่า ถ้ามีโอกาสอย่าลืมชิม น้ำมะม่วง มีขายละแวกนี้อร่อยมาก
น้องจั๊ด เลยจัดให้ พาไปซื้อแก้วละร้อยกว่าบาท แต่อร่อยจริง ๆ ค่ะ นึกถึง เพื่อนรุ่นน้องที่สนิทคนหนึ่ง เปิด ร้านแมงโก้ แทงโก้ บนถนนนิมมานฯ ทั้งรสชาติ รูปร่างหน้าตา คล้าย ๆ กันเลยค่ะ^^
และแล้ว ดินเนอร์ที่รอคอยก็มาถึง ที่ "หมู่บ้านชาวประมง Lee Yue Mun" อิ่มอร่อยทุกเมนู ด้วย Seafood สด ๆ ตลาดทางเดินเข้าหมู่บ้าน มีกุ้ง หอย ปู ปลา หน้าตาแปลก ๆ ตัวเป้ง ๆ เป็นออเดิฟเสริฟสายตา ท้าให้ลิ้มลองไม่น้อยค่ะ
เสริฟไวด์แดงกลั้วปากก่อนที่จะคีบ หอยงวงช้างจุ่มน้ำร้อน เข้าปากเป็นคำแรก เอิ่ม..อร่อยจริง ๆ ค่ะ^^ ต่อด้วย ซาซิมิกุ้งมังกรอบซุปฮ่องเต้, กั้งอบเกลือพริกไทย แอบเทใจให้สองเมนูนี้สุด ๆ
กุ้งลวกแป๊ะซะ, หอยเป๋าฮื้อนึ่งซีอิ้ว, ปลาทะเลนึ่งซีอิ๊ว, หอยเชลนึ่งกระเทียมวุ้นเส้น ปลาหมึกทอดกระเทียม, ส่วนปูอบขิงต้นหอม (รายการนี้แทบไม่มีใครแตะ หากินง่ายที่บ้านเรา อิอิ)
มื้อนี้ทำเอาเดินแอ่นพุงออกร้านอย่างไม่ห่วงสวย เจอร้านขายผลไม้ดักตรงปากทางออก เชอรี่ขาว กับ เชอรี่แดง ลูกเล็ก สีสวยใสเต่งตึง ล่อสายตา ทำให้อดใจไม่ไหว ควักสะตังค์ซื้อเชอรี่ขาวมาชิม ครึ่งกิโล 240 บาท เมื่อเทียบราคาที่ขายในเมืองไทยแล้ว ถ้าชอบทานก็ซื้อเลยค่ะ
กลับเข้า Hong Kong Gold Coast Hotel เป็นค่ำคืนที่สอง ที่ไม่อยากให้เวลาผ่านไปเร็วนัก รู้สึกเหมือน ฮ่องกง ยังมีอะไรให้เก็บเกี่ยวมากกว่าความรู้สึกที่นึกถึงฮ่องกงครั้งแรกก่อนมา..
M e r r y C h r i t s m a s & H a p p y N e w Y e a r 2 0 1 2
Create Date : 21 ธันวาคม 2554 |
Last Update : 22 ธันวาคม 2554 11:04:22 น. |
|
96 comments
|
Counter : 4474 Pageviews. |
|
|