|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
ความฝันในความเป็นจริง
ความฝันในความเป็นจริง
นี่ฉันอยู่ที่ไหนเนี่ยนี่คือประโยคแรกที่ฉันพูดออกมาทั้งที่ไม่รู้ว่าตัวเองมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง แต่สิ่งแรกที่ฉันสัมผัสได้จาก ณ จุดที่ฉันยืน คือทุ่งหญ้าที่เขียวขจี ต้มไม้ที่มีใบหนาปกคลุมทำให้ต้นไม้นี้กลายเป็นหลังคาธรรมชาติที่สามารถคุ้มแดดคุ้มฝนให้ได้ ทำไมท้องทุ่งนี้มันกว้างใหญ่นักล่ะ แล้วฉันจะออกจากที่นี่ได้ยังไง ความคิดของฉันตอนนี้คิดเพียงแค่ว่า จะต้องออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด เมื่อฉันมองไปรอบๆตัวฉันมีแต่ต้นไม้ ต้นหญ้า ดอกไม้ดอกเล็กที่แซมตามต้นหญ้า แล้วก็ทุ่งหญ้าที่ดูกว้างขวางสุดลูกหูลูกตา ฉันจึงเดินไปเรื่อยๆจนไปพบบ้านหลังหนึ่งซึ่งเป็นบ้านหลังเล็กๆสีน้ำตาลมืดเกือบดำดูเรียบง่าย ล้อมรอบไปด้วยดอกไม้หลายหลายสีและกลิ่นซึ่งฉันไม่เคยเห็นมาก่อน ฉันตัดสินใจที่จะเดินเข้าไปเผื่อเขาจะช่วยเราได้ ฉันจึงหยุดอยู่ที่หน้าประตูและกำลังเตรียมท่าจะเคาะ แต่ทันใดนั้นเอง มีเด็กหญิงรุ่นราวคราวเดียวกับฉันหน้าตาจิ้มลิ้ม เปิดประตูออกมาก่อนพร้อมกับรอยยิ้มหวานๆของเธอ สวัสดีจ้า ปรายเด็กหญิงเจ้าของรอยยิ้มหวานเอ่ยถาม เธอรู้จักชื่อฉันได้ยังไงฉันถามด้วยความงุนงง เข้ามาก่อนสิจ้ะ เธอเอื้อมมือมาจับข้อมือฉันและจูงมือฉันเข้าบ้านของเธอ แล้วจู่ๆประตูก็ปิดเองอย่างช้าๆ เอ่อ คือ.... ฉันพูดไม่ออก แต่เด็กหญิงคนหนึ่งจูงมือแล้วชักชวนให้ฉันนั่ง มาเหนื่อยๆ เดี๋ยวฉันเอาน้ำเย็นๆสักแก้วให้ดื่มนะเธอพูดขึ้นพร้อมกับยิ้มหวานอีกครั้ง เข้าไปในห้องครัว ค่ะ ฉันพูดได้คำเดียว เพราะตอนนี้ฉันรู้สึกสับสนมาก ทำไมกัน ทำไมฉันมาอยู่ที่นี่ได้ ทำไมเธอคนนี้รู้จักฉันทั้งๆที่ฉันไม่เคยเห็นหน้าเธอมาก่อน ฉันเลยลองมองไปรอบๆบ้านหลังนี้เพื่อเป็นการผ่อยคลายความรู้สึกสับสนของฉัน บ้านหลังนี้สีภายในบ้านแตกต่างจากข้างนอกโดยสิ้นเชิง สีภายนอกสีน้ำตาลมืดเกือบดำ แต่ภายในบ้านกลับกลายเป็นสีขาวสะอาดตา ไม่ว่าจะเป็นผนัง เตาผิง โซฟาที่ฉันนั่งอยู่ ประตู และของใช้ภายในบ้านล้วนแต่เป็นสีขาวจนฉันคิดว่าเธอคนนี้คงชอบสีขาวเอามากเลยซื้อของที่มีสีขาวมาไว้ในบ้าน น้ำเย็นๆจ้า เธอเดินออกมาจากห้องครัวพร้อมน้ำเย็นหนึ่งแก้ว ฉันเลยรับน้ำแก้วนั้นไว้ขึ้นดื่ม รู้สึกดีขึ้นไหมจ้ะปราย เธอถามขึ้นอีกครั้ง พร้อมเอียงหน้าถาม เธอนี่น่ารักจังเลยนะ จ้ะ ดีขึ้นมากแล้ว เธอรู้หรือเปล่าว่าฉันจะออกไปจากที่นี่ได้ยังไง ฮุๆๆไม่รู้สิจ้ะ ก็เธออยากมาเองไม่ใช่เหรอ ไม่นะ ฉันไม่ได้ต้องการให้เป็นอย่างนั้นนะ เธออย่าคิดมากเลยนะ ประเดี๋ยวเธอก็ต้องหาทางออกเจอเองแหละจ้ะ คือฉัน เดี๋ยวฉันจะช่วยเธอออกจากที่นี่เอง ขอบใจนะ จ้า งั้นฉันจะพาเธอไปผ่อนคลายให้หายเครียดเองนะ อืมจ้า แต่รบกวนเธอเปล่าๆ ไม่เป็นไรหรอก ฉันพูดไม่ออกจริงๆก็เลยต้องเออออห่อหมกตาม แต่นี่มันอะไรกันเนี่ยอยู่ดีๆเธอคนนี้จะพาฉันไปผ่อนคลาย ฉันอยากจะออกไปจากที่นี่นะไม่ได้อยากไปผ่อนคลายอะไรด้วย งั้นก็ดีแล้วล่ะ ประเดี๋ยวฉันจะพาเธอไปเที่ยว เที่ยว? ใช่แล้ว ฉันอยากให้เธอได้ดูสิ่งที่เธอเคยเห็น สิ่งที่ฉันเคยเห็น แล้วจะให้ฉันดูทำไมอีกล่ะจ้ะ ฮิๆๆเธอหัวเราะเบาๆยิ่งหัวเราะแล้วยิ่งน่ารัก แต่จะหัวเราะทำไม เธอพร้อมแล้วใช่ไหมจ้ะ คะ? งั้นไปกัน ดะเดี๋ยว... ภาพด้านหน้าและรอบตัวของฉันเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วราวกับว่ามีคนพลิกหนังสืออีกหน้าหนึ่งเพื่อเปิดอ่าน จ้อกแจ้กๆๆซุบซิบๆๆ ฉันมองไปรอบๆตัว ก็เห็นคนมากหน้าหลายตา หลายวัยเดินไปเดินมา และบางกลุ่มก็พูดกันเสียงดัง บางคนก็หัวเราะ บางคนก็ตีหน้านิ่ง บางคนก็ร้องไห้ เอ๊ะ!เธอพาฉันมาที่นี่ทำไมกันล่ะ ที่นี่ที่ไหน เธอพาฉันมาที่นี่ทำไม? ที่นี่คือตลาด ตลาด!! แล้วพาฉันมาทำไม ฉันจะให้เธอได้ดูว่าคนเรานะปรายไม่มีคนไหนหรอกที่อยู่คนเดียวมาตั้งแต่เกิด แล้วไงอ่ะจ้ะ ฉันรู้นะว่าเธอชอบคิดว่าตัวเธอเองชอบอยู่คนเดียว เพราะการอยู่คนเดียวในความคิดของเธอมันทำให้เธอมีความสุขทำอะไรโดยไม่ต้องเกรงใจใคร และไม่มีใครมาวุ่นวายกับเธอ เธอรู้ได้ยังไงว่าฉันคิดแบบนี้ แล้วฉันจะบอกเธอนะปราย หลังจากนั้นเธอก็เงียบไปและฉันก็ยังสงสัยอยู่ว่าเธอคนนี้รู้ได้อย่างไรกัน แต่เมื่อเธอคนนี้พูดถึงการอยู่คนเดียวในความคิดของฉัน มันทำให้สมองของฉันประมวลผลถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา ฉันเป็นเด็กคนหนึ่งที่มีความคิดแตกต่างจากคนอื่น ฉันคิดว่าตัวเองเรียนไม่เก่ง สมองก็จำบทเรียนไม่ค่อยได้ ภูมิต้านทานโรคไม่ค่อยดี เพื่อนๆส่วนใหญ่ไม่ค่อยชอบฉันเพราะฉันเป็นอย่างนี้และเพื่อนบางคนก็อิจฉาและพูดจาเสียดแทงให้หัวใจฉันเจ็บช้ำอยู่บ่อยครั้งเพราะอะไรกัน ฉันไม่เคยไปทำร้ายพวกเขาเลย แล้วพวกเขามาทำร้ายฉันทำไม แล้วนี่จะไม่ให้ฉันชอบอยู่คนเดียวได้ยังไง ฉันเกลียดท่าทีเสแสร้งของผู้คน ฉันเกลียดคำพูดที่เหมือนลูกศรคอยจะทิ่มแทงหัวใจอีกฝ่ายได้ทุกเมื่อ อยู่คนเดียวยังดีกว่าไม่ต้องรับรู้อะไรจากโลกภายนอกอยู่แต่ในโลกของเรา และยัง... มีความสุขกับชีวิตที่ยืนหยัดด้วยตัวเอง ใช่ไหม เธอ เธอรู้ได้ยังไง เธอคนนั้นยิ้ม แล้วพูดอีกว่า การอยู่คนเดียวก็เป็นความคิดที่ดีนะปราย แต่เธอลองคิดดูนะถ้าเราอยู่คนเดียวมีแต่ความคิดเดิมๆ มีแต่ของเดิมๆแล้วถ้าเกิดอะไรขึ้นมาแล้วเราไม่สามารถคิดได้อีกว่าควรจะแก้ปัญหาอย่างไรแล้วใครจะช่วยเหลือเรา แต่การอยู่ร่วมกับคนอื่นมีแต่คนดีและไม่ดี ดีไม่ดีคนพวกนั้นอาจจะคบกับเราเพื่อหวังผลและหักหลังเราตอนหมดประโยชน์แล้วนะ ฉันรู้ว่าเธอคิดอย่างนั้น แต่บนโลกนี้คนดีกับคนไม่ดีมันก็มีอยู่ปะปนกันไปแต่การใช้ชีวิตมันต้องมีสิ่งที่เราต้องอยู่ร่วมกับผู้อื่นบ้าง บางครั้งคนพวกนั้นอาจจะช่วยเหลือเราเมื่อเรามีปัญหาก็ได้นะ เธอคนนั้นมองหน้าฉันด้วยแววตาอันอ่อนโยน และเธอก็ค่อยพูดออกมา เธอต้องอดทนนะปรายถึงแม้ว่าโลกนี้จะเลวร้ายแค่ไหนก็ตาม ความอดทนจะเป็นเกราะป้องกันให้เธอเอง ... การอยู่ร่วมกับผู้อื่นเราต้องเปิดใจกว้าง ยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น และต้องเรียนรู้ถึงนิสัยใจคอของคนเราด้วย แต่สิ่งที่ลืมไม่ได้คือความเข้มแข็งนะ และข้อดีในตัวเรานะปราย เอ่อ คือ แล้วทำไมคนในตลาดนี้ถึงมีบางคนดูมีความสุข และบางคนดูทุกข์ใจมากด้วยล่ะ นี่คือธรรมชาติของโลก ธรรมชาติของโลก? ใช่จ้า ในโลกเรามักจะมีสิ่งตรงกันข้าม มีขาวก็ต้องมีดำ มีดีก็ต้องมีชั่ว เป็นธรรมชาติของโลกเราน่ะและรู้ไหมโลกน่ะก็เป็นผู้ให้มากกว่าเป็นผู้รับซะอีก โลกให้สิ่งที่เธอเจออยู่นี้เป็นบททดสอบความอดทนของเธอนะ เข้าใจไหมจ้ะ ฉันครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็เป็นความจริงที่เธอคนนี้พูดมาทั้งหมด ฉันก็เข้าใจดีแล้วอดีตมันก็คืออดีต เราควรทำปัจจุบันให้ดีกว่าอดีตและเดินหน้ารับมันด้วยความแน่วแน่ อืม เข้าใจแล้วล่ะ ไม่ว่าพวกเขาจะดีหรือไม่ดีก็ตาม แต่ฉันจะลองเปิดใจรับฟังความคิดเห็นของเขา และจะเอาข้อดีในตัวของฉันให้คนอื่นได้รับรู้ อีกอย่างฉันจะต้องอดทนไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม เก่งมากจ้ะ ปราย แสดงว่าเธอเข้าใจในสิ่งที่ฉันอธิบายอย่างถ่องแท้ ^_^ ฉันยิ้มและภูมิใจที่ฉันคิดได้ และฉันจะตั้งใจไว้ว่า ฉันต้องทำให้ได้ เธอคิดเหมือนฉันไหมล่ะว่าโลกให้แต่สิ่งดีๆกับเรา แต่พวกเรากลับให้สิ่งร้ายๆตอบแทนโลกซะงั้น โลกนี่ช่างดีกับพวกเราจริงๆ ใช่แล้วเราต้องรักและตอบแทนโลกด้วยการทำสิ่งดีๆกับโลกให้มากๆ และโลกจะไม่มีวันทำร้ายเรา ฉันกับเธอคนนั้นเดินไปเรื่อยๆและมองสิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบกายเราทั้งสอง จ้า ขอบคุณเธอมากเลยนะฉันพูดออกมาจากใจจริง ไม่เป็นไรหรอก มันเป็นหน้าที่ของฉันอยู่แล้ว หน้าที่? มันคือหน้าที่ของฉันที่ฉันต้องอธิบายให้เธอรู้ เธอคนนี้ยิ้ม พร้อมกับมีแสงสีขาวสว่างขึ้นมาทีละน้อย เธอค่อยๆเดินเข้าไปในแสงสีขาวนั้น ฉันต้องไปแล้วนะปราย โชคดีนะ เดี๋ยวก่อนๆ อย่าเพิ่งไป ฉันยังไม่รู้จักเธอเลยว่าเธอเป็นใคร ชื่ออะไร เธอคนนั้นค่อยๆหันกลับมาช้า แล้วเอ่ยถ้อยคำเป็นครั้งสุดท้าย ฉันคือจิตใต้สำนึกของเธอไงล่ะปราย แล้วเธอก็หายวับไปพร้อมแสงสีขาวโดยไม่เหลือร่องรอยอะไรเลย
กริ๊งๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ!!!!!! ปราย!!!! ตื่นได้แล้วนี่มันหกโมงสิบห้าแล้วนะลูกทำไมยังไม่ตื่นอีกฮะ ค่าๆๆรู้แล้วแม่แป๊บหนึ่ง อย่าให้รู้ว่าหลับต่อนะปราย ค่าๆๆๆ เธอคือจิตใต้สำนึกของฉันงั้นเหรอ ที่ฉันฝันนี่เธอคงจะมาเตือนสติฉันใช่ไหม? ฉันจะนำสิ่งที่เธอพูดทั้งหมดไปเป็นบทเรียนที่ควรจำในการใช้ชีวิตของฉันตลอดไป...ขอบคุณมากนะ เธอคนนั้น ฉันจะไม่มีวันลืมเธออีกเลย... ..............................................................................................
Create Date : 05 มกราคม 2554 |
|
2 comments |
Last Update : 5 มกราคม 2554 12:02:05 น. |
Counter : 212 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: คล้ายดาว 25 กุมภาพันธ์ 2554 20:24:55 น. |
|
|
|
| |
โดย: ผู้หญิงที่มาจากโลกสีคราม (girl from sea ) 8 มีนาคม 2554 3:01:59 น. |
|
|
|
|
|
|
|
มาแล้วๆๆ แต่เอ จขบ ไปไหนแล้วเนี่ย ไปแอบอ่านบล็อกเค้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่เอ่ย
หวัดดีนะคะ เขียนดีจัง
บางครั้งเพื่อนสนิทที่เราคุยด้วยได้อย่างสนิทใจ ก็คือตัวเราเอง