Group Blog
ตุลาคม 2556

 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
พัฒนาอีคิวลูก ด้วยการตั้งคำถามกับลูกให้เป็น
 
= = พัฒนา EQ ลูก...ด้วยการตั้งคำถามกับลูกให้เป็น = =

เริ่มที่ตัวอย่างเลยนะครับ

น้องท็อป วัย 9 ปี กลับจากโรงเรียน มาถึงบ้านด้วยใบหน้าที่บึ้งตึง ...
แม่เห็นดังนั้นจึงถามท็อปว่

“วันนี้หน้าบึ้งเชียว เป็นอะไรรึเปล่าจ๊ะลูก”
..................................(สะท้อนภาพเพื่อให้เด็กรับรู้ตัวเอง).............................................

“วันนี้ท็อปโดนเพื่อนแกล้งครับแม่ เพื่อนมาล้อว่าท็อปหน้าเหมือนผู้หญิง เป็นตุ๊ด”
“อืม..เพื่อนล้อแบบนั้น แล้วท็อปรู้สึกยังไงครับ”
………………(ถามอารมณ์ ความรู้สึกลูก)...........................................................

“ก็...โกรธ โมโหมากๆเลยแม่”
“เอ..ที่โกรธเนี่ย..ท็อปคิดยังไงเหรอลูก”
……………….(ถามความคิด มุมมอง การรับรู้ของลูก).......................................

“ก็ท็อป ไม่ได้เป็นตุ๊ดสักหน่อย เลยไม่ชอบให้เพื่อนล้อแบบนั้น”
“อืม..แม่พอจะเข้าใจท็อปแล้ว แล้วพอโกรธ เพราะคิดว่าเราไม่ได้เป็นแบบนั้น แล้วท็อปทำยังไงไปเหรอลูก”
………………(แสดงความเข้าใจลูก และถามสิ่งที่เกิดขึ้นสืบเนื่อง)......................
..............................(เชื่อมโยง ความคิด อารมณ์ และพฤติกรรมของลูกว่ามีความสัมพันธ์กัน เพื่อให้ลูกเข้าใจตัวเอง)...........................

“ท็อปก็เลย ต่อยหน้าเพื่อนไป ตอนนั้นมันโมโหมากนี่ครับ”
“พอต่อยหน้าเพื่อน แล้วมีอะไรเกิดขึ้นตามมาบ้างลูก”
……………….(ตั้งคำถามเพื่อให้ลูกเห็นผลกระทบ สืบเนื่องจากการกระทำของตัวเอง)..........................

“ก็..โดนครูตีครับ”
“แล้วลูกจะจัดการเรื่องนี้ยังไงต่อไป ถ้าเพื่อนมาล้ออีก”
……………..(ตั้งคำถามให้ลูกคิดวิธีการจัดการปัญหาด้วยตัวเอง).............................

“ก็คงไม่ต่อยเพื่อนแล้วครับ กลัวโดนครูตีอีก คงทำเฉยๆไม่สนใจ แต่ถ้ายังไม่หยุด ท็อปก็คงบอกครูครับ”
“แม่ก็เห็นด้วยกับวิธีนี้นะลูก จากที่เราคุยกันทั้งหมด ลูกได้เรียนรู้หรือข้อคิดอะไรบ้างจ๊ะ”
…………….(ตอกย้ำ เพื่อให้ลูกตกผลึกทางความคิด)................................................
////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////

จากตัวอย่าง จะสังเกตว่า แม่แทบจะไม่ต้องอบรม บรรยายเลย เด็กสามารถเกิดกระบวนการเรียนรู้ด้วยตัวเอง จากคำถามที่เราตั้งให้ลูกคิ
(แต่ถ้าลูกตอบไม่ได้ เราค่อยเสนอแนะแนวทางให้)
ซึ่งการเรียนรู้ด้วยตัวเอง ลูกจะเกิดความตระหนัก และยอมรับได้มากกว่ามีคนบอกให้ทำ

ไม่จำเป็นต้องถามรายละเอียดเนื้อหามากจนเกินไป
เช่น เพื่อนมาล้อกี่ครั้ง ล้ออะไรบ้าง เพื่อนชื่ออะไร ฯลฯ
ให้แค่พอได้ระบาย และเข้าใจเรื่องราวก็พอ
เพราะเนื้อหาพวกนี้ ไม่ได้สำคัญ
แต่ความรู้สึกและความคิดของลูกกับเรื่องนั้นๆ ต่างหากที่เป็นเรื่องสำคัญกว่า

พ่อแม่มักเคยชินกับการช่วยหาวิธีช่วยเหลือลูกอย่างเดีย
จนลืมถามคำถามเหล่านี้กับลู
ควรเปิดโอกาสให้ลูกได้ลองคิด วิเคราะห์ด้วยตัวเอง
แล้วจะพบว่าลูกอาจเก่งกว่าที่คุณคิด

การตั้งคำถามที่ดี จะช่วยให้ลูกเกิดการเรียนรู้และเข้าใจตัวเองที่ดีขึ้น
สามารถรับรู้อารมณ์ตัวเอง และนำไปสู่การจัดการอารมณ์อย่างเหมาะสม
ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของการพัฒนาอีคิว
จะช่วยให้ลูกใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขครับ

* บทความนี้เน้นประเด็นเรื่องวิธีตั้งคำถามกับลูก
ยังมีเนื่อหาที่ควรสอนลูกเพิ่มเติม เช่น การจัดการความโกรธ
**สิ่งที่สำคัญไม่น้อยไปกว่าคำถาม คือภาษากายของพ่อแม่
ที่ตั้งใจรับฟังและพยายามทำความเข้าใจลูก

# หมอไปป์ แฮปปี้คิดส์
ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก ชมรมจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่นแห่งประเทศไทย



Create Date : 14 ตุลาคม 2556
Last Update : 14 ตุลาคม 2556 0:29:26 น.
Counter : 956 Pageviews.

9 comments
  
แม่สมัยก่อน กับแม่สมัยนี้ ไม่ค่อยเหมือนกัน พี่มดว่ามั๊ยคะ

แม่สมัยนี้ มีอินเตอร์เนต มีกูเกิ้ล มีบล็อก ดีๆให้อ่าน ให้พัฒนาความรู้ จิตวิทยาเด็ก
บางทีอ๋อเคยคิดว่า เด็กนี่ก็เหมือนโดนแม่สะกดจิตเหมือนกัน แม่พูดว่าอย่างนั้นอย่างนี้ทุกวันๆ เด็กก็เลยเป็นไปตามปากแม่

ปล.สูตรขนมฝรั่งและคุกกี้ เดี๋ยวคุยกับพี่มดทางหลังไมค์นะค๊าา
โดย: little mouse in big apple วันที่: 14 ตุลาคม 2556 เวลา:1:41:41 น.
  
สวัสดีค่าพี่มด
ได้ความรู้เยอะเลยค่ะ
การเป็นแม่นี่ต้องคอยปรับทั้งตัวเอง ทั้งลูก
ให้จูนกันติด ไปในทางเดียวกัน
ไม่อย่างนั้นจะมีแต่เสียกับเสีย จริงมั้ยคะพี่มด
โดย: Close To Heaven วันที่: 14 ตุลาคม 2556 เวลา:20:24:43 น.
  
ลึกซึ้งมากเลยค่ะ คาดไม่ถึงค่ะ ว่าการคุยกับลูก จะเป็นศาสตร์ได้ขนาดนี้

ชอบค่ะชอบ
โดย: Sai Eeuu วันที่: 15 ตุลาคม 2556 เวลา:2:28:07 น.
  
เป็นทั้งศาสตร์และศิลป์เลยนะคะพี่มด
ว่าแต่..ทำไมพี่มดนอนดึกจังเลย รักษาสุขภาพด้วยนะคะ
ที่ถามเรื่องแป้งทอดกรอบ โกกิก็ใช้ได้ค่ะ หรือถ้าไม่มีจะใช้แป้งสาลีธรรมดาก็ได้ค่ะ เพราะตัวเองก็ใช้บ่อย อิอิ..
โดย: เนินน้ำ วันที่: 15 ตุลาคม 2556 เวลา:9:00:24 น.
  
ยังไม่ครบกระบวนการ follow up เลยค่ะพี่มด
เดี๋ยวต้นเดือนพย. ต้องไปสแกนอีก
แล้วหลังจากนั้นก็ไปพบหมอ คุณหมอถึงจะบอกผลต่างๆที่ได้ไปตรวจ follow up มาให้รู้ค่ะ

ส่วนคุณ K บางวันก็บอกว่ารู้สึกปกติดี บางวันก็บอกว่ามีเจ็บๆขึ้นมาอีก
วันไหนไม่ค่อยดี ก็ให้ระวังๆหน่อยค่ะ
ก็ระวังไม่ให้กลับไปเริ่มที่ศูนย์อีกน่ะค่ะ

โดย: little mouse in big apple วันที่: 16 ตุลาคม 2556 เวลา:0:13:39 น.
  
สวัสดีค่ะพี่มด
ดีจังเลยค่ะ พี่มดได้ไปฟัง ได้เรียนรู้เรื่องราวเกี่ยวกับเด็กเยอะดีจังเลยค่ะ
ส่วนตัวบุ๊งคิดว่าเด็กแต่ละคนไม่เหมือนกันเลยค่ะ
ถึงแม้จะเลี้ยงมาเหมือนกัน
อย่างลูกบุ๊งสองคน ต้องรับมือกันคนละแนวเลยค่ะ 5555
โดย: Close To Heaven วันที่: 16 ตุลาคม 2556 เวลา:0:58:36 น.
  
โอ๊ยยยย...พี่มดนอนดึกจัง

หรือว่าตื่นมาเล่นคอมคะ
พี่ระวังปวดบ่าปวดคออีกนะคะ
โดย: little mouse in big apple วันที่: 16 ตุลาคม 2556 เวลา:3:14:18 น.
  
พี่มดคะ..คุกกี้คอร์นเฟลค ที่อ๋อทำ ...อ๋อทำตามสูตรที่ส่งให้พี่มดเป๊ะๆเลยค่ะ
เนื้อมันจะออกมาแห้งๆ แทบจะปั้นวางบนถาดได้เลยค่ะ....ค่ะ คิดว่าแห้งๆแบบคุกกี้เนยถั่วแหละค่ะ
แต่มันจะมีออกป่นๆแกรบๆของชิ้นคอร์นเฟลคด้วย

เวลาอบ อ๋อปั้นขนาด 1.5 นิ้ว สูงซัก 1 นิ้วเลยค่ะ เอาส้อมกดลงให้แบนนิดนึง
ถ้าอบชิ้นบางๆ มันคงจะยิ่งแตกง่ายน่ะนะคะ

อ๋อว่าสูตรนี้ก็หวานแล้วนะคะ แต่ถ้าพี่มดชอบหวานกว่านี้ ก็ลองเติมน้ำตาล เพิ่มลูกเกด ลดคอร์นเฟลค ตามใจพี่มดดู
ออกมาเป็นไง คราวหน้าก็ค่อยเพิ่มๆลดๆ จนได้ตามที่พี่มดชอบได้....อ๋อว่างั้นนะคะ
โดย: little mouse in big apple วันที่: 21 ตุลาคม 2556 เวลา:3:39:51 น.
  
-งาม-
add ไม่มีที่
โดย: jewelmoda วันที่: 31 ตุลาคม 2556 เวลา:11:58:34 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jewelmoda
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 108 คน [?]



ผู้หญิงคนหนึ่ง ที่อยากทำงานด้านเด็ก อยากเป็นครู แต่กลับต้องไปทำงานแบงค์ เมื่อขอเออรี่ออกมา ขอหาข้อมูลเกี่ยวกับเด็ก เพื่อการพัฒนาเด็กไทย

Myspace angels graphics
New Comments
Friends Blog
[Add jewelmoda's blog to your weblog]