|
|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
ความรักของพ่อใครว่าด้อย-16(โรงเรียนของลูก)
ในเรื่องความรักที่ให้กับลูกสิ่งที่จำเป็นอีกสิ่งหนึ่งคือโรงเรียนของลูก ผมเป็นคนชลบุรี ดังนั้นเป้าหมายของผมคือ โรงเรียนอนุบาลประจำจังหวัด ซึ่งรับ เด็กอายุ สี่ขวบขึ้นไปแล้ว แต่เมื่อลูกอายุสามขวบ แฟนผม ต้องการเป็นอย่างยิ่งที่จะเอาลูกเข้าโรงเรียนและไม่ต้องการให้ลูกไปเรียนที่ชลบุรี เนื่องจาก ไม่ชอบที่จะอยู่กับครอบครัวพ่อแม่พี่น้องผมและ หากผมไปอยู่เช่นนั้นนั่นคือ ครอบครัวจะแยกออกเป็นสองส่วนเพราะผมจะต้องอยู่กับลูก แต่ผมก็ได้พยายามบอกแล้วว่า ปัญหามีทางแก้หากสองคนถอยคนละก้าวแล้วก้าวใหม่เข้าหากันคนละครึ่งทาง แล้วจะอยู่ด้วยกัน ได้ อนุบาลหนึ่งของลูกสาวจึงเรียนกับโรงเรียนแถวบ้าน เรียกว่าเป็นโรงเรียนวัดก่อนเลยว่างั้นเถอะ กลางปี ผมย้ายทะเบียนบ้านลูกไปอยู่ชลบุรี เพื่อเตรียมความพร้อมว่าปีหน้าลูกสี่ขวบครึ่งจะเอาเข้าโรงเรียนอนุบาลชลบุรี แต่แล้ว ระหว่างนั้นสิ่งที่ผมได้รับคือคำด่าว่าดูถูกสบประมาทนับไม่ถ้วนเกี่ยวกับโรงเรียนเพื่อที่ จะให้ผมไม่เอาลูกไป อยู่ ความโกรธแค้นย่อมฝังใจผมมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะอย่างที่เขียนไว้ในตอนที่สิบห้า ผมถือมากในเรื่องผู้มีพระคุณใครลบหลู่กันไม่ได้ แล้ววันหนึ่งที่แตกหักก็มาถึง วันนั้น ลูกจะจบอนุบาลหนึ่งพอดี แล้วเป็นวันสิ้นเดือน มกราคมผมจ่ายเงินเดือนแฟน เขาต้องการเงินไปทำธุระอื่นด้วยผมก็บอกว่าให้เพิ่มกว่านี้ไม่ได้ เพราะช่วงนี้ หมุนเงินไม่ทันแล้วเพิ่งฟื้นตัวมา เงินจำกัดมาก เขาเอาเงินทั้งหมดเหวี่ยงใส่ผมแล้วจากไป ผมขับรถไปโรงเรียน ลูกรับลูกไปชลบุรี คิดในเวลานั้นว่า จะไม่เอาลูกกลับกรุงเทพฯแล้ว ใครมายุ่ง น่าดู ตกเย็น แฟนโทรมาบอกว่า ให้เอาลูกกลับไม่งั้นแหลกเช่นกัน สิ่งที่ผมรู้แล้วว่า อะไรจะเกิดทุกคนที่ชลบุรีรู้ ว่ามีการแตกหักเกิดขึ้นแน่ แต่ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดเท่านั้น สองทุ่มผมเอาลูกเข้านอนแล้ว นั่งเก็บตัว ในห้องนอนที่เคยนอนตั้งแต่เด็ก บนโต๊ะทำงาน ปืน บาเรตตา 9มม. วางอยู่ตรงหน้า ใจนั่งคิดว่า นี่ฉันต้องรุนแรงขนาดนี้แล้วหรือ ฉันทำถูกแล้วหรือ กับอีกความคิดหนึ่ง ต้องปกป้องลูกและพ่อแม่พี่น้องในครอบครัวหากมีการใช้กำลังแล้วพลาดไปโดนคนในครอบครัว แฟนผมต้องตาย ตอนนั้นผมกำลังทำใจให้สงบเพราะคนที่จะฆ่าคนได้ใจต้องนิ่ง สมาธิต้องมีไม่งั้นพลาดแน่แล้วซวยหนักเลย คิดแม้กระทั่งว่า ทำเสร็จแล้วทรัพย์สินส่วนตัวโอนให้ใครเพื่อให้ดูลูกก่อนผมเข้าคุก มองดูแล้วเหมือนเป็นเรื่องที่ เกินจริงแต่นี่คือเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในสงครามแย่งลูก 21.00 น. เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นในบ้านอีกครั้ง เฮียโทรมา ลงมารับหน่อย เสียงแม่พูด ผมรีบวิ่งไปรับโทรศัพท์เฮียซึ่งเป็นนายเก่าที่ผมรักเหมือนพ่อคนหนึ่ง ทำอะไรคิดก่อนนะ แรกกันมันไม่คุ้มหรอกคนอย่างเขากับเรา เขาห่างเรามาก อย่าเอาชีวิตไปแลก เก็บอาวุธ ห้ามต่อสู้อะไรเขามาเอาลูกให้เขาไป แล้วเราหาทางเอาคืนได้ เรามีเงินมี กำลังคนมากกว่า และที่สำคัญสติปัญญาที่มากกว่า เราต้องชนะ เชื่อเฮียนะ ครับนี่คือคำสอนและสั่งในที ผมเก็บทุกอย่างลงโต๊ะ นั่งรอเวลาแฟนมาเอาลูกคืนไม่มีการต่อสู้ใดๆ คงเหลือแต่ มีดเล็ก ๆ กันไว้หากมีการพลาด ผมเชือดคอเมียทิ้งทันที !! แล้วห้าทุ่มเขาเหมารถจากกรุงเทพฯมารับลูก ในเสื้อมีมีดเล็กเช่นกัน แต่ไม่มีใครสังเกตุนอกจากผมกับป้า เห็น แต่ก็เฉยไว้เพราะในใจกะว่าเข้าใกล้ผู้ใหญ่ในบ้านระยะห่างไม่เกินห้าเมตรผมจัดการได้แน่นอน เขาเดินดิ่งเข้าไปห้องลูกสาวไปอุ้มลูกแล้วเดินออกไปทันที ก่อนจาก น้ำหน้าอย่างพวกแกหรือจะมาเลี้ยงลูก KU จบครับการเป็นสะใภ้ของเขากับครอบครัวผมจบลงนาทีนั้น เขาไม่ต้องมาเหยียบบ้านผมอีกต่อไปแล้ว นับจากวันนั้นผมทิ้งทุกอย่าง สิ่งที่ผมต้องทำเวลานั้นคือ ปรึกษาทนายความ คุยกันยันอัยการ ว่าจะทำไง ที่จะได้ลูกคืน แล้วฟ้องหย่าด้วย เพราะคนแบบนี้เอาไว้ไม่ได้แล้ว สี่เดือนนับจากวันนั้นชีวิตผมอยู่กับน้ำตาที่ร้องไห้คิดถึงลูก มีแค่น้องในเนทสองสามคนโทรมาคุยให้กำลังใจตลอดเวลา ไม่มีแม้จะผ่านไปบ้านแถวกรุงเทพฯ แค่ใช้เด็กไปสืบดูว่า เขาจะทำไงกับชีวิต เขาไปหางานทำ ทิ้งลูกไว้กลางคืนกับพี่สาว ต้องทำงานหนักทั้งกลางวันกลางคืน ลูกสามขวบ กำลังกินนม หนักมาก กินจุทุกอย่าง ครับต้องอดทน รับรู้ทั้งน้ำตาว่าลูกอด ไม่ได้กินอิ่มกินเต็ม ไม่สบายเหมือนอยู่กับพ่อ แต่ช่างพ่อได้ลูกเมื่อไร ลูกอิ่มเมื่อนั้น แล้วเขาจะลืมทุกอย่างได้ แล้วในที่สุดผมก็แพ้ เพราะคิดถึงลูกไม่ไหว ทุกคืนเคยได้นอนกอดลูกแต่เกิด ห่วงลูกแล้วสิ่งที่ผมคิดเวลานั้น ผมปล่อยไป ตามที่ผู้ใหญ่ว่าคงไม่ได้เพราะลูกนับวันต้องโตขึ้น นิสัยเขากำลังสร้างขืนให้แม่เขาหล่อหลอมคงเป็นแค่ขยะชิ้นหนึ่งใน สังคมแน่ เพราะแม่ที่ไม่มีความสามารถใดๆ เป็นแต่ฟุ่มเฟือย เห่อเหิม เห็นเงินเป็นพระเจ้า ผมต้องไปดูลูกผม ใครจะว่าผมอ่อนแอ ผมยอม ผมเดินทางกลับกรุงเทพฯ คิดอย่างเดียวอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด อะไรทนได้ก็ทน ทนไม่ได้ก็ต้องทน!! เพราะ เราต้องทำเพื่อลูก เพราะผมเป็นพ่อที่เป็นนักเที่ยวมาก่อน มีลูกสาวทำให้ต้องห่วงมากเป็นกำลัง พรุ่งนี้ผมจะเขียนต่อว่าอะไรเกิดเมื่อผมกลับกรุงเทพฯ อีกคราว
Create Date : 24 มกราคม 2548 |
Last Update : 24 มกราคม 2548 6:58:21 น. |
|
1 comments
|
Counter : 318 Pageviews. |
|
|
|
โดย: _Vinjard_ วันที่: 24 มกราคม 2548 เวลา:19:37:46 น. |
|
|
|
| |
|
|