Bloggang.com : weblog for you and your gang
เข้ามาแล้ว เม้นเยอะๆ น้าาาา อยากอ่านเหมือนกันยินดีต้อนรับทุกคนเลยค่าาาา
กฏหมายเกี่ยวกับรถยนต์ที่ควรรู้ ตอนที่ 2
เรื่องไฟตัดหมอก
อยากทราบว่าการเปิดไฟตัดหมอกนั้นผิดกฎหมายไหมครับแล้
วถ้าผิดกฎหมายแล้วจะเสียค่าเปรียบเทียบปรับเท่าไหร่
คำตอบ
ขณะนี้กม.เปิดโอกาส
ให้รถที่ต้องการติดไฟตัดหมอก
1.
สามารถติดได้ที่หน้ารถข้างละหนึ่งดวงอยู่ในระดับเด
ียวกัน ใช้ไฟแสงขาวหรือแสงเหลือง มีกำลังไฟเท่ากันไม่เกินดวงละ
55
วัตต์ สูงจากพื้นทางราบไม่เกินกว่าระดับโคมไฟแสงพ่งไกล (ไฟสูง) และโคมไฟแสงพุ่งต่ำ
(ไฟต่ำ) ศูนย์รวมแสงต้องอยู่ต่ำกว่าแนวขนานกับพื้นทางราบไม่น ้อยกว่า
2
องศา หรือ
0.20
เมตรในระยะ
7.50
เมตร และไม่เฉไปทางขวา
2.
ไฟตัดหมอกจะเปิดไฟหรือใช้แสงสว่างได้เฉพาะในทางที่จะ
ขับรถผ่าน มีหมอก ควัน หรือฝุ่นละอองจนเป็นอุปสรรค อันอาจเกิดอันตรายในขณะขับรถ และเมื่อไม่มีรถอยู่ด้านหน้าหรือสวนมาในระยะของแสงไฟ
ดังนั้น สรุปว่า
1.
การติดไฟตัดหมอก
มีเงื่อนไขตาม ข้อ
1
2.
การใช้ไฟตัดหมอก
ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขตาม ข้อ
2
เรื่องการใส่
part
รอบคัน
รถตู้ใส่กันชนรอบคันและมีเสาอากาศอยู่ด้านหลังจะผิดก
ฏหมายหรือเปล่าครับ
คำตอบ
รถตู้หรือรถอื่นที่ติดกันชนรอบคัน
หากพิจารณาจากการติดตั้งแล้ว ไม่น่าจะก่อให้เกิดอันตรายแก่ร่างกายหรือจิตใจของผู้
อื่น เช่นไม่ติดยื่นยาวจนเกินไป หรือไม่มีลักษณะเป็นของแหลมคม เมื่อมีคนเดินผ่านรถไปเฉี่ยวถูก
ทำให้ได้รับบาดเจ็บ ก็ยังไม่เป็นความผิด การติดเสาอากาศก็เช่นเดียวกัน
การติดกันชนรอบคัน แม้จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายกับตัวรถ แต่ก็เสียเงิน และทำให้น้ำหนักรถเพิ่มขึ้นโดยใช่เหตุ
เปลืองน้ำมันรถเปล่าๆ กันชนเดิมก็มีอยู่แล้ว
เรื่องฟิมล์กรองแสง
ขอตอบคำถามด้วยบทความดังต่อไปนี้
(ตอนที่
1)
“
ฟีล์มกรองแสง
ปัญหาอยู่ที่กรองแสงหรือสะท้อนแสง
”
ฟีล์มกรองแสง หรือวัสดุกันแสง ช่วยลดปริมาณความร้อนที่จะเข้าไปรถ
ทำให้อุณหภูมิภายในห้องโดยสารของรถเย็นเร็วขึ้น ลดอันตราย ที่เกิดจากการแตกกระจายของเศษกระจกได้ดีเยี่ยม
รวมทั้งช่วยลดความ*****งของบุคคลภายในรถ (สตรี) ทั้งจากการถูกมอง หรือสังเกต
จากภาย นอกโดยเหล่ามิจฉาชีพทั้งหลาย และเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาวะที่การจราจรติดขัด
ยิ่งกว่านั้นเมื่อถึงคราวจำเป็น เร่งด่วน ยังได้อาศัยเป็นห้องแต่งตัวพอแก้ขัดไปได้
และรักษาอุปกรณ์ตกแต่งภายในรถ เช่น คอนโซลหน้า-หลังไม่ให้ซีดหรือแห้งกรอบ ช่วยประ
หยัดพลังงานที่เกิดจากการทำงานของเครื่องปรับอากาศ นอกจากนี้ฟีล์ม กรองแสงยังช่วยลดรังสีอุลตราไวโอเล็ต
และรังสียูวี ที่สำคัญยังช่วยป้องกันปัญหาทางสุขภาพอนามัย เช่น มะเร็งผิวหนัง ต้อนัยน์ตา
และยังช่วยป้องกันรอยขีดข่วยที่อาจเกิดกับกระจกรถได้ อีกด้วย
ตำรวจเอากม.อะไรมาจับ
เอาเหตุผลอะไรมาตอบสังคม ก่อนที่ท่านจะอ่านข้อความต่อไปนี้ ขอให้สูดลมหายใจลึกๆไว้ก่อนครับ
ฟีล์มกรองแสงโดยรวม มี
3
ชนิด คือ
ชนิดที่
1
ฟีล์มกรองแสงทั่วไป เป็นชนิดไม่มีการเคลือบโลหะ ฟีล์มชนิดนี้มีคุณสมบัติในการลดแสงที่ส่องผ่านกระจก
ไม่มีการสะท้อนแสงหรือมีน้อยมาก เพิ่มความเข้มของสีกระจก เนื้อฟีล์มจะบาง ไม่มีความเงามัน
ชนิดที่
2
ฟีล์มกรองแสงชนิดเคลือบโลหะ มีการพัฒนาคุณสมบัติจากชนิดที่
1
โดยการผสมโลหะหนัก เช่น ไอสารอลูมินั่ม นิเกิล ทองแดง หรือโลหะอัลลอยด์อื่นๆ
ผิวฟีล์มจะมีสีเหลือบเป็นมันเงา สีจะแตกต่างกันตามประเภทของไอโลหะ
เนื้อฟีล์มจะหนากว่าชนิดที่
1
ลดการส่องผ่านของแสงได้มาก
มีการสะท้อนแสงได้ดี ค่าการสะท้อนแสงมากน้อยขึ้นอยู่กับส่วนผสมของโลหะที่
เคลือบบนผิวฟีล์ม
ชนิดที่
3
ฟีล์มกรองแสงชนิดใช้กับกระจกอาคาร-สำนักงาน (เรียกกันทั่วไปว่า ฟีล์มฉาบปรอท
ทั้งที่ไม่มีส่วนผสมของปรอทเลย แต่เรียกกันตามสีที่คล้ายสีของปรอท ) มีส่วนผสมของโลหะมากที่สุด
สะท้อนแสงมากกว่า
50%
ไม่เหมาะกับการนำมาติดกับกระจกรถอย่างยิ่ง
เนื่องจากค่าของการสะท้อนแสงมีมาก ทำให้เข้าสะท้อนเข้าตาของผู้ขับขี่รถทั้งที่วิ่งสวนท
างและตามหลัง
เป็นสาเหตุให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย
และทำให้ทัศนวิสัยในการมองเห็นสิ่งต่างจากภายในรถของ ผู้ขับขี่รถเสียไป
(
ฟีล์มชนิดนี้สังเกตุได้ง่าย
จะมีการสะท้อนแสงได้มาก จนบางครั้งถึงกับหวีผม หรือบีบสิวได้)
กม.ที่เกี่ยวข้องกับฟีล์มสะท้อนแสง
(เฉพาะพ.ร.บ.จราจรทางบกฯ และพ.ร.บ.รถยนต์ฯ)
1.
พ.ร.บ.จราจรทางบก
พ.ศ.
2522
มาตรา
8
ห้ามมิให้ผู้ใดนำรถที่ไม่อาจแลเห็นทางพอแก่ความปลอดภ
ัยมาใช้ในทางเดินรถ เพื่อประโยชน์แห่งมาตรานี้ ให้อธิบดีมีอำนาจออกระเบียบเกี่ยวกับใช้วัสดุกรองแสง
กับรถที่นำมาใช้ในทางเดินรถได้ โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา
-
ระเบียบกรมตำรวจ
ว่าด้วย การใช้วัสดุกรองแสงกับรถที่นำ มาใช้ในทางเดินรถ พ.ศ.
2541
ลงวันที่
24
ก.พ.
2541
-
ระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่าด้วย
การใช้วัสดุกรองแสงกับรถที่นำมาใช้ในทางเดินรถ (ฉบับที่
2)
พ.ศ.
2542
ลงวันที่
24
ก.ย.
2542
-
ระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่าด้วย
การยกเลิกการใช้วัสดุกรองแสงกับรถที่นำมาใช้ในทางเดิ นรถ พ.ศ.
2544
ลงวันที่
1
มิ.ย.
2544
2.
พ.ร.บ.รถยนต์
พ.ศ.
2522
มาตรา
12
รถใดที่จดทะเบียนแล้ว
หากปรากฏในภายหลังว่ารถนั้นมีส่วนควบหรือเครื่องอุปก รณ์สำหรับรถไม่ครบ
ถ้วนถูกต้องตามที่กำหนดในกฎกระทรวง หรือเพิ่มสิ่งใดสิ่งหนึ่งเข้าไป ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายแก่ร่างกายหรือจิตใจของผู้อ
ื่น ห้ามมิให้ผู้ใดใช้รถนั้นจนกว่าจะจัดให้มีครบถ้วนถูกต ้องหรือเอาออกแล้ว
ก่อนที่จะมีการบังคับใช้ฟีล์มกรองแสงนั้น
ได้มีการต่อต้าน ไม่เห็นด้วยเป็นอย่างมาก ประกอบกับสถานการณ์ในขณะนั้น ไม่เอื้ออำนวยต่อการปฏิบัติเกี่ยวกับการใช้วัสดุกรอง
แสง กับรถที่นำมาใช้ในทางเดินรถ สมควรที่จะทำการศึกษาความเหมาะสมในเรื่องวัสดุกรองแส
งติดรถยนต์ให้เป็นที่ชัดเจนเสียก่อน จึงให้ยกเลิกการใช้วัสดุกรองแสงกับรถที่นำมาใช้ในทาง
เดินรถ เมื่อปี พ.ศ.
2544
ผลของการยกเลิกกม. ทำให้สามารถติดฟีล์มกรองแสงที่รถได้โดยเสรี
เนื่องจากไม่มีกม.บังคับไว้ ประกอบกับได้มีการพัฒนาคุณสมบัติของฟีล์มจากชนิดที่
1
เป็นชนิดที่
2
โดยมีหลักสำคัญคือ
การเคลือบโลหะลงบนแผ่นฟีล์ม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการลดแสงหรือความร้อนที่จะผ่
านเข้าไปภายในรถ (
Visible Light Transmission )
ซึ่งมีระดับค่าตั้งแต่
8% - 66%
และการสะท้อนแสงหรือความร้อน (
Visible
Light Reflectance )
ซึ่งมีระดับค่าตั้งแต่
5% - 43 %
และเป็นที่นิยมของผู้ใช้รถอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่ตามมา คือ
ความแตกต่างกันระ
–
หว่างระดับต่ำสุด
(
5% )
และสูงสุดของค่าการสะท้อนแสง (
43% )
ทำให้รถติดฟีล์มดังกล่าว มีความหลากหลายและแตกต่างกัน ทั้งรถที่มีการสะท้อนแสงน้อยสุดไปจนถึงมากสุด
ประกอบกับมีผู้นำรถติดฟีล์มชนิดที่
3 (
สำหรับอาคารสำนักงาน) และนำออกมาใช้ในถนนเพิ่มขึ้น
ต่อมาในวันที่
27
ส.ค.
2547
ได้มีการร้องเรียนผ่านนายพูลทรัพย์
ปิยะอนันต์ ผู้ตรวจ การแผ่นดินของรัฐสภา ไปยังนายจาตุรนต์ ฉายแสง รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการป้องกันอุบัติภัยแห่ง
ชาติ กรณีเริ่มมีรถยนต์ติดฟีล์มกันแดดแบบฉาบปรอทสะท้อนแสง ( ชนิดที่
3 )
ซึ่งเมื่อถูกแสงแดดจะสะท้อนไปเข้าตาผู้ขับรถคันอื่นท ี่ขับตามมาหรือขับข้างๆ
ทำให้ตาพร่า อันก่อให้เกิดอันตรายอย่างยิ่งจากอุบัติเหตุ อีกทั้งง่ายต่อการก่ออาชญากรรม
เพราะฟีล์มชนิดดังกล่าวจะไม่เห็นคนข้างใน เนื่อง จากกันสายตาโดยสิ้นเชิง
ซึ่งปัญหาอันอาจเกิดภัยอันตรายร้ายแรงดัง กล่าว
โดยผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภาได้ประสพด้วยตัวเองมาแ ล้ว
จึงได้มีการสั่งการโดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติในฐานะหน
่วย งานที่เกี่ยวข้องดำเนินการแก้ไขปัญหา ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรทั่วประ-
เทศทำการประชาสัมพันธ์ ขอความร่วมมือผู้ขับขี่รถยนต์ติดฟีล์มกันแดดแบบปรอทส
ะท้อนแสง ( ชนิดติดอาคารสำนักงาน ) งดใช้ฟีล์มประเภทดัง กล่าว หากพบมีผู้ฝ่าฝืนให้กวดขันจับกุมและดำเนินคดี
ในความผิดฐาน เพิ่มสิ่งใดสิ่งหนึ่งเข้าไปที่รถซึ่งอาจก่อให้เกิดอั นตรายแก่ร่างกายหรือจิตใจของผู้อื่นตาม
มีอัตราโทษปรับ ไม่เกิน
2,000
บาท
ปรากฏว่าในการกวดขันจับกุมตาม พ.ร.บ.รถยนต์
พ.ศ.
2522
มาตรา
12
นั้น เนื่องจากไม่ได้มีการกำหนดมาตรฐานหรือหลักเกณฑ์ของค่ าการสะท้อนแสงที่อาจเป็นอันตรายแก่ร่างกายหรือจิตใจข
องผู้อื่นไว้ คงให้เป็นดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรผู้ปฏิบั ติในการพิจารณา ซึ่งอาจมีความแตกต่างกันไปในแต่ละปัจเจกบุคคล
รวมทั้งเวลา ตลอดจนสภาพแวดล้อม รวมทั้งความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนระหว่างผู้ขับขี่รถท
ี่ถูกตรวจจับกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในประเด็นการจับกุมความผิดฐาน ติดฟีล์ม กรองแสง
ซึ่งได้มีการยกเลิกกม.ไปแล้ว กับความผิดฐาน เพิ่มสิ่งใดสิ่งหนึ่งเข้าไปที่รถซึ่งอาจก่อให้เกิดอั
นตรายแก่ร่างกายหรือจิตใจของผู้อื่น (สิ่งใดสิ่งหนึ่งในที่นี้ อาจหมายรวมถึงวัสดุอื่นใด
เช่น ผ้าม่าน กระดาษ สติกเกอร์โฆษณาต่างๆ มู่ลี่กันแดด ฉากกั้น ฯลฯ )
สำหรับการกำหนดค่ามาตรฐานการสะท้อนแสงของฟีล์ม
กรองแสงนั้น ผู้ประกอบการและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะเป็นผู้ประสานให้สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกร
รม
(
สมอ.)กระทรวงอุตสาหกรรมเป็นผู้กำหนดมาตรฐาน
เพื่อใช้กำหนดเป็นแนวทางในการปฏิบัติให้ถูกต้องต่อไป ดังนั้น เพื่อไม่ให้ผู้ใช้รถที่ติดฟีล์มกรองแสงไปแล้ว
ได้รับความเดือดร้อนและเกิดความสับสนอันอาจนำไปสู่ปั ญหาความขัดแย้งของสังคม ในขณะที่ยังไม่มีการกำหนดค่ามาตรฐานการสะท้อนแสงของฟ
ีล์มกรองแสง ที่อาจก่อให้เกิดอันตรายแก่ร่างกายหรือจิตใจของผู้อื ่น สำหรับเป็นแนวทางในการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจจรา
จร ในวันที่
27
ก.ย.
2547
จึงได้มีบันทึกสั่งการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ให้ใช้มาตรการประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือผู้ขับขี่แล ะร้านค้าผู้ติดฟีล์มที่อาจเกิดอันตรายดังกล่าวไปพลาง
ก่อน
อย่างไรก็ตาม รถที่ติดฟีล์มกันแดดแบบปรอทสะท้อนแสง
( ชนิดติดอาคาร-สำนักงาน ) ซึ่งเป็นชนิดที่อาจก่อให้เกิดอันตรายแก่ร่างกายหรือจ ิตใจของผู้อื่นอย่างชัดเจน
จะมีการกวดขันจับกุมอย่างเข้ม งวดต่อไป
ส่วนรถที่ติดฟีล์มกรองแสงชนิดที่
1
หรือ ชนิดที่
2
ไปแล้ว ยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องลอกออกในขณะนี้ สามารถใช้ต่อไปได้
จนกว่าจะมีการกำหนดค่ามาตรฐาน หรือมาตรการในการแก้ไขปัญหาก่อน
ปัญหาคือ รถที่กำลังจะติดฟีล์มกรองแสงใหม่
หรือรถใหม่ ยังคงสามารถจะติดฟีล์มได้ แต่ควรทำความเข้าใจในรายละเอียดของฟีล์มที่จะติด
ไม่ว่าจะเป็นชนิด ประเภท คุณสมบัติ โครงสร้าง และสิ่งสำคัญที่สุดได้แก่
ค่าการสะท้อนแสง ซึ่งเป็นหน้าที่ของร้านค้าประดับยนต์ที่จะต้องชี้แจง ให้ข้อแนะนำกับผู้บริโภคได้เข้าใจอย่างถูกต้อง
รวมถึงการให้ร้านค้าผู้ประกอบการออกใบรับรองคุณสมบัต ิของฟีล์มที่ติด เพื่อไว้ตรวจ
สอบในอนาคต
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการกวดขันของเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรนั้น
ยังอยู่บนพื้นฐานของดุลยพินิจที่กม.กำหนดไว้กว้างๆ อาจจะเกิดความขัดแย้งขึ้นระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจจรา
จรผู้ปฏิบัติกับผู้ขับขี่รถบ้าง ดังนั้นเมื่อมีการตรวจจับและออกใบสั่ง หากยังไม่ยอมรับในดุลยพินิจของเจ้าข้าหน้าที่ตำรวจผู
้จับกุม ข้อแนะนำคือ ขอให้นำใบสั่งพร้อมรถไปพบพนักงานสอบสวน สารวัตรจราจรหรือ
รองผู้กำกับจราจร หรือหัวหน้าสถานีตำรวจ เพื่อตรวจสอบให้เกิดความถูกต้องและลดความขัดแย้งที่จ
ะเกิดขึ้นในที่สุด
สรุป
ฟิลม์อะไรก็ได้ไม่ผิดกฎหมาย จะผิดต่อเมื่อ เป็นฟิล์มปรอท หรือติดเกิน
25%
ของกระจกบานหน้าคับ(ผมสรุปเองจากที่เข้าใจ)
เรื่อง การจับความเร็ว
อยากร่วมรณรงค์ทุกเรื่องเกี่ยวกับกับการใช้รถบนท้องถ
นน คือผมอยากทราบว่า กฎหมายที่ออกมาบังคับใช้เรื่องกำหนดความเร็ว
90
กม./ชม. เจาะจงพื้นที่หรือไม่
คำตอบ
1.
ความเร็วตามที่กฎหมายกำหนดสำหรับประเทศไทยนั้นแบ่งออ
กได้เป็น
3
ส่วน
1.1
ความเร็วตามที่กม.กำหนด
ซึ่งเป็นกฎกระทรวงออกตามพ.ร.บ.จราจรทางบก ฯ ระบุไว้โดยสรุปดังนี้
-
รถส่วนบุคคล
รถเก๋ง รถแท็กซี่ รถปิคอัพขนาด
1
ตัน
-
ใข้ความเร็วในกทม.หรือ
เขตเทศบาล ได้ไม่เกิน
80
กม.ต่อชม.
-
ใช้ความเร็วนอกเขตกทม.หรือนอกเขตเทศบาลใช้ความเร็วได
้ไม่เกิน
90
กม.ต่อชม.
-
ซึ่งความเร็วดังกล่าวข้างต้นรวมถึงบนทางด่วนทุกขั้น
(ที่อยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร) ด้วย
1.2
ยกเว้นทางมอเตอร์เวย์
มีกม.ระบุไว้เป็นการเฉพาะให้วิ่งได้ไม่เกิน
120
กม.ต่อชม. เหตุที่เป็นเช่นนี้เข้าใจว่า
เพราะมอเตอร์เวย์เป็นทางในระดับพื้นราบ ไม่มีทางโค้ง หรือจุดที่เกิดอันตรายมาก
และส่วนใหญ่เป็นเส้นทางตรงๆ ไม่ค่อยมีทางร่วมหรือทางเชื่อม ทำให้รถสามารถใช้ความเร็วได้มากอย่างปลอดภัย
แต่บนทางด่วน มีทางเชื่อม
ทางขึ้นลง ทางแยก รวมทั้ง มีทางโค้ง โคงหักศอก เป็นทางยกระดับ ทางลาดชัน อาจเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายหากใช้ความเร็วสูง
ซึ่งก็มีตัวอย่างให้เห็นบ่อยๆ กรณีรถเกิดอุบัติเหตุแล้ว ตกลงจากทางด่วนลงมาพื้นราบ
ทำให้คนไม่รู้เรื่องรู้ราวด้านล่างตายไปหลายกรณีแล้ว
1.3
กรณีการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้น
ส่วนใหญ่จะบังคับใช้หรือเข้มวงดกับรถที่ขับรถเร็วจนผ ิด ปกคิ หรือใกล้จุดที่น่าจะเกิดอันตราย
เช่น แหล่งชุมชน เป็นต้น และจะมีการใช้เครื่องเรดาห์ในการตรวจจับโดยเครื่องดั งกล่าวได้รับการรับรองความมาตรฐานจากกองทัพอากาศ
เป็นระยะๆ เพื่อกันปัญหาร้องเรียนเกี่ยวกับการปฏิบัติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบนทางด่วน จะมีการเรียกตรวจจับที่ความเร็วเกินกว่า
110
กม.ต่อชม. โดยผู้ขับขี่จะถูกเรียกเก็บใบอนุญาตขับขี่รถ
และออกใบแทน ( ใบสั่ง) ให้รับไป ซึ่งกม.กำหนดอัตราโทษไว้ปรับไม่เกิน
1,000
บาท ส่วนใหญ่พนักงานสอบสวนจะปรับ ไม่เกิน
500
บาท แต่จะถูกยึดใบขับขี่ตามมาตรการบันทึกคะแนน
ไว้
15
วัน หลังจากนั้นมารับใบขับขี่คืนได้โรงพักที่เราเสียค่าป
รับ
ปกติการจับกุมผู้ขับขี่รถเร็วกว่ากม.กำหนดก็ได้ทำเป็
นเหตุการณ์ประจำวันอยู่แล้ว แต่บางสน.ไม่มีพื้นที่ให้จับเนื่องจากไม่มีระยะทางไก ลๆในการยิงด้วยเครื่องตรวจจับ
เฉลี่ยเดือนละประมาณ
1,000
ราย การขับรถด้วยความเร็วไม่เกิน
90
กม.ต่อชม. อาจดูช้าไปบ้างในเขตกรุงเทพฯ แต่เป็นความเร็วที่เมื่อเกิดอุบัติเหตุจะลดความรุนแร
งของความบางเจ็บได้ รวมทั้งเป็นความเร็วที่ประหยัดน้ำมันในยุคพนักงานเชื
้อเพลิงมีราคาแพง ส่วนผลต่างของเวลาระหว่าง
90
กม.ต่อชม. กับ
110
ก.ม.ต่อชม. จะไม่มีความแตกต่างกันมากนัก
Free TextEditor
Create Date : 18 ธันวาคม 2551
Last Update : 19 ธันวาคม 2551 11:57:51 น.
1 comments
Counter : 1032 Pageviews.
Share
Tweet
อยากทราบกฎหมายเกี่ยวกับผ้าม่านรถตู้มีมั๊ยค่ะว่าให้ติดหรือไม่ให้ติดช่วยตอบทีค่ะ
ขอบคุณค่ะ
โดย: วนิดาชลบุรี IP: 114.128.61.225 วันที่: 2 ตุลาคม 2552 เวลา:14:54:46 น.
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
sanapa.b
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [
?
]
http://momotalo.212cafe.com
พิมพ์เรื่องที่ไปเที่ยวปีใหม่มาค่ะ
เพราะตอนอัพบล็อกนี้เจ๋ง
เลยไปทำอีกบล็อกหนึ่ง
Group Blog
ภาษาอังกฤษวันละนิด
Creativity
เรื่องที่ทำงาน
เรื่องเล่าของฉัน
สถานที่ท่องเที่ยว
ความรู้เรื่องรถยนต์
วีรกรรมเจ้าหมาแสนซน
ธันวาคม 2551
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
18 ธันวาคม 2551
กฏหมายเกี่ยวกับรถยนต์ที่ควรรู้ ตอนที่ 2
กฏหมายเกี่ยวกับรถยนต์ที่ควรรู้ ตอนที่ 1
All Blogs
กฏหมายเกี่ยวกับรถยนต์ที่ควรรู้ ตอนที่ 2
กฏหมายเกี่ยวกับรถยนต์ที่ควรรู้ ตอนที่ 1
สอบใบขับขี่ที่จตุจัตร
Friends' blogs
sysee
vandasung
spionneg
olcecenter
superss
ลูกนางฟ้าลงมาเกิด
annieake
pk12th
amornsri
iam_zuzie
sanapa.b
ลุงแว่น
asukichang
KungGuenter
Webmaster - BlogGang
[Add sanapa.b's blog to your web]
Links
รายได้พิเศษยามว่าง
บล็อกเราเอง
บริษัทที่ทำงานอยู่
ถักตุ๊กตาไหม
BlogGang.com
MY VIP Friend
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.
ขอบคุณค่ะ