หนึ่งด้าวฟ้าเดียว โดย วรรณวรรธน์
รีวิวหนังสือเรื่องที่ 5 ของปี 2561 ยังคงเป็นนิยายพีเรียดอิงประวัติศาสตร์ ที่ จขบ.ชอบอีกเช่นเคย
ตั้งแต่ต้นปี 61 ที่ผ่านมารีิวิวไปแล้ว ดังนี้ สำหรับวันนี้ แนะนำเรื่อง..
หนึ่งด้าวฟ้าเดียว โดย วรรณวรรธน์
สำนักพิมพ์ ณ บ้านวรรณกรรม 2 เล่มจบ : 648 หน้า : ราคา 500 บาท
หนึ่งด้าวฟ้าเดียว เป็นเรื่องราวของ จารบุรุษ ที่เสียสละ ปลอมตัวเข้าไปเป็น ขันที ในมหาราชวังใน ยุคที่กรุงศรีอยุธยา เสียกรุงครั้งที่ 2 เพราะจากความโลภ แตกสามัคคีของคนไทยด้วยกันเอง
จนกระทั้ง พระยาตาก ได้เข้ามากอบกู้เอกราช ขับไล่ทหารอังวะออกจากกรุงศรีอยุธยาสำเร็จ ใช้ระยะเวลาร่วม 7 เดือน
..."คนของแผ่นดิน ย่อมกระทำการเพื่อแผ่นดิน ก่อนกระทำการเพื่อตน ทองแท้มิต้องพิสูจน์อื่นใด ใช้เวลาและความตั้งใจเป็นเครื่องพิสูจน์ก็พอ เท่านี้ ฐานะผู้อาสาก็รู้แล้วว่า ที่อาสาเข้ามาเป็น จารบุรุษ ในนี้ เพื่อพระเจ้าตากเท่านั้น ตนเลือกคนไม่ผิด!!"...
อ่านครั้งแรก เกิดความรู้สึก แปลกใจมาก่อนความสนุก ไม่คิดว่ายุคสมัยกรุงศรีอยุธยาจะมีขันทีด้วย เวลานึกถึงขันทีจะนึกถึงแต่ราชวงศ์จีนเท่านั้น แปลกใจใคร่รู้ ตีคู่มากับความสนุก และแล้ว ..ก็วางไม่ลง
เรื่องนี้ จขบ. อ่านมานานแล้วตั้งแต่ พ.ค.58 ครบสามปีสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 เอามาทำเป็นละครแล้วออนแอร์ เม.ย.61 เลยกลับมาอ่านอีกรอบ เลยนำรีวิวมาฝากกันค่ะ
Credit : ภาพจากอินเตอร์เน็ต
บุพเพสันนิวาส เป็นนิยายอิงประวัติศาสตร์ที่เขียนขึ้นมาในสมัยกรุงศรีอยุธยา ในยุคของ สมเด็จพระนารายณ์มหาราช กษัตริย์แห่ง ราชวงศ์ปราสาททอง องค์สุดท้าย จากนั้น เกิดการผลัดเปลี่ยนการปกครองมาเป็น พระเพทราชาแห่ง ราชวงศ์บ้านพลูหลวง
ส่วนนิยายเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว เป็นนิยายอิงประวัติศาตร์ไทย สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลายไปถึงช่วงเสียกรุงครั้งที่ 2 จนกระทั่งพระยาตากขับไล่พม่าออกไปได้ สะท้อนให้เห็นถึงความระส่ำระสายของบ้านเมืองในยุคนั้น
ในรัชสมัย พระเจ้าอยู่หัวพระบรมโกศ กรุงศรีอยุธยาเจริญรุ่งเรืองมากอีกยุคหนึ่ง แต่ในขณะที่บ้านเมืองกินดีอยู่ดีเจริญนั้น กลับสวนทางกับการปกครองบ้านเมืองภายใน ที่มีการเข่นฆ่าแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นในเชื้อพระวงศ์ด้วยกัน
ทำให้คนดีอยู่ไม่ได้อยู่ได้แต่คนไม่ดี ขุนนางดีถูกริดรอดอำนาจ คนที่เข้าไปบริหารแผ่นดิน กลับไม่มีความรู้ ความสามารถ ใช้แต่เส้นสายเข้าไปเป็นขุนนาง ทำให้พม่าเข้ามาสืบความ นำไปสู่การเสียกรุงในที่สุด
เหตุการณ์ภายในสับสันวุ่นวาย ตั้งแต่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศประชวร และคิดยกราชสมบัติให้แก่ เจ้าฟ้าอุทุมพร (ขุนหลวงหาวัด) แทนเจ้าฟ้าเอกทัศน์ ผู้มีศักดิ์เป็นพี่ชาย ในขณะที่ เจ้าสามกรม ก็ออกตัวชัดว่าไม่เอาเจ้าฟ้าดอกมะเดื่อ (เจ้าฟ้าดอกมะเดื่อ ขุนพรพินิต ต่อมาคือ เจ้าฟ้าอุุทุมพร)
ต่อมาเจ้าฟ้าเอกทัศน์ก็แย่งราชบัลลังก์มาจากเจ้าฟ้าอุทุมพร เจ้าฟ้าอุทุมพรเลยออกผนวชเพื่อหลีกทางให้ จึงได้ชื่อว่า ขุนหลวงหาวัด
เหตุการณ์วุ่นวายต่าง ๆ ในราชสำนักนี่เอง ที่ทำให้พม่ามีโอกาสส่งคนเข้ามาเป็นไส้ศึก และทำลายกรุงศรีอยุธยาได้เป็นครั้งที่สอง แต่ถึงอย่างไรเสียกรุงศรีอยุธยาไม่สิ้นคนดี ในที่สุด.. พระยาตากก็กอบกู้บ้านเมืองให้กรุงศรีอยุธยากลับมาเป็นเอกราชอีกครั้ง
"จุลศักราช 1129 ปีกุน นพศก เพลา 3 ยามเศษ ของวันอาทิตย์ แรม 3 ค่ำ เดือน 7 (วันที่ 15 มิ.ย.2310) ขุนหลวงตากจึงสามารถตีเข้ายึดเมืองจันทบุรี ได้สำเร็จภายหลังจากกรุงศรีอยุธยาตกเป็นของอังวะได้ประมาณ 2 เดือนเศษ"
"จุลศักราช 1129 ปีกุน วันอังคาร ขึ้น 5 ค่ำ เดือน 12 (7 พ.ย.2310) ขุนหลวงตากได้เข้ายึดครองค่ายโพธิ์สามต้นสำเร็จและขับไล่ทหารอังวะออกจากพระนครศรีอยุธยา นับเวลาที่ใช้ในการกอบกู้กรุงศรีฯ กลับคืนมารวม 7 เดือน"
นิยายเรื่องนี้ ปูเรื่องภาครวมของบ้านเมืองไปพร้อมกับบทของพระ-นาง ที่มีเหตุการณ์ให้พานพบและช่วยเหลือเกื้อหนุนกันบ่อย ด้วยเพราะต้องอัศยาศัยไมตรี นางเอกมารู้ความจริงทีหลังว่าพระเอกไม่ใช่ขันทีจริง ๆ
ไฮไลท์หลักของเรื่องนีิ้ คือ พระเอกปลอมตัวเข้าไปในราชวัง และจับพลัดจับพลูเข้าไปในวังในฐานะ "ขันที" ที่มีเชื้อสายมาจากประเทศตุรกี ทำงานเด็ดขาดเป็นที่น่าเกรงขามนามว่า "ออกพระศรีขันทิน"
สาเหตุที่ "พระขันทอง" ลาสิกขาบทปลอมตัวเป็น "จารบุรุษ"ในวัง ในฐานะขันทีเป็น "ออกพระศรีขันทิน" นั้น มีสาเหตุหลัก คือทำงานให้กับ "พระยาตาก" และต้องการสืบหาต้นเหตุของการตายของพ่อและแม่ที่มีเงื่อนงำ
การปลอมเป็นขันทีเข้าสู่วังหลวงไม่ใช่เรื่องง่ายเลย พระขันทองต้องกระอักกระอวนใจมาก ที่ต้องคอยดูแลและอยู่กับคุณท้าวนางในตลอดเวลา ต้องข่มใจอย่างที่สุดไม่ให้อารมณ์เตลิดเปิดเปิงไปกับสัญชาตญาณคนหนุ่ม
ส่วนนางเอก "แมงเม่า" ก็มีเหตุให้เข้ามาอยู่ในวังอยู่ในความดูแลของ "กรมขุนวิมล" นางเอกเป็นคนฉลาดหลักแหลม มีความสามารถในการเขียนอ่านแต่งกลอนกลบทอย่างแตกฉาน จึงทำให้เป็นที่รักของกรมขุนวิมลและคุณท้าวโสภามาก
ทำให้ เจ้าจอมเพ็ญ เจ้าจอมนางในที่มักจะทำตัวแข่งขันเจ้ากรมขุนวิมลอยู่เนือง ๆ ไม่ค่อยพอใจที่กรมขุนวิมลได้แมงเม่ามาอยู่เคียงข้างและหาโอกาสกลั่นแกล้งทุกครั้งที่มีโอกาส แต่นางเอกก็เอาตัวรอดไปได้ ด้วยความช่วยเหลืออย่างลับ ๆ ของ ออกพระศรีขันทิน
จนกระทั่งกรุงศรีอยุธยาแตก ออกพระศรีขันทินพาแมงเม่าตีฝ่าวงล้อมออกจากวัง ไปตามเส้นทางลับที่ออกพระศรีขันทินเลยลักลอบออกนอกวังบ่อยไปยังจุดนัดพบพรรคพวก ที่แฝงตัวอยู่ในเมืองก่อนที่เดินทางไปรวมพลกับชุมนมพระยาตากที่ระยอง
Credit : ภาพจากอินเตอร์เน็ต
...ลุศักราช 1129 ปีกุน นพศก ถึง ณ วันอังคาร ขึ้น 9 ค่ำ เดือน 5 ตรงกับวันที่ 7 เมษายน 2310 ทหารอังวะจุดเพลิงเผาฟืนใต้รากกำแพงตรงหัวรอ ริมป้อมมหาไชยและค่ายอังวะที่วัดการ้อง วัดนางปลื้ม และค่ายอื่น ๆ ทุก ๆ ค่าย
ยิงปืนใหญ่ ปืนป้อม และหอรบระดมเข้ามาในกรุงพร้อมกัน ตั้งแต่เวลาบ่ายสามโมงเศษจนถึงพลบค่ำ พอกำแพงที่จุดเชื้อฟืนเผารากนั้นทรุดลงหน่อยหนึ่ง ถึงเวลาสองทุ่มจึงให้จุดปืนสัญญาขึ้น พลพม่าทุกด้านทุกกองซึ่งเตรียมไว้
ก็เอาบันไดพาดที่กำแพงทรุด และที่อื่น ๆ รอบพระนครพร้อมกัน ก็ปีนเข้ากรุงได้ในเพลานั้น...
...แมงเม่าหันไปทางพระบรมมหาราชวังที่เพิ่งออกมา ยอดปราสาทราชมณเฑียร กำลังถูกเปลวเพลิงลามเลียจนเสียดฟ้า ทุกอณูความงามความเจริญรุ่งเรืองที่เคยตระการตา ของพระมหานครที่ยิ่งใหญ่ตกอยู่กลางเปลวไฟและเสียงร้องร่ำไห้ขอชีวิตของผู้คน
พระอัฐพระโกศของเชื้อพระวงศ์ทั้งหลายในท้ายจระนำ ป่านนี้คงอยู่ท่ามกลางกองเพลิงอีกครั้ง แล้วถูกไฟเพลิงกาฬเหล่านั้น ป่นพระอัฐของทุก ๆ พระองค์จนกลายเป็นเถ้าธุลี...
...สิ้นแล้ว อยุธยา ลอยสวรค์ลงฤา ขวัญเมืองกระจัดกระจายแตกพลัดสลาย หมดแล้วสวรรค์ บนดินอันตระการตา สูญแล้ววิมานฟ้า อัครนครามหานคร..
หลังจากเผาบ้านเมืองทหารอังวะก็ไล่จับต้อนคนไทยที่ยังมีชีวิต จับเจาะเอ็นข้อเท้าร้อยหวาย ล่ามไว้ด้วยกัน
ส่วน ขุนหลวงหาวัด ถูกทหารอังวะจับสึกออกจากผ้าเหลือง แต่ไม่ได้เจาะเอ็นร้อยหวายเหมือนกับคนอื่น แล้วอัญเชิญไปอยู่ในที่คุมขัง เพื่อเตรียมการกวาดต้อนกลับบ้านเมืองของพม่า
กรมขุนวิมลกับเจ้าจอมอำพัน ทั้งสองพระองค์ถูกพวกทหารอังวะจับตั้งแต่วันแรก และขอติดตามเสด็จ ขุนหลวงหาวัด ไปยัง พุกาม ส่วนคุณท้าวโสภาหนีจากการจับกุมออกมาได้ แต่ได้ตรอมใจสิ้นลมในเวลาต่อมา ที่หนีรอดก็มารวมชุมนุมกับพระยาตาก
พูดถึงเชื้อพระวงศ์ เจ้านาย และเชลยชาวไทยที่ถูกต้อนไปยังพุกามคราวสิ้นกรุงนั้น พม่าได้สร้างหมู่บ้านให้อยู่รอบเมืองมัณฑเลย์ ปัจจุบันหมู่บ้านนั้นยังอยู่ชื่อ "เมงตาสึ" แปลว่าเยี่ยงเจ้าชาย ปัจจุบันคนไทยกลุ่มนี้ มีชื่อเรียกว่า โยเดีย (ํYodia)
ต่อมา สมเด็จเจ้าฟ้าอุทุมพรสวรรคตในขณะเป็นบรรพชิต ใน พ.ศ.2339 ตามพงศาวดารพม่า (จำมาจากหนังสือประวัติศาตร์อยุธยาเล่มหนึ่งค่ะ)
จะว่าไปกรุงศรีอยุธยาในยุคของราชวงศ์บ้านพลูหลวงปกครองนั้น เป็นช่วงที่เกิดศึกชิงราชบัลลังค์มากที่สุด เกิดความขัดแย้งรุนแรงในบรรดาลูกท่านหลานเธอ
จากที่อ่านนิยาย หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ทำให้ จขบ.สะท้อนใจยิ่งนัก ความไม่จงรักภักดีต่อชาติบ้านเมือง ความละโมบ การแตกความสามัคคีในชาติ นั่นแหละ ที่ทำให้ กรุงศรีอยุธยา กลายเป็นเพียง อดีตราชธานีของไทย ไปในที่สุด
จขบ.ได้ทำรีวิวผลงานเขียนของเจ้าป้า "วรรณวรรธน์" แบบฉบับย่อทุกเล่มไว้ แปะลิ้งค์ไว้เผื่อใครสนใจนะคะ คลิ๊กลิ้งค์ด้านล่างนี้เลยค่ะ
..คุยกันท้ายบล็อก..
อ่านนิยาย หนึ่งด้าวฟ้าเดียว แล้ว ทำให้นึกถึงธรรมนิยายของหลวงพ่อจรัญ ชุดสัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตอน ความหลงในสงสาร เขียนโดย รศ.ดร.สุทัสสา อ่อนค้อม ได้เล่าประวัติศาสตร์ไทยในช่วงนี้พอดี ทำให้อ่านนิยายเรื่องนี้เข้าใจมากขึ้นด้วย
เป็นอีกหนึ่งความมหัศจรรย์ ที่ จขบ.เชื่อว่า เพื่อนนักอ่านทุกท่าน ต้องเคยประสบกับเหตุการณ์ที่ หนังสือคนละเล่ม คนละเรื่อง คนแต่งคนละคน แต่กลับมีเนื้อหาบางอย่างเชื่อมหากันอย่างบังเอิญ
ส่งผลทำให้เราได้เข้าใจในเนื้อหาที่กำลังอ่านมากกว่าที่เป็นอยู่ เป็นความอัศจรรย์ใจที่คนอ่านหนังสือเท่านั้น ที่จะเคยประสบการเหตุการณ์แบบนี้ และ จขบ.เชื่อว่า มีหลายคนที่เคยรู้สึกเหมือนกัน
ตอนที่ 5 เรื่องความหลงในสงสารนี้ ตอนต้นจะเป็นบทสนทนาซึ่ง เปิดเผยความจริงเกี่ยวกับสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชแห่งกรุงธนบุรีที่ไม่มีในประวัติศาสตร์
ต่อจากนั้น เป็นเรื่องที่พระครูเจริญ (หลวงพ่อจรัญ) ได้เดินทางไปอินเดีย อันเป็นดินแดนแห่งพุทธภูมิ เพื่อนมัสการสังเวชนียสถาน เป็นตอนที่ จขบ.ชอบมากที่สุดใน 6 ตอน
เรื่องราวในนิยาย "หนึ่งด้าวฟ้าเดียว" ในช่วงท้ายตอนหนึ่ง ว่า
...ช่วงที่พระยาตากรวมพลชุมนุมอยู่ที่ระยองอยู่นั้น มีชุมนุมเกิดขึ้นมากมาย เช่น ชุมนุมเจ้าพระยาพิษณุโลก เจ้าพระฝาง เจ้าพิมาย และเจ้าพระยานครศรีธรรมราช แต่ละชุมนุมที่ตั้งตัวกันขึ้นมาส่วนใหญ่ก็ทำตัวไม่ต่างอันใดกับพวกอังวะ
คอยดักปล้นตีชิงทรัพย์สินและลูกเมียของคนไทยด้วยกัน พระยาตากทราบเรื่องพฤติกรรมของชุมนุมอื่น ๆ เหล่านั้น ก็ให้เสียใจ...
ตรงกับคำสนทนาของหลวงพ่อจรัญ หลวงพ่อในป่า พระยาตาก และพระบัวเฮียว ที่ รศ.ดร.สุทัสสา อ่อนค้อม ได้นำมาเล่าในธรรมนิยายตอนที่ห้า
ในหนังสือ ความหลงในสงสาร นี้ ได้เล่าเหตุการณ์ในช่วงพระยาตาก ระดมพลกอบกู้บ้านเมืองที่กำลังระส่ำระสายแตกออกเป็นก๊กเป็นเหล่า โดยเฉพาะ ก๊กของเจ้าพระฝาง ที่ได้กระทำการที่เลวร้ายที่สุด ทำร้ายเข่นฆ่าคนไทยด้วยกันเป็นโจรในคราบผ้าเหลือง
ไปจนถึงการสิ้นพระชนน์ของพระองค์และเชื้อพระวงศ์แห่งกรุงธนบุรี ทำให้คนไทยหลายคนเข้าใจพระสหายคนสนิท หรือ รัชการกาลที่ 1 แลราชวงศ์จักรีผิดไป และเหตุการณ์เหล่านี้ไม่มีระบุไว้ในประวัติศาสตร์ของไทย
ถ้ามีโอกาสจะมารีวิวธรรมนิยายชุด "สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม" เจาะเป็นรายเล่มแต่ละตอนไปค่ะ อยากทำมาก แต่หาจังหวะและเวลาไม่ค่อยได้เลย
Create Date : 08 พฤษภาคม 2561 |
Last Update : 8 พฤษภาคม 2561 19:50:20 น. |
|
49 comments
|
Counter : 1923 Pageviews. |
|
|
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ขุนเพชรขุนราม Science Blog ดู Blog
mastana Literature Blog ดู Blog
JinnyTent Book Blog ดู Blog
อ่านแล้วอนาจใจ
กับความไม่รักชาติไทยของเราเลยเนาะ
เจิม & vote & Like