หมู่บ้าน Pinerolo (ตูริน, อิตาลี) # 2 : ชมวิวโบสถ์ หมู่บ้านและบริเวณที่เคยจองจำ Man in the iron mask กลับมาแล้วคร่าเพื่อนๆ สบายดีนะคะ มาเที่ยวกันต่อเลยดีกว่า จากตอนเดิมนั้น จขบ. พาเพื่อนๆไปดูตลาดนัดกัน มาตอนนี้ขอพามาชมส่วนที่เป็นเมืองเก่าของหมู่บ้านนี้กันเลยดีกว่าค่ะ โดยตอนนี้จะแบ่งออกเป็นสามตอน (บล๊อก) ค่ะ เพราะว่ารูปค่อนข้างเยอะ ตอนแรกจะพาชมวิวบนเนิน ชมโบสถ์ วิวหมู่บ้านและบริเวณที่เคยเป็นที่คุมขัง Man in the iron mask ซึ่งเป็นตอนที่เพื่อนๆกำลังอ่านอยู่นี่แหละค่ะ :D ตอนถัดไปจะพาชมเมืองเก่า ดูตึกเก่าๆ และตอนสุดท้ายจะพาชมโบสถ์ที่อยู่ที่ตีนเนินและตึกรามบ้านช่องแถวนั้นค่ะ มาเริ่มตอนแรกกันเลยดีกว่าค่ะ วันที่ไปนั้น เป็นคนละวันกับวันที่ไปเดินตลาด อากาศแจ่มใส แดดจ้า รูปที่ถ่ายก็เลยออกมาดูดีหน่อยค่ะ ก่อนไปนั้นก็ตัดสินใจกันว่าจะจอดรถไว้ที่ไหน ระหว่างตีนเนิน หรือยอดเนิน จขบ.เลยขอจอดยอดเนินค่ะ แบบว่าขอสบายก่อน แล้วขอลำบากทีหลัง เพราะว่าตอนหลังจะต้องเดินขึ้นเนิน เพื่อกลับมาที่ลานจอดรถน่ะค่ะ :( เอ้า ตอนนี้มาถึงยอดเนินแล้ว จขบ. ก็แวะชมบรรยากาศรอบๆ โบสถ์ตามระเบียบค่ะ โบสถ์แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1222 และนอกจากนี้ยังเป็นที่ฝังศพของเจ้าชาย Acaya แห่ง Pinerolo ค่ะ      นอกจากนี้ ที่ด้านหลังโบสถ์แห่งนี้ เราสามารถชมวิวของหมู่เมือง Pinerolo ได้ค่ะ โชคดี ที่ท้องฟ้าแจ่มใส่ทำให้สามารถเห็นวิวหมู่บ้านชัดเจน ส่วนมากหลังคาที่นี้จะเป็นที่ส้มทั้งนั้นเลย...        เอ ว่าแต่ว่าบริเวณที่ขัง Man in the iron mask อยู่ตรงไหนนะ จขบ. ก็เดินหาไปทั่วแต่ยังไม่เห็น เดินไปเดินมาเห็นป้ายท่องเที่ยวค่ะ เค้าเขียนไว้ว่า สถานที่กักขัง Man in the iron mask นั้นได้ถูกทำลายไปแล้ว ตอนนี้ได้ถูกสร้างเป็นลานจอดรถดังในรูปข้างล่างนะค่ะ เสียดายจัง เค้าน่าจะเก็บไว้เนอะ  ป้ายท่องเที่ยว  ลานจอดรถ เดิมเคยเป็นที่คุมขัง Man in the iron mask ค่ะ  Man in the iron mask บางคนเชื่อว่าเป็นน้องชายฝาแฝดของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แต่ทว่าไม่มีหลักฐานแน่ชัด และนอกจากไม่มีผู้ใดเคยเห็นหน้าที่แท้จริงของ Man in the iron mask มาก่อนเลยค่ะ รูปภาพจาก //en.wikipedia.org/wiki/Image:Man_in_the_Iron_Masque.jpg
***** จบตอน *****
หลังคาสีส้มทั้งเมืองเลย
 ว้า...ที่คุมขังกลายเป็นลานจอดรถไปซะแล้ว ไม่น่าเลยนะคะ เค้าน่าจะรักษาไว้เนอะ  โดย: Picike
 วันที่: 25 เมษายน 2551 เวลา:1:46:52 น.มาบล๊อคนี้ทีไร สบายตา สบายใจทุกทีเลยค่ะ ได้ดูวิวสวยๆ เพินตาดี เพราะคงไม่มีโอกาสจะได้ไปดูเอง
ขอบคุณที่เอามาฝากนะคะ  โดย: grippini
วันที่: 25 เมษายน 2551 เวลา:3:03:59 น.มาตามไปเที่ยวด้วยคนนะคะ ชอบหลังคาบ้านสีสวยจังค่ะ
โดย: Suessapple
วันที่: 25 เมษายน 2551 เวลา:3:04:52 น.ตามมาเที่ยวด้วยคนนึง ภาพสวย บล้อกสวย เรื่องเล่าสนุกสนาน
อยากได้โค๊ดแต่งบล้อกแบบนี้มั้งจัง ขอบคุณครับ โดย: ตี๋น้อย (Zantha
 ) วันที่: 25 เมษายน 2551 เวลา:7:45:43 น.อ้าว เสียดายจังเลยค่ะ ของเก่าๆแบบนั้นเขาน่าจะเก็บเอาไว้
ขอบคุณที่พาเที่ยวนะคะ โดย: ณ มน
วันที่: 25 เมษายน 2551 เวลา:11:00:14 น.แวะมาเที่ยวด้วยคนค่ะ
ช่วงนี้ไม่ค่อยได้ไปเที่ยวไหนเลย โดย: Yai Kaew
วันที่: 25 เมษายน 2551 เวลา:15:49:00 น.น่าเสียดายที่ ที่ขังโดนรื้อไปทำลานจอดรถนะครับ... เก็บไว้จัดเป็น museum เล็กๆก็ยังดี... โดย: Flying Dragon of WDC
วันที่: 25 เมษายน 2551 เวลา:17:53:34 น.อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณrambujan
เช้านี้ดีจังเลยค่ะ ตื่นมาโอเล่ได้เที่ยวกับคุณ rambujan ขอบคุณค่ะที่พานำเที่ยว โดย: โอน่าจอมซ่าส์
 วันที่: 25 เมษายน 2551 เวลา:22:27:35 น.อยากเห็นเหมือนกันค่ะที่คุมขัง man in the iron mask
แต่เอ ทำไมต้องใส่หน้ากากด้วยเหรอคะ มีความเป็นมาอะไรพิเ๋ศษหรือเปล่า  โดย: thaispicy
วันที่: 25 เมษายน 2551 เวลา:22:56:10 น.สวัสดีค่ะ
ขอบคุณเพื่อนๆทุกคนที่แวะมาเยี่ยมนะคะ ตอบคุณ thaispicy ----> ที่ว่า ทำไมต้องใส่หน้ากาก เค้าว่ากันว่าชายที่ถูกใส่หน้ากากเป็นน้องชายฝาแฝดกับพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ค่ะ เพราะว่าถ้ามีเจ้าชายสองคนเนี่ย จะมีปัญหาในการครองบัลลังค์นะคะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่มีประวัติที่แน่ชัดว่าคนที่ถูกสวมหน้ากากนี้เป็นน้องชายฝาแฝดของพระเจ้าหลุยส์จริงๆนะคะ เป็นเพียงแค่คำร่ำรือกัน นอกจากนี้ มีหลายปีก่อน เค้าทำหนังเกี่ยวกับ Man in the iron mask ด้วยเหมือนกันนะคะ เป็นเรื่องที่ลีโอนาโด ดิคาปิโอ นำแสดงนะคะ Man in the iron mask (film) ถ้าเพื่อนๆสนใจลองไปหาดูนะคะ สนุกดีเหมือนกันน๊า โดย: rambujan
วันที่: 25 เมษายน 2551 เวลา:23:15:01 น.บ้านเมืองของเขาสวยจังเลยค่ะ ประวัติศาสตร์ก็น่าสนใจ
ขอบคุณที่ไปเยี่ยมบล็อกค่ะ  โดย: shin chan (alei
) วันที่: 25 เมษายน 2551 เวลา:23:55:25 น.หวัดดีค่ะ
อยากไปเมืองนอกซักครั้งในชีวิตค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะ โดย: prikkhing
วันที่: 26 เมษายน 2551 เวลา:0:50:25 น.มาขอเที่ยวด้วยคนค่ะ วิวสวยจังเลยค่ะ มาอ่านได้ความรู้ด้วยค่ะ
 ไปๆมาๆสองประเทศก็ดีนะคะ เปลี่ยนบรรยากาศด้วยค่ะ แถมทั้งสองประเทศเนี่ยสวยทั้งคู่เลยค่ะ ดีจังเลย โดย: KOok_k
 วันที่: 26 เมษายน 2551 เวลา:3:51:56 น.บ้านเมืองเค๊าสวย และสะอาด อากาศก้ดีจริงๆเลย จขบ ก็ถ่ายรูปสวยดูแล้วเพลินตาจริงๆเหมือนกับว่าตัวเองได้ไปเที่ยวเลยเจ้า
 โดย: แม่เฮือน
 วันที่: 27 เมษายน 2551 เวลา:0:28:11 น.สวัสดียามเย็นค่ะ
ขอบคุณที่แวะไปเยี่ยมที่จันทบุรีค่ะ ขอให้มีความสุขมากๆๆๆนะค่ะ  โดย: iamorange
วันที่: 27 เมษายน 2551 เวลา:17:02:21 น.ชอบบรรยากาศจังเลยค่ะ
ดูน่าอยู่มาก ๆ คุณแรมบูจันถ่ายภาพได้สวย จะมาติดตามอ่านตอนต่อไปค่ะ โดย: ชิงดวง
วันที่: 27 เมษายน 2551 เวลา:22:53:45 น.คุณคงเก่งประวัติฯแน่เลย มันสนุกต่อการเดินตามรอยในสิ่งที่เรารู้ เช่นการที่เราชมเมืองเก่ากรุงศรีฯเราก็เจ็บข้างในนะ การเสียกรุงถึงสองครั้ง และสาเหตุสวนใหญ่ สมัยนั้น ราชวงค์ แย่งราชสมบัติ แบ่งฝ่ายทำให้อ่อน พม่ารู้จุด ของไทย จะยกทัพมาทุกครั้ง โอพีว่าเรื่องแบบนี้มีกันทุกเชื้อชาติ อืมเขียนซะยๅว ลๅนะค่ะแล้วเจอกันใหม่ บ๊ๅๅๅๅย โดย: Opey
วันที่: 27 เมษายน 2551 เวลา:23:19:39 น.สวัสดีคะ ตามมาเที่ยวด้วยคนค้ะ
รูปโบสถ์ ดูคลังจังเลยคะ  โดย: pumorg
วันที่: 28 เมษายน 2551 เวลา:2:07:46 น.เสน่ห์แห่งอิตาลี
น่าไปเที่ยวจัง ภาพสวยมากเลยค่ะ ถ่ายตอนช่วงเดือนไหนเหรอค่ะ แวะมาชวนไปตักบาตรข้าวเหนียวที่หลวงพระบางกันค่ะ โดย: oa (rosebay
) วันที่: 28 เมษายน 2551 เวลา:21:21:51 น. |
rambujan
 ฝากข้อความหลังไมค์ Rss Feed  Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] Group Blog
All Blog
|
||||||||||||
| Pantip.com
| PantipMarket.com
| Pantown.com
| © 2004 BlogGang.com
allrights reserved.
|
|||||||||||||
อยากไปเที่ยวบ้างจัง
ปล.ขอบคุณที่แวะไปเยี่ยมนะคะ