พฤษภาคม 2551 ฟ้าฝนมาเยือนแล้ว
พฤษภาคม 51 ฟ้าฝนมาเยือนคงต้องคาดเดากันว่าปีนี้สภาพฟ้าฝนจะเป็นอย่างไรบ้าง ท่ามกลางความผันแปรของสภาพภูมิอากาศของโลกเรา ทั้งๆ ที่พวกเราหลายๆ คนก็รู้ว่าสภาพของโลกในช่วง 100 ปีหลังนั้นเปลี่ยนแปลงไปมาก แต่ท่านก็คงเหมือนๆ กับผมที่คงไม่คิดว่า ผลของสภาพเรือนกระจกของโลกเรานั้นจะส่งผลกระทบรวดเร็วเหลือเกิน และมีอัตราเร่งของการปรับเปลี่ยนสมดุลของโลกเราในอัตราเร่งที่น่ากลัวเสียเหลือเกิน ไม่แน่นะครับ เผลอแอบไปเที่ยวต่างประเทศซักครึ่งเดือน พอกลับมาบ้าน บ้านของเราอาจจะจมน้ำไปแล้วก็ได้ ไม่อยากคิดเลย แต่ก็เสียวอยู่ลึกๆ สำหรับบทความในเดือนนี้เป็นเรื่องบทความใหม่ที่เขียนขึ้น พร้อมทั้งกรณีศึกษาที่ไปสัมภาษณ์นักศึกษามา พร้อมทั้งกิจกรรมที่ได้จัดทำขึ้นที่วิทยาลัยการจัดการครับบทความในหมวดการตลาด1. ปรากฏการณ์ของการตลาดย้อนยุค2. จิวเวลรี่ เคล็ดลับค้าส่งสู่ค้าปลีก ลงทุนน้อย แต่กำไรมาก3. ความท้าทายของทายาทธุรกิจรับตัดชุดฟอร์ม เลอบาตอง (Lerbatong)4. การตั้งรับของ P.S. Bowl เมื่อ Major บุกพัทยา5. //www.carmatfit.com พรมรถสั่งตัด6. การหวนคืนวงการอสังหาฯของ จงรุ่งเรือง7. ปัญหาการเชื่อมต่อของธุรกิจจากรุ่นสู่รุ่น8. งานปฐมนิเทศนักศึกษาปริญญาโทสาขาการตลาด MK11A9. กิจกรรมเชิงปฏิบัติการของนักศึกษา MK 10A10. โต๊ะกลมผู้ประกอบการเมษายน 51 เดือนที่น่าอิจฉาในสายตาผมเดือนเมษายน ปีนี้เป็นเดือนที่น่าอิจฉาสำหรับผมมากที่สุด เพราะในขณะที่หลายๆ คนได้ไปเที่ยวพักผ่อน สาดน้ำวันสงกรานต์ แต่สำหรับตัวเองแล้วปีนี้กลายเป็นสงกรานต์ที่ได้แต่เพียงแต่มอง เนื่องจากมีงานคั่งค้างรวมถึงงานที่ต้องรีบทำก่อนสงกรานต์ ก็เป็นพวกงานข้อเขียน กรณีศึกษาทั้งหลายที่ต้องรีบส่งสำนักพิมพ์ต่างๆ เพราะเค้าจะปิดสงกรานต์กันช่วงยาวๆ แถมต่อเนื่องด้วยการต้องเตรียมนำเสนองานให้ท่านผู้บริหารของมหาวิทยาลัยในช่วงหลังสงกรานต์ให้ทัน แต่ในที่สุดก็ผ่านพ้นมาได้ เฮ้อ ทำให้เดือนเมษาทั้งเดือนกลายเป็นเดือนที่ต้องทำอะไรเร่งๆ รีบๆ เหมือนกับอากาศที่ดูจะร้อนจัดได้ใจในปีนี้ สำหรับต้นเดือนพฤษภาคม 51 ก็มีทริปไปดูงานกับทางมหาวิทยาลัยบูรพา ที่ส.ป.ป.ลาว ในช่วงต้นเดือน เลยทำให้กลัวว่าจะไม่มีเวลาเขียนบล็อคอีก เลยต้องเร่งทำไว้ก่อน เพื่อไม่ให้ผู้อ่านรู้สึกเหมือนผมมาๆ ไปๆ ไม่ต่อเนื่องศูนย์อินโดจีนศึกษาในช่วงระหว่างเดือนที่ผ่านมาผมได้มีได้รับเชิญจากท่านผู้อำนวยการวิทยาลัยบริหารรัฐกิจ มหาวิทยาลัยบูรพา คือ รศ.ดร. ศรุติ สกุลรัตน์ ให้ไปดูงานที่วิทยาลัยบริหารรัฐกิจ และก็พบว่าที่วิทยาลัยแห่งนี้มีมีศูนย์การศึกษาที่น่าสนใจมากศูนย์หนึ่งชื่อ ศูนย์อินโดจีนศึกษา (ที่จริงที่วิทยาลัยบริหารรัฐกิจมีเรื่องน่าสนใจที่จะต้องเรียนรู้เพื่อนำมาเป็นแนวทางปรับปรุงวิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดลให้ดียิ่งขึ้นอีกหลายเรื่องครับ) ศูนย์ฯนี้ได้ก่อตั้งโดยท่านผู้อำนวยการมาหลายปีแล้ว โดยทางศูนย์ฯ มีพันธกิจหลักคือเพื่อที่จะพัฒนาศูนย์อินโดจีนศึกษาให้เป็นศูนย์ข้อมูลเพื่อการวิจัยประเทศเพื่อนบ้าน คือตอนนี้เรารู้เรื่องของประเทศเพื่อนบ้านน้อยมากๆ ครับ เพราะอาจจะเป็นเพราะบ้านเราสนใจตัวเรามากกว่า ที่รู้จักประเทศเพื่อนบ้านกันมากหน่อยก็จะเป็นเรื่องสถานที่ท่องเที่ยวของประเทศต่างๆ ละแวกบ้านเรา แต่เรื่องอื่นๆ นั้นดูเหมือนเราให้ความสนใจกับเขาน้อยกว่าประเทศอื่นๆ อย่าง สิงค์โปร์ ญี่ปุ่น เสียอีกที่เขาได้เริ่มเข้าไปลุยกรุยทางให้นักธุรกิจบ้านเขาได้เข้าไปทำมาค้าขายกันมากมายแทบจะเข้าไปทุกซอกทุกมุมแล้ว ในขณะที่เรากำลังเข้าไปสำรวจแค่บนถนนใหญ่//www.isc-gspa.org/ตอนนี้ท่านผู้อำนวยการวิทยาลัยบริหารรัฐกิจต้องการที่จะขยายความร่วมของทางมหาวิทยาลัยเข้าสู่ภูมิภาคอินโดจีนให้มากขึ้นโดยผ่านศูนย์อินโดจีนศึกษา โดยศูนย์ฯ นี้จะเป็นแนวหน้าในการรุกเข้าสู่ประเทศในแทบอินโดจีน เพื่อจัดหา และรวบรวมองค์ความรู้ต่างๆ ให้พวกเราที่อยู่แนวหลังได้ศึกษากันถึง โอกาสอุปสรรคในการเข้าไปทำธุรกิจในประเทศเพื่อบ้าน อีกด้านก็คืองานของความมั่นคงคือ ความรู้ที่ได้ก็จะทำให้เรามีโอกาสที่จะเตรียมตัว และเตรียมพร้อมหากเกิดสถานการณ์อะไรขึ้น เรียกว่า เป็นการล้มคอกก่อนวัวหายครับศูนย์ฯ นี้ได้ผลิตผลงานออกมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2540 โดยมีภาระกิจหลายภาระกิจ แต่มีภาระกิจหนึ่งพวกเรายังไม่ค่อยรู้จักกันก็คืองานแปลข่าว โดยทางศูนย์ฯ จะทำการแปลข่าวสารต่างๆ ที่ตีพิมพ์ลงในหนังสือพิมพ์ของประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งหลักๆ ตอนนี้มีทั้งหมดอยู่ 5 โต๊ะข่าวคือ กัมพูชา เวียดนาม พม่า ลาว และมาเลเซีย และทำจัดทำคำแปลเป็นรูปเล่มจัดส่งให้ฟรีๆ กับหน่วยงานราชการตามชายแดนมาหลายปีดีดัก โดยทางวิทยาลัยเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการจัดทำให้ทั้งหมดครับ ซึ่งข่าวสารเหล่านี้มักจะถูกนำไปใช้สำหรับหน่วยงานเรื่องทางความมั่นคงเสียมากหว่าเรื่องของการค้า โดยแจกให้กับบุคคลและหน่วยงานราชการต่างๆ เช่นทางผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ กรมทหารต่างๆ ที่มีหน่วยงานตั้งอยู่รอบเขตชายแดนของเราเพื่อใช้ตรวจสอบความเคลื่อนไหวต่างๆ ของประเทศเพื่อนบ้าน ผมมองเองหลังจากสิ้นสุดการดูงานก็เรียนท่านผู้อำนวยการว่า ข่าวสารที่ศูนย์ฯ ผลิตออกมานั้นน่าจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับสำหรับหน่วยงานเอกชนเช่นกัน ซึ่งทางท่านผู้อำนวยการก็บอกว่า ผู้ที่สนใจนั้นสามารถสมัครเป็นสมาชิกรับข่าวสารดังกล่าวที่แปลเป็นภาษาไทยเสร็จเรียบร้อยแล้ว และมีสรุปข่าวรายเดือนในรูป CD แผ่นให้อีก ในราคาสมาชิกเพียง 1,000 บาทต่อปี ซึ่งหลังจากที่ผมได้ไปดูการทำงานก็เรียนถามอาจารย์ท่านว่า จะคุ้มหรือครับกับการทำงานหนักอย่างนี้และได้ค่าตอบแทนแค่น้อยนิด ท่านอาจารย์บอกผมว่า ก็เป็นงานบริการให้กับหน่วยงานของรัฐ และภาคเอกชนมากกว่าที่จะหวังผลกำไร และผลประโยชน์ของงานเหล่านี้ก็ยังเป็นเครื่องมือของนักธุรกิจที่แสวงหาโอกาส และช่องทางการทำมาค้าขายได้กับประเทศเพื่อนบ้านได้ ผมเห็นว่าสิ่งที่ศูนย์อินโดจีนศึกษาจัดทำขึ้นนั้นอาจจะเป็นประโยชน์แก่ท่านผู้อ่านหลายๆ ท่านจึงนำมาเล่าสู่กันฟังครับสามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ Website ของศูนย์อินโดจีนศึกษา วิทยาลัยบริหารรัฐกิจ มหาวิทยาลัยบูรพาครับบุริม โอทกานนท์
ปีนี้ว่างงานครับ ทั้งงานออกแบบเว็บ และโปรโมทเว็บ ว่างดีชะมัด
แต่ก็ดี ทำให้มีเวลาให้ครอบครัวมากหน่อย ทุกปีช่วงปลายปีจะไม่มีเวลาให้เลย