ความรักเกิดขึ้น มีอยู่ และดับไป
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2554
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
30 มิถุนายน 2554
 
All Blogs
 
เหงา


สำหรับใครบางคนที่กำลังเหงา หรือการมีชีวิตคนเดียวบางเวลาเราจะเหงา
บทความข้างล่าง อยากบอกว่าแก้เหงาได้มากๆๆเลย ฝึกดูจะรู้ว่า อยู่คนเดียวก็ไม่มีเวลาจะเหงาเป็นอย่างไรนะคะ




ถาม - ดิฉันอายุสามสิบกว่าๆ ค่ะ เมื่อก่อนเคยมีคนรักอยู่เคียงข้างแต่ว่าตอนนี้ต้องอยู่คนเดียวแบบสาวโสดในเมืองใหญ่ เพื่อนที่เคยคบหาก็ต่างคนต่างมีภารกิจ ทำให้ห่างๆ กันไป เลยมีหลายครั้งที่เหงามาก มากจนน้ำตาไหลออกมาเพราะอ้างว้างเดียวดาย แต่จะให้ไปหาคนรักใหม่ก็ไม่รู้สึกว่าอยากมีใครอีก อยากได้คำแนะนำดีๆ สำหรับคนที่จำเป็นต้องอยู่ร่วมกับความเหงาไปเรื่อยๆ แบบนี้ค่ะ



ความรู้สึกเหงานี่นับเป็นเรื่องปกติของปุถุชนค่ะ ยิ่งถ้าต้องอยู่คนเดียวด้วยแล้ว อาจมีโอกาสได้พบเจอกับเจ้าความเหงาอยู่บ่อยๆ เมื่อต้องเจอกันเสมอก็คงจะดีไม่น้อยถ้าเราสามารถยอมรับให้ความอ้างว้างที่ผ่านเข้ามาทักทายเป็นระยะๆ กลายเป็นเรื่องธรรมดาของชีวิตไปซะเลย



ความอ้างว้างนั้นสามารถจู่โจมจิตใจได้ทุกคนค่ะ บางคนแม้จะมีคนอยู่ด้วยคุยด้วยแต่ไม่วายจะเหงา ถ้าคนคนนั้นไม่ใช่ผู้ที่หัวใจต้องการ ดังตัวอย่างญาติธรรมหญิงที่สนิทกันมากคนหนึ่ง (ขอสมมุตินามว่าพี่ลักกี้) เมื่อวันลอยกระทงที่ผ่านมา ดิฉันได้โทรศัพท์หาพี่ลักกี้ที่กำลังยืนเดี่ยวเปลี่ยวอารมณ์ชมโคมน้อยลอยล่องฟ้า คุยไปคุยมาเจ้าตัวก็บอกออกมาว่า ...



พี่ลักกี้ : เหงา
หมอดู : ก็คุยกันนี่ไง แก้เหงา
พี่ลักกี้ : ไม่หายอะ
หมอดู : อยากมีคู่เหรอ
พี่ลักกี้ : อือ!
หมอดู : (_ _!) (จนปัญญาที่จะช่วยเหลือ เพราะเขียนคอลัมน์ ‘โหรา (ไม่) คาใจ’ ไม่ใช่ ‘มาลัยเสี่ยงรัก’)



หลายคนมีคนแวดล้อมมากมายแต่ไม่วายเหงา ต้องมีคนรักถึงจะหายว้าเหว่ แต่ก็อาจได้ความว้าวุ่นมาแทน หากความสัมพันธ์นั้นเกิดปัญหาขึ้นมา อาจจะทรมานยิ่งกว่าตอนรบกับความอ้างว้างเสียอีก นอกจากนี้หลายคนเลยค่ะที่บอกว่าไม่มีคู่เพราะรู้ว่าอยู่เป็นโสดมีทุกข์น้อยกว่ามีครอบครัวแน่นอน แต่ต้องเผชิญกับความเหงาที่ทำให้หนาวหัวใจอยู่เรื่อยๆ จนมีคุณผู้หญิงท่านหนึ่งบอกว่าอยากให้มีการคิดค้นยาที่ฉีดเข้าเส้นเลือดแล้วหายคลายว้าเหว่ (หมอดูก็จะขอฉีดด้วยคนค่ะ ^__^v)



พูดถึงยาแล้วก็นึกขึ้นได้ว่าอันที่จริงก็มีโอสถขนานเอก ที่ค้นพบมาเมื่อสองพันกว่าปีที่แล้ว ใช้รักษาความเหงาได้ชะงัดนักแล คือ “ธรรมโอสถ” ของพระพุทธองค์อันเป็นยาแก้โรคทางใจได้ครอบจักรวาล




“...พอเหงาก็รู้ว่าเหงา พอฟุ้งซ่านก็รู้ว่าฟุ้งซ่าน
เมื่อจิตตื่นรู้ตลอดเวลา คุณจะไม่อ่อนแอแล้วแช่จมอยู่กับอาการชั่วคราวใดๆ ของจิต
แต่จะเห็นมันเหมือนลมหายใจ เห็นมันเหมือนสุขทุกข์
ที่เกิดขึ้นด้วยเหตุอย่างใดอย่างหนึ่ง แล้วต้องดับลงเป็นธรรมดา…”

จาก "เดี่ยวได้ไม่ต้องเหงา" โดย ดังตฤณ



อ่านทั้งบทได้ที่ //www.dungtrin.com/index.php?option=com_content&view=article&id=500





อันที่จริงแล้วเจ้าความเหงาและอาการอยากมีใครสักคนมาเคียงข้าง ก็เป็นเพียงคลื่นความคิดที่มาเยี่ยมเยือนเป็นบางครั้งบางคราว โดยไม่อาจจะสั่งมันได้ว่าให้มาตอนไหน และกลับไปเมื่อไหร่ มันจะผ่านมาแล้วก็ผ่านไปตามเหตุปัจจัยเท่านั้น ถ้าเราเข้าใจถึงความไม่อาจจะคงทนอยู่ได้ ความไม่เที่ยง และความไม่ใช่ตัวตน ของความเหงา แล้วเฝ้าดูแต่เพียงอย่างเดียว เราก็จะไม่เป็นทุกข์เพราะมันค่ะ



นอกจากการเพียรเจริญสติ ตามรู้ตามดูแล้ว ก็ควรหากิจกรรมที่ช่วยยกระดับจิตใจทำด้วย เพื่อขจัดความเหงาให้เบาบางลง ถ้าปล่อยให้ความเดียวดายกัดกินใจ ก็แสดงว่าเจ้าของใจดวงนั้นต้องอยู่กับอกุศลจิตของตัวเองไปเรื่อยๆ เพราะฉะนั้นอย่าปล่อยให้ตัวเองอยู่ว่างๆ ไปหาสิ่งที่เป็นบุญเป็นกุศลทำ เช่น เลี้ยงข้าวเด็กกำพร้า เยี่ยมคนป่วยอนาถาที่ไร้คนแลเหลียว ลุยเดี่ยวไปทำสังฆทาน เยือนบ้านพักคนชรา ทำงานสาธารณกุศล ช่วยคนมีปัญหาชีวิต ฯลฯ กิจกรรมสร้างสรรค์บันเทิงบุญเหล่านี้จะช่วยทำให้ไม่จมอยู่กับความคิดในทางลบค่ะ



ความเหงานอกจากจะส่งผลต่อสุขภาพจิตแล้ว ยังมีผลเสียสุขภาพกายด้วยนะคะ โดยมีผลการวิจัยที่เก็บข้อมูลจากอาสาสมัครวัยชราในสหรัฐอเมริกา กว่า ๘๐๐ คน เป็นเวลา ๔ ปี พบว่าคนที่เปลี่ยวเหงามีโอกาสเป็นอัลไซเมอร์เพิ่มขึ้น ๒ เท่า (ที่มา //bit.ly/f6wjPi) เพราะฉะนั้นพยายามจัดการกับเจ้าความเหงาเสียตั้งแต่บัดนี้ จะได้ไม่ต้องทุกข์ทั้งกายและใจเพราะความเดียวดายเป็นเหตุค่ะ (^___^)




Create Date : 30 มิถุนายน 2554
Last Update : 30 มิถุนายน 2554 14:18:49 น. 1 comments
Counter : 459 Pageviews.

 
มาให้กำลังใจค่ะ สู้ๆนะคะ


โดย: minkblue วันที่: 1 กรกฎาคม 2554 เวลา:14:09:52 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jaetom
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add jaetom's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.