ลูกแกะตัวนั้น .. มันยังส่งเสียงร้องอยู่ในความฝันของคุณใช่มั้ย .. ?
[ถนนหน้าโรงเรียน] .. จุดหมายที่ปลายฟ้า ..




...

ผมวางช้อนลงในถ้วยน้ำแข็งใส แล้วปล่อยความหวานบางส่วนให้ค่อย ๆ ซึมซาบในปาก ข้าวโพดกับแห้วเดินทางล่วงหน้าลงไปนอนรอในท้องหมดแล้ว ในโรงอาหารยังหลงเหลือผู้คนอยู่บางตา ป้าร้านขายก๊วยเตี๋ยวค่อย ๆ เก็บเรียงชามที่ถูกล้างทำความสะอาดแล้วข้าง ๆ ตู้กระจกที่เคยเต็มแน่นด้วยเส้นก๊วยเตี๋ยวเมื่อตอนก่อนเที่ยง พี่ ม.5 กลุ่มหนึ่งยังคงยึดครองพื้นที่รอบโต๊ะยาวของพวกเขาไว้อย่างเหนียวแน่น ถึงแม้จะเป็นเวลาเกือบจะห้าโมงเย็นแล้ว ในขณะที่เสียงลูกบาสเก็ตบอลกระทบแป้นก่อนจะมุดลงห่วง ยังคงดังแว่วมาจากกลางสนามอยู่อย่างเป็นจังหวะ

ผมยังคงนั่งอยู่ในโรงอาหารกับถ้วยน้ำแข็งใสว่าง ๆ และพยายามซึมซับภาพความเป็นไปรอบ ๆ ตัวให้มากที่สุด สามปีกับชีวิตนักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้นวิ่งผ่านผมไปอย่างรวดเร็ว ผมยังจำวันที่ผมเดินผ่านประตูเข้ามาอยู่ภายในรั้วของราชวินิตมัธยมเป็นวันแรก มันเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ภาพเหล่าเด็กผู้ชายใส่เสื้อสีขาว กางเกงสีกรมท่า เด็กผู้หญิงผูกคอซองใส่กระโปรงมีจีบรายล้อมอยู่รอบตัวผม บนระเบียงทางเดินหน้าห้องที่ยาวไปสุดตึก และเสียงร้องเพลงชาติที่กึกก้องในสนามตอนเข้าแถวยังกังวานอยู่ในสองหู

เป็นสามปีที่มีทั้งความสุข ความเศร้า เสียงหัวเราะและหยดน้ำตา คลุกเคล้าผสมผสานกันจนเหมือนเส้นเล็กแห้งลูกชิ้นที่ผมนั่งกินอยู่บ่อย ๆ ในโรงอาหาร และเมื่อเราเริ่มลงมือกินก๊วยเตี๋ยวชามนั้น ไม่ช้าก็เร็วทุกอย่างที่อยู่ในชามจะถูกลำเลียงเข้าท้องเราอย่างหมดสิ้นจนเหลือแต่ชามว่าง ๆ

เหมือนถ้วยน้ำแข็งใสว่าง ๆ ที่วางอยู่ตรงหน้าผมในตอนนี้ ..

ผมคว้าเป้ใส่สมุดหนังสือเรียนขึ้นสะพาย ก่อนจะเดินผ่านกลุ่มพี่ ม.5 ที่ยังคงส่งเสียงหัวเราะกันในกลุ่ม พี่เขายังมีเวลาได้หัวเราะกันต่อไปถึงแม้ว่าเวลาจะปาเข้าไปห้าโมงเกือบจะครึ่งแล้ว เสียงลูกบาสเก็ตบอลกระทบแป้นก่อนจะมุดลงห่วงยังคงดังแว่วมาอย่างเป็นจังหวะ ผมเดินผ่านประตูหน้าออกมายืนที่นอกรั้วราชวินิตมัธยม ในขณะที่เพื่อน ๆ ในห้อง ม.3/8 อีกหลาย ๆ คนเลือกที่จะอยู่ในรั้วโรงเรียน ถนนพิษณุโลกที่คาดยาวผ่านหน้าโรงเรียนยังคงมองดูผมอย่างเงียบ ๆ เหมือนเคย ถ้าผมเลี้ยวซ้ายถนนมันจะไปสุดที่ทางรถไฟสี่แยกยมราช ถ้าผมเลี้ยวขวาถนนมันจะไปสุดที่เทเวรศ์

แล้วโลกที่อยู่ต่อจากนั้นล่ะ มันจะไปสุดที่ตรงไหน ?


แสงแดดสุดท้ายของวันกำลังอ่อนแรงลงทุกขณะ พาเงาร่างของผมทอดยาวไปบนฟุตบาท มันยืดยาวออกไปมากกว่าความสูงที่แท้จริงของผมหลายเท่า ที่สุดปลายถนนพิษณุโลก ไม่ว่าผมจะเลี้ยวไปทางซ้าย หรือเลี้ยวไปทางขวา ผมมองเห็นเงาของตัวผมเองยืดเหยียดออกไปจนสุดถนน

และมันกำลังกวักมือเรียกผม



ผมขยับเป้ที่สะพายบนบ่าอีกครั้ง ... ก่อนจะก้าวเดิน




..........


ผมขมวดเชือกที่ผูกอยู่กับฮาร์เนส เป็นเงื่อนฟิกเกอร์เอช ก่อนจะยัดใส่สกรูคาราบีนเนอร์ที่ล๊อคติดกับผนังถ้ำ ระบบการจัดการที่ถูกต้องและรอบคอบคือสิ่งที่นักปีนหน้าผาทุกคนต้องผ่านการฝึกฝนมาอย่างหนักหน่วง เพราะมันคือบัตรรับประกันการมีชีวิตรอดของตัวเองและเพื่อนร่วมทีม ที่พากันขึ้นไปห้อยแขวนอยู่บนชะง่อนหินผา เราจะปีนขึ้นไปสูงเท่าไรก็ได้ ตราบที่เรามั่นใจว่าจะพากันกลับลงมาเหยียบพื้นโลกได้อย่างปลอดภัย ผมตรวจสอบสายเซฟทั้งสองเส้นอีกครั้งก่อนที่จะออกมานั่งห้อยขาที่ปากถ้ำ

ถนนกลับเข้าสู่เมืองลำปางทอดตัวยาวเหยียดอยู่เบื้องล่าง เมื่อขึ้นมามองดูจากระดับความสูงเกือบ 80 เมตร มันไม่ได้แลดูใหญ่โตอะไรนักแต่กลับกลายเป็นเหมือนริบบิ้นเส้นเล็ก ๆ ที่ผมเคยใช้ห่อของขวัญ ไกลออกไปผมยังคงมองเห็นพื้นที่ของค่ายรบพิเศษประตูผา ในขณะที่ศูนย์ฝึกลูกช้างดูเหมือนจะอยู่ใต้ฝ่าเท้า รถปิ๊คอัพคันเท่ากล่องไม้ขีดไฟยังคงแล่นมุ่งหน้าไปตามถนน เกือบจะห้าโมงเย็นแล้วแต่ผมยังคงนั่งอยู่หน้าปากถ้ำที่สูงตระหง่าน ถึงแม้จะรู้ว่าใกล้จะถึงเวลาที่ผมต้องกลับลงไปเหยียบพื้นโลกเหมือนเพื่อน ๆ ที่ทะยอยโรยตัวกลับลงไปก่อนหน้านี้จนหมดแล้ว แต่ผมก็ยังอยากจะซึมซับภาพรอบ ๆ ตัวผมตอนนี้ให้มากที่สุด

ผมเอื้อมมือไปหยิบเป้ที่ผมสะพายติดตัวขึ้นมา มันไม่ใช่เป้ใส่สมุดหนังสือเรียนอีกแล้ว แต่เป็นเป้เดินป่ากันน้ำของแจ๊ควูฟส์กิ้นส์ ถึงเวลาจะผ่านไปสักเท่าไรผมก็ยังคงมีเป้สะพายติดหลังอยู่เสมอราวกับว่ามันเป็นเนื้องอกที่กลางหลัง และยิ่งวันเวลาผ่านไป เป้ของผมก็เริ่มหนักขึ้นเรื่อย ๆ เรื่องราวต่าง ๆ ไหลเรียงเข้าไปบรรจุอยู่ในนั้นอย่างไม่รู้จักหมดสิ้น แต่ถึงจะมีอะไรต่อมิอะไรในเป้ของผมสักเพียงไหนก็ยังไม่มีวี่แววว่ามันจะเต็ม

นับจากวันที่ผมเริ่มก้าวเดินจากรั้วของราชวินิต มัธยม ถนนพิษณุโลกก็พาผมออกเดินทางเหมือนไม่มีจุดสิ้นสุด ผมผ่านเข้าไปยังสังคมของวิทยาลัยเทคนิค ที่ยกพลถล่มกันหน้าเวทีคอนเสริต์อย่างบ้าเลือดเพียงเพราะอีกฝั่งหนึ่งใส่เสื้อช๊อปคนละสีกับฝั่งของผม ผมเดินขึ้นเวทีในผับเพื่อเล่นดนตรีและใช้ชีวิตคนกลางคืนในหมอกควันบุหรี่ที่ลอยตัวอยู่รอบแก้วเหล้า ผมสะพายเป้ติดหลังพาเด็กในค่ายเยาวชนเดินป่าเขาใหญ่จนเหมือนกับเดินเล่นในสวนหลังบ้าน ผมออกไล่ล่าหน้าผาที่สูงเหยียดขึ้นไปจนแทบทะลุก้อนเมฆ ผมเดินทางไปตามถนน นอกถนน ผมกระโจนลงทะเลหน้าหาดสัตหีบและกลืนความเค็มของมันลงไปค่อนกระเพาะ และตอนนี้ผมกำลังนั่งอยู่บนปากถ้ำที่สูงซะจนผมมองเห็นหลังของนกเขาไพรที่กำลังบินกลับสู่รังของมัน



โลกของผม ที่เลยจากสุดถนนพิษณุโลก ดูเหมือนจะไม่มีวันจบสิ้น ...



ผมยืนมองแสงแดดสุดท้ายของวัน ก่อนจะตรวจสอบอุปกรณ์ทุกชิ้น สะพายเป้ใบเก่าและค่อย ๆ โรยตัวลงจากหน้าผา มันเหมือนตอนที่เราเริ่มกินเส้นเล็กลูกชิ้นในชาม ไม่ช้าก็เร็วทุกอย่างที่อยู่ในชามจะถูกลำเลียงเข้าท้องเราอย่างหมดสิ้นจนเหลือแต่ชามว่าง ๆ แต่ตราบใดที่เรายังรู้ว่าร้านขายก๊วยเตี๋ยวอยู่ที่ไหน เราก็ยังเดินกลับไปสั่งชามใหม่ได้ เหมือนกับนกที่พากันบินอพยพหนีความหนาวเย็นไปสู่สถานที่อันอบอุ่น และการเดินทางนั้นพาพวกมันไปได้ครึ่งค่อนโลกในปีนี้


ยังมีเส้นทางอีกครึ่งค่อนโลกให้มันบินต่อในปีหน้า ...





และตอนนี้ได้เวลาที่ผมต้องเดินทางกลับบ้าน ...





บ้านหลังที่สอง ...



บนกึ่งกลางของถนนพิษณุโลก ...




ผมอยากเห็นชามก๊วยเตี๋ยวเส้นเล็กแห้งลูกชิ้น ... ชามนั้น











...

งานคืนสู่เหย้า “อัศวราชราตรี 30 ปี ขาวกรมท่า”
เสาร์ที่ 29 พ.ย. 2551 เวลา 17.00 - 22.30 น.

ได้เวลากลับบ้านกันแล้วครับ ...



หมายเหตุผู้เขียน : เพื่อนที่เป็นประธานรุ่นขอมาครับ เห็นบอกว่าจะเอาไปลงในสูจิบัตรของงาน
เพื่อนฝูงอยากมีเรื่อง .. จ่าโจจัดให้ ... ^__^




Create Date : 15 กันยายน 2551
Last Update : 15 กันยายน 2551 8:41:55 น. 3 comments
Counter : 524 Pageviews.

 
รวมเล่มเลยค่ะ เป็นกำลังใจให้และรออ่านเสมอนะ..


โดย: รุ่น 5 คนนั้น IP: 118.174.115.126 วันที่: 15 กันยายน 2551 เวลา:11:45:32 น.  

 
บล๊อคนี้ ผมเอาไว้เก็บรวบรวมงานเขียนของผม ในเรื่องที่คิดว่าจะเผยแพร่ได้
และโดยปรกติ ผมจะไม่ค่อยได้โพสต์ตอบในบล๊อค


เหตุผลก็เหมือนอย่างที่ผมเคยบอกไว้ งานเขียน .. คือการที่ผมได้พูด
ในสิ่งที่ผมคิด อย่างเต็มที่ อย่างต่อเนื่อง จนจบกระบวนความ

โดยที่ไม่มีใครขัดระหว่างเรื่องที่ผมเล่า



พอผมพูดจบแล้ว ใครจะคิดยังไง จะรู้สึกยังไง เชิญเต็มที่เลยครับ
และขอขอบคุณจากหัวใจทั้งหมดที่ผมมี ...


เรื่องสั้น ในความคิดของผม เหมือนปล่อยโคมยี่เป็งให้ลอยขึ้นไปบนฟ้า
พอผมปล่อยมือแล้ว มันก็ไม่ใช่ของผมอีกต่อไป

ถ้ามีใครมาเห็น แล้วบอกว่าสวยจังเลย .. ก็แล้วแต่
หรือถ้าจะมองว่ามันเป็นแค่ถุงกระดาษสา ที่มีไฟลุกอยู่ข้างใต้ .. ก็ตามใจ






แล้วมันจะลอยไปได้สูงถึงเพียงไหน ก็แล้วแต่มัน ...





ส่วนผม จะนอนมองประกายไฟ มันวิ่งขึ้นไปบนฟ้า และค่อย ๆ ไหลไปกับสายลม ........












โดย: จ่าสิบเอกโจ วันที่: 15 กันยายน 2551 เวลา:12:29:16 น.  

 
มาแอบอ่านแย้วนะคะ.. อิอิ....


โดย: *C-girl* วันที่: 20 กันยายน 2551 เวลา:20:31:39 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

จ่าสิบเอกโจ
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




" I sit and talk to God

And he just laughs at my plans

My head speaks a language

I don't understand ... "

...
Group Blog
 
<<
กันยายน 2551
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
15 กันยายน 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add จ่าสิบเอกโจ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.