สิงหาคม 2558

 
 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
11
12
13
14
15
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
31
 
 
All Blog
Shanghai Trip ทริปชิลล์ 4 วัน ณ เซียงไฮ้และหังโจว เหมาะกับคนเพิ่งมาเป็นครั้งแรก (Part 2/2)
 Shanghai Trip ทริปชิลล์ 4 วัน ณ เซียงไฮ้และหังโจว
หลักสูตรพื้นฐาน เหมาะกับคนเพิ่งมาเป็นครั้งแรก
Part 2/2



มาต่อกันในวันที่ 2 นะคะ วันนี้เป็นวันเสาร์ เราจะเดินทางไปเมืองหังโจวกัน

หากใครวางแผนเที่ยวเมืองอื่นๆใกล้ๆเซียงไฮ้ ก็มีหังโจว ซูโจว และ โจวจวง แต่ทริปนี้เราเลือกไปเมืองเดียวเท่านั้นคือ หังโจวนั่นเอง

เกริ่นถึงเมืองต่างๆในจีนซักหน่อย..จีนแบ่งเขตปกครองออกเป็นทั้งหมด 23 มณฑลด้วยกัน โดยแต่ละมณฑลก็จะมีเมืองหลวง เช่น Wuhan (อู่ฮั่น) เป็นเมืองหลวงของมณฑล Hubei, Changsha (ฉางชา) เป็นเมืองหลวงของมณฑล Hunan, Hangzhou (หังโจว) เป็นเมืองหลวงของมณฑล Zhejiang (เจ้อเจียง)..ไต้หวันก็ถือเป็นมณฑลหนึ่งของจีนนะคะ แม้ในความเป็นจริงจะไม่ได้ถูกปกครองโดยจีนก็ตาม นอกจากนี้ยังมี 5 เขตปกครองตนเอง 4 เทศบาลนคร (ปักกิ่ง เทียนจิน เซี่ยงไฮ้ และฉงชิ่ง) และ 2 เขตบริหารพิเศษ ได้แก่ฮ่องกงและมาเก๊า ดูรูปด้านล่างดีกว่า เผื่อจะทำให้เห็นภาพขึ้น


เราเดินทางโดยรถไฟ จาก สถานีรถไฟ Shanghai Hongqiao ไปถึง Hangzhoudong (Hangzhou East Railway station) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง ค่าโดยสาร 73 หยวน เป็นรถไฟ high-speed /bullet trains แบบ G (คือเร็วสุด) ที่นั่งเป็น second class ค่ะ .. สามารถซื้อตั๋วได้ล่วงหน้า 10 วันโดยซื้อได้ที่สถานีรถไฟหรือเอเย่น โดยต้องโชว์พาสปอร์ตด้วยนะคะเพื่อซื้อตั๋ว

สังเกตได้ว่าตั๋วจะมีระบุชื่อและเลขพาสปอร์ตไว้ด้วย


สถานีรถไฟ ใหญ่โตมาก และก็มีคนเยอะมากๆ เช่นกัน ที่เห็นซ้ายขวาแต่ละด้านคือทางไปชานชาลาค่ะ ลักษณะคล้าย Gate ขึ้นเครื่องบิน เมื่อซื้อตั๋วแล้วจะมีบอกว่าต้องไปรอที่ Gate ไหน ถึงเวลา ไม่สิ ต้องบอกว่าก่อนเวลาประมาณ 20 นาที คนจีนก็เริ่มไปรออยู่หน้าประตูแล้วค่ะ แต่จริงๆเราไม่ต้องรีบก็ได้นะคะ เพราะตั๋วระบุที่นั่งอยู่แล้ว



บรรยากาศบนรถไฟโอเคเลยค่ะ กว้างขวางดี


เป้าหมายแรกและเป้าหมายเดียวของเราในวันนี้คือการไปเดินเล่นบริเวณทะเลสาบซีหู เราจึงต่อรถไฟฟ้าเผื่อไปลงยังสถานี Ding’an Road ซึ่งจะช่วยให้เราใกล้ทะเลสาบขึ้นอีกนิด


เย่ ได้ตั๋วมาแล้ว


ออกเดินทางเที่ยง ถึงก็บ่ายโมง (บอกแล้วว่าทริปชิลล์ ออกซะสายเลย) หิวข้าวแล้ว แวะทานก๊วยเตี๋ยวร้านดังบริเวณ Xihu avenue ค่ะ

อร่อยมาก เป็นซุปกระดูกหมู น้ำออกสีดำๆ รสชาติดี เส้นไม่นิ่มจนเกินไป น้ำซุปร้อนซะใจ เติมพลังได้อย่างดีเลยค่ะ



ถนนนี้มีร้านขายของ ขายอาหารเยอะแยะเลย


เดินมาถึงถนนใหญ่ รอรถเมล์เพื่อไปทะเลสาบ ลงป้าย Baidi โชคดีคนไม่เยอะเลยได้นั่ง แต่ประมาณ 10 นาทีก็ถึงแล้วค่ะ รอบๆทะเลสาบนี่คนเยอะมากกก ทั้งคนเดิน คนปั่นจักรยาน รถสารพัดชนิด

on the way


ทะเลสาบซีหู เป็นทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่ถือเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญของเมืองหังโจว ซีหู แปลเป็นภาษาอังกฤษว่า west lake ความสวยงามของทะเลสาบซีหูสร้างแรงบันดาลใจให้กวีมากมายทะเลสาบซีหูได้ขึ้นทะเบียนเป็น UNESCO World Heritage เมื่อปี 2011

ลงปุ๊ปก็ได้เวลาเดินเล่น เนื่องจากทางเดินรอบทะเลสาบมันกว้างมาก เราก็เลยมาเดินตรงที่ดังที่สุดแล้วกัน นั่นก็คือ Baidi causeway ซึ่งเป็นทางเดินสร้างผ่าตรงกลางทะเลสาบ ส่วนหนึ่งของ Baidi causeway คือ Broken Bridge ซึ่งเป็นสะพานที่ดังที่สุดในทะเลสาบนี้ สะพานนี้ไงคะ ที่เป็นฉากหนึ่งของเรื่องนางพญางูขาว


ชื่อ Broken Bridge นี่มาจากว่า ในหน้าหนาวจะมีหิมะตกและหิมะก็ตกลงบนสะพาน ต่อมาเมื่อได้รับความร้อนจากแสงอาทิตย์ ด้านที่โดนแดดโดยตรงหิมะก็ละลาย ส่วนอีกด้านที่ไม่โดนแดดโดยตรงจะละลายช้ากว่า ซึ่งหากมองจากมุมสูงแล้วนั้น จะเห็นเป็นภาพสะพานขาดนั่นเอง

ลงจากรถเมล์ปุ๊ป เราก็ไหลไปตามฝูงชนค่ะ วันนั้นที่ไปอากาศค่อนข้างร้อน แต่พอไปอยู่ใกล้ทะเลสาบแล้ว ลมเย็นสบายมาก บรรยากาศดีมากๆ ส่วนตัวคิดว่าเป็นบรรยากาศที่โรแมนติกเลยทีเดียว 

ถ้าใครอยากล่องเรือในทะเลสาบซีหูก็ราคาตามนี้เลย


แอบถ่ายคนล่องเรือ


โรแมนติกมั๊ยล่าา Smiley


เดินมาเรื่อยๆจนเหนื่อยก็ได้เวลากลับเซียงไฮ้ค่ะ นั่งรถเมล์สาย 7 ยาวๆ ไปลงที่สถานีรถไฟ Hangzhou (คนละสถานีกับตอนขามานะ) นั่งรถไฟรอบ 18.57 กลับค่ะ

บรรยากาศทางเดินขากลับ



Costa Coffee สาขานี้สวยจัง


รถเมล์ต่อรถไฟ




Day 3Smiley

Tianxifang

ย่าน Tianxifang เป็นตรอกที่ทะลุถึงกันหมดค่ะ ด้านในเป็นร้านอาหาร ร้านเหล้าและร้านขายของกระจุกกระจิก การตกแต่งแต่ละร้านก็สวยดีค่ะ ใช้อิฐเป็นส่วนใหญ่และมีการตกแต่งด้วยต้นไม้ดอกไม้ ดูร่มรื่น ถ่ายรูปเพลินเลยค่ะ





ดอกไม้สวยๆ


วะร้านนี้เผื่อส่งโปสการ์ดกลับเมืองไทย กลัวมากว่าจะไม่ถึง เพราะเขียนเสร็จจ่ายเงินค่าแสตมป์แล้วก็ยื่นให้คนขาย โดยไม่ได้เห็นแม้แต่แสตมป์หรือตู้ไปรษณีย์ แต่สุดท้ายก็ถึงจนได้ค่ะ เย่ๆ



มุมเก๋ๆ





>> การเดินทางมา Tianxifang นั่งรถไฟใต้ดินสาย 9 ลงที่สถานี dapuquio>>

ด้านหน้ามีรถจักรยานยนต์จอดอยู่ เพิ่งเห็นว่าเค้ามีถุงมือกันหนาวด้วยนะ เก๋จัง



เดินเล่นซื้อของจนครบแล้ว แวะไปทานติ่มซำซักหน่อยร้านชื่อ Shen Yue Xuan เป็นร้านติ่มซำที่อยู่ในสวนส่วนตัว บรรยากาศร่มรื่นมากค่ะ จากถนนต้องเดินเข้ามานิดนึงทำให้เงียบและเป็นส่วนตัวดี ที่อยู่: 849 Huashan Lu, Shanghai, China




Jade Buddha Temple

วัดนี้ก็เป็นอีกวัดที่มีชื่อเสียงในเซียงไฮ้ค่ะ เดิมวัดนี้ก่อสร้างตั้งแต่ปี ค.. 1882 เพื่อเก็บรักษาพระพุทธรูปหยก 2 องค์ ต่อมาวัดได้ถูกทำลายลงในสมัยปฏิวัติ แต่มีการเก็บรักษาพระพุทธรูปไว้เป็นอย่างดี จึงรอดมาได้ และสร้างวัดขึ้นมาใหม่ในปี ค.ศ.1928

ด้านในของวัดมีผู้คนเข้ามากราบไหว้ นักท่องเที่ยวที่วัดนี้ก็เยอะค่ะ




พระพุทธรูปหยก 2 องค์ที่วัดนี้ องค์นึงปางค์สมาธิ อีกองค์เป็นปางไสยาสน์ (ท่านอนตะแคงขวา) ค่ะการจะเข้าไปชมพระพุทธรูปหยกนี่ต้องเสียเงินเพิ่ม 10 หยวนด้วยนะคะ (ที่เซียงไฮ้นี่เก็บเงินค่าเข้ายุบยิบจริงๆ) เพิ่มเติมจากค่าเข้า 20 หยวนที่ว่าก็สูงพอสมควรแล้ว

เค้าอนุญาตให้ถ่ายแต่องค์นี้ค่ะ องค์ที่เป็นปางค์สมาธิถ่ายไม่ได้ ตัวพระพุทธรูปทั้ง 2 ทำจากหยกขาวแกะสลักอย่างสวยงาม ซึ่งพระพุทธรูปทั้งสองนี้ได้อัญเชิญมาจากประเทศพม่า


>> การเดินทางมาวัด สามารถนั่งรถใต้ดินสาย 7 ออกทางออก 5 เดินบนถนน Xinhui แล้วเลี้ยวขวาที่ถนน Jiangnin เดินไปเรื่อยๆจนถึงถนน Anyuan เลี้ยวขวาก็จะเจอวัดค่ะ หรือใครอยากสะดวกกว่านั้นก็นั่งรถแทกซี่แบบเราเลย...ค่าเช้าชม 20 หยวน และเพิ่มอีก 10 หยวนเพื่อชม Jade Buddha วัดเปิดทุกวัน ตั้งแต่ 8.30-17.00 ค่ะ >>


Day 4 Smiley

Qibao Ancient town

ออกมานอกเมืองเดินในย่านเมืองเก่าดูบ้าง Qibao เป็นตลาดน้ำที่แต่ก่อนเป็นศูนย์กลางทางการค้าแห่งหนึ่งเลยนะ ที่เซียงไฮ้นี่มีตลาดน้ำแบบนี้หลายที่ด้วยกัน แต่ที Qibao นี่ไม่ได้ไกลจากใจกลางเมืองมากค่ะ จึงเหมาะสมในการเดินทางมาเที่ยวแบบครึ่งวัน บรรยากาศที่ Qibao เต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร 2 ข้างทาง คนเดินกันอย่างคับคั่งค่ะ ขนาดนี่วันจันทร์นะ


ร้านอาหารข้างทางแถวนี้อาหารน่าทานเชียวค่ะ





บรรยากาศบนสะพานข้ามคลอง


แวะไปไหว้พระที่ QibaoTemple ดีกว่า ต้องเดินออกมาไกลนิดหน่อย ตามป้ายมาค่ะ เราสังเกตได้ว่าไม่ค่อยมีใครเดินมาถึงที่วัดนี้เลย บรรยากาศในวัดจึงเงียบมากๆ วัดนี้เคยเจริญรุ่งเรืองสุดๆในสมัยราชวงศ์หมิง แต่ลักษณะวัดปัจจุบันที่เราเห็นนี่เพิ่งได้รับการสร้างใหม่ในปี ค.ศ.2002 ค่ะ..ค่าเข้าวัด 5 หยวน นะคะ


การเดินทางมา Qibao นั่งรถไฟฟ้าสาย 9 ลงสถานี Qibao Town ออกทางออกที่ 2

Nanjing Road

ถนนนานจิงเป็น Shopping street หลักของซียงไฮ้ค่ะ ถนนนี้ยาว 5 กิโลเมตรกว่าๆ แบ่งเป็น West Nanjing และ East Nanjing

ส่วน East Nanjing นี่เดินสบายหน่อยเพราะเป็นถนนคนเดินจริงๆ ไม่มีรถวิ่งค่ะ ร้านค้าจะเป็นแบรนด์ทั่วๆไป และ local brand ตามซอยย่อยจะเป็นร้านอาหาร local และ hostel ต่างๆ ... East Nanjing เริ่มจาก The Bund ถึงรถไฟฟ้าสถานี People’s Square



เราสามารถนั่งรถชม East Nanjing ได้ด้วยนะ


เมื่อเดินเข้าไปในซอยเล็กๆ เจอรถขายถุงน่องค่ะ


ส่วน West Nanjing เริ่มตั้งแต่ People’s Square ถึง Jing’an temple ส่วนใหญ่บริเวณนี้จะเป็นร้านค้าแบรนด์เนม โรงแรม 5 ดาว และสถานที่ราชการ

เอารูป West Nanjing Road ตอนกลางคืนมาให้ดูค่ะ เปิดไฟสวยมาก ตามต้นไม้ริมถนนจะมีไฟเปลี่ยนสีได้ เสียดายที่ถ่ายรูปมาไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ Smiley



Jing’an temple เป็นวัดที่ใหญ่ ใหญ่มากจริงๆจนเราตกใจเลยค่ะ


แต่ละแบรนด์แข่งกันตกแต่งตึกของตนเอง Smiley




มาถนนนานจิงโดยรถไฟฟ้าค่ะ ถ้าจะลงแถว EastNanjing ก็ขึ้นสาย 8 หรือสาย 2 ลงสถานี East Nanjing Road แต่ถ้าจะลงแถว West Nanjing ก็ลงสถานี WestNanjing Road หรือ Jing’an temple

Xintiandi

เดี๋ยวจะโดนหาว่ามาไม่ถึงเซียงไฮ้ถ้าไม่ได้มาย่านนี้ Xintiandi เป็นแหล่ง hangout สุดหรูของเซียงไฮ้ ร้านอาหารนานาชาติผับ บาร์ ร้านแบรนด์เนมต่างๆ ครึกครื่นทั้งในวันธรรมดาและวันเสาร์ อาทิตย์ มาย่านนี้จะเห็นแต่คนต่างชาติที่มาทำงานที่นี่ซะเป็นส่วนใหญ่ค่ะ




เดิมบ้านที่อยู่ในย่านนี้จะมีรั้วเป็นกำแพงหินค่ะ ต่อมาทางรัฐบาลได้มีการบูรณะและปรับปรุงใหม่ให้เป็นร้านค้า เพื่อเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ของเซียงไฮ้อย่างที่เห็นในตอนนี้

>> สามารถนั่งรถไฟฟ้าสาย 10 ลงสถานี Xintiandi ทางออก 6 แล้วเดินต่ออีกนิดหน่อยค่ะ >>


เป็นการจบทริปเซียงไฮ้ครั้งแรกของ Jellyjourney ถ้าหากเพื่อนๆมีแพลนจะไปเที่ยวเซียงไฮ้ ลองศึกษาข้อมูลทั่วไปด้านล่างนี้เพิ่มเติมดูนะคะหวังว่าจะเป็นประโยชน์ค่ะ

การเตรียมตัวไปเซี้ยงไฮ้

วีซ่า - ทำวีซ่าท่องเที่ยวเข้าประเทศจีนตามปรกติค่ะ ถ้าเข้าแบบ single entry ค่าธรรมเนียมวีซ่า 1,000 บาทและถ้าใครสนใจจะเดินทางไปเมืองจีนอีกหลายรอบก็ลองดูแบบอื่นไปด้วยได้ตามลิงค์สถานฑูต นี้ ค่ะ  ใช้เวลาทำวีซ่า 4 วันทำการหรือถ้าอยากได้เร็วกว่านั้นก็จ่ายเงินเพิ่มเอาค่ะ สามารถมอบอำนาจให้คนอื่นไปยื่นและไปรับได้ เอกสารในการขอวีซ่าง่ายมากๆ แค่ใช้พาสปอร์ตที่มีอายุเหลือเกิน 6 เดือนรูปถ่ายขนาด 2 นิ้ว 1 รูปและใบจองโรงแรม ย้ำ ใบจองก็พอนะคะไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินค่าโรงแรม เราก็เลยจัดการจองโรงแรมแบบ free cancellation ขอวีซ่าเสร็จจะได้ทำการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ

ตั๋วเครื่องบิน

ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมงกว่าๆก็ถึงเซียงไฮ้ค่ะ เวลาที่เซียงไฮ้จะเร็วกว่าไทย  1 ชั่วโมง ทริปนี้เราใช้บริการของสายการบินไทย TG 664 ออกจากกรุงเทพ 11.00 ถึงเซียงไฮ้ 16.15 ส่วนขากลับ TG665 ออกจากเซียงไฮ้ 17.25 ถึงกรุงเทพ 21.00  สนามบินที่เซียงไฮ้มี 2 ที่คือ Pudong Airport และ Hongqiao Airport โดยอันหลังนี้จะไม่ค่อยมีไฟลท์จากไทยไปลงค่ะ ส่วนมากจึงนิยมไปลง Pudong แล้วนั่งรถไฟเข้าเมืองกัน Pudong Airport ใช้ตัวย่อว่า PVG นะคะ

การเดินทางจากสนามบินมาตัวเมือง

มี 2 วิธีหลักๆ ขอเรียกว่าแบบด่วนและแบบหวานเย็นแล้วกัน

- แบบด่วนคือ นั่งรถไฟหัวกระสุน Maglev จากแอร์พอร์ตมายังสถานีรถไฟ Longyang Road Station ในตัวเมือง ค่าบริการ 50 หยวนต่อเที่ยวหรือจะซื้อแบบไปกลับเลยทีเดียว 80 หยวน ใช้เวลาเดินทางจากแอร์พอร์ตมาที่ Longyang road ประมาณ 45 นาทีค่ะ

- แบบหวานเย็นคือนั่งรถไฟฟ้าสาย 2 ยาวๆๆๆมาเลยค่ะ ใช้เวลาประมาณ 1.20 ชั่วโมง

แอร์พอร์ตที่นี่ค่อนข้างสะดวกค่ะ จาก terminal พอรับกระเป๋าแล้วก็มีทางเดินยาวๆมาขึ้นรถไฟได้เลย โดย Maglev และ รถไฟฟ้า จะอยู่ฝั่งตรงข้ามกัน

Maglev มีข้อดีคือประหยัดเวลา แต่ข้อเสียคือ อย่างไรก็ตามต้องมาต่อรถไฟฟ้าอยู่ดี ดังนั้นถ้าเกิดที่พักเราอยู่บนสาย 2 อยู่แล้ว แนะนำว่านั่งรถไฟฟ้าตั้งแต่แรกจากแอร์พอร์ตยิงยาวมากเลยน่าจะดีกว่าค่ะ และเพื่อความสะดวกสบายหากจะใช้บริการรถไฟฟ้า ขอแนะนำให้เพื่อนๆซื้อบัตร Smart card ค่ะ แล้วชีวิตจะดีขึ้นทันตา เพราะบัตรนี้สามารถขึ้นได้ทั้งรถไฟฟ้า รถเมล์ รถแทกซี่ เป็นบัตรแข็งใช้เติมเงิน เวลาจ่ายค่าเดินทางก็แค่เอาบัตรไปติ๊ดเพื่อตัดเงิน สามารถซื้อได้ที่สถานีรถไฟฟ้าค่ะ บัตรมีค่ามัดจำบัตร 20 หยวน แต่ไม่ต้องกลัวว่าจะเสียค่ามัดจำไปนะคะ เพราะวันสุดท้ายที่เราไปสนามบิน เราสามารถไปขอ refund ค่ามัดจำและค่าเดินทางที่เหลือได้ค่ะ เร็วด้วยนะ..สามารถซื้อบัตรได้ที่สถานีรถไฟฟ้าในแอร์พอร์ตเลย

ขากลับ มาเอาเงินมัดจำคืนที่เคาเตอร์นี้เลย


การเดินทางในเซียงไฮ้

สามารถใช้บริการรถไฟฟ้าหรือใช้บริการแทกซี่ก็สะดวกสบาย รถไฟฟ้าที่เซียงไฮ้มีทั้งหมด 11 สายด้วยกัน ค่าเดินทางจะคิดตามระยะทาง เริ่มต้นที่ 3 หยวนถ้าหากซื้อ Smart card เรียบร้อยแล้ว ก็แค่แตะบัตรที่เครื่อง เดินทางได้สะดวกสบายสุดๆไปเลย เรามาดูเส้นทางรถไฟฟ้าของเซียงไฮ้กัน


การใช้แทกซี่ก็เป็นอีกวิธีที่เป็นที่นิยมค่ะ เพราะราคาไม่ได้แพงเวอร์ มิเตอร์เริ่มที่ 13 หยวน สำหรับ 3 กิโลเมตรแรก เพียงแต่ต้องพอพูดภาษาจีนได้บ้างเพื่อบอกสถานที่ที่จะไปกับคนขับ แต่ถ้าไปแหล่งท่องเที่ยวหลักๆก็คงไม่มีปัญหา แทกซี่ที่เซียงไฮ้ก็ใช้วิธีโบกเหมือนเมืองไทยเลยค่ะ ว่างก็ขึ้นไปเลย เวลาจ่ายเงินจะใช้เงินสด หรือถ้าใครมี smart card ก็ติ๊ดเพื่อตัดเงินได้เลย


Shanghai Trip Part 1 here
Shanghai Trip Part 2 here




Create Date : 16 สิงหาคม 2558
Last Update : 16 สิงหาคม 2558 16:50:05 น.
Counter : 35152 Pageviews.

6 comments
  

มาเยี่ยมชท มาทักทายครับ

มาตามเที่ยวตามชม ทั้งภาพและรายละเอียดเยอะมาก เหมาะสำหรับเป็นไกด์บุ๊คส์สำหรับนักท่องเที่ยวเลยครับ

ว่าแล้วก็ต้องโหวตให้ครับ

บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ




บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
jellyjourney Travel Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น

อิอิ

โดย: อาคุงกล่อง วันที่: 20 สิงหาคม 2558 เวลา:22:03:28 น.
  
thx u crab
โดย: Kavanich96 วันที่: 21 สิงหาคม 2558 เวลา:2:50:33 น.
  
รีวิวได้น่ารักมากๆคะ รูปก็สวย กำลังจะไปขอตามนะค่ะ
โดย: ม่ะม้าเจี๊ยบ IP: 1.20.73.37 วันที่: 6 พฤศจิกายน 2559 เวลา:20:37:52 น.
  
รีวิวได้น่ารักมากๆคะ รูปก็สวย กำลังจะไปขอตามนะค่ะ
โดย: ม่ะม้าเจี๊ยบ IP: 1.20.73.37 วันที่: 6 พฤศจิกายน 2559 เวลา:20:41:38 น.
  
รีวิวดีมากค่า แอบตามอ่านตั้งแต่รีวิวอิตาลี~
โดย: Missxbar IP: 182.232.39.41 วันที่: 3 สิงหาคม 2561 เวลา:21:25:42 น.
  
ขอบคุณมากค่าที่ติดตาม
โดย: jellyjourney วันที่: 13 กันยายน 2561 เวลา:22:32:52 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jellyjourney
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 58 คน [?]



สวัสดีค่ะ ชื่อ เยลลี่ นะคะ blog นี้สร้างขึ้นเพื่อเอาไว้แบ่งปันข้อมูลและประสบการณ์ในการไปเที่ยวของเรากับเพื่อนๆทุกคน เข้ามาเยี่ยมชม มาคุยกัน หรือมีอะไรติชมแนะนำกันได้นะคะ

Facebook page: Jellyjourney

follow my Instragram @JELLYJOURNEY for extraordinary pics in my ordinary life
+++ Please stay tuned for "Norway" trip +++