ไหว้พระชมวัด-โบราณสถานพระนครศรีอยุธยา : อดีตราชธานีของไทย
ซัมเมอร์ทริป 17-19 มี.ค. 61 พาลูกไปเที่ยว ที่ พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) จ.ปทุมธานี ขับรถไปกันเองสี่คนพ่อแม่ลูก เป็นทริป 2 คืน 3 วัน
จุดหมายแรกที่ พระนครศรีอยุธยา เป็นจังหวัดอยากจะไปเที่ยวมานาน บล็อกที่แล้วแนะนำที่พักในตัวเมืองใกล้โบราณสถาน De Pumpkiin Hostelคลิ๊กที่นี่** วันนี้จะพาไปเที่ยวโบราณสถานสำคัญในพระนครศรีอยุธยากันค่ะ
ทริปนี้มีเวลาแค่ 2 คืน 3 วัน เวลาจำกัดจำเขี่ยมาก วันแรกขับรถลากยาวจากเชียงใหม่ แวะกินกุ้งเผาที่สิงห์บุรี ถึงอยุธยาเข้าที่พักก่อน บ่ายมีเวลาเที่ยววัดโบราณสถานเพียงแค่ 2 วัดก็มืดแล้ว
วันที่สองก็ออกจากอยุธาแต่เช้าพุ่งไปปทุมธานี กลับมาก็ค่ำ กลับแวะกินกุ้งเผาที่ตลาด อตก.อยุธยา แล้วเข้าที่พักเลยไม่ได้เที่ยวไหนต่อ และมีเวลาเที่ยวอีกแค่ครึ่งวันเช้า ก่อนลากยาวกลับเชียงใหม่
มีเวลาเที่ยวใน จ.พระนครศรีอยุธยา รวมเวลาแล้วหนึ่งวันเท่านั้น เก็บภาพ สถานที่เที่ยว-ที่พัก-ที่กิน มาฝากกันค่ะ
ประเดิมด้วย
ร้านกุ้งเผาทองชุบ ตลาดวัดตราชู ต.บ้านหม้อ อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี เปิดให้บริการ 9.30 - 19.30 น. โทร.036-599709
ไปถึงภาคกลางแล้ว ก็ต้องหากุ้งแม่น้ำกินเสียหน่อย อุตส่าห์ขับรถมาตั้งไกลหลายชั่วโมง แวะร้านกุ้งเผาแม่ทองชุบ จ.สิงห์บุรี ฝากท้องมื้อเที่ยงกัน ก่อนเข้าตัวเมืองอยุธยา
สมกับเป็นร้านแนะนำในเวปดัง เป็นร้านอาหารริมแม่น้ำ วันที่ไปลูกค้าเยอะมาก โชคดีได้โต๊ะนั่งริมน้ำ มุมดีลมโกรกเย็นสบาย รสชาติอาหารถือว่าอร่อยสำหรับบ้านเราเลยค่ะ
จากที่ไปทานขอแนะนำ คือ ปลารากกล้วยทอดกรอบ นะคะ ทอดมันปลากรายก็อร่อยมากค่ะ ส่วนกุ้งเผาวันที่ไปมีขนาดไซส์เดียว คือขนาดสามตัวหนักหนึ่งกิโลสองขีด กิโลละ 1,800 บาท
ร้านกุ้งเพื่อนแพรว ริมถนนสายเอเชีย ฝั่งขาเข้ากรุงเทพมหานคร ตลาดกลางเพื่อการเกษตร (อตก.)
คืนที่สองหลังจากกลับจากพิิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ จ.ปทุมธานี เราแวะทานกุ้งเผาอีกหนึ่งมื้อ แต่คราวนี้แวะมาทานที่ ตลากกลางเพื่อการเกตรอยุธยา เลือกร้านเพื่อนแพรวเพราะหัวหน้าใหญ่เสริชหาข้อมูลมาก่อนหน้าละ
วันแรกเลือกกุ้งไซส์ใหญ่ มาวันนี้เลือกกุ้งไซส์เล็ก กิโลละ 380 บาท มีอาหารทะเลมากมายให้เลือกทำหลายเมนู คนเยอะร้านใหญ่มีสองโซนแต่รออาหารไม่นาน รสชาติใช้ได้สมกับเป็นร้านที่มีคนพูดถึงเยอะ
เอาบรรยากาศ ตลาดกลางเพื่อการเกษตร อยุธยา มาฝากค่ะ
มีร้านขายของฝากพวกปลาแห้งหลายร้านอยู่ค่ะ เลยได้ปลาแห้งไปเสียหลายถุงเป็นของฝาก วันกลับค่อยหาซื้อเพิ่มอีกหน่อย เผื่อไม่มีเวลาอย่างน้อยวันนี้ก็ได้ของติดไม้ติดมือเป็นของฝากละ
วัดไชยวัฒนาราม ต.บ้านป้อม อ.เมือง จ.พระนครศรีอยุธยา อยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ฝั่งตะวันตกนอกเกาะเมือง
เป็นวัดเก่าแก่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย พระเจ้าปราสาททองสร้างขึ้นมา เพื่ออุทิศผลบุญนี้ให้พระราชมารดาของพระองค์ ในปี พ.ศ. 2173 และอีกประการหนึ่ง ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะเหนือเขมรอีกด้วย
วัดไชยวัฒนาราม แห่งนี้ จึงมีสถาปัตยกรรมส่วนหนึ่งมากจากปราสาทนครวัด และเป็นวัดที่อยู่ในบทละครดังแห่งปี #บุพเพสันนิวาส ของสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 ทำให้ผู้คนหลั่งไหลไปเที่ยวตามรอยละครดังไม่ขาดสาย
เป็นวัดแรกของทริป เลือกไปชม วัดไชยวัฒนาราม รถไม่ติดมากและที่โชคดีได้ที่จอดรถพอดี เดินไปวัดไม่ไกลเท่าไหร่ แต่คนเยอะมากค่ะ ได้แต่เดินชมไม่ค่อยได้ถ่ายรูปนัก
วัดไชยวัฒนาราม ยังเป็นวัดหลวงที่บำเพ็ญพระราชกุศลของพระมหากษัตริย์ ได้รับการปฏิสังขรทุกรัชสมัยและยังเป็นสถานที่ถวายพระเพลิงศพพระบรมวงสานุวงศ์ เกือบทุกพระองค์ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระบรมโกศสิ้นพระชนน์ก็ถวายพระเพลิงที่นี่
ในวัดยังมีเจดีย์บรรจุรพระอัฐของเจ้าธรรมธิเบศไชยเชษฐ์สุริยวงศ์ หรือ เจ้าฟ้ากุ้ง เป็นพระราชโอรสพระองค์ใหญ่ในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระบรมโกศ ใครอ่านนิยาย #บุพเพสันนิวาส ก็จะมีบทความเล่าถึงเจดีย์เจ้าฟ้ากุ้งด้วย
วัดมหาธาตุ อยู่ในเขตอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ใกล้กับวัดราชบูรณะ ในตัวเมือง
สร้างในสมัย สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1 (ขุนหลวงพระงั่ว กษัตริย์องค์ที่ 3) เมื่อปี พ.ศ.1917 แต่ไม่แล้วเสร็จและมาสร้างต่อสมัย สมเด็จพระราเมศวร กษัตริย์องค์ที่ 2 เมื่อพระองค์ได้กลับมาครองราชสมบัติอีกครั้ง
ในอดีต วัดมหาธาตุ เป็นที่ประดิษฐานองค์พระบรมสารีริกธาตุ และยังเป็น วัดศูนย์กลางเมืองและเป็นสถานที่จัดพระราชพิธีต่าง ๆของกรุงศรีอยุธยา โดยมีสมเด็จพระสังฆราชเป็นฝ่ายคามวสีประทับอยู่ในวัด
ส่วนพระสังฆราชฝ่ายอรัญวาสีนั้น ประทับอยู่ที่วัดป่าแก้วหรือวัดใหญ่ชัยมงคล เมื่อคราวเสียกรุงศรีอยุธยา ครั้งที่ 2 ในปี พ.ศ.2310 ได้ถูกเพลิงไหม้เสียหายเป็นอันมาก วัดมหาธาตุ จึงได้ถูกทิ้งร้างนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
:: :: :: :: ::
เป็นวัดที่สองและวัดสุดท้ายของวันแรกที่ จขบ.เดินเที่ยวชม เดินชมวัดนี้รู้สึกเพลินกว่าเดินชมวัดไชยวัฒนาราม เพราะไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยว และก็รู้สึกแสนเสียดายยิ่งนักค่ะ ที่วัดถูกทำลายแทบไม่เหลืออะไรเลย
นอกจากซากปรักหักพังที่กรมศิลปกรได้บูรณะเรื่อย ๆ ยังไม่รู้จะเสร็จเมื่อใด มีคราบเขม่าจากการถูกเผาและพระพุทธรูปถูกทำลายไปจนแทบจะไม่เหลือให้เห็นเป็นองค์ และพระปรางค์ขนาดใหญ่ได้หักพังทลายลงมาเหลือแต่ฐาน
ในอดีตคงเป็นวัดที่ใหญ่โตรโหฐานและวิจิตรงดงามมาก เพื่อน ๆ ไปเที่ยวอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา อย่าลืมไปวัดนี้นะคะ
นี่คือ อีกหนึ่งไฮไลท์หลักของ วัดมหาธาตุ ค่ะ ตรงที่สันนิฐานว่าเป็น วิหารเล็ก มีรากไม้แผ่รากเกาะเต็มผนัง รากไม้ส่วนหนึ่งได้ล้อมเศียรพระพุทธรูปไว้
ปกติกรมศิลปกรจะต้องตัดต้นไม้ออก แต่ตรงนี้เป็นที่ยกเว้น และกลายเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของวัดมหาธาตุ เป็น Unseen Thailand ที่นักท่องเที่ยวมาวัดมหาธาตุแล้ว ต้องมาถ่ายรูปตรงนี้ให้ได้ค่ะ
มาเที่ยววัดมหาธาตุแล้ว อย่าลืมมาถ่ายรูป "เศียรพระพุทธรูปล้อมด้วยรากไทร"นะคะ ไม่อย่างนั้นเหมือนมาไม่ถึง ต้องมาใหม่ค่ะ^^
ข้อมูลเพิ่มเติมอีกนิด : เศียร์พระพุทธรูปที่อยู่ในรากไทร จขบ.เคยเห็นที่ ปราสาทตามพรหม ที่ เขมร และเป็นรูปที่อยู่ในหนังสือท่องเที่ยว ประเทศกัมพูชาแทบทุกเล่ม ยังสวยไม่เท่าที่ วัดมหาธาตุ เลยค่ะ
จขบ.ทำบล็อกไว้นานละ ตามลิ้งค์นี้ได้เลยค่ะ
วัดใหญ่ชัยมงคล ต.คลองสวนพลู อ.พระนครศรีอยุธยา
เป็นอีกหนึ่งวัดที่มีความสำคัญทางประวัติศาตร์ของไทยเรา เดิมมีชื่อว่า วัดป่าแก้ว เป็นที่พำนักของ สมเด็จพระวันรัตน์ จุดเด่นของวัดคือ เจดีย์องค์ใหญ่ ที่เชื่อว่าสร้างขึ้นมาในสมัยของพระนเรศวรมหาราช เมื่อปี พ.ศ.2135
ชื่อว่า เจดีย์ชัยมงคล และเป็น เจดีย์ที่สูงที่สุดในพระนครศรีอยุธยา
อีกหนึ่งแรงบันดาลใจที่อยากจะไปกราบองค์พระเจดีย์ คือ จขบ.ได้อ่านธรรมนิยายชีวประวัติของ หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม วัดอัมพวัน จ.สิงห์บุรี ชุดสัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม เรื่องที่ 6 ความหลังในสังสาร โดย รศ.ดร.สุทัสสา อ่อนค้อม
ขอยกเอาบทความหนึ่งในธรรมนิยาย มาเล่าสู่กันฟัง บทที่ 18 สมเด็จพระพนรัตน์ วัดป่าแก้ว หน้าที่ 342 สรุปใจความว่า
..วันหนึ่งขณะที่หลวงพ่อจรัญหลับไปได้สักครู่ ก็รู้สึกว่าท่านเดินไปสถานที่แห่งหนึ่ง ที่ท่านรู้สึกคุ้นเคยมานาน หากก็ยังนึกไม่ออกว่าเป็นที่ใด
บัดดลนั้น ท่านก็พบพระสงฆ์องค์หนึ่ง ครองจีวรคร่ำ สมณสารูปเรียบร้อย ท่านเห็นว่าเป็นพระรัตตัญญูผู้บวชนาน จึงน้อมนมัสการ พระรัตตัญญูองค์นั้นกล่าวว่า
.."เราคือสมเด็จพระพนรัตน์ วัดป่าแก้ว แห่งศรีอโยธเยศ เราต้องการให้เธอไปที่วัดใหญ่ชัยมงคง ซึ่งในอดีตคือวัดป่าแก้ว เพื่อดูจารึก ที่เราได้รจนาถวายแด่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชเจ้า
เนื่องในวาระที่สร้างเจดีย์ฉลองชัยชนะเหนือพระมหาอุปราชแห่งพม่า และทรงประกาศอิสรภาพจากหงสาวดีเป็นครั้งแรก เธอไปดูไว้แล้วจดจำ มาเผยแพร่ออกไป ถึงเวลาที่เธอจะได้รับรู้แล้ว"..
ตอนเช้าหลวงพ่อก็รีบเดินทางไปถึงวัดใหญ่ชัยมงคก่อนเก้าโมง เมื่อหลวงพ่อไปถึงวัดใหญ่ชัยมงคลก็พบกับ ดร.กิ่งแก้ว อัตถากร ยืนอยู่ที่นั่นพอดี หลวงพ่อจึงแจ้งความประสงค์ในการมาวัดใหญ่ชัยมงคลครั้งนี้
และเล่าความฝันให้ ดร.กิ่งแก้ว แล้วบอกว่าจารึกอยู่ใต้ฐานพระเจดีย์ ดร.กิ่งแก้วจึงบอกว่า "..พอดีทางกรมศิลปกรเขาทำการบูรณะปฏิสังขรณ์พระเจดีย์ใหญ่ ในวัดชัยมงคลและจะทำการบรรจุบัวยอดพระเจดีย์เพราะสิ้นสุดการบูรณะแล้ว
วันนี้เขาจะทำการปิดยอดบัว พรุ่งนี้จะรื้อนั่งร้านออก ดังนั้น จึงนิมนต์หลวงพ่อลงไปดูได้เลย"..
หลวงพ่อจรัญจึงไต่นั่งร้านลงไปด้วยใจที่เด็ดเดี่ยว และได้พบกับจารึกดังที่สมเด็จพระพนรัตน์วัดป่าแก้วบอกไว้ในฝันทุกประการ
พบว่าแท้ที่จริงแล้ว จารึกที่สมเด็จพระพันรัตน์ วัดป่าแก้ว ได้รจนา ถวายพระพรแด่ สมเด็จพระนเรศวรมหาราชเจ้า ก็คือ บทสวดที่เรียกว่า พาหุงมหากรุณิโก คาถาชนะมารที่เราเรียกสั้น ๆ ว่า พาหุงมหากา นั่นเอง
**สมเด็จพระวันรัตน์ แต่เดิมได้เรียกกันว่า สมเด็จพระพนรัตน์
พอ จขบ.มาเห็นองค์เจดีย์ที่สูงใหญ่โตของวัดใหญ่ชัยมงคลแห่งนี้แล้ว รู้สึกตื้นตันใจและอดนึกทึ่งในใจไม่ได้ว่า หลวงพ่อท่านไต่นั่งร้านลงไปได้อย่างไร
ไต่นั่งร้านลงไปใต้พระเจดีย์ชัยมงคล สูงถึงเพียงนี้.. หลวงพ่อท่านช่างมีใจเด็ดเดี่ยว เพราะถ้าพลาดไปอันตรายถึงชีวิตเลยทีเดียว หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน จ.สิงห์บุรี จึงได้นำบทสวดนี้มาเผยแผ่
บทสวดพาหุงมหากา ที่ จขบ.เคยสวด มีที่มาอย่างนี้นี่เอง..
วัดพนัญเชิงวรวิหาร อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นวัดพระอารามหลวงชั้นโท
เป็นวัดสุดท้ายก่อนอำลาพระนครศรีอยุธยาด้วยความอาลัย ไหว้พระขอพร หลวงพ่อโต ที่ วัดพนัญเชิงวรวิหาร ก่อนกลับเชียงใหม่
วัดพนัญเชิง เป็นวัดเก่าแก่ สร้างสมัยเมืองอโยธยาเป็นราชธานี พระเจ้าสายน้ำผึ้งได้สร้างเป็นอนุสรณ์สถานแด่พระนางสร้อยดอกหมาก เป็นวัดที่มีพระมหากษัตริย์อุปถัมภ์ตลอดตามลำดับ
องค์หลวงพ่อโต หรือ พระพุทธไตรรัตนนายก เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย สร้างเมื่อปีชวด พ.ศ.1867 ก่อนสร้างกรุงศรีอยุธยา 26 ปี
โดยพระเจ้าศรีธรรมโศกราช (สมเด็จพระเอกาทศรฐ) เป็นผู้สร้างพระเจ้าพะแนงเชิง หรือ องค์พระพุทธไตรรัตนนายก (หลวงพ่อโต) เพื่อเป็นอนุสรณ์แด่พระเจ้าสายน้ำผึ้ง ผู้เป็นพระอัยกา
นอกจากนี้หลวงพ่อโตยังเป็น พระพุทธรูปที่ใหญ่ที่สุดในกรุงศรีอยุธยา อีกด้วย
โรตีสายไหม ไปถึงอยุธยา ต้องลองชิม!!
แถวหน้าโรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา มีร้านรวงที่ขายแต่โรตีสายไหม เรียงกันเป็นตับทั้งร้านดังคนต่อคิวซื้อยาวเหยียด และร้านไม่ดังเรียงรายไม่รู้กี่เจ้าต่อกี่เจ้า รู้แต่ว่าซื้อกินเจ้าไหนก็อร่อย ไม่จำเป็นต้องร้านดัง
ต้นตำรับโรตีสายไหม อยู่ที่ พระนครศรีอยุธยา นี่เอง แป้งหนานุ่ม ไส้หอมหวานละมุน กินแล้วต้องยอมรับว่าอร่อยกว่าทุกที่ที่เคยกินมา เจ้าถิ่นบอกว่า เจ้าไหนก็อร่อยไม่เชื่อลองดู ก็จริงดังว่า..
อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา เคยเป็นราชธานีของไทยในอดีต มีวัดและโบราณสถานสำคัญ ยังมีร่องรอยอารยธรรมและความเจริญรุ่งเรืองขีดสุดในยุคนั้นให้เห็น น่าสนใจ น่าเที่ยวชม ที่มาพร้อมความสลดหดหู่ยามนึกถึงอดีต
หากมีโอกาสจะมาซ้ำอีกแน่นอนค่ะ ชอบมากมายเลย ยังเก็บที่สำคัญที่อยากจะเที่ยวไม่ครบ ไม่ว่าจะเป็นป้อมเพชร วัดพระศรีสรรเพชญ์ พระราชวังโบราณ เพนียดช้าง และพิพิธภัณฑ์เจ้าสามพระยา
แต่ไปเที่ยวพระนครศรีอยุธยาเพลานี้ ต้องยอมรับว่า ต้องผจญกับกองทัพนักท่องเที่ยวที่แห่แหนไปเที่ยวตามรอยละครดัง #บุพเพสันนิวาส แย่งกันกินแย่งกันเที่ยวแย่งที่จอดรถ รถติด ก็ต้องทำใจกันไป
ถึงอย่างไรก็ขอยืนยันว่า.. อุทยานประวัติศาตร์พระนครศรีอยุธยา น่าเที่ยวมากมายนัก ถ้ามีโอกาสและเวลาต้องไม่พลาดค่ะ!!
Create Date : 05 เมษายน 2561 |
Last Update : 7 เมษายน 2561 19:44:48 น. |
|
34 comments
|
Counter : 4464 Pageviews. |
|
|
พรุ่งนี้มาอีกทีครับ ต้องค่อยๆ อ่าน วันนี้ไม่ไหวจริงๆ