|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
✿ เนื้อเค็มต้มกะทิ เมนูโบราณหากินยาก ✿
สวัสดีคะ มิตรรักแฟนรายการเชฟกระทะหลุดทุกท่าน ลืมกันไปหรือยังคะ ไม่ได้เข้ามาอัพบล๊อกนานหลายเดือน หวังว่ามิตรรักแฟนรายการที่ติดตามบล๊อกคงไม่เคืองและเสียอารมภ์ที่หายศีรษะไปพร้อมตัวหนังสือและเมนูต่าง ๆ นะคะ วันนี้แม่ครัวบี๊มีเมนูไทยโบราณมาฝากอีกเช่นเคย เผยแพร่ครั้งแรกที่เฟสบุ๊ค มิตรรักแฟนรายการเข้ามาชมถล่มทลาย มีเพื่อน ๆ ทำมาส่งการบ้านหลายคน ถือเป็นเมนูโบราณที่หากินยาก แต่ทำไม่ยาก เมนูนี้อร่อยมากมีคนคอนเฟิมแล้ว
หลักออกเทศกาลกินเจ ลองทำรับประทานกัน ใครไม่ทานเนื้อก็ลองใช้หมูเค็มทำรสชาดออกมาน่าจะอร่อยไม่แพ้กัน เชิญพบกับเมนูโบราณ ตำรับชาววัง(เวง) สูตรนี้จากหม่อมแม่ของแม่ครัวบี๊ห์เองนะเจ้าคะ เป็นอีกเมนูที่จำรสและกลิ่นได้ดี

เพื่อนเคยพาไปทานเนื้อเค็มต้มกะทิแถวสะพานพระรามห้า ร้านอาหารไทยโบราณ ปีที่ผ่านมาจะตามย้อนรอยร้านนี้สักหน่อย อยากรู้ว่ารสชาดยังอร่อยเหมือนเดิมหรือไม่ ปรากฏเปลี่ยนเจ้าของไปแล้ว กลายเป็นร้านอาหารอีสาน อิฉันอดกินเนื้อเค็มต้มกะทิ เป็นอีกสาเหตุที่ต้องลุกขึ้นมาทำกินเอง โดยโทรไปถามบ้านคุณอาว่าเขาทำกันอย่างไร

เนื้อเค็มต้มกะทิ สูตรโบราณ
ส่วนประกอบ
เนื้อเค็ม หรือ เนื้อแดดเดียว 300 กรัม (เปลี่ยนเป็นหมูเค็มได้) กะทิ 3 ถ้วย (คั้นหัวกะทิ 1 ถ้วย หางกะทิ 2 ถ้วย) หอมแดงซอย 20 หัว น้ำตาลปีบ 2-3 ช้อนโต๊ะ เกลือสมุทร และ น้ำปลา (มากน้อยตามชอบ) พริกขี้หนูเม็ดเล็ก (พริกขี้หนูหอม) ใบมะกรูดฉีก และใบมะกรูดซอย สำหรับโรยหน้า

วิธีทำ
ย่างเนื้อเค็มแล้วใช้ค้อนทุบเนื้อทุบๆๆ ให้นิ่ม ฉีกเป็นเส้นหรือหั่นเป็นชิ้นบาง ๆ ก็ได้นำหางกะทิใส่หม้อ ใส่เนื้อเค็มและหอมแดงลงเคี่ยวกับหางกะทิด้วยไฟอ่อนจนงวด (ใช้กะทิกล่อง ถ้าหัวกะทิข้นมากให้นำหัวกะทิผสมกับน้ำเล็กน้อยเพื่อใช้เป็นหางกะทิ)เคี่ยวจนกวาเนื้อจะเปื่อย ปรุงรสด้วยน้ำปลาและเกลือป่น, น้ำตาลปีบ ชิมรสตามชอบ ใส่พริกขี้หนูหอม ฉีกใบมะกรูดใส่ไป คลุกเคล้าให้เข้ากัน ไม่ควรให้พริกขี้หนูสุกเกิน ตักเนื้อเค็มต้มกะทิใส่ชาม โรยใบมะกรูดซอย เสริฟขณะที่ยังร้อน ถ้าปล่อยให้เย็นจะขึ้นไข หมายเหตุ - เนื้อต้มกะทิแบบนี้รสชาติคล้ายหลนกะทิ จึงรับประทานกับผักสดต่าง ๆ ได้
ถ้าคุณแม่เล็กของอิฉันยังมีชีวิต นางคงทำเนื้อเค็มให้ลูกกินโดยไม่ต้องพึ่งพาร้านขายเนื้อ เนื้อเค็มของแม่หมักด้วยน้ำปลาปลาสร้อยอย่างดี ตากแดดเดียวแล้วนำมาทอด อร่อยมาก ใครชอบทานแบบเนื้อฉีกฝอยก็ต้องทุบเนื้อเล็กน้อยแล้วนำมาฉีก แต่เราชอบหั่นแบบนี้

นำหางกะทิใส่หม้อ ใส่เนื้อเค็มและหอมแดงลงเคี่ยวกับหางกะทิต้องเคี่ยวด้วยไฟอ่อน ๆ และเคี่ยวจนกระทั่งน้ำกะทิงวดลง

ปรุงรสด้วยน้ำปลาอย่างดี, เกลือป่น, น้ำตาลปีบ ชิมรสตามชอบแล้วใส่พริกขี้หนูสวนเม็ดเล็กลงไป

ใส่พริกขี้หนูไปแล้ว อยากจิบอกว่ากลิ่นหอมแบบที่เคยกินตอนมารดาทำนั้น มันใช่เลย กลิ่นพริกผสมกับหอมและหัวกะทิ แม่เจ้า กลิ่นเมนูโบราณมันช่างหอมจรุงจิตมาก

ฉีกใบมะกรูดบางส่วนใส่ไป ผัดคลุกเคล้าให้เข้ากัน ไม่ควรให้พริกขี้หนูสุกมากเกินไป จะเสียรส ดับไฟเตา

สมุนไพรไทยล้วนให้กลิ่นหอมที่สดชื่น กลิ่นหอมชื่นใจ พริกขี้หนูสวนและใบมะกรูดสดฉีกใส่ไป ส่งกลิ่นโชยทันที

กระทะนี้ทำรอบที่สอง ใช้เนื้อเค็มอบแห้ง ไม่ได้ตากแดดเนื่องจากช่วงนี้ฝนตก ตากแล้วไม่แห้งสนิทก็เลยต้องใช้วิธีอบแห้งหมาด ๆ แล้วเก็บใส่ช่องแช่แข็งไว้ สีสันไม่เข้มจัดเหมือนเนื้อที่นำออกตากแดด แบบนั้นจะแห้งสนิท เก็บได้นาน

ตักเนื้อเค็มต้มกะทิใส่ชาม โรยใบมะกรูดซอยฝอย นำเสริฟ เนื้อต้มกะทิแบบนี้รสชาติคล้ายหลน จึงรับประทานกับผักสดต่าง ๆ ได้


หลานชายไม่เคยรู้จักเมนูโบราณนี้ เพราะตอนคุณยายทำให้เราทานเค้ายังเล็กมาก ทำเสร็จแล้วนำมาวางบนโต๊ะ เขามาเห็นถามว่า นี่แกงอะไรครับ เราบอกไป หลนเนื้อเค็ม เขาก็ตักชิม จากนั้นไปหยิบจาน หยิบผักสดออกมาจากตู้เย็น ตักกินเล่นแบบไม่ทานกับข้าว เขาบอกว่าอร่อยมากๆ ขอเอาขึ้นเครื่องไปฝากเพื่อน ๆ ลูกเรือที่บางกอกแอร์เวย์ด้วย พนักงานหลายคนบนเครื่องไม่รู้จักเมนูนี้ มีแอบกระซิบบอกหลานชายมาบอกน้าด้วย "ถ้าคุณน้าเธอทำเนื้อเค็มต้มกะทิอีก หิ้วมาฝากพวกเราด้วยนะ ชอบมาก อร่อยเหาะ" ทำครั้งแรกโรยใบมะกรูดซอยเขาไม่ชอบ ครั้งหลังจึงแค่ฉีกๆ ใส่ไป ไม่ต้องโรยหน้าแบบนี้

เป็นอย่างไรบ้างคะ ตอนที่ลงเมนูนี้ในแฟนเพจเฟสบุ๊คหลายคนแวะมาชมแล้วบอกว่าไม่เคยเห็น ไม่รู้จัก ส่วนบรรดา สว. ที่เกิดทันเมนูนี้ บ้างก็ว่าถ้าไม่นำพามาให้ชม พวกเขาคงจะหลงลืมเมนูนี้ นึกไม่ถึงคะ จากนั้นมีคนรีบมาส่งการบ้านในทันที่ คนแรกที่ส่งการบ้านฉันเป็นคนไทยอาศัยอยู่ในซิดนีย์ อัยย๊ะ ป๋าจิ๊ทำเป็นคนแรก จากนั้นก็มีตามมาเรื่อย ๆ สุดท้ายเป็นการบ้านของ น้องเอิง ณ หาดใหญ่ นางทำออกมาได้น่ารับประทานมาก (น้องเอิงมีฝีมือการทำอาหารเป็นทุน)จึงเป็นเหตุให้ฉันต้องรีบอัพบล๊อก เผื่อว่าชาวบล๊อกที่ไม่เล่นเฟสบุ๊คอยากลองทำ


ขอบคุณสปอนเซอร์ใจดี "กะทิอัมพวา" คุณจ๊ะเอ๋ ผู้จัดกายฝ่ายการตลาดแวะมาเยี่ยมเยือนพร้อมนำผลิตภัณฑ์กะทิอัมพวาหลากหลายชนิดมาฝาก ก่อนหน้านี้แม่ครัวบี๊ห์ได้ลองซื้อมาใช้งานแล้วติดใจ เพราะของเขาดีจริง ขอบพระคุณทุกท่านที่แวะมาเยี่ยมชม ขอบพระคุณทุกความคิดเห็น

Create Date : 25 กันยายน 2557 |
Last Update : 20 สิงหาคม 2561 18:37:51 น. |
|
12 comments
|
Counter : 60447 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: ALDI วันที่: 25 กันยายน 2557 เวลา:20:14:15 น. |
|
|
|
โดย: secreate วันที่: 25 กันยายน 2557 เวลา:23:21:15 น. |
|
|
|
โดย: ทนายอ้วน วันที่: 26 กันยายน 2557 เวลา:6:17:17 น. |
|
|
|
โดย: เนินน้ำ วันที่: 29 กันยายน 2557 เวลา:12:49:19 น. |
|
|
|
โดย: benz47 วันที่: 2 ตุลาคม 2557 เวลา:10:24:01 น. |
|
|
|
โดย: Jardee IP: 125.24.38.193 วันที่: 13 ตุลาคม 2557 เวลา:15:31:49 น. |
|
|
|
โดย: เอ๋ มีนตรา IP: 27.130.65.125 วันที่: 27 พฤษภาคม 2558 เวลา:13:05:18 น. |
|
|
|
โดย: วรรณพร IP: 134.196.148.160 วันที่: 16 เมษายน 2559 เวลา:12:37:27 น. |
|
|
|
โดย: วรรณพร IP: 134.196.148.160 วันที่: 16 เมษายน 2559 เวลา:12:37:47 น. |
|
|
|
โดย: เสลาสีม่วง วันที่: 5 มิถุนายน 2564 เวลา:9:27:32 น. |
|
|
|
โดย: แดง IP: 14.207.244.177 วันที่: 15 มิถุนายน 2565 เวลา:16:53:54 น. |
|
|
|
|
|
|
|
อาหารโบราณแบบนี้ไม่เคยกินเลยค่ะ