พฤษภาคม 2557

 
 
 
 
1
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
18 พฤษภาคม 2557
All Blog
UK [Review] London (part 3/3)
Part สุดท้ายแล้วค่ะ เพื่อนๆ แต่รับรองว่าเด็ดไม่แพ้ part ก่อนๆเลยน้าคราวนี้เราจะพาไปเที่ยวอีกมุมนึงของลอนดอนที่อาจจะไม่เคยอยู่ในลิสต์ที่วางไว้กันเท่าไหร่นั่นก็คือ ดูไดโนเสาร์ย้อนวัยเด็ก ย่าน South Kensington จิบน้ำชายามบ่ายณ ร้านชาระดับราชวงศ์อังกฤษ และเหยียบเส้นแบ่งโลก ณ Greenwich ค่ะ

บางคนมาลอนดอนก็หลายครั้งแต่ก็ไม่ยักเคยจะมาแถวนี้ เยลลี่หวังว่าแพลนนี้คงนำเสนอที่เที่ยวใหม่ๆในลอนดอนให้เพื่อนๆลองไปเที่ยวชมกันนะคะ


PLAN 5Smiley

เริ่มเช้าวันนี้กับพิพิธภัณฑ์ที่ดังที่สุดในเกาะอังกฤษค่ะ

BRITISH MUSEUM

ไม่น่าเชื่อเลยว่า British Museum เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในโลกค่ะในแต่ละปีมีผู้คนมาเยือนพิพิธภัณฑ์นี้หลายล้านคนภายในอาคารมีงานศิลปะและวัตถุโบราณที่ประเมินค่าไม่ได้นับไม่ถ้วน การจัดแสดงโชว์ผลงานของที่นี่จะแบ่งตามยุคเช่น อิยิปต์โบราณ  กรีก เป็นห้องๆไป สามารถถ่ายรูปได้ด้วยนะคะเรียกได้ว่าไม่หวงกัน ใครๆที่มาที่นี่ก็คงแอบไปดูมัมมี่ของจริงกัน และยังมีอีกหนึ่งโบราณวัตถุที่คนมุงดูตลอดนั่นคือ ก้อนหินโรเซ็ตตา เป็นแผ่นหินแกรนิตจารึก 3 อักษรสำคัญ ได้แก่อักษรเดโมติกของกรีกโบราณ อักษรกรีก และอักษรภาพของอียิปต์โบราณ (ไฮโรกลิฟิก)ซึ่งทั้ง 3 ตัวอักษรนี้เขียนข้อความเดียวกันทำให้ก้อนหินนี่เองเป็นหลักฐานให้มนุษย์สามารถอ่านอักษรภาพของอียิปต์ได้

ถ่ายกับด้านหน้าของ British Museum ค่ะ


การเดินทางก็นั่ง Tube มาลงสถานี Russell Squareเดินอีกประมาณ 5 นาทีก็ถึงค่ะ

ตึกสวยๆระหว่างทาง


Great Court


Rosetta Stone


การมาเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ที่อังกฤษก็เช่นเคยค่ะ ไม่มีค่าเข้าชม BritishMuseum เปิดทุกวัน ตั้งแต่ 10.00-17.30 นะจ๊ะ

AFTERNOON TEA AT FORTNUM & MASON

มาเที่ยวอังกฤษทั้งทีผู้ที่ชื่นชอบดื่มชาทั้งหลายคงพลาดการจิบชายามบ่ายไม่ได้ใช่มั๊ยค่ะที่ลอนดอนมีห้องจิบชามากมาย เริ่มตั้งแต่ร้านชาธรรมดา ร้านชาตามโรงแรมร้านชาที่พิพิธภัณฑ์ก็ยังมีเลย ราคาก็ถูกแพงตามสถานที่และความมีชื่อเสียงค่ะสถานที่จิบชาดังๆในอังกฤษส่วนมากมักจะอยู่ตามโรงแรมและอยู่ในลอนดอนซะด้วยซิ..

เราไม่สามารถเดินดุ่มๆเข้าไปจิบชาได้ตามใจชอบนะคะ เราจะต้อง “เล็ง จอง รอโชว์” นั่นก็คือ

1. เล็งก่อนค่ะว่าจิบชาที่ร้านไหน วันไหน กี่โมง กี่คน อ่านรีวิวตัดสินใจได้แล้วก็..

2. จอง โดยการเข้าเวบไซด์ของร้านนั้น ฝากเบอร์ ฝากอีเมล์เอาไว้ที่อังกฤษนี่เค้ามีเวบไซด์ส่วนกลางด้วยนะคะ ที่นี่ เอาไว้เชคที่ว่างและจองร้านชาได้แทบทุกร้านในอังกฤษ

3. รอ รอแล้วก็รอเค้าคอนเฟิร์มค่ะ ..พอถึงวันนัดก็ไป..

4. โชว์ตัวที่ร้านก่อนเวลาอย่างน้อย 10 นาที ไปให้เค้าเห็นว่าเรามาแล้วมิเช่นนั้น คิวหลุด อดจิบชานะจ๊ะ

ปัจจัยในการเลือกร้านชา หลักๆได้แก่

1. รสชาติ ของทั้งชา ของหวาน และของคาว Afternoon tea set จะประกอบด้วยชา, ขนม เช่น สโคน เค้ก และยังมีแซนด์วิช ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับ setที่เราเลือกด้วยนะคะว่าจะอลังการขนาดไหน

2. บรรยากาศของร้าน เนื่องจากเราจิบชากันนานค่ะ ชั่วโมง สองชั่วโมงความสุนทรีอย่างหนึ่งก็มาจากความสวยงามของสถานที่นี่แหละ

3. ความนิยมชมชอบ บางร้านก็จองยากซะเหลือเกินบางร้านต้องจองเป็นเดือนเลยนะ ดังนั้นถ้าเราไม่จองล่วงหน้านานๆก็อาจจะต้องลองพิจารณาร้านอื่นๆรองลงมาแทนค่ะ

4. ราคา ต้องยอมรับเลยนะว่าร้านดังๆมันแพง แพงมากกกก TT แต่ไม่ลองก็ไม่รู้เนอะ บางคนจ่ายแพงแต่ผิดหวังมาก็มีค่ะ ลองดูรีวิวร้านดีๆ อย่างน้อยชาอร่อยหรือ บรรยากาศดี ก็ทำให้คุ้มเงินขึ้นมานิดนึงแล้วแหละ

เกริ่นมานาน มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า ร้านชา (ร้านเดียว)ที่ได้ลองตอนอยู่ที่นู้นคือ Fortnum & Mason ค่ะจุดเด่นของที่นี่จะมาจากความเก่าแก่ ความสนิทสนมของร้านและราชวงศ์อังกฤษเรียกได้ว่า represent traditional English ได้ดีมากค่ะร้านนี้ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี ค.. 1707 ปัจจุบันตั้งอยู่ใจกลางลอนดอน นั่ง Tube มาลงสถานี Greenpark เดินแปปเดียวก็ถึงร้านค่ะ จริงๆจะเรียกว่าร้านก็ไม่ถูกซะทีเดียวนะเพราะมันใหญ่กว่านั้นมาก ต้องเรียกว่าเป็นห้างน่าจะเหมาะกว่า ห้างที่นี่มีหลายชั้นค่ะขายอาหารสด ขายขนม ของฝาก ขายกระเช้า (ร้านนี้ขึ้นชื่อมากเรื่องการจัดกระเช้า)และก็ชั้นบนซึ่งเป็นที่ตั้งของ The Diamond Jubilee Tea Salon แค่ชื่อก็เวอร์ละ

เราใช้เวลาจองประมาณ 3 อาทิตย์ค่ะ ได้รอบเวลา บ่าย 2 โมง ของวันเสาร์วันนั้นไปจิบชากับเพื่อน 2 คน ค่ะ การแต่งกายก็ต้องดูดี smart นะจ๊ะผู้หญิงใส่กระโปรงก็จะดีค่ะ รองเท้าหุ้มส้น ไปถึงร้านก็มีพนักงานพาไปนั่งที่โต๊ะเรียบร้อยเค้าก็แนะนำเมนูให้ฟังค่ะ โอ้ว มันมีให้เลือกเยอะมว๊าก Afternoon tea set ก็มีให้เลือกตั้ง3 แบบ เราก็เลือกแบบธรรมดาสุดค่ะ ประกอบด้วย ชา สโคน เค้ก และแซนด์วิชค่ะ (อีก 2 setที่เหลือมันจะมีอาหารคาวด้วยเราทานมาแล้วก็เลยไม่เอาจ้า)

ชา มีให้เลือกมากมายทั้งชาดำ ชาขาว ชาเขียว ชาแดง ชาผลไม้ ชายอดนิยมและจุดเด่นของที่นี่ก็คือ ชารสพิเศษที่คิดค้นขึ้นมาเฉพาะกิจ เช่น ชา RoyalBlend คิดค้นมาเพื่อเสริ์ฟ King Edward VII ตั้งแต่ปี1902..เริ่มแรกเราก็สั่งชาที่เราชอบค่ะ เค้าจะเอามาให้เป็นกา คนละกาไปเลย..ส่วนขนมเลือกไม่ได้ค่ะเค้าจัดเซตมาให้

จิบชาไปเรื่อยๆ ทานขนมไปเรื่อยๆ ไม่ต้องรีบค่ะ ชาเติมได้ตลอดเปลี่ยนรสชาติชาก็ได้ค่ะ เค้าจะเอากาใหม่มาให้ ส่วนขนมก็เติมได้เหมือนกันนะสำหรับคนที่ยังไม่อิ่ม ที่นี่พนักงานบริการดีมากเลยค่ะคอยดูตลอดว่าเราต้องการอะไรเพิ่มรึปล่าว ตอนนั้นที่ไปเค้าคงเห็นว่าทานกันน้อยไม่เติมขนมเลย พนักงานเลยจัดเค้กกลับบ้านมาให้คนละชิ้นค่ะแถมมีชากล่องเล็กไปให้ลองอีกนะ

นี่เลยค่า afternoon tea set ของที่นี่




บรรยากาศสวยๆ


รสชาติชา : เราลอง Royal Blend Tea และ ชาผลไม้ peach tea ค่ะรสชาติชาที่นี่เข้มข้นพอสมควรเลยนะคะ ชาสีเข้มไม่ใสจนเกินไป เสียแต่กลิ่นอาจจะไม่หอมฟุ้งเท่าไหร่

รสชาติขนมและแซนด์วิช : ไม่ได้อร่อยมากมายค่ะ กลางๆ สโคนจืดไปนิดนึง

บรรยากาศ : เลิศมาก บอกได้คำเดียว ห้องชาตกแต่งโทนฟ้าขาว ดูผู้ดีมีโต๊ะเล็กจำนวนหนึ่งแล้วก็โต๊ะกลมใหญ่สำหรับคนมาเป็นครอบครัวมีเสียงเปียโนเล่นสดอยู๋ไกลๆพอได้ยินค่ะ จะบอกว่าตอนนั้นที่ไปโต๊ะถัดไป 2 โต๊ะมาขอแต่งงานกันที่นี่ค่ะ น่ารักมาก (จิกหมอนอยู่ห่างๆ)

โดยรวมแล้วให้คะแนนประมาณ 8/10 นะ

ข้อดีของการมาที่นี่อีกอย่างก็คือ การลงไปชอปปิ้งของฝากชั้นล่างค่ะเราจะเจอขนมมากมาย อีกทั้งชาในสารพัดแพจเกจ เลือกไปเป็นของฝากได้ รับรองเก๋ไม่ซ้ำใครแน่นอน ตอนนั้นไปเจอกล่องโลหะทรงกระบอกใส่คุ้กกี้ค่ะ ดูผ่านๆก็ไม่เห็นจะมีอะไรแต่พอยกก้นกระบอกขึ้นมาดู ว้าว!! มันเป็น Music Box ค่ะไขลานแล้วจะมีเสียงเพลงออกมา ร้านทำขึ้นในวาระโอกาสเฉลิมฉลองพระราชินีอลิซาเบทที่2 ครองราชย์ครบ 60 ปี ในปี 2013 ค่ะ.. มันเก๋มาก หอบกลับมาเมืองไทยหลายกระบอกเลย

ราคา Afternoon tea set คนละ 40 ปอนด์ค่ะ บวกค่าน้ำเปล่า 4ปอนด์ servicecharge เข้าไปอีก 12.5% รวมมื้อนั้นก็ ตกคนละประมาณ 47 ปอนด์ค่ะ..แต่อย่าให้เราเอาไปรวมกับค่าของฝากที่ลงมาซื้อชั้นล่างนะอันนั้นเสียไปอีกเยอะเลย :P 

In front of the Shop


NATURAL HISTORY MUSEUM

เป็นพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับธรรมชาติค่ะ จัดแสดงโครงกระดูกของสัตว์โบราณอย่างไดโนเสาร์ ปลาวาฬ แมลงจากทุกภูมิภาคของโลกที่นี่เป็นที่นิยมของทั้งเด็กและผู้ใหญ่ค่ะ ตัวพิพิธภัณฑ์ใหญ่มากๆ ห้องที่นิยมมากสุดก็คงจะเป็นไดโนเสาร์นี่แหละเค้าจัดแสดงโครงกระดูกไดโนเสาร์เยอะจริงๆ มีหลายพันธุ์มากและก็มีการจัดนิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับไดโนเสาร์อีกด้วย..ขาเข้าออกอย่าลืมชื่นชมความงามของอาคารพิพิธภัณฑ์ด้วยนะคะสวยตั้งแต่ด้านนอกตึกกันเลย

เข้ามาโถงกลางปุ๊ป พบเจ้าไดโนเสาร์กินพืชตัวใหญ่ยักษ์นี่เลย


ข้างนอกก็สวยค่ะ


ที่นี่เปิดทุกวัน 10.00-17.50 ฟรีค่ะ เชิญชวนให้เข้ามาดูกันน้า

VICTORIA AND ALBERT MUSEUM

ถัดมาใกล้ๆจะมีอีกหนึ่งพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงสมบัติและของสะสมของพระราชานีอลิซาเบทและเจ้าชายอัลเบิร์ตพระสวามี ของที่แสดงที่นี่จะเป็นแนวของสวยๆงามๆค่ะ ทั้งเครื่องประดับ เฟอร์นิเจอร์ชุดแต่งกาย งานแก้ว งานแกะสลัก และอื่นๆอีกมากมาย..นอกจากส่วนแสดงภายในที่สวยแล้วด้านหลังของตึกยังมีสระน้ำและสนามหญ้าขนาดใหญ่เอาไว้ให้พักผ่อนหย่อนใจเวลาเดินเหนื่อยๆด้วยนอกจากนั้นที่นี่ยังมีห้องจิบชาห้องหนึ่งที่ได้ชื่อว่า ชาโอเค ราคาไม่แพงบรรยากาศดี ด้วยแหละ

ด้านในพิพิธภัณฑ์ค่ะ


โคมระย้าที่ดังมากของที่นี่ค่ะ ทำจากแก้วเป่า


ด้านหลังของตึก


นี่เลยค่ะ ห้องจิบชาที่บอก


เปิดทุกวัน 10.00-17.45 ฟรีค่ะ

เดินออกจาก Victoria and Albert Museum มานิดนึงก็จะถึง Royal Albert Hall เป็นโรงละครที่เอาไว้จัดงานหลากหลายทั้ง ละคร คอนเสิร์ต กีฬาแสดงนิทรรศการต่างๆ


จบ Museum Day และ Afternoon tea วันนี้ไปแบบฟินๆค่ะ


PLAN 6Smiley

One day trip plan นี้ ขอบอกว่าต้องลองค่ะ ย่าน Greenwich และ Docklandsเป็นย่านที่เงียบสงบ ริมแม่น้ำเทมส์ ไม่วุ่นวายเหมือนอยู่ในเมืองค่ะการเดินทางเราจะใช้รถไฟฟ้า DLR (Docklands Light Railway)ซึ่งเชื่อมกับ Tube ที่สถานี Bank และ Tower Hill ค่ะเราสามารถใช้เวลา 1 วันเต็มๆเที่ยวในย่านนี้ได้สบายเลยค่ะ เริ่มจาก นั่ง DLRมาลงสถานีCutty Sark..Area ในส่วนนี้จะอยู่ภายใต้ Royal Museum Greenwich ค่ะประกอบไปด้วยสถานที่สำคัญ 4 แห่งด้วยกัน คือ National Maritime Museum,Royal Observatory, The Queen’s House, และ Cutty Sark

CUTTY SARK

เป็นเรือใบลำสุดท้ายที่ชนใบชาจากซีกโลกตะวันออกมายังลอนดอนถูกปลดระวางนำมาทำเป็นพิพิธภัณฑ์เมื่อปี 1938 ค่ะดูจากภายนอกก็ใหญ่โตโดดเด่นมากค่ะ หากใครจะเข้าไปดูภายในต้องเสียค่าเข้าชม 5ปอนด์นะจ๊ะ


OLD ROYAL NAVAL COLLEGE

วิทยาลัยราชนาวีแห่งนี้ เดิมเคยเป็นโรงพยาบาลทหารเรือมาก่อนแต่ปัจจุบันได้เปลี่ยนเป็นโรงเรียนอบรมทหารเรือแล้ว ภายในบริเวณมีที่ท่องเที่ยว 2แห่งที่ไม่น่าพลาด คือ The Painted Hall มีคนเรียกว่าเป็น The finest dining hallin Europe เลยนะ เข้าไปแล้วสวยจริงๆ ทุกส่วนของห้องเป็นการวาดภาพลงบนผนังและเพดานทั้งหมดแม้แต่ส่วนด้านข้างที่เว้นเข้าไปเป็นหน้าต่างบานยาว มองดีๆแล้วลายกรอบหน้าต่างและท้องฟ้านั้นกลับเป็นอีกหนึ่งภาพวาดที่วาดหลอกตาไว้ค่ะเห็นแล้วอึ้งมากๆ

อีกหนึ่งส่วนก็คือ The Chapel เป็นโบสถ์สไตล์นีโอคลาสสิก ภายในสวยมาก วันนั้นไปมีคนจัดงานแต่งงานพอดีเลยไม่ได้ถ่ายรูปมาค่ะ

The Painted Hall


Area บริเวณนี้ คุ้นๆมั๊ยจ๊ะ เป็น scene สำคัญในเรื่องThor 2 ไง


2 แห่งที่ว่างมานี้ เข้าฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายจ้า

NATIONAL MARITIME MUSEUM

เป็นพิพิธภัณฑ์ที่เกี่ยวกับการเดินเรือค่ะ ภายในมีเรือโบราณที่สำคัญจัดแสดงอยู่เครื่องมือในการเดินเรือ และประวัติการเดินเรือตั้งแต่ยุคโบราณค่ะ ที่นี่เข้าชมฟรีเปิดทุกวัน 10.00-17.00 ค่ะ

ภายใน


น่ารักเนอะ โหลใส่เรือที่ไม่จิ๋ว แต่ใหญ่มาก


ROYAL OBSERVATORY & GREENWICH MEAN TIME

เดินตัด Greenwich park มาเรื่อยก็จะถึง Royal Observatory หรือหอดูดาวกรีนิชหอดูดาวแห่งนี้สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1675อย่างที่ทราบว่าประเทศอังกฤษเป็นเจ้าอาณานิคมและยังเป็นประเทศที่ทำการค้าขายทางทะเลมาตั้งแต่สมัยก่อนนักดาราศาสตร์ในสมัยก่อนก็ใช้หอดูดาวแห่งนี้ศึกษาท้องฟ้าเพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินเรือบริเวณหอดูดาวแห่งนี้ยังตั้งอยู่บนเส้นแบ่งเวลาของโลกหรือเส้นลองจิจูดที่ 0 องศา(แอบสาระนิดนึง เพื่อนๆคงพอจำกันได้ถึงเส้นละติจูดและเส้นลองจิจูดใช่มั๊ยคะเส้นละติจูดเป็นเส้นที่ผ่าโลกตามแนวนอน แน่นอนว่าแต่ละเส้นมีความยาวก็ไม่เหมือนกันตรงที่ผ่ากลางโลกที่สุดก็จะมีเส้นยาวที่สุดหรือที่เราเรียกว่าเส้นศูนย์สูตรนั่นเองพอรู้ปุ๊ปเราก็จะบอกได้ว่าเราอยู่เหนือหรือเราอยู่ใต้เส้นนี้ไม่มีปัญหาเท่าไหร่เพราะมันมีอยู่เส้นเดียว แต่ไอ้เจ้าเส้นลองจิจูดนี่สิลากเป็นเส้นตรงจากเหนือสุดมาใต้สุด มันก็ยาวเท่าๆกันทุกเส้นเลย ทุกเส้นเหมือนกันหมดแล้วเส้นไหนคือตรงกลางละเนี่ย!! นักดาราศาสตร์เค้าก็ใช้เวลาถกเถียงกันนานหลายสิบปีเพื่อที่จะแย่งกันให้ประเทศตนเป็นที่ตั้งของเส้นลองจิจูดที่ 0 องศา ซึ่งในสุดอังกฤษชนะค่า อันเป็นที่มาของเวลา GMT หรือ Greenwich Mean Time ด้วยอันเป็นเวลาสากลที่ใช้บอกว่าประเทศเราต่างจากเวลา GMT เท่าไหร่ เช่นประเทศไทยมีเวลา GMT+7 ซึ่งคือเร็วกว่าเวลา GMT 7 ชั่วโมงจ้า)…และเส้นนี่ก็ลากผ่านหอดูดาวกรีนิชนี่เลย! (จริงๆเส้นมันก็ยาวลากผ่านหลายประเทศที่อยู่ในแนวเส้นตรงเดียวกันค่ะเพียงแต่เค้าคงไม่ได้เขียนบอกไว้ เราก็เลยไม่รู้)Smiley

ที่ Royal Observatory มีจัดนิทรรศการถึงที่มาของเส้นนี้นะคะละเอียดเชียว และพอก้าวออกมาจากอาคารเราก็จะเห็นพื้นที่ที่จัดไว้ให้นักท่องเที่ยวได้“เหยียบ” คร่อมเส้นนี้ เพื่อโชว์ความเก๋ว่าเราได้ยืนอยู่บนซีกโลกตะวันตกและตะวันออกพร้อมๆกัน…ค่าชมนิทรรศการฟรีนะคะ แต่ค่าเข้าไปเหยียบเส้น 7 ปอนด์จ้า ควักเงินให้เจ้าหน้าที่แบบน้ำตาปริบๆSmiley


QUEEN’S HOUSE

ระหว่างขากลับมาขึ้น DLR เราก็แวะอีกหนึ่งอาคารโบราณทรงนีโอคลาสสิคภายในแสดงผลงานศิลปะค่ะ แต่ก่อนเคยเป็นที่ประทับของราชวงศ์อังกฤษจุดเด่นของที่นี่คือ บันไดวน ซึ่งถือเป็นบันไดวนที่สวยมากๆค่ะ


ขากลับเราก็นั่ง DLR มาลงสถานี Canary Wharf เพื่อต่อTube กลับค่ะ ย่านนี้เค้าเรียกกันว่า Docklands ย่านนี้ได้รับการปรับปรุงจากมาจากโกดังจนปัจจุบันกลายเป็นย่านธุรกิจมีตึกสูงเต็มไปหมดเลย


คงต้องบอกลา Blog London กันเพียงเท่านี้นะคะ..เป็นไงบ้างคะทุกคนติดตามอ่านกันทุก Part รึปล่าวเอ่ย ถ้าใครจะไปเที่ยวมีคำถามอะไรคอมเมนต์ไว้ได้นะคะ ตอบให้แน่นอนหรือมีคำติชมก็ยินดีค่า


ติดตาม Blog London Part 1/3 ที่นี่ 
ติดตาม Blog London Part 2/3 ที่นี่

all UK blogs  Smiley

1. เรื่องน่ารู้ก่อนเที่ยวอังกฤษ (Thingsyou need to know before going to the UK) here

2. Warwick & Stratford upon Avon (ตามรอยShakespeare) here

3. Oxford here

4. Liverpool here

5. London part 1 part 2 part 3

6. Cardiff here

7. Bourton-on-the-Water here

8. Edinburgh here


Thank you so much kha Smiley



Create Date : 18 พฤษภาคม 2557
Last Update : 10 ธันวาคม 2558 15:30:20 น.
Counter : 8778 Pageviews.

6 comments
  
ขอบคุณมากครับสำหรับการแนะนำท่องเที่ยว London ได้ดูแล้วเหมือนไปครบมาทุกที่โดยไม่ต้องบินไปถึงอังกฤษเลย รูปถ่ายมาก็สวยมากครับ

ผมก็จะไป London เหมือนกัน คงจะต้องเลือกแต่ละ Plan เอามามิกซ์กันบ้าง หรือไม่ก็จะไปตามรอยแพลนของคุณเยลลี่เลยนะครับ ขอถามนิดถึงครับพอสรุปคราวๆได้ไหมครับว่าทั้ง 6 แพลนเนี้ยค่าใช้จ่ายประมาณเท่าไหร่ครับ

ขอบคุณมากครับ
โดย: วุฒิพงษ์ IP: 171.6.217.51 วันที่: 6 กรกฎาคม 2557 เวลา:20:54:37 น.
  
ถ้าจะไปช่วงสิงหาคม อากาศทางโน้นจะเป็นอย่างไรบ้างครับ จะมีฝนหรือไม่ครับ
โดย: วุฒิพงษ์ IP: 171.6.217.51 วันที่: 6 กรกฎาคม 2557 เวลา:20:56:03 น.
  
ขอโทษด้วยค่ะคุณวุฒิพงษ์ที่ตอบช้า
ขอบคุณสำหรับการเยี่ยมชม blog และดูแพลนทั้ง 6 ค่ะ

เรื่องค่าใช้จ่าย ขอบอกตรงๆเลยว่าไม่ได้จดมาละเอียดขนาดนั้น..ขอสรุปเป็นแบบนี้ละกันนะคะ ค่าเข้าชมสถานที่ ประมาณ 125 ปอนด์ + ค่าโรงแรม ถ้าหาได้ถูกหน่อยก็คืนละประมาณ 50 ปอนด์ (50 X 6 คืนก็ 300 ปอนด์) + ค่าเดินทางโดย tube ใช้ oyster วันนึงไม่น่าเกิน 10 ปอนด์ (10 X 6 วัน=60 ปอนด์) + ค่าอาหารเช้ากลางวันเย็น สมมติวันละ 100 ปอนด์ (100 X 6 วัน= 600 ปอนด์) รวมทั้งหมดคร่าวๆแล้วก็ประมาณ 1,085 ปอนด์ = 54,250 บาทค่ะ ทั้งนี้ไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบิน ชอปปิ้ง และจิปาถะอื่นๆนะคะ

ส่วนช่วงสิงหาคมก็จะเป็นหน้าร้อนอยู่ค่ะ ตอนกลางวันร้อนส่วนเช้ากับกลางคืนเย็นๆค่ะ ช่วงนี้โอกาสที่ฝนตกก็จะน้อยค่ะ แต่ก็มีตกบ้างเป็นธรรมดาของเกาะอังกฤษ..แนะนำไปช่วงนี้เลยค่ะ!!

ถ้าสนใจไปเมืองอื่น one day trip ใกล้ๆลอนดอนก็ลองดู blog อื่นๆได้เลยนะคะ
โดย: jellyjourney วันที่: 19 กรกฎาคม 2557 เวลา:13:46:16 น.
  
ขอบคุณมากๆค่ะ
เขียนได้ดีมากค่ะ ให้ข้อมูลให้ความรู้ได้สุดยอด
ขออนุญาติตามรอยนะคะ
โดย: หทัยชนม์ IP: 118.172.57.31 วันที่: 6 กรกฎาคม 2558 เวลา:0:06:48 น.
  
ขอบคุณมากค่ะคุณหทัยชนม์ ^^
โดย: jellyjourney วันที่: 12 กรกฎาคม 2558 เวลา:20:12:07 น.
  
ท่านใดสนการการท่องเที่ยวใน U.K. แบบรถตู้พาเที่ยวส่วนตัว จัดทริปเองตามความต้องการ สนใจติดต่อ line ID: mitchauk2005
ขอบคุณเจ้าของ Blog ครับ
โดย: Thailandtraveluk IP: 128.199.131.136 วันที่: 5 พฤษภาคม 2560 เวลา:17:44:36 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jellyjourney
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 58 คน [?]



สวัสดีค่ะ ชื่อ เยลลี่ นะคะ blog นี้สร้างขึ้นเพื่อเอาไว้แบ่งปันข้อมูลและประสบการณ์ในการไปเที่ยวของเรากับเพื่อนๆทุกคน เข้ามาเยี่ยมชม มาคุยกัน หรือมีอะไรติชมแนะนำกันได้นะคะ

Facebook page: Jellyjourney

follow my Instragram @JELLYJOURNEY for extraordinary pics in my ordinary life
+++ Please stay tuned for "Norway" trip +++