Bloggang.com : weblog for you and your gang
My husband makes my dream come true
ตอนนี้ดิฉันเป็นสวยตลอดกาลคนใหม่แล้วค่ะ
สวัสดีค่ะ เพื่อน ๆ และน้อง ๆ ชาวบล๊อกแก็งค์
ก่อนอื่นต้องขอบคุณกำลังใจและคำแนะนำที่ดี ๆ ที่เพื่อน ๆ และน้อง ให้กับดิฉันทั้งหน้าไมค์ หลังไมค์ กล่องฝากข้อความ และกล่องความคิดเห็นในเรื่องความคับแค้นใจและน้อยใจในการทำงาน เนื่องจากถูกตัดชั่วโมงการทำงานทั้ง ๆ ที่ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ด้วยดีและทำงานหนัก
ก่อนที่ดิฉันจะอัพเดทว่าตอนนี้ชีวิตการทำงานของดิฉันเป็นอย่างไร ก่อนอื่นดิฉันก็อยากจะตอบข้อสงสัยหรือข้อซักถามสำหรับผู้อ่านเรื่องของดิฉันก่อนน่ะค่ะ
1. สำหรับเรื่องตารางการทำงานนั้น ห้างฯ ดิฉันได้ใช้ระบบคอมพิวเตอร์ จัดตารางการทำงานค่ะ พอโปรแกรมจัดตารางการทำงานของพนักงานแต่ละคนแล้ว ผู้จัดการก็จะมาตรวจสอบและเพิ่มลดชั่วโมงของพนักงานอีกครั้ง ถึงแม้ระบบการจัดตารางการทำงานจะใช้ซอฟแวร์ก็ตาม แต่อำนาจการเพิ่มลดชั่วโมงก็ยังอยู่ที่คนจัดตารางหรือผู้จัดการ
2. น้อง ๆ บางคนก็อาจจะคิดว่าเหตุผลที่ดิฉันถูกลดชั่วโมง อาจเนื่องมาจากการแบ่งแยกสีผิว สำหรับดิฉันคิดว่าไม่ใช่ค่ะ เพราะประเทศอเมริกามีกฏหมายการทำงานไว้ว่า ไม่มีการแบ่งชนชั้นเรื่องสีผิว ทุกคนเท่าเทียมกัน ถ้าพนักงานผู้ใดมีความรู้สึกว่าตัวเองถูกกีดกันหรืออคติเรื่องสีผิวก็มีสิทธิฟ้องร้อง และกฏหมายสำหรับเรื่องนี้แรงมาก
3. ในความคิดเห็นและประสบการณ์ในการทำงานของดิฉัน ดิฉันคิดว่าพวกเราคนไทยหรือคนเอเชียถูกคนอเมริกันหรือสังคมอเมริกันเอาเปรียบเพราะคนเอเชียหรือคนใทย ถูกอบรมสั่งสอนห้รู้จักเกรงใจ อ่อนน้อม และสุภาพ ไม่ต้องเรียกร้องอะไรก่อน จนกว่าบริษัทฯ จะเห็นผลงาน พวกเราจึงถูกเอาเปรียบ เพราะคนอเมริกันหรือสังคมอเมริกัน พวกเค้าจะพูดอะไรตรงไปตรงมา คิดเห็นอย่างไร อะไรไม่ยุติธรรมก็จะพูดออกมา จะไม่เก็บความในใจเอาไว้ เช่นกันอยากจะได้อะไรก็บอกกันไปเลย แต่พวกเราคนไทยไม่ใช่อย่างนั้น พวกเราจะเงียบ ไม่อยากเรียกร้องอะไร จนเรามีผลงานให้บริษัทฯ หรือเจ้านายได้เห็น เช่นกันพวกเราคนไทยไม่ชอบมีปากมีเสียง และยิ้มถึงแม้ว่าพวกเราไม่เห็นด้วย เพราะพวกเราคนไทยไม่ชอบมีปัญหากับใคร มันจึงเป็นข้อเสียที่ทำให้คนอเมริกันคิดว่าเราพอใจกับสิ่งที่เราได้รับ
ดิฉันขอยกตัวอย่างเหตุการณ์ที่ใกล้ตัวดิฉันเหตุการณ์หนึ่ง ตอนแรก ๆ ที่ดิฉันมาอยู่อเมริกาใหม่ ๆ ไปบ้านน้องสาวสามีซึ่งมีงานปาร์ตี้ มีการเลี้ยงอาหารมากมายและอาหารดี ๆ ทั้งนั้น พอเลิกงานอาหารเหลือเยอะแยะ น้องสาวสามีก็ถามดิฉันว่าจะเอากลับบ้านไหม ใจดิฉันตอนนั้นอยากได้มาก ๆ เลยเพราะอาหารดี ๆ ทั้งนั้น แต่ในใจก็คิดว่าถ้าเราบอกว่าเราอยากได้อาหารกลับบ้าน จะเป็นการแสดงออกความต้องการของตัวเองออกมา และน้องสาวสามีจะมองว่าดิฉันงก ดิฉันจึงบอกว่าไม่เอาหรอก และอีกอย่างหนึ่งวัฒนธรรมไทยสอนว่าอย่าแสดงความอยากได้ให้ใครเห็น และสำหรับในสังคมไทย พอเราบอกว่าไม่อยากได้ หรือไม่เอา เดี่ยวเค้าก็จะจัดการยัดเยียดอาหารให้เราเอง ดิฉันจึงบอกกับน้องสาวสามีว่าไม่เอาหรอก เป็นอันว่าน้องสาวสามีคิดว่าดิฉันไม่อยากได้อาหารทีเหลือกลับบ้านจริง ๆ เลยไม่ได้เก็บใส่ห่อให้ดิฉันนำกลับบ้าน
พอกลับมาบ้าน ดิฉันก็ตัดพ้อกับสามีว่า ดิฉันอยากได้อาหารที่เหลือจากงานปาร์ตี้น้องสาวสามีมาก สามีก็ย้อนกลับว่าทำไมดิฉันไม่บอกน้องสาวสามีไปล่ะ ตอนที่เธอถามว่าดิฉันอยากจะได้อาหารที่เหลือห่อกลับบ้านหรือไม่ ดิฉันบอกว่าไม่กล้าบอกหรอก เพราะวัฒนธรรมของดิฉันสอนว่า ถ้าบอกความรู้สึกในใจว่าอยากได้อาหารห่อกลับบ้าน กลัวเธอจะมองหรือคิดว่าดิฉันงก สามีดิฉันบอกว่าสังคมอเมริกันไม่เหมือนกัน ต้องบอกกันตรง ๆ เพราะน้องสาวเค้าไม่สามารถอ่านใจดิฉันออก เช่นกันน้องสาวของเค้าก็คิดว่าดิฉันไม่ต้องการอาหารกลับบ้าน สามีบอกทีหลังถ้าใครถามว่าอยากได้อะไรก็บอกไป หรือเสนอไป พวกคนอเมริกันเค้าไม่ว่ากันหรอก เค้าชอบคนที่คิดอะไรพูดอะไรก็บอกกันไป เพราะพวกเค้าไม่ใช่นักอ่านใจคน
พอดิฉันได้ฟังดังนั้น เชื่อไหมค่ะ เวลาไปไหนกับญาติสามีหรือมีงานเลี้ยง แล้วอาหารเหลือ ถ้าพวกเค้าถามว่าดิฉันอยากเอาอาหารที่เหลือกลับบ้านไหม ดิฉันก็จะบอกไปทันที ญาติ ๆ สามีหรือคนรู้จักก็จะจัดการใส่กล่องให้ดิฉัน
4. อีกข้อหนึ่งที่ดิฉันชื่นชมสังคมอเมริกาในเรื่องไม่แบ่งชนชั้น วัฒนะ ในการทำงานก็คือ เวลาบริษัทฯ อเมริกาลงรับสมัครงาน จะไม่ลงระบุอายุ เพศ เพราะถือเป็นการแบ่งเพศ อายุ ซึ่งถือเป็นสิ่งผิดกฏหมาย มากกว่านั้นเราจะเห็นคนแก่อายุมากกว่าหกสิบก็ยังทำงานกันต่อไป ถ้าพวกเค้ายังมีแรงทำงานและความสามารถ อาชีพเลขานุการ พนักงานต้อนรับหรือรับโทรศัทพ์ ก็ไม่ได้เอาพนักงานบุคลิกหน้าตาดีมาทำ เหมือนที่เราเห็นในบริษัทฯ เมืองไทย เราจะเห็นเลขาฯ พนักงานต้อนรับอายุคราวคุณยาย คุณป้า มาทำงานถ้าพวกเค้ามีแรงทำงานและมีความสามารถ ดิฉันคิดเสมอว่าประเทศอเมริกาเป็นประเทศที่ให้โอกาสสำหรับคนที่มีความสามารถและคนที่ทำงานหนัก
สำหรับเรื่องของดิฉัน ทุกครั้งในการเขียนเรื่องและเล่าเรื่องอะไร ดิฉันอยากจะสองแทรกความรู้และความคิดเห็นลงไปด้วย เพื่อน้อง ๆ และผู้อ่านจะได้รับสาระประโยชน์จากการอ่านเรื่องของดิฉัน ต่อจากนี้ไปดิฉันจะต้องพูดอะไรที่ดิฉันควรจะพูด แต่จะพูดในสิ่งที่ถูกต้องและจะต้องรักษาสิทธิของตัวเองไว้ เพราะดิฉันจะต้องอยู่กับคนอเมริกันไปอีกนาน
ดิฉันคงจะเปลียนนภาพพจน์เป็นสวยตลอดกาลคนใหม่แล้วค่ะคือจะปกป้องรักษาสิทธิของตัวเอง จะไม่ยอมให้ใครมาเอาเปรียบและรังแกดิฉันอีกต่อไปแล้ว
ถ้าผู้อ่านหรือน้อง ๆ บางคน เบือที่จะอ่านเรื่องของดิฉัน ก็ข้ามเรื่องนี้ไปเลยน่ะค่ะ เพราะบางครั้งเรื่องดิฉันก็น่าเบื่อ แต่เพราะดิฉันมีบล๊อกก็อยากจะเล่าความในใจและประสบการณ์ของตัวเอง เพื่อระบายความในใจของตัวเอง
พอดิฉันไปทำงานวันจันทร์เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ดิฉันก็รู้สึกแปลกใจค่ะ ที่เจอผู้จัดการ เพราะดิฉันทราบจากผู้ช่วยใจดีว่าผู้จัดการลาพักร้อนถึงวันอังคาร พอดิฉันเจอผู้จัดการ ดิฉันไม่อยากจะพูดด้วยเลย เพราะดิฉันรู้ทั้งรู้ว่าผู้จัดการก็คงรู้เรื่องของดิฉันที่ถูกหักชั่วโมง แต่ทำอย่างไงได้ล่ะ ดิฉันจะต้องเข้าไปพูดประกาศเจตนารมย์ที่ชัดเจนของตัวเองลงไปว่า ที่ดิฉันทำงานหนักหาลูกค้าทำบัตรเครดิตได้แทบทุกวัน ไม่ใช่ทำสนุก ๆหรือหวังคำชม ดิฉันทำเพื่อให้ได้ชั่วโมงการทำงานเพิ่ม
ดิฉันก็บอกกับผู้จัดการว่าเค้าคงรับรุ้เรื่องที่ดิฉันถูกตัดชั่วโมงการทำงานของสัปดาห์นี้แล้ว ดิฉันอยากทราบว่าทำไมทำกับดิฉัน อย่างนี้ ดิฉันทำงานไม่ดีหรืออย่างไร ผู้จัดการก็บอกว่าไม่ใช่ ดิฉันเป็นพนักงานที่ดี เรียกว่าเป็นพนักงานที่ Amazing มาก ๆ เพราะทุกครั้งที่มาทำงานแทบจะหาลูกค้าทำบัตรเครดิตได้ทุกครั้ง แต่ที่ลดชั่วโมงเพราะขายไม่ดี ดิฉันคิดในใจก็คงเตี้ยมกันไว้กับผู้ช่วยฯ ที่หักชั่วโมงการทำงานดิฉันไว้แล้วล่ะ อย่างว่าล่ะเมื่อหักไปแล้วจะกลับคืนมาก็ลำบากกับสถานะเศรษฐกิจแบบนี้ ผู้จัดการบอกว่าในวันอังคารเค้าจะให้คำตอบว่าจะเพิ่มวันไหนให้ จะเพิ่มให้หนึ่งวัน ดิฉันคิดในใจพูดไม่เห็นตรงกับผุ้ช่วยฯที่หักชั่วโมงการทำงานดิฉันเลย ที่บอกว่าจะเพิ่มให้สองวัน แต่ไม่เป็นไร ดิฉันจะรับฟังและให้โอกาส
แล้วดิฉันก็บอกกับผู้จัดการว่าดิฉันจบปริญญาโทมา และจบดีกรีของอเมริกามาด้วย ตอนนี้ก็เหลืออีกวิชา ก็จะได้รับใบประกาศฯของทางบัญชี จึงมีเวลาว่างมากและไม่อยากจะอยู่บ้านเฉย ผู้จัดการก็คงจะตกใจหรือคิดไม่ถึงว่าดิฉันจบมาถึงปริญญาโท เพราะผู้จัดการคนนี้ไม่ได้สัมภาษณ์ดิฉันและไม่ทราบว่าผู้จัดการคนนี้เคยไปอ่านประวัติดิฉันมาบ้างหรือเปล่า หรืออาจจะเพราะตอนสมัครดิฉันไม่ได้ระบุวุฒิลงไป เพราะเห็นเป็นงานที่ไม่ต้องใช้ความรู้อะไร
แล้วดิฉันก็เล่าเรื่องผู้ช่วยฯใจร้ายที่ชอบข่มเหงดิฉันให้ผู้จัดการฟังว่า ดิฉันเวลามาทำงานไม่ชอบให้มาบังคับดิฉัน เช่น เวลาดิฉันเข้าเวรกับผู้ช่วยฯ ใจร้าย ผู้ช่วยใจร้ายจะมาบังคับดิฉันคือจะถามว่า วันนี้ดิฉันจะหาลูกค้าทำบัตรเครดิตให้เธอได้กี่คน ดิฉันมาทำงานไม่ใช่มาโรงเรียนอนุบาล และมากกว่านั้นผู้ช่วยฯ ใจร้ายก็มาต่อว่า ดิฉันเรื่องดิฉันไปเล่าเรื่องความน้อยเนื้อต่ำใจให้ผู้ช่วยใจดีฟังที่ดิฉันไปเล่าเรื่องความในใจและความน้อยเนื้อต่ำใจเรื่องถูกลดชั่วโมงการทำงานของสัปดาห์ที่ผ่านมา เพราะต้องการบอกความรู้สึกของตัวเอง
ผู้จัดการบอกว่าจะไปต่อว่าผู้ช่วยฯ ใจร้ายให้ดิฉัน ดิฉันบอกว่าดี ถ้าเป็นเมื่อก่อนดิฉันจะบอกว่าอย่าไปต่อว่า เพราะผู้ช่วยฯใจร้ายจะทราบว่าเป็นดิฉันมาร้องเรียน ตอนนี้หรือดิฉันไม่กลัวอะไรแล้วเพราะดิฉันพูดความจริง แล้วก็อยากให้ผู้ช่วยฯใจร้ายรู้ด้วยว่าดิฉันไม่กลัวเธอแล้ว ถ้าเธอมาข่มแหงหรือหยาบคายดิฉัน ดิฉันก็จะมาร้องเรียนกับผู้จัดการ ให้รู้เสียบ้างว่าดิฉันไม่ใช่สวยตลอดกาลคนเก่าแล้ว ที่เอาแต่เงียบให้ใคร ๆ ต่อใครมารังแก
พอวันรุ่งขึ้น ดิฉันก็ไปทำงานปกติ ก็เจอผู้จัดการและผู้ช่วยฯ ใจร้ายนั่งอยู่ด้วยกัน ดิฉันจึงถามผู้จัดการว่าวันนี้จะให้ดิฉันทำอะไร พอผู้ช่วยฯ ใจร้าย เห็นดิฉันก็ยิ้มและหันมาบอกดิฉันว่า นี่ไงผู้จัดการ ดิฉันบอกผู้จัดการหรือยังเรื่องความน้อยเนื้อต่ำใจที่ถูกหักชั่วโมงการทำงาน ผู้จัดการก็บอกว่าดิฉันบอกว่า แล้วดิฉันก็บอกกับผู้จัดการเหมือนเป็นการฟ้องว่า ผู้ช่วยฯใจร้ายบอกกับดิฉันว่าสังคมอเมริกาต้องออกมาเสนอสิ่งที่ตัวเองต้องการ คือถ้าต้องการทำงานเพิ่มหรือชั่วโมงเพิ่มก็ให้บอกลงไป สำหรับสังคมไทยของดิฉันสอนว่าถ้าต้องการสิ่งใดไม่ควรเรียกร้องก่อน ควรทำผลงานให้บริษัทฯได้เห็น ต่อจากนี้ไปดิฉันจะทำตามที่ผู้ช่วยฯใจร้ายสอนดิฉัน คือจะเสนอเรียกร้องสิ่งที่ดิฉันต้องการ
เชื่อไหมค่ะผู้ช่วยฯ ใจร้ายหน้าเปลี่ยนสีเหมือนกันเพราะไม่คิดว่าดิฉันจะทำแกล้งโง่และพูดสิ่งเหล่านี้ออกมา และผู้จัดการก็ตกใจกับคำพูดที่ดิฉันพูดออกมา ผู้ช่วยฯใจร้ายรีบแก้ตัวว่าสังคมอเมริกา ทุกคนต้องพูดออกมาว่าต้องการอะไร มากกว่านั้น ดิฉันยังพูดต่อหน้าผู้จัดการและผู้ช่วยฯ ใจร้ายว่า ต่อไปนี้ถ้าดิฉันต้องการอะไร ดิฉันจะพูดหรือเสนอออกไป ไม่เงียบอีกแล้ว เพราะถ้าเงียบจะถูกคนรอบข้างเอาเปรียบ
หลังจากนั้นผู้ช่วยฯ ใจร้ายก็กล่าวสรรเสริญความดีของดิฉันกับผู้จัดการ ว่าดิฉันเป็นพนักงานที่ทำงานดี เหมาะสมที่อยู่หน้าร้านเป็นพนักงานขายให้ผู้จัดการฟัง ดิฉันก็บอกว่าขอบคุณสำหรับคำชม แล้วดิฉันก็รีบพูดถากถางและสรรเสริญตัวดิฉันลงไปอีกว่า ดิฉันอยากจะเป็นพนักงานขาย เพราะดิฉันเป็นคนที่สุภาพ อ่อนน้อม และถ้ามีคนมาอบรมหรือเทรนเกี่ยวกับการขายให้ดิฉัน ดิฉันสามารถทำงานขายได้ดี ดิฉันคิดว่าตอนนี้ผู้จัดการและผู้ช่วยฯใจร้าย ก็คงคิดว่าดิฉันเป็นอะไรไป ไม่ยอมอ่อนน้อมถ่อมตนและเงียบ มกกว่านั้นยังชื่นชมตัวเองอีก
ที่ดิฉันพูดไปอย่างนั้นเพราะอยากจะพูดอะไรให้มันสะใจลงไปค่ะ ให้ผู้จัดการและผู้ช่วยฯใจร้ายได้รู้ว่าดิฉันไม่เหมือนก่อนแล้ว แล้วดิฉันก็ไปทำงานปกติค่ะ ปรากฏว่าดิฉันก็หาลูกค้าทำบัตรเครดิตได้ประมาณสี่รายในไม่กี่ชั่วโมง พอตอนเลิกงานซึ่งผู้จัดการสัญญากับดิฉันว่าจะบอกวันนี้ว่าจะให้ดิฉันมาทำงานเพิ่มวันไหน ปรากฏว่าผู้จัดการเฉย ๆ ดิฉันก็ไม่สนใจหรอก เพราะถือว่าให้โอกาสและตอนนี้ผู้จัดการและผู้ช่วยฯ ก็ทราบเจตนารมย์ของดิฉันแล้วว่าที่ดิฉันทำงานหนักหาลูกค้าได้แทบทุกวันก็เพราะต้องการชั่วโมงเพิ่ม
พอวันศุกร์ที่ผ่านมา ดิฉันก็มาทำงานตามปกติ ดิฉันหาลูกค้าได้ถึงห้าราย ซึ่งใช้เวลาในสามชั่วโมง ผู้จัดการดีใจใหญ่เลย บอกว่าดิฉันอยากจะทำงานต่ออีก 2.30 ชมหรือไม่และในวันเสาร์ให้มาทำงานเพิ่มอีก 4 ชม จะเอาหรือไม่ ดิฉันรีบรับปากไปเลย และผู้จัดการบอกว่าเห็นตารางการทำงานของสัปดาห์หน้าหรือยัง ซึ่งเพิ่มชั่วโมงการทำงานให้ดิฉันแล้ว ดิฉันบอกว่าเห็นแล้วและกล่าวขอบคุณไป
ปรากฏว่าวันนั้นดิฉันหาลูกค้าทำบัตรเครดิตให้ห้างฯ ได้ 8 รายต้องนับว่าวันนั้นเป็นวันที่ดิฉันหาลูกค้าทำบัตรเครดิตได้สูงสุดในการทำงานของดิฉัน เพราะอย่างที่บอก อย่างเก่งถ้าวันไหนโชคดีดิฉันสามารถหาได้ 4 รายสบาย ๆ อาจจะเพราะวันนี้ดิฉันทำงานหลายชั่วโมงในวันนั้นด้วยจึงได้ลูกค้ามาก เป็นอันว่าผู้จัดการก็มีความสุขกับผลงานของดิฉัน
และวันเสาร์ที่ดิฉันได้ชั่วโมงเพิ่มอีก 4 ชั่วโมง ดิฉันหาลูกค้าทำบัตรเครดิตได้ 4 ราย รวมทั้งสิ้นยังไม่สิ้นเดือนของเดือนนี้ ดิฉันหาลูกค้าทำบัตรเครดิตได้ทั้งหมด 34 ราย ต้องนับว่าสูงมากสำหรับการทำงานในตำแหน่งที่อยู่ห้องลองเสื้อผ้าอยู่หน้าร้านและช่วยเหลือลูกค้า ถ้าดิฉันอยู่ตำแหน่งแคชเชียร์จะหาลูกค้าทำบัตรเครดิตได้ง่ายมาก
การหาลูกค้าทำบัตรเครดิตให้ห้างฯ ไม่ใช่สิ่งที่ง่ายเลย เพราะลูกค้าส่วนใหญ่จะกลัวบัตรเครดิต เนื่องจากคิดว่ามีบัตรเครดิตแล้วจะทำให้พวกเค้าใช้เงินเติบ เวลาจ่ายเกินกำหนดก็เสียอัตราดอกเบี้ยสูง ลูกค้าส่วนใหญ่ก็มีบัตรเครดิตกันอยู่แล้ว และมีกันหลายใบ ลูกค้าบางคนบอกว่าทีไม่สมัครบัตรเครดิตห้างฯ ดิฉันเพราะเค้าต้องรักษาเครดิตไว้ บางคนบอกว่าถ้าทำอีกใบ สามีหรือคนที่บ้านอาจจะเอาพวกเค้าตาย บางคนก็คิดว่าทำบัตรเครดิตแล้วต้องเสียค่าบริการ
ที่เพื่อน ๆ ดิฉันที่อยู่ในหน้าที่หรือทำงานตำแหน่งเดียวกับดิฉัน หาลูกค้าทำบัตรเครดิตไม่ได้ ก็อาจจะด้วยเหตุผลคือพอถามลูกค้าแล้วลูกค้าก็ส่ายหน้ากัน พวกเค้าก็ยอมแพ้ สำหรับดิฉันนั้นคิดเสมอว่าถ้าดิฉันมีเหตุผลและข้อเสนอที่ดีในการทำบัตรเครดิตให้ลูกค้า ลูกค้าก็จะสมัครและดิฉันไม่เคยล้มเลิกที่จะถามลูกค้าทำบัตรเครดิต เพราะดิฉันคิดเสมอว่าถ้าดิฉันต้องการชั่วโมงเพิ่มก็ต้องมีผลงานให้ห้างฯ ได้เห็น และดิฉันไม่อยากอยู่บ้าน น่าเบื่อ มากกว่านั้นดิฉันต้องการหาเงินด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง เวลากลับไทยจะได้มีค่าใช้จ่ายสำหรับตัวเองและมีเงินไปให้แม่ของดิฉัน ยิ่งเวลาดิฉันให้เงินแม่ซึ่งเงินมาจากน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง มันทำให้ดิฉันภูมิใจมาก และยิ่งเวลาให้เงินแม่ แล้วแม่ก็ให้พรดิฉันกลับ มันทำให้ดิฉันสุขใจยิ่งนัก
ขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่เข้ามาอ่านและรับฟังความคับแค้นใจของดิฉันน่ะค่ะ และดิฉันจะไปเยี่ยมน่ะค่ะ
มีความสุขมาก ๆ ค่ะ
Create Date : 22 กันยายน 2551
Last Update : 22 กันยายน 2551 3:59:07 น.
41 comments
Counter : 678 Pageviews.
Share
Tweet
อ่านแล้วเห็นด้วยค่ะ บ้านเราสอนให้รู้จักเกรงใจ แต่พอน้องมาอยู่ที่อังกิดรู้สึกเลยว่า คําว่าเกรงใจบางครั้งมันก้อช่วยไม่ได้ มีอะไรลายๆอย่างที่ได้เรียนรู้ กับการมาอยู่ต่างบ้านต่างเมือง
น้องยังคิดอยู่เลยว่า ถ้าได้ทำงานร่วมกับชาติอื่น จะโดนรังเกไม๊น๊อ เราเป็นชาวเอเซียด้วยแล้ว เฮ่อ! ยังงัยก้อสู้ๆค่ะ
สู้ๆน่ะพี่ไก่ เข้ามาอ่านที่พี่เขียนได้ข้อคิดเยอะเลย
หลังไมค์ด้วย
โดย:
bagarbu
วันที่: 22 กันยายน 2551 เวลา:4:31:05 น.
ติดตามอ่านบล็อคของคุณสวยตลอดกาล มาตลอด วันนี้อ่านแล้ว ตรงกับความคิดของตัวเองทุกอย่างเลยคะ สังคมอเมริกัน ไม่ชอบอ่านความคิดของคนอื่น คิดอย่างไรก็ให้พูดไปอย่างนั้น พูดตรง ๆ ไม่ต้องชัก แม่น้ำให้ยาวยืด งานคืองาน เราไม่พอใจก็พูดโดยตรงกับหัวหน้า ไม่ต้องกลัวว่าเค้าจะโกรธ แต่กลับกันเค้าจะเข้าใจความต้องการของเราเพิ่มขึ้น
ชอบการทำงานกับระบบของที่นี่ เพราะทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกัน ถ้าให้ทำงานอะไรที่เกินจากความรับผิดชอบ เค้าจะถามก่อนว่า เราจะทำไหม ถ้าไม่อยากทำก็บอกไปเลยว่า ฉันขอไม่ทำ จบ
ความอ่อนน้อมถ่อมตน ดีในบางสถานการณ์ ต้องเลือกใช้ให้ถูกเวลาคะ
ชอบความคิดคุณคะ
โดย: แม่ไข่หก (
แม่ไข่หก
) วันที่: 22 กันยายน 2551 เวลา:4:35:14 น.
เปลี่ยนไปในทางที่ดีแบบนี้ก็ดีใจด้วยค่ะพี่จินนี่ แล้วก็เห็นด้วยกับข้อสามมากๆค่ะ บางทีวัฒนธรรมต่างกัน เราชินๆกับการประณีประนอม อ้อมค้อมแต่บางที่เค้าไม่ค่อยมีแบบนี้
ส่วนข้อสี่ ที่นี่ก็คล้ายๆกันค่ะ ที่ไทยจะต้องแนบรูปถ่าย บางทีหมดรูปเป็นโหลๆยังไม่ได้งาน แต่ที่นี่ไม่ค่ะ ศาสนาก็ไม่ได้ถาม สัญชาติ เชื้อชาติ ที่เรากรอกสมัยทำงานที่ไทยก็ไม่ได้กรอก แต่ว่าก็ต้องเขียนลงไปในจดหมายเหมือนกัน ว่าเราเกิดวันที่เท่าไหร่ มันเป็นแบบฟอร์มพื้นฐาน แต่ว่าไม่ได้มากมายนัก ส่วนมากจะดูประสบการณืมากกว่า สถานบันที่นี่ก็ไม่ค่อยเน้นเหมือนกันค่ะ
ที่พี่จินนี่ถามเรื่องการเย็บเห็ดคราวก่อน เอาไปลงไว้แล้วนะคะที่นี่ค่ะ https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=completely-kik&month=19-09-2008&group=10&gblog=56
โดย:
KOok_k
วันที่: 22 กันยายน 2551 เวลา:4:42:18 น.
เห็นด้วยกับเหตุผลหลายๆข้อด้านบนค่ะ ยิ่่งเรื่ิองการสมัครงาน แตกต่างกับเมืองไทยหลายร้อยเท่า
ทำงานหนัก ก็อย่าลืมรักษาสุขภาพด้วยนะคะ
โดย:
pink daffodil
วันที่: 22 กันยายน 2551 เวลา:6:25:36 น.
สวัสดีครับพี่ไก่
ขอบคุณสำหรับคำชมนะครับพี่ไก่
อ่านแล้วก็ปลื้มตัวลอยครับ
อ่านบล็อกพี่ไก่วันนี้
ทำให้ได้ความรู้ใหม่ว่า
เวลาไปอยู่บ้านอื่นเมืองอื่น
ก็ควรเรียนรู้วัฒนธณรมและวิธีคิดของคนในชาตินั้นๆด้วย
ผมเชื่อว่ากลับกันถ้าคนอเมริกันมาทำงานที่เมืองไทย
เค้าก็คงต้องเรียนรู้วิธีทำงานแบบเกรงใจและมีอะไรไม่พูด
ของบ้านเราเหมือนกันนะครับ 55555
มาดามเป็นแฟนเสื้อผ้า Old navy
เพราะว่าเนื้อผ้าดีและราคาไม่แพงครับ
แต่ผมไม่ค่อยได้ซื้อครับ
เพราะไม่ได้เป็นคนชอบแต่งตัวครับ
ส่วนใหญ่มาดามจะดูให้หมิงหมิงซะมากกว่าครับ
แล้วก็สั่งซื้อฝากหลานๆที่บ้านครับ
เป็นกิจกรรมยามว่างของคุณแม่มือใหม่ครับ
555555
ขอให้พี่ไก่มีความสุขมากๆนะครับ
โดย: ก๋าคุง (
กะว่าก๋า
) วันที่: 22 กันยายน 2551 เวลา:7:36:44 น.
อิอิ เนื่องจากคุณjiney ไม่ได้มาบล๊อกที่แม่อ้วนโชว์หน้าชัดๆใช่ป่ะคะ หวานหมูแม่อ้วนร่ะ ขออนุยาดแปะหน้าไว้ที่นี่นะคะ
สมัยทำงานโรงแรมเครือปริ๊นเซส กลางเยาวราชจ้ะ
เป็นclerk housekeeping แต่หากว่า...โดนใช้งานตำแหน่ง GB (เจนเนอรัลเบ๊) ก๊าก....
งานสต๊าฟ แฟนซีจ้ะ ส่วนยัยหมวยข้างๆ แต่ก่อนเป็นเมท ตอนนี้ได้ข่าวว่าเป็น superviser แล้ว
เล่ายาวเยย .......
มีความสุขมากๆนะคะ คุณJiney คนสวยสู้งานและสามีหรั่งสุดหล่อ
โดย:
แม่อ้วนคนสวย
วันที่: 22 กันยายน 2551 เวลา:8:13:02 น.
โอ้โหไดชั่วโมงทำงานเพิ่มเยอะเลย ดีใจด้วยค่ะ สังอเมริกาต่างจากไทยมากจริงๆแหละ เป็นต๋อยคงไม่กล้าไปบอกว่าอยากได้ชั่วโมงทำงานเพิ่มแน่
แต่ตอนนี้นะต๋อยอยากลดชั่วโมงทำงานของตัวเองลงมากกว่า แต่ก็ลดไม่ได้เพราะถ้าต๋อยลดคนอื่นก็จะได้ทำงานมากขึ้น แต่ตอนนี้ไม่มีใครอยากทำงานมากกว่านี้หรอกค่ะ
ต๋อยไม่ได้ทำงาน 16 ชม. ทุกวันหรอกค่ะ แต่วันที่ทำ 8 ชม.มีน้อยมาก ล็อคละวันเอง การทำงานของต๋อยจะเป็นล็อคๆค่ะไม่ได้เป็นอาทิตย์เหมือนคนอื่นเค้า ล็อคล่ะ 4-5 วัน แต่ห้ามเกิน 7 วัน ถ้าล็อคไหนทำงาน 4 วันก็จะเป็น 8 ชม 16 ชม 16 ชม 8 ชม แล้วก็หยุด 1วัน แต่บางที่ก็เป็น 16ชม 16 ชม 16 8 ชม แล้วหยุด1 วัน บางวัน ทำงาน 24 ชม ก็มีนะค่ะ แต่อันนี้ต้องแอบทำห้ามให้หัวหน้ารู้
โดย: ต๋อย (
Roseshadow
) วันที่: 22 กันยายน 2551 เวลา:8:45:38 น.
อ่า อ่านดูแล้ว ถ้าหนูเป็นผู้จัดการ กะูผู้ช่วยฯคนนั้น หนูก็คงอึ้งเหมือนกันอ่ะค่ะ 555
เท่าที่อ่านจากหลายๆ เรื่องที่พี่ไก่เขียน รู้สึกได้อย่างชัดเจนมากๆ ในเรื่องความแตกต่างทางวัฒนธรรม
เฮ้อ คนไทยไปอยู่คงต้องปรับตัวกันน่าดูเลย ไม่งั้นคงถูกเอาเปรียบแย่
โดย:
หัวใจสีชมพู
วันที่: 22 กันยายน 2551 เวลา:8:48:04 น.
glitter-graphics.com
ขอบคุณที่แวะมาอวยพรและทักทายกันค่ะพี่ไก่
เรื่องการทำงานกับต่างชาติ หรือเปรียบเทียบกับต่างชาติ
เห็นแล้วก็อดอิจฉา(ช่างเป็นคนขี้อิจฉาจริงจริ๊ง)สังคมเขานะคะ เกี่ยวกับการยอมรับฟัง
บ้านเราหรือระบบเอเซียด้วยกันส่วนมากยังติดระบบอาวุโส
แต่ข้อดีของบ้านเรา ก็คงเป็นเรื่องการอ่อนน้อมถ่อมตนนี่แหละค่ะ
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็แล้วแต่คนที่เราเจอด้วยนะคะ
ตะวันตกใจแคบ แอบเหยียดผิว ก็ยังมีอยู่
โดย:
นางไม้หน้า3
วันที่: 22 กันยายน 2551 เวลา:9:49:28 น.
สวัสดีตอนดึกๆ ค่ะ พี่ไก่เก่งจังเลยค่ะ เนี้ยแหละเนอะคนดี คนขยัน สักวันมันก็ต้องเป็นวันของเรา
เรื่องเจ้านายแฟน แกบอกกับแฟนนาว่าหมอบอกว่ามะเร็งลามไปที่หลัง หัวใจ และต่อมน้ำเหลืองด้วย น่าสงสารแกจังเลย
ตอนนี้นากับแฟนก็วางแผนกันไว้ล่วงหน้าว่าจะทำยังไงกัน แต่เป็นไปได้ว่าแฟนอาจจะรับช่วงทำงานต่อ โดยซื้อเครื่องมือหนักต่อจากเจ้านาย (เห็นเจ้านายเขาบอกมาอย่างนั้นนะค่ะ) แต่ก็ยังไม่แน่นอน ต้องรอดูอีกสักพักอ่ะค่ะ ว่าพวกเขาจะตัดสินใจยังไงกัน ก็ได้แต่ภาวนาว่าขอให้แกหายจากโรคร้ายนะค่ะ
ไปนอนก่อนน๊า ไว้คุยกันใหม่นะค่ะ Good night ค่ะ
โดย:
nakamuk
วันที่: 22 กันยายน 2551 เวลา:9:57:43 น.
ให้แม่อ้วนเปนดาราได้เลยหรือคะสาวjiney ขรา.... สงสัยแมวมองดาราจะตาไม่ถึง ฮ่าๆๆ
แม่อ้วนไม่เคยโดนทาบทามไปเปนดาราเลย ก่อนแต่งงานมีแต่ผู้ชายบร้าๆจะหลอกพาไปเจ๊าะ... กำๆๆๆค่า
โดย:
แม่อ้วนคนสวย
วันที่: 22 กันยายน 2551 เวลา:10:27:00 น.
อ่านแล้วเห็นด้วยเลยค่ะ
เป็นกำลังใจให้นะค่ะ
โดย:
whitelady
วันที่: 22 กันยายน 2551 เวลา:13:32:42 น.
สวัสดีค่ะ ยินดีด้วยค่ะ ในที่สุดคุณก็หาทางออกให้กับตัวเองได้ ชื่นชมในความเข้ามแข็งของคุณค่ะ
โดย:
GlowPopJigglyJam
วันที่: 22 กันยายน 2551 เวลา:13:33:47 น.
พี่จินนี่คะ มาคุยต่อเรื่องงานค่ะ เรื่องการถูกกีดกันเรื่องเชื้อชาติไม่ค่อยมี แต่ปัญหาหลักคือภาษาค่ะพี่จินนี่ เพราะว่ามันเป็นภาษาที่สาม ที่มาเรียนตอนโต พูดยังไงก็ยังไม่ดีเท่ากับเจ้าของภาษาเค้าน่ะค่ะ มันเลยเป็นเรื่องใหญ่ เพราะว่ายังไงถ้าเราสื่อสารไม่ได้อะไรก็ลำบากไปหมดค่ะ นี่ค่ะอุปสรรคใหญ่เลยของคนต่างชาติที่นี่
โดย:
KOok_k
วันที่: 22 กันยายน 2551 เวลา:15:38:13 น.
ดีจังเลยค่ะ พี่ไก่เข้มแข็งขึ้นเยอะเลย
ดีแล้วนะคะ ต่อไปเราเรียกร้องในสิทธิของเราไม่ให้ใครมาเอาเปรียบได้เพราะเราเองก็ไม่ได้เอาเปรียบใคร
พี่ไก่เก่งจังค่ะ ทำยอดกระฉูดเลย
จอยเองต้องดูพี่ไก่เป็นตัวอย่าง และมั่นใจในตัวเองมากกว่านี้
สู้ๆนะคะ
โดย:
LiLLa_JoY
วันที่: 22 กันยายน 2551 เวลา:15:51:00 น.
ดีใจด้วยนะคะที่คุณพี่ได้ชั่วโมงทำงานเพิ่ม คนทำงานดี ทำงานเก่ง ก็ต้องได้สิ่งดีๆตอบแทนแบบนี้แหละคะ
น้องเห็นด้วยเลยคะว่าการอยู่บ้านเฉยๆเนี่ยมันเป็นอะไรที่น่าเบื่อมากๆ ยิ่งมาอยู่ต่างแดนเพื่อน พี่น้อง ก็ไม่มี ยิ่งเหงาสุดๆเลย
โดย:
ich habe kein Geld
วันที่: 22 กันยายน 2551 เวลา:16:39:04 น.
แวะมาชื่นชมคนสวยตลอดกาลคนใหม่ค่ะ ดีใจด้วยนะคะสำหรับชั่วโมงการทำงานเพิ่ม ตอนนี้เศรษฐกิจไม่ดีทั่วโลกค่ะ เราคิดว่าการมีเงิน กับมีเครดิตนั้น การมีเครดิต(เช่นบัตรเครดิต)จะดีกว่าพกเงินสดติดตัวมากมายค่ะ เอาใจช่วยขอให้ได้ลูกค้ามากๆนะคะ
โดย:
Flowerfun
วันที่: 22 กันยายน 2551 เวลา:18:21:32 น.
ดีใจด้วยคะ
ตามอ่านมาตลอดเลยคะเรื่องราวของพี่เนี่ย
และเห็นด้วยที่สุดว่า เราต้องหัดโวยวาย ถ้าจะต่อกรกับพวกฝรั่ง มันเนี่ย
ตอนแรกๆๆมาก็เงียบคะ
หลังๆๆ ใครมากินแรง หรือ ใช้งานหนักๆๆโดยที่ไม่ใช่หน้าที่เรา โดนยุด่ากระเจิงไปทุกราย
โดย:
yu เองคะ
วันที่: 22 กันยายน 2551 เวลา:19:39:45 น.
ดีจ้าพี่จินนี่... ดีแล้วคะที่พี่สู้สู้เพื่อความถูกต้อง
บางทีความอ่อนโยนและอ่อนน้อมของคนไทยก็ใช้ไม่ได้เสมอไปหรอกเนอะ โดยเฉพาะกับคนบางพวกบางกลุ่ม
ยังไงก็อย่าเพิ่งท้อนะคะพี่ เป็นกำลังใจให้คะ
โดย: nOkky (
nok_alg
) วันที่: 22 กันยายน 2551 เวลา:21:03:37 น.
ตามมาอ่านค่ะคุณพี่
ต้าก็เป็นแบบขี้เกรงใจมากๆค่ะ บางครั้งก็เกินไป แต่มันติดนิสัยอะค่ะ แก้ไม่ค่อยได้เลย เฮ้อ สามีชอบบอกมีอะไรก็พูดๆๆๆๆๆไปเลย อิอิอิ
เรื่องกินพริกสามีต้าก็กินเก่งเหมือนกันค่ะ กินเผ็ดกว่าต้าอีกค่ะ ก็เลยง่ายค่ะเวลาทำกับข้าวเพราะกินเหมือนกันค่ะ
โดย:
asita
วันที่: 22 กันยายน 2551 เวลา:21:47:10 น.
ดีจ๊ะพี่สวย ติ๊กมีเพื่อนอยู่คนนึงทำงานร้านไอศครีม เพื่อนทำงานหนักกว่าฝรั่งที่ทำงานด้วยกันมากแต่ได้เงินเดือนน้อยกว่ามากๆ ด้วยที่ว่าบอสเค้าเห็นว่าเป็นคนไทยอะไรก็ได้ไม่เคยเรียกร้อง แค่ทำหน้าที่ตัวเองให้ดีที่สุด แต่ไอ้บอสอ่ะนะกลับไม่เคยเห็นค่าที่เราทำ มานน่าเจ็บใจนะ เราไม่ค่อยเรียกร้องอะไรก็หาว่าเราโง่
โดย:
ฟรัง-แซ
วันที่: 22 กันยายน 2551 เวลา:22:28:09 น.
มายินดีกับคนเก่งค่ะ
ชื่อไก่เหมือนกันเลย
โดย: kai (
aitai
) วันที่: 22 กันยายน 2551 เวลา:22:47:34 น.
ดีใจด้วยค่ะ พี่ไก่ที่ได้ชั่วโมงการทำงานเพิ่ม พี่ไก่ทำได้งัยเนี่ย 1 เดืือนหาลูกค้าบัตรได้ 34 รายค่ะ
เกี่ยวกับเรื่องความแตกต่างทางวัฒนธรรมทั้งยุโรปกับอเมริกา
นี่จะคล้ายกันนะค่ะ ถ้าอยากได้อะไรไม่พอใจอะไรก็พูดกันไป
แล้วจบไม่มีมีคิดแค้นกันนะค่ะ ก็ต้องปรับตัวกันไปตามสภาพนะค่ะ
ตอนนี้ยังไม่ได้ไปทำงานเลยค่ะ ขี้เกียจมากๆ เลย ตอนนี้กำลังบ้าดูซีดีหนัง กะอ่านหนังสือนะค่ะ แล้วอากาศก็หนาว
ด้วย เลยไม่ค่อยอยากออกไปไหนค่ะ
มีความสุขมากๆนะค่ะ
โดย:
แมวขี้อ้อน
วันที่: 22 กันยายน 2551 เวลา:23:07:34 น.
ชอบความคิดเห็นของคุณมากเลย
แต่ไม่ค่อยได้มีเวลาได้เข้ามาเลย
ขอบคุณที่แวะไปเยี่ยมค่ะ
โดย:
NathalieNoelle
วันที่: 22 กันยายน 2551 เวลา:23:29:42 น.
มาดามมาเม้นต์ให้รอบสองแล้วนะค่ะรอบแรกกดส่งแล้วไม่ขึ้นค่ะ เขียนไปเยอะเชียว
เป็นกำลังใจให้นะค่ะ สังคมฝรั่งก็งี้หล่ะค่ะ เราต้องเรียกร้องและแสดงออกค่ะ มาดามเองก็ยังลำบากกับการปรับตัวให้เป็นคนโวยวายอยู่เลยค่ะ เพราะตัวเองไม่ชินกับการลุกมาโต้เตียงโวยวาย แต่เข้าเมืองตาหลิ่วก็ต้องทำตามเค้าค่ะ สู้นะค่ะ คุณพี่แกร่งเสมอ ๆ ค่ะ
ดูแลตัวเองค่ะ
โดย:
Madame Kp
วันที่: 23 กันยายน 2551 เวลา:2:41:18 น.
ยินดีด้วยนะคะที่ได้ชั่วโมงทำงานเพิ่ม..
แล้วก็..ดีใจด้วยค่ะกับการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น
ต่อไป..จะได้ไม่ต้องถูกคนอื่นเอาเปรียบอีกนะคะ..
จะบอกว่า..สบู่ที่ทำ..เวลาใช้ กลิ่นก็เป็นกลิ่นน้ำหอมที่เราใส่ลงไปตอนทำอ่ะค่ะ..
เราชอบกลิ่นอะไร ก็ไปซื้อกลิ่นนั้นมาใส่ ตอนอาบก็มีความสุขจิคะ แทบไม่อยากขึ้นจากน้ำเลยทีเดียวค๊า
โดย:
กะตุ้งนิ้ง
วันที่: 23 กันยายน 2551 เวลา:8:54:44 น.
HI P' Jiney,
I am so happy with you, finally you find the way out and happy to hear from you that everything almost fine, but your mean boss'assistant.
I really respect how strong you are and I try to be like you. I am so proud with your husband to have a wife as you.
I just want tell you that the most important thing is your health, you need to take good for that.
Have a wonderful day ^_^
โดย:
pink daffodil
วันที่: 23 กันยายน 2551 เวลา:9:56:21 น.
อ่านแล้วรู้สึกดีค่ะ อย่างน้อยพี่ไก่ก็มีคนให้กำลังใจมากมาย น่าชื่นใจจริงๆค่ะ นี่แหละค่ะ มิตรภาพบนโลก cyber ใครว่าไม่มีจริง
หมวยไม่มีความเห็นเกี่ยวกับระบบงานในอเมริกาค่ะ แต่อ่านแล้วได้ความรู้ดี ขอบคุณพี่ไก่ที่เอามาเล่าให้อ่าน
ขอให้พี่ไก่และครอบครัวมีความสุขเช่นเดียวกันค่ะ
โดย:
วินนี่ย์หมีพูห์
วันที่: 23 กันยายน 2551 เวลา:10:25:54 น.
แวะมาชอบคุณนะครับที่ไปชมขนมที่บ้านของเรา
Recados, Gifs e Imagens no Glimboo.com
มีความสูขนะครับ
โดย:
katoy
วันที่: 23 กันยายน 2551 เวลา:10:53:21 น.
หนูสงสัยค่ะว่า พี่ทำงานพาร์ทไทม์หรือคะ เพราะว่าถ้างานพาร์ทไทม์ถ้าชม.งานเพิ่มขึ้นเงินจะได้เพิ่มขึ้นค่ะ
พี่หาลูกค้าได้เดือนนึง34 ราย ผจก.ต้องมีโบนัสปลายปีให้แล้ว หรือไม่ก็ต้องมีรางวัลพิเศษให้แน่ๆ
โดย:
quilt
วันที่: 23 กันยายน 2551 เวลา:14:07:22 น.
ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมค่ะ รูปที่ว่าหน้าเหมือนคุณแม่ของคุณพรทิพย์คงไม่ใช่หรอกค่ะ หน้าตาอาจไปเหมือนกันเข้า แต่ก็ดีใจค่ะที่ได้รู้จักคุณ jiney อ่านข้อความที่ระบายออกมาแล้ว เข้าใจดีเลยค่ะว่ารู้สึกยังไงและก็ขอชมความเก่ง และความกล้าแสดงออกค่ะ ตอนนี้ก็คงนั่งทำงานไปยิ้มไปแบบว่า สบาย สบาย แล้วใช่ไม๊ค๊ะ ขออวยพรให้ได้โบนัสงามๆ และได้เลื่อนตำแหน่ง 3ขั้นเลยนะค๊ะ ขยันแบบนี้ สมควรค่ะ
โดย:
tongfah_88
วันที่: 23 กันยายน 2551 เวลา:23:53:37 น.
หวัดดีค่ะพี่
ไม่ได้แวะมานาน ยุ่งๆ อยู่กับเด็กๆ เหมือนเคยค่ะ ล่วงเลยอาทิตย์กว่าๆ จึงได้แวะมาเยี่ยมเยียน
ได้ฟังที่พี่เล่า เข้าใจเลยค่ะ เราคนไทยไปอยู่ต่างแดน ถ้าไม่ด้วยเรื่องสีผิว อาจโดนดูถูก และด้วยความที่คนไทยมีนิสัยเกรงใจ...คอยแต่เก็บเงียบ..บางอย่างทำให้เราไม่สบายใจ บางอย่างถ้าปลงได้ก้อต้องปลง แต่ในเรื่องนี้ ต้องหาความถูกต้องสิค่ะ ไม่ต้องเกรงใจแล้ว มีอะไรพูดกันไปตรงๆ ดีค่ะ
เอาใจช่วยพี่อยู่นะค่ะ สู้ สู้ค่ะ
โดย:
ann_269
วันที่: 24 กันยายน 2551 เวลา:0:00:47 น.
สวัสดีค่ะ
ทำงานเหนื่อยให้กำลังใจค๊าบ
^ ^
โดย:
หมูปิ้งไม้ละ 5 บาท
วันที่: 24 กันยายน 2551 เวลา:12:43:10 น.
แวะมาทักทายให้กำลังใจสาวแกร่งค่ะ
โดย:
Vidara
วันที่: 24 กันยายน 2551 เวลา:17:46:53 น.
โดย:
อาลีอา
วันที่: 24 กันยายน 2551 เวลา:22:03:45 น.
สวัสดีพี่ไก่สบายดีไหม
โดย: ต๋อย (
Roseshadow
) วันที่: 25 กันยายน 2551 เวลา:23:06:45 น.
แวะมาราตรีสวัสดิ์พี่ไก่ค่ะ ฝันดีนะคะ
โดย:
LiLLa_JoY
วันที่: 26 กันยายน 2551 เวลา:3:18:41 น.
แวะมาเยี่ยมและให้กำลังใจนะค๊ะ วิสกี้เองมาอยู่นี่แล้วก็ก็เปลี่ยนเป็นคนพูดตรงๆ ไปบ้างเหมือนกันนะค๊ะ
เอาใจช่วยนะค๊ะ
โดย:
วิสกี้โซดา
วันที่: 26 กันยายน 2551 เวลา:10:26:46 น.
เอากำลังใจมาส่งวันศุกร์นะคะ เย้ๆๆๆๆวันศุกร์แล้ว
โดย:
asita
วันที่: 26 กันยายน 2551 เวลา:13:47:28 น.
โดย:
สแกวัลย์
วันที่: 26 กันยายน 2551 เวลา:18:11:35 น.
แอบงอนพี่ไก่หน่อย ว่ากระเป๋าต๋อยสีเหมาะกะวัยทองได้งัยเนี่ย ต๋อยยังวัยรุ่น (รุ่นป้า) อยู่นะ
โดย: ต๋อย (
Roseshadow
) วันที่: 26 กันยายน 2551 เวลา:18:25:11 น.
ชื่อ :
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
สวยตลอดกาล
Location :
Southern California United States
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [
?
]
Group Blog
อาชีพสาวห้างในอเมริกาไม่ง่ายอย่างที่คิด
เก็บภาพกลับจากเมืองไทยมาฝากและเปิดเผยโฉมสาวห้างฯแล้วค่ะ
ห้องแต่งตัว
เทศกาลต่าง ๆ ในอเมริกา
Immigration
เคล็ดลับความงาม
ห้องครัว
ท่องเที่ยว
ห้องรับแขก
ประสบการณ์ต่างแดน
<<
กันยายน 2551
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
22 กันยายน 2551
ตอนนี้ดิฉันเป็นสวยตลอดกาลคนใหม่แล้วค่ะ
All Blogs
ทำไมคนอเมริกันชอบคิดว่าคนเอเชียหรือคนไทยอย่างดิฉัน จะไม่ลุกขึ้นมาปกป้องสิทธิของตัวเอง
ดิฉันควรให้โอกาสผู้จัดการอีกครั้งหรือไม่ และเคล็ดลับลดความอ้วนแบบง่าย ๆ โดยนางแบบจำเป็น
1 ปีกับการทำงานในอเมริกากับงานที่ไม่เคยคิดจะทำเลยในเมืองไทย
ชีวิตสาวห้างฯ ช่วงเศรษฐกิจตกต่ำของอเมริกาและมาดูเสื้อผ้าสวย ๆ ราคาแสนถูกกันค่ะ
ตอนนี้ดิฉันเป็นสวยตลอดกาลคนใหม่แล้วค่ะ
มาฟังความคับแค้นใจและความน้อยเนื้อต่ำใจของสาวห้างในอเมริกากันค่ะ
อาชีพสาวห้างฯ ในอเมริกาไม่ง่ายอย่างที่คิด ตอนจบค่ะ
อาชีพสาวห้างในอเมริกาไม่ง่ายอย่างที่คิด ตอนเก้า
อาชีพสาวห้างในอเมริกาไม่ง่ายอย่างที่คิด ตอนแปด
อาชีพสาวห้างในอเมริกาไม่ง่ายอย่างที่คิด ตอนเจ็ด
อาชีพสาวห้างในอเมริกาไม่ง่ายอย่างที่คิด ตอนหก
อาชีพสาวห้างในอเมริกาไม่ง่ายอย่างที่คิด ตอนห้า
อาชีพสาวห้างในอเมริกาไม่ง่ายอย่างที่คิด ตอนสี่
อาชีพสาวห้างในอเมริกาไม่ง่ายอย่างที่คิด ตอนสาม
อาชีพสาวห้างในอเมริกา ตอนสอง
อาชีพสาวห้างในอเมริกาไม่ง่ายอย่างที่คิด
Friends' blogs
สวยตลอดกาล
LiLLa_JoY
Oshiri
bagarbu
Farm Girl in High Sierra
ปูขาเก เซมารู
bluecomet
Ninniko
Lottelise
lalintipn
ป้ามด
ดีเจอรรณพ
aoiyuki
a.miyazaki
Scooterella
วิสกี้โซดา
patchchoy
คนตาพิการ
ลูกโป่งลอยฟ้า_ชิงช้าสวรรค์
KungGuenter
vanilla_ole
anutta
oranuch_sri
ladysamui
วินนี่ย์หมีพูห์
อาลีอา
Malee30
thattron
amskye
นางฟ้าของชาลี
Tiny Bakery
ลูกสน
ผ้าไหมไทย
Tristy
กิน ๆ เที่ยว ๆ
praewa cute
Febie
ClayAnn
she-sweet
Triny
แม่บ้านครอว์ฟอร์ด
บ่งบ๊ง
Sai Eeuu
Webmaster - BlogGang
[Add สวยตลอดกาล's blog to your web]
Links
http://ของครัวไกลบ้าน
BlogGang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.
น้องยังคิดอยู่เลยว่า ถ้าได้ทำงานร่วมกับชาติอื่น จะโดนรังเกไม๊น๊อ เราเป็นชาวเอเซียด้วยแล้ว เฮ่อ! ยังงัยก้อสู้ๆค่ะ
สู้ๆน่ะพี่ไก่ เข้ามาอ่านที่พี่เขียนได้ข้อคิดเยอะเลย
หลังไมค์ด้วย