ทำไมดิฉันจึงหายไปหนึ่งสัปดาห์และไปงานปาร์ตี้ Baby Shower กันค่ะ
สวัสดีค่ะ เพื่อน ๆ และน้อง ๆ ชาวบล๊อกแก็งค์
เพื่อน ๆ และน้อง ๆ เมื่อเห็นหัวข้อเรื่องแล้วอย่าคิดไปไกลน่ะค่ะ ว่าที่ดิฉันหายไปเพราะตั้งครรภ์ หรือไปจัดงานปาร์ตี้สำหรับคนมีท้องให้กับตัวเอง สำหรับวัยอย่างดิฉันคงไม่มีโอกาสตั้งท้องแล้วล่ะค่ะ คงเป็นวัยที่ต้องเลี้ยงหลานมากกว่า เหตุผลที่ดิฉันหายไปสัปดาห์ที่ผ่านมาเพราะต้องทำงานแทบทุกวัน และงาน Baby Shower นี้เป็นงานปาร์ตี้ของเพื่อนดิฉันที่ทำงานด้วยกันค่ะ
สัปดาห์ที่ผ่านมาดิฉันไม่ได้เล่นเน็ทเท่าไรเลย เหตุผลก็คือสัปดาห์ที่ผ่านมา ห้างฯ ดิฉันมีโปรโมทชั่นเกี่ยวกับการทำบัตรเครดิต ผู้จัดการจึงให้ชั่วโมงการทำงานดิฉันมากที่เดียว เรียกว่าทำงานแทบทุกวันค่ะ แล้วบางวันก็ทำงานถึงแปดชั่วโมงติดต่อกัน เชื่อไหมค่ะแรกๆที่ดิฉันต้องมาทำงานเป็นพนักงานห้างฯ ดิฉันน้ำตาไหลเลยค่ะ ตอนทานอาหารกลางวันวันนั้นเรียกว่าทานข้าวไปคลุกน้ำตาไป เห็นเงินแต่ละดอลล่าร์เลยว่าไม่ได้หามาง่าย ๆ ต้องใช้น้ำพักน้ำแรงเข้าแลก
สำหรับเวลาที่ดิฉันตอนนั้นมีความสุขมาก ๆ คือตอนพักค่ะ เพราะได้นั่งพักขา แต่รู้สึกเวลามันผ่านไปเร็วจริง ๆ ช่วงพัก เชื่อไหมค่ะตอนนั้นทำให้ดิฉันได้เห็นและเข้าใจผู้ใช้อยาดเหงื่อและแรงงานในการทำงาน นี่ขนาดดิฉันทำในที่ร่ม มีแอร์เย็นฉ่ำ ยังรู้สึกเหนื่อยสายตัวแทบขาด แล้วคนบางคนล่ะที่ต้องทำงานกลางแดด จะเหนื่อยสายตัวแทบขาดมากกว่าดิฉันสักแค่ไหน ตอนนั้นเห็นใจคนใช้แรงงานด้วยกันเลยค่ะ เหตุผลก็คืองานเป็นพนักงานห้างฯ จะนั่งพักไม่ได้ ถ้าไม่ใช่เวลาพัก วันแรกขนาดทำงานแค่ไม่กี่ชั่วโมงก็ท้อแล้ว เชื่อไหมค่ะกลับไปบ้านต้องให้สามีมาช่วยนวดเท้าให้ เพราะเมื่อยและตึงมาก ๆ ปกติเวลาทานอาหารเย็น ดิฉันกับสามีจะออกไปเดินเล่น เพื่อย่อยอาหาร ดิฉันไม่สามารถออกไปเดินได้เลย เพราะปวดขามาก ๆ เวลานอนต้องนอนห้อยขา เรียกว่าเมื่อยและปวดขามาก ๆ แต่พอทำงานไปได้ประมาณหนึ่งสัปดาห์ สภาพร่างกายก็ชินกับการเดิน ตอนนี้ดิฉันสามารถยืนเดินได้ถึงแปดชั่วโมงติดต่อกันโดยไม่ต้องพัก อย่างว่าล่ะค่ะอย่างที่เราจะได้ยินแต่ล่ะคนบอก แรก ๆ เราอาจจะไม่ค่อยชิน พอเราปรับตัวได้แล้วเราก็ทำได้
เช่นกันถ้าวันไหนว่างหรือไม่ได้ทำงาน ดิฉันก็เปิดจักร เอาเสื้อผ้าเก่า ๆ มา แก้ไขให้ได้ขนาดเท่าตัวดิฉันปัจจุบัน เอากางเกงยีนส์ที่ซื้อมาหลายตัว เอามาตัดขาเพื่อให้พอดีกับความยาวของตัวดิฉัน และเข้าครัวทำอาหารต่าง ๆ เรียกว่าสัปดาห์ที่ผ่านมา ดิฉันไม่ได้ค่อยเล่นอินเตอร์เน็ทเท่าไร จะเปิดก็แค่เช็คอีเมลล์
มาดูค่ะว่าดิฉันไปทำอะมาบ้างช่วงที่ดิฉันหายไปหนึ่งสัปดาห์
อย่างที่เกรินข้างต้นก็คือดิฉันทำงานแทบทุกวันค่ะ เพราะช่วงนี้เป็นเป็นช่วงโปรโมทบัตรเครดิต อย่างที่เพื่อน ๆ และน้องๆพอทราบว่าดิฉันเป็นมือโปรฯ ในการหาลูกค้ามาทำบัตรเครดิต ยิ่งช่วงโปรโมรชันบัตรเครดิต เป็นช่วงโอกาสทองของดิฉันมาก ๆ เพราะทำให้ง่ายต่อการหาลูกค้ามาสมัครทำบัตรเครดิตมาก มีหรือผู้จัดการจะไม่เรียกหาดิฉัน
สำหรับการหาลูกค้าทำบัตรเครดิตไม่ใช่งานที่ง่ายเลยสำหรับพนักงานห้างฯ หรือพนักงานขายทั่วไป เพราะอย่างที่เพือน ๆ และน้อง ๆ ที่อยู่อเมริกาก็พอจะทราบว่าคนอเมริกาเป็นโรคกลัวบัตรเครดิตมาก ๆ เหตุผลเพราะถ้าพวกเค้ามีบัตรเครดิตจะทำให้ไม่สามารถควบคุมการใช้เงินได้ ดอกเบี้ยในการชำระบัตรเครดิตไม่ตรงเวลาก็สูงเอามาก เช่นกันการสมัครบัตรเครดิตแต่ล่ะครั้ง ก็จะทำให้คนอเมริกันเสียคะแนนเครดิตไปหนึ่งแต้ม ฉนั้นถ้าคนที่จะซื้อบ้านก็จะไม่สมัครทำบัตรเครดิตเด็ดขาด มากกว่านั้นคนอเมริกาถือบัตรเครดิตคนหนึ่งมากกว่าห้าใบขึ้นไป ฉนั้นพวกเค้าจึงไม่อยากจะมีบัตรเครดิตเพิ่มถึงแม้จะมีการลดแลกแจกแถมสิ่งต่าง ๆ ให้พวกเค้า เมื่อพวกเค้ามาสมัครทำบัตรเครดิตและไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ
ห้างฯ ต่างๆ ของอเมริกาก็พยายามหากลยุทรต่าง ๆ มาล่อใจให้ลูกค้ามาสมัครทำบัตรเครดิต เช่น ให้ส่วนลด แจกคูปอง แจกกระเป๋าหรือสิ่งของต่าง ๆ สำหรับค่าบริการรายปีฟรี เรียกว่าลูกค้ามีแต่ได้ ไม่ต้องเสียอะไรเลย ลูกค้ายังกลัว ไม่มารับของแลก แจก แถมเลย เรียกว่าการหาลูกค้ามาสมัครทำบัตรเครดิตตามห้างฯ ต่าง ๆ ของอเมริกาป็นงานที่ปราบเซียนมาก ๆ สำหรับดิฉันนั้นต้องพัฒนากลยุทธการขายตลอดเวลา และนำประสบการณ์การณ์ต่าง ๆ มาดึงดูดใจให้ลูกค้าสนใจมาสมัครทำบัตรเครดิต
ดิฉันไม่เคยรู้สึกอายเลย ที่จะเดินไปหาลูกค้า เสนอการทำบัตรเครดิตให้กับลูกค้า ถ้าลูกค้าไม่ทำก็ไม่เป็นไร ลูกค้าบางคนเดินหนีก็มีขนาดดิฉันยังไม่ได้พูดอะไร เหมือนกับดิฉันจะไปหลอกหลวงเค้า แต่ทำอย่างไรได้นี่ล่ะมันคือหน้าที่ของดิฉัน ถ้าต้องการได้ชั่วโมงการทำงานที่ดีเหมือนที่เป็นอยู่ พอเราหาลูกค้ามาทำบัตรเครดิตได้มาก ๆ เชื่อไหมค่ะประสบการณ์ต่างๆ ด้านการหาลูกค้ามาทำบัตรเครดิต มันก็สอนเราโดยอัตโนมัติว่าเราจะทำอย่างไรให้ลูกค้าสนใจมาสมัครทำบัตรเครดิต
ทุกครั้งเรียกว่าดิฉันไปทำงาน จะต้องหาลูกค้าทำบัตรเครดิตได้ บางที่ถ้าช่วงจังหวะดี ๆ หรือโชคดีทำงานไปไม่กี่นาทีก็หาได้ถึงสองคน ฉนั้นดิฉันจะชอบพูดเล่นกับผู้จัดการและผู้ช่วยฯ ว่า
I am a professional credit card salesperson. I am so good.
ผู้จัดการและผู้ช่วยฯ เมื่อได้ยินประโยคที่ดิฉันพูดเล่นก็จะหัวเราะกัน
เชื่อไหมค่ะบางครั้งดิฉันก็ขำลูกค้าเหมือนกันหรือเป็นเรื่องจริงก็ไม่ทราบ ลูกค้าผู้หญิงบางคนบอกว่าเค้าไม่สามารถทำบัตรเครดิตกับดิฉัน เหตุผลเพราะถ้าเธอทำบัตรเครดิตอีกใบ กลับบ้านไปสามีเธอต้องเอาเธอตายแน่ บางคนก็บอกว่าถ้าขืนทำอีกใบกับดิฉัน สามีต้องฟ้องอย่าแน่เลย ดิฉันก็ได้แต่กล่าวขอโทษหรือทำตาปริบ ๆ ไป พอมาเล่าให้ผู้จัดการ ผู้ช่วยฯ หรือเพื่อน ๆ ที่ทำงานฟังกัน พวกเค้าก็หัวเราะกันใหญ่
แต่บางครั้งดิฉันก็รู้สึกดี ๆ น่ะค่ะ เมื่อเจอลูกค้าที่น่ารัก เช่น ดิฉันเชิญชวนให้เธอมาทำบัตรเครดิต บอกว่าถ้าได้รับการ approve จะได้ส่วนลดถึง
พอเธอมาสมัครบัตรเครดิตและได้รับส่วนลด เธอก็กล่าวขอบคุณดิฉันบอกว่าขอบคุณมาก ๆ สำหรับนำสิ่งดี ๆ ที่มามอบให้เธอ
เช่นกันเมื่อสองสามวันก่อน มีลูกค้าผู้หญิงคนหนึ่งมาลองเสื้อผ้า แล้วดิฉันก็ชักชวนให้เธอมาสมัครทำบัตรเครดิต เธอบอกว่าเธอกลัวจะ not approve เพราะเธอเพิ่งเลิกกับสามี เพราะสามีไปมีผู้หญิงคนอื่น เธอไม่มีงานทำ ยังเรียนอยู่และมีลูกอีกตั้งสองคน ดิฉันจึงบอกว่าลองดูซิ เพราะจากประสบการณ์ในการหาลูกค้ามาทำบัตรเครดิต เธอต้องผ่านแน่ ๆ ให้เธอลองดู แล้วเธอก็สมัคร พอดิฉันคีย์ข้อมูลเธอเข้าเครื่อง เธอได้รับการ approve เชื่อไหมค่ะเธอดีใจมาก ๆ แล้วดิฉันก็บอกกับเธอว่าอีกสามเดือนมาหาดิฉันอีกน่ะ จะอัพเกรดบัตรเครดิตให้ แล้วเมื่อเธอได้รับบิลขอให้เธอจ่ายตรงเวลา เพราะเป็นการสร้างเครดิตให้กับตัวเธอเอง ไม่ต้องสนใจในอดีตว่าเครดิตไม่ดี เพราะตอนนี้มีโอกาสสร้างเครดิตใหม่ เธอกล่าวขอบคุณดิฉัน บอกว่าดิฉันทำให้วันนี้ของเธอสดใสมาก ๆ ดิฉันได้ยินก็รู้สึกดีค่ะ แล้วเธอก็บอกว่าอยากจะขอพบผู้จัดการ ช่วงนั้นผู้ช่วยฯ เดินผ่านมาพอดี ดิฉันจึงให้เธอคุยกับผู้ช่วยฯ เชื่อไหมค่ะเธอกล่าวสรรเสริญดิฉันต่อผู้ช่วยฯ ว่าดิฉันดีอย่างนั้น ดีอย่างนี้ ดิฉันได้ยินก็ปลื้มค่ะ นี่ล่ะค่ะสิ่งที่ดิฉันอยากได้ยินจากลูกค้า เมื่อดิฉันบริการพวกเค้าเสร็จแล้ว
เช่นกันบางครั้งทีทำงานดิฉันก็มีเพื่อนทำงานบางคนทีทำให้ดิฉันอารมณ์เสียและโกรธมาก เพื่อนร่วมงานคนนี้เด็กกว่าดิฉันเป็นยี่สิบปี เธอมาเริ่มงานเมื่อปลายปีที่แล้ว หน้าตาเธอก็ไม่ได้สวยอะไรเลย แถมรูปร่างก็ออกไปทางอ้วน แต่ก็ไม่มาก แต่ถ้าเทียบกับมาตราฐานคนไทยก็ต้องเรียกว่าอ้วน ปากเธอก็เหมือนแหว่งแต่ไม่มากเท่าไร ดิฉันเห็นเธอครั้งแรก เธอก็ออกมารยาทดี พูดจาไพเราะอ่อนหวาน แต่ดิฉันสังเกตุว่าพฤติกรรมเธอบางครั้งที่แสดงออกมามันโอเวอร์หรือเกินไป เช่นมีอยู่วันหนึ่งเธออยู่ในห้องลองเสื้อผ้า พอมีลูกค้าเข้ามาลองเสื้อผ้า เธอจะรีบไปจับมือแล้วแนะนำตัวเอง พอดิฉันเห็นก็ตกใจมาก ทำไมเธออ่อนน้อมเหลือเกิน แล้วอาชีพพนักงานห้างฯ ก็ไม่ถึงต้องไปจับมือลูกค้า แค่แนะนำตัวก็พอแล้ว แต่อย่างไรดิฉันก็ไม่สนใจเพราะเป็นเรื่องของเธอ บางครั้งเธอก็จะมาทำพูดอ่อนหวานดีกับดิฉัน แต่ดิฉันมีความรู้สึกเธอแสดงอะไรออกมามันไม่ได้มาจากใจของเธอ
แต่อย่างไรมันก็เรื่องของเธอ ดิฉันคิดว่าพนักงานเพื่อน ๆ หลายคนที่ทำงานก็คงรู้สึกแบบดิฉัน ทุกครั้งเมื่อดิฉันได้ลูกค้ามาทำบัตรเครดิตเธอจะคอยมองแล้วถามดิฉันว่าได้กี่คนแล้ว บางครั้งดิฉันรู้สึกรำคาญมาก ๆ มันเรื่องอะไรของเธอ แล้วพอเธอหาลูกค้าทำบัตรเครดิตได้ เธอก็จะรีบมาบอกดิฉันเหมือนกับอวดว่าเธอก็หาได้แบบดิฉัน สำหรับดิฉันไม่สนใจหรอก เพราะดิฉันคิดเสมอว่าการหาลูกค้ามาทำบัตรเครดิตได้มากเท่าไร ดิฉันไม่ได้แข่งกับใคร ดิฉันแข่งกับตัวเองและต้องพัฒนาหาได้มากขึ้นไปเรื่อยๆ เพื่อให้ผู้จัดการและผู้ช่วยฯ จะได้ให้ชั่วโมงดิฉันแบบที่เป็นอยู่
บางครั้งเธอก็จะมาเล่าว่าเธอเจอลูกค้าไม่สุภาพ ดิฉันก็ปลอบใจเธอไปว่าดิฉันก็มีเจอเหมือนกัน อย่าไปสนใจเลย เราทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดก็ใช้ได้แล้ว แล้วดิฉันก็ถามว่าลูกค้าทำอะไรกับเธอหรือถึงเรียกว่าไม่สุภาพกับเธอ เธอรีบบอกว่าแกล้งพูดเล่นไม่มีอะไร เหมือนกับระแวงดิฉันว่าจะรู้ความลับอะไรของเธอ ดิฉันคิดในใจแล้วมาเล่าให้ดิฉันฟังทำไม แล้วพอถามรายละเอียดก็ไม่ยอมเล่า คนอย่างนี้แปลกดี สำหรับเธอดิฉันก็ยอมรับว่าเธอหาลูกค้ามาทำบัตรเครดิตเก่งมาก ๆ เรียกว่ามีบางวันเธอสามารถหาได้เท่ากับดิฉัน แต่ดิฉันก็ไม่สนใจเพราะดิฉันถือว่าดิฉันแข่งกับตัวเอง
แล้ววันหนึ่งขณะที่ดิฉันกำลังทำงานที่ห้องลองเสื้อผ้า เธอก็เข้ามาพูดกับดิฉัน
เด็กคนนั้น I will beat you. เด็กคนนี้พูดประโยคนี้เหมือนกับว่าต่อไปนี้เธอจะหาลูกค้ามาทำบัตรเครดิตให้มากกว่าดิฉัน แล้วก็จะมาล้มแชมป์คือดิฉัน ดิฉันก็ตอบโต้กลับ I dont care. ดิฉันก็บอกไม่สนใจหรอก เธอจะทำอะไรก็ทำไป เด็กคนนั้น Im just kidding. Give me a huge. เหมือนกับว่าพอเธอรู้ว่าดิฉันไม่ใส่ใจเรื่องที่เธอจะมาแข่งกับดิฉัน แล้วเธอจะมาเป็นแชมป์แทนดิฉัน เธอก็คงกลัวดิฉันจะโกรธ จึงมาเสแสร้งพูดดีกับกับดิฉันว่าแกล้งพูดเล่น มาให้กอดหน่อย
เชื่อไหมค่ะพอดิฉันกลับมาบ้าน มาเล่าให้สามีฟังว่าดูซิเด็กเมือวานซืนมาพูดแบบนี้กับดิฉัน ดิฉันไม่ชอบเลยเหมือนกับไม่เคารพดิฉัน และเธอคงคิดว่าตอนนี้เธอเก่ง ที่สามารถหาลูกค้าได้เท่ากับดิฉันบางวัน แต่ถ้าเธอฉลาดคิดจะมาล้มแชมป์คือดิฉันเธอก็ควรจะเก็บไว้ในใจ แล้วโชว์ผลงาน ไม่ใช่มาพูดโอ้อวดความสามารถอย่างนี้ คนอย่างดิฉันก็แปลกเรียกว่าพอได้ฟังอย่างนี้ว่าจะมีคนมาแข่งขันกับดิฉัน ดิฉันยิ่งไม่ยอมใหญ่ อาจจะเพราะธรรมชาติของดิฉันว่าพอเป็นที่หนึ่ง ก็อยากเป็นที่หนึ่งตลอดไป จนกว่าดิฉันจะลาออกจากห้างฯนี้ เชื่อไหมค่ะตอนนี้ดิฉันยิ่งทำการบ้านหนัก เรียกว่าตอนนี้ยอดหาลูกค้ามาทำบัตรเครดิตสำหรับเดือนนี้ แซงเธอหลุดลุ่ยเลย ดิฉันคิดว่าเธอก็คงจะยอมรับว่าการหาลูกค้ามาทำบัตรเครดิตไม่ใช่สิ่งที่ง่าย
แล้วเมื่อสามวันก่อน ดิฉันเห็นเธอเข้างานก็ตามมารยาท ถามเธอว่าจะเลิกงานกี่โมง เชื่อไหมค่ะเธอบอกว่าทำไมดิฉันถามเธอแบบนี้ อยากมีเรื่องหรือมีปัญหาอะไรหรือ ดิฉันคิดในใจแปลกเนอะ การถามเรื่องเวลาเริ่มงานและเลิกงานเป็นสิ่งปกติ แล้วเธอก็มักจะถามดิฉันบ่อย ๆ ดิฉันจึงโต้กลับไปว่า แล้วทำไมเธอถึงเคยมาถามดิฉันบ่อย ๆ เรื่องเวลาเข้าหรือเลิกงาน ดิฉันไม่เคยพูดประโยคเหมือนเธอเลย เธอก็คงเห็นว่าดิฉันเอาจริง เธอก็ทำพูดดีบอกว่าเธอสับสนในชีวิต ดิฉันคิดในใจ คนอย่างเธอนี้ก็ร้ายพอดู เวลาแสดงออกกับลูกค้า เพื่อนร่วมงาน เสแสร้งว่าเป็นคนดี เรียบร้อยสุภาพ อ่อนหวาน แต่สำหรับดิฉันเหมือนเธอแสดงตัวตนของเธอออกมา อาจจะด้วยดิฉันไม่ใช่คนอเมริกาเหมือนเธอ เธอคงคิดว่าดิฉันไม่ฉลาดเท่าเธอ หรือทันเธอ
แต่ก็มีบางครั้งน่ะค่ะ ความที่ดิฉันเป็นคนไทย มีความอ่อนน้อม ยิ้มแย้มแจ่มใสมากเกินไป เมือวันเสาร์ที่ผ่านมา ขณะที่ดิฉันกำลังทำงานในห้องลองเสื้อผ้า มีลูกค้าผู้ชายมาลองเสื้อ ดิฉันก็พาเค้าไปห้องลอง แล้วกล่าวแนะนำตัวเองและบอกว่าถ้าต้องการความช่วยเหลืออะไรให้บอก พอเค้าลองเสร็จก็เอาเสื้อมาคืน บอกว่าใส่ไม่ได้ หน้าที่ของดิฉันก็คือต้องพับหรือเก็บ เพื่อนำไปขายต่อ แล้วดิฉันก็หยิบมาเก็บ แล้วยิ้มกับเค้า พร้อมทั้งบอกว่า I am so sorry ซึ่งก็เหมือนกับบอกว่าเสียใจจังเลยที่ใส่ไม่ได้ Have a nice day
ดิฉันเห็นตาเค้ามองดิฉันแบบหยาดเยิ้ม ดิฉันก็ไม่ได้สนใจอะไร เพราะเจอลูกค้าแบบนี้บ่อยมาก และอีกอย่างเพราะช่วงนั้นเป็นช่วงลูกค้ามาก ดิฉันก็ไปบริการลูกค้ารายอื่น และเห็นเค้าเดินออกไปแล้ว พออีกสิบนาทีต่อมา เห็นเค้าเดินเข้ามาอีก พร้อมถือเสื้อมาลองอีกหนึ่งตัว ดิฉันก็พูดทักทายไปตามปกติแล้วพาไปลองที่ห้องลองเสื้อผ้า แล้วดิฉันก็ทำงานดิฉันต่อไป เมื่อเค้าลองเสร็จก็เอาเสื้อผ้ามาคืน บอกว่าใส่ไม่ได้ ดิฉันก็พูดประโยคเก่าไปอีกว่าเสียใจด้วย ที่เสื้อนำมาลองใส่ไม่ได้อีกแล้ว แล้วเค้าก็มาทำตาหวานใส่ดิฉัน ดิฉันคิดในใจนี่มันไม่ปกติแล้ว แล้วเค้าก็มายืนจ้องดิฉัน แล้วบอกว่าทำไมผมดิฉันถึงยาวสลวยสวยจัง ดิฉันจึงกล่าวขอบคุณ แล้วคิดในใจ ถ้าผู้ชายคนนี้ไม่ยอมออกไปจากห้องลองเสื้อผ้า แล้วมาชวนดิฉันคุย ดิฉันจะทำอย่างไรดี เพราะดิฉันไม่อยากเสียมาทยาทกับลูกค้า แล้วก็เหมือนกับโชคช่วยดิฉัน เพราะมีลูกค้าเข้ามาลองเสื้อผ้าไม่ขาด พอลูกค้าใหม่เดินเข้ามา ดิฉันก็รีบกุลีกุจอไปช่วยลูกค้า แบกเสื้อผ้าไปห้องลองฯ เค้าคงเห็นว่าดิฉันคงไม่คุยกับเค้าแน่หรือทราบแน่ชัดว่าทีดิฉันทำดีด้วยเพราะมันคือหน้าที่ของพนักงานห้าง
เห็นไหมค่ะที่ดิฉันหายไปหนึ่งอาทิตย์ไม่ค่อยได้ไปเยี่ยมเพือน ๆ หรืออัพเดทบล๊อกตัวเองเลยก็เพราะทำงานหนัก เพื่อปั้มเงินไปซื้อเสื้อผ้ามาอวดเพือน ๆ และน้อง ๆ ในครั้งต่อไปค่ะ
มาดูว่าทำไมดิฉันถึงไม่ค่อยได้มาเล่นอินเตอร์เน็ทและงาน baby shower กันค่ะ
อย่างที่บอกข้างต้นว่าดิฉันไม่ค่อยได้มาเล่นอินเตอร์เน็ทในสัปดาห์ที่ผ่านมาก็คือทำงานแทบทุกวัน แล้วเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาดิฉันได้ไปงาน baby shower หรือดิฉันขอเรียกว่างานอาบน้ำให้ทารกแรกเกิดก็แล้วกัน งานนี้นับเป็นงานแรกตั้งแต่มาอยู่อเมริกาที่ดิฉันได้ไปร่วมงาน ดิฉันเคยได้ยินงานนี้ แต่ตอนแรกที่มาอยู่อเมริกา เมื่อได้ยินชื่องานนี้ก็สงสัยเหมือนกันว่ามันคืองานอะไร มันคืองานเอาเด็กทารกมาอาบน้ำกันใช่ไหม ดิฉันจึงไปถามสามีว่ามันคืองานอะไร สามีก็อธิบายว่าเป็นงานปาร์ตี้สำหรับผู้หญิงตั้งครรภ์ แล้วก็จัดงานปาร์ตี้ แล้วบรรดาแขกที่มาร่วมงานก็จะเอาสิ่งของหรือของขวัญมามอบให้กับเด็กที่จะเกิดในอนาคต ถ้าดิฉันลองเปรียบกับสังคมไทยก็จะต่างกันคือของคนไทย เราจะนำของขวัญไปร่วมแสดงความยินดีกับคนที่คลอดบุตร เมื่อคลอดบุตรแล้ว เช่นเราจะซื้อนม ผ้าอ้อม ชุดเด็กอ่อน หรือสิ่งของสำหรับเด็กอ่อนไปให้คนที่คลอดลูก สำหรับสังคมอเมริกาเค้าจะมีการให้สิ่งของสำหรับเด็กทารกกันตั้งแต่อยู่ในท้อง
สำหรับงานนี้เป็นงานของเพื่อนดิฉันที่ทำงานที่ห้างฯ เดียวกับดิฉัน เชื่อไหมค่ะ แรก ๆ ที่เห็นเธอดิฉันไม่ค่อยชอบเธอเท่าไร แต่พอได้พูดคุย คบกัน ก็ได้มาเป็นเพื่อนสนิทกัน เธอท้องแก่มาก ๆ เลยค่ะ แล้วเธอบอกว่าลูกของเธอที่จะคลอดในอีกไม่กี่วันนี้ เป็นผู้หญิง ตอนที่ไปงานเธอเมื่อวันเสาร์เรียกว่าจะคลอดอีกไม่กี่วันแล้ว เธอบอกว่างานนี้ได้จัดสองครั้ง ถ้าดิฉันพลาดงานแรก ก็สามารถไปงานที่สองคือวันที่ดิฉันไป
มาดูภาพพร้อมคำบรรยายเลยค่ะ
มาดูบบรรยากาศห้างฯ ที่ดิฉันทำงานกันค่ะ เห็นหุ่นพวกนี้ไหมค่ะ เป็นหุ่นใหม่ เพิ่งได้มาไม่ถึงอาทิตย์ค่ะ ทายซิค่ะว่าคนไหนดิฉัน ดิฉันทำตัวกลมกลืนไปกับหุ่นดีไหมค่ะ ทายซิว่าคนไหนดิฉันค่ะ
สังเกตดี ๆ ดิฉันกับเพื่อนถือถุงสีเขียวปิดหน้าอยู่ด้านขวา เพื่อนดิฉันผู้หญิงอีกคนยืนอยู่ด้านซ้าย พวกเราทำตัวกลมกลืนเหมือนหุ่นไหมค่ะ
นี่ค่ะเพื่อน ๆ ดิฉัน และดิฉัน
นี่ค่ะการ์ดเชิญเพื่อนของดิฉันให้ไปงาน Baby Shower
นี่คือของขวัญที่ดิฉันซื้อให้เพื่อนเป็น Gift Card ของ Target เหตุผลที่ดิฉันซื้อ Gift Card ที่ห้างแห่งนี้ เพราะอยู่ใกล้ที่ทำงานที่ดิฉันทำงาน ตอนพักก็สามารถเดินออกไปซื้อ
มาดูภายใน Gift Card
นี่ค่ะภัตตาคารที่เพื่อนดิฉันเค้าจัดงาน เพือนดิฉันบอกว่างานนี้ทางพ่อแม่ของแฟนเธอจัดให้ ตอนที่กำหนดวันลงไป พ่อและแม่แฟนของเธอ ไม่ทราบว่าวันที่กำหนดไปมันคือวันที่ใกล้คลอดของเธอ พอทราบจะเลื่อนออกไปก็ไม่ได้แล้ว เพราะได้ออกบัตรเชิญและจองภัตตาคารไปแล้ว สำหรับงานแรกที่ดิฉันไม่ได้ไปจัดที่บ้านของพ่อแม่เธอเมื่อหลายสัปดาห์ก่อน พ่อและแม่เธอจัดให้
มาดูบรรยากาศภายในภัตตาคารกันค่ะ
ดิฉันกับเพื่อนที่จะคลอดในไม่กี่วันนี้แล้ว
ของขวัญทีเพื่อน ๆ หรือคนมาร่วมงานมอบให้เธอค่ะ
ดิฉันกับของขวัญ
มีการแจกแบบสอบถามสองแผ่น แผ่นแรกเป็นคำถามเกี่ยวกับผู้ที่มางานรู้จักเพื่อนดิฉันมากน้อยแค่ไหน และแผ่นที่สองเป็นแบบสอบถามทีสอบถามเกี่ยวกับว่าผู้มาร่วมงานรู้จักแฟนของเพื่อนดิฉันมากน้อยเท่าไร คำถามก็ทั่ว ๆ ไป
อาหารถาดแรกที่มาเสริฟคือพิซซ่าหน้าต่าง ๆ สำหรับโต๊ะของดิฉันเป็นหน้า sausage หน้าทานไหมค่ะ
ต่อมาก็เป็นไก่ทอด พร้อมมันฝรั่งทอด ดิฉันอยู่แค่สิบนาทีเอง เพราะต้องรีบกลับมาทำงานต่อจึงได้ทานแค่สองอย่าง ไม่ทราบว่าจานที่สามจะเป็นอะไรค่ะหรืออาหารต่อไปเป็นอะไรค่ะ
นี่ค่ะคืออาหารที่ดิฉันและสามีได้ทานในวันนั้น เพราะมีเวลาแค่สิบนาทีเองค่ะ ถ้ารอจานต่อไป กลัวไปทำงานเลทค่ะ เชื่อไหมค่ะ ดิฉันมาช่วงพักหนึ่งชั่วโมงค่ะ ขับรถไปและกลับก็เกือบสี่สิบนาทีแล้ว เพราะรถติดเหมือนกัน ดิฉันเป็นคนที่ขับรถช้ามาก ๆค่ะ มากว่านั้นบอกแล้วอายค่ะ ไม่กล้าขับรถไปไหนเอง นอกจากไปทำงาน ไปที่ใกล้ ๆ ที่รู้จัก ถ้าไปไกลหรือที่ไม่รู้จักจะให้สามีขับรถให้ ตอนเช้าไปทำงานดิฉันขับรถไปทำงานเอง พอตอนพักดิฉันให้สามีขับรถมารับดิฉันเพื่อไปงาน และขับมาส่งดิฉันที่ทำงาน พอเลิกงาน ดิฉันก็ขับรถของดิฉันกลับบ้านเอง
นี่ค่ะอาหารสองอย่างที่ดิฉันทาน อย่างอื่นไม่ได้ทานและไม่ทราบว่าเป็นอะไร เพราะดิฉันต้องรีบกลับมาทำงาน
ระหว่างทางที่สามีขับรถไปส่งดิฉันที่ทำงาน รถมาจอดไฟแดง หันไปมองทางขวา ซึ่งเห็นรถบรรทุกกำลังติดไฟแดงเหมือนกัน เห็นขนเศษเหล็กมามากและทำการรัดอย่างแน่นหนา เลยถ่ายรูปไว้ เพราะนาน ๆ จะเห็นของจริงเสียที
มาทายกันค่ะว่าคืออะไร
คำเฉลยคือรถที่นำมาถูกบดให้ละเอียดแล้ว เห็นล้อรถยังค้างเติงอยู่ไหมค่ะ ไม่น่าเชื่อเลยรถเก่งที่เราเห็นคันใหญ่ ขับบนท้องถนน พอบดขยี้แล้วจะเหลือแค่เศษเหล็กไปในพริบตา
รถบรรทุกคันนี้สามารถจุรถเก่งที่ถูกบดให้เป็นเศษเหล็ก ได้เป็นสิบคันหรือมากกว่าสิบคัน
ขอขอบคุณเพื่อน ๆ และน้อง ๆ ที่มาเยี่ยมบล๊อกดิฉัน ขอให้น้อง ๆ และเพื่อน ๆ มีความสุขมาก ๆ ค่ะ
Create Date : 21 เมษายน 2552 |
|
40 comments |
Last Update : 21 เมษายน 2552 0:47:16 น. |
Counter : 1543 Pageviews. |
|
|
|
How many pairs of shoes does she have?
I don't even know mine