|
|
เดือด!กกต.แจงฟัน'จตุพร'เหตุติดคุก-พท.โต้ตีความเฉไฉ
วันนี้(1ธ.ค.)นายสมชัย จึงประเสริฐ กรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ด้านกิจการสืบสวนสอบสวน กล่าวถึงกรณีที่กกต. มีมติ ส่งเรื่องให้ประธานสภาเพื่อส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยสมาชิกภาพของส.ส.ของนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ว่า มติของกกต.ที่ส่งไปนั้น เป็นประเด็นที่ว่านายจตุพร ขาดจากความเป็นสมาชิกของพรรคเพื่อไทยหรือไม่ เนื่องจากตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง หากถูกคุมขังก็จะสิ้นสภาพสมาชิกพรรคทันที ไม่ใช่ประเด็นว่านายจตุพร ไมได้ไปเลือกตั้งวันที่ 3 ก.ค. เนื่องจากถูกคุมขัง จึงทำให้สมาชิกสภาพความเป็นส.ส.ต้องสิ้นสุดลง อย่างที่หลายฝ่ายเข้าใจ ซึ่ง กกต.ไมได้พิจารณากันเองแค่ 5 คน เพราะก่อนที่กกต.จะมติก็ได้ตั้งกรรมการไต่สวนในเรื่องนี้มาแล้ว หลายชุด พร้อมทั้งยังมีความเห็น ของนักวิชาการจากทั้ง สถาบันพระปกเกล้า สำนักงานกฤษฎีกา และมหาวิทยาลัยต่างๆ นำมาประกอบ การพิจารณาด้วย
นายสมชัย กล่าวว่า เรื่องนี้ถ้าจะส่งไปศาลรธน.ได้ กกต.ต้องชี้ไปก่อน ว่านายจตุพรสิ้นสุดสมาชิกภาพความเป็นส.ส.ตามมาตรา 106 ของรัฐธรรมนูญนั้น ไม่เช่นนั้นก็จะส่งไปศาลให้พิจารณาไม่ได้้ และเรื่องนี้จำเป็นจะต้องส่งไปเพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเพราะยังมีความเห็นทางกฎหมาย ที่โต้แย้งกันอยู่ และเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน จึงจำเป็นจะต้องมีการวินิจฉัยออกมาเพื่อให้เป็นบรรทัดฐานต่อไป ทั้งนี้ หลังจากที่กกต.มีมติแล้วไม่เกิน1เดือนก็น่าที่จะส่งถึงประธานสภา ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานในการเขียนคำวินิจฉัย ชึ่งเอกสารหลักฐานเยอะ ไม่ได้ดึงเรื่อง
"ผมยืนยันว่าผมไมได้กลับลำ ผมยืนยันมาตั้งแต่ก่อนที่กกต.จะประกาศให้นายจตุพรเป็นส.ส.ว่า กกต.จะต้องประกาศให้นายจตุพร เป็นส.ส.ไปก่อน เนื่องจากนายจตุพรไมได้ทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง แต่หลังจากประกาศแล้วก็ต้องส่งศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้วินิจฉัยในคุณสมบัติของนายจตุพรต่อไป"นายสมชัย กล่าว
เพื่อไทยโต้ กกต. ตีความไม่ตรงไปตรงมา
นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย แถลงว่า กรณีคณะกรรมการการเลือกตั้งมีมติให้นายจตุพร พรหมพันธ์ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อพ้นจากการเป็นส.ส.เนื่องจากไม่ไปเลือกตั้ง หัวหน้าพรรคเพื่อไทยได้มอบหมายให้ตนมายืนยันว่า นายจตุพรไม่ได้ขาดสมาชิกภาพ การเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยใดๆ ทั้งสิ้น
นอกจากนี้ในช่วงเวลาดังกล่าวนางสดศรี สัตยธรรม กกต.ได้แสดงความห่วงใยให้ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง โดยนายจตุพรได้ใช้ข้อความดังกล่าวเป็นเหตุผลขอประกันตัวชั่วคราวไปใช้สิทธิเลือกตั้ง แต่ศาลวินิจฉัยว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเพียงความเห็นเท่านั้น
ต่อมานายจตุพร ได้ยืนขอต่อผู้อำนวยการเขตวังทองหลาง โดยชี้แจงถึงเหตุผลที่ไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง พร้อมชี้แจงเหตุผลประกอบ โดยนายทะเบียนเขตวังทองหลาง รับว่าเป็นเหตุผลที่ฟังได้จึงไม่ได้ตัดสิทธิในการเลือกตั้ง โดยได้ยื่นเรื่องราวนี้ให้กกต.ได้ทราบก่อนที่กกต.จะมีคำวินิจฉัยจนในที่ สุดกกต.ให้รับรองให้นายจตุพรมาแสดงตนเป็นส.ส.หลังจากการเลือกตั้งแล้ว
นายจารุพงศ์ กล่าวอีกว่า การที่กกต.มีมติเช่นนี้อาจจะบอกได้ว่ากกต.มีมติไม่เป็นสากลนัก เทียบกับกรณีนายก่อแก้ว พิกุลทอง เคยสมัครรับเลือกตั้งได้ และได้รับการอนุญาตให้ไปสมัครส.ส.เขต แต่กรณีนายจตุพร ไม่สามารถออกไปใช้สิทธิได้ ตนเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น
ด้านนายพีระพันธ์ พาลุสุข ส.ส.ยโสธร คณะทำงานกฎหมายพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กรณีนายจตุพร เป็นตัวอย่างการตีความกฎหมาย โดยความเห็นของกกต.ด้วยคะแนนเสียง 4 ต่อ 1 อาจกล่าว ได้ว่าเป็นความความเห็นทางกฎหมาย แต่การจะส่งเรื่องผ่านประธานสภาผู้แทนราษฏรไปยังศาลรัฐธรรมนญ กกต.ต้องชี้แจง ให้ชัดเจน การให้ความเห็นโดยคะแนนที่ไม่เป็นเอกฉันท์แบบนี้ ถือว่าไม่ชัดเจน การพิจารณาเรื่องนี้ควรยึดรัฐธรรมนูญเป็นหลักส่วนพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญควร ให้ความสำคัญรองลงมาเพราะไม่ใช่กฎหมายหลัก การใช้กฎหมายรองควรอ่านหลายๆ มาตราเพื่อให้ทราบเจตนาอย่างแท้จริง โดยเฉพาะประเด็นเรื่องคุณสมบัติต้องห้ามของผู้ที่จะไปใช้สิทธิเลือกตั้งและการเป็นสมาชิกพรรคการเมือง เรื่องนี้จึงจะรอดูรายละเอียดคำวินิจฉัยที่ชัดเจนหลังจากกกต.เขียนเสร็จ แล้ว
ทั้งนี้ เป็นห่วงกรณีที่เกิดขึ้นจะกลายเป็นปัญหาทางการเมือง หากมีการเอากฎหมายมาใช้แต่ใช้กฎหมายบางส่วนแล้วตีความไม่ตรงไปตรงมาจะทำให้เกิดปัญหา ที่ผ่านมามีกระบวนการพยายามล้มรัฐบาลให้ได้ และเกรงว่าจะมีการใช้กระบวนการยุติธรรมยุบพรรคเพื่อไทยอีกแล้ว เพราะยังมีคำร้องยุบพรรคค้างอยู่ และยังมีคดีความของสมาชิกพรรคหลายคนค้างอยู่ในศาล จึงขอเรียกร้องให้สมาชิกพรรคจับตาเรื่องนี้ให้ดี
ด้านนายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การขอประกันไปใช้สิทธิเลือกตั้งแต่ไม่ได้ไปแล้วเอาเรื่องนี้ไปตัดสิทธิ ตนเห็นว่าไม่เป็นธรรม การเอาคำวินิจฉัยของศาลมาอ้างเพื่อทำเช่นนี้ จะเกิดผลกระทบต่อกระบวนการของศาลซึ่งเป็นห่วง
ทีมกม.ปชป.ปราม"จตุพร"อย่ากดดันศาลรธน.
นายราเมศ รัตนเชวง ผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะคณะทำงานกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวกรณีนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.พรรคเพื่อไทย และแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงแถลงระบุการที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติให้พ้นสมาชิกภาพ ส.ส.อาจเป็นสิ่งผิดปกติและมีความพยายามจัดการกลุ่มคนเสื้อแดงอย่างเป็นระบบนั้นว่า ชัดเจนที่สุดคือการไม่ยอมรับผลการวินิจฉัยของกกต.โดยมีการพยายามเบี่ยงเบนประเด็นในลักษณะว่ามีเบื้องหน้าเบื้องหลัง เป็นสถานการณ์ไม่ปกติ มีการวางเกมไว้เพื่อให้ยุบพรรคเพื่อไทยบ้าง ทั้งนี้นายจตุพรชอบมีความคิดแบบนี้ประจำ เพราะแท้ที่จริงแล้วประเด็นคดีนี้มีเพียงประเด็นเดียวที่จะต้องสู้ในชั้นศาลรัฐธรรมนูญคือสมาชิกภาพการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของนายจตุพรสิ้นสุดหรือไม่ การออกมาตีโพยตีพายเพื่อเบี่ยงแบนประเด็นไปเรื่องอื่นซึ่งเป็นเรื่องที่นายจตุพรจินตนาการเอาเองทั้งสิ้น อีกทั้งเรื่องของนายจตุพรเป็นปัญหาในเรื่องคุณลักษณะเฉพาะตัวที่จำต้องใช้หลักกฎหมายมาปรับว่าสมาชิกภาพสิ้นสุดหรือไม่
การพูดเช่นนี้ไม่ใช่ว่าตนจะปกป้องศาลรัฐธรรมนูญ แต่ตนจำเป็นต้องอธิบายขั้นตอนให้ประชาชนได้เข้าใจว่า ในเรื่องดังกล่าวนี้เมื่อกกต.มีมติแล้ว ก็ต้องส่งเรื่องไปยังประธานสภาที่คุณจตุพรสังกัดอยู่คือประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ในการส่งเรื่องดังกล่าวไปยังศาลรัฐธรรมนูญ โดยประธานสภาผู้แทนราษฎรไม่มีอำนาจในการวินิจฉัยแม้มีการยื่นคำร้องขอความเป็นธรรม ศาลรัฐธรรมนูญเป็นผู้ใช้อำนาจในการวินิจฉัย ดังนั้นการที่นายจตุพรบอกว่ารู้คำตอบแล้วความหมายคืออะไรกันแน่
"ดังนั้นต้องให้ความเป็นธรรมต่อศาลรัฐธรรมนูญด้วย เพราะประชาชนอาจเข้าใจผิดได้ว่าศาลรัฐธรรมนูญมีคำตัดสินไว้แล้ว ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำตอบอยู่แล้วได้อย่างไรเพราะกระดาษในสำนวน กกต.สักแผ่นยังไม่ถึงมือท่านตุลาการเลย เมื่อเรื่องถึงแล้วก็ยังต้องมีการไต่สวน มีกระบวนการพิจารณาอีกหลายขั้นตอน หรือว่านี่คือระยะเริ่มต้นของกระบวนการกดดันศาลรัฐธรรมนูญ"
ส่วนกรณีที่นายก่อแก้ว พิกุลทอง ส.ส.พรรคเพื่อไทยและแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงอีกราย ที่พยายามออกมาระบุว่ากรณีนี้เป็นความพยายามจัดการนายจตุพรเหมือนที่จัดการแกนนำคนอื่น อย่างเป็นระบบนั้น นายราเมศ กล่าวว่า ขอเรียนว่า ถ้านายก่อแก้วเข้าใจคำว่านิติรัฐแล้ว จะเข้าใจดีขึ้นว่ากรณีนายจตุพรเป็นการจัดการโดยกระบวนการของกฎหมายที่ทุกคนต้องน้อมรับ แล้วมาพิสูจน์กันจะผิดจะถูกศาลรัฐธรรมนูญเป็นคนวินิจฉัย เพราะหากไม่ยอมรับผลตามครรลองของกฎหมาย ทุกอย่างก็จะไม่ยุติมีแต่จะวุ่นวายไม่จบไม่สิ้นแน่ การกระทำที่อยู่นอกเหนือกฎหมายต่างหากที่นายก่อแก้วต้องประณามและไม่ยอมรับ
| Create Date : 01 ธันวาคม 2554 |
| Last Update : 1 ธันวาคม 2554 16:08:01 น. |
|
1 comments
|
| Counter : 662 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: nooblue88  วันที่: 8 ธันวาคม 2554 เวลา:2:49:12 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Goooood Night Krub ~ 
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [