เรือนเจ้าจันทร์

<<
พฤษภาคม 2559
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
7 พฤษภาคม 2559
 

สาปแสงจันทร์



 ...ความรู้สึกแรกที่ปั้นแต่งนวนิยายเรื่องนี้ขึ้น มาจากแรงบันดาลใจเล็กๆเมื่อออกเดินทางเท่านั้น ความยากนั้นมีอยู่มากเลยทีเดียว ด้วยตัวเองนั้นไม่ถนัดในงานเขียนแนวนี้สักนิด
...หากเมื่อคิดอีกที การที่เรารักอยากเป็นคนเขียนหนังสือ ครั้งจะสร้างเรื่องราวในแนวเดิมๆ สักวันก็คงเบื่อหน่ายกับความจำเจ 
...จึงร้องขอกับหัวใจตัวเองว่า

"เธอลุกขึ้นมาและทำในสิ่งที่ไม่ถนัดดูบ้างสิ!"











บทที่ 1

สายฝนที่โปรยปรายลงมาตั้งแต่หัวค่ำทำให้ถนนสายเล็กๆนั้นยังชื้นแฉะ บางช่วงมีหลุมบ่อต้องคอยหลบหลีกอยู่บ่อยครั้ง หากคนขับก็อาศัยความเคยชินจึงตะลุยผ่านไปได้ตลอดสองข้างทางแม้จะมีบ้านเรือน แต่เงียบสงบเนื่องจากเป็นเวลาค่อนดึกแล้ว

สุดปลายทางรถเลี้ยวเข้าสู่ซอยตันค่อนข้างมืดเห็นกำแพงรั้วสีขาวเป็นเงามัวทอดเป็นแนวยาว คนขับชลอความเร็วลงจนจอดสนิทก่อนจะเปิดประตูรถก้าวลงมาประตูรั้วหนาหนักทำด้วยไม้เปิดแง้มไว้เพียงเล็กน้อยราวรอคอยการมาของใครคนหนึ่ง

“อีกแล้ว…โดนฝนเข้าหน่อยก็ฝืดขึ้นมาเชียว”

คนพูดออกแรงดันมากกว่าปกติ สภาพประตูรั้วกับตัวบ้านอายุขัยยาวนานกว่าคนเปิดหลายสิบปี‘บ้านตึก’ ที่แทรกตัวอยู่ทามกลางเงาไม้ครึ้ม สงบร่มเย็น ที่นี้ละม้ายวันเวลาจะหมุนช้า ขณะที่บ้านหลังอื่นแปรเปลี่ยนไปตามยุคสมัยเพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียงเองยังไม่มีใครรู้แน่ชัดว่า คนอาศัยในบ้านตึกเป็นอย่างไรนอกจากคนเปิดประตูที่มักนำขนมฝรั่งมาแจกในเทศกาลปีใหม่ก็เท่านั้นเอง

“คืนนี้กลับมาซะดึกเลยนะ”

ร่างเล็กที่เดินออกจากตัวบ้านกางร่มคันใหญ่ดวงไฟสีนวลริมรั้วส่องกระทบร่างนั้นคลับคล้ายศิลาสลักที่เคลื่อนไหวได้

“ลูกทัวร์ชวนกินข้าว ร้องเพลงนี่คุณย่าขึ้นนอนแล้วซิ”

“นอนตั้งแต่หัวค่ำแล้วจ๊ะ บ่นหนาว…วันนี้ตกทั้งวัน”

คนพูดเปิดประตูให้กว้างความคุ้นเคยทำให้ไหลลื่นไปด้วยดีรถยนต์กลางเก่ากลางใหม่จึงเคลื่อนเข้าจอด ณ ลานปูนหน้าบ้านกลิ่นของดอกราตรีขจรขจายตามสายลมยามดึก ร่างโปร่งระหงของมัสลินก้าวเข้าสู่ตัวบ้าน ห้องกว้างปูด้วยไม้กระดานแผ่นโตขัดเป็นเงารอบห้องเป็นตู้ไม้แบบโบราณบรรจุงานฝีมือพื้นถิ่นแถบอีสาน ที่คุณทวด คุณปู่แม้กระทั่งบิดาของเธอได้รับราชการ ณ ดินแดนแถบนั้นเพื่อนหลายคนของหญิงสาวเมื่อได้มาเยี่ยม ‘บ้านตึก’ มักกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า

“เย็นยะเยือก วังเวง”

หากสำหรับเธอแล้ว ‘บ้านตึก’ คือโลกใบน้อยที่คอยโอบอุ้มเด็กหญิงกำพร้าให้เติบโตขึ้นมาสายโยงใยจากผู้เป็นย่าและบิดาทำให้เด็กหญิงไม่รู้สึกขาด

…แม้ยามเป็นเด็กประโยคที่ถูกถามมากที่สุด

“แม่ของมอสไปไหน?”

“แม่ของเราไปเที่ยวสวรรค์!”

ครั้นเมื่อเติบใหญ่ทำให้เจ้าตัวรู้ว่า ‘มนุษย์’ ย่อมหนีไม่พ้นการพลัดพราก ช้าหรือเร็ว ทุกอย่างย่อมเป็นไปตามกรรม ความเคร่งครัดในพุทธศาสนาของผู้เป็นย่าได้เพาะบ่มความศรัทธาให้บังเกิดและนำมาดำเนินชีวิตอย่างเรียบง่าย

“คุณมอสจะกินข้าวอีกหรือเปล่าเดี๋ยวหนูจะอุ่นต้มจืดให้ป้าทองใบทำไว้เสียหม้อใหญ่”

เด็กสาว ‘ต้อยติ่ง’ ยังมีใจเอ่ยถามแม้หนังตาจะปรือจนแทบลืมไม่ขึ้น เพราะคำสั่งของคุณย่าเจ้าตัวมักจะขัดไม่ค่อยได้

“ไม่ล่ะต้อยติ่งไปนอนเถอะดึกแล้ว”

มัสลินก้าวขึ้นสู่ชั้นสอง ตัวบ้านหลังใหญ่ปลูกสร้างตั้งแต่สมัยคุณทวดหากดูแลรักษาเป็นอย่างดี ทำให้ไม่ทรุดโทรมไปตามกาลเวลา ห้องนอนของหญิงสาวอยู่ทางปีกขวาของตัวตึกความเคยชินทุกคราวเมื่อย่างกายเข้าสู่ห้องส่วนตัว เธอมักเปิดหน้าต่างให้กว้างแสงสีนวลของดวงไฟเรืองรองจากห้องรับแขกของเรือนหลังเล็กที่ก่อนหน้านั้นคุณย่าได้ให้ครอบครัวอเมริกันเช่าอยู่หลายปี ก่อนจะย้ายออกไปเมื่ออาทิตย์ก่อน

เงาดำของใครคนหนึ่งทาบทับอยู่ตรงหน้าต่างระยะห่างหลายสิบเมตรจากบ้านตึกกับเรือนหลังเล็กทำให้มองเห็นไม่ชัดคนแลไปยังรู้สึกแปลกๆ เมื่อหยุดมอง ‘เงา’ นั้นก็หยุดนิ่ง หากเมื่อมองซ้ำ ‘เงา’ นั้นก็เคลื่อนจากไป

“…คงมีคนมาเช่าใหม่”

มัสลินหมดความสนใจหยิบผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่เดินไปเข้าห้องน้ำกว่าจะอาบน้ำขึ้นเตียงนอนก็ดึกมาแล้ว แต่สิ่งหนึ่งที่หญิงสาวไม่เคยลืมเลย ‘คำสั่งคุณย่า’

“สวดมนต์ก่อนนอนทุกคืนนะลูก อานิสงส์จะได้เจือจานถึงเจ้ากรรมนายเวร… หนักจะได้กลายเป็นเบา”

และหญิงสาวก็ทำตามคำสั่งนั้นมาตลอดจะมีบ้างในค่ำคืนที่เหน็ดเหนื่อยจากงาน อาจทำให้บทสวดนั้นขาดหายไปเพราะความง่วงงุน….ในอาการครึ่งหลับครึ่งตื่นเช่นนั้น เสียงดนตรีอ่อนหวานท่วงทำนองแปลกหูมักจะลอยล่องเข้ามาในสมอง…บางครา…เมื่อหัวถึงหมอนเธอก็ดำดิ่งสู่นิทราอย่างรวดเร็ว

และเมื่อนั้นเธอจะอยู่ท่ามกลางเทวสถานขนาดใหญ่…ลวดลายสลักเสลาตามผนังศิลางดงามยิ่ง เสียงลำนำอ่อนหวานก้องกังวานหลายคราของความฝันเธอมักเห็นตัวเอง ในเครื่องแต่งกายแปลกตา กำลังร่ายรำตามจังหวะลำนำการย้อน ‘กลับไปมา’ของความฝันทำให้เธอรู้

…บางอย่างกำลังรอเวลา

…แต่คืนนี้เธออยู่ในสถานที่แห่งหนึ่ง ลานกว้างโอบรอบด้วยศิลาทรายที่นำมาวางซ้อนกันเป็นรูปร่างต่างๆรอบกายคือพระพักตร์ที่ปั้นด้วยหินทรายนับสิบนับร้อย ที่สอดส่องลงมา ณ ตัวเธอ

“มัญชุเกศี…”

ค เสียงนุ่ม ลึก กังวานก้อง

ชื่อใคร…ชื่อใครกัน…หากเธอกระมังที่ก้าวเข้าไปยืนใกล้เทวรูป กลิ่นกำยานลอยล่องมากับสายลมเงาดำ สูง ก้าวเข้ามายืนเคียงข้าง

เธอเคยเห็นภาพเหล่านี้…แต่ที่ไหนล่ะ…จากนั้นภาพอีกอันก็ซ้อนทับขึ้นมา ภาพตัวปราสาทขนาดใหญ่งดงามยิ่งนัก เสียงลำนำเสียงหัวเราะดังแว่วสอดประสานกัน

‘สัจจอธิษฐาน

มัสลินสะดุ้งตื่นเหงื่อเหนียวๆซึมทั่วร่าง ความฝันประหลาดที่พักหลังมักจะเกิดขึ้นซ้ำซาก จนเจ้าตัวเองจดจำชื่อเรียกนั้นได้อย่างแม่นยำ

‘มัญชุเกศี

แสงสว่างจากภายนอกส่องทะลุผ้าม่านเนื้อบางเข้ามาทำให้คนบนเตียงจำต้องลุกขึ้นพร้อมกันนั้นเสียงโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงก็ดังรัวตามมา เจ้าตัวจึงเอื้อมมือไปกดรับ

“พี่โทรมาปลุกครับ”

“ตื่นพอดีค่ะ”

“วันนี้มีโปรแกรมทัวร์ที่ไหนครับช่วงบ่ายพี่อยากให้มอสแวะมาเยี่ยมมหา’ลัยพี่หน่อยมีอะไรอยากให้ดู”

เสียงทุ้มของคนปลายสายทอดอ่อนหวานเฉกเช่นทุกครั้งยามเจ้าตัวต้องการ‘เอาใจ’

“อืม… วันนี้ว่างทั้งวันค่ะ แต่ขออยู่ทานมื้อเที่ยงกับคุณย่าก่อนนะคะไม่อยากให้คนแก่งอนอีก”

สายสัมพันธ์ของเครือญาติห่างๆทำให้ความใกล้ชิดมีมากพอที่จะพูดคุยหยอกเย้ากันได้

“เชิญ…บ่ายสองเจอกันที่ลานอโศก อยากให้พี่ไปรับที่บ้านไหม?”

“อย่าเลยค่ะมอสขับรถไปเองสะดวกกว่า”

หลังวางสายหญิงสาวใช้เวลาอีกครึ่งชั่วโมงสำหรับอาบน้ำแต่งตัว… บ้านมักเงียบสงบเสมอได้ยินเสียงเพลงหมอลำดังแผ่วเบามาจากห้องครัวด้านหลังเมื่อมัสลินเดินเข้าไปจึงเห็นแม่สาวต้อยติ่งกำลังเตรียมอาหารเช้าอย่างขะมักเขม้นกลิ่นไข่เจียวหอมฟุ้งไปทั่วห้อง

“หนูคิดว่าคุณมอสจะลงมาสายเลยไม่รีบหิวหรือยังคะ?”

‘งาน’ ที่ไม่เป็นเวลาทำให้คนในบ้านคาดเดาเวลาตื่นของมัสลินลำบาก

“วันนี้มันตื่นก่อนเวลาไปหน่อยเลยลงมาไว…ฉันขอกาแฟหวานๆเข้มๆแก้วเดียวก็พอ”

มื้อเช้าอันคุ้นชินอาจไม่เป็นที่ถูกใจคุณย่ามากนัก

‘คุณค่าอาหารมันน้อยกว่าน้ำพริกปลาทูเสียอีก’

แม้จะเกษียณจากข้าราชการครูมานานหลายปีหากผู้เป็นย่ายังฝั่งจิตวิญญานของ ‘ครู’ มาใช้กับคนในบ้านอยู่เสคมอและเมื่อนั้นมัสลินก็มักหลบเลี่ยงได้บ้างไม่ได้บ้าง

ทางเดินไปสู่สวน…อาณาเขตด้านหน้าปลูกประดับด้วยไม้ไทยหลากชนิดส่งกลิ่นหอมโรยรินมากับสายลมอยู่เสมอ คุณย่ามักปรารภว่า

“บ้านที่ไร้ต้นไม้ ดูยังไงก็ร้อนรุมถึงจะติดแอร์ทั้งหลังก็เถอะ”

ดังนั้นรอบบ้านจึงร่มรื่นด้วยพรรณไม้ใหญ่น้อย จำปาจำปี เคียงคู่กันอยู่หน้าบ้าน สลับกับไม้พุ่มที่มีกลิ่นหอมชื่นใจอย่างบุหงาสาหรีสวนด้านข้างทอดเชื่อมระหว่างบ้านตึกกับเรือนหลังเล็ก ทางเดินปูด้วยอิฐมอญเป็นระยะต้นไม้ใหญ่แผ่กิ่งก้านก่ายเกยกันจนร่มครึ้ม…มัสลินเดินช้าๆเสียงนกร้องเสนาะใส ให้ความเพลิดเพลินจนลืมสังเกตบรรยากาศรอบตัวเริ่มแปรเปลี่ยน ท้องฟ้าเบื้องบนปกคลุมด้วยผืนเมฆสีดำขนาดใหญ่ สายลมเย็นเยือกพัดวูบ

ในความเงียบ…สงบ…ภาพที่เห็นเริ่มพร่าเลือนราวม่านหมอกหนา เสียงอะไรอย่างหนึ่งแว่วมาไกลแสนไกลไม่ใช่เสียงรถจากถนนหน้าบ้าน…เสียง…คลับคล้าย…ล้อเกวียนบดเบียนกับพื้นหิน เสียงอึงอลของภาษาที่ไม่คุ้นหู แต่เธอกลับรับรู้อยู่ในสมอง

“ไป๊… ไปให้ไวล่มแล้วเมืองสวรรค์…”

ร่างที่เบาหวิวคล้ายจะปลิวปลิดตามกระแสลมเสียให้ได้นั้นเซซบอิงแอบกับต้นไม้ หากภาพเลือนลางเบื้องหน้า เริ่มเด่นชัด ร่างสูง กำยำผิวเนื้อเหลืองนวลในชุดเครื่องแต่งกายแปลกตา ริมฝีปากได้รูปแย้มยิ้มประหนึ่งยินดีหากแววตาล้ำลึก เหี้ยมเกรียม

“ใครล่ะ?”

หญิงสาวยกมือขึ้นลูบใบหน้า เหงื่อซึม ใจสั่นระริกพยายามตั้งสติเพ่งมอง

“เป็นอะไรรึ หน้าคุณซีดเหลือเกิน”

ร่างสูงสมส่วนในเครื่องแต่งกายสุภาพ ดวงหน้าละม้ายศิลาสลักคิ้ว สันจมูกกับริมฝีปากรับกันราวปั้นแต่ง หากดวงตาล้ำลึกอย่างประหลาด

คลับคล้ายจะเคยพบ…แต่ไม่เคยพบ

มัสมินรู้สึกเหมือนโลกจะหมุนกลับมาที่เดิม

“เปล่าค่ะ…แค่พักผ่อนน้อยเกินไป”

“ผมเป็นผู้เช่าใหม่เพิ่งย้ายเข้ามาบ้านหลังนี้ไม่กี่วัน…มีอะไรก็ช่วยแนะนำด้วย”

เสียงอย่างนี้เธอเคยได้ยินที่ไหนมาก่อนสมองของมัสลินเริ่มคิดค้น หากทุกอย่างมืดมนไร้คำตอบ…

“ค่ะ…ขาดเหลืออะไรก็บอกกับต้อยติ่งได้ฉันคงต้องขอตัวก่อน”

เมื่อคล้อยหลังมัสลินระบายลมหายใจแผ่วเบาคล้ายผ่อนคลายความรู้สึกเมื่อครู่ราวถูกจองจำ…กลีบผการ่วงหล่นเกลื่อนพื้นเท้าที่ก้าวย่างเร่งรีบเร็วขึ้น กลิ่นกำยานอบอวลลอยล่อง

ลานกว้างร่มรื่นด้วยกิ่งก้านของต้นอโศกที่แผ่ขยายออกไปทั่วเสียงพูดคุยสั่งการคละเคล้ากับกลุ่มผู้คนหลากหลายที่กำลังตระเตรียมสถานที่

“มอสทางนี้”

บุรุษเจ้าของเรือนร่างสูงใหญ่ให้สัญญานมือกับหญิงสาว

“งานแสดงอะไรคะพี่ฉันท์

มัสลินเอ่ยถามพลางทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ที่อีกฝ่ายเลื่อนมาให้

“ระบำอัปสรา…ระบำโบราณของเขมรเคยดูหรือเปล่า

“ไม่เคยค่ะ”

“เป็นไกด์ยังไงไม่รู้จักระบำเขมร แล้วจะอธิบายลูกทัวร์ได้รึ”

ด้วยพื้นของคนถามคือนักวิชาการประวัติศาสตร์บางคราอาจดูคร่ำเคร่ง

“ลูกทัวร์มอสสนใจแต่จะเล่นกอล์ฟกับร้องคาราโอเกะมากกว่าค่ะ”

คนตอบกลั้วหัวเราะสดใส

เสียงดนตรีบรรเลงเริ่มดังระรัวขึ้น เหล่านางรำในเครื่องแต่งกายงดงามแปลกตาเริ่มเคลื่อนออกจากหลังต้นไม้ใหญ่ท่วงทีอ่อนช้อย พริ้วไหวไปกับท่วงทำนองดนตรีแสนแปลกหู กลุ่มหมอกควันสีขาวลอยล่องภาพตรงหน้าเริ่มสลัวลางคล้ายถูกบดบังด้วยม่านหมอกสีขาว มัสลินกระพริบตาถี่ร่างกายเบาหวิวราวไร้น้ำหนัก

ครั้นเมื่อเปิดเปลือกตาขึ้นอีกครั้งภาพตรงหน้าแจ่มใสชัดเจน จะผิดแผกก็สถานที่ลานคอนกรีตใต้ต้นอโศกเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นเทวาลัยขนาดใหญ่ ด้านหน้าเป็นลานกว้าง กระแสลมพัดวูบไล้ผิวกายจนเย็นเยียบ

“ที่ไหน?”

คำถามดังก้องอยู่ในหัวสะท้อนกลับไปมาหากไร้ซึ่งเสียงกระซิบตอบร่างงามระหงที่เคลื่อนย้ายตามจังหวะลำนำ เริ่มเด่นชัด ผมสีเข้มตอนบนมุ่นเป็นมวยปักแซมด้วยดอกไม้ชนิดหนึ่ง ตุ้มหูพวงใหญ่ห้อยระย้า สวมกำไลต้นแขน ภูษาสีอ่อนกับผ้านุ่งชายซ้อนงดงามจับตาดวงหน้านวลกระจ่างตาระบายยิ้มยวนยั่ว

“เหมือนตัวเรา!”

ในความมัวมนระหว่างกึ่งฝันกึ่งจริง เจ้าตัวยังรำพึง

“มัญชุเกศี…เจ้ามันโลเล”

เสียงตัดพ้อละม้ายเสียงใครผู้หนึ่ง ในความรู้สึกล่องลอยคล้ายเคลิ้มฝันนั้นดูเหมือนเสียงนั้นจะสะท้านสะท้อนราวผู้พูดขุ่นเคืองนักหนา มัสลินพยายามตั้งใจจับสำเหนียงแห่งเสียงนั้นให้ชัดหากแล้วก็แผ่วหายจากไป

“ใครกัน!”

หญิงสาวหลุดปากออกไปอย่างหงุดหงิด

“เป็นอะไรหรือมอส

คำถามนั้นทำให้มัสลินสะดุ้งเบิกตากว้างขึ้นทันที

“เปล่าค่ะ…”

“เปล่ายังไงเสียงดังขนาดนั้น หรือผีนางรำเข้าสิง

ฉันทะกะหลุดปากออกไปพลางหัวเราะสนุก หากมัสลินเริ่มมีคำถามให้กับตัวเองภาพและเสียงเมื่อครู่เกิดขึ้นได้ยังไงกัน แม้ยามหลับก็ยังตามติดเฉกเช่นเงา

“มอสคงพาลูกทัวร์ไปวัดบ่อย จินตนาการเลยเต็มหัวไปหมด”

หญิงสาวบอกปัดไปแต่เธอจะบอกเล่าให้ใครฟังได้ว่าความฝันประหลาดที่เกิดขึ้นซ้ำๆซากๆนั้น มันบั่นทอนชีวิตประจำวันของเธอมากน้อยแค่ไหนมัสลินเคยคิดจะไปพบจิตแพทย์ หากแล้วก็เปลี่ยนใจ

‘เรายังไม่บ้า!แค่เห็นโบราณสถานมากไปเท่านั้น’

แต่แล้วความฝันเหล่านั้นก็ยังดำเนินต่อไปเหมือนภาพยนต์ที่ฉายซ้ำกลับไปกลับมาเช่นเดิม

‘อาการย้ำคิดย้ำทำ’




Create Date : 07 พฤษภาคม 2559
Last Update : 7 พฤษภาคม 2559 16:05:10 น. 1 comments
Counter : 1081 Pageviews.  
 
 
 
 
รออ่านต่อค่า
 
 

โดย: ชิฟฟ่อน (ชิฟฟอนคาปูชิโน่ ) วันที่: 7 พฤษภาคม 2559 เวลา:19:02:00 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

เอริชา
 
Location :
พระนครศรีอยุธยา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ผู้หญิงเขียนฝัน และเพ้อเจ้อจนเป็นเรื่องราว
[Add เอริชา's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com