|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
เหงา
สำหรับใครบางคนที่กำลังเหงา หรือการมีชีวิตคนเดียวบางเวลาเราจะเหงา บทความข้างล่าง อยากบอกว่าแก้เหงาได้มากๆๆเลย ฝึกดูจะรู้ว่า อยู่คนเดียวก็ไม่มีเวลาจะเหงาเป็นอย่างไรนะคะ
ถาม - ดิฉันอายุสามสิบกว่าๆ ค่ะ เมื่อก่อนเคยมีคนรักอยู่เคียงข้างแต่ว่าตอนนี้ต้องอยู่คนเดียวแบบสาวโสดในเมืองใหญ่ เพื่อนที่เคยคบหาก็ต่างคนต่างมีภารกิจ ทำให้ห่างๆ กันไป เลยมีหลายครั้งที่เหงามาก มากจนน้ำตาไหลออกมาเพราะอ้างว้างเดียวดาย แต่จะให้ไปหาคนรักใหม่ก็ไม่รู้สึกว่าอยากมีใครอีก อยากได้คำแนะนำดีๆ สำหรับคนที่จำเป็นต้องอยู่ร่วมกับความเหงาไปเรื่อยๆ แบบนี้ค่ะ
ความรู้สึกเหงานี่นับเป็นเรื่องปกติของปุถุชนค่ะ ยิ่งถ้าต้องอยู่คนเดียวด้วยแล้ว อาจมีโอกาสได้พบเจอกับเจ้าความเหงาอยู่บ่อยๆ เมื่อต้องเจอกันเสมอก็คงจะดีไม่น้อยถ้าเราสามารถยอมรับให้ความอ้างว้างที่ผ่านเข้ามาทักทายเป็นระยะๆ กลายเป็นเรื่องธรรมดาของชีวิตไปซะเลย
ความอ้างว้างนั้นสามารถจู่โจมจิตใจได้ทุกคนค่ะ บางคนแม้จะมีคนอยู่ด้วยคุยด้วยแต่ไม่วายจะเหงา ถ้าคนคนนั้นไม่ใช่ผู้ที่หัวใจต้องการ ดังตัวอย่างญาติธรรมหญิงที่สนิทกันมากคนหนึ่ง (ขอสมมุตินามว่าพี่ลักกี้) เมื่อวันลอยกระทงที่ผ่านมา ดิฉันได้โทรศัพท์หาพี่ลักกี้ที่กำลังยืนเดี่ยวเปลี่ยวอารมณ์ชมโคมน้อยลอยล่องฟ้า คุยไปคุยมาเจ้าตัวก็บอกออกมาว่า ...
พี่ลักกี้ : เหงา หมอดู : ก็คุยกันนี่ไง แก้เหงา พี่ลักกี้ : ไม่หายอะ หมอดู : อยากมีคู่เหรอ พี่ลักกี้ : อือ! หมอดู : (_ _!) (จนปัญญาที่จะช่วยเหลือ เพราะเขียนคอลัมน์ โหรา (ไม่) คาใจ ไม่ใช่ มาลัยเสี่ยงรัก)
หลายคนมีคนแวดล้อมมากมายแต่ไม่วายเหงา ต้องมีคนรักถึงจะหายว้าเหว่ แต่ก็อาจได้ความว้าวุ่นมาแทน หากความสัมพันธ์นั้นเกิดปัญหาขึ้นมา อาจจะทรมานยิ่งกว่าตอนรบกับความอ้างว้างเสียอีก นอกจากนี้หลายคนเลยค่ะที่บอกว่าไม่มีคู่เพราะรู้ว่าอยู่เป็นโสดมีทุกข์น้อยกว่ามีครอบครัวแน่นอน แต่ต้องเผชิญกับความเหงาที่ทำให้หนาวหัวใจอยู่เรื่อยๆ จนมีคุณผู้หญิงท่านหนึ่งบอกว่าอยากให้มีการคิดค้นยาที่ฉีดเข้าเส้นเลือดแล้วหายคลายว้าเหว่ (หมอดูก็จะขอฉีดด้วยคนค่ะ ^__^v)
พูดถึงยาแล้วก็นึกขึ้นได้ว่าอันที่จริงก็มีโอสถขนานเอก ที่ค้นพบมาเมื่อสองพันกว่าปีที่แล้ว ใช้รักษาความเหงาได้ชะงัดนักแล คือ ธรรมโอสถ ของพระพุทธองค์อันเป็นยาแก้โรคทางใจได้ครอบจักรวาล
...พอเหงาก็รู้ว่าเหงา พอฟุ้งซ่านก็รู้ว่าฟุ้งซ่าน เมื่อจิตตื่นรู้ตลอดเวลา คุณจะไม่อ่อนแอแล้วแช่จมอยู่กับอาการชั่วคราวใดๆ ของจิต แต่จะเห็นมันเหมือนลมหายใจ เห็นมันเหมือนสุขทุกข์ ที่เกิดขึ้นด้วยเหตุอย่างใดอย่างหนึ่ง แล้วต้องดับลงเป็นธรรมดา
จาก "เดี่ยวได้ไม่ต้องเหงา" โดย ดังตฤณ
อ่านทั้งบทได้ที่ //www.dungtrin.com/index.php?option=com_content&view=article&id=500
อันที่จริงแล้วเจ้าความเหงาและอาการอยากมีใครสักคนมาเคียงข้าง ก็เป็นเพียงคลื่นความคิดที่มาเยี่ยมเยือนเป็นบางครั้งบางคราว โดยไม่อาจจะสั่งมันได้ว่าให้มาตอนไหน และกลับไปเมื่อไหร่ มันจะผ่านมาแล้วก็ผ่านไปตามเหตุปัจจัยเท่านั้น ถ้าเราเข้าใจถึงความไม่อาจจะคงทนอยู่ได้ ความไม่เที่ยง และความไม่ใช่ตัวตน ของความเหงา แล้วเฝ้าดูแต่เพียงอย่างเดียว เราก็จะไม่เป็นทุกข์เพราะมันค่ะ
นอกจากการเพียรเจริญสติ ตามรู้ตามดูแล้ว ก็ควรหากิจกรรมที่ช่วยยกระดับจิตใจทำด้วย เพื่อขจัดความเหงาให้เบาบางลง ถ้าปล่อยให้ความเดียวดายกัดกินใจ ก็แสดงว่าเจ้าของใจดวงนั้นต้องอยู่กับอกุศลจิตของตัวเองไปเรื่อยๆ เพราะฉะนั้นอย่าปล่อยให้ตัวเองอยู่ว่างๆ ไปหาสิ่งที่เป็นบุญเป็นกุศลทำ เช่น เลี้ยงข้าวเด็กกำพร้า เยี่ยมคนป่วยอนาถาที่ไร้คนแลเหลียว ลุยเดี่ยวไปทำสังฆทาน เยือนบ้านพักคนชรา ทำงานสาธารณกุศล ช่วยคนมีปัญหาชีวิต ฯลฯ กิจกรรมสร้างสรรค์บันเทิงบุญเหล่านี้จะช่วยทำให้ไม่จมอยู่กับความคิดในทางลบค่ะ
ความเหงานอกจากจะส่งผลต่อสุขภาพจิตแล้ว ยังมีผลเสียสุขภาพกายด้วยนะคะ โดยมีผลการวิจัยที่เก็บข้อมูลจากอาสาสมัครวัยชราในสหรัฐอเมริกา กว่า ๘๐๐ คน เป็นเวลา ๔ ปี พบว่าคนที่เปลี่ยวเหงามีโอกาสเป็นอัลไซเมอร์เพิ่มขึ้น ๒ เท่า (ที่มา //bit.ly/f6wjPi) เพราะฉะนั้นพยายามจัดการกับเจ้าความเหงาเสียตั้งแต่บัดนี้ จะได้ไม่ต้องทุกข์ทั้งกายและใจเพราะความเดียวดายเป็นเหตุค่ะ (^___^)
Create Date : 30 มิถุนายน 2554 |
Last Update : 30 มิถุนายน 2554 14:18:49 น. |
|
1 comments
|
Counter : 459 Pageviews. |
|
|
|
โดย: minkblue วันที่: 1 กรกฎาคม 2554 เวลา:14:09:52 น. |
|
|
|
|
|
|
|