My husband makes my dream come true

ทำไมคนอเมริกันชอบคิดว่าคนเอเชียหรือคนไทยอย่างดิฉัน จะไม่ลุกขึ้นมาปกป้องสิทธิของตัวเอง

สวัสดีค่ะเพื่อน ๆ และน้อง ๆ ชาวบล๊อกแก็งค์


ก่อนอื่นต้องขอบคุณกำลังใจของเพื่อน ๆ และน้อง ๆ ที่มีให้ดิฉันในบล๊อกที่ผ่านมาน่ะค่ะ


นี่
คื่อทางเดินไปบล๊อกที่ผ่านมาของดิฉันคืออารมณ์เสียอีกแล้วและมาดูดิฉันแต่งตัวสไตล์แม็กซิกันไปทำงาน

//www.bloggang.com/viewdiary.php?id=jiney&group=25




สืบเนื่องมาจากบล๊อกที่แล้วว่าทำไมดิฉันถึงอารมณ์เสียก็คือสัปดาห์นี้ดิฉันถูกลดชั่วโมงไป ซึ่งที่แรกดิฉันก็คิดว่าจะปล่อยเลยตามเลย เพราะเห็นห้างฯ ขายไม่ดี แต่พอดิฉันได้ไปคุยกับเพื่อนอีกคนว่าสัปดาห์นี้เธอได้รับกี่ชั่วโมง เธอได้รับเท่าดิฉันหรือมากกว่าด้วย มิหนำซ้ำเพือนคนนี้เธอก็เป็นคนแข็งข้อ ไม่ให้ความร่วมมือกับผู้จัดการ เวลาผู้จัดการบอกให้กลับบ้านก่อนเวลา เพราะห้างฯ ขายไม่ได้ สำหรับดิฉันนั้นให้ความร่วมมือทุกอย่าง แล้วมิหนำซ้ำผลการปฏิบัติงานของเธอ เมือเปรียบเทียบกับดิฉันเทียบกันไม่ติดเลย เธอไม่ได้มีผลงานดีเด่นอะไรเลย ดิฉันจึงคิดว่าอย่างนี้มันไม่ยุติธรรมนิ นี่แค่คุยกับเพื่อนแค่คนเดียว เธอไม่เห็นถูกลดชั่วโมงการทำงานเหมือนดิฉันเลย ถ้าผู้จัดการชั่วคราวคนนี้คิดจะลดชั่วโมงการทำงานต้องลดให้ยุติธรรม ไม่ใช่มาลดชั่วโมงการทำงานดิฉันคนเดียว คนอื่นก็ต้องลดด้วย


แล้วหลังจากนั้นดิฉันก็ได้ไปคุยกับเพื่อนดิฉันที่เป็นผู้ช่วยฯ ว่าอยากรู้จังสัปดาห์นี้ใครเป็นคนจัดตารางการทำงาน เธอก็บอกว่าผู้จัดการชั่วคราว ดิฉันจึงไปพูดกับผู้จัดการว่า ดิฉันอารมณ์เสียมากๆ ที่มาลดชั่วโมงการทำงานของดิฉัน เพราะดิฉันทำงานหนักและมีผลงาน เธอก็บอกว่าเธอไม่รูเรื่องลดชั่วโมงการทำงานของดิฉัน ผู้ช่วยฯ อีกคนเป็นคนจัดตาราง ดิฉันก็เริ่มเขว่จึงไปถามเพื่อนดิฉันที่เป็นผู้ช่วยฯ ซึ่งไม่ได้จัดตารางว่าแน่ใจแล้วน่ะว่าผู้จัดการเป็นคนจัดตารางการทำงานสำหรับสัปดาห์นี้ เพื่อนดิฉันบอกว่าแน่ใจเพราะเวลาเธอเข้าไปที่สำนักงาน เธอได้ยินผู้จัดการบอกว่าให้ลดชั่วโมงการทำงานของดิฉัน แต่ผู้ช่วยฯที่จัดตารางบอกว่าไม่ได้ แต่เธอคงเป็นผู้ช่วยฯ ต้านทานอะไรไม่ได้ แล้วผู้ช่วยฯ คนที่จัดตารางก็เคยเห็นอิทธิฤทธิ์ของดิฉันจากผู้จัดการที่ถูกส่งไปช่วยงานที่จะเปิดสาขาใหม่แล้วว่าดิฉันเป็นคนที่ไม่ยอมคน ถ้าลดชั่วโมงการทำงานของดิฉันจะเกิดเรื่องใหญ่เพราะดิฉันนับว่าเป็นตัวจักรที่สำคัญที่ทำให้ห้างฯ สามารถบรรลุเป้าหมายในการหาบัตรเครดิตและลูกค้าที่ได้มาใช้ซื้อของทีห้างฯ ส่วนใหญ่ก็จะไปพูดชมเชยกับผู้จัดการหรือผู้ช่วยฯกันว่าดิฉันบริการพวกเค้าดี ช่วยเหลือพวกเค้ามาก พวกเค้าไม่เสียเงินหรอกที่มาซื้อเสื้อผ้าที่ห้างฯ ดิฉัน ถ้ามีพนักงานแบบดิฉัน เป็นต้น


ซึ่งผลงานการทำงานของดิฉันก็ได้ประจักร์แก่สายตาแก่ผู้จัดการชั่วคราว แต่เพราะเธอทุกครั้งที่เห็นดิฉันหรือพูดคุยกับดิฉัน จะเห็นดิฉันยิ้มไปยิ้มมา ชอบคุยเรื่องสนุก ว่านอนสอนง่าย ดูเป็นคนง่าย ๆ คงไม่กล้าต่อล้อต่อเถียง ทำอะไรตามอำเภอน้ำใจคงได้ ฉนั้นเธอจึงมาลดชั่วโมงการทำงานของดิฉัน


พอเพื่อนดิฉันยืนยัน นอนยันว่าเธอสั่งลดชั่วโมงการทำงานดิฉัน แล้วเธอยังมาโกหกอีกว่าไม่รู้เรื่อง ยิ่งทำให้ดิฉันโกรธ ดิฉันจึงเดินไปพูดกับเธอว่าดิฉันอารมณ์เสียมากๆ เรื่องการลดชั่วโมงการทำงานของดิฉัน ทำอย่างนี้เหมือนไม่อยากให้ดิฉันทำงานต่อไป เห็นดิฉันไม่มีค่าหรือไง แล้วนี่หรือผลลัพธ์ของการทำงานหนักของดิฉัน แล้วตอบแทนด้วยการลดชั่วโมงการทำงานมันยุติธรรมแล้วหรือ แล้วเธอก็รีบแก้ตัวไปว่าขนาดเธอยังถูกลดชั่วโมงการทำงานเลย แล้วให้ดิฉัน trust เธอ เธอจะหาทางแก้ไขให้ แต่ช่วงที่คุยไป ก็เดินไปด้วย แล้วก็มีลูกค้ามาขอความช่วยเหลือ ดิฉันจึงยังไม่หายข้องใจและยังหงุดหงิด แต่คิดว่าวันจันทร์เธอคงมาทำงาน ค่อยคุยใหม่แล้วช่วงนั้นก็เป็นช่วงที่ดิฉันเลิกงานด้วย


ดิฉันเป็นคนแปลกถ้าไม่ได้รับยุติธรรมแล้วจะเป็นคนที่คิดมากและต้องได้เหตุผลที่กระจ่างว่าทำไมผู้จัดการทำแบบนี้ เห็นดิฉันเป็นคนเอเชีย แล้วดูง่าย ๆ คิดจะทำอะไรก็ได้ แต่เธอคิดผิดไปแล้ว ถ้าเป็นเมื่อก่อนที่ดิฉันไม่มีผลงานที่โดดเด่น ดิฉันก็จะยอมให้ลดชั่วโมง โดยไม่ปริปาก แต่นี่ดิฉันเป็นตัวเชิดหน้าชูตาของห้างฯ มีผลงานด้านบัตรเครดิตและบริการลูกค้าอย่างดีเยี่ยม ทำอย่างนี้ไม่ได้ อย่างไรดิฉันต้องลุกขึ้นมาปกป้องสิทธิ์ ดิฉันก็ขอเอาคำพูดที่ดิฉันเคยลงไว้บ่อยคือ

สมัยที่ดิฉันเรียน อาจารย์ซึ่งเป็นคนอเมริกันแท้ ๆ มักจะบอกกับนักเรียนว่าสังคมอเมริกาเป็นสังคมที่ทุกคนต้องลุกขึ้นมาปกป้องสิทธิ์ โดยการพูดหรือแสดงความคิดเห็นออกมา ถ้าเราไม่พูดหรือแสดงออกมา คนอเมริกันเค้าจะไม่รู้ว่าเราคิดอะไร ต้องการอะไร เพราะคนอเมริกันไม่ใช่นักอ่านใจคน แล้วทั้งนี้และทั้งนั้นการที่จะออกมาปกป้องสิทธิโดยการพูดหรือแสดงออกต้องพูดหรือแสดงออกในสิ่งที่ถูกต้อง ซึ่งดิฉันจำคำนี้ได้เสมอ ยิ่งเมื่อได้มาทำงานกับคนอเมริกัน


เพื่อน ๆ หรือน้อง ๆ ที่คุ้นเคยกับดิฉันหรืออ่านบล๊อกดิฉันบ่อย ๆ จะทราบว่าเมื่อเกือบสองปีก่อนดิฉันได้เคยทำงานชั่วคราวที่ห้างเมซี่ เพื่อหาค่าขนมกลับไทย หัวหน้างานดิฉันชอบมาพูดจาข่มเหงรังแกดิฉัน ใช้งานดิฉันเยี่ยงทาส จนเพื่อนร่วมงานบางแผนกเห็นแล้วสงสารดิฉัน ด้วยเพราะดิฉันคิดว่าไม่อยากมีเรื่องกับหัวหน้างาน เจ้านายสั่งให้ทำอะไรก็ทำไป แล้วยิ่งเราคนไทยก็ถูกสอนว่าอย่ามีเรื่องกับใครเป็นใช้ได้ ยิ่งทำให้หัวหน้างานคนนี้ได้ใจ โขกสับ ด่าว่าดิฉันบางครั้งก็ต่อหน้าคนอื่น ควบคุมดิฉันเหมือนนักโทษ แต่แล้ววันหนึ่งดิฉันทนไม่ไหว คิดว่ามันจะเกินไปแล้ว ดิฉันจึงขึ้นเสียงกลับและต่อว่ากลับ เชื่อไหมค่ะตั้งแต่วันนั้นเธอดีกับดิฉันเปลี่ยนหน้ามือเป็นหลังมือ ดิฉันจึงคิดในใจว่าแปลกเนอะ เห็นเราเงียบ ๆ แล้วได้ใจ พอเราลุกขึ้นมาปกป้องสิทธิหรือต่อว่ากลับ ก็ปฏิบัติกับเราดีกว่าเดิมเสียอีก นี่คือ
บทเรียนชิ้นแรกที่ดิฉันได้เรียนรู้ว่าถ้าคิดจะอยู่อเมริกาหรือทำงานกับคนอเมริกัน ต้องรู้จักปกป้องสิทธิ


สำหรับตัวอย่างที่สองก็คือกับผู้จัดการคนที่ถูกส่งไปช่วยงานเพื่อเปิดสาขาใหม่และบรรดาผู้ช่วยฯที่ห้างฯ ดิฉันทำงาน พวกเค้าจะรู้ดีว่าดิฉันไม่ยอมเด็ดขาดที่จะให้ใครมาเอาเปรียบหรือปฏิบัติกับดิฉันอย่างไม่เป็นธรรม ดิฉันจะออกมาร้องเรียน ปกป้องสิทธิ ฉนั้นสำหรับเรื่องการลดชั่วโมงการทำงานของดิฉัน พวกเค้าจะไม่ทำ ถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ


แล้ววันจันทร์และอังคารที่ผ่านมาดิฉันไปทำงาน ผู้จัดการชั่วคราวก็ไม่มีตารางการทำงาน ยิ่งทำให้ดิฉันหงุดหงิดเพราะยังคุยกันไม่จบ แต่ดิฉันก็ได้ฝากบอกผู้ช่วยฯ อีกคนไปว่าดีน่ะที่ผู้จัดการชั่วคราวไม่มาทำงาน ถ้ามาแล้วคงได้ปะทะกับดิฉันแน่ ๆ แล้วถ้าเจอผู้จัดการชั่วคราวอย่าลืมไปบอกด้วยน่ะว่าดิฉันไม่มีความสุขและอารมณ์เสีย แล้วเมื่อเจอเพื่อน ๆ ดิฉันก็บอกว่าดิฉันไม่มีความสุขและอารมณ์เสียมาก ผู้ช่วยฯ คนนี้และเพื่อนก็คงแปลกใจว่าทำไมดิฉันพูดแบบบ้าบิ่น เพราะมันไม่ใช่นิสัยของดิฉัน ทุกคนที่ห้างฯ จะมองว่าดิฉันดูอ่อนหวาน สำหรับดิฉันนั้นถ้าใครปฏิบัติกับดิฉันยุติธรรม หรือปฏิบัติกับดิฉันดี ดิฉันก็ดีตอบแบบน่าใจหาย แล้วเวลาดิฉันบ้าบิ่นก็ต้องบอกว่าน่ากลัวมาก ๆ เพราะดิฉันเป็นคนตรงไปตรงมา


พอมาวันนี้เป็นวันหยุด แล้วดิฉันจะทำงานอีกครั้งก็วันศกร์ ซึ่งวันศุกร์ดิฉันได้ข่าวว่าผู้จัดการจะไม่มาทำงาน ยิ่งทำให้ดิฉันแค้นฝั่งหุ่นว่ายังพูดกันไม่รู้เรื่องเลย และดิฉันอยากจะเตือนว่าอย่ามาทำอย่างนี้กับดิฉัน อย่าคิดว่าคนเอเชียอย่างดิฉันจะยอมให้ใครมาเอาเปรียบง่าย ๆ ถ้าลดชั่วโมงการทำงานต้องลดทุกคน ไม่ใช่มาลดดิฉันแล้วเพื่อนบางคนไม่ถูกลดชั่วโมง ทำอย่างนี้ไม่ถูก


ฉนั้นวันนี้ดิฉันได้โทรฯไปที่ห้างฯที่ดิฉันทำงานและบอกกับเพื่อนว่าเวลาไหนที่จะสะดวกได้คุยกับจัดการและดิฉันอยากจะคุยเป็นการส่วนตัว เธอก็บอกว่ามาตอนเที่ยง พอใกล้เวลาดิฉันขับรถไปที่ห้างฯ แล้วเห็นประตูสำนักงานปิด ดิฉันจึงเคาะประตู ผู้จัดการจึงเปิดประตูออกมา แล้วพูดทักทายดิฉันเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วก็บอกว่าวันนี้ดิฉันแต่งตัวสวย ดิฉันจึงบอกว่าดิฉันขอคุยด้วยเป็นการส่วนตัว เธอก็บอกโอเค


ดิฉันก็เริ่มพูดกับเธอว่าดิฉันรู้สึกผิดหวังมาก ๆ ที่ถูกลดชั่วโมงการทำงาน ดิฉันทราบว่าห้างฯ ขายไม่ได้ จึงต้องลดชั่วโมงการทำงานพนักงาน เพื่อลดค่าใช้จ่าย แต่การลดชั่วโมงการทำงานครั้งนี้ ดิฉันทราบมาว่ามีพนักงานบางคนไม่ถูกลดชั่วโมงการทำงาน แล้วยังได้ชั่วโมงเท่าดิฉันหรือมากกว่าอีก นี่เป็นการยุติธรรมแล้วหรือ สำหรับคนที่ทำงานหนักอย่างดิฉัน ถ้าคิดว่าการหาลูกค้ามาทำบัตรเครดิตไม่สำคัญก็ไม่เป็นไร ดิฉันจะได้หยุดการหาลูกค้า


เธอก็กล่าวชื่นชมดิฉันโดยบอกว่าผลงานการปฏิบัติงานของดิฉันเรียกว่ายอดเยี่ยมเอามาก ๆ และเธอก็ประจักษ์แก่สายตาเธอ ถึงแม้เธอจะเพิ่งมาทำงานได้ไม่กี่สัปดาห์ แต่เพราะสัปดาห์ที่ผ่านมา คอมพิวเตอร์เสียและห้างยุ่งมาก ๆ คนจัดตารางการทำงานมีเวลาแค่สองชั่วโมง เธอจึงไม่มีเวลามาดูตารางการทำงานของดิฉันและเธอก็ไม่สบายใจที่เห็นดิฉันอารมณ์เสีย แต่ให้ trust เธอสัปดาห์หน้า ดิฉันจะได้รับชั่วโมงการทำงานกลับมา เธอจะตรวจเช็คตารางการทำงานของดิฉันเอง ไม่ให้หลุดไปเหมือนสัปดาห์นี้ แล้วให้ดิฉันลืมเรื่องราวนี้ไป แล้วที่ดิฉันมาคุยกับเธอวันนี้อย่าไปบอกใครให้เหยียบไว้ ดิฉันก็รับปาก


พอดิฉันขับรถกลับบ้าน ก็คิดตลอดทางว่าแปลก ๆ ทำไมตอนแรกดิฉันไปถามเรื่องการลดชั่วโมงการทำงาน เธอบอกเธอไม่รู้เรื่อง แล้วเธอไม่ได้เป็นคนจัดตาราง ไปปัดความผิดให้ผู้ช่วยฯ พอเพื่อนดิฉันยืนยันนอนยันว่าเธอล่ะเป็นคนสั่งตัดชั่วโมงการทำงานของดิฉัน แล้วพอดิฉันไปบอกผู้จัดการว่าการตัดชั่วโมงการทำงานของดิฉันสัปดาห์นี้ ทำให้ดิฉันอารมณ์เสียมาก ๆ ผู้จัดการกลับบอกว่าพนักงานทุกคนถูกลดชั่วโมงการทำงานหมด แม้กระทั่งเธอ แต่ให้ดิฉัน trust เธอ เธอจะหาทางแก้ไข ทำไมเธอไม่ยอมรับตรง ๆว่าเธอเป็นคนสั่งตัดชั่วโมงการทำงานของดิฉัน คุยสามครั้งเหตุผลเปลี่ยนไปสามครั้ง แถมยังบอกว่าให้ลืมเรื่องการลดชั่วโมงการทำงานสัปดาห์นี้ไป มาตั้งต้นกันใหม่ แล้วอย่าไปบอกใครน่ะว่าได้มาคุยกับเธอ


แล้วพอวันนี้ดิฉันไปคุยกับเธอ บอกว่าถ้าคิดจะลดชั่วโมงการทำงาน ก็ให้ลดแบบยุติธรรม ไม่ใช่พนักงานบางคนไม่ถูกลดชั่วโมง บางคนยังมีชั่วโมงการทำงานเท่าดิฉันหรือมากกว่า มันไม่ยุติธรรม มิหนำซ้ำพวกพนักงานเหล่านั้นไม่ได้มีผลงานอะไรเลย เมือมาเทียบกับดิฉันที่ทำงานมีผลงานดีเด่นไม่ว่าด้านบริการลูกค้าและด้านบัตรเครดิต เธอกลับบอกว่าเครืองคอมฯ เสีย ผู้ช่วยฯ ที่จัดตารางการทำงานสำหรับพนักงาน มีเวลาแค่เพียงสองชั่วโมง เพราะต้องส่งต่อไปให้สำนักงานใหญ่ เธอจึงไม่มีเวลามาดูชั่วโมงการทำงานของดิฉัน เลยปล่อยให้เลยตามเลยไป นี่ถ้าดิฉันไม่ไปร้องเรียนหรือลุกขึ้นมาปกป้องสิทธิเหมือนครั้งก่อน ๆ เธอก็คงคิดว่าเธอคิดจะทำอะไรกับดิฉันก็ได้ ดิฉันคงไม่ออกมาปกป้องสิทธิ แล้วคงได้ใจลดชั่วโมงการทำงานของดิฉันไปเรื่อย ๆ เพราะไม่เห็นดิฉันพูดอะไร


ก่อนที่จะไปคุยกับผู้จัดการ ดิฉันก็ได้โทรฯบอกสามีที่ทำงานว่าดิฉันจะไปคุยกับผู้จัดการให้รู้ดำรู้แดงไป ทำอย่างนี้ไม่ถูก เห็นดิฉันไม่พูดอะไร จะมาเอาเปรียบโดยการลดชั่วโมงการทำงานแบบไม่ยุติธรรมไม่ได้ ถ้าลดก็ต้องลดพนักงานทุกคน อย่าลำเอียงและดิฉันก็มีผลงานให้กับห้างฯและผู้จัดการ สามีดิฉันก็เตือนว่าจะพูดอะไรก็ให้คิด อย่าใช้อารมณ์ แล้วทางนั้นก็มีสิทธิเลย์ออฟหรือลดชั่วโมงการทำงานดิฉันได้ ทำอะไรก็ต้องเตรียมตัวเตรียมใจไว้ ดิฉันก็เริ่มเขว่ ๆ เหมือนกัน ถ้าผู้จัดการชั่วคราวคนนี้เกิดอยากลองดีกับดิฉันโดยลดชั่วโมงการทำงานดิฉันหรือไม่ให้ชั่วโมงการทำงานดิฉันก็ตายแล้ว แต่ดิฉันก็เตรียมตัวเตรียมใจ เพราะเรื่องเงินไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับดิฉันและสามี เนื่องจากรายได้หลักมาจากสามี สำหรับรายได้ดิฉันก็เพื่อชอปปิงแล้วเก็บเป็นเงินสะสมมากกว่า เพราะทุกครั้งที่ดิฉันได้รับเช็คมาก็ฝากอย่างเดียว ไม่เคยนำมาใช้เลย แต่ที่ดิฉันอยากมีชั่วโมงการทำงานมาก ๆเพราะดิฉันไม่อยากอยู่บ้าน น่าเบื่อไม่มีอะไรทำ กิน นอน เล่นอินเตอร์เนท การได้ออกมาทำงานที่ห้างฯ ทำให้ดิฉันได้เพื่อนทีทำงาน ได้มีสังคมของตัวเอง ได้พูดคุยกับลูกค้า ทำให้ดิฉันคิดว่าตัวเองพอมีค่าบ้าง




คนอเมริกันนี่แปลกดี เวลาที่เห็นคนเอเชีย ไม่ลุกขึ้นมาปกป้องสิทธิหรือร้องเรียนอะไร ก็เอาเปรียบได้ เอาเปรียบดี แต่พอลุกขึ้นมาร้องเรียน ปกป่องสิทธิ ก็ไม่กล้ามาเอาเปรียบ


ขอขอบคุณกำลังใจเพือน ๆ และน้อง ๆ ที่ให้ดิฉันด้วยดีเสมอมาน่ะค่ะ

มีความสุขมาก ๆค่ะ










 

Create Date : 17 กันยายน 2552
23 comments
Last Update : 17 กันยายน 2552 4:26:35 น.
Counter : 1997 Pageviews.

 

พี่ไก่คะ บางทีเราก็ต้องปกป้องสิทธิ์ตัวเองจริงๆนะคะ อะไรที่คิดว่าไม่ยุติธรรมก็สมควรพูดแล้วล่ะค่ะ อย่างน้อย พูดเพื่อเราได้ไม่อึดอัดด้วย ตามเหตุผลนะคะ ไม่ใช่เราเรียกร้องแบบไม่เป็นธรรม แฟร์ๆกันไปเลย

ตอนนี้เด็กเกิดใหม่ที่นี่ เฉลี่ยนต่อคนมีหนี้สินคนละ 160.000 ยูโรค่ะ ตั้งแต่รัฐอุ้มแบงค์ต่างๆ และเศรษฐกิจแย่ รัฐบาลขาดทุนมากๆค่ะ คงไม่วายมาเก็บภาษีเพิ่มกับคนทำงาน และลดเงินช่วยเหลือต่างๆ จริงๆคนก็บ่นนะคะ เพราะว่าหมดเงินไปกับการอุ้มคนลี้ภัย คือไม่ใช่ลี้ภัยหรอกค่ะ คนต่างชาติที่เข้ามาทั้งครอบครัวแต่ไม่ทำงาน แล้วก็เป็นปัญหาสังคม รัฐต้องออกแคมเปญช่วยเหลือจำนวนมหาศาล แล้วเค้าก็ไม่ทำงาน แต่คนทั่วไปจ่ายภาษีแพงมากๆเพื่อไปช่วยเหลือตรงนั้น หมายถึงทั้งครอบครัว สามี ภรรยา ไม่ทำงาน แต่ว่าบ้านฟรี ทุกอย่างฟรีน่ะค่ะ แล้วก็มีลูกเยอะๆน่ะค่ะ อย่างกิ๊กตอนนี้ไม่ได้ทำงานแต่ทุกอย่างเราจ่ายเต็ม ก็ไม่ได้เป็นภาระกับรัฐ แต่บางคนเค้ามาอยู่ฟรีกินฟรีจริงๆค่ะพี่ไก่

แต่ที่คนบ่นกันไม่ใช่เงินช่วยเหลืทหรอกค่ะ แต่เพราะปัญหาวัฒนธรรมมากกว่า คือเค้าเข้ามาแล้วไม่ปรับตัวใดๆ แต่ให้คนดัทซ์ปรับหาเค้า อืมมม พี่ไก่คงพอเดาออกว่ากิ๊กหมายถึงอะไรคนประเภทไหนนะคะ ปัญหาใหญ่ของยุโรปเลยค่ะตอนนี้

 

โดย: KOok_k 17 กันยายน 2552 5:53:43 น.  

 

สวัสดีครับพี่ไก่


ผมหวังว่าประชานคนไทยจะลุกขึ้นมาทวงสิทธิ์ของตนเองบ้าง
แต่อย่าใช้ความรุนแรงและซ่อนวาระซ่อนเร้นเหมือนเหลือง-แดงทำอยู่นะครับ
พลังแบบนั้นไม่บริสุทธิ์
และสุดท้ายประชาชนก็ตกเป็นเหยื่ออยู่ดี


ผมอยากเห็นประชาชนทำเหมือนที่พี่ไก่ทำ
คือปกป้องสิทธิ์และกล้าลุกขึ้นมาพูดว่า
ฉันไม่เห็นด้วยกับวิธีคิดของคุณ
แต่ถ้ามีเหตุผลดีพอ
ฉันก็จะยอมรับ


ผมไม่หวังอะไรจากรัฐบาลและนายกคนนี้หรอกครับ

หน้าไฮนี้ถ้าท่อเงที่ยวยังไม่ฟื้น
คนตกงานจะเพิ่มขึ้นอีกมหาศาล
ซึ่งรัฐบาลชุดนี้ไม่มีทางแก้ไขอะไรได้แน่นอน

ทกุวันนี้เอกชนก็ทำงานกันเองแบบโดเดี่ยวอย่างถึงขีดสุดแล้วครับพี่ไก่






 

โดย: กะว่าก๋า 17 กันยายน 2552 6:17:56 น.  

 

พี่ไก่เก่งมากกล้าลุกขึ้นมาสู้เพื่อความยุติธรรม เพื่อนแม่น้องขวัญแก ไม่กล้าไปคุยกับผู้จัดการเลย อาจเป็นเพราะภาษาไม่ค่อยเก่ง แกบอกว่าไม่นานคงลาออก อยู่บ้านก็ไม่ได้อดหยาก แต่อยากทำงานเหมือนพี่ไก่ว่าค่ะ เฮ้อ เมกาเป้นแบบนี้จริงๆ
take care ka

 

โดย: แม่น้องขวัญ_ซาแมนต้า 17 กันยายน 2552 8:03:35 น.  

 

สู้ต่อไปค่ะ อย่าไปยอม

ฟังดูผู้จัดการแกงงๆนะคะ ไม่รู้อันไหนพูดจริงไม่จริง
แต่เชื่อว่าต่อไปแกคงไม่ลดชั่วโมงพี่แล้วล่ะคะ

เป็นกำลังใจค่ะ

 

โดย: กล้วยหอมรสนม 17 กันยายน 2552 9:10:35 น.  

 

ขอบคุณที่มาเล่าประสบการณ์ให้อ่านนะคะ เอาใจช่วยคะ

 

โดย: tempopo 17 กันยายน 2552 9:58:46 น.  

 

เป็นอย่างนี้จริงๆ พวกนี้เห็นว่าเราร่วมมือ ก็เลยเอาเปรียบ
ซึ่งเขามักจะเอาเปรียบคนอย่างคนไทยเรานี่แหละ...

 

โดย: wbj 17 กันยายน 2552 10:10:51 น.  

 



เหนื่อยใจ
พี่จินนี้สู้ๆนะคะ

 

โดย: หมูปิ้งไม้ละ 5 บาท 17 กันยายน 2552 13:50:33 น.  

 

แฟ้มบุคคลขอปรบมือให้ค่ะ สู้ ๆ นะคะคุณไก่ เป็นกำลังใจให้ค่ะ

วันนี้ทำขนมมาฝากค่ะ

 

โดย: vanilla_ole 17 กันยายน 2552 14:21:26 น.  

 

บางทีหนูก็รู้สึกแปลกใจนะว่าทำไมเค้าถึงชอบลดชั่วโมงการทำงานของพี่ไก่อยู่คนเดียว พออ่านๆ ดูก็คิดว่าน่าจะเป็นประเด็นที่พี่ใก่ว่า คือคนไทยไม่ค่อยกล้าหือ ภาพลักษณ์ของคนไทยที่ว่านอนสอนง่าย ไม่ค่อยมีปากเสียง มันเหมือนจะติดตาคนอเมริกันไปแล้วอ่ะ

ยังไงก็เป็นกำลังให้พี่ไก่ค่ะ เชื่อว่าพี่ไก่ทำดี ตั้งใจทำงาน แล้วจะต้องได้รับผลลัพธ์ที่ดีกลับมาแน่นอนค่ะ

ป.ล. เพิ่งลงนิยายตอนล่าสุด หายหงุดหงิดเมื่อไหร่เข้าไปอ่านได้นะคะ

 

โดย: เบบูญ่า 17 กันยายน 2552 15:53:23 น.  

 

มาเป็นกำลังใจให้อีกคนค่ะ คนไทยใจดียิ้มง่าย เค้าเลยมาเอาเปรียบเอาได้ แบบนี้ต้องให้รู้กันบ้างว่าเราก็มีหัวใจ เหมือนกันไม่ใช่จะก้มหน้ายอมรับความไม่ยุติธรรม

 

โดย: grippini 17 กันยายน 2552 16:26:18 น.  

 

เห็นด้วยและชื่นชมคุณไก่มากๆ ที่กล้าคิดและก็ทำอย่างที่คิดไว้
พูดถึงคนอเมกันเค้าก็ยังแฟร์นะคะ ที่ยอมรับความเห็นที่แตกต่าง
และเคารพในสิทธิ์ของเราเมื่อเราท้วง

เคยเจอเจ้านายอิตาเลี่ยน(ผู้หญิง) ที่แตกต่างจากคุณไก่เจอมากๆ
พอเราลุกขึ้นมาแย้ง หรือแสดงความเห็นที่ต่างออกไป เธอก็จะยิ่งต่อต้านค่ะ
ท้ายที่สุดไม่ไหวก็ออกเลย ไม่ชอบทำงานกับนายงี่เง่า เพราะมันไม่มีความสุขค่ะ

 

โดย: ปลาทอง9 17 กันยายน 2552 17:31:09 น.  

 

สวัสดีค่า คุณพี่ไก่
ขอบคุณที่แวะบล็อคหนูนะคะ ดีใจ้ดีใจค่ะ
หนูรอคุณพี่มาอัพให้อ่านอีกนะคะ

 

โดย: numainew 17 กันยายน 2552 18:22:19 น.  

 

พี่สาวคนดีขา..
วันนี้ไม่มีใครเห็นแต่ต้องมีคนที่รู้ที่เห็นแน่นอนสักวันสิน่า
พี่สาวอย่าท้อนะค่ะ
สู้ๆๆๆๆ

พี่สาวสู้ได้สบายอยู่แร้ว..พี่สาวคนเก่งของน้องแคท


น้องแคทเชื่อเสมอค่ะพี่สาว..ความดีย่อมชนะเสมอ
เพียงแต่จะช้าหรือเร็วนะค่ะ

เอาดอกไม้สวยๆๆมาฝากค่ะ
นอนหลับฝันดีเมืองไทยค่ะพี่สาวคนสวย
อิอิอิ..ชักอยากอยู่ใกล้ละ..ช๊อบ..กระจายแน่เลยเราสองคน




 

โดย: catt.&.cattleya.. 17 กันยายน 2552 20:30:39 น.  

 

เก่งมาก ๆ ค่ะพี่จินนี่ ยังไม่มีโอกาสออกไปทำงาน
แบบพี่ ถ้ามีโอกาสก็จะนำประสบการณ์ของพี่ไปใช้
นะคะ ... จะพยายามไม่ร้องให้ค่ะพี่ อิอิ ....

ใช่ค่ะพี่ช่วงนี้เริ่มหนาวแล้ว ปีนี้ผ่านไปเร็วมาก
พี่ก็รักษาสุขภาพนะคะ

 

โดย: Tristy 17 กันยายน 2552 20:43:57 น.  

 

สู้ๆค่ะพี่ เพื่อความถูกต้องและเพื่อชาวเอเซีย(ไทย)ด้วย

 

โดย: T+c+ake Time 2002 17 กันยายน 2552 21:05:24 น.  

 

บางทีเค้าอาจจะคิดว่าเราเป้นคนต่างชาติ มาอาศัยบ้านเค้าแล้วเราต้องไม่กล้าไปตอบโต้กับเค้ามั้งค่ะ พี่ไก่ตอนแรกข้าวเหนียวก็คิดว่าเป็นเพราะพิษเศรษฐกิจซะอีก แต่จริง ๆๆ แ้ล้วลึก ๆๆ ข้าวเหนียวว่าอาจเป็นเพราะผู้จะัดการที่นี่เขี้ยวและงกมากกว่าค่ะ


ยังไงข้าวเหนียวเป้นกำลังใจให้นะค่ะ


คืนนี้ฝันดีนะค่ะ พี่ไก่

ปล. เรื่องก๋วยเตี๋ยวเรืออ่ะค่ะ ร้านนี้เค้าขึ้นชื่อเลยค่ะพี่ไก่ เค้าคัดของดีจริง ๆๆ มาทำค่ะ

 

โดย: น้องข้าวเหนียวกะพี่หมูปิ้ง (MooBamBam ) 17 กันยายน 2552 21:59:40 น.  

 

พี่ไก่ได้พูดออกไปแล้ว นางฟ้าว่าสบายใจได้แล้วค่ะ
ผู้จัดการคนนั้น เขาคงคิดได้แล้วว่าทำแบบนี้มันไม่ยุติธรรม
นางฟ้าเชื่อว่าพี่ไก่ต้องได้ชั่วโมงการทำงานกลับมาเหมือนเดิมค่ะ

แอบขำ...ตรงที่พี่ไก่บอกว่า แค้นฝังหุ่น...มันเหมือนเก็บกดยังไงยังงั้นเลยนะคะ

----

ขอบคุณ พี่ไก่สำหรับพรวันเกิดของนางฟ้าด้วยนะคะ...

 

โดย: นางฟ้าของชาลี 17 กันยายน 2552 22:40:32 น.  

 

เป็นกำลังใจให้ค่ะพี่ไก่ เราต้องปกป้องสิทธ์เราสิ

 

โดย: Roseshadow 18 กันยายน 2552 1:08:42 น.  

 

ส้มเห็นด้วยและชื่นชมพี่ไก่มากๆเลยค่ะ
เป็นกำลังใจดีๆให้พี่สาวคนนี้เสมอค่ะ
สู้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

 

โดย: somphoenix 18 กันยายน 2552 1:29:04 น.  

 

อาวุธพร้อมหรือยัง 5555

Photobucket

 

โดย: hiansoon 18 กันยายน 2552 1:51:04 น.  

 

พี่ไก่ใจเย็น ๆ นะคะ ทิพย์คิดเหมือนพี่ไก่ว่า คนเราต้องปกป้องสิทธิตัวเอง แต่ก็คิดแบบแฟนพี่ไก่ด้วยว่า ทางนั้นมีอำนาจในมือจะทำอะไรก็ได้ ทางที่ดีก็ประมาณว่าเชือดนิ่ม ๆ ดีกว่าเนอะ เอ๊ะ ไงเนี่ย เหอะ เหอะ

 

โดย: teddybear@LB 18 กันยายน 2552 9:31:48 น.  

 

เพียงแค่เรากล้าที่จะทำ....ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงเสมอ


ดีใจด้วยนะครับ

 

โดย: คนทุ่งบางเขน 18 กันยายน 2552 11:14:08 น.  

 

เห็นด้วยกับพี่ไก่ค่ะ
การอยู่บ้าน นั่ง ทำ กิน
มันน่าเบื่อ ถ้าเราได้ออกไปข้างนอก
ทำนู่นนี่นั่น มันจะทำให้เรารู้สึกเรามีคุณค่าทีเดียว

สู้ ๆ นะคะ พี่ไก่
คนตั้งใจทำงานดี ๆ อย่างพี่
อยู่ที่ไหนก้อคือเพชรค่ะ

 

โดย: ซามอ 20 กันยายน 2552 4:31:21 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


สวยตลอดกาล
Location :
Southern California United States

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]






Group Blog
 
<<
กันยายน 2552
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
17 กันยายน 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add สวยตลอดกาล's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.