เป็นการเขียนงานตะพาบของจขบ. ครั้งที่ 9/182
ทันที ที่ได้เริ่มอ่านหนังสือธรรมนิยาย
ชุด สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ในช่วงปี พ.ศ.2550
โดย รศ.ดร.สุทัสสา อ่อนค้อม
เป็นหนังสือที่เล่าเรื่องอิงชีวประวัติของ
หลวงพ่อจรัญ ฐิตธุโม แห่งวัดอัมพวัน จ.สิงห์บุรี
ผู้ที่พิสูจน์ให้เห็นว่า..
"กัมมุนา วัตตะตี โลโก - สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม"
ระหว่างที่อ่าน เกิดความศรัทธาปสาทะหลวงพ่ออย่างท้วมทัน
คิดตั้งมั่นในใจว่า
"สักวันหนึ่ง ฉันจะต้องไปกราบหลวงพ่อให้ได้"
อ้อนวอนคนขับรถที่บ้าน คือ ถ้ามีโอกาสล่องใต้
ขอแวะ วัดอัมพวันที่ จ.สิงห์บุรี ให้หน่อย
อยากกราบและทำบุญกับหลวงพ่อสักครั้งในชีวิต
รู้จัก หลวงพ่อจรัญ ผ่านตัวหนังสือของ รศ.ดร.สุทัสสา อ่อนค้อม
พร้อมกับเกิดศรัทสปาทะในตัวหลวงพ่อ มาตั้งแต่ปี 2550
อ่านหนังสือจบมาหลายรอบ หลายปี
..และแล้วความตั้งใจนั้นก็มาถึง
เมื่อ 19 มีนาคม 2558
ณ วัดอัมพวัน อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี
ทันทีที่เจอหลวงพ่อ น้ำตาไหลรินไม่ขาดสายไม่รู้ตัว
มันเป็นความปลื้มปีติ เหมือนได้รับพลังความเมตตาจากหลวงพ่อ
สำหรับตัวฉัน เกิดความรู้สึกแบบนี้ไม่บ่อยนักในชีวิต
อายคนนั่งข้าง ๆ แต่ห้ามน้ำตาไม่ได้
ไหน ๆ ก็พูดถึง หลวงพ่อจรัญ ฐิตธฺโม แล้ว
ถือโอกาสรีวิวหนังสืออย่างย่อหน่อยละกัน เผื่อมีเพื่อนสนใจอยากอ่าน
หนังสือธรรมนิยายชุดนี้ แบ่งออกเป็น 6 ตอนด้วยกัน
ตอนที่ 1 มักกะลีผล
บอกเล่าเรื่องราวชีวิตวัยเยาว์ของหลวงพ่อ
เป็นปฐมบทแห่งการแสวงธรรมของหลวงพ่อกับบทเรียนทางโลก
ก่อนที่ท่านจะเดินเข้าสู่บทเรียนทางธรรมอันประเสริฐสุด
ตอนที่ 2 นารีผล
เป็นช่วงเวลาแห่งการเริ่มต้นศึกษาธรรม
เก็บเกี่ยวประสบการณ์เกี่ยวกับจิตวิญญาณตลอดจนร่ำเรียนวิชา
จากพระอาจารย์ชื่อดังมากมาย อาทิเช่น
หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ / หลวงพ่อลี วัดอโศการม / หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ
และหลวงพ่อในป่า อันเป็นวิถีแห่งการบรรลุธรรมของหลวงพ่อ
ตอนที่ 3 สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม
เป็นเรื่องราวของผู้คนหลากหลายที่เข้ามาหาหลวงพ่อให้ช่วยแก้ปัญหา
โดยนำธรรมสงเคราะห์ประชาชน จนกระทั่งหลวงพ่อได้เลื่อนสมณศักดิ์เป็น "พระครู"
และพบกับวิบากกรรมครั้งใหญ่ในชีวิต
การครองผ้ากาสาวะ ที่แม้แต่ผู้สืบทอดก็ยังไม่อาจหลีกพ้น
ตอนที่ 4 วัฎจักรชีวิต
เป็นเรื่องราวชีวิตของหลวงพ่อที่หลังจากใช้หนี้กรรมที่หนักหนา
ตลอดจนได้พบกับพระเถระ ผู้ซึ่งเคยเป็นกษัตริย์พระองค์เดียวแห่งกรุงธนบุรี
และเรียนรู้ข้อคิดจากสาระธรรม นำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้
ตอนที่ 5 ความหลงในสงสาร
ตอนต้นจะเป็นบทสนทนาซึ่งเปิดเผยความจริงเกี่ยวกับ
สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชแห่งกรุงธนบุรี ที่ไม่มีในประวัติศาสตร์
ต่อจากนั้น เป็นเรื่องที่พระครูเจริญ (หลวงพ่อจรัญ) ได้เดินทางไปอินเดีย
อันเป็นดินแดนแห่งพุทธภูมิ เพื่อนมัสการสังเวชนียสถาน
และ ตอนที่ 6 ความหลังในสังสาร
เป็นการเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อ
ประสบมาตั้งแต่ ปี พ.ศ.2528-2539
หลังจากที่ได้กราบหลวงพ่อตามที่ตั้งมั่นไว้แล้ว
ผ่านไปไม่ถึงปี วันที่ 25 มกราคม 2559 หลวงพ่อท่านได้ละสังขาร
หลังจากที่ทราบข่าวหลวงพ่อท่านไม่ค่อยสบายมานานแล้ว
แม้จะรับรู้เป็น วัฎจักรชีวิต แต่ความที่เป็นปุถุชนธรรมดา
ที่น้อมเอาธรรมนำเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต ก็ยังอดที่จะใจหายมากไม่ได้
ยังอยากให้หลวงพ่ออยู่เป็นที่พึ่งทางใจของศาสนิกชนไปนาน ๆ
13 เมษายน 2559
:
ได้มีโอกาสไปกราบนมัสการสรีระสังขารของหลวงพ่อ
ที่ วัดอัมพวัน จ.สิงห์บุรี ด้วยความซาบซึ้งในความเมตตาของท่าน
ครั้งแรก กราบหลวงพ่อตอนท่านยังมีชีวิต
ครั้งที่สอง ได้แต่กราบเพียงสรีระสังขารของท่าน
ครั้งต่อ ๆ ไป คงได้แต่น้อมรำลึกถึงคำสอนของท่านเท่านั้น
ลูกให้ยืมอ่านนิด พอติดใจ ลูกเลยซื้อมาให้ทั้งชุด
ผมว่าผมอ่านทุกเล่มไม่ต่ำกว่า 8 ครั้ง...ทำให้รู้ว่า
ควรงดเว้น การทำบาป ใด ๆ...
เริ่มสนใจ เรื่องสมาธิ ไปในที่ต่าง ๆ ยังไม่ค่อยกล้า
จนกระทั่ง คุณกิ่งฟ้า บล๊อกเกอร์ของพวกเรานี่แหละแนะนำ ให้เข้าศึกษาอย่างจริงจัง ให้เรียน
เป็นครูสมาธิ จนจบ... ก็หลายปีแล้ว
แต่ผมยังไม่มีโอกาสได้ พบพระอาจารย์หลวงพ่อ
จรัญ เลย..
มีพระหลายองค์ ที่เวลาเราอยู่ใกล้ท่าน แล้วมี
ความรู้สึกว่า มีความสุข สงบ.. บางครั้งน้ำตาไหล
ออกโดยไม่รู้ตัว เสมือนหนึ่งเราได้ เห็นในหลวง
ของพวกเรา ปลื้มปิติหาที่สุดมิได้
เราเชื่อโดยไม่มีใครบอกว่า พระอาจารย์ที่เรา
ได้ใกล้ สำเร็จในชั้นสูงมาก ๆ แม้ท่านจะไม่พูด
แต่ เฮาเจื่อแบบนั้น เนาะ
แหะ ๆ อู้ไทยเพลิน ลืม กำเมืองแฮมแล้ว..
ว้าจะโหวต หมดเป๋า แปะไว้ก่อนเน่อคุณจิน