......เรื่องลาว ปีใหม่2012......
......สวัสดีปีใหม่(ย้อนหลัง)อีกทีนะครับพี่น้องทุกท่าน......
......มี เรื่องลาว มาเล่าสู่กันฟังนะครับ...เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา คุณแฟนอยากไปหลวงพระบางอีกครั้ง จึงตกลงกันว่าขับรถข้ามไปถึงหลวงพระบางแล้วจอดรถทิ้งไว้ จากนั้นจะเช่ามอเตอร์ไซค์ขี่เที่ยวในลาวกัน......
......หลวงพระบาง ปีที่แล้วก็เพิ่งไป ปีนี้ไปอีกซักทีจะเป็นไรไป...โดยส่วนตัวแล้วผมชอบนะครับ อยู่ในลาวก็สบายใจดีเหมือนกัน เงียบๆ ป่าไม้เยอะๆ อากาศเย็นๆ......
......คิดไว้ว่าจะข้ามที่ด่านชายแดนหนองคาย แต่คนน่าจะเยอะ ...เลยเปลี่ยนเส้นทางไปด่านชายแดนที่ จ.น่าน แทน......
......ออกจากบ้านตีสี่ครึ่ง ถึงน่านน่าจะประมาณเกือบบ่ายโมง แวะที่วัดภูมินทร์ก่อนเลย......
......ในวันที่ไป เขากำลังซ่อมแซมบูรณะโบสถ์อยู่พอดี เลยไม่ค่อยสะดวกนักในการถ่ายรูป...ไม่เป็นไร ยังมีอีกหลายวัด......
......มาต่อที่วัดมิ่งเมือง อยู่ไม่ไกลจากวัดภูมินทร์...สีขาวล้วนๆนี่ตัดกับสีฟ้าเข้มๆของท้องฟ้าได้ดีจริง......
......และเลยวัดมิ่งเมืองมาอีกหน่อยนึงตรงสี่แยกไฟแดงพอดีก็จะเจอ วัดศรีพันต้น ...พญานาคที่นี่ใหญ่โตดีจริง......
......สำหรับการเอารถข้ามด่านนั้นไม่ยากครับ พี่ๆเพื่อนๆที่เคยข้ามกันบ่อยๆคงทราบดี...ขอเล่าสู่กันฟังอีกทีละกัน......
สิ่งที่จำเป็นจริงๆก็...
1) passport คน
2) passport รถ
3) ทะเบียนรถ
4) ทะเบียนสมรส (เก็บไว้ที่บ้าน ไม่ต้องเอาไป)
5) สารพัดสำเนาที่จำเป็น...เอาติดไปเถอะครับ..มีแล้วไม่ได้ใช้ดีกว่าจำเป็นจะต้องใช้แล้วไม่มี
...จากนั้นยื่นเอกสารทั้งคนและรถที่ด่าน ต.ม. เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจเอกสารและตรวจรถเสร็จแล้วก็จะประทับตราลงบันทึกใน passport รถ เป็นอันเสร็จพิธี ...ขับข้ามแดนไปลาว(ขับเลนขวา)...
...เมืองเงิน-เมืองหงสา-เมืองไซยะบุลี-ท่าเดื่อ-เมืองนาน-เมืองเชียงเงิน-หลวงพระบาง ระยะทางประมาณ 260 ก.ม. ......
......แต่เอาเข้าจริงๆใช้เวลาขับรถเกือบทั้งวัน...เส้นทางนี้ยังคงวิบากเหมือนเดิม......
......ช่วงแรกนี่ 4ล้อก่อนนะครับ เอาไว้ถึงหลวงพระบางค่อยเปลี่ยนเป็น 2ล้อ......
......เลยตรงนี้ไปก็ หงสา แล้วครับ...ทางช่วงนี้ยังโอเคอยู่...แต่ทางวิบาก รออยู่ข้างหน้าครับ......
......ลุยฝุ่นถึงท่าเดื่อประมาณบ่าย 2โมงครึ่ง ต้องเอารถข้ามแพไปเมืองนาน ที่นี่ไม่มีสะพานข้ามแม่น้ำจึงต้องใช้วิธีเอารถข้ามแพ......
......รอคิวลงแพ วันนี้รถน้อยครับ......
......แพยังมาไม่ถึง ลอยตุ๊บป่องตุ๊บป่องอยู่กลางน้ำ ระหว่างรอ เก็บภาพไปเรื่อย......
......ในที่สุดก็มาอยู่ในแพ สภาพแพก็เป็นอย่างที่เห็น เอียงๆบิดๆเบี้ยวๆ ..อย่าจมกลางแม่น้ำก็แล้วกัน......
......ขับมา 2 ชั่วโมงแล้วยังไม่เจอสิ่งมีชีวิตซักตัว... มีแต่ป้ายเปื้อนฝุ่นแผ่นนิ้ ในป้ายนี้บอกระยะทาง 64 กม.จะถึงหลวงพระบาง แต่ใช้เวลาจริงๆ 2 ชม.กว่าๆ......
......พ้นโค้งข้างหน้านี้ไปก็จะเป็นทางขึ้นเขา(ขึ้นๆลงๆ) ส่วนสภาพของถนน ในรูปนี่ถือว่างามที่สุดแล้วนะครับ...เลยจุดนี้ไปนี่แทบจะไม่ต่างจากภาพข่าวการแข่งปารีส-ดักการ์เท่าไหร่นัก...จากจุดนี้ไม่ได้จอดถ่ายรูปอีกนานเลยครับ ไม่รู้จะถ่ายอะไร ฝุ่นมากมาย......
......มาถึงหลวงพระบางเริ่มมืด จำซอยเข้าที่พักไม่ได้ น้องนักเรียนชาวลาวคนนี้ช่วยนำทางมาส่งถึงประตูห้องพักเลย...คนลาวมีน้ำใจครับ......
*หมายเหตุ : การถ่ายรูปบุคคลในประเทศลาว จะต้องขออนุญาตจากบุคคลที่เราจะถ่าย และจะต้องให้เขายินยอมก่อนจึงจะถ่ายรูปเขาได้ ไม่งั้นอาจมีปัญหาเพราะที่นี่จะใช้วิธีแอบถ่ายแบบบ้านเราไม่ได้...เป็นกติกาของที่นี่ครับ...
......นี่คือชุดนักเรียนของลาวที่ยังรักษาวัฒนธรรมไว้ได้เป็นอย่างดี......
......โคมไฟสวยๆหน้าที่พัก ..รถที่ขับมา วันแรกล้างเคลือบสีอย่างงาม จนมาถึงที่นี่ รถอยู่ในสภาพไม่แตกต่างจากรถถังชายแดน มีทั้งเศษดิน/ทราย/กิ่งไม้เต็มแร็คหลังคารถ...ฝากจอดรถไว้ที่นี่ก่อน......
......เข้ามาในลาวครั้งนี้เป็นครั้งที่ 4 ในรอบ 3 ปี ...ก่อนหน้านี้พยายามตามหาป้ายหลักกิโลเมตรที่ 0 ของหลวงพระบาง แต่ไม่สำเร็จ ...ครั้งนี้ตามหาจนเจอครับ ถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกว่าหาเจอ......
......ความจริงเมื่อปีที่แล้วที่มาลาวก็ผ่านถนนเส้นนี้นี่แหละครับ แต่คาดว่าเกิดปรากฎการณ์ "ตาถั่ว" ผ่านไปซะเฉยๆ...ปีนี้มาเจอเลยต้องจอดหน่อยครับ......
......คุณนาย ร่วมแสดงความยินดีที่ตามหาจนเจอหลังจากก่อนหน้านี้หมดค่าน้ำมันไปไม่รู้เท่าไหร่......
......ในครั้งนี้เช่าสองล้อคันเล็ก(ทะเบียน 0414 ในรูป) ไม่ได้เช่าคันใหญ่เพราะเปลืองค่าน้ำมันมากกว่า......
......กำลังจะไป ตาดกวางสี (ปีที่แล้วก็พาคุณนายไปมาแล้วทีนึง แต่ครั้งนี้คุณนายอยากไปนั่งเล่นที่นั่นอีก)......
......ไม่รู้ว่าโซ่ไม่ดี หรือว่าเจษฎาขี่ไม่เอาไหน...ปรากฎว่าโซ่ขาด ...แต่ไม่มีปัญหา ตัดข้อที่ขาดออก ใช้ตัวล็อคเดิมยึดไว้ แล้วไปต่อได้......
......กิจกรรมของคุณนาย คือแกล้งเด็กน้อยระหว่างรอต่อโซ่......
......เด็กคนนี้อารมณ์ดีจริงๆ ไม่พูดไม่จา หัวเราะโลด......
......ตาดกวางสี ยังสวยเหมือนเดิม......
.....ย้อนกลับมาที่หลวงพระบาง เพื่อทานอาหารกลางวัน เพราะในตัวเมืองจะมีตัวเลือกสำหรับร้านอาหารมากกว่านอกเมือง......
......อิ่มแล้ว ไปหาอะไรดูในเมืองกันต่อ......
......อารมณ์ประมาณนี้แหละ ที่ผมอยากเห็น......
......หันไปทางไหนก็ถูกใจไปหมด......
......วัดแสนสุขาราม อยู่ในโซนกลางเมืองของหลวงพระบาง......
......ที่นี่อยู่ไม่ไกลจากวัดวิชุนราช มากนัก......
......ตรงนี้คือบริเวณที่แม่น้ำโขงและแม่น้ำคานมาบรรจบรวมกัน (แม่น้ำโขงด้านซ้าย/แม่น้ำคานด้านขวาของภาพ) อยู่ก่อนถึงวัดเชียงทอง......
......อากาศเย็นสบาย เลยนั่งอยู่ตรงนี้นานจนเกือบมืด......
......มาดูตลาดมืดกัน เขาจะเริ่มขายของกันประมาณ1ทุ่มเป็นต้นไป......
......ชาวบ้านจะนำงานประเภทหัตถกรรม,ผ้าทอมือและสินค้าพื้นเมืองมาวางขายมากมาย......
......ขายบนถนนตั้งแต่หน้าไปรษณีย์ไปจนสุดถนนหน้าวังเก่า......
......วันรุ่งขึ้นก็ขี่เจ้าฮอนด้าเวฟไปกับคุณนายอย่างไม่มีจุดหมาย......
......ในภาพนี้คือต้นไม้ที่อยู่หน้าร้านกาแฟประชานิยม ร้านกาแฟที่นักท่องเที่ยวมักแวะไปกัน แต่ที่ผมสนใจไม่ใช่กาแฟครับ แต่เป็นเจ้าสิ่งที่เห็นในรูปครับ...เจ้าสีเขียวๆหน้าตาคล้ายกับบายศรีของบ้านเรา(ที่นั่นเขาเรียก "หมากเบ้ง" ครับ) ส่วนกองขาวๆข้างๆนั่นคือข้าวเหนียว......
......ข้ามมาอีกฟากนึงของหลวงพระบาง สะพานเก่าอันนี้คือสะพานข้ามแม่น้ำคาน ในสมัยก่อนเขามีความเชื่อว่า หญิงโสดคนใดหากเดินข้ามสะพานนี้แล้วจะต้องกลั้นหายใจไปจนกระทั่งเดินข้ามพ้นสะพานนี้ไปได้ ไม่งั้นจะไม่มีผัว......
......หลายสิ่งหลายอย่างที่นี่ มีเรื่องเล่าและที่มา มากมาย......
......นี่เลยครับ...ชัดเจน...จริงใจ..."ทางไปเยี่ยว"...... ^_^
......ป้ายนี้เจอในปั๊มน้ำมันระหว่างทางไปเชียงเงิน......
...ออกจากหลวงพระบางมาตามถนนหมายเลข 13 ลงใต้มาตามทางที่จะไปเชียงเงิน ก่อนถึงสามแยกที่จะเลี้ยวไปไซยะบุลีจะมีทางโค้งและมีป้ายเก่าๆเขียนว่า "ตาดแส้" ให้เลี้ยวซ้ายเข้าไปตามทางเลยครับ...สภาพทางก็เป็นอย่างที่เห็น ฝุ่นเพียบ หินลอยตามพื้นมีเป็นระยะ ต้องขี่สองล้อแบบระวังกันนิดนึงไม่งั้นมีลงไปคาบหญ้าข้างทางแน่นอน...แต่ว่าคุณนายยังสู้ไหวอยู่นะครับ...อึดดีจริงๆ......
......จากปากทางเข้ามาประมาณสองหมายิ้ม ก็จะเจอหมู่บ้านเล็กๆ และที่นี่มีวัดเล็กๆด้วย ขี่ต่อไปเรื่อยๆจนสุดถนนก็จะขี่ไปต่อไม่ได้เพราะมันคือแม่น้ำ......
......จอดสองล้อทิ้งไว้แล้วจ้างให้เขาขับเรือไปส่งด้านใน(มีท่าน้ำอีกท่าอยู่ข้างในเพื่อเดินทางไปสู่ตาดแส้)......
......ขึ้นฝั่งแล้วเดินขึ้นเขาอีกไม่นานนักก็มาถึงตาดแส้...คุณนายชอบใจมากครับ......
......ตาดแส้ เป็นน้ำตกหินปูน ทำให้สีของน้ำที่เห็นเป็นสีเขียวๆฟ้าๆเช่นเดียวกับตาดกวางสี......
......อาจจะเป็นเพราะทางที่จะเข้ามาที่นี่ไม่ค่อยสะดวกนัก นักท่องเที่ยวจึงน้อย แต่ผมชอบนะครับ สงบดีไม่วุ่นวาย......
......ไม่นานนักก็มีช้างพานักท่องเที่ยวลุยน้ำมาที่นี่...โถ่...ถ้ารู้ว่ามีนั่งช้างลุยน้ำเราคงไม่ต้องนั่งเรือตากแดดมาหรอก นั่งช้างสนุกกว่านั่งเรือเป็นไหนๆ......
......แต่แล้วเราก็ต้องนั่งเรือตากแดดกลับหมู่บ้าน เพราะว่าจอดสองล้อไว้ที่นั่น การนั่งช้างยังคงเป็นความฝันของฉันอีกต่อไป......
......อีกเรื่องนึงที่ผมเห็นคือเรือที่ลาวนี่ไม่ว่าจะเล็กจะใหญ่ เขาจะมีทะเบียนกันทุกลำเลย ไม่มีแบบอินวอยซ์ ไม่มีสวมทะเบียนเหมือนยานพาหนะบางประเภทในบ้านเรา...จะว่าไปแล้วก็อายเขานิดๆเหมือนกันนะเนี่ยที่เขามีวินัยกับกติกาในสังคมอย่างดีเยี่ยมมากกว่าบ้านเราซะอีก......
......ส่วนเรื่องน้ำมัน พี่ๆที่เคยเข้าไปลาวจะทราบดีว่าในลาวเขาจะมีน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ 2 ชนิด...คือ แอ๊ดซัง และ กาซวน......
แอ๊ดซัง คือ เบนซิน
กาซวน คือ ดีเซล
......ขากลับขี่สองล้อผ่านเจ้าสิงโตหน้าโบสถ์ตัวนี้ ดูไปดูมาค่อนไปทางหมูป่า และค่อนข้างผอม แปลกจริงแต่เขาต้องมีเหตุผลที่ผมไม่รู้ล่ะครับ......
......เดินทางกันต่อครับ...ออกสู่ถนนหมายเลข 13 อีกครั้ง ...คราวนี้ขี่ขึ้นไปทางเหนือ มุ่งหน้า อุดมไซ......
*ปล.---วานให้คุณนายช่วยถ่ายภาพนี้ให้ นานๆจะมีรูปตัวเองกะเขาบ้าง คุณนายเลยจัดให้ซะเหลือตัวจิ๋วเลย...ไม่เป็นไรครับ มาเที่ยวก็ต้องเน้นวิวครับ......
......อีกแค่ 201 กม.เท่านั้น งานนี้คุณนาย อดทนกับการนั่งซ้อนท้ายได้ดีมาก......
......อีกแค่ 201 กม. ยังไหว ยังไหว......
......มาแวะพักที่วัดอะไรซักอย่าง...จำชื่อไม่ได้อีกแล้ว ขออภัยนะครับ ไม่ค่อยจะได้สาระเกี่ยวกับชื่อของสถานที่เท่าไหร่เลย......
......องค์พระ ได้รับการดูแลรักษาอย่างดี ถึงแม้ว่าพื้นที่รอบข้างจะเก่าไปตามกาลเวลาก็ตาม......
......ที่นี่มีวัดเก่ามากมายครับ......
......อีกสิ่งหนึ่งที่คุ้นตาคือคนที่นี่เขามักจะนำเจ้า "หมากเบ้ง" มาวางถวายไว้ที่ฐานของเจดีย์ ครับ......
......งานศิลปะและลายปูนปั้นของที่นี่ ใกล้เคียงกับบ้านเรา...ไทย-ลาว บ้านพี่เมืองน้อง ครับ......
......กลับมาที่หลวงพระบางอีกครั้ง วัดเชียงทอง วัดเก่าแก่ของที่นี่ อายุกว่า 400 ปี...ผมมาวัดนี้ ครั้งนี้น่าจะครั้งที่3 (ถ้าจำไม่ผิด) โครงสร้างหลักๆส่วนมากเป็นไม้ มีการประดับตกแต่งที่สวยงามไม่ว่าจะเป็นลายแกะสลัก/ลายปูนปั้นหรือการตกแต่งด้วยกระเบื้องและกระจกสี......
......การตกแต่งด้วยกระเบื้องและกระจกสีที่ผนังด้านข้างของหอพระบาง......
......ด้านข้างของกุฎิเก่าครับ สวยจริง......
......ได้เวลาอาหารเย็นซะแล้ว......
......วนไปวนมาเลือกร้านนี้ครับ ติดแม่น้ำ อากาศดี วิวก็ดี......
......นั่งดูพระอาทิตย์ตกอย่างสบายใจ......
......และแล้วพระอาทิตย์ก็ตก......
......งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา...สี่วันในลาวผ่านไปอย่างรวดเร็ว ...เก็บสมบัติยัดใส่ท้ายรถ เดินทางย้อนกลับเส้นทางเดิมตอนขามา......
......ในรูปนี้เป็นถนนดำเพียงช่วงเดียวที่เจอในช่วงเชียงเงิน-ท่าเดื่อ (ไม่เกิน 2 กม.)......
......ส่วนมากจะเป็นทางแบบนี้ครับ (ดูที่ผิวถนน) บางช่วงหินที่โผล่มาจะเป็นหินแหลมๆ ถ้าเหยียบไปล่ะก็ ยางแฟ่บ ชัวร์...แถมบางช่วงหินลอยก้อนเท่าลูกหมา เผลอไม่ได้ครับ ไม่งั้นงานเข้าชัวร์......
......ถึงแม้ว่าทางจะลำบาก แต่ว่าข้อดีก็ยังมีอยู่นะครับ...คือวิวระหว่างทางนี่สวยเอาเรื่องเลยครับ......
......อย่างในรูปนี้ผมขับรถอยู่บนเขาช่วงเชียงเงิน-ท่าเดื่อ ช่วงบนเขานี่คือบนเขาจริงๆครับ สูงโด่เด่ ...ผมจอดรถแล้วเปิดกระจกแล้วก็กดชัตเตอร์เลย...ได้ภาพนี้มาครับ......
......ส่วนนี่ ไม่ได้เอียงกล้องนะครับ ทางมันเอียงจริงๆ เป็นทางขึ้นเขาน่ะครับ ทางเส้นนี้ไม่ค่อยมีใครใช้เลยไม่ค่อยจะมีรถวิ่ง เจษฎาก็เลยจอดได้เรี่ยราดไม่ต้องเกรงใจใคร......
......ในรูปนี้เกือบ 9 โมงแล้ว แต่หมอกบางช่วงค่อนข้างหนา ขับรถผ่านแทบไม่เห็นทาง...แต่เย็นดีจริงๆ......
......มาถึงท่าเดื่อเพื่อข้ามแพอีกครั้ง...นี่ก็เกือบ 10 โมงแล้ว แต่หมอกยังเพียบ...อากาศเย็นครับ......
......ปรากฎว่าแพยังไม่ออกนะครับ ต้องรอประมาณครึ่งชั่วโมงกว่าๆ...เพราะว่าคนขับแพจะทานข้าว...เออ มีอย่างนี้ด้วย......
......ไม่เป็นไร...เดินชมวิวท่าเดื่อ ก็ได้......
......แพที่ว่าบิดๆเบี้ยวๆน่ะ เอารถบัสข้ามฝั่งได้เฉยเลย...แจ๋วจริง......
......ปิดท้ายด้วยภาพนี้ละกันครับ...ที่ลาวยังคงมีความสมบูรณ์ของทรัพยากรอยู่มาก แต่รัฐบาลลาวถือว่า ประชาชน ของเขา คือทรัพยากรที่มีค่ามากที่สุด ดังนั้นหากเราขับรถไปชนคนลาว ในเบื้องต้นทางตำรวจจะให้เราเข้าคุกทันที แล้วค่อยสอบสวนทีหลัง (เป็นข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ที่นั่นครับ) กติกาของแต่ละสังคมแตกต่างกันไป...ดังนั้นเมื่อเราไปอยู่ในสังคมไหนก็ควรต้องยอมรับและปฎิบัติตามกติกาของสังคมนั้นๆนะครับ......
......สุดท้ายนี้ขออวยพร(ย้อนหลัง) ให้พี่ๆเพื่อนๆทุกท่านในที่นี้จงมีความสุขและปลอดภัยในทุกๆการเดินทางนะครับ......
......ด้วยความเคารพ......
Create Date : 17 มกราคม 2555 |
|
28 comments |
Last Update : 19 มกราคม 2555 17:12:08 น. |
Counter : 6866 Pageviews. |
|
|
|
น่าไปเที่ยวจังเลยจ้ะ