Group Blog
 
 
เมษายน 2557
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
22 เมษายน 2557
 
All Blogs
 
ไก่ทอดเคนทัคกี

ไก่ทอดเคนตัคกี

ย้อนหลังไปห้าสิบกว่าปีก่อนนายจอร์ช มะขาม ยังอยู่ชั้นมัธยมในเขตเฮนเดอร์สัน รัฐเคน ตัคกีตะวันตกติดอกติดใจไก่ทอดที่ร้านหน้าโรงเรียน ซึ่งตั้งชื่อตามทีมอเมริกันฟุตบอลของโรง เรียนชื่อร้าน “เคอเนิลส์แลร์” (ถ้ำผู้การ)และไม่เกี่ยวกับเคเอฟซีของผู้การแซนเดอร์สแต่ประการใดแม้เคเอฟซีจะมาจากรัฐเคนตัคกีเดียวกันก็เถิด

เจ้าของร้านไก่ทอดนั่นชื่อ บิล โก๊ะแต่เจ้าตัวออกเสียงเรียกชื่อตัวเองว่า บิลโก้ ลูกค้าลงความเห็นว่า ในละแวกนั้นไก่ทอดร้าน “ถ้ำผู้การ” ของนายบิลโก้อร่อยที่สุดแม้ว่าไก่ทอดเคเอฟซีของผู้การฮาร์แลนด์ แซนเดอร์ ขณะนั้น เริ่มขยายอาณาจักรไปทั่วร้านคาเฟ่ตามปั๊มน้ำมันทั่วสหรัฐหมดแล้วด้วยสูตรลับไม่รู้ได้มาจากไหนก็เถิดแต่ที่ชาวเขตเฮนเดอร์สันยกให้ไก่ทอดบิลโก้อร่อยเป็นเลิศ ย่อมมิใช่จากกิเลส รัก โลภโกรธ หลง เป็นแน่ แปลว่าของเขาอร่อยจริง ว่าอย่างนั้นเถิด

และไก่ทอดของบิลโก้ก็รสชาติคนละทางกับเคเอฟซีสมัยนั้นโดยสิ้นเชิงเพราะมีพริกป่นกับกระเทียมหมักรสซึมเข้าไปถึงกระดูก ทอดแล้วเปลือกนอกกรอบสีเข้มออกเค็มเหมือนมันฝรั่งฝานทอด ไม่ว่าชิ้นหน้าอก ขา สะโพกส่วนรสชาติไม่เข้าใครออกใครเพราะบิลทดลองกับเครื่องเทศหลายหลากเป็นนานกว่าจะถึงสูตรเด็ด ดอนนา ขิงที่เคยทำงานในร้านบิลโก้ร่วมสิบปีเล่าให้ฟัง ว่ากระทะแรกๆ ที่ออกมานั้นเผ็ดโลดลูกค้าคนไหนกินเข้าไปก็ร้องอู้ แต่หลายคนติดใจ สั่งเอาอีกๆ บิลต้องลดสัดส่วนพริกป่นลงมาจนทุกคนกินได้ ไม่ถึงกับน้ำหูน้ำตาไหล คว้าคนโทไม้ประดับข้างโต๊ะ มากรอกน้ำล้างปากไก่ทอดบิลโก้ขายได้เป็นล้านชิ้นกระมัง

พ.ศ. 2526ครอบครัวบิลโก้อพยพไปเปิดร้านขายไก่ทอดในคาสิโนเล็กๆ ที่ลาสเวกัส รัฐเนวา ดาอนิจจา อีกสิบสามปีถัดมา ทั้งครอบครัวบิลโก้ประสบอุบัติเหตุโดนรถบรรทุกขนาดย่อมชนเสียชีวิตยกครัว เหลือรอดลูกสาวชื่อเชอรีคนเดียวเพราะเดินทางแยกรถกันมา

แต่กิตติศัพท์และตำนานของบิลโก้ไม่ได้หายไปไหนเนื่องเพราะนายจอร์ช มะขาม แกยังจำรสชาติไก่ทอดบิลโก้ได้ติดลิ้นขณะที่เกิดอุบัติเหตุกับครอบครัวบิลโกนั้นแกเข้ามาอยู่ในธุรกิจร้านอาหารได้สองสามปีแล้ว โดยไปเซ้งร้านชำชื่อ “บ็องต็องมินิมาร์ท” บนทางหลวงสาย 41 อยู่ใต้ติดเขตเฮนเดอร์สันนั่นเองร้านชื่อไม่สู้เต็มเต็งนี้ เปิดตั้งแต่ก่อนพอศอสองห้าสองศูนย์ขายอาหารแห้งของใช้ในบ้าน เมล็ดพันธุ์ผัก และอะไหล่รถยนต์เช่นหัวเทียน สายพานต่อมาก็ตั้งโต๊ะบริการอาหารเช้าไม่กี่ตัว ขายขนมปังเนื้อทอดราดน้ำเกรวีไม่กี่อย่าง แต่ชาวไร่ชาวนาแถบนั้นถูกอกถูกใจเพราะไม่มีร้านอื่นให้เลือก ตามลักษณะของร้านริมถนนหลวงสายระหว่างเขต ระหว่างรัฐซึ่งไม่ค่อยมีใครกล้าออกไปตั้งร้านแยกเปลี่ยว

จากนั้น เนื่องเพราะเจ้าของร้านมีอัธยาศัย มิช้ามินานบริการอาหารก็ต้องขยายรวมมื้อเที่ยงเข้าไปด้วยพอต้นทศวรรษสองห้าสามศูนย์ ร้านบ็องต็องก็เลื่องชื่อว่าอาหารดี กินเที่ยงอร่อย

สาเหตุที่ร้านบ็องต็องแขกติดนักหนาก็มาจากคุณดอนน่า ขิง ลูกจ้างเก่าของบิลโก้มาอยู่หน้าเตานี่เองแถมมีไก่ทอดในรายการอาหารเสียด้วย แต่ไม่ได้ใช้สูตรลับของบิลโก้หรอก ตอนนั้นเธอรับสารภาพอย่างอายๆ ว่า จำสูตรไม่ได้และไม่รู้เลยว่าบิลแกปรุงเครื่องหมักอย่างไร เคยมีน่ะเคย แต่ก็ทำหายไปเสียแล้วหรือว่าตำราเปื่อยยุ่ยเผลอลงถังขยะไปแล้วก็ไม่รู้

เรื่องทำกับข้าวกางตำราของคนอเมริกันนี้ใคร่ยืนยันว่าจริงครับ เพราะที่เคยไปกินข้าวบ้านไหนต่อบ้านไหน เขาจะกางตำรานะครับ ไม่ว่าหน้ากระดาษจะช้ำจากรอยวัสดุทำกับข้าวเพียงใดยิ่งเป็นจานหลักนอกจากจานจี่ เช่นสตูชามอบ ของย่างหมัก เขาจะยึดสัดส่วนตามตัวหนังสือเป๊ะๆ อาจจะมีรอยหมึกแก้ลดเพิ่มเครื่องปรุงบางอย่างบ้างให้ถูกปากถูกลิ้นคนในบ้าน แต่แก้แล้วจะถือตามนั้นเสมอ จะไม่ค่อยพึ่งความจำหรือลิ้นชิมชะรอยจะกลัวบาปขั้นปาราชิกทำนองและคำร้องนั้น

ข้างนายจอร์ช เมื่อมาพบดอนน่าอยู่ในร้านเข้าก็ไม่ต้องเสียเวลาตัดสินใจนานเลย ตัวเขาเองก่อนจะเซ้งร้านนี้เคยเปิดร้านชำเหมือนกัน แต่ไม่ถึงกับเปิดร้านอาหาร จึงหวังพึ่งดอนน่าด้านนี้ค่าที่จอร์ช มะขามจำสมัยตัวเองยังสิวเต็มหน้าเพราะไปเป็นลูกค้ากินไก่ทอดฝีมือดอนน่าที่ร้าน “ถ้ำผู้การ” ของบิลโก้ได้ไม่เสื่อมคลาย และถือว่าการได้ดอนน่าซึ่งเปรียบเสมือนมรดกตกทอดเซ้งแถมมากับร้าน ก็เท่ากับได้ผู้จัดการแผนกอาหารมาด้วย

กระนั้น จอร์ช มะขามก็ยังพอประสีประสาเรื่องธุรกิจร้านค้าปลีกพอตัวเพราะพลันที่เข้าครอบครองร้านบ็องต็อง ตะแกเริ่มรื้อชั้นวางของขายในร้านออกเปิดที่สำหรับวางโต๊ะกินข้าวเพิ่มทันที

“ลูกค้าผมแห่กันมาแต่ละคนไม่รู้หิวโซมาจากไหนต่อไหน โต๊ะที่มีอยู่ก็ไม่พอหนักเข้าก็ต้องยืนรอออกไปนอกร้านนั่น ฝนตกแดดออกหิมะท่วม จะร้อนถึงร้อยองศา (ฟาเรนไฮต์)หรือหนาวจนลบยี่สิบ เขาก็ไม่ยั่น ไอ้โต๊ะผมมีแค่สี่ตัวใหญ่ๆ ไม่เคยพอสักทีผมจึงต้องซื้อชุดโต๊ะเก้าอี้มาเพิ่ม ในที่สุด จากร้านชำครึ่งร้านอาหารครึ่งกลายเป็นขายอาหารล้วนๆ แม้ข้างฝาจะยังมีสินค้าเก่าแขวนอยู่อย่างถุงมือช่างหรือชาวไร่อย่างที่หนาๆ นะครับ โถลูกกวาดแล้วก็ถุงพวกขนมขบเคี้ยวของเดิม ขายไม่หมดสักที ก็ยังแขวนอยู่อย่างนั้น ดีไม่มีกะปิน้ำปลาเหลือเพราะเอามาปรุงอาหารหมดแล้ว”

ที่ว่ากะปิน้ำปลาน่ะอาจจะฝอยเกินจริงไปมากนะครับ ไม่ใช่หน่อยหรอก แต่ร้านชำฝรั่งเขาจะมีซอสมะเขือเทศซอสพริกอย่างไม่เผ็ดนัก เพราะแถวเคนตัคกีแม้อยู่ทางใต้แต่ก็ยังไม่ถึงกับชิดฝั่งเม็กซิโก ซึ่งกินพริกเช่นคนไทย แล้วพริกเม็กซิกันนั่นอย่าไปดูถูกเขาเชียว บางชนิดคนไทยว่าแน่ๆ เคี้ยวเข้าไปถึงควันออกหูมาแล้วเหมือนกัน

เอาเป็นว่าของชำประเภทปรุงอาหารนั้นใช้ปรุงอาหารในครัวจนหมด ว่างั้นเถอะ

เมื่อเห็นว่าเจ้าของใหม่อย่างจอร์ชใจป้ำกล้าปรับกล้าเปลี่ยนรับอุปสงค์ ความต้องการของลูก ค้าเช่นนั้น ดอนน่าอดคิดไม่ได้ว่า เอ๊ะ จำเราจะปรับปรุงแสดงฝีมือร่วมสนองความใจถึงของนาย จะดีหาน้อยไม่ซึ่งที่จริง ความคิดของดอนน่าอาจไม่ออกสำนวนลิเกเช่นวรรคที่แล้วก็เป็นได้ แต่เท่าที่กิระดังได้ยินมาอีกว่าคนภาคใต้ของอเมริกาเขาด้อยเรื่องสำบัดสำนวนอยู่เมื่อไรบรรดาเพลงบลูส์ที่มีกำเนิดจากการด้นกลอนสดนั้น ใช่มาจากไหนแต่จากทางใต้ของสหบาลีรัฐอเมริกานี้เอง

เริ่มจากดอนน่าเห็นผนังร้านเดิมที่ตีไม้กระดานเป็นกรอบเป็นแผง ทาสีมืดคล้ำหม่นคร่ำคร่า ไม่น่าทัศนา ไม่ยกระดับบรรยากาศเอาเลยนั่งแล้วรู้สึกอึมครึม อึดอัดไม่สมเป็นร้านอาหารแต่น้อย เธอเลยไปผสมสีจากกระป๋องที่เหลือหลังร้านเดชะบุญได้สีออกชมพู ดูหวานอยู่จากในกระป๋อง ที่ไหนได้ พอทาเข้าไปเต็มผนังแผงสีชมพูบานใหญ่ทั้งร้านนั่นเกินหวานไปเสียแล้ว

เจ้านายเข้ามาตอนเช้าแทบลมจับดอนน่าเอาตัวรอดโดยทำม่านจากผ้าที่เหลือหลังร้านอีกเช่นกัน เป็นสีฟ้ากลางๆ เมื่อติดตั้งพาดสายผสมผะเสกันไปแล้ว เกิดดูดี ให้บรรยากาศระคนอารมณ์เสน่ห์ ประหลาดล้ำขึ้นมาลูกค้าแสดงสีหน้าผ่อนคลายแม้นั่งนานๆ อย่างเห็นได้ชัด ดอนน่าจึงรอดตัวไป

แม้ประตูร้านบ็องต็องจะเปิดเอาตีสี่แต่ดอนน่าเริ่มงานตั้งแต่ตีหนึ่ง เตรียมอาหารเช้า อบขนมเค้ก ขนมปัง ต้มลวกผักสำหรับมื้อเที่ยง

“ที่นี่เราไม่เตรียมกับข้าวด้วยการเปิดอาหารกระป๋องหรือกล่องแช่แข็งสำเร็จรูปนะคะเราใช้แต่ของสดค่ะ ทำกันเองทุกอย่าง เช่นปอกเปลือกแอปเปิลฝานเอามาทอดอบเส้นมันฝรั่งเป็นแพ ต้มมันฝรั่งเป็นแว่นหนาเอามาอบอีกทีของหวานอย่างพายหน้ากล้วยหอม สตรอเบอร์รี ล้วนแล้ว แต่เป็นกับข้าวตำรับทำกินที่บ้านไม่ใช่จานหรูสี่ดาวซึ่งคนแถวนี้เขาไม่กินหรอก”

ไม่ช้าไม่นานทั้งจอร์ชและดอนน่าอดพูดถึงไก่ทอดตำรับบิลโก้ไม่ได้ ว่าถ้ามีคงขายกันระเบิดกว่านี้อีก ดอนน่าได้ที (อีกครั้ง)รับอาสาไปตามหาทายาทคนเดียวของบิลโก้เพราะเธอยังเขียนหนังสือโทรศัพท์ติดต่อถึงกันอยู่ เธอบอกจอร์ชตอนเช้าตรู่ว่า “ส่งอิฉันไปลาสเวกัสซีคะ จะไปเอาตำราไก่ทอดกลับมาให้”

ที่บ้านเชอรี่ในเนวาดาดอนน่ากับเชอรีทดลองกัน จนผสมได้เครื่องเทศสำหรับหมัก และผสมเผื่อจนได้เทียบแรกหนักร่วมร้อยกิโลตามตำรับดั้งเดิมของบิลโก้ ขึ้นเครื่องกลับมาถึงเฮนเดอร์สันเกือบตีห้า กว่าจะขนย้ายแบกแต่ละถังขึ้นรถด้วยตนเองกลับถึงบ้านดอนน่าแทบจะล้มสลบหมดแรง

แต่ดอนน่าบอกว่าที่ทำไปก็เพราะเห็นแก่ร้านบ็องต็อง แล้วก็เห็นแก่เชอรีด้วยอยากให้ตำนานไก่ทอดบิลโก้ของพ่อเธอไม่สูญหายไปไหน สงสารเชอรี่เธอกำพร้าอยู่คนเดียวและเป็นเด็กที่ดอนน่าเคยดู เคยช่วยเลี้ยงมาตั้งแต่เล็ก

สำหรับคนที่ไม่เคยกินไก่ทอดบิลโก้คำแรกที่กัด จะพบแต่ความประหลาดเกินพรรณนา เหมือนกับแฮมบ้านนอก ที่มักเก็บไว้นานๆ ก่อนเอามากินเพราะรสไก่ทอดจะจัดนักหนา ฉุนเครื่องเทศ เค็ม แล้วก็กรอบในคำเดียวกันแต่พอลิ้นคลายประหวั่น ต่อมลิ้นจะพลันเรียกหาอีก อีกภายในสองหรือสามคำต่อมาโลกทั้งโลกจะหดเล็กลงเหลือแค่ความหฤหรรษ์ เอมโอชกับการกินไก่ทอดบนจานตรงหน้านั้นแล้วก็กินกวาดจนไม่เหลือแม้แต่เศษเล็กเศษน้อย

ร้านบ็องต็องมินิมาร์ทเล็กเหลือเกินแถมอยู่นอกเขตเฮนเดอร์สันอีกด้วย จึงชาวเมืองแต่แรกไม่มีใครรู้เลยว่ามีร้านนี้อยู่ทว่า มิช้ามินาน บรรดาแฟนเก่าคอ “ถ้ำผู้การ”เริ่มได้เบาะแส แล้วก็แห่กันมากิน จากนั้นคนทั้งเขตกลายเป็นลูกค้าไก่ทอดขาประจำแน่นขนัด

ไม่เฉพาะเพียงแค่เขตเฮนเดอร์สันด้วยนะเธอ ชาวเคนตัคกีทางใต้รัฐซึ่งได้ชื่อว่าเป็นนักกินไก่ทอดต่างก็ขับรถมากินไก่ทอดบิลโก้ที่ร้านบ็องต็องมินิมาร์ท จนแทบจะเรียกได้ว่าเป็นสถานศักดิ์สิทธิ์สำหรับนักจาริกแสวงบุญจากรสชาติของไก่ทอดเคนตัคกีขนานแท้และดั้งเดิมเลยทีเดียว

“มีลูกค้าหญิงกลางคนจากต่างเมืองคนหนึ่งนะคะเข้ามาในครัวคาดคั้นถามอิฉันว่าผสมอะไรหมักไก่ เธอตู่หาว่าอิฉันใส่กัญชายาเสพติดปู้โธ่ อิฉันบอกว่าไม่มีหรอกค่า ยาเสพต่งเสพติด มีแต่เครื่องเทศล้วนๆ เธอไม่เชื่อบอกว่าถ้าไม่ใส่ยาแล้วไฉนเธออดขับรถไกลๆ มากินทุกบ่อยๆ ไม่ได้”

อนิจจา ร้านบ็องต็องไม่ได้ขยายตู้แช่จึงสำรองที่สำหรับหมักไก่ได้จำนวนหนึ่งเท่านั้น นั่นย่อมหมายความว่า ณเวลาใดเวลาหนึ่ง ไก่ที่หมักไว้จนได้ที่ ก็จะร่อยหรอลงกระทะทอดจนหมด ที่นี้ละซีจอร์ช ไม่พ้นเป็นฝ่ายออกไปรับหน้าลูกค้า

“คุณเคยเห็นลูกค้าโมโหหิวบ้างไหมล่ะลองมาร้านผมเที่ยงๆ วันไหนก็ได้รับรองว่าคุณจะไม่เคยได้ยินเสียงกะต๊ากที่ไหนดังดุเดือดเท่าที่นี่มาก่อนให้ตายสิคุณโต้ง”

จอร์ช มะขามเผยความในใจกับผู้สื่อข่าวท้องถิ่นในที่สุด ก่อนจะเดินงุดๆ เข้าหลังร้านไปแบกลังน้ำมะเน็ด เอามาตั้งเรียงสำหรับทยอยเข้าตู้แช่ไว้บริการลูกค้ารอบต่อไป (๒๑ พ.ค. ๕๐)

ÿ

 




Create Date : 22 เมษายน 2557
Last Update : 22 เมษายน 2557 7:58:28 น. 0 comments
Counter : 2151 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

jangajang
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add jangajang's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.