BlogGang.com : : จมื่นไวกว่า : พาเพื่อนตามรอยแม่พลอย-2

พาเพื่อนตามรอยแม่พลอย-2

วันก่อนเล่าเรื่อง เที่ยววัง ไว้บ้าง ก็ว่าวันนี้จะเล่าต่อแต่แหม เข้าวังแล้วไม่พูดเรื่องพระที่นั่งจักรี ก็ดูจะเหมือนไมได้ เข้าวัง เพราะพระที่นั่งองค์นี้ก็ เหมือนกับเป็นภาพของวังหลวงเลยทีเดียว สมัยก่อน ยังไม่มีพระที่นั่งองค์นี้มาสร้างเอา สมัย รัชกาลที่ห้าที่สร้างเป็นแบบไทยผสมฝรั่ง พอพูดถึงตรงนี้ แล้วคงได้ ยินแม่พลอยพูด ถึง พระเจ้าอยู่หัวองค์นี้ ในหลายแบบ
“สมเด็จที่บน” บ้าง เรียกว่า “พระพุทธเจ้าหลวง” ซึ่งฝรั่งได้ยินคงงง ผมมีเพื่อนฝรั่ง ก็งง เช่นกัน ว่าคนไทยเราพยายาม เรียก ชื่อที่เลี่ยงไปเราจะไม่เรียกพระนาม ของพระเจ้าแผ่นดินโดยตรง เหมือนกับเราเรียก พระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 นี้ว่า “ในหลวง” หรือโครงการหลวง เราก็เรียกแต่เดิมตาม “โครงการตามพระราชดำริ” แล้วพระองค์ท่านก็ให้ ลดความสำคัญของท่านลงมา เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ให้ประชาชนดูเด่นขึ้น นี่แหละครับในหลวงของเราที่ ท่านขอเป็นคน ที่อยู่ข้างหลังความสำเร็จ ดังที่ท่านเคยบอกว่า “ปิดทองหลังพระปิดไปเรื่อยๆ ปิดให้พระท่านหงายหลังมา”
มาถึงพระที่นั่งนี้แล้ว ก็ต้องเล่าเรื่อง “เจ้าจอมห้องเหลือง” ให้ฟัง เพราะจำได้ไหมว่าตอนที่เสด็จพระองค์หญิง ให้แม่พลอยตามเสด็จเข้าไปหา สมเด็จที่บน ก็ต้องไปหมอบที่ห้องเหลืองนี่แหละ ที่จริง คำว่าเจ้าจอมห้องเหลืองนี้ จะว่าไป ก็เหมือนเป็นคำดูถูกกันในวังเสียมากกว่า
ห้องเหลืองเป็นห้องโถงในที่บน เป็นห้องที่ทาสีเหลืองปิดทอง เป็นทางที่ เสด็จพระราชดำเนินผ่านทุกวัน เพราะประตูทางออกเปิดไปสู่บันไดเสด็จออกด้านหน้า เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเสด็จออกจากที่ประทับไปไหน และกลับจากเสด็จพระราชดำเนินไปที่ไหน ก็ต้องทรงผ่านห้องนี้ห้องเหลืองจึงเป็นที่ชุมนุมของสตรีในราชสำนัก มาหมอบคอยรับเสด็จ ก่อนถึงเวลาเสด็จพระราชดำเนินไปหรือกลับในแต่ละวัน
จึงมีศัพท์ชาววังเกิดขึ้นว่า " เจ้าจอมห้องเหลือง" เป็นศัพท์ในเชิงดูถูก หรืออย่างน้อยก็ไม่ยกย่อง หรืออีกอย่าง เจ้าจอมห้องเหลืองนี้ก็จะเป็นเจ้าจอมที่ไม่ทรงโปรดปราน ไม่ได้หมายถึงเจ้าจอมทั่วไป โดยปรกติเจ้าจอมทั่วไปก็จะมีบางองค์ที่มีหน้าที่ต่างๆ อยู่ตามจุดต่างๆ เช่น บางองค์มีหน้าที่คุมเครื่องคาวหวานก็มีหน้าที่ ที่ต้องทำแต่เจ้าจอมทีไม่ได้มีหน้าที่ใดๆ ก็จะมาหมอบกันอยู่ที่ห้องเหลืองนี้ เรื่องที่คุยกันก็เช่น เรื่องของ น้ำหอมจากเมืองฝรั่ง เรื่อง สารพัดที่สาวๆ คุยกัน เวลา ที่เสด็จพระราชดำเนินผ่านไปแล้วพวกนี้ก็จะ พากันกลับเข้าไปใช้ชีวิตเงียบๆ กันที่ฝ่ายใน ได้รับเบี้ยหวัดไปตาม เรื่อง
นี่คือชีวิตของผู้หญิงในยุคหนึ่งที่ ต้องการ จะเป็นหรือพ่อแม่ก็ต้องการให้ลูกสาวได้เป็นเจ้าจอม ส่วนเรื่องจะโปรดหรือไม่ก็เรื่องหนึ่ง
เจ้าจอมนี้ จริงแล้วก็ไม่ได้เหมือนมีชีวิตที่โดนกักขังใดๆ ก็ยังสามารถที่จะออกไปใช้ชีวิตข้างนอกได้เหมือนกัน มีเจ้าจอมหลายคนที่ กราบบังคมลาไปมีสามี มี ชีวิตปรกติได้ แต่ถ้าเจ้าจอมนั้นมี ลูก นั้นมักจะไม่ได้ รับความเห็นด้วยจากพระเจ้าแผ่นดินให้ลาออก เพราะดูจะไม่สมควร พวกนี้ก็จะได้เป็นเจ้าจอมมารดา
ผมเคยอ่าน เรื่องฝรั่ง พูดถึงการมีเมียมากของพระมหากษัตริย์ไทย ฝรั่งมองว่าเหมือนเป็นเรื่องน่าเกลียด แต่สุดท้าย ก็ต้องอธิบายให้พวกเขาฟังกันว่า
การมีเมียเยอะ ของเจ้านาย อย่างพระมหากษัตริย์นี้ เป็นวัฒนธรรมที่ เป็นการเชื่อมสัมพันธ์กันของคน เช่นในสมัยอยุธยา มีราชวงศ์ต่างๆ เช่น อู่ทอง สุพรรณภูมิ สุโขทัย ฯลฯ การที่จะให้ฐานะของพระเจ้าแผ่นดินมั่นคงก็ต้องผูกใจกับ ราชวงศ์ต่างๆ ที่มี เจ้านายและขุนนาง ต่างๆ ไว้ ก็ด้วยการตั้งตำแหน่งพระสนมเอก ของราชวงศ์ต่างๆ เป็นต้น
ทีนี้ อย่างใน สมัยรัตนโกสินทร์ นี้ เจ้าจอมบางท่านก็มาจาก หัวเมืองประเทศราช เช่น เจ้าดารารัศมี มาจากเชียงใหม่ หรืออย่าง ลูกหลาน ของ ตระกูลบุนนาค ไม่น้อยที่เป็น เจ้าจอม ในสมัย ร.5 เป็นการผูกสัมพันธ์และ แสดงความจงรักภักดี มิได้เป็นเรื่องน่า เกลียดอย่างไร การเป็นพระเจ้าแผ่นดิน คนนอก อาจจะเห็นว่าเป็นเรื่องสบายแต่จริงแล้ว ทั้งต้องเป็นศาสตร์ เป็นศิลป์ ในการ ที่จะเป็นพระเจ้าแผ่นดิน เมืองไทยเราโชคดี ที่มีพระเจ้าแผ่นดินที่คิดแต่ จะทำเพื่อประชาชน จึงได้ มีแต่ความสงบร่มเย็นตลอดมา
ว่าจะเล่าเรื่องวังท่าพระ วังหน้า ไม่ได้ออกอีกแล้วอยู่กันแค่นี้ เอานะครับพรุ่งนี้ จะได้เล่าเรื่อง ศิลปากร และ วังหน้าเสียที ถ้าไม่ฝอยเพลิน วันนี้ โทษทีครับกลายเป็นเม้าแตกเรื่องเจ้าจอม

Create Date : 19 มกราคม 2548

Last Update : 19 มกราคม 2548 19:36:16 น.

1 comments

Counter : 1084 Pageviews.

ขอบคุณที่เล่าให้ฟังค่ะ

โดย: suttimon IP: 182.53.35.220 วันที่: 9 ธันวาคม 2554 เวลา:9:10:36 น.