|
|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
กลับมาเรียนต่ออีกครั้ง (ตอนที่ 4)
เกี่ยวกับการขอทุน แล้วกลับมาเรียนต่อได้ คราวนี้จะขอแยกตามประเภทของหมอที่สนใจเกี่ยวกับทุนแล้วกันนะครับ จะได้เห็นภาพของตัวเองมากขึ้น ก็จะมีหมออยู่ 3 ประเภท ด้วยกัน คือ ประเภทที่ 1 หาทุน ขอทุน แล้วได้ทุนกลับมาสมัครเรียน ประเภทที่ 2 หาทุน ขอทุน แต่ไม่ได้ทุน แล้วมาสมัครเรียน ประเภทที่ 3 ตั้งใจไม่หาทุน ไม่ขอทุน แล้วกลับมาสมัครเรียน
ทุนที่ว่านี่ไม่ใช่เงินทองนะครับ แต่เป็นเหมือนต้นสังกัดทางราชการที่ส่งมาศึกษาต่อ ถ้าเรียนจบแล้ว ก็ต้องกลับไปทำงานให้หน่วยงานต้นสังกัด การขอทุนก็จะเป็นฤดูกาลช่วงเดือนส.ค.-ต.ค. จะมีการประกาศทุนพร้อมกันทั่วประเทศ ซึ่งแน่นอนทุนแต่ละสาขาก็มีอยู่ไม่มาก ไม่เท่ากับหมอที่จะกลับมาเรียนต่อทุกๆ คน ก็จะมีคนที่ขอทุน หาทุนแล้ว แต่ก็ไม่ได้ทุน ก็จำใจต้องกลับมาสมัครเรียนทั้งๆที่ไม่มีทุน อันนี้ก็จะมี credit ที่น้อยกว่า คนที่มีทุนต้นสังกัดกลับมา (โดยหลักการแล้ว แต่ว่าในทางปฏิบัติ บางสาขาวิชาก็ไม่ได้พิจารณาจากทุนต้นสังกัดเป็นหลัก อันนี้ต้องติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมในสาขาวิชาที่สนใจ)
ก็จะกล่าวรวมกันในประเภทที่ 1 และ 2 รวมๆกัน คือทั้งคนที่ได้ทุนและไม่ได้ทุน แต่ก็สนใจติดต่อขอทุนไป เมื่อเรียนจบแพทย์เฉพาะทางแล้ว คนที่มีทุนก็ต้องกลับไปใช้ทุนในรพ.ที่ได้รับทุนต้นสังกัดมา การกลับไปใช้ทุนก็จะแล้วแต่สัญญาที่ตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้ ก็คือคิดเป็นจำนวนเท่าของจำนวนปีที่กลับมาเรียน เช่น ส่วนใหญ่จะเรียน 3 ปี บางสาขาวิชาก็ใช้ทุน 2 เท่าของระยะเวลาที่เรียน ก็คือต้องทำงานให้รพ.ต้นสังกัด 6 ปี บางสาขาวิชาก็ 3 เท่า ก็ต้องทำงานให้ 9 ปี แล้วถ้าไม่ทำงานให้ล่ะ ก็ต้องชดใช้เป็นเงินนะครับ อันนี้ก็แล้วแต่ตกลงเช่นกัน บางสาขาวิชาก็ใช้เงินชดใช้ 3 เท่าของจำนวนปีที่เรียน ก็จะต้องคิดเงินเดือนราชการเป็นระยะเวลา 9 ปี + ขั้นเงินเดือนและตำแหน่งราชการที่เพิ่มขึ้นในระยะเวลา 9 ปี + อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ย รวมๆแล้วก็เป็นเงินในหลักล้านบาท ตรงนี้ก็ถือเป็นภาระผูกพันของหมอที่เอาทุนกลับมาเรียน
แล้วประเภทที่ 3 ที่ตั้งใจไม่เอาทุนกลับมาเรียนต่อ พวกนี้ก็จะค่อนข้างมั่นใจในศักยภาพของตัวเอง คือไม่สนใจทุน แล้วก็มาสมัครเรียนต่อ ตรงนี้ก็จะมีข้อเสียคือ credit เรื่องทุนก็ตกไป (ซึ่งก็มีบางสาขาวิชา ก็ไม่ค่อยให้น้ำหนักเรื่องทุนมากนัก) แต่ก็จะมีข้อดีคือ พอเรียนจบแล้วก็จะเป็นไทแก่ตัว (แต่บางคนก็เห็นว่าเป็นข้อเสีย เพราะต้องเดินเตะฝุ่นหางานทำ ไม่อยู่ในระบบราชการต่อไปแล้ว) อยากไปทำงานที่ไหนก็แล้วแต่เราได้เลย พวกนี้ส่วนใหญ่ก็จะเป็นพวกที่มีความมั่นใจสูงพอสมควร ก็คือต้องมีอะไรโดดเด่น เช่น เรียนดี ได้เกียรตินิยม ได้คะแนนดี ทำกิจกรรมโดดเด่น หรือว่าเป็นคนวงใน (ตรงนี้ขอละไว้ในฐานที่เข้าใจแล้วกันนะครับ ระบบอุปถัมภ์มีอยู่ในทุกวงการเสมอครับ คงเข้าใจกันนะ)
กล่าวถึงรายละเอียดเรื่องทุนต้นสังกัด ถึง 2 ตอน เพราะคิดว่าน่าจะเป็นจุดสำคัญ ในการตัดสินใจกลับมาเรียน บางคนอยากขอทุน เพราะมีภาระผูกพัน หรือต้องการตำแหน่งทางราชการต่อไปในอนาคต บางคนไม่อยากขอทุน เพราะเบื่อระบบราชการ อยากออกไปทำอะไรตามที่ต้องการบ้าง แต่อย่าไปมองว่า คนที่ไม่ได้อยู่ระบบราชการ ไม่ต้องการขอทุนมาเรียนต่อ เป็นคนไม่เสียสละ ไม่ยอมทำงานเพื่อรัฐนะครับ คนเราก็มีความเห็นแตกต่างกันไป ทำงานตรงไหน ถ้าตั้งใจทำงาน ทำตามหน้าที่ ก็สามารถก่อประโยชน์แก่ผู้อื่นได้ทุกที่ทั้งนั้นแหละครับ
คราวหน้าจะมาเล่าเรื่องการสมัครเรียนที่โรงเรียนแพทย์ แล้วก็การสอบสัมภาษณ์นะครับ ...
Create Date : 04 ตุลาคม 2549 |
Last Update : 4 ตุลาคม 2549 23:31:37 น. |
|
3 comments
|
Counter : 784 Pageviews. |
|
|
|
โดย: tanoy~ตะนอย วันที่: 4 ตุลาคม 2549 เวลา:23:37:07 น. |
|
|
|
โดย: เด็กน้อย IP: 203.113.80.8 วันที่: 23 ตุลาคม 2549 เวลา:9:58:04 น. |
|
|
|
โดย: น้องเอ็ม IP: 58.9.121.157 วันที่: 23 ตุลาคม 2549 เวลา:12:04:29 น. |
|
|
|
| |
|
|