Bloggang.com : ฝันราลีห์ : มองระบบอุปถัมภ์ (ศักดินา) แห่งสยามประเทศผ่านวงศ์เฉกอะหมัด (เขียนเมื่อ มิย 51)

มองระบบอุปถัมภ์ (ศักดินา) แห่งสยามประเทศผ่านวงศ์เฉกอะหมัด (เขียนเมื่อ มิย 51)

เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคมที่ผ่านมา เพิ่งกลับมาจากงานชุมนุมตระกูลใหญ่แห่งรัตนโกสินทร์ที่สุสานรูปโดมของต้นตระกูล คือเจ้าพระยาบวรราชนายก หรือท่านเฉกอะหมัด ในมหาวิทยาลัยราชภัฎพระนครศรีอยุธยา

ถ้าขว้างก้อนหินไปในหมู่คนในกรุงเทพ มีความเป็นไปได้สูงที่จะโดนคนในตระกูล “บุนนาค” หรือไม่ก็เชื้อสายเกี่ยวข้องกับคนในตระกูลนี้ ลูกหลานวงศ์ “เฉกอะหมัด” ตอนนี้ก็เห็นจะมีหลายแสนคน ไม่รู้จักกันเลยก็มี และแยกแตกแขนงกันเป็นหลายสาขา เช่น ตระกูลศุภมิตร บุรานนท์ จาติกรัตน์ เป็นต้น ทุกปีจะมีการรวมพลที่สุสานของท่านเฉกอะหมัด หรือ เจ้าพระยาบวรราชนายกที่อยุธยา เป็นการรำลึกถึงอดีตอันรุ่งเรือง เป็น “ราชินิกุล” คือเป็นพระญาติของสมเด็จพระราชินี วงศ์ตระกูลนี้เป็นตระกูลหนึ่งในไม่กี่ตระกูลในเมืองไทย ที่สามารถเท้าความสืบไปได้กว่า 400 ปี โดยที่มีบรรพบุรุษเกือบทุกท่านเป็นขุนนางรับใช้พระเจ้าอยู่หัวอย่างซื่อสัตย์สุจริต เป็นมหาซุปเปอร์วีไอพี คุมประเทศสยามในสมัยนั้น ทั้งเศรษฐกิจ การคลัง การทหาร อยู่ในกำมือของตระกูลนี้หมด หนึ่งในนั้นก็เป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดินสมัยรัชกาลที่ 5 คือสมเด็จเจ้าพระยาบรมหาศรีสุริยวงศ์

ดูเผินๆ ก็เหมือนการมาร่วมรำลึกและโหยหาอดีตของเหล่าลูกหลาน แต่จริงๆ แล้ว การที่มีการพูดเรื่องศักดินาขึ้นมา ด้วยความคับข้องใจของพวกไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินในสมัยปัจจุบันที่คิดว่าศักดินาคือการไม่เท่าเทียมกันในสังคม โดยการเปรียบเทียบสภาวะสังคมที่ห่างกันสุดกู่ อาจมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนแค่ว่า คนที่โคตรตระกูลเป็นผู้ดิบผู้ดี เป็นขุนนางมาแต่โบราณนั่นเป็นศักดินา ที่จริงแล้วระบบศักดินาของประเทศสยาม เป็นระบบการบูรณาการคนที่จะทำความเจริญให้กับประเทศ คล้ายๆ กับระบบจีนแบบสอบจอหงวน ซึ่งใครๆ ที่ฉลาดและเก่งก็สามารถสอบเข้ารับราชการเป็นขุนน้ำขุนนางได้ แต่ในสมัยอยุธยา เลือกจากสองปัจจัย คือ คนที่ใกล้ชิดมีที่มาที่ไปที่ไว้ใจได้ กับคนที่มีความรู้ความสามารถโดยไม่คำนึงถึงชาติกำเนิด ดังนั้นการที่ท่านเฉกอะหมัดและลูกหลานจะมาได้ดีในประเทศสยามก็ไม่แปลกอะไร

ท่านเฉกอะหมัดเองก็หาใช่คนไทยไม่ มิมีเทือกเถาเหล่ากอเป็นขุนนางมาจากไหน เป็นแขกเปอร์เซียที่เข้ามาค้าขายในสมัยอยุธยา รับราชการได้เป็นขุนนางเนื่องด้วยมีความจงรักภักดีต่อประเทศสยามและพระเจ้าอยู่หัว มาแตกสายตระกูลแยกเป็นหลายสาย ทั้งไทยพุทธและไทยอิสลาม แม้ว่าต้นตระกูลจะเป็นจุฬาราชมนตรีคนแรก แต่ลูกหลานต่อมาที่เป็นพุทธก็ได้ทำนุบำรุงพระศาสนา วัดวาอารามมากมาย เป็นตัวอย่างที่ดีของการอยู่รวมกันแบบพี่น้องของไทยพุทธและไทยอิสลาม

ผู้หลักผู้ใหญ่ที่มาในงานปีนี้ก็ล้วนเป็นบุคคลที่เป็นที่รู้จักโดยทั่วไป เช่น พล.อ บรรจบ บุนนาค พลเรือเอกเดชา บุนนาค พล.อ นฤดล เดชประดิยุทธ์ ท่านผู้หญิงพึงจิตต์ ศุภมิตร ท่านพระราชครูวามเทพมุนี ม.ร.ว. กิติวัฒนา ปกมนตรี ศ.ดร.อักขราทร จุฬารัตน พลเอกสันต์ ศรีเพ็ญ เป็นต้น และท่านเอกอัคราชทูตอิหร่านประจำประเทศไทย ซึ่งได้มาร่วมทุกปี แต่บุคคลที่จะเว้นกล่าวถึงเสียมิได้ คือท่านพลเอก สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตประธาน คมช. ที่มาด้วยหน้าตายิ้มแย้มอารมณ์แจ่มใส ประมาณว่าเป็นซุปเปอร์สตาร์ เพราะมีลูกหลานๆ ร่วมตระกูลเข้าคิวถ่ายภาพกันคับคั่ง ซึ่งท่านก็ไม่ปฎิเสธแต่อย่างใด ผิดกับปีก่อนที่ท่านยังอยู่ในตำแหน่งประธาน คมช.มีตำรวจทหารอารักขากันพรึ่บพรั่บ คนก็เลยไม่กล้าเข้าไปหา

นับเป็นบุคคลลูกหลานท่านเฉกอะหมัดที่ได้คุมการปกครองประเทศอีกวาระหนึ่งตั้งแต่ช่วงรัชกาลที่ 5 เป็นต้นมา เป็นลูกหลานตระกูลที่มีที่มาที่ไปและไม่ไร้ศักดินา ตระกูลบุนนาคจึงเป็นตัวอย่างที่คนต่างชาติ ต่างศาสนาที่กลายเป็นคนไทยได้อย่างกลมกลืนที่สุดอีกตัวอย่างหนึ่งในประวัติศาสตร์ของเรา

Create Date : 27 พฤศจิกายน 2551

Last Update : 4 ธันวาคม 2551 22:37:53 น.

0 comments

Counter : 1654 Pageviews.