พระอาทิตย์นั้นเจิดจ้า พระจันทร์ยังแจ่มใส ดวงดาวเก็บแสงไว้ หยิบหัวใจไว้ให้เธอ
Group Blog
 
 
มกราคม 2554
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
5 มกราคม 2554
 
All Blogs
 

ความฝันในความเป็นจริง

ความฝันในความเป็นจริง

“นี่ฉันอยู่ที่ไหนเนี่ย”นี่คือประโยคแรกที่ฉันพูดออกมาทั้งที่ไม่รู้ว่าตัวเองมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง
แต่สิ่งแรกที่ฉันสัมผัสได้จาก ณ จุดที่ฉันยืน คือทุ่งหญ้าที่เขียวขจี ต้มไม้ที่มีใบหนาปกคลุมทำให้ต้นไม้นี้กลายเป็นหลังคาธรรมชาติที่สามารถคุ้มแดดคุ้มฝนให้ได้
‘ทำไมท้องทุ่งนี้มันกว้างใหญ่นักล่ะ แล้วฉันจะออกจากที่นี่ได้ยังไง’
ความคิดของฉันตอนนี้คิดเพียงแค่ว่า จะต้องออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด
เมื่อฉันมองไปรอบๆตัวฉันมีแต่ต้นไม้ ต้นหญ้า ดอกไม้ดอกเล็กที่แซมตามต้นหญ้า แล้วก็ทุ่งหญ้าที่ดูกว้างขวางสุดลูกหูลูกตา ฉันจึงเดินไปเรื่อยๆจนไปพบบ้านหลังหนึ่งซึ่งเป็นบ้านหลังเล็กๆสีน้ำตาลมืดเกือบดำดูเรียบง่าย ล้อมรอบไปด้วยดอกไม้หลายหลายสีและกลิ่นซึ่งฉันไม่เคยเห็นมาก่อน ฉันตัดสินใจที่จะเดินเข้าไปเผื่อเขาจะช่วยเราได้ ฉันจึงหยุดอยู่ที่หน้าประตูและกำลังเตรียมท่าจะเคาะ
แต่ทันใดนั้นเอง มีเด็กหญิงรุ่นราวคราวเดียวกับฉันหน้าตาจิ้มลิ้ม เปิดประตูออกมาก่อนพร้อมกับรอยยิ้มหวานๆของเธอ
“สวัสดีจ้า ปราย”เด็กหญิงเจ้าของรอยยิ้มหวานเอ่ยถาม
“เธอรู้จักชื่อฉันได้ยังไง”ฉันถามด้วยความงุนงง
“เข้ามาก่อนสิจ้ะ” เธอเอื้อมมือมาจับข้อมือฉันและจูงมือฉันเข้าบ้านของเธอ แล้วจู่ๆประตูก็ปิดเองอย่างช้าๆ
“เอ่อ คือ....” ฉันพูดไม่ออก แต่เด็กหญิงคนหนึ่งจูงมือแล้วชักชวนให้ฉันนั่ง
“มาเหนื่อยๆ เดี๋ยวฉันเอาน้ำเย็นๆสักแก้วให้ดื่มนะ”เธอพูดขึ้นพร้อมกับยิ้มหวานอีกครั้ง เข้าไปในห้องครัว
“ค่ะ” ฉันพูดได้คำเดียว เพราะตอนนี้ฉันรู้สึกสับสนมาก ทำไมกัน ทำไมฉันมาอยู่ที่นี่ได้ ทำไมเธอคนนี้รู้จักฉันทั้งๆที่ฉันไม่เคยเห็นหน้าเธอมาก่อน
ฉันเลยลองมองไปรอบๆบ้านหลังนี้เพื่อเป็นการผ่อยคลายความรู้สึกสับสนของฉัน บ้านหลังนี้สีภายในบ้านแตกต่างจากข้างนอกโดยสิ้นเชิง สีภายนอกสีน้ำตาลมืดเกือบดำ แต่ภายในบ้านกลับกลายเป็นสีขาวสะอาดตา
ไม่ว่าจะเป็นผนัง เตาผิง โซฟาที่ฉันนั่งอยู่ ประตู และของใช้ภายในบ้านล้วนแต่เป็นสีขาวจนฉันคิดว่าเธอคนนี้คงชอบสีขาวเอามากเลยซื้อของที่มีสีขาวมาไว้ในบ้าน
“น้ำเย็นๆจ้า” เธอเดินออกมาจากห้องครัวพร้อมน้ำเย็นหนึ่งแก้ว ฉันเลยรับน้ำแก้วนั้นไว้ขึ้นดื่ม
“รู้สึกดีขึ้นไหมจ้ะปราย” เธอถามขึ้นอีกครั้ง พร้อมเอียงหน้าถาม เธอนี่น่ารักจังเลยนะ
“จ้ะ ดีขึ้นมากแล้ว เธอรู้หรือเปล่าว่าฉันจะออกไปจากที่นี่ได้ยังไง”
“ฮุๆๆไม่รู้สิจ้ะ ก็เธออยากมาเองไม่ใช่เหรอ”
“ไม่นะ ฉันไม่ได้ต้องการให้เป็นอย่างนั้นนะ”
“เธออย่าคิดมากเลยนะ ประเดี๋ยวเธอก็ต้องหาทางออกเจอเองแหละจ้ะ”
“คือฉัน”
“เดี๋ยวฉันจะช่วยเธอออกจากที่นี่เอง”
“ขอบใจนะ”
“จ้า งั้นฉันจะพาเธอไปผ่อนคลายให้หายเครียดเองนะ”
“อืมจ้า แต่รบกวนเธอเปล่าๆ”
“ไม่เป็นไรหรอก”
ฉันพูดไม่ออกจริงๆก็เลยต้องเออออห่อหมกตาม แต่นี่มันอะไรกันเนี่ยอยู่ดีๆเธอคนนี้จะพาฉันไปผ่อนคลาย ฉันอยากจะออกไปจากที่นี่นะไม่ได้อยากไปผ่อนคลายอะไรด้วย
“งั้นก็ดีแล้วล่ะ ประเดี๋ยวฉันจะพาเธอไปเที่ยว”
“เที่ยว?”
“ใช่แล้ว ฉันอยากให้เธอได้ดูสิ่งที่เธอเคยเห็น”
“สิ่งที่ฉันเคยเห็น แล้วจะให้ฉันดูทำไมอีกล่ะจ้ะ”
“ฮิๆๆ”เธอหัวเราะเบาๆยิ่งหัวเราะแล้วยิ่งน่ารัก แต่จะหัวเราะทำไม
“เธอพร้อมแล้วใช่ไหมจ้ะ”
“คะ?”
“งั้นไปกัน”
“ดะเดี๋ยว...”
ภาพด้านหน้าและรอบตัวของฉันเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วราวกับว่ามีคนพลิกหนังสืออีกหน้าหนึ่งเพื่อเปิดอ่าน
จ้อกแจ้กๆๆซุบซิบๆๆ
ฉันมองไปรอบๆตัว ก็เห็นคนมากหน้าหลายตา หลายวัยเดินไปเดินมา
และบางกลุ่มก็พูดกันเสียงดัง บางคนก็หัวเราะ บางคนก็ตีหน้านิ่ง
บางคนก็ร้องไห้ เอ๊ะ!เธอพาฉันมาที่นี่ทำไมกันล่ะ
“ที่นี่ที่ไหน เธอพาฉันมาที่นี่ทำไม?”
“ที่นี่คือตลาด”
“ตลาด!! แล้วพาฉันมาทำไม”
“ฉันจะให้เธอได้ดูว่าคนเรานะปรายไม่มีคนไหนหรอกที่อยู่คนเดียวมาตั้งแต่เกิด”
“แล้วไงอ่ะจ้ะ”
“ฉันรู้นะว่าเธอชอบคิดว่าตัวเธอเองชอบอยู่คนเดียว เพราะการอยู่คนเดียวในความคิดของเธอมันทำให้เธอมีความสุขทำอะไรโดยไม่ต้องเกรงใจใคร และไม่มีใครมาวุ่นวายกับเธอ”
“เธอรู้ได้ยังไงว่าฉันคิดแบบนี้”
“แล้วฉันจะบอกเธอนะปราย”
หลังจากนั้นเธอก็เงียบไปและฉันก็ยังสงสัยอยู่ว่าเธอคนนี้รู้ได้อย่างไรกัน
แต่เมื่อเธอคนนี้พูดถึงการอยู่คนเดียวในความคิดของฉัน มันทำให้สมองของฉันประมวลผลถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา ฉันเป็นเด็กคนหนึ่งที่มีความคิดแตกต่างจากคนอื่น ฉันคิดว่าตัวเองเรียนไม่เก่ง สมองก็จำบทเรียนไม่ค่อยได้
ภูมิต้านทานโรคไม่ค่อยดี เพื่อนๆส่วนใหญ่ไม่ค่อยชอบฉันเพราะฉันเป็นอย่างนี้และเพื่อนบางคนก็อิจฉาและพูดจาเสียดแทงให้หัวใจฉันเจ็บช้ำอยู่บ่อยครั้งเพราะอะไรกัน ฉันไม่เคยไปทำร้ายพวกเขาเลย แล้วพวกเขามาทำร้ายฉันทำไม
แล้วนี่จะไม่ให้ฉันชอบอยู่คนเดียวได้ยังไง ฉันเกลียดท่าทีเสแสร้งของผู้คน
ฉันเกลียดคำพูดที่เหมือนลูกศรคอยจะทิ่มแทงหัวใจอีกฝ่ายได้ทุกเมื่อ อยู่คนเดียวยังดีกว่าไม่ต้องรับรู้อะไรจากโลกภายนอกอยู่แต่ในโลกของเรา และยัง...
“มีความสุขกับชีวิตที่ยืนหยัดด้วยตัวเอง ใช่ไหม”
“เธอ เธอรู้ได้ยังไง”
เธอคนนั้นยิ้ม แล้วพูดอีกว่า
“การอยู่คนเดียวก็เป็นความคิดที่ดีนะปราย แต่เธอลองคิดดูนะถ้าเราอยู่คนเดียวมีแต่ความคิดเดิมๆ มีแต่ของเดิมๆแล้วถ้าเกิดอะไรขึ้นมาแล้วเราไม่สามารถคิดได้อีกว่าควรจะแก้ปัญหาอย่างไรแล้วใครจะช่วยเหลือเรา”
“แต่การอยู่ร่วมกับคนอื่นมีแต่คนดีและไม่ดี ดีไม่ดีคนพวกนั้นอาจจะคบกับเราเพื่อหวังผลและหักหลังเราตอนหมดประโยชน์แล้วนะ”
“ฉันรู้ว่าเธอคิดอย่างนั้น แต่บนโลกนี้คนดีกับคนไม่ดีมันก็มีอยู่ปะปนกันไปแต่การใช้ชีวิตมันต้องมีสิ่งที่เราต้องอยู่ร่วมกับผู้อื่นบ้าง บางครั้งคนพวกนั้นอาจจะช่วยเหลือเราเมื่อเรามีปัญหาก็ได้นะ”
เธอคนนั้นมองหน้าฉันด้วยแววตาอันอ่อนโยน และเธอก็ค่อยพูดออกมา
“เธอต้องอดทนนะปรายถึงแม้ว่าโลกนี้จะเลวร้ายแค่ไหนก็ตาม ความอดทนจะเป็นเกราะป้องกันให้เธอเอง”
“...”
“การอยู่ร่วมกับผู้อื่นเราต้องเปิดใจกว้าง ยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น
และต้องเรียนรู้ถึงนิสัยใจคอของคนเราด้วย แต่สิ่งที่ลืมไม่ได้คือความเข้มแข็งนะ และข้อดีในตัวเรานะปราย”
“เอ่อ คือ แล้วทำไมคนในตลาดนี้ถึงมีบางคนดูมีความสุข และบางคนดูทุกข์ใจมากด้วยล่ะ”
“นี่คือธรรมชาติของโลก”
“ธรรมชาติของโลก?”
“ใช่จ้า ในโลกเรามักจะมีสิ่งตรงกันข้าม มีขาวก็ต้องมีดำ มีดีก็ต้องมีชั่ว
เป็นธรรมชาติของโลกเราน่ะและรู้ไหมโลกน่ะก็เป็นผู้ให้มากกว่าเป็นผู้รับซะอีก โลกให้สิ่งที่เธอเจออยู่นี้เป็นบททดสอบความอดทนของเธอนะ เข้าใจไหมจ้ะ”
ฉันครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็เป็นความจริงที่เธอคนนี้พูดมาทั้งหมด
ฉันก็เข้าใจดีแล้วอดีตมันก็คืออดีต เราควรทำปัจจุบันให้ดีกว่าอดีตและเดินหน้ารับมันด้วยความแน่วแน่
“อืม เข้าใจแล้วล่ะ ไม่ว่าพวกเขาจะดีหรือไม่ดีก็ตาม แต่ฉันจะลองเปิดใจรับฟังความคิดเห็นของเขา และจะเอาข้อดีในตัวของฉันให้คนอื่นได้รับรู้
อีกอย่างฉันจะต้องอดทนไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม ”
“เก่งมากจ้ะ ปราย แสดงว่าเธอเข้าใจในสิ่งที่ฉันอธิบายอย่างถ่องแท้”
“ ^_^ ”ฉันยิ้มและภูมิใจที่ฉันคิดได้ และฉันจะตั้งใจไว้ว่า ฉันต้องทำให้ได้
“เธอคิดเหมือนฉันไหมล่ะว่าโลกให้แต่สิ่งดีๆกับเรา แต่พวกเรากลับให้สิ่งร้ายๆตอบแทนโลกซะงั้น โลกนี่ช่างดีกับพวกเราจริงๆ”
“ใช่แล้วเราต้องรักและตอบแทนโลกด้วยการทำสิ่งดีๆกับโลกให้มากๆ
และโลกจะไม่มีวันทำร้ายเรา”
ฉันกับเธอคนนั้นเดินไปเรื่อยๆและมองสิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบกายเราทั้งสอง
“จ้า ขอบคุณเธอมากเลยนะ”ฉันพูดออกมาจากใจจริง
“ไม่เป็นไรหรอก มันเป็นหน้าที่ของฉันอยู่แล้ว”
“หน้าที่?”
“มันคือหน้าที่ของฉันที่ฉันต้องอธิบายให้เธอรู้”
เธอคนนี้ยิ้ม พร้อมกับมีแสงสีขาวสว่างขึ้นมาทีละน้อย เธอค่อยๆเดินเข้าไปในแสงสีขาวนั้น
“ฉันต้องไปแล้วนะปราย โชคดีนะ”
“เดี๋ยวก่อนๆ อย่าเพิ่งไป ฉันยังไม่รู้จักเธอเลยว่าเธอเป็นใคร ชื่ออะไร”
เธอคนนั้นค่อยๆหันกลับมาช้า แล้วเอ่ยถ้อยคำเป็นครั้งสุดท้าย
“ฉันคือจิตใต้สำนึกของเธอไงล่ะปราย”
แล้วเธอก็หายวับไปพร้อมแสงสีขาวโดยไม่เหลือร่องรอยอะไรเลย

กริ๊งๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ!!!!!!
“ปราย!!!! ตื่นได้แล้วนี่มันหกโมงสิบห้าแล้วนะลูกทำไมยังไม่ตื่นอีกฮะ”
“ค่าๆๆรู้แล้วแม่แป๊บหนึ่ง”
“อย่าให้รู้ว่าหลับต่อนะปราย”
“ค่าๆๆๆ”
เธอคือจิตใต้สำนึกของฉันงั้นเหรอ ที่ฉันฝันนี่เธอคงจะมาเตือนสติฉันใช่ไหม? ฉันจะนำสิ่งที่เธอพูดทั้งหมดไปเป็นบทเรียนที่ควรจำในการใช้ชีวิตของฉันตลอดไป...ขอบคุณมากนะ ‘เธอคนนั้น’ ฉันจะไม่มีวันลืมเธออีกเลย...
..............................................................................................









 

Create Date : 05 มกราคม 2554
2 comments
Last Update : 5 มกราคม 2554 12:02:05 น.
Counter : 212 Pageviews.

 

ตะเอ๋....

มาแล้วๆๆ แต่เอ จขบ ไปไหนแล้วเนี่ย ไปแอบอ่านบล็อกเค้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่เอ่ย


หวัดดีนะคะ เขียนดีจัง

บางครั้งเพื่อนสนิทที่เราคุยด้วยได้อย่างสนิทใจ ก็คือตัวเราเอง

 

โดย: คล้ายดาว 25 กุมภาพันธ์ 2554 20:24:55 น.  

 

การได้รุ้จักและพูดคุยกับตัวเอง ทั้งในยามหลับและยามตื่น คือสิ่งที่วิเศษสุด ขอบคุณที่แวะเวียนมาทักทาย คุณเป็นกำลังใจกองใจของเรา

 

โดย: ผู้หญิงที่มาจากโลกสีคราม (girl from sea ) 8 มีนาคม 2554 3:01:59 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


JeeDjam
Location :
สงขลา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




h:450;height:240;background:url(" http://yamiejung14.webs.com/photos/mie3/aa31.gif");color="blue"; font-family : tahoma; font-size:20pt;}
Friends' blogs
[Add JeeDjam's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.