ปฏิบัติธรรมก็เพื่อเอากิเลสเข้าถึงนิพพาน.. ปุจฉา : การปฏิบัติธรรมเพื่อเอากุศลเข้าถึงนิพพาน กับ คำที่ว่าปฏิบัติธรรมเพื่อเอากิเลสเข้าถึงนิพพานนั้น ถ้อยคำใดสมควรกว่ากัน ขอให้ช่วยชี้แจงแสดง วิสัชชนา : ก็ถ้าหากท่านการปฏิบัติธรรมเพื่อเอากุศลเข้าถึงนิพพาน แล้วศีล สมาธิ ปัญญา ท่านจะมีอยู่หรือ พระอรหันต์ที่ท่านยังมีรูปขันธ์ ศีลของท่าน ยังมีหรือไม่ สมาธิของท่านยังมีอยู่หรือไม่ ปัญญาของท่านยังมีอยู่หรือไม่ แท้จริง ศีล สมาธิ ปัญญาของท่านก็ยังคงมีอยู่ กุศลมิได้ดับสูญหายไปแต่อย่างใดเลย หากแต่กิเลสของท่านนั้นต่างหากที่ไม่มีอีกแล้ว ไม่ปรากฏแล้ว ไม่เกิดขึ้นแล้ว ดับสนิทอย่างถาวรแล้วด้วย คำที่ว่าปฏิบัติธรรมเพื่อเอากิเลสเข้าถึงนิพพานจึงเห็นสมควรถูกต้องยิ่งกว่า _____________________________________ เนื้อหาบางส่วนถูกแต่งขึ้นและเรียบเรียงขึ้นเองโดยใจพรานธรรม ผิดพลาดไปประการใดขอบัณฑิตโปรดช่วยชี้แจงแก้ไข กุศลอันใดจะพึงบังเกิดมีขออุทิศถวายทั้งหมดนี้ จากการฟังธรรมนี้แก่ท่าน อาจารย์.แนบ มหานีรานนท์ และขออนุโมทนาสาธุผู้ปฏิบัติธรรมทุกท่านด้วยครับ   Create Date : 11 มกราคม 2554 8 comments Last Update : 11 มกราคม 2554 0:04:01 น. Counter : 1091 Pageviews. Share Tweet

สาธุ สาธุ สาธุ   โดย: คนผ่านทางมาเจอ 11 มกราคม 2554 0:57:14 น.

สาธุ ขออนุโมทนาบุญ ด้วยค่ะ   โดย: แม่ออมบุญ 12 มกราคม 2554 11:00:07 น.

อ่านมาหลายรอบ แล้ว ครับ กับ คำว่า นิพพาน คือ อัตตา หรือ อนัตตา ส่วนหนึ่งที่อ่านมาบ่อย ๆ และจะเน้น กันเป็นประจำ ก็คือ อนัตตา ควรจะแปล ว่า ไม่ใช่ตัวตน แทนที่จะเป็นคำว่า ไม่มีตัวตน ... จริง ๆ แล้ว ก็สงสัย เหมือนกัน ว่า ทำไม นำเอาคำว่า นิพพาน ไป ผูกติด กับ คำว่า อนัตตา .. โดยนิยาม นิพพานคือ ความสิ้นราคะ ความสิ้นโทสะ ความสิ้น โมหะ... แล้ว การไม่มาเกิด อีก จำเป็น ด้วยหรือครับ ที่จะต้อง หมายถึง การดับสูญ ไปเลย น่ะ ... เพราะตามทฤษฎี พลังงาน หรือ สสาร แล้วทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่สามารถที่จะหายไปไหน ได้ น่ะ ... ต่อให้ไม่ต้องมาเกิดใหม่ อีกแล้ว จิต ดวงดังกล่าว ก็ไม่น่าจะ สูญสลาย หายไปไหน ตามทฤษฎี พลังงาน สสาร น่ะ ... เพียงแต่ว่า ไม่มีเหตุ ที่จะต้องมาจุติ ก็เท่านั้นเอง ดังนั้น จึงเป็นไปได้ ว่า จิตดังกล่าว ก็จะต้องมีที่อยู่ แห่งใด แห่งหนึ่ง ในภพภูมิ ที่เหมาะสม น่ะ ... ดังนั้น ผมจึงคิดว่า ไม่แปลก ที่จะมีเรื่องเล่าแบบนี้ ******************************************************* หลวงปู่มั่น ในพระนิพพาน สอนหลวงปู่ชอบ หลวงปู่มั่นพบพระพุทธเจ้าในพระนิพพาน โดย สมเด็จพระญาณสังวรฯ ******************************************************* ซึ่งตอนแรก ก็ฟังดู จะรู้ขัด ๆ ก็ตาม เพราะเรา รับรู้มาว่า อนัตตา ก็คือ ไม่มีตัวตน และ ที่เราเรียนมา การปรินิพพาน ก็คือ การดับสูญสิ้น ไปทุกสิ่งทุกอย่าง .... แต่ พอมา ได้เข้ามากระทู้ ห้องศาสนา แห่งนี้ ได้ลองอ่าน แล้วพิจารณา จากเหตุผล หลาย ๆ ประกอบ กับ ทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ ก็ทำให้ โน้มเอียง ไปทาง ที่ เชื่อได้ว่า จิตที่นิพพาน แล้วไม่ได้ ดับสลายหายไป มากกว่าที่จะดับสูญสิ้นไปเลย หากจิตที่เป็นนิพพาน ดับสูญสิ้น ไปได้ จริง นั่น ก็ แสดงว่า ก่อนหน้านี้ จากความไม่มีอะไรเลย ก็สามารถมีจิตเกิดขึ้นได้ ... เพราะฉะนั้น ต่อให้ จิตดับสูญสิ้นไปเลย ก็จะต้องสามารถ ย้อนกลับมามีจิตเกิดขึ้นได้ อีก อยู่ ดี ... แล้วอย่างนี้ นิพพาน ไป แล้ว ก็ต้องกลับมา ได้อีก ... จากเหตุผล ดังกล่าว น่ะ.... จากคุณ : trialuck เขียนเมื่อ : 15 มี.ค. 54 11:35:12 *************************** ขออนุโมทนาสาธุครับ   โดย: ใจพรานธรรม 15 มีนาคม 2554 18:22:31 น.

สวัสดีครับ แวะเข้ามาทักทาย   โดย: อัสติสะ 8 กันยายน 2554 18:19:54 น.

โดย: กิ่งไม้ไทย 11 กันยายน 2554 22:26:07 น.

ก่อนอื่นขออนุโมทนาบุญด้วยครับ ไม่นึกเลยว่าจะมีคนเห็นความสำคัญ เนื้อหาblog ที่ผมเขียน   โดย: อโรคยา IP: 124.121.53.215 3 กุมภาพันธ์ 2555 3:03:47 น.

สวัสดีครับ เพิ่งเคยได้ยินนี่แหละครับว่าปฏิบัติธรรมเพื่อเอากิเลสหรือเอากุศลเข้าถึงนิพพาน เอา ในที่นี้น่าจะหมายถึง อาศัย มากกว่า คำว่า เอา ในภาษาชาวบ้านที่ว่า เอา คือ ได้ เช่น เอาเงินเอาทอง คือได้เงินได้ทอง ถ้าว่าอาศัย กิเลส ก็เห็นด้วยครับ คือ เห็นคนอื่นด่าเรา เพราะความโกรธ เราไม่ชอบเลย เราก็เลยไม่อยากด่าว่าคนอื่นเพราะความโกรธ ถ้าว่าอาศัย ศีล สมาธิ ปัญญา ยิ่งเห็นด้วยมากเลย ส่วนคำว่าเข้าถึงนิพพาน นี้ผมไม่ทราบจริงๆ เพราะผมยังเป็นฆราวาส ปุถุชน ธรรมดานี่เอง แต่เชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าแดนนิพพานมีอยู่จริง นรก สวรรค์มีจริง ที่วิเคราะห์นี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัว ถ้าผิดพลาดประการใด ก็ขอขมาพระธรรมไว้ณ ที่นี้ด้วยครับ   โดย: อโรคยา IP: 124.121.53.215 3 กุมภาพันธ์ 2555 3:20:50 น.

จิตเป็นนามธรรม ไม่เคยตาย การบรรลุมรรคผลนิพพาน ก็คือการขจัดกิเลส ออกจากใจจนหมด ไม่มีเชื้อให้เกิดอีก............ .........คงอยู่เพียงดวงจิตเด่นอยู่ ............สสารไม่สูญหาย..........จิตก็ไม่สูญหายฉันนั้น............ ในเมื่อไม่สูญหายเหตุใดจะปรากฎมาให้เห็นไม่ได้............เพียงแต่ว่าจะเห็นจากตาเนื้อหรือจิต..........ของหลวงปู่มั่นเข้าใจว่าท่านใช้จิตดู..............อหนึ่งพุทธวิสัยเป้นสิ่งที่คาดเดาได้อยาก ---------------------------------- เสกสรรค์ //www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?p=50385&sid=28ac080ed2f8104a6197752876d9ca8e   โดย: ใจพรานธรรม 18 มีนาคม 2555 21:57:27 น.