อยู่สบาย ตายสงบ จากไปไม่คิดค้างใคร แง่บๆ

<<
มิถุนายน 2553
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
14 มิถุนายน 2553
 

สมาคม สูงกินลม ไว้ไม่มีหงอย ... .. แห่งปะเทศไทย (ป้านู๋บี) @- 12 -@

แหล่งรวมคนเมาน้ำลาย
คุยกันได้ ทุกคน ทุกเรื่องตั้งแต่
วิมุต ยันซูฟีย์ เลี้ยวมา บ้าบ๋า ญ่าญ๋า
ตามสบายครับ
....




Create Date : 14 มิถุนายน 2553
Last Update : 23 กรกฎาคม 2553 20:46:23 น. 137 comments
Counter : 4123 Pageviews.  
 
 
 
 


เหอ ๆ เมื่อบ่ายแก่ ๆ อิฉานแวะเข้ามาเชคเรทติ้ง ที่สมาคม
ก็ต๊กกาใจใหญ่เรยยยยฮ่ะ
เฮ้ยยย ทำไม จู่ ๆรูปประดับสมาคม
ถึงกลายเป็นรูป เจ้ตือโป๊บยก่าย
สไตล์เนื้อนมไข่ไปได้ ฟระ
งี้ ครายเห็นภาพพจน์ สาว ๆ ใน มาคม
ก็เสียโม๊ดดดด อ่ะจิ พวกเรา รึออกจะ ...
สะแลนเดอร์ กันทู๊กคนนนนนน
(ม่ะเชื่อไปถาม ฮูหยินของป๋าโจดูดิ เอิ๊ก ๆ )



แหม ๆ ไอ้เจ้าประธานหลานร้ากกกก
นี่มันเข้าใจหาภาพปลากรอบมานะเนี่ย
สีสวยเชียว แถม คำคม ที่แปะไว้ ก็เข้าที
แหล่มมั่ก ๆจร้าาาาาา ทูนหัววววว
อ่านแร้วขำกร้ากกก เรยว่ะตัวเอ๊งงงงง


เออ แล้ว เก็บกด เอ๊ย หมดฟามอดทนไรป่ะเนี่ยไอ้นู๋แสบ
ป้ามุดรูแย้ไปแอบอ่านเรื่องของชาวบ้านหนนี้
เห็นเอ็ง บ่นนู่นบ่นนี้เรื่องแควนเก่า
ซะยาวเฟื้อยยยยยยยยยยย เป็นกิโล เรยวุ้ย
ได้แง้ว ๆ ระบายออกมาซะมั่ง
ก็ดี เหมือนกันนะไอ้ไข่ต้มเอ๊ย
สะสมไว้มาก ๆ เด๋วเขื่อนจะแตก แง่บ ๆ


อืม....แต่แวะเข้าไปอ่านเรื่องของเอ็งช่วงนี้
ป้าจะได้เข้าไปตุนวัตถุดิบ
ในการเขียนนิยายให้เพรียบเยยยยง่ะ งิงิ
ประมาณ รักต้องห้าม เราสามคน
พระเอกยอมทนกล้ำกลืน ละทิ้งฉักฉีตัวเอง
โทรมาขอตัวนางเอกกับผู้ชายของเจ้าหล่อน
สุดท้ายไอ้ผู้ร้ายก็เห็นใจในฟามรักของคนทั้งสอง
เรยยกน้องนางเอกให้ไปอยู่ก๊ะ พี่พระเอก
แหม ๆ แฮ่ปปี้เอนดิ้งงง มีสิทธิเข้าชิงโนเบล


( แหม๊ นี่ ถ้า เจ้ขวัญ ลู้จักใช้มุขนี้
แบบแควนเก่าไอ้แง่บอ่ะนะ
ป้านฉะนี้เจ้ได้ไปบวชชีอยู่ในป่าสมใจแระ เอิ๊ก ๆ
เอ๊ แต่ก็ไม่แน่นะ ป้าโจ ม่ะเหมือน ไอ้แง่บ
ขืน เจ้ใช้มุขนี้ อาจโดนป๋าแกเตะไส้แตกทั้งคู่ ก็ได้ เหอ ๆ )


.
 
 

โดย: ดอกบัวนิรนาม...ตามมาแพล่ม IP: 117.47.4.15 วันที่: 14 มิถุนายน 2553 เวลา:22:08:52 น.  

 
 
 
คุณนายเน่าเจ้าขราาาาาาาาาา

------------------------------------------------
มีเรื่องทั่นโจมาโม้อีกแระ อีกแระ
วันก่อนนะ ดูข่าวเรื่องคนพิการมาชุมนุมประท้วงที่หน้า
ทำเนียบ แล้วโดนสลายการชุมนุมมีตกน้ำตกท่ากัน
ทั่นโจ บอกว่า เขาเห็นตัวเองสงสารคนพวกนั้นจับใจเลยนะ
มันเป็นของมันเอง เขาว่ามันก็แปลกดีนะ
แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้ ได้แต่ดู แล้วบอกว่าเริ่มเข้าใจแระ
ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเข้าใจอะไร ไม่ได้ถามต่อ

ส่วนเจ้นะหรอ... อิอิ ไม่มีสงสารคนพวกนั้นเลย ง่ะ
มีแต่แปลกใจ ประหลาดใจ สลดใจ หดหู่ใจ ดูดิ ดูข่าวเดียว
กันแท้ๆ ยังรู้สึกต่างๆกันไป มานั่งนึกดู เออ...เรามันพวก
สันดานคนใจดำ เจงๆ ต่างจิตต่างใจ ก็เกิดอารมณ์ต่างๆกัน
เป็นเรื่องของธรรมชาติของจิต จิตใครจิต เนอะ มันแล้วแต่
ว่าทำกรรมอะไรมาก็ได้วิบากเกิดเป็นแบบนั้นๆไป
+++++++++++++++++++++++++++++++++++

อิอิ คิดเหมียนกันเรยเจ้
ตอนอิฉันดูข่าวนี้ ก็สงสารคนพวกนั้น ตะหงิด ๆ
คล้ายป๋าโจ นะ แต่ ตอนหลังดั๊น กลายเป็น
คนสวยใจดำ บอกตัวเองว่า กมฺมุนา วตฺตตี โลโก กุ๊ก ๆ
ไปได้ไงก็ไม่ลู้ สงสัยจะติดเชื้อมาจากคนแถวนี้ เน๊าะ อิอิ


และอีกความรู้สึกที่ตามมาคือ
เด๋วนี้ การจัดตั้งม็อบต่าง ๆ มาใช้ไนการ แก้ปัญหา
ดูมัน อินเทรนด์ จังอ่ะ
แต่ มันขาดหลักอโหสิ อหิงสา ไง ไม่ลู้แฮะ
แถมวิธีจัดการรับมือกับม็อบ ของ รัฐ
ก็มักเกิดนำไปสู่ความขัดแย้งที่ลุกลามใหญ่โตด้วย
บางทีการรักษาดุลยภาพของผลประโยชน์
ระหว่าง ผู้ เรียกร้อง กับ ผู้ตอบสนอง
มันก็หาความพอดีได้ยากเจง ๆ








-----------------------------------------
วิธีตรวจสอบง่ายๆ คืออ่านอะไรแล้วเกิดอกุศลจิตในตัวเรา
ก็ไม่ควรจะไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนั้น อ่านแล้วกิเลสงอกมา
บาน ก็เป็นทุกข์เป่าๆ เพราะอ่านแล้วก็ไม่ได้ความจริง
ไม่ได้ข้อยุติ มีแต่ข้อกล่าวหาที่หาบทสรุปที่เป็นความจริง
ไม่ได้ เพราะเป็นการพูดอยู่ฝ่ายเดียว แต่ถ้าเราอ่านแล้ว
อยากช่วยพระศาสนาจริงๆ ก็ควรผลักดันให้มีการตรวจสอบ
ให้เป็นรูปธรรม ทำความจริงให้ปรากฏถึงจะเรียกว่าช่วยกัน
ในทางที่ถูก แต่ถ้าจะช่วยเผยแพร่ความคลุมเครือนะ
อยู่เฉยๆ ยังมีประโยชน์กว่า
++++++++++++++++++++++++++++++++++
อันนี้ ไม่มีฟามเห็นในประเด็นหลักนะ
เพราะ ถึงจะเอ็นดูเหล่าพุทธมามกะจ๋า แค่ไหน
แต่ก็ไม่ค่อยสนใจไปคลุกวงใน
ชอบนั่งบนภู ดู .... เพื่อเสพเป็นดราม่า มากกว่า แหะ ๆ


อย่างที่บอกแหล่ะ ตัวมัน ของมัน ช่างแมงมัน ง่ะ
อิฉันสนใจแต่เฉพาะเรื่องการตักน้ำใส่ตุ่มตัวเอง
แบบที่ อาเหล่าแปะแนะนำ คร้าาาา อิอิ



แต่เรื่อง
" อ่านอะไรแล้วเกิดอกุศลจิตในตัวเรา
ก็ไม่ควรจะไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนั้น"


จริตอิฉันกลับเห็นต่าง กับเจ้น่ะ
ม่ะลู้ดิ อิฉันคงเป็นประเภท ชอบลองของมั้ง
ถ้า อะไร ทำให้อิฉัน เกิด อกุศลจิต
อิฉันมักจะชอบตอแยกับมันอยู่ดีแหล่ะ
เพราะ สิ่งเหล่านั้นมันทำให้อิฉันได้เรียนรู้
จุดอ่อนจุดแข็งของตัวเองในการปฏิบัติได้ดีที่สุด
จะได้เอาไปปรับปรุงกลยุทธในการกำจัดกิเลส งิงิ


ดูดิ๊ ว่า ครั้งต่อไป เมื่อผัสสะจากสิ่งเหล่านั้น
เมื่อมากระทบ แล้ว เราจะสามารถจัดการ
รับมือ และ เหยียบมันไว้ใต้อุ้งเท้าน้อย ๆ ได้อ๊ะปล่าว
ก็เหมือนกับเรื่องที่การกลัวผีโผล่มาในที่มืด
ที่อิฉันเคยเล่าให้ฟังนั่นแหล่ะ
พอรู้ว่าตัวเองลู้สึกกลัว แทนทีจะหลบเลี่ยงหรือหลับตา
อิฉันกลับใช้วิธีตรงข้าม มองฝ่าความมืดทุกครั้งที่กัว อ่ะ
ประมาณว่า ดัดสันดานตัวเอง ถ้า ทำแล้วไม่หายกลัวผี
ก็อาจช็อคตายเพราะโดนผีหลอกไปเรย อะไรเทือกนั้น 555








----------------------------------------
ที่เหลือ
อยู่ก็มี คนที่ใช้ชื่อ สับสน! เนี่ย ก็คนเดียวกับเกิดเป็นคนช่าง
ยากแท้ ความเห็นส่วนตัวนะ เป็นคนแปลกๆ ไม่น่าคบ ง่ะ
+++++++++++++++++++++++++++++
อันนี้ก็เห็นต่างก๊ะเจ๊ อ่ะ
สำหรับอิฉัน บักเกิด มันก็พอที่จะทนคบได้นะ
ม่ะลู้ดิ บังเอิญ ใจง่ายชอบทำตัวอ้อล้อกับชาวบ้าน
โดยไม่เลือกชั้นวรรณะอ่ะ
จะพญาแมงสาบหรือเอี้ยก้วย
นู๋ก็คบเผื่อเลือกไว้หมดฮ่ะ



อีกอย่าง อีตาเกิดเป็นคน โคตรสับสน
เจ้า กัลยาณมิตร โดยบังเอิญ ของอิฉัน
เท่า ๆ ที่คบหาลู้จักนิสัย ( ผ่านตัวหนังสือในเนต ) เนี่ย
ถึงมันจะมุทะลุ โมโหง่าย ใจร้อน ปากไม่ดี
แต่มันก็ทนมือทนตีน อิฉันเสมออ่ะ น่าเอ็นดูดี
ส่วนที่มันไปตั้งกาทู้ แกว่งปากหาเสี้ยนที่พังจิต
นั่นก็ กำใคร กำมัน นู๊ม่ะเกี่ยวนะคร้าาาอิอิ


อืม...อิฉันว่า ไอ้หมอนี่
มันก็มีความปรารถนาดี
ให้กับเพื่อนร่วมโลกนะ
เพียงแต่ มันมองต่างมุมไม่เป็น


ดังนั้นสิ่งไหนที่มัน คิดว่า ถูก
มั๊น ก็ ดันทุรังแบกทิฐิมานะ ไว้บนหัว
รั้น จะทำให้คนอื่นเออออห่อหมกด้วย
จนลืมไปว่า จริตของคนเราแต่ละคนมันต่างกัน
และดวงตาของคนก็มองได้
ไม่ครบ 360 องศา หรอก
โอกาสที่จะเข้าใจผิดซึ่งกัน จึงมีเสมอ



ด้วยเหตุนี้ เจตนาดี ที่คน ๆ หนึ่ง คิดว่า ดี สำหรับทุกคน
จึงอาจกลายเป้น ความประสงค์ร้าย สำหรับอีกคนได้เสมอ
ยิ่งถ้าวางใจไม่เป็น นี่ เสียฟอร์มนักปฏิบัติได้ง่าย ๆเรยง่ะ
พอ ทิฐิมานะ โมหะ โทสะ กำเริบ
มันก็จะมัวไปเพ่งโทษ ไป พิณาคนอื่น
จนลืมไปว่า จุดยืนของ นักปฏิบัติ คือ
การเพ่งโทษตัวเอง ไม่ใช่ไปเพ่งโทษคนอื่น


อิฉันเองก็พยามหลีกเลี่ยงนะ
ไอ้เรื่องการเพ่งโทษคนอื่นเนี่ย
ถึงจะชอบหยิบเอาตรรกะมาเหน็บ
มากวนซ่งตรีนชาวบ้าน เป็นงานอดิเรกก็เหอะ แหะ ๆ





----------------------------------------------

เนี่ยถึงได้ชอบ นู๋บี เพราะมีวิจารณญาณ ได้ถูกใจ
วางตัว วางกิริยาได้งาม ในเรื่องยากๆ นะ
อย่างเรื่องนี้ เป็นต้น อิอิ
การวางตัวในเรื่องยากๆ ก็เป็นตัวบ่งบอกถึงสติปัญญา
และภูมิธรรม ได้เหมือนกันนะ
+++++++++++++++++++++++++++++++++

อิอิ อันนี้ อ่านแร้ว จิตมันฟู จนดูม่ะได้ เรยนะเจ้
เพิ่งลู้นะเนี่ย ว่า เจ้ ชอบ บทฟาม
เรื่อง พระยอม แต่เณรไม่ยอม
มิเสียแรงที่ อุสาห์จิ้มดีดไปโพส เหอ ๆ


อ่ะ เอามาโพสอวดในนี้ อีกรอบ งิงิ





พระยอม แต่เณรไม่ยอมมมม เย้ ๆ

--------------------------------------------------------------------------------

อ้างอิง:
ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ กนกลาย
ถ้าพระองค์หนึ่งเป็นอย่างนีล่ะ


_อวดอุตริมนุสธรรม
_กล่าวคำเท็จว่าไม่ได้อวด............ฯลฯ

ขอกราบขอคำชี้แนะจากหลวงพ่อไพศาลว่า ถ้าในสังคมมีพระแบบนี้เราควรทำอย่างไร


ขอท่านเมตตาชี้แนะด้วยเถิด


งานนี้ต่างกับกรณีพระผิดเรื่องบวชภิกษุณีอย่างมาก

ถ้าท่านรู้ความจริงว่าพระรูปหนึ่งเป็นอย่างนี้้ท่านจะทำอย่างไร

โยมหมดหนทางแล้ว

++++++++++++++++++++++++++++++
5th-Lotus ตอบว่า

เอ่อ.... ขอโต๊ด เจ้าค่ะ
ไม่ทราบว่า ที่นี่ ใช่ห้อง อัตาสมาธิ เอ๊ย ห้อง อพินยาสมาธิ
ที่อิฉันเข้ามาเพ่นพ่าน อยู่ บ่อย ๆ หรือปล่าวค้าาาา


แหม๊ นึกว่า กะลังฟัง รายการ แฉแต่เช้า
ของ ดีเจ มดดำ ซะอีก 555
แต่ก็ดีนะ อ่านแร้วครึ้มดี เสพดราม่า บ่อย ๆ งี้
จะได้ฝึกทักษะการ เบิ่งจิต ของตัวเองจนช่ำชอง งิงิ


อืม...ก็ไม่ลู้ว่า พระไพศาล
ทั่นจะว่างมาวิสัชนาตอบ จขกท. ไหมนะ
ไอ้อิฉัน มันก็ไม่ใช่ พุทธบริษัท 4 ซะด้วยเด่ะ
แค่แวะ มานั่งบนภู ดู...?
เล่น ๆ เป็นงานอดิเรก เท่านั้นแหล่ะ
ในฐานะที่บรรพบุรุษเป็นพุทธมา 7 ชั่วโคตร
เรยแวะมาดู รากเหง้า ของตัวเองซะหน่อย
ว่า อิทัปปัจจยตา อ๋อ มันก็เป็นเช่นนี้เองงงงงง
ตถตาาาา สาธุ๊ สาธุ เหอ ๆ


เฮ้ออออ นั่งกระดิกตีนอยู่บนภูดูไปก็ขำไป แฮะ
แบ่บว่า มันไม่ใช่เรื่องของกรู นี่หว่า
เรยไม่ลู้จะ ทุกข์ร้อนวิตกจริตไปไย
ดู แร้วก็วาง วางแร้วก็ปรุง เอ๊ย ปลง
ประมาณว่า

ตัวมัน ของมัน ช่าง ( แม่ง ) มัน มั้ง

ใส่ใจทำไม ช่างหัวมันปะไร
แค่ ขัน 5 ใบ ที่แบกไว้บนหัวก็หนักจะแย่อยู่แร้ว
สนใจทำไม๊ล่ะจ๊ะ กับ ขันธ์ชาวบ้าน เอิ๊ก ๆ


เฮ้ออ จะกฏหมู่ กฏหมาย หรือ กฏแห่งวินัยสงฆ์
มันก็คงจะสถิต ยุติธรรม สู้ กฏแห่งกรรม ไม่ได้ หรอกนะ
ถ้าคุณเชื่อมั่น และ ศรัทธาในกฏแห่งกรรม ได้
เหมือนที่คุณ ศรัทธาในสมณะโคดม อ่ะนะ
คุณจะวิตกจริตคิดแทน กรรมนิยม เอ๊ย กรรมนิยาม ไปใยล่ะ
เพราะไง

สัตว์โลกก็เป็นไปตามกรรม ที่มันได้กระทำไว้อยู่แร้วนิ

กมฺมุนา วตฺตตี โลโก กุ๊ก ๆ นี่เน๊าะตัวเอ๊งงง งิงิ



ปอลิง

เอาเป็นว่า ระหว่างรอ หลวงพ่อไพศาล มาตอบ
อิฉันเปิดเพลงนี้ ให้ทุกท่านฟัง แก้ เหงา ดีกว่า งิงิ
ก็ไม่ลู้ ว่า เพลงนี้ จะเข้าคอนเซปต์ กาทู้ ไหมนะ
แต่ อิฉันชอบ เรย เอามาฝาก งิงิ

พระยอม แต่เณรไม่ยอมมมม เย้ ๆ





 
 

โดย: ดอกบัวนิรนาม...ตามมาแพล่ม IP: 117.47.4.15 วันที่: 14 มิถุนายน 2553 เวลา:22:10:21 น.  

 
 
 
ป๋าแอ่บ
--------------------------------------------------------

( การยุแยงตะแคงรั่ว
ที่เกิดกับชาวบ้านชาวช่อง
ด้วยฟามคะนองแกมสนุกระคนขบขัน อ่ะนะ )

เอ๊ะ เป็นละครเรื่องเดียวกันรึป่าวเนี่ย !
เดี๋ยวว่างๆย้อนไปดูใหม่ดีก่า

+++++++++++++++++++++++++++++
อันนี้ อิฉัน หมายฟามว่า
ข้อฟามที่อ่านในเวบแอนตี้วิมุติ เนี่ย
อ่านแล้วอิฉัน รู้สึกไปเองว่า
มันมีลักษณะของการยุแยงตะแคงรั่ว
( ยุให้คนแตกกัน ทำลายฟามสมานฉันท์ และ เพ่งโทษผู้อื่น )

แต่อิฉันก็ยังทะลึ่งไปอ่าน
ด้วยฟามคะนองแกมสนุกระคนขบขัน
ประหนึ่ง กะลังเสพดราม่า สนุกกับการดูคนทะเลาะกันอ่ะ
สงสัยตอนนโพสอิฉันจะเมาน้ำลายไปหน่อย
เรยทำให้แปะอ่านแร้วเข้าใจผิด



เอาล่ะ ต่อไปมานินทา หมอ เอ๊ย มาเคลียร์
เรื่องที่เคยบ่นด้างไว้ดีกั่ว
เวลาหายหัวไปอยู่ในกะลาจะได้ไม่คันปาก 555

--------------------------------------------------------
ส่วนเรื่องสูโดฯ และ clarinase ฯลฯ น่ะ เป็นแค่หนังตัวอย่างเฉยๆ เค้าไม่ได้จัดพวกนี้ให้หรอก เทียบเคียงให้ฟังเท่านั้น

เพราะว่า แทนที่เค้าจะจัดยาในบัญชีทดแทนให้ได้ แล้วไหงไปจัดยานอกบัญชี(รู้นะม๋อ คิดไรอยู่)

( พูดไปแล้วนะ loratadine + สูโดฯ มันไม่ได้เท่าclarinaseหรอก คนละเรื่องเดียวกัน ไม่รู้ทำไม แต่มันดีกว่ามากนะ

จำได้คุ้นๆเม็ดละตั้งสี่สิบบักละมัง แพงจินๆ )
++++++++++++++++++++++++++++++++++++


อิฉันก็ลู้เช่นกันคร้า ว่า เหล่าฮู คิดอารายยู้ เหอ ๆ
แพทย์พาณิชย์มันมีอยู่ทุกยุคทุกสมัยแหล่ะคร้า
ยิ่งสมัยนี้ จาหาแบบ หมอโฮจุน หรือ หมอชีวกฯ คงยากส์ เอิ๊ก ๆ


ที่สำคัญ ระบบสาสุกเมืองไทย
มัน ใช้ ด็อกเตอร์เซนเตอร์นิ
ม่ะค่อยจามองคนไข้เป็นศูนย์กลางเท่าไรหร็อก
ม่ะเหมือน ในต่างประเทศ
เคยอ่านเจอนะ ที่โน่นถ้าคนไข้ป่วยต้องผ่าตัด
เค้ามีแพคเกจให้เลือกวิธีรักษา
แบบ โปรโมชั่นโทรศัพท์มือถือเรยมั้ง

จะผ่าแบบไหน ใช้เครื่องมืออะไร มั่ง
ข้อดี+ข้อเสียของแต่ล่ะวิธี เวลาพักฟื้น
ราคาค่าใช้จ่ายของแต่ล่ะวิธี ฯลฯ
ที่นั่น คนไข้เขาเลือกเองเรยนะ
ว่า จะเลือกวิธีไหนถึงจะดีที่สุดสำหรับเขา
ไม่ใช่ว่า ปล่อยให้หมอออร์เดอร์ตามใจชอบ




ส่วน clarinase น่ะ
ที่ดีกว่า เพราะเกี่ยวกับเทคนิคการทำมั้ง
การดูดซึม การออกฤทธ์เรยสู฿งตามราคา
ที่สำคัญ ปริมาณ สูโดฯ ในยานี้ มันสูงกว่า แอคติเฟด แยะ
แต่กินบ่อย ๆ มันก็ดื้อ เหมือนกันนะแปะ
เคยเจอกับตัวเองแระ



อ้อ แปะ ไปเชคเมล์โตยนะ
ลู้สึกว่าจะมีสาวสวยเมล์ไปหาอ่ะ อิอิ

.
 
 

โดย: ร้อยตำรวจเอกปลอมตัวมาาาา 5555 IP: 117.47.4.15 วันที่: 14 มิถุนายน 2553 เวลา:22:11:54 น.  

 
 
 
หลานมดเอ๊กซ์


ไว้ว่าง ๆ จะตั้งกาทู้ ทานบารมีท่านทำสิ่งนี้เพื่ออะไร ?
มาให้อ่านนะจ๊ะ


อ้อ ตะวาน ป้าเมล์ ไปหาหลานนะ
แต่วันนี้ ป้า คิดว่า ป้าอามาโพสให้ชาวบ้านอ่าน
ในสมาคมด้วยดีกว่า เรทติ้งจะได้วิ่ง ๆ
เพราะไงซะ หลัง ๆ มานี่ ป้าเมล์อะไรไปหาเอ็ง
เอ็งก็ หลอยไปโพสให้สาธารณชนอ่านอยู่ดี
อย่ากระนั้นเรย ป้า ชิงมาโพส ตัดหน้า เอ็๋งมั่งดีฝ่า เหอ ๆ


--------------------------------------------------
ถึง ด.ช. มดเอ๊กซ์ หลานร้ากกก ของป้าบัวผ่อง
Sunday, June 13, 2010 8:46 PM

อืม...หะแรก แวะไปเสพไปเสพเวบดราม่า เสร็จ
ก็กะว่าจะ ไปเดินจงกรมรอบโรงบาลอ่ะนะ
บังเอิญนึกครึ้มอารายก็มิลู้
แอบย่องไปเชคเรทติ้ง ที่ สมาคมสูงกินลม
เก๊าะดั๊นไปเจอ ไอ้หลานตา กลม
มานั่ง ตาก ลม แพล่ม จ๋อย ๆ
จนฟังแทบไม่ทัน เหอ ๆ


เรยเป็นเหตุปัจจัยให้ ป้าบัวผ่อง บ้องแบ้ว
หาเรื่องอู้ งดเดินจงกรม ซะแร้วววว
หันมาละเลงอารมณ์ แง้ว ๆ
เมล์แจ้ว ๆ มาหาเจ้ากระโถน เอ๊ยอาคุงหลานตา กลม
( กะลังอารมณ์ค้าง จาก เวบดราม่า มาพอดี งิงิ )

อิอิ ม่ลู้เป็นไง แค่ พอตูจะซุกหัวอยู่ในกะลา
ก็มักจะมีไอ้หลานเวง โฉบฉาย กรีดกรายมาแพล่ม
ไม่ได้มีโอกาสตั้งวงก๊ง เอ๊ยคุยกันอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยซะที
แบบสวนกันไปสวนกันมาตลอดดดดดดด

อ้อ แท้งกิ๋วนะยะ ที่ เสนอตัว เป็น หน้าหมา เอ๊ย หน้าม้าให้
สมแร้วที่เป็นสุดยอดนักปั่นกาทู้
ขนาดไปโพสที่สมาคม มั๊นยัง ปั่นซะ ขึ้นหลักร้อยแหด
ดีแร้วจร้าาาาา เรทติ้ง มาคม วิ่ง ๆ งี้
ป้าปลื้มมากกกกกกกกกกก หุหุ ^ 0 ^

และ ขอบใจที่เล่าประสบการณ์แผลง ๆ
เรื่องแกงส้มปลาหางนกยูง แอนด์ เพชรฆาตอึ่งอ่างให้ฟัง
จิง ๆ ป้าก็มี ประสบการณ์แผลง ๆ คล้าย ๆ แบบนี้ เหมือนกันนะ
ว่าจะเขียนเติมลงใน ศีล 5 ฯ ที่จะเขียนเหมือนกัน
แต่ยังไม่มีเวลาเรยว่ะ เฮ้อออ

เฮ้อ คงต้องถากต้องเกลาอีกแยะ
เพราะ เนื้อหามันเยอะ จนตาลาย
ต้องสังคายนา จัดหมวดหมู่ให้น่าอ่านน่าดู
กว่าจะเขียนเสร็จ ปิดงบได้ อีกนานนนนนนน

อย่างที่เคยบอกแหล่ะยิ่งเขียนยิ่งบาน
ตามประสบการณ์ที่พบเจอน่ะ
นี่ยังอยากจะยัด เรื่อง แบคทีเรีย อมีบา พารามีเซียม
รวมทั้ง เรื่อง จุลินทรีย์ แลคโตบาซิลลัส (ในยาคูลท์ )
ลงที่ศีลข้อ 1 ด้วย

รวมถึง เรื่อง สวยด้วยศีล เรื่องการชาร์จแบตโทรศัพท์
การเมคเบี้ยเลี้ยงเดินทางประชุม เพิ่มเติมเข้าไปอีก
โอ๊ย บานนนนนนนนนนนนนน เล๊ยยยยยเฮ้อ

ล่าสุดนี่ก็อยากจะเม้าส์ถึงเรื่องที่ถูก
ไอ้หนูดลผู้ก่อตั้งชมรมคนรักพี่หนูบัวฯ
มันหว่านล้อมแกมปะเหลาะ
ขอร้องให้เลิกถือศีลด้วยการมาบ่นออด ๆ ประมาณว่า

" เมื่อไรพี่บี จะกลับมาเป็น มิ่งขวัญในฮาเร็ม ให้เด็ก ๆ ทั้งหลาย ซะที"

" พี่บีเลิกถือศีลเหอะคับ แล้วผมจะยอม รับบาป ทุกอย่างไว้แทนพี่เอง "


และคงอีกนานเลยกว่าจะแก้ไขชิ้นงานเสร็จ
ตอนนี้เริ่มเข้าสู่โหมด ขี้เกียจ อยู่เยยย

เออ ลู้ป่ะ พอเห็น เอ็งเล่า เรื่อง ศีลข้อ 1 ให้ฟัง
แร้ว ป้า ก็ อมยิ้ม นะ ขอบใจจร้าาาาา
ไม่ลู้สิ ถ้า ป้าโพสกระทู้เรื่องนี้
ป้าก็อยากให้มีคนมามาร่วมกั
นแบ่งปันประสบการณ์ แบบเอ็งเนี่ย
พูดถึงเรื่อง มหากาพย์ฮาเร็ม
ใจจริง อยากค่อย ๆ เอามาถกมาแชร์
มาแบ่งปันประสบการณ์กันทีละประเด็น ที ละหัวข้อนะ

ติดแต่ว่า เนื้อหาที่เขียนยัง ไม่สมบูรณ์ (ปิดงบไม่ลง)
เรยยังไม่ได้โพส เป็นกระทู้
เพราะสำหรับป้าการโพสกระทู้อะไรสักอันนี่...
มันจะมาพร้อมกับการรับหน้าเสื่อเป็นเจ้าบ้านอ่ะ
ต้องคอยต้อนรับขับไล่ เอ๊ย ขับสู้
ผู้แวะมาเยี่ยมเยือนในกระทู้น่ะ
ป้ามันใจอ่อน วิ่งมาปั่นกาทู้ แร้วชิ่ง ไม่ลง อิอิ
ถ้าโพสแล้วก็ต้องดูแลแขกเหรื่อกันหน่อย น่ะ

จิง ๆ ที่เห็น เพื่อน ๆ ไปโพสกันที่สมาคมฯ
ก็ร่ำ ๆจะต่อปากต่อคำด้วยหรอกนะ
แต่คิดไปคิดมา เอาเวลาไปตักน้ำเติมตุ่มตัวเองดีก่า
ขืน เข้าไปฝอยที่ ที่สมาคมสูงกินลมฯ ต่อ อ่ะนะ
มีหวัง น้ำลายกระจาย ไม่ได้ไปผุดไปเกิดซะที
นี่ก็เรยแวะมาเมล์บอกคุงหลานแทน อ่ะ
ขืนไปโพสแถวนั้น เด๋ว อดใจไม่ไหว
จะแพล่มยาวววว จนเป็นมะเร็งต่อมน้ำลาย เหอ ๆ


ไว้เก็บตัวผลิตน้ำหมากใส่ตุ่ม เอ๊ย ใส่กระโถนสักพักหญ่าย ๆ
แร้วค่อยรีเทิร์นไปฝอยที่ มาคม ด้วยนะจ๊ะ ^ 0 ^
ช่วงนี้ ปล่อยให้ คนสวยใจดำ
เค้าร่ำสุรา ก๊ะ นินจาลึกลับไปก่อนแระกาน
ร้อยตำรวจเอกปลอมตัวมา
ขอนุยาดแอบวิ่งไปตักน้ำใสตุ่มตัวเองก่อนว่ะ 5555

อืม..ขอบคุณที่ได้ลู้จัก....
ไม่ลู้ทามมาย แต่ก็ ขอบคุณ นะยะ ทูนหัววววว เหอ ๆ
บ๊ายบาย

ปอลิง เจี๊ยก ๆ
ปล.1
ชมหน่อย ๆ ภาพประกอบในกาทู้เอ็ง สวยมั่ก ๆ
โดยเฉพาะ พวกภาพวิว ต่าง ๆ
แล้วก็ภาพ พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์
ไปหามาจากไหนนี่ แจ่ม ๆ ทั้งนั้นเรย เก่งจัง

ปล. 2
ถ้าอ่านมหากาพย์ฮาเร็ม ฉบับร่างของป้าจบ
เกิด วาบในฟามคิดอะไรขึ้นมาอีก ก็ เล่าสู่กันฟังมั่งนะยะ
ป้าจะได้ เอาไปปรับปรุงงานเขียนของตัวเองต่อ
นี่ ๆ เล่าแต่ ประสบการณ์ ปานาติบาปของเอ็ง ให้ป้าฟัง
แล้ว ไม่คิดจะเล่า วีรกรรม วิ่งไปช่วยลูกนกหลงทาง
ให้ป้าฟังมั่งหรอ ป้าแอบไปอ่านแระ
แหม ? ไอ้หลานคนนี้ มัน่าดูเอ็น เอ๊ย น่าเอ็นดูจริงจริ๊ง เหอ ๆ

ปล. 3
อืม....คาดว่า เด๋ว จม.ฉบับนี้
ก็คงถูกคนบางคนหลอยเอาไปโพสโพทะนา
หน้าไมค์ให้ชาวบ้านชาวช่อง อ่านอีกตามเคยแหง๋แซะ
เรยอยากจะร้องเตือนว่า
ป้า ไม่อนุญาตให้ เอาบางส่วนของเมล์ป้า ไปโพส นะเว๊ย
แต่ถ้าโพสหมดเรยทั้งฉบับ นี่ ม่ะเป็นไรง่ะ
เพราะมันจะได้ อรรถรสกว่ากันเยอะ เหอ ๆ
 
 

โดย: ป้าบัวผ่อง บ้องแบ้ว เจ้าของโรงงานแห้วกระป๋อง IP: 117.47.4.15 วันที่: 14 มิถุนายน 2553 เวลา:22:13:13 น.  

 
 
 
เรียน ทั่นมาชิก ทุกทั่น

จิง ๆ ช่วงนี้ อิฉานว่าจะ อมน้ำหมากมาราธอน อ่ะนะ
แต่เห็น ไอ้แง่บมัน ขึ้นหน้าใหม่ในกาทู้ แร้ว เรทติ้งไม่วิ่ง
เรยกัวเสียเครดิต เจ้าป้าขาเม้าท์ เด๋วของเสื่อม
จึงต้อง แวะมาพ่นน้ำหมาก เจิมป้าย ขึ้นหน้า 12 เจ้าค่ะ
ในที่สุดก็ ครบโหล ซะที ทำได้ไงเนี่ย เย้ 5555


เอาล่ะ ปั่นกาทู้เพิ่มเรทติ้งเสร็จแร้ว
ขอนุยาดหุบ....อย่างเป็นทางการ


ปอลิง
ก่อนหุบ อิฉาน ขอโปรโมท กาทู้ หน่อยนะคร้าาาา
มหากาพย์ฮาเร็ม ( ฉบับร่าง )
รวมเรื่อง ศีล 5 ในฮาเร็ม ของเจ้าป้าบัว
ไว้ครบถ้วนที่สุดในบรรดาที่โพส ๆ มา


//www.sookjai.com/index.php?topic=3059.0


สนใจไม่สนใจ ก็แวะไปเป็นหน้าม้า
หลับหูหลับตาอ่านได้นะคร้าาาาาาา ^ - ^
(ถ้าช่วยวิจานให้ด้วยก็แจ๋ว แหะ ๆ )
เอาล่ะ โปรโมทเวบเสร็จแระ ไปได้ บ๊ายบาย จร้า


.
 
 

โดย: เจ้าป้าบัวหุบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ IP: 117.47.4.15 วันที่: 14 มิถุนายน 2553 เวลา:22:20:42 น.  

 
 
 
จงใจฮับ เอิ๊กๆ
เขียนให้ ยาวๆๆๆๆ และ ยาวๆๆๆๆ
เพื่อคนจะได้ อ่านข้ามไปอ่ะ
เหมือนเวลาตัดสินใจอะรไไม่ถูกมองข้ามๆๆๆๆ ไปทุกเรื่อง
ก็อย่าลืมเรื่องใหญ่
ทนความรุนแรงเวลาโมโหของอีกฝ่ายได้รึเปล่า แง่บๆ
 
 

โดย: itoursab วันที่: 15 มิถุนายน 2553 เวลา:1:21:55 น.  

 
 
 
สวัสดีค่ะ

ภาพน่ารักมากๆค่ะ

 
 

โดย: LoveTurJang วันที่: 15 มิถุนายน 2553 เวลา:8:19:11 น.  

 
 
 
แต่เรื่อง
" อ่านอะไรแล้วเกิดอกุศลจิตในตัวเรา
ก็ไม่ควรจะไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนั้น"


จริตอิฉันกลับเห็นต่าง กับเจ้น่ะ
ม่ะลู้ดิ อิฉันคงเป็นประเภท ชอบลองของมั้ง
ถ้า อะไร ทำให้อิฉัน เกิด อกุศลจิต
อิฉันมักจะชอบตอแยกับมันอยู่ดีแหล่ะ
เพราะ สิ่งเหล่านั้นมันทำให้อิฉันได้เรียนรู้
จุดอ่อนจุดแข็งของตัวเองในการปฏิบัติได้ดีที่สุด
จะได้เอาไปปรับปรุงกลยุทธในการกำจัดกิเลส งิงิ
-------------

ก็นะ คนเรามันต่างกันนี่นา
อาเจ้ สมาธิยังน้อย เจออกุศจิตเนืองๆก็เป็นทุกข์แระ
โดนทุกข์ครอบงำมันไม่สนุก ง่ะ อุเบรคขาได้บ้าง ไม่ได้บ้าง
ถ้าโดนความสุขครอบงำก็ว่าไปอย่าง อิอิ ของชอบ
แค่รู้ว่านี่อกุศลจิตมันคุมคามตรูอีกแระ เจ้ก็ชักหาง
เผ่นแน่บ ไม่เหลียวหลัง ถ้าหลบไม่ทัน ก็ว่ากันไป อิอิ
ถ้ารู้ตัวทันก็เลี่ยงๆ ขี้เกียจจะทุกข์ ง่ะ ไม่บรรเจิด งิงิ

เจ้ยึดนโยบาย สุขาปฏิปทา เป็นที่อยู่อาศัย นินา
ทุกขา เริ่มมา ก็ชักหางหนี ดิคะ ไม่อาว ดีฝ่า
ไว้รอสมาธิ ดีฝ่านี้ก่อง นะ ค่อยลุ้นชนกับทุกขเวทนา งิงิ
เจ้ ถือคติ ว่าความสุขเป็นเหตุใกล้ให้เกิดสมาธิ
ก็รู้สุขไปก่องเนืองๆ พอมีสมาธิดีขึ้น เจออกุศลจิต มีทุกข์
ก็จะได้ เย้ เย้ กะมันได้ แบบมีอุเบรคขา ไม่หน้ามืดสติแตก
ก่อนวัยอันควร ไงจ๊ะ ลูกไป๊ของป๋าโจขรา

ส่วนเรื่องตาเกิดเป็นบ่างช่างยุ เนี่ย เจ้ถือว่าเป็นคนพาล งิงิ
ก็เลยไม่คบหาสมาคมด้วย เพราะไร้ประโยชน์สำหรับเจ้ อะ
เจ้ เลือกคบ แต่คนที่ให้ประโยชน์กับเจ้ได้เท่านั้น เช่น
พระนางบัวเกรียนงี้ เจ้ไม่ใช่พระโพธิสัตว์ นี่หว่า จะได้มี
แต่ให้ประโยชน์กะคนอื่น เจ้น่ะ ยังเป็นสัตว์โลกตัวน้อยๆ
น่าจ๋งจาน จะตาย คบคนเลวก็เลวตามเขา คบคนดีก็ดีตาม
เขา แบบว่าใจง่าย ใจหน่อมแน้ม... อ่า สติสตังค์ก็ไม่ค่อยจะมี
สมาธิก็หรอมแหรม อิอิ ปัญญาไม่ต้องพูดถึงอยู่ไหนก็ไม่รู้
หาไม่ค่อยจะเจอ ก็เลยต้องเลือกคบคนจิ๊ดนึง คนไหนมีวาระ
ซ่อนเร้น พูดผิดหู พูดไม่ถูกใจ พูดแล้ว เจ้เกิดอกุศลจิต
เจ้ ก็จะถีบมันไปให้พ้นจากชีวิตของเจ้ ง่ะ บางคนเจ้ก็ยอม
คบหาอยู่มั่งถ้ายังเห็นประโยชน์อยู่นะ แต่ถ้ารู้ว่าไม่มี
ประโยชน์เมื่อไร เจ้ก็ชิ่งหนีเอง แหละ ไม่รู้จะต่อความยาว
สาวความยืดไปทำไม ถ้าไม่มีประโยชน์ตนไม่มีประโยชน์
ท่าน มีแต่สนองกิเลส ก็อยู่เฉยๆดีฝ่า เนอะ

แต่มีอยู่คนเดียวแหละ ที่แกะไม่ออก หนีไปไหนก็ไม่ได้
เลยต้องหน้ามืดทนทุกข์ไป ชนกะทุกข์แบบไฟท์บังคับ
ก็สติแตกเช้ามั่งเย็นมั่ง แค่นี้ก็สยองแระ
ไม่อยากมีทุกข์เพิ่ม แบกทุกข์ไว้มากๆก็กัวหลังหัก
ก็เลยต้องเลือกกระทบโลกหน่อย เปิดอ้าซ่ารับอกุศลจิต บ่ได้
กัวโลกแตก คริ คริ
---------------------------------------
( แหม๊ นี่ ถ้า เจ้ขวัญ ลู้จักใช้มุขนี้
แบบแควนเก่าไอ้แง่บอ่ะนะ
ป้านฉะนี้เจ้ได้ไปบวชชีอยู่ในป่าสมใจแระ เอิ๊ก ๆ
เอ๊ แต่ก็ไม่แน่นะ ป้าโจ ม่ะเหมือน ไอ้แง่บ
ขืน เจ้ใช้มุขนี้ อาจโดนป๋าแกเตะไส้แตกทั้งคู่ ก็ได้ เหอ ๆ )

เรื่องนี้ก็อีก ป๋าโจ มะเหมือน ป๋าแง่บ หรอก
มีหวัง เอาปืนมาส่อง ทั้งคู่แหงมๆ
โทดฐาน มาหลอกตรู ได้ไงฟระ
เพราะเขาจริงใจทุ่มเทจิตใจให้เราเยอะ
ก็ต้องเอาคืนเยอะ เป็นทำมะดา
แต่ถ้าเล่นๆ ไม่ได้จริงใจอะไร เขาก็จะทำอีกแบบ
คิดว่าป๋าแง่บ คงเข้าใจ คริคริ
เรื่องจริงใจด้วย กะไม่จริงใจด้วย มันต่างกัน
ถ้าป๋าโจเขาตกลงใจ จะจริงใจกะใคร แล้ว
กรณียังไม่ใช่เมีย ก็ว่าไปอย่าง อาจโดนอย่างอื่นแทน
แต่ก็คงจบไม่สวยเท่าไร ไม่ได้แฮปปี้เอนดิ้ง แน่นอน
แต่ถ้าเป็นเมียแล้ว ตายทั้งคู่สถานเดียว
ไม่ตายจริง ก็ตายทั้งเป็นแหละ อย่างโหด

เรื่องผู้ชายเนี่ย ก็เข้าใจยาก จริงๆเลย
เวลาผู้หญิงอย่างเรา เจอคนที่จริงใจและทุ่มเทให้เราเนี่ย
มันเหมือนกับขี่หลังเสือแหละ ถ้าลงไม่ดี ก็โดนกัดเละ
ถ้าเข้าใจเขาดีดี เสือก็เป็นประโยชน์ให้เราได้ งิงิ
เวลาเสือคำราม มันดังดี ใช่ปะ เหอๆ

แต่ถ้าเจอแมวลายเสือ จะเป็นไงก็ไม่รู้เหมือนนะ คริ คริ
ก็ว่ากันไป เนอะ

ส่วนเรื่องตุ่มเนี่ย ก็ตุ่มใครตุ่มมัน หาทางเติมกันเอาเอง
ไม่ได้เป็นพระพุทธเจ้า นินา จะได้เปิดตุ่มน้ำคนอื่นดูได้ อิอิ
หมายถึงพระพุทธเจ้าท่านสอนให้คนอื่นรู้ตามได้
แต่เราแค่สอนตัวเองยังทำไม่ค่อยจะถูกเลยเนอะ

ก็แพล่มกันไป ตามอัชฌาสัย


 
 

โดย: ป้านู๋ขวัญ ขยันแพล่ม อิอิ IP: 124.122.148.214 วันที่: 15 มิถุนายน 2553 เวลา:11:35:56 น.  

 
 
 
สำหรับคำขวัญวอลเปเปอร์ของสมาคมฯ หน้านี้

"หากไม่อยู่บนคาน ฉันจะอยู่บนคอ"

คาดว่าจเป็นนโยบายของแรดทรงเครื่อง โดยทั่วไป
ถ้าคิดจะจับแรดทรงเครื่อง ก็ต้องฟิต ลำคอ ให้แน่นหนา
หน่อยเนอะ จะได้รับน้ำหนักของแรดทรงเครื่องได้
นานๆ ไม่คอหัก ตายกลางคัน อิอิ
 
 

โดย: ป้านู๋ขวัญ IP: 124.122.148.214 วันที่: 15 มิถุนายน 2553 เวลา:11:44:41 น.  

 
 
 
ป้านู๋ขวัญ:
"เรื่องนี้ก็อีก ป๋าโจ มะเหมือน ป๋าแง่บ หรอก"
ความคิด อุปกรณ์ ฯลฯ เวลาโมโหนะใครก็หาได้ง่ายๆครับ
แต่ความยั้งนั่นแหละน่อ หายากที่สุด
ผู้ชายหลายคนอาจจะดูกระด้าง แต่ก็ไม่ได้แปลว่าเขาก้าวร้าวนะ
ถ้าป๋าโจ อีมี ธรรมะในใจอย่างป้าเคยว่า
ผมว่าอีกก็คงเลือกทำแบบผมนั่นแหละ
เพราะทำแบบนี้มัน .... แมนกว่า แหะๆ

LoveTurJang +ป้านู๋ขวัญ: ไปเจอรูปมา
จุ๊ๆอย่าบอกป้านู๋บีนะ ว่าเห็นแล้วนึกถึงป้าแกเรยยยย
สไตล์ป้านู๋บีเนี่ยคำขวัญนี้เรยยย
ใครจะเอาฉันลงจากคน ก็ต้องให้ฉันขี่คอมันเซ้ แง่บๆ
 
 

โดย: itoursab วันที่: 15 มิถุนายน 2553 เวลา:12:37:09 น.  

 
 
 
อะนะ ทนอยู่ไม่ได้ ต้องมาแพล่ม ทำความเข้าใจซะหน่อย
ครือว่า ป๋าโจ เขาทำใจเรื่อง เมียนอกใจไม่ได้
แบบป๋าแง่บ ที่ทำใจเรื่องแควนคนนั้นได้ไง
ป๋าโจเขารู้ธรรมบางเรื่อง แต่ยังไม่มีธรรมในบางเรื่อง
เช่น เขารู้จักสงสารสัตว์ตัวเล็กตัวน้อย
แต่เรื่องเมีย ทำผิดนอกใจ คิดล้างผัวนี่ เขาทำใจมิได้ อิอิ

ป๋าแง่บทำใจเรื่องนี้ได้ ก็อนุโมทนาด้วย
แบบว่า พระเวสสันดร ไง บริจาคลูกเมียให้คนอื่นได้
ส่วนป๋าโจ เขารู้ตัวเอง ว่ายังทำไม่ได้ แล้วก็ตอกย้ำกับป้าว่า
เขาทำใจไม่ได้ ดังนั้น กรุณาอย่าทำเรื่องที่ทำร้ายจิตใจเขา
เพราะเขาจะยับยั้งตนเองไม่ให้ทำร้ายป้าไม่ได้
เวลาเสือมันโกรธแล้วควบคุมตัวเองไม่ได้ ก็เละเทะ ใช่ปะ
 
 

โดย: ป้านู๋ขวัญ IP: 124.122.148.214 วันที่: 15 มิถุนายน 2553 เวลา:13:13:04 น.  

 
 
 
ครือว่า อย่างป๋าโจเนี่ย ถ้าป้าทำผิดเรื่องอื่นๆนะ
ที่ไม่ใช่เรื่องนอกใจ หรือคิดล้างผัวเนี่ย
แล้วเขาโกรธจัดจนควบคุมตัวเองไม่ได้
เขาจะทำร้ายตัวเอง ไม่เคยทำร้ายป้าเลยนะ
10 ฝ่าปี ที่มีชีวิตอยู่ร่วมกันมา ก็ไม่เคยตีป้าซักแอะ
มีแต่ตีตัวเขาเอง ทำร้ายตัวเอง จนป้ารู้ตัวก็มีสำนึกผิดได้มั่ง
ว่าทำเกินกว่าเหตุไปหรือเปล่า ทำไปเพื่ออะไร บลาๆๆ
พอไม่อยากเห็นเขาทำร้ายตัวเอง เราก็เลิกงี่เง่าไป
แต่ถ้าป้านอกใจเขาไปมีผัวใหม่เนี่ย เขาบอกชัดถ้อยชัดคำ
อิอิ ว่า นรกมีจริงนะเธอ ไม่เชื่อก็ลองทำดูดิ
ประมาณนี้..อะ และเขาก็พูดจริงทำจริงๆ ทุกทีซะด้วย
ป้าก็ไม่กล้าเสี่ยง ป้ากลัวนรกของป๋าโจ๋ แง ๆๆ

เคยคิดเล่นๆนะ ว่าถ้าเกิดบุพเพอาละวาดมันมีจริง
และชาติหน้ามีจริงเนี่ย
จะไม่เกิดเป็นผู้หญิงแระ จะขอเกิดเป็นผู้ชายทุกชาติเลย
แต่มาสะดุด ที่นู๋บีบอกไว้ว่า ถ้าป้าไปเกิดเป็นผู้ชายนะ
อาจจะโชคร้ายกว่าป๋าโจก็ได้ เพราะทำกรรมกะป๋าโจไว้เยอะ
อาจจะหนีเสือป๊ะกะจรเข้ แทน
ดูดิ แค่คิดเล่นๆ ยังมีมารมาสะดุดความคิดอีก ป้าเลยแหยงๆ
ว่ามีทุกข์เพราะเรื่องนี้ ก็จะหนีทุกข์ไปเรื่องอื่น ๆ
ไม่เวิร์ค แหงมๆ ที่สำคัญ ดันทำกรรมไม่ดีกับเพศตรงข้าม
ไว้เยอะ เวลาไปเกิดเป็นเพศไหน ไอ้เพศตรงข้ามมันก็จะ
มาทวงหนี้กรรมให้เป็นทุกข์อยู่ร่ำไป ดังนั้น อยู่แกล้งป๋าโจ
ไปเรื่อยๆ น่าจะเวิร์คกว่า เห็นๆ

ถ้ายังหาวิธีหนีออกจากวัฏจักรทุกข์ไม่ได้ ก็ขอให้อยู่กับ
ปัจจุบันแบบรู้เท่าทันทุกข์ไปพลางๆ ก่อน ดูๆแล้วปัจจุบัน
ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร อิอิ ถึงเวลาบวชชีได้ ก็ค่อยขอสามีไป
บวช ก็น่าจะโอ นะ ทุกวันนี้ก็เลย ชิล์ดๆ
เจริญสติไป รอเวลาไป คิดได้แบบนี้ ใจก็สงบดีไปอีกแบบ
ไม่ต้องวุ่นวายคิดอยากเป็นโน่นเป็นนี่ ก็พอใจในปัจจุบัน
 
 

โดย: ป้านู๋ขวัญ ยังแพล่มไม่จบอีก แหะ แหะ IP: 124.122.148.214 วันที่: 15 มิถุนายน 2553 เวลา:14:58:39 น.  

 
 
 
ป้านู๋ขวัญ: ป๋าโจโมโหแล้วชอบทำตัวเองเหรอครับ
ฮืมม แสดงว่าที่ป๋าแกหัวเหม่งเนี่ย
เพราะทึ้งหัวตัวเองเวลาโมโหป้ารึเปล่าง่ะ (กร้ากกกก)
....
ก็จากเรื่องที่เขียน ย้าวววยาวนั่นนะ ที่ป้านู๋บีทักอ่ะ
(เป็นควมจงใจ เวลาคนจะไปมันไม่ฟัเหตุลหรอก
เลยเขียนแบบน้น)
แต่สรุปง่ายๆดูแค่ว่า คนที่เราจะคบโมโหแบบไหน
ดีแต่ปากด่าอย่างเดียว ทำลายข้าวของ ทำร้ายตัวเอง
หรือตบตีคูกรณี
แต่ดูจากความเป็นคนชอบทำตัวเองแบบป๋าโจแล้วเนี่ย
ป๋มว่า นรกของป๋าโจ อาจจะ เอิ๊กๆ
"ถ้าเธอไป ช้านนนนน จา กินหล้ากับกิ๊กจนตาย"
...
เรื่องนอกใจ หลายคู่นะ
ผู้ชายที่ไหนก็ถือครับ
ผมก็ถือมากด้วย
แต่ผมเป็นคนไม่เชื่อเรือ่งการเอาชนะด้วยกำลัง
ถ้าซักฟอกกันด้วยเหตุลแล้วไม่ฟัง ก็ไม่ต้องคุยกัน
(นี่หละมังจุดออ่นผม เวลาโมโหผมใช้คำพูดที่
บีบค้นเอาชนะคะคานเป็นอันมาก
ข้อมูลไหนไม่แน่นผมก็หามาตอบโต้
เรียกว่าใครทะเลาะกับผมเวลาโมโหเนี่ย
ถ้าเขาไม่ลงมือทำร้ายผมก็ เอาหัวโขกฝาตายไปเลยมัง แง่บๆ)
 
 

โดย: itoursab วันที่: 15 มิถุนายน 2553 เวลา:17:52:27 น.  

 
 
 
หรอ
ป๋าโจนะ ถ้าโมโหน้อยๆ ยังควบคุมตัวเองได้ก็อาจจะพูด
ทะเลาะ เสียงดัง ทำลายข้าวของ ก็มีบ้าง
แต่ถ้าโมโหจัดๆ นะจนควบคุมตัวเองไม่ได้
เขาจะเงียบบบบบบบ โมโหจัดมากก็เงียบกริ๊บบบบมาก
โมโหจัดน้อยๆก็เงียบนิ่งๆ ไม่พูดไม่จา ไม่กินข้าวหลายวัน
เลยแหละ จนกว่าสติจะมา โมโหคลายตัว ถึงจะมีพูดจากัน
เหตุผลอะไรมันก็ไม่ค่อยจะมีกัน มีแต่อารมณ์หงุดหงิด
ไม่พอใจ ไม่ได้อย่างใจ ขัดใจอย่างแรง ก็ของขึ้น
โดยเฉพาะเรื่องให้กำลังใจคนไม่เป็น กับใจดำนี่แหละ
การไม่มีน้ำใจให้กัน ก็เป็นปัญหาของชีวิตคู่

ก็คู่ใครคู่มันแหละปัญหาเรื่องความไม่เข้าใจกัน
และการใช้อารมณ์ มันก็ไม่มีเหตุผลอยู่แล้ว

อีกอย่างนึงคือไม่เคยเห็นตัวเองผิดนี่แหละปัญหาใหญ่
ทำผิดแล้วไม่ยอมรับผิด ก็เป็นปัญหาคลาสสิคของ
แรดทรงเครื่องซะด้วยจิ
จะมีซักกี่คนที่ทน พวกแรดทรงเครื่องได้ แหะ แหะ

 
 

โดย: ป้านู๋ขวัญ IP: 61.90.78.132 วันที่: 15 มิถุนายน 2553 เวลา:19:36:13 น.  

 
 
 
แสดงว่าป๊าโจขี้ งอลลลล ชิมิ แง่บๆ
 
 

โดย: itoursab วันที่: 15 มิถุนายน 2553 เวลา:20:20:25 น.  

 
 
 
เถิงอาเหล่ายาย

(เรื่องที่เกิดขึ้นหากเราต่างยกธรรมวินัยมาเป็นตัวตั้ง แล้ว ก็ไม่ยากที่จะพิจารณานัก เพราะข้อกล่าวหาค่อนข้างชัดน่ะ (ผิดถูกไม่ขอพูดละกัน) และหลักฐานที่ปรากฏชัดนั้น ก็ยังไม่เห็นกับตา แต่ก็เป็นเรื่องที่น่าติดตาม เพราะครั้งนึง

ธรรมกายก็เป็นคล้ายแบบนี้แหละ

(เหล่าฮูไปร่วมงานบวชน้องของเพื่อนในสำนักนี้มา ทั้งเขาเองก็ไม่แน่ใจนัก แต่เป็นโอกาสบวชอุทิศส่วนกุศลให้บุพการี(เหล่าฮูไม่เห็นด้วยกับเขานะ) ภายหลังสึกออกมา เรื่องต่างๆที่เขาเล่า ที่ประสพมา ฟังแล้วหดหู่จินๆกับสาวกผู้ใฝ่บุญทั้งหลาย ที่จินก็อยากเล่าเป็นอุทาหรณ์แชร์ แต่เล่าแค่นี้ละกัน เพราะคงไม่หนุก และก็คงไม่เป็นประโยชน์อะไร และถึงเล่าไปยังไง ก็ไร้ผลเสียแล้ว สำหรับคนที่หลวมตัวไปกับเขา ตุ่มใครตุ่มมัน เติมกันเอาเอง)




ถามอาแปะนินจา บวชสำนักไหนหรอ




ง่า นินจาเฒ่าคงพูดห้วนไปมัง เหล่าฮูว่านะ!
เค้าหมายเถิงโครงการบวชแสนรูปของธรรมกายน่ะ คือ เค้ามีกรณีแยะ คนเข้าไปบวขก็ไม่ถึงแสนหรอก คนที่สึกออกมาเค้าว่านะ

บอกให้นิดนึง มีคนเล่าว่า ใครพาคนมาบวชได้ ได้คอมฯด้วย พอบวชแล้ว เค้าก็ทำให้งานดูอลังการน่ะ ดูในทีวีแล้วปลื้มปีติ น้ำหูน้ำตาไหล ผู้คนมากมายมหาศาลมาเข้าร่วม เป็นอภิมหาโปรเจค

แต่ทว่า

พอบวชเส็ด เค้าอยากให้พวกที่บวชกลับๆไปเร็วๆน่ะ เค้าจบเรื่องแล้ว เรื่องภายหลังที่เป็นภาระ เค้าจะปัดๆ เพราะเค้าได้ภาพความอลังการมาให้สาวกได้ชมเป็นขวัญตาแล้ว พร้อมๆกะรีบๆควักตังค์มาบริจาค เพื่อจะได้มีปีติดื่มด่ำกับความสุข และเพื่อเตรียมตัวไปสวรรค์วิมานที่ดุสิตเฝสสี่เฝสห้าที่ยังเปิดให้จองอยู่

มีกรณีโกงที่ดินคนบริจาคแถวนั้น มีอีกหลายกรณีฟังแล้วไม่น่าเชื่อ แต่ก็ไม่ไปติดใจอะไร

เพราะดูสารัตถะกะบริบทตามลำดับเหตุการณ์แล้ว นินจาเฒ่าเค้าไม่สงสัยใดๆ
เพราะครั้งยังสงสัยอยู่ ได้ศึกษากรณีธรรมกาย พร้อมกันนั้นก็อ่านของฝ่ายตรงข้าม และดร.พระมนู
( ซึ่งภายหลังหันหอกกลับไปทางธรรมกายแทน และพร้อมจะออกมาแฉ ร่วมด้วยนายผ่องเล่งอี้อดีตอธิบดีกรมป่าไม้(มัง) ทั้งสองเคยเป็นกำลังสำคัญและออกมาแก้ต่างในเรื่องต่างๆ มาภายหลังพบความลับเลยออกมาปรารภรำพึงรำพันว่าพร้อมจะออกมาแฉ )

แต่อนิจจา สายไปเสียแล้ว ใครดันฉลาดปลิดขั้วหลุดจากที่นุ่น เขาก็ต้องเหี่ยวเฉาไปอย่างเดียวดาย เพราะจะร้องแรกแหกกระเฌออย่างไร สาวกทั้งหลายต่างไม่นำพา ต่างก็ว่า ใครจะว่าอย่างไร ให้เขาว่า ขอให้ศรัทธาของเราหนักแน่นมั่นคงในแนวทางอย่าได้หวั่นไหว พูดแล้วคล้ายๆแนงMLM (มันหลอกมึง หรือไม่ มึงก็หลอกมัน)

คือ พอนินจาเฒ่าอีตามดูด้วยความสงสัย อีเลยพิจารณาแต่ละเรื่องๆไป จนรู้วิธีคิดพิจารณา ก็อาศัยความสงสัยในเรื่องต่างว่า ถ้าเกิดเหตุการณ์ใดๆขึ้น เป็นชาวพุทธ ก็ต้องเอาวิธีคิดแบบชาวพุทธมาพิจารณาว่า ควรวางใจอย่างไร ท่าทีอย่างไร และปฎิบัติอย่างไร

เนี่ย

เลยเป็นที่มาของการแสวงหาท่าที่ควรมี เลยไปรู้จักหลักโยนิโสมนสิการ และจะปฎิบัติหรือท่าทีอย่างไรต่อเรื่องต่างๆ รู้จักหลักการเรื่องอุเบกขาและอัญญาณุเบกขา(เฉยไม่รู้ เฉยทึ่มๆ) และหลากหลายความคิดว่า จะจับหลักคิดอย่างไรมาพิจารณา(คิดแบบจับหลัก)


5 ! นินจาเฒ่าหาเรื่องเดือดร้อนเนืองๆ ช่างไม่เรียนรู้จากประสพการณ์เก่าๆแสนเจ็บปวด
นี่ หมอเค้าว่า อย่างนี้สอนไม่จำ มันก็ย่อมต้องเจอยาแรง55555555

สงสัยชาติหน้ามัง ต้องเรียนรู้ความเจ็บปวดกันข้ามภพชาติ พอปวดแสบปวดร้อนทุรนทุรายกับการทวนกระแส จนจำขึ้นใจ เกิดชาติใหม่อาจเรียนได้เร็วขึ้น

แต่ถ้าเป็นไปได้ ภาวนาว่า อย่าโง่ข้ามภพชาติเลย รีบๆขัดเกลาให้เกลี้ยงดีก่า ว่าแมะ !

เหล่าฮูหมดเวลาโม้แล้ว ไว้ว่างๆ เหล่าฮูค่อยมาใหม่นะอาป้านู๋ขวัญ
 
 

โดย: Lao fu zi IP: 124.120.16.102 วันที่: 15 มิถุนายน 2553 เวลา:21:49:00 น.  

 
 
 
อืมๆ เข้าใจแระ
ขอบใจอาเหล่าแปะ ที่เล่าให้ฟังนะ
สติอาเหล่ายายไม่ค่อยมี อ่านเรื่องแล้วตีความผิดไปซะไกล
แหะ แหะ
 
 

โดย: ป้านู๋ขวัญ IP: 58.9.59.103 วันที่: 15 มิถุนายน 2553 เวลา:23:00:42 น.  

 
 
 
คัมภีร์มรณศาสตร์แห่งธิเบต : [The Tibetan Book of the Dead]

พิมพ์เองกะมือ เชิญอ่านนนนน
มีอีกเพียบ ที่พิมพ์ค้างไว้

//www.sookjai.com/index.php?topic=3238.msg12799;topicseen#msg12799


"แห่งการงานอันเบิกบาน" : โดย ท่าน ตาร์ถัง ตุลกู ( คัดมาบางส่วน )

//www.sookjai.com/index.php?topic=3115.0


บายย ไปล่ะ มากู้ข้อมูล ให้เว็บ ครั้งที่ 2 ยามดึก
 
 

โดย: มดเอ๊กซ IP: 124.121.209.207 วันที่: 17 มิถุนายน 2553 เวลา:21:48:02 น.  

 
 
 


เฮ่ย ! คุยไรกันง่ะ คุยมั่งเด่ะ คุยมั่งๆ



"เรื่องนี้ก็อีก ป๋าโจ มะเหมือน ป๋าแง่บ หรอก"
ความคิด อุปกรณ์ ฯลฯ เวลาโมโหนะใครก็หาได้ง่ายๆครับ
แต่ความยั้งนั่นแหละน่อ หายากที่สุด
ผู้ชายหลายคนอาจจะดูกระด้าง แต่ก็ไม่ได้แปลว่าเขาก้าวร้าวนะ
ถ้าป๋าโจ อีมี ธรรมะในใจอย่างป้าเคยว่า
ผมว่าอีกก็คงเลือกทำแบบผมนั่นแหละ
เพราะทำแบบนี้มัน .... แมนกว่า แหะๆ


นินจาเฒ่าอ่านแร๊วงง ตามเรื่องไม่ถูก บล็อคนี่มันโยงไปนุ่นนี่ ไม่ได้อ่านแต่แรกเลยงงๆ เรื่องของท่านประธาน

แต่อาแง่บเนี่ยเข้าท่านะ

"แต่ความยั้งนั่นแหละน่อ หายากที่สุด"

จินอย่างอีว่า สุภาพบุรุษจินๆ และแมนมาก
แต่เรานินจาเฒ่าน่ะ บอกห้าย

หากเป็นเราน่ะ หากหมดเสน่ห์แล้วสาวเจ้าเมียงมองไปทางอื่น ทำใจม่ายล่ายร๊อก อั๊วตัดฉั๊วะ

แต่เสียจาย แต่ไหนแต่ไรมะเคยผิดต่อคราย เพราะฉนั้นไม่เคยแยแส หากอั๊วะไม่บกพร่อง อีกฝ่ายนึงก็ต้องบกพร่อง มันจึงดูจึดชึด

จะว่าเจรจานั้น คงไม่ต้อง หากโกวเนี้ยน้อยนั้นเรายังไม่ได้ครองใจเขา ก็ปล่อยให้เขาเลือก แต่เราเสนอเพียงสิ่งที่เค้าคาดว่าจะได้หากเลือกเรา
(ซึ่งอั๊วะห่วยแตกเรื่องนี้ที่สุด เนื่องด้วยสาวน้อยวัยกำดัดมักหลงเสน่ห์รูปโฉมงดงามภายนอก บ้างชอบแสงสี บ้างชอบเซ้กตังค์(ซึ่งอั๊วะเองก็ไม่ค่อยมีติดกระเป๋านัก)

กว่าจะเจอสาวที่ถูกใจเราและเราถูกใจเขา มันยากเหลือเกิน แต่จากประสพการณ์นินจามาหลายปีดีดัก พบว่า

ที่จินเรื่องบังเอิญมันไม่มีจินน่ะ(ยืมสำนวน serf upมาใช้โหน่ย)

ที่จิน ถ้าจะพบคนที่ใช่ มันคลิ๊กเลยล่ะ
เล่าให้ฟังแมะ แต่ยาวนะ


ครั้งตอนฝึกนินจาอยู่สำนักใหญ่แถวเยาวราช เราต้องเดินทางมิหยุดหย่อน ซุ่มโปงไปที่ต่างๆ นานๆถึงกลับบ้านที
(อีห้ามเลี้ยงหมาล่วย เพราะขืนอุ้มหมามาเลี้ยง แล้วดันนินจาไปสักสองเดือน กลับมามันจะจำม่ายล่าย อีจาโดดงับเอา
เนี่ย อั๊วะยังฉีดยาไม่ครบเลย เดือนหน้าเหลืออีกเข็มน่ะ)

วันหนึ่ง(อย่างรวบรัดนะ)ระหว่างเดินทางท่องยุทธภพ ไปเจอแม่นางโกวเนี้ยน้อยหน้าหยกนางหนึ่ง

โอ้ เธอช่างเฉิดฉายไฉไล เห็นแล้วน้ำลายหยด
ตอนคณะนินจาทะยอยลงจากเครื่องบินไม่มีใครมาช่วยขนของ เราเองเห็นโกวเนี้ยหันซ้ายแลขวาท่าทางจะหาผู้ช่วยเหลือ อั๊วะเลยไปแบกกระเป๋านินจาของขบวนสำนักเขาให้ ซึ่งปกติเขาไม่ค่อยก้าวก่ายกันร๊อก

แต่เราป่าว เราเสร็จธุระของสำนักเรา แต่เราช่วยโกวเนี้ยน้อยสุดกำลังอย่างไม่กลัวเหน็ดเหนื่อย มิพักจะเหลียวมองเหล่าสมาชิกของเรา เพราะเรามิอาจเชือนแชที่เจ้าหล่อนต้องมาขนสัมภาระแต่เพียงผู้เดียวได้ เพราะเดี๋ยวแขนเรียวงามของเจ้าหล่อนจะพลันเปลี่ยนเป็นกล้ามโตๆ และหลังก็พาลจะค่อม(อุ้ย ! คุ้นๆวุ๊ย)

หลังเราอาสาโกวเนี้ยน้อยเสร็จ แล้วส่งยิ้มน้อยๆให้เจ้าหล่อน และเจ้าหล่อนยืนมองเราด้วยสายตาเย็นชา แต่แล้วก็กล่าวคำขอบคุณแก่เราสั้นๆ เราก็รับ

ฮื่อ ม่ายเป็งราย ทีหลังมีไรให้ช่วยก็จุดธูปเรียกนะ

ว่าแล้วอั๊วะก้อกลับไปที่เหล่าสมาชิกนินจาเฒ่าที่คอยยืนมองอย่างเพ่งพิจารณา แล้วพึมพัมๆกันในกลุ่ม

จากนั้น ระหว่างฝึกวิชานั้น เราก็พบกันเนืองๆ โฉบไปเฉี่ยวมาก็หลายครั้ง แต่เรานินจาเฒ่าฝึกมาจากโรงเรียนชายล้วน เห็นสตรีเหมือนแม่คนที่สอง เลยไม่กล้าไปตอแยกะใคร (พูดแล้วเชื่อป่าวเนี่ย) เลยสบตาอันเย็นชาของเจ้าหล่อนอยู่เนืองๆ

แต่ทว่า

ไหงเหล่านินจาชั้นแนวๆหน้าหลายสำนัก ต่างพากันเรียกเจ้าหล่อนว่าซือเจ๊ เมื่อเรามองดูอย่างพิจารณาถี่ถ้วนแล้ว

จะซือเจ๊ได้ไงวะ ?

ก็โกวเนี้ยน้อยนางนี้ คะเนดูแล้วยังดูเยาว์วัยอยู่มาก แต่เหล่าชาวยุทธที่เจอะเจอนาง ต่างพากันเรียกนางด้วยความเกรงอกเกรงใจ

แล้ววันนึง มีโอกาสทานอาหารร่วมกันที่ร้านน้ำชาแถบอังน๊ำ ก็ให้บังเอิญได้ฟังนินจาน้อยพูดถึงเจ้าหล่อน(ที่จินอั๊วะลอบถามน่ะ) ว่าเจ้าหล่อนนั้น อยู่ในฐานะนินจาชั้นเซียนน่ะ เห็นโกวเนี้ยวัยกำดัดช่างบอบบางแต่อย่าได้ปาหมาด แม่นางนั้น ฝีมือนินจามิอาจหาใครเทียบเคียงได้ง่ายๆ

เราเองก็ตกใจไม่น้อย โกวเนี้ยน้อยหน้าหยก ไหนเลยจะเป็นจอมยุทธที่ผู้คนต้องซูฮกความเก่งกาจของแม่นาง

แต่แล๊ว วันนึง เราลอบมองเห็นแม่นางมีรอยยิ้มจางๆ หลังจากเรานินจาเฒ่า ลอบแอบมองนางเป็นระยะๆ
เพียงชั่วแว่บเดียวเท่านั้นจินๆ
รอยยิ้มจางๆนั้นมันประทับอยู่ในสายตาผู้เฒ่า เอ๊ย! นินจาเฒ่า (และฝังติดอยู่ในใจมาตลอด)

อนิจจา ช่างเป็นรอยยิ้มที่ชวนให้เรานั้น ตกอยู่ในวังวนของปีติ อิ่มสุข อย่างช่วยม่ายล่าย อั๊วะตกหลุมรักอีเข้าดัง

แอ่บ !

จากบัดนั้นจนบัดนาว เราไม่เคยลืมรอยยิ้มจางๆนั้นเลย
ต่อมา ฟามรักของเรา ก็แอบก่อตัวขึ้นอย่างลึกลับ ซับซ้อนซ่อนเงื่อนมาก เพราะเค้ารู้กันทั้งสำนักย่านนั้น ชาวบ้านร้านค้ายังรู้เลย รู้กันทั้งเมือง มะรู้รู้ได้ไง
อันนี้เรายังคงสงสัยในเงื่อนงำนั้นจนทุกวันนี้ ลึกลับจินๆ

เดินไปไหนด้วยกันม่ายล่าย มีแต่คนบอกพลางพยักหน้าหงึกหงัก

ซ้มกันถี่ซู๊ดดดดดด คู่เนี้ย ฮื่อ !

แต่แล้ว(ยาวไปแล้วมัง) ความรักที่เราเฝ้ารอวันให้กลั่นตัวเป็นผลึก กลับสลายไปโดยพลัน เมื่อมีการ์ดแต่งงานส่งมาถึงเรา

แอ่บ แอ่บ แอ่บ !

เพราะจู่ๆก็มีเทียบเชิญไปงานแต่งของเขา เขาให้เราทั้งน้ำตา เพราะนินจาเฒ่าตะหากเล่า ที่ครองใจของแม่นาง
แต่ด้วยชาติวุฒิ ปัญญาวุฒิ สตังค์วุฒิ เราล้วนสู้คู่แข่งขันของเราม่ายล่ายแม้แต่นิดนึง
(ขนาดสำนักเราเนี่ย เราได้ฉายาว่าเง็กนึ๊งผู้งามสง่า องอาจ ผึ่งผาย แต่ม่ายมีเซ้กตังค์ง่ะ! )

ที่จินเค้าไม่สนเซ้กตังค์เราร๊อก ด้วยว่าโกวเนี้ยน้อยเป็นยอดแห่งนินจา แม่นางเก่งกล้าสามารถกั่วเราหลายช่วงนัก ไหนเลยจะมาสนใจเซ้กตังค์อันน้อยนิดของเรา แต่

สรุปละกัน เค้าเลือกคู่ได้เหมาะสม

ทุกวันนี้เค้าโชติช่วงชัชวาลย์ดี แต่สามีเจ้าหล่อนก็เป็นเง็กนึ๊งหน้าหยกแห่งสำนักฝ่ายนุ๊น เหล่านินจาสาวก็พากันหมายปองมากมายเช่นกัน

นี่ตะหาก ความหนักแน่นมั่นคงไม่รวนเร ที่เง็กนึ๊งเฒ่าสู้เราม่ายล่าย อั๊วะเป็นเง็กนึ๊งหนุ่มหน้าหยกที่สดใส แต่เราไม่เคยสนใจนินจาสาวนางไหนเลย เราจึงครองใจโกวเนี้ยน้อยตลอดกาล เหอๆๆ
(เราเองก็เจ้าชู้เงียบๆน่ะ แต่ไม่กระโตกกระตาก แต่เพราะเรานั้นมีภูมิต้านทานมาก่อนก็ไม่น้อย เราจึงรักษาแต่ดวงใจโกวเนี้ยที่รักของเรา มิให้ต้องบอบช้ำตะหาก)

แต่ทว่า

เวลาผ่านไปเร็วเหมือนโกหก
วันหนึ่งแม่นางเดินสวนกับเราอย่างบังเอิญ เห็นรอยยิ้มจางๆนั้นผ่านหางตาแว่บนึง
เราก็มิได้นำพารอยยิ้มจางๆนั้นอีกเลย เรามีความสุขกับรอยยิ้มที่ประทับอยู่ในใจของเราง่ะ และไม่ปราถนาให้โกวเนี้ยน้อยของเราต้องด่างพร้อย แม้เพียงเห็นแค่รอยยิ้มของเรานินจาเฒ่า เราเลยจากกันตลอดกาล!

ต่ออีกนิกเลียวนะ

ไม่นานหลังจากนั้น เราก็พบคู่ของเรา ซึ่งอยู่สำนักเรามานานปี แต่เราเพียงแค่เคยสบตาชั่วแว่บ !
แต่ทว่า ชั่วอึดใจหนึ่งนั้น มีนัยยะซ่อนอยู่เล็กๆ สัญชาติญาณนินจาของเราเหมือนมีเสียงแว่วๆ บอกว่า

คนนี้แหละ!

นั่นเพียงแว่บแรกตอนเจ้าหล่อนมาอยู่สำนักเรา
แต่ทว่าเพียงเห็นครั้งเดียว แล้วเราก็ไม่ล่ายใส่ใจนัก ด้วยว่าเราตกอยู่ในกะลาแห่งความรัก เราเพียงได้กุมมือโกวเนี้ยหน้าหยกข้ามทิวา ดั่งว่าอยู่ในทิพยวิมานชั้นสูงสุด เรามิเคยต้องให้แม่นางระคายใจไม่ว่าต่อหน้าหรือลับหลัง และเราก็ไม่อาจทำให้คนที่เรารักต้องหม่นหมองใดๆ

(ทนๆหน่อยนะ จะจบละ)

เนี่ย จบเลยละกัน
คือ คนที่ไม่ได้เป็นคู่ของเรา ยังไง๊อีก็ไม่ใช่ของเราจินๆน่ะ แต่เนื้อคู่ของเรา อีอยู่ใกล้แค่ขนตากะขี้ตานิดหน่อยบังอยู่ เรานินจาเฒ่ากลับมองไม่เห็น
หลังจากนั้นไม่นาน นินจาสาวก็ออกเดินทางไปท่องหล้า มาจ๊ะเอ๋กะเราที่ที่เราเคยพบโกวเนี้ยหน้าหยกน่ะแหละ หลังจากนั้นไม่นาน เราหลังจากอกหหักดังแอ่บ แอ่บ แอ่บ แล้ว
เราก็ได้เข้าพิธีวิวาห์กับนินจาสาวหลังจากนั้นเพียงไม่นาน

เนี่ย !
ที่จิน มันไม่บังเอิญน่ะนะ อั๊วะว่า ที่จินอีถูกจัดสรรไว้แล้วน่ะ และคนที่จัดสรรไว้ก็คงจะตัวเราเองน่ะแหละ ที่เคยไปก่อเรื่องราวใดๆไว้ ไม่ว่าดี ชั่ว ปลื้ม น่าละอาย !
ทุกอย่างหลงจ้งเก๋าเจ้งอีจะมาย้อนรอยตอนบุพเพสันนิวาสมันอาละวาด
จะไปเบ่งให้มันออกมา หรือไปขมิบไว้ไม่ให้มันออก
เวลากรรมอีทำงาน อีไม่มีข้ออ้าง อีอัตโนมัติเลยน่ะ

หมายเหตุ

ทั้งนี้ ไม่ได้ให้กรรมจัดสรรมันพาไปเฉยๆนา อันนั้นเค้าเรียกเฉยโง่น่ะ

เราเฉยต้องเฉยเหมือนตอนปีนขื่อแบบนินจาน่ะ ต้องพร้อมโดดหลบอาวุธดาวกระจายของฝ่ายตรงข้าม และพร้อมจะลงไปปล่อยอาวุธลับยามกินอิ่มไป อย่ามัวเกาะขื่อเฉยอยู่น่ะ เค้าจะว่าเฉยโง่เอา! เฉยไม่รู้ไม่ชี้ เฉยแล้วปล่อยให้เป็นไปตามยถากรรม (อันนั้นเรียกอัญญานุเบกขา) ต้องเฉยแบบเท่าทัน แม้บางทีลอบปล่อยอาวุธลับในห้องลับ อีจะเขียนข้อความลึกลับไว้มากมาย เช่น

แน่จิงอย่าเบ่ง !

เรานินจาเฒ่าไม่สน เราจะเบ่งซะอย่าง ตามกำลังด้วยท่วงท่าสง่างามทีเดียวเทียว
ไม่สนร๊อก อย่าไปเชื่อรหัสลึกลับนั่นเด็ดขาด ข่าวลือแยะ !

พอเราดูท่าด้วยความไม่ประมาทให้ถึงพร้อม เราก็ไม่ต้องเลอะเทอะเปรอะเปื้อนยามข้าศึกบุกโจมตีประตูหน้า(และประตูหลังล่วย) ให้อับอายขายขี้หน้าเหล่าซามูไร และต้องให้เท่าทันกับสถานการณ์ด้วยสติและปัญญา

แค่นี้ก่อนนะ เราต้องหลบไปเกาะขื่อละ ยังม่ายล่ายกินอะไรเลย ได้ยินเสียงข้าศึกนิดๆน่ะ
 
 

โดย: NINJAลึกลับ IP: 124.120.3.241 วันที่: 18 มิถุนายน 2553 เวลา:18:24:27 น.  

 
 
 
อิอิ
ป๋าแง่บ เขาเป็นสุภาพบุรุษ แมนมั่กๆ

ส่วนป๋าโจ เขาแบดบอย ง่ะ อดีตแบดเกิร์ลอย่างป้านู๋บี
อาจจะเข้าใจหัวอกป๋าโจ แบบว่าพ่อปั๋วกะลูกไป๊ อิอิ
ถ้าใครทำให้เจ็บ ต้องเอาคืนเป็น100เท่าก่อน
ไม่มีปล่อยไปให้เสวยสุขง่ายๆหรอก
แต่เวลาจริงใจเขาก็ทุ่มเทจิตใจให้เราเยอะจริงๆ
ขนาดว่าเราเองก็รู้สึกจนมีละอายแก่ใจว่า
เราจริงใจกับเขาน้อยกว่า นึกแล้วก็ละอายแก่ใจ

พูดแล้วก็คิดถึงคำพูดของใครก็ไม่รู้...
ชอบคนรวย รักคนดี หนีตามคนเลว

ข้อดีของคนเลวคือ ถึงแม้อย่างอื่นจะแย่ แต่จะมีอย่างหนึ่ง
ที่พวกเขามีคือ สัจจะ

คนเลวในที่นี้หมายถึงคนที่ทำอะไรไม่ตามใจสังคม
ขบถสังคม ทำอะไรไม่เหมือนคนอื่น แบบว่าเป็นคนเลว
ในสายตาของคนส่วนใหญ่ แต่คนส่วนใหญ่อาจจะผิดก็ได้
ประมาณนี้อะ ไม่ได้หมายถึงคนที่ทำชั่วช้าเลวทรามตามตำรา
แบบว่าอะไรที่ยึดว่าดีว่าถูกแต่ขัดใจสังคมเขาก็จะทำไม่แคร์
คนอื่น ทำตามสัญชาติของตัวเองไม่ตามใจคนอื่น ก็เลยกลาย
เป็นคนเลวของคนอื่นไป
 
 

โดย: ป้านู๋ขวัญ IP: 58.9.65.69 วันที่: 19 มิถุนายน 2553 เวลา:0:09:46 น.  

 
 
 
นินจา... กร้ากก ท่านลุง
จริงฮับ เหยื่อนะมี อยู่ที่จะงับรึเปล่า
รักด้วยหัวใจ กับรกด้วยสมอง
อารมณ์ กับ เหตุผล
มันขัดแย้งกันเสมอๆ
เราจึงจำเป็นต้องยึดขอบเขตหลักให้ได้ก่อนว่า
เราเป็นคนไม่ใช่ สัตว์ เพราะเรามีคุณธรรม แง่บๆ
....
ป้านู๋ชวัญ
คนเราก็อยู่แค่ตรงนี้แหละครับ
ว่าเราให้น้ำหนักกับอะไรมากกว่ากัน
เช่นเราให้ สัจจะเป็นหลัก แต่ถ้าเรารู้ว่าเขาโกลหกละ
จะตเหมือนเดิมรึเปล่า?
เพียงเพื่อให้เรามีความสุข เราอาจจะอ้างร้อยแปดพันเก้า
แต่เจ้าพ่อสุขนิยมท่านว่า.. อนิจจัง ทุกขัง อนัตา
Ps:) ผมก็เลวบ้างกับบางเรื่องที่ผิดคุณธรรม
แต่ผมไม่ยอมเลวในเรื่องที่จะไปกระทบกระเทือนต่อใคร
เพราะ
คำที่หาได้ยากใน ดิคเจ้าพ่ออัตตานิยมแบบตะวันตกคือ
เกรงใจ ง่ะ แง่บๆ
 
 

โดย: itoursab วันที่: 19 มิถุนายน 2553 เวลา:2:13:08 น.  

 
 
 
"ถ้าใครทำให้เจ็บ ต้องเอาคืนเป็น100เท่าก่อน
ไม่มีปล่อยไปให้เสวยสุขง่ายๆหรอก
แต่เวลาจริงใจเขาก็ทุ่มเทจิตใจให้เราเยอะจริงๆ
ขนาดว่าเราเองก็รู้สึกจนมีละอายแก่ใจว่า
เราจริงใจกับเขาน้อยกว่า นึกแล้วก็ละอายแก่ใจ"


ถ้าใครทำให้เจ็บแล้วต้องเอาคืนละก็ เหล่าฮูซรวยแน่ๆ!
เพราะที่ผ่านมาไปทำเขาไว้แยะน่ะเส่(เรื่องรักๆใคร่ๆน่ะ)
คือ เหล่าฮูอาจมีส่วนดีกงที่ว่า พี่น้องส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง เหล่าฮูเลยต้องคอยหวงก้างระมัดระวัง มากกว่าจะเป็นฝ่ายไปตอแยกะคนอื่น ด้วยเห็นว่ามันปวดหัวที่สุดเลย ทั้งพี่สาวและน้องๆผู้เฒ่านั้น ก็ยียวนกวนประสาท อยู่ที่ไหนก็มีคนพยายามมาตอแย ทั้งพี่ๆน้องๆของเหล่าฮูก็ดูไร้เดียงสา มันเลยทำให้ปวดขมองเวลามีคนมาตอแย

เลยไม่มีความคิดไปทำกะใครแบบชนิดให้คนอื่นต้องระวังเราเหมือนเราต้องไประแวงเขา ง่ะ

ที่ผ่านมานะ เหล่าฮูเลยเข้าตามตรอก ออกตามประตู(แต่บางทีก็ปีนขื่อบ้าง) แต่ทว่า สมัยที่ยังพัวพันเรื่องรักๆใคร่ๆเนี่ย เหล่าฮูไม่ค่อยจะได้ดังใจน่ะ ตื้อใครไม่เป็น ทำเพียงแค่แบบนกยูงรำแพนหางน่ะ ไอ้ที่จะไปตามตอแยโต่หลงๆน่ะ น้อยเสียยิ่งกว่าน้อย
เลยมีแต่สาวๆเดินตามตอแยกะเราต้อ..........ย ต้อ ย

ล้วนแล้วไม่ใช่คนที่เราหมายปอง ส่วนที่เราหมายปอง เหล่าฮูได้แต่ดูอยู่ห่างๆไม่ค่อยกล้าสบตาเท่าไร เว้นแต่ภายหลัง เมื่อผ่านลมหนาวไปมากๆ หน้าค่อยหนาโหน่ย ถึงได้หัดตอแยคนอื่นมั่ง

ก็แม่นางกิมจ๊อน่ะแหละเป็นคนแรก อกหักดังแอ่บเลย และเหล่าฮูมีข้อแม้ว่า ถึงจะรักชอบเขาปานใด หากเขาไม่ได้มีใจให้เรา แต่มาควงแขนกะเราแบบจำยอมหรือกะควงเล่น หรือมาแบบน้องชมพู่

เหล่าฮูไม่เอาหรอก

เพราะถึงเราไม่มีราคาสำหรับเขา แต่เรามีราคาของเรา ต่อรองได้นิดหน่อย แต่หากจะต้องกะเทงกันไปตลอดชีวิต คงต้องจ่ายแพงน่ะ !

จะมารีๆรอๆ ลังเล เซซัง ผู้เฒ่าไม่เอาล่วยเด็ดขวด!
ต่อให้อีจะสวยหยาดฟ้ามาดิน จะวิเศษวิโสปานออกมาจากปกนิตยสารปลุกใจเสือป่า อย่างมากก็แค่ที่จอดรถชั่วคราวเท่านั้นน่ะ เหล่าฮูจอดรถหายเหนื่อยแล้ว ก็เดินทางต่อทันที

มีครั้งนึง อาจฟังดูโหดไปหน่อยนะ แต่จะเล่าให้ฟังนะ
แฟนคนแรกสุดในชีวิตน่ะ คือ เป็นเรื่องบังเอิญน่ะที่มาเป็นแฟนกัน

เพราะคืนนั้นฝนตก?

ง่า คือ รถเสียใกล้บ้านเพื่อนที่ทำงานน่ะ พอดีเค้าอยู่ใกล้ร้านซ่อมรถนะ เราเลยแวะไปพักที่บ้านพักของเพื่อน
ทีนี้ ฝนตกน่ะ อีท่าไหนมะรู้ ตุ๊ปตั๊บๆๆ
เราเลยกลายเป็นแฟนกันน่ะ
(อันนี้น่าละอายไปหน่อย มะเคยเป็นอย่างนี้ ครั้งเดียวในชีวิต แต่อย่าเข้าใจผิดนา หมายความว่าเราไม่ได้รักชอบพอเขา แต่เขาชอบเรามาก่อนน่ะ ที่ว่าน่าละอายคือ เราเอาเปรียบเขา)

รวบรัดตัดความนะ แฟนเหล่าฮูคนนี้ เขาไม่สามารถครองใจเราได้ เราก็ไม่สามารถชนะใจเขาได้ ด้วยว่าอัธยาศัยช่างต่างกัน ทั้งธรรมเนียม การเติบโต วัฒนธรรมครอบครัว เราต่างกันอย่างมาก แต่เหล่าฮูพยายามสุดความสามารถน่ะ ด้วยคิดว่า ไม่ว่าเราพัวพันกับใคร เราก็ต้องดีที่สุด
ต้องรักษาสิ่งที่ได้มาอย่างที่สุด

แต่แฟนคนแรกนี้ จากกันด้วยรอยจูบที่เรารังเกียจที่สุด?

คือ เหล่าฮูติดจะหัวโบราณเล็กๆนะ
ก่อนนุ๊นแค่เดินจูงมือกันเนี่ย ยังไม่ชอบเลย เรายังไม่ได้แต่งงานกับเขาเป็นทางการ เหล่าฮูไม่ชอบให้ใครมองแฟนเราแบบดูหมิ่น ว่าเดินจูงมือกันแล้ว เค้าคงเป็นแฟนกันแล้ว เค้าคง....

เลยไม่ชอบให้ใครมองคนของเราด้วยสายตาวิพากวิจารณ์ และใครพูดเชิงนั้นให้ได้ยินก็มีเรื่อง ทนไม่ได้จินๆน่ะ สมัยก่อนแค่เดินจูงมือกันเหล่าฮูก็ไม่ชอบแล้ว จะว่าหวงตัวก็ใช่ แต่หวงตัวแฟนเราน่ะแหละ

แล้ววันหนึ่ง เราเดินทางไกลไปนาน ตอนกลับเลยซื้อเสื้อคลุมสวยๆจากแดนไกลมาฝากแฟน ที่ห้างๆหนึ่ง(ที่ทำงานเขาน่ะ) เขาดีใจสุดๆ และ เลยมาหอมแก้มเหล่าฮู!

ผึงเลย ความอดทนขาดสะบั้น!

เรารึแสนจะทะนุถนอม ห่วงใยเขาสารพัด มีสถานที่มากมายที่จะทำอย่างนั้นได้ แต่เขาหอมเราในที่ๆเราไม่ชอบ คือที่ห้างฯบริเวณลับตาผู้คน

และนั่นคือหอมครั้งสุดท้ายของเขา

จากนั้น เหล่าฮูไม่เคยจะหันหลังกลับ เขาพยายามมาเช่าหอพักใกล้บ้าน เรียนที่มหาลัยที่หลังอาคารเรียนติดหลังบ้านเหล่าฮู โทรฯมาคุย ไม่มีผลใดๆ

So long, farewell, auf weidersehen, good-bye

โหดแมะ จูบลาจาก!

และที่ป้านู๋ขวัญว่าน่ะ
(แต่เวลาจริงใจเขาก็ทุ่มเทจิตใจให้เราเยอะจริงๆ
ขนาดว่าเราเองก็รู้สึกจนมีละอายแก่ใจว่า
เราจริงใจกับเขาน้อยกว่า นึกแล้วก็ละอายแก่ใจ)

บอกห้าย คนบางคนก็ทุ่มเทเพราะเขาเป็นคนจริง
คนบางคนก็ทำแบบนั้นเพราะคงแอบไปทำอะไรแบบหลบๆมาก็มีนะ
เลยกลบเกลื่อนน่ะ แหะๆๆ เหล่าฮูก็เป็น

เรื่องที่เล่าอาจไม่เกี่ยวข้องกับประเด็นนัก แต่ที่โยงกันอยู่คือการทุ่มเทจิตใจน่ะ เหล่าฮูเป็นพวกที่ไม่สม่ำเสมอนักหรอก ถ้าเฮียโจเขาทุ่มเทให้คนรักแบบนั้น นับว่าโชคดียิ่งกว่าถูกหวย ขึ้นตังค์ได้ตลอดชีวิตเลยล่ะ!

แต่เท่าที่เห็นมานะ เหล่าฮูว่าหมิ่งพ้วยเก๋า(หน้าหนา)ทำเรื่องน่าละอายมาก็มาก โดยเฉพาะเรื่องรักๆใคร่ๆ แต่นับยังไง ก็ยังไม่เท่าจอมยุทธปลายแถวที่เคยรู้จักน่ะ

เหล่าฮูรู้จักเที่ยวครั้งแรกๆ แค่ม.5ละม๊าง ถัดนั้นมาอีกปีสองปี ก็ตระเวณราตรีเกือบทุกคืน เล่าแล้วรู้สึกอายนิดหน่อย แต่ บางครั้งเที่ยวจนไม่มีสตังค์เหลือ ติดสตังค์เค้าเที่ยวยังเคยทำเลยนะ

มาภายหลังเกิดโรคร้ายแรงคุกคาม เหล่าฮูและสหายร่วมแก๊งค์นับสิบก็เบรคกันชั่วคราว แหยงๆ
ที่สุด มันก็ระบาดลามไปทั่ว เหล่าฮูและเพื่อนหลายคนก็หยุดโดยปริยายน่ะ แต่เพื่อนบางคนไม่ เลยสังเวยชีวิตไปหลายคน น่าเสียดาย

เนี่ย จะว่าไป เพื่อนนักเรียนของเหล่าฮูตอนนั้น ส่วนใหญ่ยังจิ้นอยู่เลย แต่เวลาฟังพวกอีเล่าวีรเวร ได้แต่ฟังแล้วหึๆๆ
เหล่าฮูไม่แพร่งพรายให้ใครฟังหรอก มันเพื่อนคนละก๊วนน่ะ พวกเรียนปีสามเพิ่งริหัดเที่ยว เหล่าฮูจู้ฮุ๊กกรูมาก่อนหลายปี แค่ฟังขำๆน่ะ

ภายหลัง ด้วยที่มีภูมิคุ้มกันจากที่เคยเถลไถล ตระเวนราตรีมาก่อน พอถึงวัยทำงาน เพื่อนๆค่อยมาริเที่ยว พวกอีไม่มีภูมิคุ้มกันต้านสิ่งเร้า เฮโลสาระพากัน พาเหรดตะลุยดงเอดส์เป็นว่าเล่น เห็นแล้วเสียวสันหลัง

เจี๊ยะป้าบ่อสื่อ ฉ่วยสื่ออึ่มใจซี่ !
(เอาเสียโหน่ย สำนวนจีน แปลว่ากิมอิ่มไม่มีอะไรทำ เลยหาเรื่องเดือดร้อน ไม่รู้จักตาย)

เลยเลิกเด็ด ของถูกของแพงไม่เอาแย๊ว
กลัวตาย ! เดี๋ยวตกนรกทั้งเป็น

รู้แมะป้านู๋ขวัญ จากวันนั้นจนวันนี้ พวกเพื่อนๆที่จบมหาลัยมา ยังสรวลเสเฮฮา ตระเวณเที่ยวกันตลอด บางคนมีตังค์แยะ ประสพความสำเร็จสูงสุดขีด บางคนก็ย่ำแย่ แต่เท่าที่เห็นมา หื่นๆทั้งนั้น เหล่าฮูสมัยเริ่มตระเวณราตรี เทียบชั้นกับเพื่อนๆพวกนี้ไม่ได้เลย

ไม่น่าเชื่อ

พวกเค้าไม่มีความยับยั้งเอาซะเลย บางคนดูทู่เรศทุรัง มาคิดๆดูแล้ว ตอนเที่ยวแล้วตังค์หมด ไปติดสตังค์เค้าเที่ยว ยังน่าละอายน้อยกั่วพวกนี้อีก ยอมพวกนี้จินๆ
(พวกนี้ไม่ใช่ไร้ความรู้นะ มีทุกระดับ ตั้งแต่ขี้ครอกยันระดับชาติน่ะแหละ ประสาอะไรกะเราๆท่านๆมนุษย์ปุถุชน ไม่ได้ดีหรือเลวร้ายต่างกันนักหรอก สุดแต่ว่าใครมีสำนึกมากน้อยน่ะ และกล้าเผยให้ฟัง เหล่าฮูเทียบแล้วเหมือนแมวแก่เชื่องๆเท่านั้นเมื่อเทียบกะพวกเค้า ทั้งที่เหล่าฮูดูภายนอกคล้ายจะเป็นเพลย์บอยกว่าพวกนั้นตั้งแยะ)


จึงขอแสดงความชื่นชม ที่ป้านู๋ขวัญเห็นคุณค่า ในการที่เฮียโจเค้าทุ่มเทให้กับความรักของเค้า เมื่อรู้แล้วก็ช่วยๆกันทะนุถนอม เพราะต้องกระเตงกันไปนานนะ

-----------------------------------------------------------------------------------------


"ข้อดีของคนเลวคือ ถึงแม้อย่างอื่นจะแย่ แต่จะมีอย่างหนึ่ง
ที่พวกเขามีคือ สัจจะ"



ถ้ามีข้อนี้จินๆนะ ต้องนับว่า ป้านู๋ขวัญถูกหวยสองเด้งแจ๊คผอทแตก เรื่องสัจจะไม่มีในหมู่โจรร๊อก
แต่เฮียโจเค้าโผงผางแบบนั้น ก็มักมีธรรมชาติไม่กลัวที่จะพูดจริง เพราะเค้าไม่ต้องเกรงใจความคิดของใครแต่แรก

แต่ลึกๆแล้ว ขนาดมดตกน้ำแล้วเอามือไปช้อนเนี่ย เค้าต้องเป็นคนเซ้นสิถีฟลึกๆน่ะ แต่ภายนอกมักดูขึงขังกลบเกลื่อนร่องรอยฟามอ่อนโยน

เลื่อมใส เลื่อมใส


---------------------------------------------------------------------------------------


"คนเลวในที่นี้หมายถึงคนที่ทำอะไรไม่ตามใจสังคม
ขบถสังคม ทำอะไรไม่เหมือนคนอื่น แบบว่าเป็นคนเลว
ในสายตาของคนส่วนใหญ่ แต่คนส่วนใหญ่อาจจะผิดก็ได้
ประมาณนี้อะ ไม่ได้หมายถึงคนที่ทำชั่วช้าเลวทรามตามตำรา
แบบว่าอะไรที่ยึดว่าดีว่าถูกแต่ขัดใจสังคมเขาก็จะทำไม่แคร์
คนอื่น ทำตามสัญชาติของตัวเองไม่ตามใจคนอื่น ก็เลยกลาย
เป็นคนเลวของคนอื่นไป "



ไหงไปนิยามคนแบบนี้ว่าคนเลวล่ะ หลอกด่าเฮียโจมังเนี่ย?

เหอๆๆๆๆๆๆๆๆ

เค้าคงหันหลังให้กับสังคม หากสังคมมีวิถีวิปริตไปจากความคิดเขา

ไม่ว่าเขาจะมีวิถีคิดแบบไหน เขาย่อมต้องเป็นมิสเตอร์เปอร์เฟ็คเป็นแน่แท้ เตรียมตัวรักษาตาเอาไว้ได้เลย

อาหมออีบอก เปอร์เฟคชั่นนิสต์นิยมเป็นกัน เดี๋ยวจะไม่ทันแฟชั่น เพื่อนเหล่าฮูอีกคนก็เป็นโรคจอประสาทตาเสื่อมล่ะ อีก็นิสัยคล้ายๆเหล่าฮูเหมือนกัน

ตอนนี้อาการดีขึ้น(และเริ่มเสื่อมลงนิดหน่อยแร๊ว ตะกี้เอง)
เพราะยังขี้โม้อดไม่ล่าย ขนาดชำเลืองนิดเดียว โม้ไม่หยุดเลย

อาหมออีชอบใจที่เหล่าฮูตาดีขึ้นเห็นๆ คาดว่าเดือนหน้าอีต้องปวดหัวอีกรอบกระมัง! นี่ขนาดไม่พยายามไล่ย้อนนะ ติดป้านู๋บีไว้ตั้งแยะ แต่ไม่เป็นไร รายนั้นเค้านินจาไปแย๊วมัง

น่ารักที่ซู๊ด ครายๆก็ร๊ากกกกก!
 
 

โดย: Lao fi zi IP: 124.120.13.240 วันที่: 19 มิถุนายน 2553 เวลา:17:26:07 น.  

 
 
 
(เราจึงจำเป็นต้องยึดขอบเขตหลักให้ได้ก่อนว่า
เราเป็นคนไม่ใช่ สัตว์ เพราะเรามีคุณธรรม แง่บๆ)

อาแง่บศักดิ์ ทำมายเถิงกล้าพูดแบบนั้นล่ะ มันเชยและดูจึดชึดมากมาย
นี่! จอมยุทธคุณธรรมคนนึง ช่างไม่แคร์เหล่าจิ้งจอกราคะแรกรุ่นที่มีเกลื่อนกลาดเอาซะเลย

แต่ดีแล้วล่ะ เรามีคุณธรรม

ต้องพดกันให้มากๆ ประกาศยี่ห้อการค้าไปเลย
ตอนเหล่าฮูยังเยาว์วัย ไม่มีใครพูดแบบนั้น เดี๋ยวเหล่าปีศาจราคะจะหัวเราะเยาะเอา ทั้งเหล่าฮูเองน่ะ จอมราคะตัวพ่อเลย

แต่ในทางหนึ่ง แม้ส่วนลึกจะเป็นค่านิยมของเรา

ก็ในฐานะปีศาจราคะ ไม่ค่อยพูดเรื่องทำนองนี้น่ะ เดี๋ยวเหล่าจิ้งจอกเจ้าเล่ห์มันจะโห่เอา เลยได้แต่เงียบๆ

แต่ถ้าเป็นตอนนี้ เหล่าฮุจะประกาศยี่ห้อเลยล่ะ ไม่สนพวกปีศาจราคะหรอก แม้เหล่าฮูจะเป็นปีศาจตัวพ่อ แต่ก็ไม่ทำอะไรให้ผิดคุณธรรม แล้วมาสยองเอาตอนชดใช้น่ะ

เรื่องแบบนี้น่ากลัวและสยดสยองนะ บางเรื่องไม่สะดวกเล่าเท่าไร

เคยเห็นเจ้าของกิจการค้ามนุษย์นี้ พอพวกอีมีลูกสาว ลูกสาวของพวกอีไม่ยอมทำอาชีพอื่น ยกเว้นงานแบบว่า ทั้งๆที่มั่งมีศรีสุข มีเงินทองมากมายให้ใช้
แต่ทำไม๊ ต้องเจาะจงมาทำแบบนี้

สยองแมะ!

ไม่ใช่มีตัวอย่างเดียวนะ เรื่องสยองแบบนี้ฟังแล้ว หด และ หู่ ไปเลยนะอาแง่บ เหล่าฮูเลยว่า ใจสูงไว้ก่อนไม่ขาดทุนหรอก เดี๋ยวปฎิบัติการจองเวรของวิบากกรรมอีมาถึง
ถึงตอนนั้น หัวเราะม่ายล่าย ร้องไห้ไม่ออก ชีช้ำกะหล่ำปี

เชื่อเส่ พวกวิบากกรรมนี่ มันทำงานแบบออโต้เมติก ยังไงไม่รู้ น่ากลัวชะมัด เคยเจอวิบากกรรมแบบจองเวรในชาตินี้มาแล้ว
เล่าแล้วอาจมองไปอีกมุม อาจไม่คิดว่าเป็นเรื่องของกรรมส่งผลก็ได้

เล่าทีไร คนก็ว่าคิดไปเอง คิดมาก แก่วัด

ตั้งแต่นั้นเลยคิดว่าปัจจัตตัง
ใครใคร่เชื่อ เชื่อ
ใครใคร่ไม่เชื่อ ก็เรื่องของมัน ตัวครายตัวมัน

จึงว่า มีคุณธรรมไว้ก่อน ปลอดภัยไว้ก่อนไม่ขาดทุน
ก่อนนุ๊นนะ สาวๆที่เคยมาตอแยกะเหล่าฮูมีแยะ อย่าว่าโฆษณาสรรพคุณเลย แก่แล้ว แถมยังกระจอกขี้ครอกงอกง่อย ไม่ได้คิดจะอวดนะ แต่ก่อนนุ้น ไม่เคยคิดจะเอาเปรียบใครเชิงกลเลย หรือเอาเปรียบเขาด้วยมีอิทธิพลเหนือจิตใจใคร

ตอนนี้โคตรสบายใจ ไม่ต้องติดค้างใครเยอะแยะ (ยกเว้นแฟนคนแรกน่ะ)

ตอนนั้นขืนสำแดงนิสัยปีศาจราคะแบบที่คนทั่วไปคิด เหล่าฮูคงนอนฝันร้าย สยองมั่กๆ
เรื่องคู่ของเรานี่ มันซับซ้อนจินๆ
ตอนนี้ถ้าย้อนเวลาได้ ขอเกาะคานอย่างว่าจินๆน่ะ เพราะมีรักแล้วห่วงสารพัด

เมื่อวานนี้ อาไจ่ไจ่โทรศัพท์กลับมาตอนทุ่มเศษ เล่าไปเสียงสั่นเครือเหมือนกลัวสุดขีด

คือ เค้าโทรให้แม่มารับตอนเรียนทุกครั้งน่ะ แต่พอดีวันก่อนโทรไม่ติด(เค้าว่าคงไปนั่งทับปุ่มกดน่ะ ไม่รู้ตัว)
และบังเอิญตอนไจ่ไจ๋เข้าโรงเรียนไม่นาน มีเสียงหวอของพวกมูลนิธิ บางคนว่าแถวหน้าโรงเรียนมีอุบัติเหตุ

เหล่าฮูใจหายแว๊บ เสียดหน้าอก จิตตกไปเพราะเห็นลูกกลัวไปด้วยน่ะ เพียงบอกให้เขาวางหู เหล่าฮูโทรตามแม่ก่อน เดี๋ยวยังไงให้รอโทรศัพท์พ่อ

โทรไปตามอยู่นานสองนาน เค้ามีแต่สัญญาณตอบรับให้ฝากข้อความ ความกังวลก็เริ่มคุกคามเหล่าฮู
ตอนนั้นโทรหาลูกให้ลูกกลับเองเลยไม่ต้องรอ อยู่ที่นั่นไม่มีประโยชน์ ให้กลับบ้านก่อน

ต่อมา แฟนเหล่าฮูโทรกลับมาคล้อยหลังไปราวสิบนาทีกว่าๆ เลยรีบโทรบอกลูกให้คลายกังวล

รู้แมะ เค้าเครียดจัด เค้าโทรตามหาแม่เค้าไม่ยอมหยุด จนแม่เค้าเปิดโทรศัพท์ด้วยคิดว่าคงใกล้เวลาลูกเลิก ตัวเองมัวอ่านหนังสือเพลิน มาบอกว่าโทรศัพท์มันปิดโดยบังเอิญ

คืนนั้นตอนกลับถึงบ้าน ไจ๋ไจ่ดูสลดหดหู่
ตอนแม่เค้าอาบน้ำ เหล่าฮูถามว่าลูกเป็นไงบ้าง สบายใจหายตกใจหรือยัง
เค้าพูดไปน้ำตาไหลไปตลอด เหล่าฮูไม่รู้จะปลอบใจยังไง(เขาร้องหายหลายรอบนะ) ก็ได้แค่กอดเขา และบอกให้เขาหาประโยชน์จากสถานการณ์ใดๆก็ตามที่เกิดขึ้น ไม่ว่าดีหรือร้าย พยายามมองประโยชน์ให้เจอ แล้วนำมาเป็นประโยชน์กับเรา

อย่างเรื่องนี้ ก็บอกแค่ว่า อย่าได้ประมาท ไม่ว่าพ่อ แม่ ลูก สักวันมันก็ต้องเกิดขึ้นจริง เราก็เอาประโยชน์ตรงนี้มาใช้วางใจให้ไม่ประมาท เร่งความเพียรหาความรู้ ทั้งในแง่ทางโลกทางธรรม

เรื่องนี้เป็นยาแรง เหล่าฮูเองอกสั่นขวัญแขวน สำหรับตัวเองที่ว่าฝึกใจมาก็ไม่น้อย กลับหวั่นไหวใจกระเพื่อมไม่แพ้ลูกเลย
สงสัยยังไม่ค่อยเป็นสัปปะรดเท่าไหร่!

ถึงว่า
ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์นั้น
เป็นดังท่านว่าน่ะแหละ

พูดยังไงก็พูดได้ แต่จะสำนึกแบบนั้นได้รึป่าว
ข้อนี้ยังงสัยอยู่
เมื่อเกิดเหตุจริงๆกับตัว ถึงได้รู้ว่า

เราเองก็ได้แค่พูดตามๆกัน แต่จิตเรายังพัฒนาไปไม่ถึงไหนเลย!

แล้วสำหรับลูก เราสะท้อนใจไปกับเขา เพราะไจ่ไจ๋เค้าผูกพันธ์กับพ่อและแม่อย่างที่สุด เหล่าฮูรู้นิสัยเขาดี จึงสงสารเขามาก ถ้าเขาเรื่อยๆเฉื่อยๆไม่สะทกสะท้าน ก็แปลกไป แต่เขาตอบรับสถานการณ์แรงไปแทบจะรับไม่ไหว จึงสงสารเขาน่ะ

นี่แค่หนังตัวอย่างน่ะ อาแง่บ ตอนนั้นถ้ารู้ว่าจะต้องรักใครถึงขนาดนี้ เหล่าฮูไม่ยอมสร้างขึ้นมาเด็ด ป่านนี้สบายบรื๋อ สะดือโบ๋ เดินสายไปตามสุมทุมพุ่มไม้ ง่า ไปตามป่าเขาลำเนาไพรน่ะ
ปลอดภาระทางจิตใจ

แต่ในแง่หนึ่ง ก็สามารถเอาประโยชน์ได้จากตรงนี้เหมือนกันนะ โชคดีในแง่ที่ว่า อาไจ่ไจ๋เป็นอภิชาติบุตร เค้าจิตใจงดงามแต่แรก คิดดีมาแต่แรก เป็นที่รักใคร่ของผู้พบเห็น
(เนี่ย เข้าเรียนไม่นานก็มีสาวๆหอบดอกไม้มาให้อีกแล้ว ดูยังไง๊ เค้าก็ไม่ใช่เด็กหน้าตาหล่อเหลา ตี๋สุดๆ ซ้ำจ้ำม่ำ อวบเกินพิกัด แต่ทำไมสาวๆถึงหอบนุ่นนี่มาฝากบ่อย ตั้งแต่โรงเรียนเก่าแล้ว สงสัยเห็นอีเป็นหมีแพนด้ามัง น่ากอด! แต่เค้าได้ถูกโปรแกรมเรื่องคุณธรรมไว้ตลอด เหล่าฮูวางใจเค้าในระดับหนึ่ง ไม่ให้เอาเปรียบใครเด็ดขาด ทั้งยกระดับจิตใจ และระวังภัยไปในตัว คุ้มสองเท่า)

------------------------------------------------------------------------------


" ผมก็เลวบ้างกับบางเรื่องที่ผิดคุณธรรม
แต่ผมไม่ยอมเลวในเรื่องที่จะไปกระทบกระเทือนต่อใคร
เพราะ
คำที่หาได้ยากใน ดิคเจ้าพ่ออัตตานิยมแบบตะวันตกคือ
เกรงใจ ง่ะ แง่บๆ "




เนี่ย ตอนแรกได้ยินท่านประธานร้องแง่บๆ เหล่าฮูนึกไม่ออกหรอกว่า เจ้าตัวของเสียงประหลาดฉนี้จะมีรูปพรรณประการใด
แต่ อ่านแล้วก็ให้ชื่นใจอ่ะ

"ไม่ยอมเลวในเรื่องที่จะไปกระทบกระเทือนต่อใคร "

ส่วนเรื่อง
" ผมก็เลวบ้างกับบางเรื่องที่ผิดคุณธรรม"

อันนี้ไม่แน่ใจนัก คงหมายฟามว่า ถ้าเป็นเรื่องที่ผู้อื่นผิดคุณธรรม หรือเรื่องราวที่ผิดคุณธรรม ท่านประธานไม่อ่อนข้อให้ ใช่รึเป่า

ข้อนี้เหล่าฮูก็เป็น ค่อนข้างชัดเจนกับเรื่องที่ไร้คุณธรรม และแสดงท่าทีปฎิปักษ์เลยนะบางที

เหมือนพวกที่เผาตึก ข่มเหงใจผู้คน
เหล่าฮูเองทนเห็นพวกนี้ไล่ทำร้ายผู้คนไม่ไหวจินๆ จึงแหย่เท้าไปช่วยรับอาวุธแทนพวกเค้าบ้าง
เห็นพธมใกล้ๆ พวกเค้าคล้ายเทวดามากเลย หน้าตาสดใสผิวพรรณยองใย เสียสละแท้ๆ

การจะคิดหาเหตุผลร้อยแปดพันเก้าให้ตัวเองอยู่บ้านเฉยๆ คิดยังไงก็สมเหตุสมผล
แต่คิดเพื่อทำให้ตัวเองต้องสาวเท้าก้าวไปเสี่ยงตายนี่ ต้องคิดหนักและยากมาก ทั้งกลัวเจ็บ ตาย พลัดพราก สารพัด

แล้วถ้าเคยเห็น คนเหล่านี้ฉลาด งดงาม เสียสละ แม้ว่าบางคนจะไปเพราะหลงคำพูดคน แต่ยอมรับว่าเขามีความคิดดีเป็นฐาน

ข้อนี้ นับว่าต่างกะพวกเสื้อสีตรงข้าม ไม่เหมือนเล๊ย
เต็มไปด้วยความคิดประหัตประหาร ฆ่าแกง ยุแยงสารพัด

เล่าแล้วมันล้ำเส้นเกินพอดีไปเดี๋ยวไม่หนุก เอาแค่ว่า
เหล่าฮูไม่เฉยอยู่แบบคอยท่า

เนื่องเพราะเห็นว่าชัดเจนแล้วต่อภัยคุกคาม ใครจะเฉยอยู่ หรือวางใจอุเบกขาไม่ให้เป็นทุกข์เพราะกิเลสมาเจือปนก็ตาม

แต่การที่เขาวางเฉยนั้น เขาก็ประกอบกรรมอย่างหนึ่ง คือการเพิกเฉยต่อสถานการณ์

รึนัยหนึ่ง ยังไม่มีความเข้าใจถึงสถานการณ์มากพอ เขาจึงยังระวังคอยท่า เรื่องนี้มองได้หลากหลาย

หลักกรรมเรื่องนี้ เหล่าฮูคิดว่า เป็นหน้าที่โดยตรงที่ต้องร่วมกันปกป้องสถาบันสำคัญเพื่อดำรงค์ไว้ซึ่งความปกติสุขน่ะ

เหมือนร่างกายเราที่กำลังป่วย มันต้องรักษาปล่อยไว้ไม่ได้ จะต้องกินยาก็ต้องกิน ต้องผ่าตัดก็ต้องทำ เมื่อเห็นหรือรู้ชัดถึงต้นตอปัญหา

ขืนปวดอึแล้วจะมานั่งอดทน อดกลั้น มันไม่เข้ากับสถารนการณ์
เป็นใครก็คงต้องรีบหาส้วมน่ะ
ใช้ตรรกกะที่ไม่ต้องกัน หรือมีฉันทาคติ ภยคติ สารพัดคติ หากไม่แยบคายแล้วก็บิดเบี้ยว ยากจะคิดจินๆ
เรื่องมันซับซ้อนนะ

แต่หาก ขืนวางเฉย รอกฏแห่งกรรมทำงาน เราเองน่ะแหล่ะ ย่อมเสวยวิบากแห่งความประมาท คือใช้หลักธรรมไม่ต้องกับเหตุการณ์

สมมุติคนบาดเจ็บถูกรถเฉี่ยว
ถ้าเหล่าฮูอยู่ตรงนั้น จะรีบเข้าช่วยเหลือให้ทันต่อการรักษาชีวิต ไม่อยู่เฉยแน่

แต่ก็เฝ้าระวังเรื่องอุบายล่อลวงไปในตัวด้วย

แต่บางคนว่า สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม
นี่สะท้อนให้เห็นวิธีคิดที่แยบคายน้อยไป หรือ ปล่อยวางง่ายไป
ก็ยังไม่ได้ทำอะไรเลยอ่ะ อุเบกขาซะแล๊ว
เราอาจเป็นโอกาสสุดท้ายที่เขาจะมีชีวิตรอดได้นะ
เราเองไม่ได้สำคัญต่อโลกนัก โลกไม่จำเป็นต้องมีเรา แต่เราจำเป็นต้องรักษาโลก
และที่ต้องระวังคือไม่เสล่อเฟอะฟะ
เพราะเห็นๆอยู่ว่า คนที่มาเสียสละเช่นกัน แต่อยู่คนละฟาก เขาเห็นไม่เหมือนเรา แต่เขาก็มาด้วยจิตใจงดงาม แต่อาจมึดบอด

เอ๊ะ รึว่าเราเองตะหากที่มึดบอด?

แค่นี้แล้วกัน หลงเข้ารกเข้าพงซะละ จำไม่ได้ว่าคุยอะไรอยู่ พักนี้เอ๋อๆชอบกล แปะชื่อยังสลับไปสลับมา

เฮ่อ !
 
 

โดย: NINJAลึกลับ IP: 124.121.245.126 วันที่: 19 มิถุนายน 2553 เวลา:19:01:26 น.  

 
 
 
หึหึ
อาเหล่ายายถูกหวยรางวัลที่1 ตั้ง2เด้ง เลยหรอ อาเหล่าฮู
ไม่รู้จะร้องไห้ดีเป่า
มีอีกเรื่อง เขาบอกให้ฟังตะกี้ ถ้าเป็นเมียคนที่2ที่3ที่4ที่....n
นอกใจเขาก็ตัดทิ้งเฉดหัวไปเรย ง่ะ ไม่สนใจอะไร
แต่ถ้าเมียหลวง ก็แบบที่บอก ศพไม่สวย แน่นอน
ใครจะคิดว่ามีคนแบบนี้ในโลกด้วย
ไอ่เราคิดว่า ยอมแต่งด้วยเพราะเห็นใจว่าตื๊อจริง
อะ ไม่ใช่พูดผิดไป เห็นใจว่ารักจริง (จริงๆนะ)
แต่ไม่คิดว่า เกียรติของเขามันจะค้ำคอ ซะขนาดนี้
รู้งี้ ยอมเป็นเมียคนที่2หรือ4 ยังจะปลอดภัยฝ่า
หลวงตาบอกว่าทั่นโจมีเนื้อคู่ตั้ง4คน
สงสัยเนื้อคู่คนอื่นๆมันนกรู้แหงมๆ หายจ้อยเรย
จนเหลือมาถึงอาเหล่ายายได้เนี่ย
ตอนแต่งก็คิดว่าเด๋วเขาก็เบื่อเราแล้ว ไปหาคนใหม่
เราค่อยไปบวชชีละกัน ดูดิ คนเรา คิดสั้นเจงๆ
กลายเป็นว่าเมียคนอื่นที่มาทีหลัง นอกใจได้ ก็ทิ้งไป
แค่ตัดหางปล่อยไปตามทาง
แต่เมียหลวงห้ามนอกใจเด็ดขาด
เคยเห็นแต่ผู้ชายได้เมียใหม่ก็เฉดเมียหลวงทิ้งทั้งนั้น
จะมีใครคิดอย่างทั่นโจ อีกไหมเนี่ย
แล้วจะมีใครคิดแต่จะบวชชีเหมือนอาเหล่ายายไหมเนี่ย
เหมือนแกล้งกันเรยนะ
แต่พออยู่ด้วยกันมานานๆก็เริ่มชินละ
จริงๆก็สงสารเขานะ ดันเลือกเมียผิด ซะงั้น
คิดๆแล้วก็ละอายแก่ใจอีกแระ
เพราะบางทีเราอาจจะใจดำไม่เคยรักใครนอกจากตัวเอง
ก็เลยไม่คิดว่าจะมีคนอื่นที่รักเราได้จริง หรือผูกพันธ์กับเรา
ได้ขนาดนี้ แบบว่าไม่สวย จอแบน งี่เง่า กวนซ่งตรีน
ใจดำ ดูๆแล้วก็ไม่มีอะไรดีเด่น ทุกวันนี้ก็ยังไม่เข้าใจ
อยู่ดี ว่ามาชอบเราที่ตรงไหน แต่ก็ชินละ ต้องอยู่เลี้ยงลูก
ไปเรื่อยๆ เลิกคิดเรื่องทำเพื่อตัวเองละ หยุดดิ้นรนละ


ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
 
 

โดย: ป้านู๋ขวัญ IP: 58.9.71.157 วันที่: 20 มิถุนายน 2553 เวลา:0:48:20 น.  

 
 
 
ต้องมีคนแอบหัวเราะเยาะ ฉันแน่ๆเรย
ที่ต้องติดอยู่ในคุกขี้ไก่ของทั่นโจเนี่ย
หัวเราะเยาะได้นะยะ จะซ้ำเติมก็ไม่ว่า
เพราะฉันยังหัวเราะเยาะตัวเองเรย
อิอิ
 
 

โดย: ป้านู๋ขวัญ IP: 58.9.71.157 วันที่: 20 มิถุนายน 2553 เวลา:9:06:09 น.  

 
 
 
^
^
^
ตั๊กก...แกก.... กร้ากกกกกกก
....
ท่านลุงนินจา: ผมคิดแบบนี้ไม่ใช่เพราะมันเป็นเรื่องดีรึไม่ดี
หรือไปกลัวอะไรรึเปล่า แต่ไตร่ตรองแล้วมันเป็นเรื่องควรทำนะครับ
เพราะมันเป็นหนึ่งในคำถามติดตัวตั้งแต่เด็กว่า
อะไรน้อเราถึงกล้าเรียกตัวว่าสูงกว่าเพื่อนร่วมโลกชนิดอื่นๆได้
กว่าจะได้คำตอบนี้มาก็นานโขว่า
อ้อ เพราะเราเลือกที่จะมีคุณธรรมได้ไง
ปีศาจราคะอย่างผมจึงใช้คำว่า
จะว่าจืดรึอะไร แต่ผมอยากได้แบบไหนมีเงินซื้อได้ไม่ต้องแคร์สื่อ แง่บๆ

แต่อย่างท่านลุงว่าจริงๆครับ
เพราะโดยนิสัยผม เจอสาวถูกใจ
อย่างแรกต้องไปวนตามอ่าง หาที่หน้าคล้ายๆ
พอป๊าบๆได้สมใจ กลับมาเจอตัวจริงอีกที
ทีนี้เริ่มดูแระ ว้ายัยนี่ปากมาก ยัยนี่ขี้งก
ก็คลายความอยากในคนเหล่านั้นไป
แต่ก็เคยมีนะ พวกมาม่าที่รู้จัก
ผมก็ออฟไปออฟมาตามประสาผม ที่สุด... เหอะๆ
เจอลูกสาวมาม่านั่นแหละมาขายเอง
เราก็ เง้อออ... ไม่กล้าพูดอะไร
แต่นึกในใจ คนโตมาในสังคมแบบไหน
หรือ กงกำกงเวียนมันมีจริงนะ
.....
เลวบ้างกับเรื่องที่บางคนว่าไม่ดีก็เช่น
กินเหล้า เที่ยว ...อะไรก็ตามที่คนดีๆเค้าว่าไม่ดี
เพียงแต่เรื่องไม่ดีนั้นต้องไม่ดีกับผมคนเดียว
เหมือนเรื่องทำไมผมเลือกใช้บริการทางเพศ
ก็เพราะถึงอย่างไรผู้ชายเรื่องแบบนี้มันต้องมี
เพียงแต่หากจะไปจีบใครซักคน
ถ้าปล่อยให้เรื่องแบบนี้มาก่อน
มันก็เหมือนไปทำลายเขาแล้วสร้างกรรมแก่เรา
เที่ยวระบายทิ้งซะ สบายกว่า เอิ๊กๆ
ผลเสียกว่าเลยกลายเป็นคนไม่ชอบจีบผู้หญิง
เพราะมันหมดกำหนัดซะแล้วนิ แง่บๆ
....
ปัญหาหนึ่งของคนไทยคือ.... ไม่พูด
มีอะไรคำว่าเกรงใจ พอไหว ได้น่า
เพราะเราเป็นสังคมเกษตรมาก่อน
ฝนไม่ตกจะให้ไปด่าใครได้นอกจากเทวดาจ๋าขอฝนหน่อย
แต่พอมาเจอกับสังคมทุนนิยมจ๋าๆ รวมก็โลกกาวิบัติ
เราจึงปรับตัวไม่ทันแล้วเกิดเป็นแรงกดดันสั่งสมขึ้นมา
จนที่สุดมีคนมาพูดแทน
คนที่พูด ก็เลยเหมือนเป็นปากเสียงแทน
ทั้งๆที่คนเหล่านั้นเอาอัตตาและผลประโยชน์เข้าหาตน
และเมื่อปิดปากเสียงนั้นไป
อารมณ์ที่ลุกขึ้นมาก็ระบายออกในรูปแบบการกระทำ
แล้วมันเลยกลายเป็นเหมือน พวกเทพกับมาร
ทั้งที่บางที มารอาจจะพูดว่า
"ถ้าดีไม่ได้ก็เลวให้สุด"
ซึ่งส่อถึงในใจว่า อยากดีนะแต่มันไปไม่รอด
ได้แต่วางว่า กรรมใครกรรมมัน
แต่ชวนฉันไปสังฆกรรมด้วย ฉันไม่เอา
เพราะ พธม เอง ผมก็ไม่เห็นด้วยในหลายส่วน
แต่ก็เห็นด้วยในบางเรื่อง
เช่นเดียวกับ นปช.
ดังั้นผมก็เคยเมนท์เฟสบุคคุณอภิสิทธไปเช่นกันว่า
"การปฏิรูปประเทศไทยครั้งนี้จะล้มเหลว
หากยังไม่สามารถเปิดปากเสียงที่ยังไม่ได้พูดออกมาได้
เพราะนั่นหละ คนไทยส่วนใหญ่จริงๆ"
..........
ป้านู๋ขวัญ : อือ ธรรมชาติคนเจ้าชู้ก็แบบนิแหละครับ
อย่าคิดมาก เอิ๊กๆ กรรมใครกรรมันอ่ะ แง่บๆ
 
 

โดย: itoursab วันที่: 20 มิถุนายน 2553 เวลา:14:26:18 น.  

 
 
 

(........มีอีกเรื่อง เขาบอกให้ฟังตะกี้ ถ้าเป็นเมียคนที่2ที่3ที่4ที่....n
นอกใจเขาก็ตัดทิ้งเฉดหัวไปเรย ง่ะ ไม่สนใจอะไร
แต่ถ้าเมียหลวง ก็แบบที่บอก ศพไม่สวย แน่นอน.........)



อาเหล่ายาย อย่าว่างุ๊นงี้เลยนะ เฮียโจเล่นพูดทีเล่นทีจริงแบบนี้ไม่หนุกเลยแฮะ โหดเหมือนกัน แต่ฮาร์ทจังท่าทางขี้เล่นไม่ใช่รึ!

เมียคนที่2ที่3ที่4ที่....n อะไรกัน? พูดหว่านล้อมอะไรรึป่าว หีๆๆ
ผู้ชายเหมือนสิงห์โตเป็นจ้าวป่า ธรรมชาติก็ต้องมีฝูง ตัวเมียห้อมล้อม เป็นธรรมดาของมัน
ผู้ชายเหมือนปลาหางนกยูง ผสมพันธุ์ได้ไม่เลือกเวลา
ผู้ชายเป็นปีศาจราคะโดยธรรมชาติ อ้อยเข้าปากช้างแล้วยากจะคาย
ผู้ชายเป็นฯลฯ หึๆๆๆ
เฮียโจเห็นด้วยเป่าไมรู้ แต่ถ้าอีเห็นเหล่าฮูเขียน เหล่าฮูอาจถูกอีหมั่นไส้เอาได้

เนี่ย ! เหล่าฮูพูดตรงๆนะ แม้นิสัยยับยั้งชั่งใจ สำนึกดี หรือขี้ขลาด หรืออะไรก็แล่วแต๊ เหล่าฮูเอง ก็ไม่ได้แตกต่างกับปุถุชนทั่วไป
มีตัณหา ราคะ(เผลอๆแยะไปด้วยซ้ำ) แต่ที่ประคับประคองได้ ก็ด้วยหิริ-โอตตัปปะ ง่ะ มันเหมือนรั๊วกันหื่นได้

แต่ละคนมีไม่เท่ากันนะ มาก น้อย แห้งแล้ง อุดมสมบูรณ์ ถึงพร้อม
แต่ส่วนใหญ่น่ะขาดตลาดอย่างหนัก แม้เหล่าฮูจะมีรั๊วกันหื่น แต่ก็เป็นรั้วเตี้ยๆเท่านั้น เผลอทำเรื่องน่าละอายชนิดไม่อยากเอามาคิดตั้งแยะ ประสาอะไรกะพวกรั้วผุๆ ทุกวันนี้ยังกลัวอนาคอนด้าบนหัวจะแผ่แม่เบี้ยเลย
(วันก่อนจามฮ๊าดเช่ยแรงๆ มะรู้งูหล่นจากบนหัวหายไปไหน แต่เดี๋ยวมันก็เลื้อยกลับมาอยู่ที่เก่าน่ะ ถ้าจะจัดการกะกิเลส ต้องจัดการมันก่อนเพื่อน ฤทธิ์แยะสุด !)

ในฐานะผู้ชายนะ ก็อยากเห็นพันยาตัวเองยกย่อง ให้เกียรติ เห็นคุณค่า และดูแลทุกข์สุขฝ่ายซมี
แต่ฝ่ายหญิงเอง ก็ต้องไว้เชิงทรงคุณค่าในตัวเอง เคารพตัวเอง ฉลาด(บางคนชอบเมียโง่ๆ อีจะได้แว่บสดวก)
อาเหล่ายายเป็นงั้นรึเป่า หมายเถิงทรงคุณค่าน่ะ?

ธรรมดาผู้ชายแต่ละคน ย่อมคิดไม่เหมือนกันน่ะ เวลาเดินควงพันยาไปไหน ก็อยากเชิดหน้าชูตา อยากให้ยกย่องซมี แต่ก็รักษาศักดิ์ศรีของตน(ทำทุกอย่างที่คิดว่าสมบูรณ์พร้อม ไม่ใช่ยอมทุกเรื่องจ้า)

สุภาพสตรีผู้มีปรีชา
1. ย่อมไม่ดูหมิ่นสามีผู้หมั่นเพียร
ขวนขวายอยู่เป็นนิตย์
เลี้ยงตนอยู่ทุกเมื่อ
ให้ความปรารถนาทั้งปวง
2. ไม่ทำสามีให้ขุ่นเคือง
ด้วยประพฤติแสดงความหึงหวงสามี
และย่อมบูชาผู้ที่เคารพทั้งปวงของสามี
3. เป็นผู้ขยัน ไม่เกียจคร้าน
4.สงเคราะห์คนข้างเคียงของสามี
ประพฤติเป็นที่พอใจของสามี
5.รักษาทรัพย์ที่สามีหามาได้
(//www.samyaek.com/pratripidok/index.php?topic=112.0)

ถ้าเฮียโจเค้าประสพฟามสำเร็จ ร่ำรวยเงินทอง มีฟามสามารถเลี้ยงดูพันยาได้หลายคน เค้าอยากมีประไหมสุหรี มะเดหวี มะโต ลิกู เหมาหราหงี อีกกี่คน ก็คงห้ามเขาไม่ได้ร๊อก

แต่ตัวฝ่ายหญิงตะหากที่ต้องดูทรงคุณค่าในตัวเอง ต้องบริหารเสน่ห์ให้ยืนนาน เรื่องอร่อยนั้นชั่วครั้งชั่วคราวก็พอทน แต่นานไปก็เบื่อมั่ง

แต่ความงดงามภายในที่หาไม่ได้จากที่อื่นตะหากที่เป็นจุดยึดโยงให้ดำรงค์ความปกติสุขได้ดี
(มุมมองของเหล่าฮูเองนะ อยากได้แบบนี้ แต่คนอื่นอาจชอบโง่ๆ ตามเค้าไม่ทันก็มี นั่นก็อีกเรื่องน่ะ)

จำได้ว่าเหล่ายายนี่ใจดำมิใช่รึ ไปดูหลอดออฟเดอะลิงกังคนเดียวปล่อยเค้าอยู่บ้าน อิอิ ระวังเถอะ เวรกรรมมันจะย้อนมาขอดเกล็ดเอา เล่าอะไรให้ฟังแมะ อันนี้สั้นๆ

ก่อนนุ๊น มีแม่บ้านมาทำงานบ้านเหล่าฮูน่ะ เค้ามาจากอีสานทิ้งลูกผัวมาหาสตังค์ด้วยความยากจน เหล่าฮูยังอายุไม่มาก ชอบนอนตื่นสาย ตื่นขึ้นมาทีไร เห็นยายนี่เอาแต่กินๆ เค้าตักข้าวใส่จานเต็มๆ เหล่าฮูก็มองดู หลายๆครั้งก็อดสงสัย ทำไมน๊อ ช่างกินล้างกินผลาญขนาดนี้ มะรู้ไปตายอดตายอยากมาจากไหน

วันหนึ่ง พอลุกจากที่นอนลงมาหาข้าวกิน เห็นยายนี่คดเข้าใส่ชามเบ่อเร่อ ด้วยฟามโมโหหิว ก็เลยด่าเสียผู้เสียคน(อย่าฟังเลยนะ น่าละอาย) ทำนองว่าทำไมแกกินข้าวแยะขนาดนี้ล่ะ แล้วคนอื่นไม่ต้องกินรึไง เจ้าของบ้านเค้ายังไม่ทันได้กินแกก็กินซะแล้ว
เค้าบอกก็มันหิวนี่
หิวยังไงฟระ กินเป็นกะละมัง กินแล้วกินอีกๆๆๆๆๆๆ

ทีนี้เค้าร้องไห้โฮ พูดไปร้องไห้ไป เค้าบอกมันไม่อยู่ท้อง เค้ากินแต่ข้าวเหนียว ข้าวเจ้ากินยังไงก็ไม่อิ่ม

เหล่าฮูไม่สนใจ ฉอดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

เค้าบอกทำไมใจดำอย่างนี้ คนหิวๆทำงานเหนื่อยๆไม่สงสารกันเลย

ไม่สน แกกินเยอะเกินปาย ต้องโดนซะมั่ง!

เป็นไง เหล่าฮูตอนเด็ก (ก็ไม่เชิงเด็กหรอก เด็กโข่งหน่อยๆแล้วล่ะ) ตอนนุ๊นตระหนี่ไปหน่อย มองเค้าแบบเกลียดชัง

แต่ที่จิน ก็ไม่เชิงว่าจะขี้เหนียวมากมายร๊อก แต่ว่าด้วยความที่มองโลกแคบ แต่เป็นคนช่างสังเกตเรื่องไม่เป็นเรื่องน่ะ แม่เหล่าฮูเสียไปตอนเหล่าฮูอายุแค่สิบเอ็ดน่ะ เลยมีบางเรื่องไม่เข้าใจ แต่แม่เองเป็นคนใจสปอร์ตมากนะ ช่างมาซ่อมท่อน้ำที่บ้าน เค้าซื้อทุเรียนมาให้กินหน้าตาเฉย
(รู้ป่าว สมัยก่อนทองบาทละสี่ร้อย จะกินทุเรียนทีเค้าไม่ผ่าเสร็จแบบเดี๋ยวนี้นะ นี่ ต้องเดินถืออวดชาวบ้านร้านรวงกันเลยว่า วันนี้บ้านอั๊วกินทุเรียน นี่ ทุเรียน เดินโฉบหลายๆรอบเป็นการตอกย้ำ!)

ที่จินเหล่าฮูเหมือนแม่น่ะ จึงไม่ใช่ว่าจะตระหนี่มากมาย แต่พลั้งปากไปด่าแม่บ้านซะเสียหาย แถมสุดท้ายไล่ตะเพิดกลับบ้านนอก ถ้าอาเหล่ายายอายุยังไม่มาก คงนึกไม่ออก สมัยนุ๊นคนเค้าง้องานน่ะ อยู่บ้านนอกเฉยๆอดตาย ต้องดิ้นรนมาทำงานบ้าน เงินเดือนเดือนละสองสามร้อยนี่ก็หรูหราแล้ว ตอนนุ้นเรียนจบมาทำงานแบ๊งค์ ดูเหมือนแค่เจ็ดร้อยบาทเอง

ต่อนะ
ไม่กี่ปีก่อน เหล่าฮูถูกน้องใช้งาน ไปถ่ายเอกสารเกี่ยวกะเรื่องสิทธิบัตร เค้าให้มาหนึ่งหมื่น แล้วอีก็ไปต่างจังหวัดราวเดือนนึง กลับมาเค้าถามถึงสตังค์ เหล่าฮูว่าหมด ก็กินหมดแล้ว อีก็เฉยๆไป

ตะกี้นี้เอง พี่สาวเหล่าฮูเพิ่งเล่าให้ฟังว่า เหล่าฮูเป็นคนใช้ไม่ได้ เรื่องเงินเรื่องทองนี่ไว้ใจไม่ได้ ให้ไปถ่ายเอกสารตั้งหมื่น ถ่ายประสาอะไร หมดเกลี้ยง เอ๊า !

ก็ถ่ายอย่างเดียวที่ไหน ถ่ายแล้วก็กินด้วยอ่า(ตั้งเดือนที่เค้าไม่อยู่ ไม่ให้เอาตังค์มาใช้ก็ไม่บอก จะได้ไปถอนหญ้ากิน!)

เนี่ย เค้าฝังใจเรื่องนี้มาตลอด เพิ่งรู้ตัวตอนตกต่ำสุดขีด น้องที่เลี้ยงดูแลมาแต่เด็ก มันยังไม่เข้าใจเรา ด้วยทัศนะเค้ายังแคบไป เหมือนตอนเหล่าฮูไล่ตะเพิดยายแม่บ้านจอมสวาปาม เหมือนกันเดี๊ยะ!

เหล่าฮูคิดว่า น้องชายอีไม่ใช่คนงก ใจกว้างด้วยซ้ำ แต่ไหงมาใจดำกะเราตอนเราลำบาก เค้านึกไม่ถึงตอนเราเลี้ยงดูเค้า เพราะยังเด็ก เลยอาจตระหนักไปไม่ถึงตอนที่เขายังต้องให้เราดูแลอยู่(ห่างกันเก้าปี)

มาคิดๆดูแล้ว เหตุการณ์มันย้อนรอยจินๆ เหมือนกันในเนื้อหา แต่รายละเอียด ตัวบุคคล เท่านั้นที่ต่างกันออกไป

เรื่องกรรมมาส่งผลเร็ว-ช้าเนี่ย เป็นดั่งว่าจินๆนะ
อันนี้คงเป็นทิฏฐธรรมเวทนียกรรม
(//www.abhidhamonline.org/aphi/p5/053.htm)
เพราะเหล่าฮูไม่ได้ทำเพราะใจร้ายจินๆ แต่เพราะนิสัยคล้ายอาหมออีว่า มิสเตอร์เพอเฟ็คน่ะ จับผิดไปเรื่อย เลยโดนซะ

เล่าแล้วก็อายน่ะ เล่าให้ใครฟังก็นึกไม่ถึงว่าเหล่าฮูทำไมช่างเป็นคนใจดำเหลือเกิน ก็เหมือนน้องชาย ที่จริงเค้าน่ะสปอร์ตมากนะ แต่ไหงดันมางกเล็กๆน้อยๆ

อาเหล่ายายทำอะไรเอาไว้ก็เตรียมตัวเตรียมใจไว้ซะหน่อยละกัน ที่ว่าใจดำก็คงไม่ดำจริงร๊อก แต่เวลาวิบากกรรมมาส่งผล อีเอาจริงอ่ะ เรื่องอื่นที่อยากเล่าทำนองนี้มีแยะ แต่ยังไม่อยากเล่า พอดีอันนี้คลาสสิค หลัดๆตะกี้เอง
(ยังฝอยกะพี่สาวค้างอยู่ พอดีติดสายโทรศัพท์แทรก)

ตอนนี้เพียรเร่งทำส่วนที่เป็นกุศลกรรมให้แยะๆ(เหมือนน้ำ) อกุศลที่ติดค้างไว้ก็รีบๆใช้(เหมือนเกลือ) ขณะเดียวกันเร่งทำส่วนกุศล เวลามันต้องประสพ มันจะเหมือนน้ำแยะเกลือน้อย มันก็เจือจางจนไม่รู้รสเค็ม เหอๆๆๆ
จ้างก็ไม่เค็ม แหะๆๆๆ
ไม่เค็มร๊อก หึๆ
แต่ลางทีก็ปะแล่มๆ ปลอบใจตัวเองไว้ก่อน
(ที่จินมันตลกกร่อยน่ะ ว่าแมะ)

---------------------------------------------------------------------------------------------


(ใครจะคิดว่ามีคนแบบนี้ในโลกด้วย
ไอ่เราคิดว่า ยอมแต่งด้วยเพราะเห็นใจว่าตื๊อจริง
อะ ไม่ใช่พูดผิดไป เห็นใจว่ารักจริง (จริงๆนะ)
แต่ไม่คิดว่า เกียรติของเขามันจะค้ำคอ ซะขนาดนี้
รู้งี้ ยอมเป็นเมียคนที่2หรือ4 ยังจะปลอดภัยฝ่า)



พิเรนทร์คน มีอย่างที่ไหนเป็นประไหมสุหรี แต่ดันอยากเป็นมะเดหวี เรื่องก่งเรื่องเกียรตินี่ก็มะรู้แฮะ

แต่ขนาดเฮียโจโมโหแล้วทำร้ายตัวเองเนี่ย อีจะต้องรักพันยาของเค้าอย่างมาก พอๆกะทิฏฐิ-มานะและเอาแต่ใจสูงจินๆ คนแบบนี้เวลาเป็นสุขคงสุขมาก เป็นทุกข์ก็เลวร้าย เค้าไม่สมานฉันท์ให้กลางๆรึ แสดงว่าเจ้าอารมณ์เหมือนกันนะเนี่ย

แต่ดูท่าเค้าจะรักมาก-แค้นมาก อย่างนี้แล้วอาเหล่ายายก็่ค่อนข้างปลอดภัย(รึป่าว) คือจัดการบริหารเสน่ห์ตัวเองให้แข็งแรงก็พอ ชีวิตคู่ก็อยู่ในกำมือละ
แต่อย่าลืมอุทาหรณ์ข้างบนล่ะ เดี๋ยวจะว่าหล่อไม่เตือน เหอๆๆ


-------------------------------------------------------------------------------------


(หลวงตาบอกว่าทั่นโจมีเนื้อคู่ตั้ง4คน
สงสัยเนื้อคู่คนอื่นๆมันนกรู้แหงมๆ หายจ้อยเรย
จนเหลือมาถึงอาเหล่ายายได้เนี่ย)


หายจ้อยรึ ที่ไหนจะมาให้เห็นอ่ะ ไม่มีร๊อก!

เนี่ย ไม่มีร๊อก หลักโหรไม่มีบอกกระมังว่ากี่คนๆเป๊ะๆอย่างนี้
(พระหลวงตาคือเค้ามาบวชตอนอายุมากน่ะ เค้าดูหมอก็อาบัติน่ะ)

หลักโหรน่ะ เพียงบอกสมพงษ์ ไม่เข้าคู่ คู่ดี-ร้าย ฯลฯอะไรทำนองนี้ หรืออีกทีก็มีคู่ซ้อน เกินเลยจากนั้นก็น่าจะมั่วน่ะ

เหล่าฮูเองรู้งูๆปลาๆนะ เพราะมาสะดุดเรื่องสัมมาอาชีวะ เลี้ยงชีพด้วยอาศัยความมัวเมาลุ่มหลง ไม่เอาดีกั่ว ไว้ดูเล่นๆพอ เลยกล้อมแกล้มพอ หยุดศึกษาดื้อๆ และหลวงตาก็ไม่ควรชี้โพรงให้กะรอกอย่างนั้น มันไม่เชิงอย่างนั้นหรอก อันนี้เชื่อเถอะ
(บอกให้นะ ฟันธงฟันธงที่พูดกันเกร่อน่ะ ศิษย์น้องอีจิ๊กคำพูดของเหล่าฮูไปใช้ล่ะ อีดังระเบิด ความรู้อีดี แต่จิตใจไม่งดงามเอาซะเลย พูดแล้วก็ไม่ต้องเอามาให้ดูล่ะ ไม่ดูแล้วล่ะ)


-------------------------------------------------------------------------------------

( จริงๆก็สงสารเขานะ ดันเลือกเมียผิด ซะงั้น
คิดๆแล้วก็ละอายแก่ใจอีกแระ
เพราะบางทีเราอาจจะใจดำไม่เคยรักใครนอกจากตัวเอง
ก็เลยไม่คิดว่าจะมีคนอื่นที่รักเราได้จริง หรือผูกพันธ์กับเรา
ได้ขนาดนี้ แบบว่าไม่สวย จอแบน งี่เง่า กวนซ่งตรีน
ใจดำ ดูๆแล้วก็ไม่มีอะไรดีเด่น ทุกวันนี้ก็ยังไม่เข้าใจ
อยู่ดี ว่ามาชอบเราที่ตรงไหน แต่ก็ชินละ ต้องอยู่เลี้ยงลูก
ไปเรื่อยๆ เลิกคิดเรื่องทำเพื่อตัวเองละ หยุดดิ้นรนละ )



อาเหล่ายายนี่สงสัยจะนอนใจไปหน่อยกาม๊าง ไม่ก็สรรเสริญซมีเกินเลยฟามจริงไปเป่า พี่สาวเหล่าฮูก่อนนุ๊นก็แบบนี้แหละ ตอนหลังพี่เขยอีพากิ๊กเข้าบ้านเฉยเลย บ้านแตก เพราะอีมองโลกบิดเบี้ยว มีอย่างที่ไหนพาสาวมานอนบ้าน เหล่าฮูก็อยู่ในบ้านน่ะแหละ หยามใจกันมากไปหน่อย แต่พี่เขยนี่เค้าก็ดีจินๆ ยังมะเคยเห็นใครรักครอบครัวเท่าเค้าแล้า
(ขนาดเอากิ๊กเเข้าบ้านนะ แต่เค้าก็รับผิดชอบครอบครัวมาก เลิกกะกิ๊กเด็ดขาด แต่ยังไม่เคยเห็นผู้ชายที่ดีเท่าเค้าเลยนะ เสียแต่ว่าเค้าเที่ยวไม่เป็นน่ะ เกิดมาไม่เคยพบเคยเห็น อีเลยทำแบบว่าน่ะ 55555)

เวลาเอาเข้าจินๆ คงต้องร้องไห้น้ำตาไหลเป็นเผาเต่า ไม่เคยเห็นรอดสักราย รายไหนรายนั้น!


ถ้ามองสูงจากเพศขึ้นมาแล้ว มองมนุษย์แค่สัตว์ชนิดหนึ่งแล้ว ก็จะไม่เห็นต่างมาก ก็เป็นมนุษย์คนนึงที่มีกิเลส ตัณหา มานะเหมือนๆกัน ถ้ามองแบบนี้ก็เท่าทันกันได้

เหมือนครั้งหนึ่งเคยมองสตรีเพศเป็นเพศแม่ พอรู้ความมากๆก็เหมือนกันละว้า ไม่ต่างกันหรอก หึงหวง แก่งแย่ง ตัณหาจัด โลภ มีเหมือนๆกัน ตอนนุ๊นเหมือนพรางตาไว้เพื่อให้อยู่อย่างปกติ(ศีล) จะได้ไม่ชิงเอาเปรียบกันตั้งแต่เล็ก

มาตอนนี้ ก็ไม่แยกละ เหมือนๆกัน จะสดสวย โหลยโท่ย ไม่เอาไหน เลอเลิศ สูงส่ง เหล่าฮูเห็นเสมอกันไม่ว่าหญิงหรือชายน่ะ

แล้วอย่ามัวเลี้ยงลูกจนพะโล้ล่ะ ยังไงแม้เราเองก็ยังชอบเจริญหูเจริญตานะ ประสาอะไรกะซมี ต้องยึดหลักพัฒนา

เนี่ย ไปบวชชี คิดได้ไง เมื่อวานเพิ่งโม้ให้ฟังเรื่องไจ่ไจ๋ เหล่าฮูจะตามพระที่รู้จักกันไปเข้าปฎิบัติเข้ม ยังตัดใจไม่ได้เลย แค่สามเดือนเอง ปล่อยให้ปลิโพธิมาตัดโอกาสเจริญปัญญา เดี๋ยวตั้งหลักก่อน จะบวชเพื่อการนี้สักสามเดือนน่ะ หาจังหวะพร้อมๆก่อน

(สัตว์ในบาลีมุ่งถึงคนเป็นหลักนะ ไม่ใช่อย่างอื่นหรืออย่างที่ในภาษาไทยเข้าใจ เช่นโพธิสัตว์ หรือในปานาติบาตก็มุ่งถึงคนเป็นหลัก แต่เราส่วนใหญ่ไปโฟกัสพวกมดปลวกกัน ในพระเค้าก็มีอาบัติหนัก-เบา คือถ้าเผลอไปเหยียบกบเขียด แมลง ก็ปาจิตตีย์มัง มาปลงอาบัติก็สำนึกผิด จบเรื่อง ไปสำนึกผิดซะ ทีหลังจะได้ระวัง
เว้นฆ่าคนก็ปราชิก เห็นแมะ มีหนัก-เบานะ

แต่ในศีลห้าของเรา เรามัวไปพะวงจนเหมาเข่ง ซึ่งในแง่หนึ่งก็ดีไปอย่าง เพราะเมื่อเริ่มถือศีลย่อมมุ่งหมายเคร่งครัด แต่ก็ให้เท่าทันในหลักคำสอนเสียหน่อย)


นอกเรื่องนิดหน่อย มะรู้เคยรู้เรื่องหนังสือชื่อ วิปัสสนาวงศ์ไม๊ (ก็ต้นสายยุบหนอพองหนอน่ะ) เล่นนี้สืบต้นสายย้อนไปถึงท่านพระอานนท์เลยล่ะ พอดีหลวงพี่ที่เหล่าฮูพูดถึง ท่านจะมากรุงเทพพรุ่งนี้แป๊บเดียว เอาพาสปอร์ตเสร็จนั่งรถกลับเลย พอดีท่านเข้าอบรมกรรมฐานมาหลายเดือนแล้ว
(ที่จินท่านเองเป็นวิปัสสนาจารย์นะ แต่เพิ่มเติมที่ท่านเองยังมองกว้างไม่ครอบคลุม ทั้งๆที่พรรษาของท่านน่าจะเป็นเจ้าคณะจังหวัดไปแล้วน่ะ แต่ท่านมะเอา เป็นธรรมจาริก เหมือนท่านสุจิณโนกระมัง บาตรเดียวเที่ยวทั่วไทย 55555)
ที่เหล่าฮุจะไปศึกษาเพิ่มเติมก็ตามท่านนี่เองแหละ ท่านออกมาทำธุระชั่วคราว คงเรื่องแสวงบุญที่อินเดียน่ะ เสร็จแล้วจะกลับเข้าไปปฎิบัติต่อ

หนังสือนี้เล่าความเป็นมาน่ะ เพื่อนเหล่าฮูคนนึงเป็นชาวพม่า เคยเล่าให้ฟังว่าที่พม่านั้นแตกต่างกับเราอย่างมากเลย เราไปเอาบาลีของเขามาเรียน ไปเอาเทคนิคปฎิบัติมาจากเขา ที่นั่นพระพม่าท่องพระไตรปิฏกได้มีเยอะแยะ ของไทยเราน้อยมาก ฯลฯ

เสียดายท่านจะมาปุ๊บกลับปั๊บ เลยได้คุยนิดหน่อยมัง ท่านเล่าถึงหนังสือนี้ ประหลาด ยังกะรู้ใจ เหล่าฮูกะลังคิดหามาอ่านเล่มนี้อยู่ ท่านพูดขึ้นมาลอยๆ มะรู้ตรงกันได้ไง

ลองหามาอ่านดูนะ คิดว่าเป็นหนังสือดีน่ะ พอดีมีไฟล์เป็นpdf เดี๋ยวจะลองอ่านดูก่อน ยังไม่สะดวกไปซื้อหา เลยเอามาฝากเผื่อสนใจ อยู่นี่นะ

//www.kalyanamitra.org/book/index_dhammabook_detail.php?id=69


 
 

โดย: Lao fu zi IP: 124.120.16.122 วันที่: 20 มิถุนายน 2553 เวลา:17:22:24 น.  

 
 
 

(........มีอีกเรื่อง เขาบอกให้ฟังตะกี้ ถ้าเป็นเมียคนที่2ที่3ที่4ที่....n
นอกใจเขาก็ตัดทิ้งเฉดหัวไปเรย ง่ะ ไม่สนใจอะไร
แต่ถ้าเมียหลวง ก็แบบที่บอก ศพไม่สวย แน่นอน.........)



อาเหล่ายาย อย่าว่างุ๊นงี้เลยนะ เฮียโจเล่นพูดทีเล่นทีจริงแบบนี้ไม่หนุกเลยแฮะ โหดเหมือนกัน แต่ฮาร์ทจังท่าทางขี้เล่นไม่ใช่รึ!

เมียคนที่2ที่3ที่4ที่....n อะไรกัน? พูดหว่านล้อมอะไรรึป่าว หีๆๆ
ผู้ชายเหมือนสิงห์โตเป็นจ้าวป่า ธรรมชาติก็ต้องมีฝูง ตัวเมียห้อมล้อม เป็นธรรมดาของมัน
ผู้ชายเหมือนปลาหางนกยูง ผสมพันธุ์ได้ไม่เลือกเวลา
ผู้ชายเป็นปีศาจราคะโดยธรรมชาติ อ้อยเข้าปากช้างแล้วยากจะคาย
ผู้ชายเป็นฯลฯ หึๆๆๆ
เฮียโจเห็นด้วยเป่าไมรู้ แต่ถ้าอีเห็นเหล่าฮูเขียน เหล่าฮูอาจถูกอีหมั่นไส้เอาได้

เนี่ย ! เหล่าฮูพูดตรงๆนะ แม้นิสัยยับยั้งชั่งใจ สำนึกดี หรือขี้ขลาด หรืออะไรก็แล่วแต๊ เหล่าฮูเอง ก็ไม่ได้แตกต่างกับปุถุชนทั่วไป
มีตัณหา ราคะ(เผลอๆแยะไปด้วยซ้ำ) แต่ที่ประคับประคองได้ ก็ด้วยหิริ-โอตตัปปะ ง่ะ มันเหมือนรั๊วกันหื่นได้

แต่ละคนมีไม่เท่ากันนะ มาก น้อย แห้งแล้ง อุดมสมบูรณ์ ถึงพร้อม
แต่ส่วนใหญ่น่ะขาดตลาดอย่างหนัก แม้เหล่าฮูจะมีรั๊วกันหื่น แต่ก็เป็นรั้วเตี้ยๆเท่านั้น เผลอทำเรื่องน่าละอายชนิดไม่อยากเอามาคิดตั้งแยะ ประสาอะไรกะพวกรั้วผุๆ ทุกวันนี้ยังกลัวอนาคอนด้าบนหัวจะแผ่แม่เบี้ยเลย
(วันก่อนจามฮ๊าดเช่ยแรงๆ มะรู้งูหล่นจากบนหัวหายไปไหน แต่เดี๋ยวมันก็เลื้อยกลับมาอยู่ที่เก่าน่ะ ถ้าจะจัดการกะกิเลส ต้องจัดการมันก่อนเพื่อน ฤทธิ์แยะสุด !)

ในฐานะผู้ชายนะ ก็อยากเห็นพันยาตัวเองยกย่อง ให้เกียรติ เห็นคุณค่า และดูแลทุกข์สุขฝ่ายซมี
แต่ฝ่ายหญิงเอง ก็ต้องไว้เชิงทรงคุณค่าในตัวเอง เคารพตัวเอง ฉลาด(บางคนชอบเมียโง่ๆ อีจะได้แว่บสดวก)
อาเหล่ายายเป็นงั้นรึเป่า หมายเถิงทรงคุณค่าน่ะ?

ธรรมดาผู้ชายแต่ละคน ย่อมคิดไม่เหมือนกันน่ะ เวลาเดินควงพันยาไปไหน ก็อยากเชิดหน้าชูตา อยากให้ยกย่องซมี แต่ก็รักษาศักดิ์ศรีของตน(ทำทุกอย่างที่คิดว่าสมบูรณ์พร้อม ไม่ใช่ยอมทุกเรื่องจ้า)

สุภาพสตรีผู้มีปรีชา
1. ย่อมไม่ดูหมิ่นสามีผู้หมั่นเพียร
ขวนขวายอยู่เป็นนิตย์
เลี้ยงตนอยู่ทุกเมื่อ
ให้ความปรารถนาทั้งปวง
2. ไม่ทำสามีให้ขุ่นเคือง
ด้วยประพฤติแสดงความหึงหวงสามี
และย่อมบูชาผู้ที่เคารพทั้งปวงของสามี
3. เป็นผู้ขยัน ไม่เกียจคร้าน
4.สงเคราะห์คนข้างเคียงของสามี
ประพฤติเป็นที่พอใจของสามี
5.รักษาทรัพย์ที่สามีหามาได้
(//www.samyaek.com/pratripidok/index.php?topic=112.0)

ถ้าเฮียโจเค้าประสพฟามสำเร็จ ร่ำรวยเงินทอง มีฟามสามารถเลี้ยงดูพันยาได้หลายคน เค้าอยากมีประไหมสุหรี มะเดหวี มะโต ลิกู เหมาหราหงี อีกกี่คน ก็คงห้ามเขาไม่ได้ร๊อก

แต่ตัวฝ่ายหญิงตะหากที่ต้องดูทรงคุณค่าในตัวเอง ต้องบริหารเสน่ห์ให้ยืนนาน เรื่องอร่อยนั้นชั่วครั้งชั่วคราวก็พอทน แต่นานไปก็เบื่อมั่ง

แต่ความงดงามภายในที่หาไม่ได้จากที่อื่นตะหากที่เป็นจุดยึดโยงให้ดำรงค์ความปกติสุขได้ดี
(มุมมองของเหล่าฮูเองนะ อยากได้แบบนี้ แต่คนอื่นอาจชอบโง่ๆ ตามเค้าไม่ทันก็มี นั่นก็อีกเรื่องน่ะ)

จำได้ว่าเหล่ายายนี่ใจดำมิใช่รึ ไปดูหลอดออฟเดอะลิงกังคนเดียวปล่อยเค้าอยู่บ้าน อิอิ ระวังเถอะ เวรกรรมมันจะย้อนมาขอดเกล็ดเอา เล่าอะไรให้ฟังแมะ อันนี้สั้นๆ

ก่อนนุ๊น มีแม่บ้านมาทำงานบ้านเหล่าฮูน่ะ เค้ามาจากอีสานทิ้งลูกผัวมาหาสตังค์ด้วยความยากจน เหล่าฮูยังอายุไม่มาก ชอบนอนตื่นสาย ตื่นขึ้นมาทีไร เห็นยายนี่เอาแต่กินๆ เค้าตักข้าวใส่จานเต็มๆ เหล่าฮูก็มองดู หลายๆครั้งก็อดสงสัย ทำไมน๊อ ช่างกินล้างกินผลาญขนาดนี้ มะรู้ไปตายอดตายอยากมาจากไหน

วันหนึ่ง พอลุกจากที่นอนลงมาหาข้าวกิน เห็นยายนี่คดเข้าใส่ชามเบ่อเร่อ ด้วยฟามโมโหหิว ก็เลยด่าเสียผู้เสียคน(อย่าฟังเลยนะ น่าละอาย) ทำนองว่าทำไมแกกินข้าวแยะขนาดนี้ล่ะ แล้วคนอื่นไม่ต้องกินรึไง เจ้าของบ้านเค้ายังไม่ทันได้กินแกก็กินซะแล้ว
เค้าบอกก็มันหิวนี่
หิวยังไงฟระ กินเป็นกะละมัง กินแล้วกินอีกๆๆๆๆๆๆ

ทีนี้เค้าร้องไห้โฮ พูดไปร้องไห้ไป เค้าบอกมันไม่อยู่ท้อง เค้ากินแต่ข้าวเหนียว ข้าวเจ้ากินยังไงก็ไม่อิ่ม

เหล่าฮูไม่สนใจ ฉอดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

เค้าบอกทำไมใจดำอย่างนี้ คนหิวๆทำงานเหนื่อยๆไม่สงสารกันเลย

ไม่สน แกกินเยอะเกินปาย ต้องโดนซะมั่ง!

เป็นไง เหล่าฮูตอนเด็ก (ก็ไม่เชิงเด็กหรอก เด็กโข่งหน่อยๆแล้วล่ะ) ตอนนุ๊นตระหนี่ไปหน่อย มองเค้าแบบเกลียดชัง

แต่ที่จิน ก็ไม่เชิงว่าจะขี้เหนียวมากมายร๊อก แต่ว่าด้วยความที่มองโลกแคบ แต่เป็นคนช่างสังเกตเรื่องไม่เป็นเรื่องน่ะ แม่เหล่าฮูเสียไปตอนเหล่าฮูอายุแค่สิบเอ็ดน่ะ เลยมีบางเรื่องไม่เข้าใจ แต่แม่เองเป็นคนใจสปอร์ตมากนะ ช่างมาซ่อมท่อน้ำที่บ้าน เค้าซื้อทุเรียนมาให้กินหน้าตาเฉย
(รู้ป่าว สมัยก่อนทองบาทละสี่ร้อย จะกินทุเรียนทีเค้าไม่ผ่าเสร็จแบบเดี๋ยวนี้นะ นี่ ต้องเดินถืออวดชาวบ้านร้านรวงกันเลยว่า วันนี้บ้านอั๊วกินทุเรียน นี่ ทุเรียน เดินโฉบหลายๆรอบเป็นการตอกย้ำ!)

ที่จินเหล่าฮูเหมือนแม่น่ะ จึงไม่ใช่ว่าจะตระหนี่มากมาย แต่พลั้งปากไปด่าแม่บ้านซะเสียหาย แถมสุดท้ายไล่ตะเพิดกลับบ้านนอก ถ้าอาเหล่ายายอายุยังไม่มาก คงนึกไม่ออก สมัยนุ๊นคนเค้าง้องานน่ะ อยู่บ้านนอกเฉยๆอดตาย ต้องดิ้นรนมาทำงานบ้าน เงินเดือนเดือนละสองสามร้อยนี่ก็หรูหราแล้ว ตอนนุ้นเรียนจบมาทำงานแบ๊งค์ ดูเหมือนแค่เจ็ดร้อยบาทเอง

ต่อนะ
ไม่กี่ปีก่อน เหล่าฮูถูกน้องใช้งาน ไปถ่ายเอกสารเกี่ยวกะเรื่องสิทธิบัตร เค้าให้มาหนึ่งหมื่น แล้วอีก็ไปต่างจังหวัดราวเดือนนึง กลับมาเค้าถามถึงสตังค์ เหล่าฮูว่าหมด ก็กินหมดแล้ว อีก็เฉยๆไป

ตะกี้นี้เอง พี่สาวเหล่าฮูเพิ่งเล่าให้ฟังว่า เหล่าฮูเป็นคนใช้ไม่ได้ เรื่องเงินเรื่องทองนี่ไว้ใจไม่ได้ ให้ไปถ่ายเอกสารตั้งหมื่น ถ่ายประสาอะไร หมดเกลี้ยง เอ๊า !

ก็ถ่ายอย่างเดียวที่ไหน ถ่ายแล้วก็กินด้วยอ่า(ตั้งเดือนที่เค้าไม่อยู่ ไม่ให้เอาตังค์มาใช้ก็ไม่บอก จะได้ไปถอนหญ้ากิน!)

เนี่ย เค้าฝังใจเรื่องนี้มาตลอด เพิ่งรู้ตัวตอนตกต่ำสุดขีด น้องที่เลี้ยงดูแลมาแต่เด็ก มันยังไม่เข้าใจเรา ด้วยทัศนะเค้ายังแคบไป เหมือนตอนเหล่าฮูไล่ตะเพิดยายแม่บ้านจอมสวาปาม เหมือนกันเดี๊ยะ!

เหล่าฮูคิดว่า น้องชายอีไม่ใช่คนงก ใจกว้างด้วยซ้ำ แต่ไหงมาใจดำกะเราตอนเราลำบาก เค้านึกไม่ถึงตอนเราเลี้ยงดูเค้า เพราะยังเด็ก เลยอาจตระหนักไปไม่ถึงตอนที่เขายังต้องให้เราดูแลอยู่(ห่างกันเก้าปี)

มาคิดๆดูแล้ว เหตุการณ์มันย้อนรอยจินๆ เหมือนกันในเนื้อหา แต่รายละเอียด ตัวบุคคล เท่านั้นที่ต่างกันออกไป

เรื่องกรรมมาส่งผลเร็ว-ช้าเนี่ย เป็นดั่งว่าจินๆนะ
อันนี้คงเป็นทิฏฐธรรมเวทนียกรรม
(//www.abhidhamonline.org/aphi/p5/053.htm)
เพราะเหล่าฮูไม่ได้ทำเพราะใจร้ายจินๆ แต่เพราะนิสัยคล้ายอาหมออีว่า มิสเตอร์เพอเฟ็คน่ะ จับผิดไปเรื่อย เลยโดนซะ

เล่าแล้วก็อายน่ะ เล่าให้ใครฟังก็นึกไม่ถึงว่าเหล่าฮูทำไมช่างเป็นคนใจดำเหลือเกิน ก็เหมือนน้องชาย ที่จริงเค้าน่ะสปอร์ตมากนะ แต่ไหงดันมางกเล็กๆน้อยๆ

อาเหล่ายายทำอะไรเอาไว้ก็เตรียมตัวเตรียมใจไว้ซะหน่อยละกัน ที่ว่าใจดำก็คงไม่ดำจริงร๊อก แต่เวลาวิบากกรรมมาส่งผล อีเอาจริงอ่ะ เรื่องอื่นที่อยากเล่าทำนองนี้มีแยะ แต่ยังไม่อยากเล่า พอดีอันนี้คลาสสิค หลัดๆตะกี้เอง
(ยังฝอยกะพี่สาวค้างอยู่ พอดีติดสายโทรศัพท์แทรก)

ตอนนี้เพียรเร่งทำส่วนที่เป็นกุศลกรรมให้แยะๆ(เหมือนน้ำ) อกุศลที่ติดค้างไว้ก็รีบๆใช้(เหมือนเกลือ) ขณะเดียวกันเร่งทำส่วนกุศล เวลามันต้องประสพ มันจะเหมือนน้ำแยะเกลือน้อย มันก็เจือจางจนไม่รู้รสเค็ม เหอๆๆๆ
จ้างก็ไม่เค็ม แหะๆๆๆ
ไม่เค็มร๊อก หึๆ
แต่ลางทีก็ปะแล่มๆ ปลอบใจตัวเองไว้ก่อน
(ที่จินมันตลกกร่อยน่ะ ว่าแมะ)

---------------------------------------------------------------------------------------------


(ใครจะคิดว่ามีคนแบบนี้ในโลกด้วย
ไอ่เราคิดว่า ยอมแต่งด้วยเพราะเห็นใจว่าตื๊อจริง
อะ ไม่ใช่พูดผิดไป เห็นใจว่ารักจริง (จริงๆนะ)
แต่ไม่คิดว่า เกียรติของเขามันจะค้ำคอ ซะขนาดนี้
รู้งี้ ยอมเป็นเมียคนที่2หรือ4 ยังจะปลอดภัยฝ่า)



พิเรนทร์คน มีอย่างที่ไหนเป็นประไหมสุหรี แต่ดันอยากเป็นมะเดหวี เรื่องก่งเรื่องเกียรตินี่ก็มะรู้แฮะ

แต่ขนาดเฮียโจโมโหแล้วทำร้ายตัวเองเนี่ย อีจะต้องรักพันยาของเค้าอย่างมาก พอๆกะทิฏฐิ-มานะและเอาแต่ใจสูงจินๆ คนแบบนี้เวลาเป็นสุขคงสุขมาก เป็นทุกข์ก็เลวร้าย เค้าไม่สมานฉันท์ให้กลางๆรึ แสดงว่าเจ้าอารมณ์เหมือนกันนะเนี่ย

แต่ดูท่าเค้าจะรักมาก-แค้นมาก อย่างนี้แล้วอาเหล่ายายก็่ค่อนข้างปลอดภัย(รึป่าว) คือจัดการบริหารเสน่ห์ตัวเองให้แข็งแรงก็พอ ชีวิตคู่ก็อยู่ในกำมือละ
แต่อย่าลืมอุทาหรณ์ข้างบนล่ะ เดี๋ยวจะว่าหล่อไม่เตือน เหอๆๆ


-------------------------------------------------------------------------------------


(หลวงตาบอกว่าทั่นโจมีเนื้อคู่ตั้ง4คน
สงสัยเนื้อคู่คนอื่นๆมันนกรู้แหงมๆ หายจ้อยเรย
จนเหลือมาถึงอาเหล่ายายได้เนี่ย)


หายจ้อยรึ ที่ไหนจะมาให้เห็นอ่ะ ไม่มีร๊อก!

เนี่ย ไม่มีร๊อก หลักโหรไม่มีบอกกระมังว่ากี่คนๆเป๊ะๆอย่างนี้
(พระหลวงตาคือเค้ามาบวชตอนอายุมากน่ะ เค้าดูหมอก็อาบัติน่ะ)

หลักโหรน่ะ เพียงบอกสมพงษ์ ไม่เข้าคู่ คู่ดี-ร้าย ฯลฯอะไรทำนองนี้ หรืออีกทีก็มีคู่ซ้อน เกินเลยจากนั้นก็น่าจะมั่วน่ะ

เหล่าฮูเองรู้งูๆปลาๆนะ เพราะมาสะดุดเรื่องสัมมาอาชีวะ เลี้ยงชีพด้วยอาศัยความมัวเมาลุ่มหลง ไม่เอาดีกั่ว ไว้ดูเล่นๆพอ เลยกล้อมแกล้มพอ หยุดศึกษาดื้อๆ และหลวงตาก็ไม่ควรชี้โพรงให้กะรอกอย่างนั้น มันไม่เชิงอย่างนั้นหรอก อันนี้เชื่อเถอะ
(บอกให้นะ ฟันธงฟันธงที่พูดกันเกร่อน่ะ ศิษย์น้องอีจิ๊กคำพูดของเหล่าฮูไปใช้ล่ะ อีดังระเบิด ความรู้อีดี แต่จิตใจไม่งดงามเอาซะเลย พูดแล้วก็ไม่ต้องเอามาให้ดูล่ะ ไม่ดูแล้วล่ะ)


-------------------------------------------------------------------------------------

( จริงๆก็สงสารเขานะ ดันเลือกเมียผิด ซะงั้น
คิดๆแล้วก็ละอายแก่ใจอีกแระ
เพราะบางทีเราอาจจะใจดำไม่เคยรักใครนอกจากตัวเอง
ก็เลยไม่คิดว่าจะมีคนอื่นที่รักเราได้จริง หรือผูกพันธ์กับเรา
ได้ขนาดนี้ แบบว่าไม่สวย จอแบน งี่เง่า กวนซ่งตรีน
ใจดำ ดูๆแล้วก็ไม่มีอะไรดีเด่น ทุกวันนี้ก็ยังไม่เข้าใจ
อยู่ดี ว่ามาชอบเราที่ตรงไหน แต่ก็ชินละ ต้องอยู่เลี้ยงลูก
ไปเรื่อยๆ เลิกคิดเรื่องทำเพื่อตัวเองละ หยุดดิ้นรนละ )



อาเหล่ายายนี่สงสัยจะนอนใจไปหน่อยกาม๊าง ไม่ก็สรรเสริญซมีเกินเลยฟามจริงไปเป่า พี่สาวเหล่าฮูก่อนนุ๊นก็แบบนี้แหละ ตอนหลังพี่เขยอีพากิ๊กเข้าบ้านเฉยเลย บ้านแตก เพราะอีมองโลกบิดเบี้ยว มีอย่างที่ไหนพาสาวมานอนบ้าน เหล่าฮูก็อยู่ในบ้านน่ะแหละ หยามใจกันมากไปหน่อย แต่พี่เขยนี่เค้าก็ดีจินๆ ยังมะเคยเห็นใครรักครอบครัวเท่าเค้าแล้า
(ขนาดเอากิ๊กเเข้าบ้านนะ แต่เค้าก็รับผิดชอบครอบครัวมาก เลิกกะกิ๊กเด็ดขาด แต่ยังไม่เคยเห็นผู้ชายที่ดีเท่าเค้าเลยนะ เสียแต่ว่าเค้าเที่ยวไม่เป็นน่ะ เกิดมาไม่เคยพบเคยเห็น อีเลยทำแบบว่าน่ะ 55555)

เวลาเอาเข้าจินๆ คงต้องร้องไห้น้ำตาไหลเป็นเผาเต่า ไม่เคยเห็นรอดสักราย รายไหนรายนั้น!


ถ้ามองสูงจากเพศขึ้นมาแล้ว มองมนุษย์แค่สัตว์ชนิดหนึ่งแล้ว ก็จะไม่เห็นต่างมาก ก็เป็นมนุษย์คนนึงที่มีกิเลส ตัณหา มานะเหมือนๆกัน ถ้ามองแบบนี้ก็เท่าทันกันได้

เหมือนครั้งหนึ่งเคยมองสตรีเพศเป็นเพศแม่ พอรู้ความมากๆก็เหมือนกันละว้า ไม่ต่างกันหรอก หึงหวง แก่งแย่ง ตัณหาจัด โลภ มีเหมือนๆกัน ตอนนุ๊นเหมือนพรางตาไว้เพื่อให้อยู่อย่างปกติ(ศีล) จะได้ไม่ชิงเอาเปรียบกันตั้งแต่เล็ก

มาตอนนี้ ก็ไม่แยกละ เหมือนๆกัน จะสดสวย โหลยโท่ย ไม่เอาไหน เลอเลิศ สูงส่ง เหล่าฮูเห็นเสมอกันไม่ว่าหญิงหรือชายน่ะ

แล้วอย่ามัวเลี้ยงลูกจนพะโล้ล่ะ ยังไงแม้เราเองก็ยังชอบเจริญหูเจริญตานะ ประสาอะไรกะซมี ต้องยึดหลักพัฒนา

เนี่ย ไปบวชชี คิดได้ไง เมื่อวานเพิ่งโม้ให้ฟังเรื่องไจ่ไจ๋ เหล่าฮูจะตามพระที่รู้จักกันไปเข้าปฎิบัติเข้ม ยังตัดใจไม่ได้เลย แค่สามเดือนเอง ปล่อยให้ปลิโพธิมาตัดโอกาสเจริญปัญญา เดี๋ยวตั้งหลักก่อน จะบวชเพื่อการนี้สักสามเดือนน่ะ หาจังหวะพร้อมๆก่อน

(สัตว์ในบาลีมุ่งถึงคนเป็นหลักนะ ไม่ใช่อย่างอื่นหรืออย่างที่ในภาษาไทยเข้าใจ เช่นโพธิสัตว์ หรือในปานาติบาตก็มุ่งถึงคนเป็นหลัก แต่เราส่วนใหญ่ไปโฟกัสพวกมดปลวกกัน ในพระเค้าก็มีอาบัติหนัก-เบา คือถ้าเผลอไปเหยียบกบเขียด แมลง ก็ปาจิตตีย์มัง มาปลงอาบัติก็สำนึกผิด จบเรื่อง ไปสำนึกผิดซะ ทีหลังจะได้ระวัง
เว้นฆ่าคนก็ปราชิก เห็นแมะ มีหนัก-เบานะ

แต่ในศีลห้าของเรา เรามัวไปพะวงจนเหมาเข่ง ซึ่งในแง่หนึ่งก็ดีไปอย่าง เพราะเมื่อเริ่มถือศีลย่อมมุ่งหมายเคร่งครัด แต่ก็ให้เท่าทันในหลักคำสอนเสียหน่อย)


นอกเรื่องนิดหน่อย มะรู้เคยรู้เรื่องหนังสือชื่อ วิปัสสนาวงศ์ไม๊ (ก็ต้นสายยุบหนอพองหนอน่ะ) เล่นนี้สืบต้นสายย้อนไปถึงท่านพระอานนท์เลยล่ะ พอดีหลวงพี่ที่เหล่าฮูพูดถึง ท่านจะมากรุงเทพพรุ่งนี้แป๊บเดียว เอาพาสปอร์ตเสร็จนั่งรถกลับเลย พอดีท่านเข้าอบรมกรรมฐานมาหลายเดือนแล้ว
(ที่จินท่านเองเป็นวิปัสสนาจารย์นะ แต่เพิ่มเติมที่ท่านเองยังมองกว้างไม่ครอบคลุม ทั้งๆที่พรรษาของท่านน่าจะเป็นเจ้าคณะจังหวัดไปแล้วน่ะ แต่ท่านมะเอา เป็นธรรมจาริก เหมือนท่านสุจิณโนกระมัง บาตรเดียวเที่ยวทั่วไทย 55555)
ที่เหล่าฮุจะไปศึกษาเพิ่มเติมก็ตามท่านนี่เองแหละ ท่านออกมาทำธุระชั่วคราว คงเรื่องแสวงบุญที่อินเดียน่ะ เสร็จแล้วจะกลับเข้าไปปฎิบัติต่อ

หนังสือนี้เล่าความเป็นมาน่ะ เพื่อนเหล่าฮูคนนึงเป็นชาวพม่า เคยเล่าให้ฟังว่าที่พม่านั้นแตกต่างกับเราอย่างมากเลย เราไปเอาบาลีของเขามาเรียน ไปเอาเทคนิคปฎิบัติมาจากเขา ที่นั่นพระพม่าท่องพระไตรปิฏกได้มีเยอะแยะ ของไทยเราน้อยมาก ฯลฯ

เสียดายท่านจะมาปุ๊บกลับปั๊บ เลยได้คุยนิดหน่อยมัง ท่านเล่าถึงหนังสือนี้ ประหลาด ยังกะรู้ใจ เหล่าฮูกะลังคิดหามาอ่านเล่มนี้อยู่ ท่านพูดขึ้นมาลอยๆ มะรู้ตรงกันได้ไง

ลองหามาอ่านดูนะ คิดว่าเป็นหนังสือดีน่ะ พอดีมีไฟล์เป็นpdf เดี๋ยวจะลองอ่านดูก่อน ยังไม่สะดวกไปซื้อหา เลยเอามาฝากเผื่อสนใจ อยู่นี่นะ

//www.kalyanamitra.org/book/index_dhammabook_detail.php?id=69


 
 

โดย: Lao fu zi IP: 124.120.16.122 วันที่: 20 มิถุนายน 2553 เวลา:17:25:37 น.  

 
 
 
(แต่ก็เคยมีนะ พวกมาม่าที่รู้จัก
ผมก็ออฟไปออฟมาตามประสาผม ที่สุด... เหอะๆ
เจอลูกสาวมาม่านั่นแหละมาขายเอง
เราก็ เง้อออ... ไม่กล้าพูดอะไร
แต่นึกในใจ คนโตมาในสังคมแบบไหน
หรือ กงกำกงเวียนมันมีจริงนะ)



อ่านแล้วขนหัวลุก เจอะมากะตัวเลยรึแง่บศักดิ์ แล้วยังป๊าบๆลงอีกรึ ซาแดงว่างึดตัวจิน ฮ่า ปีศาจราคะ ๆ ๆ(วันหลังชวนด้วยเส่)

เหล่าฮูว่าทั่นประธานนี่เถรกงดี คุยหนุก ปีศาจราคะเฒ่าฟังแล้วหัวหด ตัวแม่ขายตัวลูก บรื๋วๆ หยองสุดๆ

ริวๆนี้ เพื่อนรุ่นพี่ที่เป็นจ่าทหารที่ลำปาง อีเล่าให้ฟังว่า พวกกันที่ชอบไปหาเด็กเอ๊าะๆ ประเภทหาตังค์ใช้เที่ยวน่ะ แบบมืออาชีพไม่เอา เอาเอ๊ะาๆ

ได้เรื่องเลย เจอลูกสาวตัวเองวัยเอ๊าะๆ เดินนวยนาดออกมาให้เลือก ฝันร้ายทั้งตื่นเลยเกิดขึ้น
ไม่รู้ความรู้สึกของเค้านะ แต่ฟังแล้วสยองสุดขีด เหล่าฮูหัวหดเข้าไปในกระดองเต่า

ดีนะที่ไม่เคยมีรสนิยมแบบนี้แต่ไหนแต่ไร ก็เค้ายังเด็ก จะว่าไปยังไม่เจริญพันธู์มากมาย แล้วมันจะอร่อยยังไง(ที่จินก็อร่อยน่ะแหละ แต่กระเดือกไม่ลง สงสารเด็ก)

เหมือนกินหมูหันเลย หมูเด็กนะ มันยังเด็กอยู่เลยอ่า(แต่ก็อร่อยจินๆนะ)
(อันนี้อาหมอเพื่อนเหล่าฮูเล่าน่ะ คืออีเป็นหมอเด็กไง ต้องช่วยชีวิตเด็ก แล้วจะให้อีกินหมูเด็ก อีแด๊กไม่ลงเหมือนกัน !)


.....------------------------------------------------------------


เลวบ้างกับเรื่องที่บางคนว่าไม่ดีก็เช่น
กินเหล้า เที่ยว ...อะไรก็ตามที่คนดีๆเค้าว่าไม่ดี
เพียงแต่เรื่องไม่ดีนั้นต้องไม่ดีกับผมคนเดียว
เหมือนเรื่องทำไมผมเลือกใช้บริการทางเพศ
ก็เพราะถึงอย่างไรผู้ชายเรื่องแบบนี้มันต้องมี
เพียงแต่หากจะไปจีบใครซักคน
ถ้าปล่อยให้เรื่องแบบนี้มาก่อน
มันก็เหมือนไปทำลายเขาแล้วสร้างกรรมแก่เรา
เที่ยวระบายทิ้งซะ สบายกว่า เอิ๊กๆ



อ้อ อย่างนี้นี่เอง มันไม่เห็นเลวตรงไหนมากมายซะหน่อย
ดีก่าเป็นพรานล่าพรหมจรรย์
หิวขึ้นมาก็ เท่าหร่าย จบ
โค ตะ ระ แมน ใช้ล่าย คิดดีจินๆ

แต่ต้องระวังโรคนา ไม่เหมือนยุคเหล่าฮู ใครติดโรคก็เฮฮาขำๆ ตอนนี้ขำไม่ออก เพื่อนๆอีติดไปสองคนมัง สลายตัวเป็นปุ๋ยไปแล้ว

ถ้ายังรักสนุกอยู่มั่ง ไปสถานที่กลางๆ เค้าตรวจโรคตลอด ที่ถูกไปก็ไม่ไหว ที่แพงไปก็งั้นๆ ดีไม่ดีอีไม่ป้องกันโรค แบบตามร้านแถวอ่างทั่วๆไปดูเข้าท่า อีตรวจตลอด และพวกแม่ค้าอีไม่ยอมเสี่ยง เราก็อย่าเสี่ยง

แต่เหล่าฮูเลิกดีก่า ไปลงอ่างทีหนึ่ง ประสาทเสียไปห้าหกเดือน แม้จะยังโฉบไปมากะเพื่อนๆ ก็ไม่กล้าแล้ว

เพื่อนเหล่าฮูคนนึงอีประสาทแด๊ก มีไข้ และอาการบางอย่าง อีสงสัยเลยไปตรวจเลือด ผลออกมา
ไม่ผิดปกติ
อีไชโยใหญ่เลย เฮ่ย วันนี้ไปฉลองกันเว่ย
(เอ๋า ! อะไรของเมริงฟระ)


--------------------------------------------------------------------------------------------



ผลเสียกว่าเลยกลายเป็นคนไม่ชอบจีบผู้หญิง
เพราะมันหมดกำหนัดซะแล้วนิ แง่บๆ
....

โธ่ หัวอกเดียวกันเลยอาแง่บ !

เนี่ย ดีแล้วล่ะ
ถ้าวันหนึ่งมันคลิ๊กนะ มันคลิ๊กเองแหละ(หมายถึงคู่ครอง)
แต่แฟนเป็นหมอไม่ใช่รึ จำล่ายว่าอีผ่าคนแต่กลัวผีใช่แมะ
ดูให้ดีๆล่ะ เรื่องความสมกัน
ศรัทธา จาคะ ศีล ปัญญา
คงรู้อยู่แล้วล่ะ แต่ขอตอกย้ำนะว่า ดูให้ละเอียดดีๆ ไม่งั้นเกาะคานสูงกินลมดีก่า เชื่อเหอะ


---------------------------------------------------------------------------


แต่ชวนฉันไปสังฆกรรมด้วย ฉันไม่เอา
เพราะ พธม เอง ผมก็ไม่เห็นด้วยในหลายส่วน
แต่ก็เห็นด้วยในบางเรื่อง
เช่นเดียวกับ นปช.




เฮ่ย ป่าวชวนนา เหล่าฮูก็ไม่ไปแล้วน่ะ เว้นแต่เกิดเรื่องร้ายแรง
แต่ว่าอีรอบนี้จะเป็นวิบากนะ คงต้องน้อมรับกันน่ะ
อยากให้ไปตอนนุ๊นเยอะๆจังเลย ถ้าตอนนุ๊นคนออกไปเยอะ ตอนนี้คงไม่เกิดเรื่องเผาตึกมัง

และคงไม่สามารถต่อยอดแบบนี้ได้
เพราะดันมาเจออาบัง สุรยุทธ จนมาถึงท่านมาร์ค เสียดายที่ ตลอดทางมานี่ ไม่เห็นใครจริงใจเท่านายกมาร์คเลย

เคราะห์ร้ายของเรา ร่วมกันรับเถอะ นุ่น อีกสักสามสี่ปีมังคงเห็นทางออก อย่าชะล่าใจนะ ตั้งแต่เดือนเจ็ดนี่ไป มหาวิบากคงตามล้างตามเช็ด คอยดูเส่



-----------------------------------------------------------------------------------

ดังั้นผมก็เคยเมนท์เฟสบุคคุณอภิสิทธไปเช่นกันว่า
"การปฏิรูปประเทศไทยครั้งนี้จะล้มเหลว
หากยังไม่สามารถเปิดปากเสียงที่ยังไม่ได้พูดออกมาได้
เพราะนั่นหละ คนไทยส่วนใหญ่จริงๆ"
..........



อาแง่บศักดิ์นี่เอาเรื่องแฮะ ไปเม๊นท์เลยรึ
ซาแดงว่าติดตามเหมือนกัน แต่ไม่ยอมเป็นเครื่องมือให้กับใครทั้งๆที่เป็นวิศวกรแท้ๆ

ดีเหมือนกัน ดูกันไปอย่างระวัง ไม่เป็นเครื่องมือให้ใครนะถูกแล้วล่ะ แต่ก็ควรเท่าทันสถานการณ์บ้าง ไม่งั้นเกิดเหตุการณ์ใดๆขึ้นมา ก็วางใจไม่ถูก เชื่อเหอะ ไม่นานเกินรอ เหล่าฮูว่าจบไม่สวยแน่เลย


 
 

โดย: Lao fu zi IP: 124.120.16.122 วันที่: 20 มิถุนายน 2553 เวลา:18:15:53 น.  

 
 
 
เนี่ย อีอีดิทข้อความแง๋ๆ ทำไมตั้งนานมันไม่ขึ้น รึจะหายตกหล่นระหว่างทางมะรู้ พิมพ์ตั้งนานแน่ะ
ถ้าอีไม่ขึ้นให้ เหล่าฮูค่อยเม๊นท์ใหม่ละกันนะอาเหล่ายาย
 
 

โดย: LAO FU ZI IP: 124.120.16.122 วันที่: 20 มิถุนายน 2553 เวลา:18:25:09 น.  

 
 
 
อาเหล่ายายเป็นงั้นรึเป่า หมายเถิงทรงคุณค่าน่ะ?

แบบว่าอาเหล่ายายเป็นพวกหัวแข็งโป๊ก...อ่า
ถ้าเห็นว่าถูกต้องตามความคิดของตัวเองแล้ว ก็ไม่มียอมใคร
ทำผิด(ในสายตาของซะมี ก็ไม่เคยขอโทษซักคำ เลยตามเลย)
ไม่มีอะไรที่จะดึงดูดเพศตรงข้ามได้หรอก
เป็นอาซิ้ม แหละ ไม่สนใจเรื่องความงามภายนอกใดๆ อิอิ
มาเป็นคู่กะทั่นโจเนี่ย ไม่รู้ใครจัดสรรให้ สงสัยกรรมเก่าทั่นโจ อิอิ

อะ...จะเล่าให้ฟัง
ทั่นโจ เนี่ย ราคะก็มากอยู่ แต่ไม่ชอบซื้อบริการ
เรื่องเจอสาวถูกสเป๊ค ก็มีอาการแหละ แล้วก็มาเดือดร้อนที่อาเหล่ายาย
จนพอเราบ่นมากๆนะ เขาประชดว่า งั้นไปซื้อ จิมกระป๋องมาให้เค้า
ละกัน ดูดิ จะไปซื้อได้ไง อายคนขายตายเลย
อาเหล่ายายไม่ค่อยหิวเรื่องอย่างว่า ง่ะ เลยไม่ค่อยจะสมดุลกัน
สมัยก่อนจะมีลูกนะ เขาไปเจอผู้หญิงคนหนึ่ง ลูกค้าที่มาเข้าร้านอะ
สามีทิ้งแล้ว อยู่กับลูกสาว ก็คุยกันถูกคอแหละ มาขอเราอยากได้
ผู้หญิงคนนี้ อาเหล่ายายก็ดูแล้วก็สงสารผู้หญิงนะ แบบว่าลำบาก
ต้องเลี้ยงลูก สามีก็ไปมีคนใหม่ ไม่ส่งเสีย อาเหล่ายายก็เลยมีแผน
(อิอิ กะว่าร้อยก้นไว้ใช้) ก็บอกทั่นโจ ถ้าชอบเขาจริงก็โอเค ยอมให้
มาช่วยกันทำงาน ถ้าผู้หญิงเขายอมเป็นน้อย เราก็อนุญาติ แบบว่า
เราก็จะได้มีคนมาช่วยดูแลซะมีไง จะได้มีเวลาว่างไปเล่นเกมส์แรค
แบบว่านิสัยเด็กๆอะ มองแต่เรื่องความสุขของตัวเอง มีคนมาช่วย
เรื่องอย่างว่า ก็สบายตัวไง (แปลกคน ปะล่ะ) เรื่องราวก็เป็นไปตาม
แผน ผู้หญิงเขาก็อยู่บ้านเขาอะ แต่มาทำงานเช้า กลับเย็น ทั่นโจก็
แฮปปี้ อาเหล่ายายก็แฮปปี้ พอปิดร้านเขาก็พากันขับรถไปเที่ยว
อาเหล่ายายก็ตั้งหน้าตั้งตาเล่นแต่เกมส์ เก็บไอเท็ม สบายอุรา
นิสัยเด็กจริงๆนะ อิอิ ไม่ได้หึงหวงอะไรเค้าเล้ย อาเหล่ายายเห็น
ผู้หญิงเขาทำตัวดี ทำงานขยันขันแข็ง สามีเราก็ไม่มาวุ่นวายกะเรา
เลยตบรางวัลให้ ซื้อทองให้เขาไปบาทนึง 7000 กว่าบาทมั้ง กะ
ให้พระเลี่ยมทองไปแขวนอีกองค์ ทั่นโจก็ไม่ได้ว่าอะไร แล้วแต่อาเหล่า
ยายละกัน ก็จัดให้ไป ก็อยู่กันไปเนี๊ยะหลายเดือน วันดีคืนร้าย
ท่านโจบอกว่าเขาไปแระ ไปกะลูกค้าผู้ชายที่มาเล่นในร้านอะ
แบบว่าผู้หญิงเขามาถามทั่นโจว่าให้เลือกว่าจะเอาใคร ระหว่าง
ยัยซิ้ม กะเค้า ทั่นโจก็ดันเลือกยัยซิ้มโบ๊ะซะอีก เค้าเลยบอกเค้าขอไป
แระกัน ทั่นโจก็บอกขอพระคืนส่วนสร้อยคอก็ยกให้ แล้วทั่นโจก็อกหัก
เศร้าแบบเจ็บใจนานหลายเดือนเหมือนกัน อาเหล่ายายก็ไม่ได้ว่าอะไร
ยังคงตั้งหน้าตั่งตาเก็บแรร์ไอเท็มไปเหมือนเดิม พอผู้หญิงเค้าไป
ก็เดือดร้อนอาเหล่ายายอีกแระ ก็เหมือนเดิม โดนบ่นๆๆๆ บอกว่า
คนโน้นเลี้ยงเค้าอิ่ม เค้าก็ไม่เครียดสบายตัว เค้าอยากให้เราเป็น
เหมือนผู้หญิงคนโน้นง่ะ เราก็ทำไม่ได้ ง่ะ ไม่ได้เล่นตัวแบบว่าคนมัน
ไม่หิวมันกินไปงั้นๆ นานๆหิวทีนึง ถึงจะเลี้ยงเขาอิ่ม ก็พยายามช่วย
เท่าที่ทำได้ง่ะ ก็บอกเขาว่าลองหาคนใหม่ดิ เขาบอกว่าเข็ดแล้ว
จริงๆมันมีเรื่องเยอะกว่านั้น คือผู้หญิงคนนั้นเขาอยากเป็นเมียคนเดียว
ก็จะพูดอย่างโน้นอย่างนั้น แต่เขาไม่เล่นด้วยผู้หญิงก็หาว่าไม่รักเค้ามั่ง
อะไรมั่งตลอดเวลาเขาก็เป็นอยู่อย่างนั้น ได้อย่างเสียอย่าง แต่เท่าที่
เล่าผู้หญิงคนนั้นก็รักทั่นโจอยู่มั้ง เพราะทำให้หมดทุกอย่าง ทั้งข้าวปลา
อาหาร การแต่งตัว เอาอกเอาใจสารพัด เรียกว่าเรื่องปรนนิบัติซะมี
อาเหล่ายายไม่มีเลยแหละ จริงๆถ้าทั่นโจเลือกผู้ฆญิงคนโน้นแล้ว
เลิกกะอาเหล่ายายนะ อาเหล่ายายก็ไม่โทดเขาหรอก ยินดีหลีกทางให้
(จะได้ไปบวชชีซะที อิอิ) ตอนเห็นทั่นโจอกหัก ก็สงสารนิดๆเหมือนกัน
นะ ก็เลยไม่พูดมาก ปล่อยเขาให้มีสติกลับมาเอง แล้วไม่นานก็มีน้อง
ฮาร์ท ก็เลยไม่ได้มีเมียน้อยอีก เรื่องอื่นๆก็มีแต่เขาบ่นว่าเลี้ยงเขาไม่
ค่อยอิ่ม ก็ช่วยเขาได้แค่ไหนก็แค่นั้น เขาก็ทำใจเอา



 
 

โดย: ป้านู๋ขวัญ IP: 110.168.130.249 วันที่: 20 มิถุนายน 2553 เวลา:20:07:28 น.  

 
 
 
ต่อๆ ยังแพล่มไม่จบ อิอิ
ต่อ เรื่องหลวงตา
หลวงตาไม่เคยดูหมอให้ใครนะ เด๋วจะเข้าใจหลวงตาผิดๆ
ครือว่า หลวงตาอยู่วัดนางพิมพ์ที่สุพรรณ แต่มรณภาพไป
นานละ 10 กว่าปี ได้มั้ง
ตอนนู้น ทั่นโจเขาไปบวชให้แม่ที่เสียไป แล้วก็พอดี
อกหักด้วยมั้ง เลยหันหน้าเข้าวัด
พอไปบวชที่วัดแล้ว ได้เจอหลวงตาๆ ก็พูดยิ้มๆว่า
ท่าน อกหัก มาใช่ไหม แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ ก็เดินจากไป
ทั่นโจเขาก็แปลกใจ แต่ก็ไม่ได้อะไร ก็อยู่วัดสวดมนต์ทำกิจ
ของสงฆ์ไปไม่ได้ใส่ใจอะไรต่อ พอตอนจะสึก หลวงตาเรียก
เข้าไปหา ท่านบอกว่า จะสึกออกไปเนี่ย ให้ระวังผู้หญิงเกิด
ปีระกา อย่าไปยุ่งเกี่ยวเด็ดขาดจะนำความเดือดร้อนมาให้
แล้วก็บอกว่ามีเนื้อคู่อยู่4คนนะ แต่มีคนนึงเดินหลังค่อมๆ
แบบนี้ หลวงตาเขาเดินห่อไหล่ให้ดู บอกว่าให้แต่งกะคนนี้
นะจะเปลี่ยนชีวิตได้เป็นผู้เป็นคนซะที แล้วก็อวยพรให้
มีความสุขความเจริญต่อไป ทั่นโจบอกว่าก็ไม่ได้คิดอะไร
มาก พอสึกกลับมาอยู่ที่บ้านกรุงเทพ เพื่อนเขาดันพาผู้หญิง
มาให้รู้จัก แล้วก็อย่างว่าอะ ผู้หญิงเขาก็หอบผ้ามาอยู่ด้วยเลย
แบบว่าทั่นโจเขาอยู่บ้านคนเดียว กะหมาตัวนึง ผู้หญิงเขา
สงสาร เลยมาอยู่เป็นแม่บ้านให้ อิอิ มารู้ทีหลังว่าเกิดปีระกา
ซะอีก ป้าที่สุพรรณก็พอดีลงมาเยี่ยมหลานชาย ความแตก
เรย โดนเฉ่งทั้งคู่ แล้วป้าก็บอกทั่นโจว่าผู้หญิงเขาเข้ามาอยู่
เองจะอยู่ก็อยู่ไป แต่ไม่ให้จดทะเบียนแต่งงาน แล้วก็ห้าม
มีลูกกับเขา แล้วป้าก็กลับสุพรรณ ไป เขาก็อยู่กันไปเรื่อยๆ
จนวันหนึ่ง ผู้หญิงเขาก็จากไปเอง เพราะมีผู้ชายคนใหม่มา
ติดพัน ทั่นโจก็เลยรอดมาได้อีก จนมาเจออาเหล่ายายนี่
แหละ ดันมาเห็นเดินห่อไหลหลังค่อมๆ เลยเข้าใจผิด คิด
ว่าเป็นคนที่หลวงตาบอก เลยโดนล๊อคเป้าซะงั้น แล้วพา
ไปหาป้าที่สุพรรณให้ป้าดูตัว พอป้าโอเค ก็ให้ผู้ใหญ่มาสู่ขอ
เป็นเรื่องเป็นราว ก็เลยเข้าคุกขี้ไก่ตั้งแต่บัดนั้นมายันบัดนี้
ลองแหกคุกไปหลายรอบแระ ใช้ไปหลายแผนก็ไม่สำเร็จ
ซักที แต่ยังไม่เคยใช้แผนนอกใจไปมีคนใหม่ อะ กัวๆๆ
กะรู้สึกว่า มันเป็นบาปเป็นกรรม จะผูกเวรกันไปมากกว่า
ถ้าจะต้องเดินจากกันไปแบบนั้น ขอจากไปแบบเพื่อน หรือ
ด้วยเหตุอื่นๆ ดีว่า ไม่อยากถูกตราหน้าว่าเป็นผู้หญิงหลายใจ
เรื่องชีวิตคู่ของอาเหล่ายาย ก็มีมาแบบนี้แหละ
สนุกปะล่ะ อิอิ


 
 

โดย: ป้านู๋ขวัญ IP: 124.122.148.254 วันที่: 21 มิถุนายน 2553 เวลา:10:23:18 น.  

 
 
 
ตอนแรกที่คบกะทั่นโจ กะว่าจะลอคบหาเล่นๆ
เพราะชอบเล่นเกมส์เหมือนๆกัน ก็คุยถูกคอดี
กะมีของที่เราชอบให้เราเล่นเยอะดี
แต่พอเขาขอแต่งงาน เราก็ไม่เอาไม่อยากมีอะไรมาครอบ
ชอบใช้ชีวิตอิสระ กะหวังว่าจะไปบวชชีนะแหละเมื่อถึงเวลา
พอบอกทั่นโจไป ก็โดนหัวเราะเยาะ ดูดิคนเรา ไม่เชื่อซะอีก
คิดว่าเราเอาใจออกห่างไปมีคนใหม่ แล้วก็อาละวาดซะเละ
ตุ้มเป๊ะเลย จนกัวใจแกละ เวลาโมโห ยังกะทอร์นาโด 36 ลูก
บ้านเกือบพัง จะเดือดร้อนถึงพ่อแม่เราซะอีก ก็เลยต้องยอม
แต่งด้วย ก็กะว่าพอเขาเห็นว่าเรางี่เง่ามากๆ ไม่ได้เรื่องซัก
อย่าง แล้วเกิดเบื่อเราขึ้นมาก็คงจะเลิกไปเอง ก็บอกเขาว่า
ยังไม่ขอมีลูกนะ เผื่อต้องเลิกกันจะได้ไม่ลำบากเด็กๆจะมีปม
ด้อย ก็เลยอยู่กันมา ก็ทะเลาะกันมั่ง แง่งๆ กันตลอดแหละ
ความคิดความเห็นไม่ค่อยจะลงรอยกัน ความต้องการก็ไม่
สมดุลกัน ก็บอกให้เขาไปเที่ยวพี่ชายก็ได้ ไปลงอ่างมั่งอะไรมั่ง
พี่ชายเขาก็มาชวนยิกๆ ว่าให้ไปเป็นเพื่อนออกเงินให้ด้วย
อีก็ไม่ยอมไป บอกว่าไม่ชอบของสาธารณะ กลัวเป็นโรค
ทำไม่ลง เรื่องก็เป็นแบบนี้ จริงๆเขาก็เคยเล่าให้ฟังแหละ
ว่าสมัยอยู่มหาลัย รุ่นพี่เขาพาไปหาอย่างว่า แต่รุ่นพี่เขา
รู้จักมาม่าซัง เขาจะให้เด็กสาวใหม่ๆมาหัดกะพวกนักศึกษา
หนุ่มๆ อะ แบบว่าเรียนรู้ประสบการณ์ซึ่งกันแระกัน
เขาก็ไปทีนึง แล้วกลับมเป็นผื่นแดงทั้งตัว ก็กลัวจะเป็น
โรครีบไปหาหมอ เล่าให้หมอฟังว่าไปทำอะไรมา หมอก็
หัวเราะบอกว่าไม่เป็นอะไร แล้วก็ไล่กลับบ้านไป เขาก็เลย
กลัวไม่กล้าไปอย่างว่าอีก แต่อยู่ชมรมคอมพิวเตอร์ เป็น
หัวหน้าชมรมด้วย มีสาวๆทั้งรุ่นพี่รุ่นน้องเยอะแยะ
สบายตัวตลอด เขาว่างั้นนะ มีคนมาให้เอง ไม่ได้ไป
หลอกลวงอะไรใคร เลือกไม่หวัดไม่ไหว เขาว่างั้นนะ
ชีวิตผู้ชายนี่มันสมบุกสมบันโชกโชนซะจริงๆเลยเนอะ
อิอิ ถ้าไม่มีสามีก็ไม่รู้เรื่องอะไรพวกนี้หรอก เพราะอาเหล่า
ยายก็ไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้ เรียนจนจบมหาลัยก็ไม่เคย
มีแฟนอะไรกะใคร ไม่เคยเข้าชมรมด้วย ไม่เคยทำ
กิจกรรมของมหาลัย เรียนแล้วก็ชอปปิ้งกะเพื่อนสาวๆ
แล้วก็กลับบ้าน เรียนจบก็ทำงาน ก็ก้มหน้าทำงานไม่ได้
คิดอยากมีแฟน ใครมาจีบก็ไม่เล่นด้วย เขาก็ไม่วอแว
ไม่เห็นจะมีใครพูดยากเหมือนทั่นโจเลยอะ เวรกรรมเจงๆ
ถ้าไม่ได้โคจรมาเจอทั่นโจ ป่านนี้ก็คงไปอยู่วัดแม่ชีสเถียร
ธรรมสถานแระ ไม่น่าเลยเรา กลายเป็นติดคุกขี้ไก่ซะได้
หมดมุขเลยชั้น เหอๆ
 
 

โดย: ป้านู๋ขวัญ IP: 124.122.148.254 วันที่: 21 มิถุนายน 2553 เวลา:10:55:16 น.  

 
 
 
พิลึกแฟมิลี่ พิเรนทร์ยาย เป็นไปได้ไงเนี่ย

เนี่ย ใครหลังค่อมๆห้ามเดินเข้าร้านเกมส่งเดชนา
เดือดร้อนมะรู้ด้วย !

เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยมาเม๊าท์ตยเน๊อ วันนี้หมดเวลา
ที่แปะไปอีท่าไหนมะรู้ รออยู่นานสองนานก็แปะไม่ติด
พอติดเลยติดสองแปะ เพราะดันรอนานสองนาน

เฮ่อ !
 
 

โดย: LAO FU ZI IP: 124.120.15.43 วันที่: 21 มิถุนายน 2553 เวลา:20:07:07 น.  

 
 
 
อ่าว... กลายเป็นพิลึกแฟมิลี่ ไปซะแระ
เค้ามีชื่อหรูๆ อยู่นะ
แบบว่า อดัมแฟมิลี่ อะ
อาเหล่าฮู รู้จักบ่อ อิอิ หนังหรั่ง แบบครอบครัวผีก็ไม่ใช่ คนก็ไม่เชิง
ไม่รู้อยู่ส่วนไหนของโลก หนังเก่าแล้วแหละ ไม่ค่อยจะเหมือนชาวบ้าน
ชาวเมืองเขา อิอิ พวกนิสัยพิลึกๆ อะ ไม่แคร์สื่อ อีกตะหาก
 
 

โดย: ป้านู๋ขวัญ IP: 58.9.43.208 วันที่: 21 มิถุนายน 2553 เวลา:21:17:10 น.  

 
 
 
แวะมา เหอ ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

มากู้เว็บ ครั้งที่ 3

ไม่มีอะไรจะเอ่ยยยยยยย


เหนื่อย จังเยยยยยยย

พรุ่งนี้ ตักบาตรเหมือนเดิม สาธุ

ไปล่ะนะ ดีงับบบบบบบ
 
 

โดย: มดเอ๊กซ IP: 124.121.206.9 วันที่: 21 มิถุนายน 2553 เวลา:21:43:36 น.  

 
 
 
ป้านู๋ขวัญ : หึหึ ... ไม่กล้าตอบง่ะ กลัวโดนด่า
เอิ๊กๆ แต่นะป้าทำแบบนั้น เหอะ
อือ กรรมใครกรรมัน แงบๆ

มดเอ๊กซ: กู้มากระวังดอกทบต้นนะครับ แง่บๆ
 
 

โดย: itoursab วันที่: 22 มิถุนายน 2553 เวลา:0:12:41 น.  

 
 
 
ป๋าแง่บ ขรา
ทุกวันนี้ก็ชดใช้กรรม ติดคุกหัวโตอยู่เนี่ย
จะไปไหนตามใจตัวเองก็ไม่ได้
จะทำอะไรตามใจตัวเองมากๆ ก็ไม่ได้
ลูกมันค้ำคออยู่ ความรับผิดชอบก็ต้องระลึกไว้
แล้วไม่รู้อะไรนักหนา ผู้หญิงคนอื่นเขาชอบให้ปั๋วจับนม
ใช่ไหม ไอ่เราก็ไม่ชอบ มีนมอยู่จิ๊ดเดียว ทั้งซะมีกะลูก
มันชอบมาจับกันจัง เจ็บก็เจ็บ ทีเราไปจับของเขามั่ง
ก็หลบกันเป็นแถว ทั้งซะมีทั้งลูก เอามือปิด ชิ่งหนีกันใหญ่
ดูดิ ของตัวเองไม่ยอมให้คนอื่นจับ แต่ชอบไปจับของคนอื่น
ฮ่วย กรรมปะเนี่ย มาเห็นนมเราเป็นของเล่นไปได้
แถมมีหน้ามาบอกเราอีกนะ ผู้หญิงคนอื่นเขา
ไม่เห็นมีปัญหาเลย แถมชอบซะอีก พอถูกจับนมก็โดดปล้ำ
เขาอีกตะหาก เวงเจงๆ มาบอกว่าเราแปลกคนซะงั้น
หาสวิสซ์ไม่เจออีกตะหาก หายากหาเย็น
ทีผู้ชายยังไม่ชอบให้จับนม
แล้วผู้หญิงไม่ชอบให้จับนมมั่งมันแปลกตรงไหนฟระ
พวกที่ชอบให้จับนมอะดิ แปลกคน เจ็บจะตาย
บางทีก็จั๊กกะจี้ น่ารำคาญ ไม่เห็นจะดีตรงไหน

เวรกรรมปะล่ะ โดนซะมีกะลูกแกล้งอยู่ทุกวันเนี่ย
ก็ไม่ได้จะบอกว่าตัวเองดีหรอก ก็สงสารทั่นโจแหละ
ดันเลือกเมียผิด ก็เลยต้องทนทุกข์เพราะมีเมียผิดไง
มีเมียไม่ได้อย่างใจ อิอิ
ธรรมชาติคนมันไม่เหมือนกัน ก็ลำบาก ไม่สมดุลย์
เฮ้อ เกิดเป็นทุกข์ ตายก็เป็นทุกข์ อยู่ก็เป็นทุกข์
ถ้าทำใจไม่ได้ ก็สติแตก แง่งๆ ทั้งวัน
ถ้าทำใจได้ปรับตัวได้ รู้จักพอ
รู้ทันตัวเอง ก็ไม่ต้องอยู่กับทุกข์มาก ก็ปล่อยมันไป
เดี๋ยวกรรมมันก็ผ่านหน้าเราไปเอง

 
 

โดย: ป้านู๋ขวัญ IP: 124.120.151.89 วันที่: 22 มิถุนายน 2553 เวลา:9:28:02 น.  

 
 
 
นึกถึงเรื่องเล่าปี่ไปเชิญขงเบ้งให้มาช่วยกู้บ้านกู้เมือง
เราว่าขงเบ้ง ก็ฉลาดจะตาย รู้เหตุการณ์ล่วงหน้า
รู้ว่าทำอะไรแล้วจะมีผลร้ายย้อนถึงตัวอย่างไรก็ยังทำ
ไม่เข้าใจ ทำไมขงเบ้งถึงยอมช่วยเล่าปี่ ทั้งๆที่รู้ว่า
สุดท้ายก็ไม่เที่ยง ต้องตายในที่สุด ตระกูลเล่าก็รักษา
แผ่นดินไว้ไม่ได้อยู่ดี

แล้ว กวนลอ ทำไมถึงไม่ยอมมาอยู่กับโจโฉ ช่วยทำนาย
ให้2ครั้ง แล้วก็หนีหายไปอยู่ตามป่าเขาแบบสมถะ
ไม่ยุ่งเกี่ยวกับใคร เราว่า กวนลอ ตัดสินใจเข้าท่ากว่าขงเบ้ง
เยอะ นะ สรุปว่า ขงเบ้ง ฉลาดน้อยกว่า กวนลอ รึป่าว

ไม่รู้จำมาผิดรึป่าว อิอิ ใครอ่านสามก๊กแล้วจำได้ช่วย
บอกหน่อยนะ
 
 

โดย: ป้านู๋ขวัญ IP: 124.120.151.89 วันที่: 22 มิถุนายน 2553 เวลา:14:17:32 น.  

 
 
 
อาเหล่ายายหนอ อาเหล่ายาย
ไฉนเถิงเป็นปายด้า.....ย อ่ะ

แบบว่าอาเหล่ายายเป็นพวกหัวแข็งโป๊ก...อ่า
ถ้าเห็นว่าถูกต้องตามความคิดของตัวเองแล้ว ก็ไม่มียอมใคร
ทำผิด(ในสายตาของซะมี ก็ไม่เคยขอโทษซักคำ เลยตามเลย)
ไม่มีอะไรที่จะดึงดูดเพศตรงข้ามได้หรอก
เป็นอาซิ้ม แหละ ไม่สนใจเรื่องความงามภายนอกใดๆ อิอิ
มาเป็นคู่กะทั่นโจเนี่ย ไม่รู้ใครจัดสรรให้ สงสัยกรรมเก่าทั่นโจ อิอิ


เรื่องหัวแข็งนี่ มีแต่คนอื่นว่าเรา เราเองรู้ตัวเองที่สุด เหล่าฮูก็ถูกผู้อื่นว่าหัวแข็ง ทั้งๆที่จินๆแล้ว จะเรียกว่าเป็นมิสเตอร์เยส ก็ว่าได้
เยสตลอด ไม่ค่อยขัดคอ ถ้าดันทะลึ่งมีฟามเห็นใดๆขึ้นมา ซาแดงว่าก็ต้องมีอะไรค่อนข้างชัด ไม่งั้นก็เยสไปเรื่อยๆ(ป่าวทะลึ่งนา)

เรื่องเป็นคู่กัน ถ้าเชื่อเรื่องหลักกรรมแล้วก็คงไม่สงสัยใดๆ แต่ให้มุ่งหมายที่ปัจจุบันกรรมดีก่ามัง เมื่อวานก็อดีตกรรม พรุ่งนี้ก็อนาคตน่ะ ทีนี้ที่เราจับพลัดจับผลูไปเป็นคู่ตุนาหงัน เมื่อเป็นแล้วก็เป็นอันว่าเป็น จะย้อนกลับสภาพเดิมไม่ได้(เรียกว่า กรรมวาทะ )
แฟนเหล่าฮูคนแรกนะ มันมีบริบทนำเล็กๆ จะเล่าให้ฟังนะ
คือ วันหนึ่งเหล่าฮูขับรถผ่านบ้านๆหนึ่งซอยจรัล13 เห็นมีหิ้งบูชาพระ ดูๆเค้ามีป้านโฆษณาว่าเป็นหมอดู ด้วยกะลังเซ็งๆอยู่เลยแวะดูหน่อย อีบอกว่า

ไปลับจรวดเตรียมตัวไว้นะ ไม่เกินเดือนนึงต้องมีพันยาแน่นอน
อ่าว ไหงงั้นล่ะ กะลังเซ็งๆเรื่องแม่กิมจ๊ออีหักอก ไหงเลยจะมีพันยากะเค้าได้ เพื่อนที่โต๊ะมีตั้งหลายคนเค้ามาชอบก็ไม่เอา เสียศักดิ์ศรีชายชาติอาชาไนย ไม่เอาเปรียบเค้าแล้วอาจต้องทนรำคาญภายหลัง ด้วยนิสัยเช่นนี้ ย่อมไม่มีทางจะเกิดเรื่องดังกล่าวโดยง่าย

แต่ปรากฏว่า ไม่เกินเดือน มันก็เกิดเหตุการณ์ไฟช๊อตดังกล่าวง่ะ จินๆแล้ว ก่อนนี้มีปรากฏการณ์แบบนั้นเสมอๆ ก็ไม่ค่อยจะอินังขังขอบ และใจก็ไม่ด้านพอด้วย มีครั้งนั้นครั้งเดียวจินๆ ภายหลังจากนั้นก็ไม่มีอีกเลยนะ ทั้งๆที่โอกาสอำนวยสุดๆ โกวเนี้ยหน้าหยกเค้ารักเหล่าฮูด้วยประการฉนี้ เพราะทะนุถนอมเค้าแทบจะทูนหัวแห่ไปรอบๆกังน้ำ ทำได้อย่างมากก็กุมมือเค้าเอาไว้เท่านั้น แต่ จะว่าไปก็เหมือนอ่อนโลก แต่ตอนนี้เริ่มแก่ ใจก็ด้าน หน้าก็ด้าน ยังไงมะรู้ ถ้าตอนนี้ก็คงอีกอย่าง แต่สำนึกเรื่องชาติมาค้ำคอ ไม่อยากก่อภพชาติใดๆกะใครแย๊ว มันเลยหักกลบลบหนี้ หลงจ้งเก๋าเจ้งอยู่คนเดียวได้สบายน่ะ แต่ก็คันยิกๆตลอดน่ะ
(โรคเรื้อนยังไม่หายขาด มันคันยิกๆน่ะอยากเอามือย่างไฟ เนี่ย ต้องเอาธรรมโอสถรักษา หวังใจว่าเมื่อหายโรคเรื้อนแล้ว เห็นกองไฟอีกกี่ครั้ง ก็ไม่นึกอยากเอามือไปย่างไฟอีกตลอดกาล แคว่กๆๆ)



ทั่นโจ เนี่ย ราคะก็มากอยู่ แต่ไม่ชอบซื้อบริการ
เรื่องเจอสาวถูกสเป๊ค ก็มีอาการแหละ แล้วก็มาเดือดร้อนที่อาเหล่ายาย
จนพอเราบ่นมากๆนะ เขาประชดว่า งั้นไปซื้อ จิมกระป๋องมาให้เค้า
ละกัน ดูดิ จะไปซื้อได้ไง อายคนขายตายเลย


ท่านโจอีคงหล่อเหลาเอาการ ถึงได้มีคนมาช่วยเกาเนืองๆ
น่าอิจฉา แต่ไม่เอาล่ะ เดี๋ยวลำบากใจภายหลัง ความจินก่อนนุ๊นเหล่าฮูก็มีแยะ แต่เลือกจะเป็นแบบนี้แหละ ถ้าเลือกโอนอ่อนผ่อนตาม เหล่าฮูคงรู้สึกละอายในภายหลังเป็นแน่แท้
จิมกระป๋องขายในเว็บเยอะแยะ ส่งไปรษณีย์ก็ได้ อีซื้อเองก็ได้
แต่อีอาจพูดหยั่งเชิงรึป่าวอ่ะ

ริวๆนี้มีเพื่อนเหล่าฮูคนนึงเค้านอกใจแฟน เพราะอีให้แฟนขายของตลอด ตัวเองเจ้าสำราญ เที่ยว กินเหล้า คบคนใหญ่โต

โมฆะทั้งนั้น เหลวไหลจินๆ คืออีคิดไม่ดีน่ะ เป็นคนคิดชั่ว แต่เค้าก็สมกันในระดับหนึ่ง
ครั้นไปช่วยคุยผ่อนหนักเป็นเบากะแฟนอี แฟนอีก็เหลือเกิน พูดอะไรแมร่งบอกปัดหมด เลยเชิญตามสบาย มนุสสติรัจฉาโน เตือนใดๆก็ไม่ฟัง เลยปล่อยตามกรรมวิถีที่เค้าทำ

คือ มีไอ้วินตัวแทรกน่ะ ไอ่วินนี่อีเป็นที่รักใคร่ของทั้งสองผัวเมีย ตัวอีไม่ทำงาน สองผัวเมียเชื่อว่าไอ่วินเป็นคนซื่อ แต่แท้ที่จิน อีหลอกเอาตังค์ได้จากทั้งคู่ และทั้งคู่ก็ไม่ค่อยปริปากบอกกันว่าให้ตังงค์ช่วยเพื่อน
แต่เหล่าฮูรู้ รู้กระทั่งว่าไอ่วินคอยยุแยงตะแคงรั่วตลอด เพราะไอ่วินมันสนิทกะเหล่าฮูที่สุด เลยรู้ทุกเรื่องแต่ไม่พูดทุกเรื่อง
พอเกิดเหตุผัวเมียทะเลาะกัน เราก็เลยพยายามว่า อย่าเชื่อไอ่วินมากไปนะ กลายเป็นว่าเหล่าฮูเข้าใจผิด ใส่ฟาม

เฮ่อ วิบากกรรมบังตา เหล่านั๊งจะไปใส่ฟามมันทำไมฟระ มันเป็นเพื่อนสนิททั้งคู่น่ะ แต่พยายามช่วยอีสางปม แต่เค้าเหล่านั้นศีลธรรมแย่ ใจไม่สูงพอ เขลา เหล่าฮูไม่มีความน่าเชื่อถือพอสำหรับคนเหล่านี้

ไหนๆอ่ะนะ เล่าแล้วเล่าเลย

ครั้งนึง ไอ่วินเซ้าซี้ให้เหล่าฮูตรวจดวงให้ เพราะไอ่พงษ์(คนที่เป็นสามีน่ะ)มันเกิดอุบัติเหตุจมูกฉีกเพราะตกส้วม 55555555555555
มันตกส้วมเพราะเมาน่ะ
แต่ประเด็นคือ เหล่าฮุเตือนอีไว้นานแล้วให้ระวัง แต่อีไม่นำพา แล้วเลยเกิดเรื่องน่ะ
นี่เป็นเหตุการณ์ครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้ที่มันประจักษ์ มันเลยเซ้าซี้ให้ดูดวงมัน เหล่าฮูตัดรำคาญ เลยดูให้มัน

ปรากฏว่า เตี่ยอีจะซี้ม่องเซ็กราวเดือนเมษา(ตอนนั้นเดือนตุลา) ด้วยฟามที่มันสรรเสริญเตี่ยมันประจำเสมอต้นเสมอปลาย เพราะทะเลาะกันบางเรื่อง สงสารมัน เลยบอกมันให้รีบกลับไปปรนนิบัติเตี่ย เพราะเนื้อนาบุญมันใกล้หมดเวลาแล้ว

ผลคือ มันเริ่มกวนตรีนเหล่าฮูตั้งแต่นั้น เพราะมันเป็นประเภทชอบให้คนพูดสิ่งมงคลน่ะ หลอกมันก็ได้แต่ต้องฟังดูมีสิริมงคล
แต่เหล่าฮูมะช่ายแบบนั้น เลยรีบเตือน มันออกอาการไม่สบอารมณ์เวลาคุยกัน เหล่าฮูเห็นแล้วได้แต่ปลง เห็นแมะ ไปเที่ยวรู้นุ่นนี่ของคนอื่นนี่ รังแต่จะปวดหัว ไม่เกิดแก่นสารใดๆ ซ้ำบางทีส่งผลร้ายให้เราซะอีก

ต่อมา วันที่แปดเมษา เหล่าฮูตื่นขึ้นมากะลังจะนั่งส้วม ขณะจุดบุหรี่สูบปุ๋ยๆอยู่ทีเดียว
ฉับพลันนั้น เกิดความแสนรู้ขึ้นมาในบัดดล ว่าวันนี้จะมีข่าวร้าย และจะมีคนโทรมาบอก (ฟังเป็นนิยายละกันนะ)
สักครู่เสียงโทสับก็ดัง ไจ่ไจ๋รายงานว่าอาแปะพงษ์โทสับมาบอกเรื่องด่วนให้โทรกลับ เลยว่าเดี๋ยวก่อน ขอสูดอากาศบริตดในส้วมให้ชุ่มปอดก่อน ว่าแล้วก็นั่งสูบปุ๋ยๆสบายอารมณ์

เสร็จธุระออกมา ก็เลยโทรกลับ ได้เรื่องดังว่า เตี่ยไอ่วินซี้ม่องเท่งซะแล้ว เลยบอกมันว่ารู้แล้ว ตอนเย็นเจอกัน
ไอ่พงษ์ก็ถาม
เมริงรู้ได้ไง
กรูรู้ละกัน

ตอนเย็นเลยแวะไปงานศพ เจอะไอ่วินเฉาๆ แห้งๆ เห็นแล้วอยากเอาน้ำพรมหน้า เหล่าฮูไม่พูดอะไร แต่ระวังอยู่ในที เตรียมใส่ตรีนหมาโกยอ้าว เผื่อมันประเคนหมัดชุดให้เหล่าฮู โทษฐานแช่งเตี่ยมัน

แต่เปล่า มันเดินย่างสามขุมเข้ามา เหล่าฮูระวังท่าอยู่ มันก็เอามือมาจับมือเหล่าฮู (ดีนะ เกือบยกการ์ดบังหน้าแล้ว อายแย่)บอกว่า

เป๊ะเลยเมริง

อืม มะรู้เส่ แล้วเมริงบริการเตี่ยเมริงตามที่กรูบอกรึป่าว มันเฉยๆ
ก็เลยไม่พูดอะไร รู้อยู่แล้วในฟามหัวดื้อของมัน
พอเลิกก็รวมหัวกันไปกินข้าว ไอ้วินก็มานั่งข้างๆเหล่าฮู บอก
เฮ่ย เองยังดูดวงอยู่รึป่าววะ ไม่น่าทิ้งนะ ถ้าเอ็งเอาสูตรคำณวนหวยของกรูไปประกอบดวงดาว งานนี้ได้รวยเละ

ดู ดูมัน มนุสสเปโตโดยแท้ แทนที่จำเห็นแจ้งประจักษ์ใจในคำเตือนล่วงหน้า มันกลับคิดหาประโยชน์จากวิชาโหร ทั้งที่เคยเล่าเรื่องบาปบุญคุณโทษให้ฟังบ่อยๆฐานะเพื่อนสนิท แต่ใช้กะมันไม่ได้ คงเพราะเหล่าฮูชอบสัมผัปปลาปะ(เพ้อเจ้อ)เป็นนิสัย ไม่ประกอบบารมีแห่วสัจจะให้ถึงพร้อม เวลาพูดจริงก็เลยไม่ค่อยจะมีน้ำหนัก กรรมของสัตว์โลก !

ง่า นอกเรื่องไปไกลละ คุยเรื่องจิมกระป๋องอยู่แท้ๆ ไหงกลายมาเป็นเรื่องไอ่วินได้ เห็นแมะ มันคลาสสิคสุดๆ
เนี่ย มะรู้เหมือนกันว่ามันอร่อยแมะ แต่เชื่อเหอะ เฮียโจได้มาอีก็คงไม่หนุกมัง เดี๋ยวอีคงหาของว่างกินเอาเองได้มัง นี่กลับเป็นว่า เฮียโจถูกแจ๊คผอทสามเด้ง ตะลึงตึ่งตึงๆๆๆๆ
แค่นี้ก่อน หมดเวลาแล้ว ไว้ค่อยมาโม้ใหม่นะ
 
 

โดย: Lao fu zi IP: 124.122.64.241 วันที่: 22 มิถุนายน 2553 เวลา:21:21:21 น.  

 
 
 
9jต่ออีกนิด

อะไรเกิดขึ้นกับเรา ก็คงจะเหมาะแก่เราแล้วน่ะ ฟังแล้วคิดว่า อาเหล่ายายเนี่ยเหมือนผู้ชาย ที่จินไม่ต้องเล่าซะเห็นภาพขนาดนี้ก็ได้ แต่ไหนๆก็ไหนๆแล้ว เหล่าฮูว่ามันก็ดีในแง่นึง หากพี่สาวเหล่าฮูวางใจได้แบบเหล่ายาย อีคงไม่ต้องระทมทุกข์มากมาย แต่ก็อย่างว่า คนเราต่างจิตต่างใจน่ะ
เหล่าฮูเองก็ไม่ทำใจแบบนี้ ถ้าเป็นสภาพแบบนี้ คงดิ้นรนให้พ้นสภาพที่ไม่เหมาะกับความปกติสุข แต่หากอาเหล่ายายเฉยๆจิน ก็ดีไปอย่าง อย่างน้อยเค้าก็ไม่ต้องเสี่ยวงกะโรคร้าย แต่ที่จินมันดาบสองคมนะ
ทางหนึ่ง หน้าที่พันยาก็ต้องไม่บกพร่อง ดูแลเขาให้ถึงพร้อม จะมาว่าไม่สมดุลย์เนี่ย มันก็อาจเป็นได้ เพราะก็เคยได้ยินมาบ้าง แต่นึกภาพไม่ออกว่าทำไมมันเป็นอย่างนั้น
เหล่าฮูเองก็เห็นความไม่ปรกติสุขของตนเองในรูปแบบหนึ่ง มันคันอยู่เนืองๆนะ แต่ไม่เกาก็ได้อยู่ เกาก็มันดี แต่ภาพรวมเริ่มรู้สึกว่าไฟมันร้อนไปน่ะ ชักไม่อยากเอามือไปลนไฟเท่าใด ก็พยายามทนไปด้วย เริ่มมองสภาพที่เห็นได้ว่าไฟมันร้อน ยิ่งย่างมือก็ยิ่งปวดแสบเน่าเฟะ เลยแหยงหน่อยๆ หวังว่าได้ยาดีและหมั่นรักษา คงจะหายคันได้ในที่สุด

คิดถึงเรื่องนี้นะ นึกถึงฮาร์ทจัง ฟังเหล่ายายเล่ามายังรู้สึกนึกเห็นภาพน่ารักน่าเอ็นดูของฮาร์ทจังเลย ถ้าเลี้ยงให้เค้าเป็นคนดีได้ ก็คงยึดโยงเป็นเครื่องอำนวยสภาพปรกติสุขแก่ครอบครัวได้ดี ถึงเหล่าฮูคิดว่าสภาพสังคมที่เปลี่ยนไป มันไม่แปลกนักที่จะทำแบบนั้นน่ะ แต่ลึกๆก็ยังว่า

ยายมะเดหวีนี่ขี้ฉกจินๆ ใจร้ายใจดำ เขาแบ่งให้กินแล้วยังโลภ คิดจะแย่งฉกกินคนเดียว ถ้าทำได้อีคงเฉดหัวตะเพิดเหล่ายายไปกินหญ้าแล้ว คนแบบนี้ฟังแล้วเหมือนเปรต ที่ตังหญ่าญ พุงเท่าภูเขา ปากมีรูนิดเลียว กินยังไงก็ไม่รู้จักอิ่ม ให้เท่าไหร่ไม่รู้จักพอ
บอกห้าย เหล่าฮูเห็นแบบนั้นจินๆ ถึงเป็นของฟรีของว่าง ยังไม่เอาเลย ถ้าคันก็ไปกะอาแง่บก็ได้ จะได้คอยระวังหลังให้อาแง่บไง แต่มนุสสเปโตเนี่ยเจี๊ยะบ่อเลาะ แหล็กม่ายลง มะรู้เฮียโจกระเดือกลงได้ไง แถมยังอาลัยอาวรณ์ซะอีก
อาเหล่ายายเนี่ยเสน่ห์แรงดีจัง ลองชวนเค้าเข้าวัดเส่ ปฎิบัติธรรมมั่ง เข้าสังคมคนใจสูงบ่อยๆ เดี๋ยวอีคงคันน้อยลง และทำของว่างให้เค้ากินมั่ง จะได้มะต้องไปแอบกิน ทำตามหน้าที่ก็คงพอกล้อมแกล้มมัง นี่ถ้าเหล่าฮูคันน้อยๆแบบนี้ คงสบายตัวเบาเชียวล่ะ
 
 

โดย: Lao fu zi IP: 124.122.64.241 วันที่: 22 มิถุนายน 2553 เวลา:21:45:33 น.  

 
 
 
อาแป๊ะเหล่าฮู ขราาา

ที่ท่านเหลามานี่อ่ะชีวิตจริง หรือ นิยายจ้ะ ดูๆๆแล้วก็โสงสารมะเดหวีของอาแป๊ะเหล่าฮูจัง ที่ถูกบรรดาท่านๆ เอาชีวิตเค้ามาเผย และ ทำไมท่านๆมองด้านเดียวอ่ะ ลองมองเข้าไปลึกๆๆหรือ มองในด้านของเค้าซิ

เพราะคนที่เห็นแก่ตัวอาจเป็นอาเหล่ายาย ของอาแป๊ะเหล่าฮู ก็ เป็นได้ ช่ายยมิ
 
 

โดย: มะเดหวี2 IP: 110.168.106.104 วันที่: 23 มิถุนายน 2553 เวลา:0:40:29 น.  

 
 
 
อาเหล่ายาย เห็นด้วยกะ มะเดวี2 อะจะ

คนเรามักจะมองแต่ด้านดีของตัวเอง
ลืมใส่ใจ อกเขาอกเรา
บางทีเราก็เอาความต้องการและความสุขของเราเป็นตัวตั้ง
เลือกเอาแต่สิ่งที่เราอยากได้ อะไรไม่อยากได้ก็ไม่ใส่ใจ
หรือโทษแต่คนอื่นเวลาไม่ได้อย่างใจ
อดีตเป็นบทเรียน ปัจจุบันจะทำอะไรก็ศึกษาข้อดีขอเสีย
จากอดีต อนาคตก็จะได้ดีขึ้นไม่ผิดซ้ำๆซากๆเหมือนในอดีต
เนาะ มเดหวี2 เนาะ

ขอแก้ต่าง เอ๊ย แก้ตัวหน่อยนะจ๊ะ
ที่เอาเรื่องประสบการณ์ชีวิตมาเล่าเนี่ย
ก็เพื่อให้คนที่ไม่ได้มีประสบการณ์ชีวิตคู่ได้รู้บ้างอะจ๊ะ
หรือบางคนที่เป็นเมียหลวงเมียน้อยอยู่ ก็จะได้ข้อมูล
ของคนอื่นไปประกอบพิจารณาเทียบเคียงกับเรื่อง
ของตัวเอง หรือบางคนกำลังมีเหตุการณ์คล้ายๆแบบนี้
จะได้รู้ประสบการณ์ของคนอื่นประกอบการตัดสินใจทำ
หรือไม่ทำอะไร

หรือบางคนกำลังงี่เง่ากับสามีตัวเอง ก็ลองดูชีวิตของ
อาเหล่ายายไว้เป็นตัวอย่าง ว่าไม่ควรทำเรื่องอะไร
อย่างอาเหล่ายายก็ถือว่ายังโชคดี ที่ริให้สามีมีเมียน้อย
แล้วยังผ่านมาได้แบบไม่มีเรื่องร้ายๆ ต่างคนต่างไป
อย่างไม่ติดค้างกัน แต่จะมีใครโชคดีแบบนี้หรือเปล่า
ก็ไม่รู้ บางทีย้อนกลับไปคิด ถ้าเจอคนไม่ดีอาจเกิดเป็น
โศกนาฏกรรมแทนก็ได้ ที่ฆ่ากันตายเพราะเรื่องอย่างว่า
ก็มีเยอะแยะ คนที่มีชีวิตคู่ที่โชคดีมีสุขตลอดไม่เคยผ่าน
อุปสรรคใกล้ครอบครัวแตก ก็นับว่าโชคดีมาก อยู่เป็นโสด
ปลอดภัยกว่าเยอะ ถ้าเข้าใจตัวเอง รู้วิธีทำให้ตัวเองสงบ
และเป็นสุขโดยไม่ต้องพึ่งความรักของคนอื่นได้
เลี้ยงดูตัวเองไม่ต้องพึ่งใคร ย่อมดีที่สุด
ไม่ต้องทำร้ายคนอื่นเพราะความไม่รู้และความงี่เง่าของตัวเราเองด้วย

แล้วมะเดหวี2 มีเรื่องมาเล่าเป็นธรรมทานมั่งไหม
จะได้รู้ไว้ประดับความรู้มั่ง


 
 

โดย: ป้านู๋ขวัญ IP: 124.122.148.41 วันที่: 23 มิถุนายน 2553 เวลา:10:41:51 น.  

 
 
 
ตอบอาแปะเหล่าฮู
ทั่นโจ ก็ไม่ได้หล่อ ในสายตาอาเหล่ายายนะ
แต่สังเกตดู สาวๆ ชอบมองเขาน่ะ อาจจะเป็นเสน่ห์เฉพาะตัว
อิอิ

เรื่องจิมกระป๋องเนี่ย เขาประชด ยาย อะ แบบว่า
ให้เขากินแบบ อดๆ อยากๆ จะกินทีก็ต้องขอทีนึง
มาสุ่มสี่สุ่มห้า แบบไม่รู้ตัว อาจมีปัดมีถีบ อิอิ
มันเป็นของมันเอง นิสัยไม่ดีนะเนี่ย ยั้งไม่ทัน
แบบว่าพอยุงกัดเราขาดสติก็ตบยุงผั่ว ตายคาที่
หรือบางทีก็หลับคร่อกฟี้ เรียกไม่ลุกปลุกไม่ตื่น อิอิ
หรือว่าจะสั่งจิมกระป๋องทางไปรษณีย์ ให้เป็นของขวัญ
วันเกิดให้เขาดีไหม เขาคงจะซึ้งจนน้ำตาไหลเป็นแน่นอน
เลย มีพันยารู้ใจแถมเอาใจใส่ซะขนาดนี้ 555

จะว่าไป พอเขาบอกล่วงหน้าก็ดีขึ้นนะ ไม่ค่อยจะงี่เง่า
กะเขาเท่าไร แต่เรื่องคุณภาพก็ดีมั่งไม่ดีมั่งแล้วแต่ความ
หิว ถ้าไม่หิวก็บอกเขาจะได้ไม่ต้องมาห่วงเรา ก็เข้าใจกันดี
ขึ้น (ว๊า จะเข้าเรทเอ๊กซ์ไหมนี่ กัวอาเหล่าแปะเห็นภาพ 555)

พูดเรื่องคันเนี่ย ไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้าย นานน๊านทีถึงจะ
มีรู้สึกคัน ถ้าอยู่โสดคนเดียว ก็สบายเลย สงบ ไม่มีเรื่อง
หนักอกหนักใจ พอดีเป็นคนที่คิดถึงแต่ตัวเอง ไม่เคยมีใจ
คิดถึงคนอื่นหรือเพศตรงข้ามเลยอะ แบบว่าใจดำเป็นปกติ
มันเลยไม่มีเหตุให้เกิดเป็นกามวิตก อาการคันก็ไม่กำเริบ
ไม่รู้คนอื่นเขาจะอย่างนี้มั่งไหม แต่ถ้ามีคันก็จะรู้ตัวแล้ว
ก็ถ้ามีสติมันก็ไม่หลงตามความคัน มันก็ไม่กำเริบหนัก
ก็คันเบาๆ แล้วก็หายไปเอง คนที่คันมากๆนี่น่าสงสารนะ
คงจะเครียดน่าดู อิอิ คิดมากก็เครียดมากนะแหละ ไม่คิด
ก็ไม่มีอะไร แต่ผู้ชายส่วนใหญ่ชอบคิดมาก มันก็เลยคันมาก
คิดว่างั้นนะ พอดีเป็นผู้หญิงยุคเก่าเขาสอนมาให้ละอายห้าม
คิดมากเรื่องพวกนี้ ตั้งกะเด็กๆ มันเลยติดเป็นนิสัย กว่าจะรู้
เรื่องพวกนี้ก็แก่แล้ว ก็เลยสบายหน่อย
แต่เวลามีคู่ชีวิตมันก็ลำบากใจนิดหน่อย

คิดถึงผู้หญิงสมัยนี้เปิดกว้างน่าดู จนบางทีดูเหมือน
ผู้ชายยังต้องชิดซ้ายเลยนะ โชคดีที่เกิดเร็วเลย อิอิ
ถ้ามาเกิดสมัยนี้ที่อะไรๆ ก็รู้มากแก่แดดแก่ลม
ก็ไม่มียับยั้งชั่งใจ มีแต่สอนให้ใจกล้าเข้าไว้
ไม่สอนให้รู้จักละอายเนี่ย ก็ไม่รู้ว่าอาเหล่ายายจะเป็นคน
แบบไหนเหมือนกัน เพราะทัศนะคติมันชักนำกันได้
ยิ่งปลูกฝังตั้งแต่เด็กๆ ยิ่งเป็นอัตตาฝังลึกถึงจิตวิญญาณ
อย่างทั่นโจเขาเห็นเด็กผู้หญิงสมัยนี้แล้วก็ไม่อยากมีลูกสาว
เพราะทำใจไม่ได้ ใจกล้ากว่าเด็กผู้ชายซะอีก มาในร้านพูด
กันได้ไม่อายปากเลยนะ กร้านกว่าเด็กผู้ชายเยอะ เด็กหัว
อ่อนก็ยังพอพูดเตือนกันได้ แต่พวกกร้านชีวิตแล้วฉุดไม่อยู่
น่ากลัวจะตาย



 
 

โดย: ป้านู๋ขวัญ IP: 124.122.148.41 วันที่: 23 มิถุนายน 2553 เวลา:11:19:12 น.  

 
 
 
^
^


งิงิ แอบเทียวมาอ่าน
เทียวมาเชคเรทติ้ง
แร้วก็ชิ่งไปอมน้ำหมากจนแก้มป่องอยู่นานแระ
วันนี้คันปากมั่ก ๆ เรย ต้องขอนุยาด
พ่น สักแหม่ะสองแหม่ะ นะจ๊ะ เธอว์ เหอ ๆ


อ่ะโหล เจ้ขวัญขราาาา ได้ข่าวว่า
ช่วงนี้ เจ้ กะลัง สติแตก หรอค๊ะ
ละเมอ หรือปล่าเอ่ย
ถึงได้เผลอไป ต่อล้อต่อเถียง กระหนุงกระหนิง
กับ พญาแมงสาบได้ ระวังโดนมันกัดนะเจ้ อิอิ



อืม...ได้ข่าวว่าช่วงนี้
ชอบดู หนังสด เอ๊ย ของสด ๆ เหรอ
เหมือนกันรยอ่ะ เจ้
ช่วงนี้ อิฉัน ก็ พยามดูของสด ๆ เหมือนกัน
กะลังหัดกรรมฐานแนวหนังสด งิงิ

นี่ เรยต้องมาสวมบท ผู้กำกับ อยู่เหย็ง ๆอ่ะ
อิฉัน กะลัง กำกับ หนังสด เรื่อง

" กระทบ -รู้ -ปล่อย - วาง- ว่าง -หยุด"


อ่ะเจ้ แบ่บว่า ลงทุนกำกับเอง
เล่นจิงเจ็บจิง เรยเชียวนะ อิอิ


เมื่อก่อนเวลา เบิ่ง จิตเนี่ย
เวลา จิตมันเกิด สภาวะ ขุ่นมัว
( โทสะ โมหะ วิตก วิจานฯลฯ )
อิฉันแค่ ดูสภาวะของจิต เฉย ๆ อ่ะ
แล้วจิตมันก็ว่างงงงจากอารมณ์ที่ไม่สมดุลพวกนั้นเอง
แต่เด๋วนี้ชักเก๋า ง่ะเรย เพิ่ม อ๊อฟชั่น อีก นิดหน่อย
ด้วยการ ยัดไส้ เจ้าตัวรู้ ลงมาด้วย


ไม่ได้ใช้ ตัวรู้ จากการคิด นะ
แต่ หัด ใช้ ตัวรู้ จาก ฟามลู้สึก อ่ะ
เป็น ความลู้สึก ที่เกิดจาก อาจิณกรรม
ที่หัดจาก การ (ทบ)ทวน ( สภาวะ )จิต บ่อย ๆ มั้ง
ซึ่ง อิฉัน ขยาย คำว่า รู้ นี่ ออกเป็น 5 ส่วนง่ะ


รู้ ว่า สภาวะนี้ มันกำลังเกิด ขึ้น ณ ปัจจุบันขณะ
รู้ ว่า สภาวะนี้ มันเปลี่ยนแปลงได้ ตามเหตุปัจจัย
รู้ ว่า สภาวะนี้ มันไม่เที่ยง
รู้ ว่า สภาวะนี้ มันก็เป็นเช่นนั้นเอง

และ ...


รู้งี้แร้ววววว์ ตูจะแบก มัน ไว้
ให้เกิดทุกขัง กาละมัง ทำไมฟระ ?


อืม...ตอนนั้ก็ทำได้มั่งไม่ได้มั่ง
ไปตามเรื่องตามราวนั่นแหล่ะ
ยัง เตาะแตะอยู่เรย แหะ ๆ













อ่ะ อันนี้เอามาฝาก
วันก่อน อ่านเจอ เรยนึกถึงเจ้ 555


มีคนฝากถามเกี่ยวกับเรื่องเบื่อหน่ายการมี sex กับสามี แนะนำยังไงดีคะ ขอบคุณค่ะ



//larndham.org/index.php?s=7589d75d43cf5ea8e0915664ee17af8f&showtopic=39514&st=22#entry718498


เออนี่ ๆ คุงแม่ปั๋วขราาาาาา
ถ้าจะซื้อ ของขวัญวันเกิด ให้ ป๊ะป๋าโจ อ่ะนะ
อย่าเลือก จิมกระป๋อง เรยอ่ะ
นู๋บี แนะนำว่า ซื้อ ตุ๊กตายาง เป็นตัว ๆ
น่าจะเวิร์ค กว่าเจ้าค่ะ
เด๋วนี้ เค้าทำเหมือนจิงมั่ก ๆ


รับรองว่า ป๊ะป๋า โจ แกะห่อของขวัญแระ
แกจะ ร้องโฮ ๆๆๆซาบซึ้งจนน้ำตาไหลเป็นสายเลือดแน่นอน
ที่มีพันยารู้ใจแถมเอาใจใส่ซะขนาดนี้ งิงิ



เอ หรือว่า เจ้จะซื้อ ไวตามิลค์ ก๊ะ น้ำมะตูม
มาให้เป็นของขวัญ ป๋า สักแกลลอน สอง แกลลอน
ก็ไม่เลวนา ป๋าแกจะได้ ถือศีลข้อ 3 ได้อย่างชิล ๆ เหอ ๆ


แท้งกิ๋ว เจ้าค่ะ ที่เล่า ประสบการณ์ชีวิตร้ากกกกของเจ้
ให้คนบนคานฟังเป็นวิดทะยาทาน งิงิ ^ 0 ^












ไอ้แง่บ
-----------------------
LoveTurJang +ป้านู๋ขวัญ: ไปเจอรูปมา
จุ๊ๆอย่าบอกป้านู๋บีนะ ว่าเห็นแล้วนึกถึงป้าแกเรยยยย
สไตล์ป้านู๋บีเนี่ยคำขวัญนี้เรยยย
ใครจะเอาฉันลงจากคน ก็ต้องให้ฉันขี่คอมันเซ้ แง่บๆ
+++++++++++++++++++++++

ต๊ายยยยย ครายบอกอ่ะจ๊ะ ทูนหัววว
สไตล์ป้าบัว อ่ะนะ ต้องสโลแกนนี้ ย่ะ

" ถึงจะนั่งกระดิกตรีนอยู่บนคาน
ช้านก็ยังแบ่งภาคอวตารไปขี่คอพวกมันได้เฟร้ยยย "


เฮ้ออออ มันเป็น ฟามสามารถพิเศษ
ของ บรรดา แรดทรงเครื่อง ตัวแม่ อ่ะ หลานเอ๊ยยย
แหน่ะ ๆ ควายในปลักอย่างเอ็ง
อย่าได้มา อิจฉาป้านู๋บีเรยน๊ะจ๊ะ ทูนหัวววว งิงิ



.
 
 

โดย: ดอกบัวนิรนาม...ตามมาแพล่ม IP: 117.47.161.53 วันที่: 23 มิถุนายน 2553 เวลา:22:19:35 น.  

 
 
 
ป๋าแอ่บ

อิอิ ป๋าแอ่บขราาา
ช่วงนี้ อิฉัน ติดเพลิน
อยู่กะการ ปฏิบัติ นิดโหน่ย ง่ะ

หลายวันก่อนก็แทบจะหลับในเดินจงกรมเรยมั้ง
แปลกดี ปกติ เดินจงกรมรอบโรงบาลมาเป็นปีแระ
มันก็เดินได้ปกติธรรมดาอ่ะนะ
ไง๋ หมู่นี้ เดินแล้วหลับในก็ไม่ลู้
ยิ่ง ชี่กง ค่อนชม. แล้ว ต่อด้วย
การเดินจงกรม (เดินแกว่งแขนจับ+ลมหายใจ )


อะโหยยยย โคตระง่วงเรยง่ะ
แถมเดินเป๋อย่างก๊ะอีขี้เมาเรยมั้ง
มันทำท่าจะหลับใน แล้วจะเดินลงข้างทางอยู่เรื่อย
ดีที่ยั้งตรีนไว้ทัน ก็เป็นงี้ ตลอดทุกรอบที่เดินอ่ะนะ
จะว่า ขาดสติ ก็ไม่ใช่ นะ ลู้ตัวดี สมาธิก็มีมั่งไม่มีมั่ง
แต่มันง่วงมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
แล้วก็บังคับซ่งตีนไม่ได้อย่างใจอ่ะ
ไอ้ซ่งติงม่ะรักดี มันชอบเป๋จะเดินลงข้างทางตลอดเรย



แล้วก็แปลกตรงที่ หลังจากกัดฟัน
ฝืนเดินจะหลับแหล่มิหลับแหล่
จนครบสามรอบตามปกติ
พอออกจากสมาธิในการเดินจงกรม
กะจะไปนอนให้เปรมหทัย
ไอ้เจ้าอาการง่วงเหงาหาวนอน
มันก็ดั๊น หายเป็นปลิดทิ้งเฉยเรยวุ๊ย
เอาก๊ะมันดิ


อิอิ เป็นงี้อยู่ได้ 2 วัน
คาดว่า อาจเป็น เพราะ
เพลียจากการ ฝึกชี่กง มากไปมั้ง
ตอนหลัง เรยปรับด้วยเพลาการทำชี่กง ลง
เพราะ วอร์มร่างกาย ด้วยการทำชี่กงแล้วไม่เวิร์ค
เดินจงกรม แล้วก็ยังรู้สึกเสียดที่ชายโครงอยู่เรย
อาจเป็นเพราะ พอ เดินเพลิน จิตมันติดเร็ว
เรยเดินฉับ ๆ จนกายเนื้อปรับสภาพไม่ทันมั้ง
ผลคือ เดินได้แป๊บ ๆ ก็จุกเสียด อีกแระ
แล้วพอร่างกายมัน เพลีย มันไม่ไหว
สมาธิ เลยเกิดแบบ แห้ง ๆ กระพร่องกระแพร่ง
เดินแร้วไม่หนุบ ๆหนับ ๆ เล๊ย





นี่ก็เรยเปลี่ยน มาเดินจงกรม
แบบเอามือไพล่หลังเหมือนเดิม
สลับกับเดินจงกรมแบบกว่งแขน แทนอ่ะ
ช่วงไหน ที่จุกเสียด ก็ เปลี่ยนมาเดินเอามือไพล่หลัง
ก็ โอเคขึ้นนะ อาการ เดินเซเป็นอีเป๋หายไป
แล้วอาการจุกเสียดก็หายไปด้วย




เฮ้ออออ จิง ๆ ก็ เสียดาย เหมือนกันนะ
ก็อย่างที่บอกอ่ะ ว่า ชอบ เดินแบบแกว่งแขนมากกว่า
เพราะ ร่างกายมันได้ ออกกำลังกาย เคลื่อนไหวทุกจุด
แต่แบบ อามือไพล่หลังเนี่ย แขนมันนิ้งสนิทเกินไป
ก็คงต้อง ค่อย ๆ ปรับไปแหล่ะ


ส่วน เรื่อง นั่งมาธิ เนี่ย
ตะวานเพิ่ง นั่งได้เกิน ครึ่ง ชม. แระ
ก็ดีนะ ถึงจะยังมี ฟุ้งมั่ง ไม่ฟุ้งมั่ง เวลานั่ง
แต่ก็นับว่าเป็นนิมิตหมายที่ดี ^ 0 ^


ส่วนอาการ วูบเหมือนโดดลงมาจากที่สูง นี่
เป็น ถี่ขี้นนะ เด๋ววูบ เด๋ววูบ เด๋วผงะ เด๋วผงก
ก็เสียว ๆ สนุกดี ( อารมณ์คงคล้าย ๆ เวลาโดดบันจี้จั๊มพ์บนตึกสูง ๆ มั้ง )
ครั้งล่าสุดที่นั่งนี่ เริ่มปรับตัวได้แระ
อาการนิ่ง ดิ่ง ลึก ตอนเข้ามาธิ เริ่ม สมู๊ท ขึ้นนะ
ไม่กระตุกพรวด ๆ ผงะหงายเงิบแระ
แต่ มันค่อยเป็น ค่อยไปอ่ะ
เหมือน โดดจากตึกโดยกางร่มชูชีพไปด้วย
อาการนิ่ง ดิ่ง ลึก มันเลย แช่ได้นาน ๆ
ไม่กระตุก ตึก ๆ เหมือนตกหลุมอากาศ


แต่ก็มีบ้างนะ ที่ เห็น จุดแสง ผุดขึ้นมาจากฟามมืด
บางที ก็ อ่ะ ไหน ๆ ไอ้แสงนี่มันโผล่มาเรียกร้องฟามสนใจแระ
ก็ตามไปดูมันซะหน่อย ผลน่ะเหรอ
เออแฮะ ดูไปดูมา มันเปลี่ยนจากจุดสว่าง
เป็นรูปสี่หลี่ยม เหมือน กรอบ กระจกที่หน้าต่าง
ที่มีไอน้ำเกาะมั้ง แล้วไอน้ำพวกนั้น
ก็ ค่อย ๆ จางลงจนเห็นเป็น
ภาพโต๊ะน้ำชาที่ไม่เคยเห็น
ในบรรยากาศขมุกขมัวสีเหลืองอุ่น ๆ


พอวันต่อมา ที่นั่งนึกครึ้มไปจ้อง จุดแสงพวกนั้นอีก
ก็เห็นคล้าย ๆ เดิมนะ
จากจุดแสงจ้า ๆ กลายเป็นกรอบสีเหลี่ยม
แต่คราวนี้ ไม่ได้เห็นเป้นโต๊ะน้ำชาแระ
เห็นเป็น เงาคนเป็นฝูงเรยมั้ง
ทำท่าเหมือนชะโงกดูเราอยู่
เห็นหัวดำ ๆ เต็มไปหมด เยยย
แต่ก็ เฉย ๆ นะ ไม่ได้ตกใจ อะไรนัก
แค่ แปลกใจนิดหน่อยน่ะ


จากนั้น ก็ ดึงจิตกลับมาจับ
ที่การเคลื่อนของลมหายใจอีกครั้ง
หลัง ๆ มานี่พอนั่งมาธิ แร้ว เห็น จุดแสงเกิดขึ้น
ก็พยามไม่อยากลู้อยากเห็นแระ
จะรีบจับลมหายใจแทนอ่ะ แล้วจุดแสงก็จะหายไปเอง
ก็โปร่ง ๆ ว่าง ๆ ดีนะ แต่มันก็มีฟุ้งเป็นระยะแหล่ะ
คงต้อง รอให้ ชั่วโมงบินสูงขึ้นกว่าอ่ะ
ถึงจะชำนาญ ในการนั่งมาธิมากขึ้น
ก็สนุกกับมันนะ เด๋วนี้ เปลี่ยนเวลา
เป็น นั่งมาธิตอน ตื่นนอน ( ประมาณ ตี 3 -4 อ่ะ )
ก็ โอ อยู่ แต่ต้องดูต่ออ่ะ ว่า จะก้าวหน้าแค่ไหน
พิณาจากการตัดฟามฟุ้งซ่านในดวงจิต งิงิ


ว่าแต่ อ่านแร้ว ครายพอจะมีอะไรแนะนำ
เพื่อเป็นทำมะทาน ก๊ะ นู๋บี ป่ะคะ แหะ ๆ


อ้อ แท้งกิ๋ว นะคร้าาาาา ทั่นนินจาเฒ่า
ที่เล่า เรื่องราวสมัยยังเป็นยังละอ่อนให้ฟัง
ว่าแต่เรื่อง พบร้ากกกเมื่อฝนตก ของแปะเนี่ย
พล็อตคล้าย ๆ เรื่อง แหยมยโสธร
ของอีตาหม่ำ จ๊กม๊ก เรยอ่ะ
ใครก๊อปใคร กันแน่เอ่ย เหอ ๆ
 
 

โดย: ดอกบัวนิรนาม...ตามมาแพล่ม IP: 117.47.161.53 วันที่: 23 มิถุนายน 2553 เวลา:22:20:59 น.  

 
 
 
อ่ะ อันนี้เอามาฝาก
เห็น คนบางคน อยากอ่านอารายหวาน ๆ



ธรรมะแช่อิ่มของพระพยอม 555555



//www.parliament.go.th/news/news_detail.php?prid=142525


อันนี้แถม ขำ ดีอ่ะ เหอ ๆ
//prajan.com/webboard/view.php?id=5512


.
 
 

โดย: ดอกบัวนิรนาม...ตามมาแพล่ม IP: 117.47.161.53 วันที่: 23 มิถุนายน 2553 เวลา:22:21:38 น.  

 
 
 
ดช.มดเอ๊กซ์

ธรรมะธรรมะโม จิงน๊อออ พ่อคุณ
มีทำบุญตักบาตร ด้วยวุ๊ย
แหม ๆ น่าเอ็นดูเจง ๆ เรยไอ้หลานคนนี้


กู้เวบ กู้ชาติ แล กู้โลก เสร็จ แร้ว
ช่วยแวะมา กู้หัวใจให้คนเฒ่าอย่างป้า โตยเน้อ
เนี่ย มากู้ กับป้า รับรองไม่มีต้นทบดอก
หรอกนะเธอว์ ( แต่อาจจะมี ผีชัตเตอร์ขี่คอ เหอ ๆ)



มะเดหวี 2 ( ครายหว่า ? )

แท้งกิ๋ว ที่ เข้ามาช่วยโพสเพิ่มเรทติ้งเจ้าค่ะ
แล ขออภัย ที่ ฝอยอะไรให้ฟัง
ได้ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยเท่าไร
ช่วงนี้ กะลัง ขมักขเม้น กะการ ปฏิบัติ
เลยอาจจะผลุบ ๆ โผล่ ๆ ไม่ต่อเนื่อง

ขาดตกบกพร่องอะไร
ก็จิกหัว เอ๊ยเรียกใช้ ทั่นประธานแง่บ แระกันเน๊าะ งิงิ


บ๊ายบายจ้า ^ - ^
 
 

โดย: ดอกบัวนิรนาม...ตามมาแพล่ม IP: 117.47.161.53 วันที่: 23 มิถุนายน 2553 เวลา:22:23:14 น.  

 
 
 
นู๋ดอกบัว เบาบอกว่า
ไม่ได้ใช้ ตัวรู้ จากการคิด นะ
แต่ หัด ใช้ ตัวรู้ จาก ฟามลู้สึก อ่ะ

อันนี้ นู๋ขวัญ ขยันคิดขยันแพล่ม ขออนุโมตะนา เน้อ
ซ้าทุ ซ้าทุ ใจกล้า หน้าด้านเข้าไว้(หมายถึงว่า จะเฟอะฟะมั่ง
อะไรมั่ง ก็ทำใจไม่ต้องไปดัดจริตแปลงมันให้มันสวยดังใจ
ก็ดูธรรมชาติที่เฟอะๆฟะๆของมันตามจริง ให้มันรู้ๆไปเลย
เนื้อแท้มันเฟอะฟะ สติแตก ติสแตก เป็นปกติ อิอิ) แล้วก็
หนักแน่นเข้าไว้ ไม่ต้องไปช่วยมัน มันจะเจ็บมั่ง อายมั่ง
เขินมั่ง ก็รู้มันไปตามจริง เรียกว่ารู้ความเป็นจริงของตัว
เองตามที่มันเป็น เรียกว่า มีปัญญารู้จักตัวเอง พอมันรู้
แล้วมันก็จะเปลี่ยนแปลงตัวเองในทางที่ดีขึ้นนะ เพราะ
มันฉลาดจะตาย มันจะมีแนวโน้มจะบินขึ้นที่สูงอยู่แล้ว
มันไม่โง่จะใฝ่ลงต่ำหรอก(จากที่ดูตัวเจ้เองนะ ยกเว้นมันจะ
กวนซ่งตรีนใครบางคน อิอิ) ที่มันเผลอลงต่ำเพราะมันไม่รู้
ตัวเอง ไม่เห็นว่าตัวเองทำอะไรผิด มันก็ทำไปตามเดิมซ้ำๆ
ซากๆ ถ้ามันรู้ความจริงของตัวเอง เห็นว่าทำผิด เห็นว่าทำถูก
ตามจริงแล้ว มันจะมีการเปลี่ยนแปลงตัวเองในแบบที่มัน
คิดได้เอง

การเปลี่ยนแปลงตัวเองแบบนี้ เรียกว่าสมัครใจทำเอง
เพราะประสบการณ์มันสอนตัวเอง แบบว่าจับไฟแล้วร้อน
มันก็เลิกไปเอง ดีกว่าเราไปบอกว่าไฟมันร้อนนะห้ามจับ
เดี๋ยวเจ็บนะ ถ้ามันเชื่อเรามันก็ไม่จับ แต่มันไม่มีประสบ
การณ์จริง มันก็ไม่รู้หรอกว่าจับไฟร้อนแล้วมันเป็นยังไง
วันหนึ่งมันก็จะพลาดเข้าไปเล่นกับไฟจนได้ เพราะมัน
ไม่รู้ซึ้งถึงความจริง มันไม่เคยเจ็บจริงไง มันขาดปัญญา
มันมีแต่ศรัทธาเชื่อคำสอนของเราแค่นั้น มันดีระดับหนึ่ง
แต่มันมีระดับที่สูงกว่านั้น ใช่ปะล่ะ เราต้องการปัญญารู้จริง
ที่เป็นของเราเอง เราก็ต้องเล่นเองเจ็บเองรู้เอง

จะว่าไปมันก็ดีทั้ง2แบบ อะนะ ทั้งปัญญา และศรัทธา
ใช้คู่กันไปแล้วแต่สถานการณ์ ก็พลิกแพลงเอาตาม
สติปัญญาของเราจะเห็นควร พอชำนาญแล้วมันจะทำได้
ถูกฝาถูกตัวถูกสถานการณ์ไปเอง อาเจ้ก็ยังลุ่มๆดอนๆ
ไปตามเรื่อง อะนะ ไม่รู้เข้าใจสภาวะนู๋บัวถูกไหม อิอิ
ก็แพล่มไปเรื่อย

ช่วงที่ผ่านมาแบบว่าทดสอบตัวเองถอดเกราะลงคลุกเล่น
กับชาวบ้านชาวเมือง ง่ะ มันติดสนุกไปหน่อย เลยสติแตก
ไปจิ๊ดนึง 555 แต่สนุกดี ได้ประสบการณ์เพิ่ม ได้ความรู้
เพิ่ม แต่ดันหลวมตัวไปเหยียบหางพญาแมงสาบ ทีนึง 555
ทีซื้อหวยไม่เห็นจะถูกยังงี้เลย แต่ก็ยังรักษาความใจดำได้
อยู่ ทิ้งได้แบบไม่ใส่ใจเลย ใครจะเป็นอย่างไรก็เรื่องของ
เขา ไม่เกี่ยวกับเรา ก็เลยไม่เห็นประโยชน์ที่จะไปหาเหา
ใส่หัว ก็เลิกตอแยเขาไปได้ ไม่มีอาลัยเลยนะเวลาเจอ
พวกแมงสาบนี่ มันสะบัดหน้าหนีเลย สงสัยจะมานะทิฏฐิ
เกาะหัวไปซะแระ 555 มีแบ่งเกรดอีกนะคนเรา
มองข้ามหัวพวกแมงสาบไปเลย ไม่สนใจจะอยากรู้ธรรมะ
ของพวกแมงสาบ555 มันโครตหยิ่งเลยล่ะ เธอว์ แต่ก็ดีละ
ฉันก็เบื่อพวกแมงสาบแล้วด้วย เล่นด้วยไม่หนุก เหมือน
เปิดเทปซ้ำๆซากๆ พูดอย่างอื่นไม่เป็น คับแคบ ติดอยู่ใน
ความคิดของตัวเองเท่านั้น คุยแล้วไม่มันส์ในอารมณ์
ไม่มีอิมโพรไวส์ เอาซะเลย

เรื่อง ดิ่ง...วูบ นี่ น่าจะเป็นอาการจิตรวมนะ
เคยฟังพระเทศน์มาท่านว่า ตอนแรกๆมันจะแลนดิ้งไม่สมูธ
เพราะมันยังไม่เก่ง ก็มีหงายเงิบร่อนไปร่อนมา บางทีตก
กระแทกลงแรงๆ กระเด้งกระดอนก็มี(นึกถึงเครื่องบินที่นัก
บินเพิ่งหัดขับอะ เอาเครื่องขึ้นลง ก็เงอะๆงะๆ ไม่นิ่มนวล)
แต่พวกทำได้เรื่อยๆ ก็เก่งขึ้นเอง จะขึ้นจะลงจะเข้าจะออก
มันก็อัตโนมัติไปหมด แค่นึกน้อมมันก็ทำได้เลย รวมสมาธิ
ได้เร็ว จิตรวมได้เร็วสมาธิก็เป็นปึกแผ่น เวลาเอาไปใช้ทำ
อะไรทั้งทางโลกและทางธรรม ก็ได้เปรียบคนอื่นเหมือนคน
มีปืน ย่อมได้เปรียบกว่าคนมือเปล่า อะ แต่พอมีปืนแล้วใช้
ไม่เป็นก็อาจเอาไว้โชว์เท่ห์ๆได้ เอาไว้ขู่คนอื่นก็ได้ ยังไงก็
ดีกว่าไม่มีเนอะ แต่ถ้ารู้วิธีเอาไปใช้เจริญปัญญาทางธรรมก็
จะเจ๋งมากมิใช่น้อยละเธอว์ ถือว่าเกิดมาไม่เสียชาติเกิด

อนุโมทนากะนู๋บีด้วยละกัน ที่ขยันหมั่นเพียร วิริยะ อุสาหะ
มีฉันทะ ในทางที่ชอบ ซ้าทุ ซ้าทุ ขอให้เจริญปัญญาได้มากมี
เป็นมหานที เลยนะเธอว์

ปล.เรื่องตุ๊กตายางเขาก็บอกอยากได้เหมือนกัน แต่ว่าราคา
มัน3แสนอัพ ง่ะ ใครเห็นใจทั่นโจ ก็ช่วยกันบริจาคเงินมา
ให้หน่อยดิ จะเป็นพระคุณอย่างสูง 55555




 
 

โดย: ป้านู๋ขวัญ ขยันแพล่ม อิอิ IP: 124.120.150.11 วันที่: 24 มิถุนายน 2553 เวลา:9:54:05 น.  

 
 
 
ที่นู๋บีแนะนำ...
เอ หรือว่า เจ้จะซื้อ ไวตามิลค์ ก๊ะ น้ำมะตูม
มาให้เป็นของขวัญ ป๋า สักแกลลอน สอง แกลลอน
ก็ไม่เลวนา ป๋าแกจะได้ ถือศีลข้อ 3 ได้อย่างชิล ๆ เหอ ๆ

เจ้เคยบอกเขาแระ ว่าให้กินนมถั่วเหลืองไหม
ความต้องการจะได้ลดลงมั่ง จะได้ไม่เครียดมาก
เขาว่าไง รู้ไหม...เขาว่า
โฮ้ย...ไม่เอาหลอก กัวงูตาย ซะงั้น แบบว่า หวงงู
ดันคิดไปว่ามีอารมณ์พรรณนี้มากๆ แปลว่ายิ่งเป็นแมนมั่กๆ
เป็นงั้นไป ซะอีก ไม่อยากอยู่สงบๆแบบเรามาหาว่าเราเป็น
พวกผิดปกติ กามตายด้าน ซะงั้น ชอบนอนจมปลักควาย

อย่างว่าแหละ ลางเนื้อชอบลางยา จะให้ทิ้งของชอบตรงหน้า
ไปหวังบ่อหน้าที่ยังไม่รู้ว่าคืออะไร คนที่เขาไม่ยอมเสี่ยง
เขาก็ไม่ยอมทิ้งหรอก กอดปลักควายมีความสุขเห็นๆ
จะบอกว่าข้างหน้ายังมีของเด็ดกว่านี้ ถ้าเขายังไม่เคยสัมผัส
เขาก็ไม่เชื่อเราหรอก ก็ว่ากันไปตามปัญญาของตนแหละ
ของใครของมัน ทำแทนกันไม่ได้


 
 

โดย: ป้านู๋ขวัญ ขยันแพล่ม จังเนาะ IP: 124.120.150.11 วันที่: 24 มิถุนายน 2553 เวลา:13:15:04 น.  

 
 
 
นี่ถ้าทั่นโจ หมดอารมณ์ทางเพศ นี่
แกคงจะเครียดหนักกว่าเดิมแหงมๆ
ไม่ได้ดีอกดีใจเหมือนเรา คริ คริ
อย่างเราชอบ สงบ โล่ง โปร่งเบา เราก็ว่าดี
แต่เขาต้องอาศัยอารมณ์เป็นแรงผลักดันให้มีความคิด
สร้างสรรค์ และมีกำลังใจในการทำงาน เขาว่างั้นนะ
ถ้าขาดอารมณ์เขายอมตายดีกว่า ดูดิ อะไรจะขนาดนั้น
อย่างที่ไปอ่านลิ้งโน้น เขาว่า 2 วันครั้งเรียกว่ามาก
แล้วอย่างทั่นโจอยากทุกวันมันจะบ้าขนาดไหนละเนี่ย
แล้วทั่นโจ ก็แปลกคน เวลาโกรธจัดๆ แกจะรวมจิตได้ว่าง
มากๆ เหมือนต้องมีอารมณ์แรงๆถึงขีดสุด แล้วจะรวมพลัง
ได้ถึงขีดสุดเป็นว่างๆ หรือเวลาทำงานที่ยากๆ ต้องบีบคั้น
ตัวเองให้ถึงขีดสุดแล้วจะคิดออก ปัญญาแหล่มๆก็จะเกิด
ตามมา เจ้ว่าสงสัยทั่นโจแกจะสะสมวิชามารไว้กะตัวเยอะ
อารมณ์ทุกอย่างมันก็เลยเยอะเว่อร์ตามไปด้วย
แต่สติเขาก็เยอะนะ ไม่งั้นควบคุมตัวไม่อยู่ก็คงได้เป็นบ้า
ไปแล้ว ตั้งแต่มาคบเจ้นี้ ก็ให้เขาฟังสวดมนต์จะได้สงบๆลง
แล้วก็ฟังเทศน์หลวงตาบัวมั่ง ลพ. ฤ. ปรับทัศนคติ
ปรับแนวทางการปฏิบัติ มาทางเจริญสติ เจริญปัญญา
รู้เท่าทันอารมณ์ของตัวเองให้มาก เรื่องโกรธก็เพลาๆ แระ
เพราะเห็นผลเสียว่า โกรธมากๆแล้วจะเจ็บที่หัวใจ
เหมือนโกรธจัดได้รวมพลังได้จริงแต่มันมีพิษทำร้ายตัวเอง
ด้วยแต่เรื่องเพศ ยังไม่ยอมลดละมั่งเลย กลัวว่าจะไม่มี
พลังสร้างสรรค์ พลังความคิดอะไรเทือกนั้น
กัวไม่มีแรงทำงาน ดูดิ คิดแบบนี้มันก็ไม่ยอมทิ้งใช่ปะ

อีกอย่าง เมื่อก่อน เจ้ เป็นแบบที่ผู้หญิงคนในลิ้งเล่าเลยอะ
แต่ไม่ได้เป็นเพราะปฏิบัติธรรมนะ มันเป็นสันดานเดิมมั้ง
เป็นเองตั้งแต่เกิด มันติดจะรังเกียจมากๆเลย นะ
เห็นแล้วกลัวหัวหด ทรมานจะตาย แต่เพิ่งจะมาเป็นน้อยลง
ก็ตอนที่มาฝึกเจริญสติเจริญปัญญานี่แหละ พอเริ่มปล่อยวาง
ได้มั่งแล้ว ยอมรับความเป็นจริง พิจารณาความจริง แล้ว
ทำใจยอมรับได้ มันก็คลายออกนะ ทุกวันนี้ก็ดีขึ้น ไม่ได้
รังเกียจรังงอนกลัวจนหัวหดมากเหมือนเมื่อก่อน
ทั่นโจก็ยอมรับได้ถึงแม้จะไม่ได้อย่างใจเขาก็ตาม
แบบว่ากินท่อนซุง5วัน มีเนื้อหนังให้กิน1วัน ก็ยังพอทน
เขาว่างั้นนะ (x ไปเป่าเนี่ย 555)

ทุกวันนี้ก็มีความสุขตามอัตภาพแหละ เห็นเป็นเรื่องขำๆไป
แระ ไม่มีอะไรซีเรียส จะรังเกียจหรือชอบ ก็อยู่ที่ใจเราเอง
ไปยึดมั่นถือมั่นตั้งแง่เอากับมัน ก็เป็นทุกข์ ปล่อยวางได้
ก็เป็นสุข

 
 

โดย: ป้านู๋ขวัญ IP: 124.120.150.11 วันที่: 24 มิถุนายน 2553 เวลา:14:00:07 น.  

 
 
 
ที่ท่านเหลามานี่อ่ะชีวิตจริง หรือ นิยายจ้ะ ดูๆๆแล้วก็โสงสารมะเดหวีของอาแป๊ะเหล่าฮูจัง ที่ถูกบรรดาท่านๆ เอาชีวิตเค้ามาเผย และ ทำไมท่านๆมองด้านเดียวอ่ะ ลองมองเข้าไปลึกๆๆหรือ มองในด้านของเค้าซิ
เพราะคนที่เห็นแก่ตัวอาจเป็นอาเหล่ายาย ของอาแป๊ะเหล่าฮู ก็ เป็นได้ ช่ายยมิ

-----------------------------------------------------

เถิงแม่มะเดหวี2

มีประไหมสุหรี มะเดหวี ยังอุตส่าห์เป็นอนุมะเดหวีอีกรึ ฮึ !
นุ่นเลย มะโตเลยทีเดียว !

แล้วมาสงสารอะไรมะเดหวีของเหล่าฮูล่ะ เค้ายังเด็กน่ะ ผิดชอบชั่วดียังไม่ชัดว ุฒิปัญญายังไม่ดี ก็บกพร่องบ้าง

แต่ที่แย่ๆน่ะมันก็มีแยะ เกินเลยกว่าจะทานทน ที่เล่ามานั่นเป็นตอนฟางเส้นสุดท้ายน่ะ ก่อนนี้เค้าไม่มีสำนึกที่ดีเท่าไรหรอก

ห้ามไปเล่นไพ่ก็ไม่ฟัง(เล่นในหมู่เพื่อนน่ะ) วันนึงถูกข้างห้องเค้าแจ้งตำรวจ มันแกล้งเอาเพราะเสียงดังไปนิด(นิดเดียวน่ะ แต่เค้าคงรำคาญมาก) แฟนเหล่าฮูเค้าว่าไม่ได้เล่น แค่ไปยืนดู ก็ไม่ว่า แต่ถูกตำหนวดจับใส่ตะราง เลยหาทางประกันตัว
รู้แมะตอนประกันตัวเค้าว่าไง อีว่ารอเดี๋ยวแป๊บนึง สารวัตรเค้าขอดูตัว

ดู ดู๋ดู อุเหม่ เค้าจะพาไปป๊าบๆแบบฟรีๆ ยังไม่มีสำนึก มีหน้าดีอกดีใจ ไอ้เรารึเที่ยววิ่งวุ่นหาคนมาช่วยประกัน นี่ยังจะหาเรื่องอยู่สักพัก นัยว่าชอบเครื่องแบบ

ทั้งอับอาย ทั้งอดสู หดหู่ ห่อเหี่ยว สะท้อนใจ

เนี่ย ต้นทางเค้าเป็นแบบนี้แหละ
ว่าไปอีกทีก็กรรมสนองกรรมน่ะ คือ

ตอนนุ๊นเค้ามีแฟนอยู่แล้วน่ะ เป็นวิศวกรที่ดีคนนึง แต่แล้วพอมาคบกับเรา วันหนึ่งหนุ่มคนนั้นขึ้นมาที่ห้อง เห็นภาพบาดตาบาดใจ คือ เห็นเรานอนข้างๆกัน(พักเหนื่อยน่ะไม่มีอะไร)
ในนั้นไม่ใช่แค่อยู่ตามลำพังหรอก แต่แฟนคนนั้นของเค้าทนไม่ได้ ร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวร เราก็สงสารเค้า แต่กลืนไม่เข้าคลายไม่ออก จะสละเก้าอี้ชิ่งหนีก็ดูน่าละอาย
(ที่จินถ้าเรายอมถอยแต่แรก เค้าจะต้องมีชีวิตที่ดีแน่ เพราะรายนุ๊นเค้าผู้ใหญ่และมีวุฒิภาวะสูงกว่า แต่เหล่าฮูมักง่ายน่ะ
เลยโดนย้อนเกล็ดเอา มาภายหลังจึงหมดความอดทนกับเรื่องตื้นๆน่ะ)

ที่จินเค้าน่าสงสารเหมือนกัน แต่จริตอัธยาศัยมันต่างกันมากไป เหล่าฮูเองใจกว้างมากแล้วนา แต่ก็ยังอดไม่ไหว จำต้องเลิก เพราะดันค่อนข้างเรื่องมากน่ะ

เรื่องมองในด้านของเค้า เหล่าฮูก็มองนะ เห็นว่าเค้ารักเรามากน่ะ แต่อย่างที่บอก เค้าขาดความภักดี ที่จินอีจะไปกะสารวัตรเลยยังได้เลยนะ เห่าฮูยกให้ แต่ที่โกรธเพราะเค้าขาดปัญญาขนาดหนัก ภัยมาถึงตัวแล้วยังไม่รู้สำนึก ฉุดไม่ขึ้นแล้วยังจะลากเหล่าฮูลงนรก

อยากลงนรกก็ไปคนเดียวละกัน ตัวครายตัวมัน

ที่จินเค้าก็มีรูปสมบัติดี สูงยาวเข่าดีนะ แต่พอคิดถึงสำนึกที่เค้ามี เลยขยาด มะรู้ต้องจอกับอะไรต่อไปอีก รู้ทั้งรู้เราเกลียดอะไรชอบอะไร แต่เค้าก็เลือกจะตามใจตนเอง มันไม่เสมอกันซักอย่างน่ะ

เรื่องอาเหล่ายาย เหล่าฮูเชื่อในปัญญาวุฒิในระดับนึงนะ แม้จะเชื่อมั่นในตัวเองไปนิด แต่เมื่อประจักษ์แจ้งด้วยใจตนเอง เมื่อถึงพร้อมแล้ว มันก็จะหักล้างสิ่งที่คลาดเคลื่อนจากที่เค้าคิด เค้าก็ปรับท่าทีได้

รึไงเหล่ายาย เป็นงั้นบ๋อ !
 
 

โดย: Lao fu zi IP: 124.121.245.61 วันที่: 24 มิถุนายน 2553 เวลา:19:54:48 น.  

 
 
 
เถิงเหล่ายาย

จะว่าไป พอเขาบอกล่วงหน้าก็ดีขึ้นนะ ไม่ค่อยจะงี่เง่า
กะเขาเท่าไร แต่เรื่องคุณภาพก็ดีมั่งไม่ดีมั่งแล้วแต่ความ
หิว ถ้าไม่หิวก็บอกเขาจะได้ไม่ต้องมาห่วงเรา ก็เข้าใจกันดี
ขึ้น (ว๊า จะเข้าเรทเอ๊กซ์ไหมนี่ กัวอาเหล่าแปะเห็นภาพ 555)

มะต้องมากลังเหล่าฮูเห็นภาพร๊อก เห็นเรื่อยๆน่ะ (ถ้าไม่เห็นก็หาดูยอะแยะ) อาเหล่ายายนี่ดูจะประหลาดไปนิด คงมีปมบางอย่างรึป่าว วัยกำดัดอย่างนั้นไหงแห้งแล้วซะจิน ต้องขอนุยาดก่อนด้วย เฮ่อ !

เนี่ย ต้องมีปรุงรสชาติมั่งละมัง เหล่าฮูคิดว่า เรายังมีหน้าที่พึงกระทำต่อสมมุติบัญญัติน่ะ ก็ต้องทำให้ดีที่สุด จะปรุงอาหารก็ควรประณีต ชีวิตที่ประกอบเป็นครอบครัวจึงเป็นปกติสุข(ศีล) ขืนทำกับเข้าไม่เป็นสัปปะรด เราเองก็ยังไม่อยากกินเลย ประสาอะไรกะคนรอบตัว
เอ๊ะ รึเฮียโจปรุงอาหารไม่เป็นสัปปะรดเนี่ย ฮึ !
(อันนี้สงวนไว้อ่านกันเองนา เดี๋ยวอีหมั่นไส้ขึ้นมาเหล่าฮูเดือดร้อน)

แบบว่าใจดำเป็นปกติ
มันเลยไม่มีเหตุให้เกิดเป็นกามวิตก อาการคันก็ไม่กำเริบ

ขอให้จินเท๊อะ สาธุสาธุน่ะ

แต่ต้องระวังนา ดูหนังดูละคร แล้วย้อนมาดูตังเองล่วยล่ะ
ยิ่งเรื่องไม่ค่อยคันเนี่ย มันเป็นการไม่รู้เหตุรึป่าว รึว่าไม่คันตามอัธยาศัยจินๆ เพราะมีแยะไปที่เค้าไม่คันเพราะมีเหตุจากปมบางอย่างน่ะ(ซึ่งก็แล้วแต่ละคน)
แต่ถ้าไม่คันเพราะเห็นแล้วเฉยๆโดยแท้จิน จึงนับว่าน่ายินดียิ่ง บอกห้าย สมัยก่อนนุ๊นเค้าอยากบรรลุธรรม เค้าเชือดคอตัวเองก็มี ตัดจ้อนทิ้งก็มี เพราะที่สุดโต่งอีกด้านก็น่ากลัว เสพกับศพก็แยะไป

มันจึงยากที่จะคิดว่า รู้สึกเฉยๆกับเรื่องนี้ ทั้งๆที่มันอร่อยออกปานนั้น อาเหล่ายายต้องสำรวจเหตุ-ปัจจัย ที่มาที่ไปให้ตรงไปตรงมาน่าจะดีน่ะ


พอดีเป็นผู้หญิงยุคเก่าเขาสอนมาให้ละอายห้าม
คิดมากเรื่องพวกนี้ ตั้งกะเด็กๆ มันเลยติดเป็นนิสัย กว่าจะรู้
เรื่องพวกนี้ก็แก่แล้ว ก็เลยสบายหน่อย
แต่เวลามีคู่ชีวิตมันก็ลำบากใจนิดหน่อย

ถ้าได้งั้นจินๆก็ดีน่ะ
สมัยก่อน ฤาษีที่ทรงณานอภิญญา เหาะๆมาเจอสัตว์ที่มีเขาขึ้นที่หน้าอก (เค้าเลยคลำๆเล่นแบบเฮียโจมัง) อีช่างสงสัย ไปๆมาๆที่เคยเหาะได้เลยเหาะไม่ขึ้น อภิญญาเสื่อม หุหุหุ

นึกถึงเรื่องนี้ มีอุปมาที่น่าสนใจน่ะ

ท่านว่า
สมาธิ เปรียบเหมือนแรงหรือกำลังไว้จับมีดมาหั่นเนื้อ
ปัญญา เปรียบเสมือนความคมของมีด
ถ้าแรงดีและมีดคมกริบ(สมาธิ+ปัญญาดี) ก็สามารถหั่นเนื้อได้สบายๆ

ถ้าแรงเยอะ แต่มีดทื่อ ก็แล่อยู่นั่นแหละ ไม่ขากซ๊ากที
แต่ถ้ามีดคมกริบ แต่ไม่มีเรี่ยวแรง ก็หั่นได้ไม่ดี

ถ้าดูจิตไปเรื่อยๆเนี่ย เหมือนเราบริหารสติอยู่เนืองๆน่ะ

แต่ที่จิน สติต้องใช้คู่กะสัมปชัญญะ หรือปัญญานะ(ละไว้ฐานที่เข้าใจ)

มีสติ ท่านว่าเหมือนทวารบาล คอยเฝ้าประตูเมือง มันต้องมีปัญญาแยกแยะดี-เลว หยาบ-ประณีต อะไรคือประโยชน์ อะไรไม่ใช่
จึงต้องมีปัญญาเป็นตัวคัดกรองด้วย การเพียรเฝ้าดูพฤติกรรมแห่งจิต(หลวงปู่ดุลย์ท่านว่า พฤติแห่งจิต) จึงอาศัยปัญญาที่ประกอบขึ้นจากปัญญา(ปัญญาสาม)ทั้งมวลมาเป็นเครื่องเกื้อหนุนการปฎิบัติจึงจะเจริญได้ดีน่ะ

(ว่าจะฝากป้านู๋บีเค้าน่ะ เดี๋ยวเลิม เลยแปะที่อาเหล่ายายก่อนแล้วกัน เดี๋ยวเลิมแล้วต่อไม่ติดน่ะ)
 
 

โดย: Lao fu zi IP: 124.121.245.61 วันที่: 24 มิถุนายน 2553 เวลา:20:23:36 น.  

 
 
 
^
^

แท้งกิ๋วที่แนะนำ เจ้าค่ะ ^ 0 ^

อะโหยยย อาเหล่าแปะ นี่
สมัย หนุ่ม ๆ นี่ ก็โชกเลือด เอ๊ย โชกโชนมิใช่เล่นเรยเน๊าะ เสือสิงห์กระทิงแรดเหมียนกันนี้เอง
ถึง เสวนาธรรมกันได้ถูกคอ เหอ ๆ


นี่ ๆ แปะ วันก่อน อิฉันนั่งถกกับพี่ ๆ ที่ทำงาน
เรื่อง คนที่คบหาเป็นแฟนกัน
ถ้าบังเอิญต้องค้างคืนนอนในห้องเดียวกันเนี่ย
น้องนาง จะยัง เหลือ เรอะ ?


อภิปรายถกยตินี้กะพี่ ๆ ที่ห้องแร้ว
คิดถึงเรื่องที่อาเหล่าแปะเคยเล่าให้ฟังม้ากมาก
ทั้งเรื่อง มนต์ร้ากกกในสายฝน
กับเรื่องที่แปะมัวแต่กุมมือโกวเนี้ยน้อยหน้าหยก
จน จิ้งจกตุ๊กแก คาบแม่นางไปรับประทาน เหอ ๆ


ว่าแต่ แปะจะม่ะ ลงขัน
ซื้อ ตุ๊กตายาง เป็นของขวัญวันเกิด
ให้ ป๋าโจ หน่อยเหรอค๊ะ 5555





--------------------------------
แม่ปั๋วขราาาาา
เหอ ๆ ไว้ นู๋บี ถูกล๊อตตารี่
รางวัลที่ 1 ก่อนนะเธอว์
แร้วจะหอบ ตุ๊กตายาง ไปกำนัล
ทั่นพ่อปั๋วที่เคาร๊พพพพพ



เฮ้ออออออออออออออออ
แต่คงยากส์หน่อยล่ะ
เพราะตั้งแต่เกิดมา
ยังไม่เคยควักตังค์ซื้อหวย
อุดหนุนรัฐบาลไทยสักใบ


เออ นี่ ๆ หม่ามี๊ขราาา
ถ้าตุ๊กตายางมันแพงโคตร
เราลงขันกัน ซื้อ หุ่นไล่กา
ให้ป๋าโจ แก้ขัดดีป่ะ คริก ๆ


แล้วไอ้เรื่อง พลังสร้างสรรน์ อ่ะนะ
มันไมใได้เกิดจาก เซ็กส์
เป็นแรงขับเคลื่อนแค่นั้นหรอกจ้า
ฝากบอกป๋าแกด้วยว่า
อย่าได้ วิตกจริตไปเรยยย


ให้ลองหัดนั่งมาธิ บ่อย ๆ จิ
แบ่บว่า นั่งสมาธิอย่างเดียว ก็เสียวได้คร้าาาาา
เผลอ ๆ ตอนที่ จิตมัน ดิ่งวูบ อ่ะนะ
อาจจะเสียวพอ ๆ กัน ( หรือ มากกว่า )
เวลาไคลแมกซ์ บนเตียงด้วย
แถม ทำสมาธิเสร็จ หัวมันจะว่าง ๆ
โปร่ง ๆ ไม่ทึบ ไม่เพลีย ไม่รู้สึกเหนอะหนะ
แบบเรื่องอย่างว่า อีกด้วย


ไม่แน่นะ ถ้าหัดทำมาธิ บ่อย ๆ
ป๋า แกอาจจะติดใจ สภาวะตอนจิตรวม
จนเลิกขม้ำท่อนซุง เรยก็ได้นะ
ว้า ม่ะพูดดีกั่ว นู๋กัวติดเรท งิงิ










เออ เจ้ เวลา ถือศีล นาน ๆ
เจ้ มีอาการ แบบ อิฉัน ป่ะ
ไม่ลู้เป็นไง เด๋วนี้ นังผจก.ส่วนตัว (คุณนายหิฯ )
มันชักจะเสียมารยาทใหญ่แร้ว เจ้
ริอ่านมาขุดคุ้ยฟามระย้ำ ในอดีตของนู๋บี มาตีแผ่
แร้วมาบังคับกะเกณฑ์ ให้ เราไปตามล้างตามเช็ด
ไปสะสางหนี้กรรมในอดีตกาลอีกด้วย


ช่วงนี้มันก็สังคยานา ศีล ข้อ 2 ใหญ่เรย
บังคับให้ใช้คืนเจ้าหนี้ ทั้งต้นทั้งดอก
ยิบ ๆ ย่อย ๆ ซะจน ข้อยละเบื่อ


อาทิเช่น

ให้แม่ยืมเสื้อผ้าใส่ ตอนแม่มาเยี่ยมที่บ้าน
แล้วมักง่ายเอาเสื้อผ้าที่แม่ใส่โยนลงตะกร้าส่งซัก
เพราะขี้เกียจซักเอง เจ้หิก็ไม่ยอมผ่อนปรน
บอกว่า นู๋บีต้องอาบัติปราชิก ผิดศีลข้อ 2
เนื่องจาก ตอนตกลงกับคนซักผ้าตกลงว่า
ให้ซักเฉพาะเสื้อผ้าที่เราใส่ ถึงจะเลือกโปรโมชั่น
จ่ายค่าซักแบบไม่จำกัดจำนวนชิ้นก็เหอะ
จะไปเอาเสื้อที่เธอว์ให้แม่ยืมใส่ มาปนไม่ได้นะเออ


นี่ก็เรย ต้อง เขียน จม.น้อย สารภาพบาป
พร้อม แนบ เงินชดใช้ + ดอกเบี้ย เพิ่มให้เขา
แบบขาดทุนป่นปี้ เฮ้อออ เอาไปปน แค่ไม่กี่ชิ้น ไม่กี่ครั้งเอง
ต้องจ่ายเพิ่มให้เขา เกินครึ่ง ของค่าจ้างซักผ้าต่อเดือนอีก
แถมยัง เขียนบอก ในโน้ตน้อยสัญญาก๊ะคนซักผ้าอีก
ว่า ต่อ ไปจะพยามระวัง ไม่เอา เสื้อผ้าพวกนี้ไปส่งซักแระ
ช่วยรับเงินนนี้ด้วย อิฉันจะได้ถือศีลปฏิบัติธรรม อย่างสบายใจ


ตลกดี ไม่ลู้ว่า พี่คนซักผ้า อ่านแร้วจะทะแม้ง ๆ ไหม
เฮ้อออ พี่แกจะว่า ตูบ้า ไหมเนี่ย
เสียเงินเนี่ยไม่เท่าไรนะ แต่มันเสียหน้า เสียลุคส์ ง่ะ
กว่าจะรวบรวมกำลังใจ ปลอบเจ้าอัตตาในตัว
แล้วลุกขึ้นมาทำทำเรื่องนี้ได้นี่ก็ทำใจหลายวันเหมือนกันนะ


นี่ นังคุณนายหิ ฯ มัน ไม่ได้ พอแค่นี้นะเจ้
ช่วงนี้ มันเริ่ม สะกิดอีกแระ ว่า
นี่ ๆ ยัยนู๋บี จำเรื่องที่เธอว์ เป็นคนดูต้นทาง
ให้พี่ ๆ ข้างบ้านไปขโมยปากกาที่ โรงเรียนได้ป่ะ
ว่าง ๆ อย่าลืมตามไปบริจาคเงินคืนโรงเรียน
เพื่อเป็นการชดใช้ด้วยนะยะ


อ้อ แร้วก็เรื่องที่เธอว์ทำอุปกรณ์ทำแลปแตก สมัยอยู่มหาลัยด้วย
ไอ้ที่เธอว์บริจาคชดใช้คราวก่อนเนี่ย เธอว์จำราคาผิดนะจ๊ะ
มันมากกว่านั้น แร้วไอ้ที่เธอว์ บริจาคเนี่ย
มันยังไม่ถึง 2 เท่า ของราคามันเรย
กรุณาหาโอกาสไปบริจาคเพิ่มด้วย
จำไว้นะ หนี้กรรมต่าง ๆ มันต้องมีดอกเบี้ย
เคยติดค้างใครไว้ เวลาจะใช้คืน
ต้องให้เขา อย่างน้อย สองเท่า ขึ้นไปนะยะ ฯลฯ




เฮ้ออออ ซวยเจง ๆ มะลู้จะกระเป๋าฉีก ไหมเนี่ยตู
อุส่าห์ ฝังกลับซะมิดจนลืมไปแระ
ยังทะลึ่งขุดคุ้ยมาให้รับลู้อี๊กพอลู้แร้ว
จะแกล้งทำไม่ลู้ไม่ชี้ ก็กระไรอยู่
ผิดกฏมณเฑียรบาลนักปฏิบัติอีกแระ ทำมิได้
ไม่งั้นมันค้าง ๆ คา ๆ อยู่ในหัว
ไม่สงบสุข ไม่มีสมาธิ ในการปฏิบัติ ง่ะ
มันจะตามผุดขึ้นมาง้องแง้งเป็นระยะ


ก็ไม่ลู้ต้องตามล้างตามเช็ด
หนี้เวรหนี้กรรมอีกจนถึงเมื่อไรนะ
แต่ก็ดีเหมือนกัน นะ
จะได้ไม่คาราคาซังข้ามภพข้ามชาติ


จะได้ อยู่สบาย ตายสงบ
จากไปไม่ติดค้างใคร
แบบ ไอ้หลานแง่บมันมั่ง เอิ๊ก ๆ

.
 
 

โดย: ไม่ประสงค์จะออกนาม (แต่ประสงค์ จะเป็นลูกไป๊ ป๋าโจ อะจึ๋ย ๆ) IP: 117.47.91.145 วันที่: 24 มิถุนายน 2553 เวลา:21:13:47 น.  

 
 
 
เถิงป้านู๋บี

น่าชื่นชมโมทนาสาธุ มีความพากเพียรลีจินๆ(สัมมาวายามะ) เหล่าฮูคงทำไม่ล่ายอย่างอาป้าน่ะ

และนับจากที่รู้จักกันมา เห็นไม่เคยละเลยตรงไหน ช่องไหนที่คิดว่าจะเล็ดลอด แม่ซัดเรียบ นั่งก็เอา เดินก็เอา ดูจิตก็เอา อย่างนี้หาทางเล็ดลอดได้ยาก ไหนเลยเหล่าฮูจะเทียบเท่าได้ มะค่อยกล้าแนะนำเลย เพราะเหล่าฮูไม่มีวิริยะมากขนาดนั้น เดี๋ยวจะกลายเป็นสอนลิงปีนต้นไม้ซะเปล่าๆ ขายหน้าจัง!

เถอว่าคุยกันแบบเฮฮาละกันนะ มะงั้นเหล่าฮูก็จะกลายเป็นอวดโม้มากไป แชร์กันในส่วนที่พิเศษออกไปแล้วกัน


......................................................................................


หลายวันก่อนก็แทบจะหลับในเดินจงกรมเรยมั้ง
แปลกดี ปกติ เดินจงกรมรอบโรงบาลมาเป็นปีแระ
มันก็เดินได้ปกติธรรมดาอ่ะนะ



มันใช่ถีนะ-มิททะ คือง่วงงุนในนิวรณ์รึเป่าอ่ะ เพราะมันจะเจอประจำน่ะ เพียงแต่นี่เจอะขณะเดินจงกลม
ขนาดป้านี่แล้ว คงแยกแยะออกละม๊าง?

อีกอันที่เป็นได้ ก็คงสภาวะเอกกัคตา ลางทีมันคล้ายอาการง่วงนอนน่ะ แต่ไม่ใช่ร๊อก

อันนี้เหล่าฮูไม่รู้แฮะ

......................................................................................


แล้วก็แปลกตรงที่ หลังจากกัดฟัน
ฝืนเดินจะหลับแหล่มิหลับแหล่
จนครบสามรอบตามปกติ
พอออกจากสมาธิในการเดินจงกรม
กะจะไปนอนให้เปรมหทัย
ไอ้เจ้าอาการง่วงเหงาหาวนอน
มันก็ดั๊น หายเป็นปลิดทิ้งเฉยเรยวุ๊ย




อันนี้เป็นปรกติในการภาวนาทั่วไปน่ะ!

คือ ตอนปฎิบัติมันง่วงงุน แต่พอละแล้ว กลับไม่รู้สึกอยากนอนอะไร
นิวรณ์จะเล่นงานเราตอนเราจะฝ่าวงล้อม ถ้าเรายอมศิโรราบโดยดี มันมะเห็นมาตอแยเราเท่าไรน่ะ


......................................................................................


อาจเป็นเพราะ พอ เดินเพลิน จิตมันติดเร็ว
เรยเดินฉับ ๆ จนกายเนื้อปรับสภาพไม่ทันมั้ง
ผลคือ เดินได้แป๊บ ๆ ก็จุกเสียด อีกแระ



โสงสัยจะสมาธิกล้า ติดสมถะมัง
การที่ว่าจิตติดเร็วนี่ คงเห็นจิตได้แจ่มแจ้งไม่ค่อยว่อกแว่กละมัง

คือ ของเหล่าฮูน่ะ เวลานั่งปฎิบัติ ลางคนคิดว่าไปเพ่งมันก็ไม่เห็น ที่จินมันอยู่ตรงหน้าน่ะแหละ เต็มเลย

นิวรณ์ เวทนา เจตสิก สารพัดสารพัน

แต่ไปคิดว่าเพ่งแล้วมันเลยดิ่ง นิ่ง ไม่รู้ไม่ชี้ตามที่เป็นจริง
ฟามจริง เวทนากะลังรอท่าอยู่ เพราะมีสันตติบังตา อิริยาบท และความเป็นกลุ่มเป็นก้อนมันบังอยู่ ไม่เห็นเองตะหาก เลยคิดไปว่าเป็นสมถะ
อันนี้ไม่รู้เข้าใจวิธีคิดของเหล่าฮูไม๊น๊อ

......................................................................................



ช่วงไหน ที่จุกเสียด ก็ เปลี่ยนมาเดินเอามือไพล่หลัง
ก็ โอเคขึ้นนะ อาการ เดินเซเป็นอีเป๋หายไป
แล้วอาการจุกเสียดก็หายไปด้วย



ก็ทำตามปัจจัยให้เกื้อหนุนกัน สลับไปมาน่ะแหละ
เรื่องนี้ก็พิลึก เหล่าฮูลองวิธีของป้านู๋บีอยู่แท้ๆ แต่นี่ป้าดันมาเดินมือไพล่หลัง ตลีดก ตลกดี


......................................................................................

ส่วน เรื่อง นั่งมาธิ เนี่ย
ตะวานเพิ่ง นั่งได้เกิน ครึ่ง ชม. แระ
ก็ดีนะ ถึงจะยังมี ฟุ้งมั่ง ไม่ฟุ้งมั่ง เวลานั่ง
แต่ก็นับว่าเป็นนิมิตหมายที่ดี ^ 0 ^


โอ้โฮ ว่าแล้วไง เอาทุกทางมิมีเล็ดลอด ดีแย๊ว!
เมื่อซุกซน ก็ต้องแก้กันด้วยการนั่งนิ่ง เหมือนผูกวัวไว้กับหลัก ที่ตามจริตอัธยาศัยที่เกื้อหนุนกันก็ดี แต่จะเห็นไม่ชัดเท่าไปดูฝั่งตรงข้ามตัวเรา เหล่าฮูว่ามันเห็นชัดกว่ามัง รึไงป้าว่า?


ส่วนอาการ วูบเหมือนโดดลงมาจากที่สูง นี่
เป็น ถี่ขี้นนะ เด๋ววูบ เด๋ววูบ เด๋วผงะ เด๋วผงก
ก็เสียว ๆ สนุกดี

อันนี้ วิปัสสนูปกิเลส
ล้อเล่นกะมันได้เลยรึ น่าทึ่ง!
ทำบ่อยๆ มันจะเกิดวสี (ชำนาญ) เพราะแม้จะถนัดเบิ่งจิต แต่ก็มีสมาธิในการเบิ่งแน่วแน่ มันก็ยกสู่ระดับฌานตามวิถีของมัน
(ฌานก็คือดีกรีของสมาธิเท่านั้น เดี๋ยวโดนเพ่งเล็งอีก ออกตัวไว้หน่อย)

......................................................................................


( แต่ก็มีบ้างนะ ที่ เห็น จุดแสง ผุดขึ้นมาจากฟามมืด
บางที ก็ อ่ะ ไหน ๆ ไอ้แสงนี่มันโผล่มาเรียกร้องฟามสนใจแระ
ก็ตามไปดูมันซะหน่อย ผลน่ะเหรอ
เออแฮะ ดูไปดูมา มันเปลี่ยนจากจุดสว่าง
เป็นรูปสี่หลี่ยม เหมือน กรอบ กระจกที่หน้าต่าง
ที่มีไอน้ำเกาะมั้ง แล้วไอน้ำพวกนั้น
ก็ ค่อย ๆ จางลงจนเห็นเป็น
ภาพโต๊ะน้ำชาที่ไม่เคยเห็น
ในบรรยากาศขมุกขมัวสีเหลืองอุ่น ๆ


พอวันต่อมา ที่นั่งนึกครึ้มไปจ้อง จุดแสงพวกนั้นอีก
ก็เห็นคล้าย ๆ เดิมนะ
จากจุดแสงจ้า ๆ กลายเป็นกรอบสีเหลี่ยม
แต่คราวนี้ ไม่ได้เห็นเป้นโต๊ะน้ำชาแระ
เห็นเป็น เงาคนเป็นฝูงเรยมั้ง
ทำท่าเหมือนชะโงกดูเราอยู่
เห็นหัวดำ ๆ เต็มไปหมด เยยย
แต่ก็ เฉย ๆ นะ ไม่ได้ตกใจ อะไรนัก
แค่ แปลกใจนิดหน่อยน่ะ )



คือ อันนี้เป็นแสงวูบวาบผ่านมาทางเปลือกตาก็เป็นได้ นิมิตก็เป็นได้ โอปปาติกกะก็เป็นได้ สารพัดจะเป็นได้

ท่าทีคือ ตามดูตามรู้เฉยๆ

ก่อนนี้เหล่าฮูวูบวาบมาก ประกายแว่บๆวาบๆ ตอนนุ๊นไม่มีใครมาคอยตอบ ก็นั่งบริกรรมไปเรื่อย

พอจิตนิ่ง ดิ่ง สนิท มันละคำบริกรรมโดยไม่รู้ตัว (คิดว่าหลับ) แต่ไม่ใช่

เพราะต่อมา มันเหมือนเราเดินเข้าห้องที่มึดมิดแล้วมึดสนิท เมื่อประสพภาวะนั้น สติกลับดึงกลับมาที่บริกรรมอีก
ขณะที่ย้อนมาบริกรรม เหมือนถูกฉุดวูบออกมาจากห้องมึดนั้น กลับมาห้องที่สว่างจ้าอีก มีแสงวูบวาบไปมา สลับไปมาตลอดจนแปลกใจ

เป็นอยู่อย่างนั้นตลอด

ภายหลัง จึงมาศึกษาเพิ่มเติม กลับไปใหม่
ทีนี้ เมื่อละบริกรรมแล้ว บ๊ายบายเลย เป็นไงเป็นกัน

มันดิ่ง นิ่ง ลึก ไร้รูป ไร้ความรู้สึก ไร้ความจำใดๆ(ภายหลังคิดเอาเองนะตรงนี้)
ที่ประหลาดคือ พอครบชั่วโมงครึ่งที่กำหนดไว้
จิตมันค่อยๆถอยจากห้องมึดออกมา
สว่าง สว่าง วูบวาบ 3-2-1

กริ๊ง.......งงงงงงงงงงงง(ที่วัดเค้าตั้งออดไว้ด้วยน่ะ)

ตรงเวลาเป๊ะๆทุกครั้ง จึงรู้ว่าไม่ใช่นั่งหลับน่ะ เพราะเป็นตลอด
ก็ลองเทียบเคียงดูละกันจ้า
(พิมพ์ตั้งนานไม่เหมือนพูดน่ะ ได้นิดเดียวเอง อธิบายได้ไม่ค่อยครบถ้วนเท่าไร เพราะมันช้า)


......................................................................................


ว่าแต่เรื่อง พบร้ากกกเมื่อฝนตก ของแปะเนี่ย
พล็อตคล้าย ๆ เรื่อง แหยมยโสธร
ของอีตาหม่ำ จ๊กม๊ก เรยอ่ะ
ใครก๊อปใคร กันแน่เอ่ย เหอ ๆ



อ่าว แหยมเนี่ยนะ ไม่ใช่ร๊อก
ตอนนุ๊นเหมือนกระทิงเปลี่ยวน่ะ มะรู้ไง แต่เชื่อว่าเป็นเรื่องวิบากน่ะ คงไม่ใช่ตั้งหน้าตั้งตาไปฟัดกะใคร
ส่วยแหยมเนี่ย คงหมายเถิงลูกสาวสุดสวยกะนายอะเภอ คู่นั้นอีมีใจต่อกันมาก่อน แต่เหล่าฮูไม่ใช่แบบอีน่ะ แต่บรรยากาศก็คล้ายๆน่ะ
อุ๊ย ทะลึ่ง ดูตอนนี้ด้วยรึ ฮึ!


.........................................................................

นู๋ดอกบัว เบาบอกว่า
ไม่ได้ใช้ ตัวรู้ จากการคิด นะ
แต่ หัด ใช้ ตัวรู้ จาก ฟามลู้สึก อ่ะ


อันนี้แถมนะ

คือ จิตเดิมแท้มีดวงเดียว(แบบmujในแอนตี้วิมุติเค้าแปะน่ะแหละ)
ส่วนที่เกิดดับวูบวาบถี่ๆนี่คือพฤติของจิต หรือ
เค้าใช้คำว่าไรน๊า อาการของจิต อะไรทำนองนี้

จิต ในการปฎิบัติมันจะแยกเป็นสองพวกน่ะ
(เหล่าฮูแบ่งเองตามที่เข้าใจเอง ชงเองกินเอง)

พวกหนึ่งคืออาการของจิตที่ไปรับผัสสะต่างๆ
แต่เมื่อตั้งสติจับ จะเป็นจิตตัวรู้ คือรู้สิ่งที่จิตรับเข้ามา

ตามแนวทางของท่านหลวงพ่อสุรศักดิ์ (วัดมเหยงค์)
ท่านจะให้รู้ขึ้นมาอีกระดับ คือ
จะมีจิตอีกตัว คอยดูจิตรู้อีกที

มันเลยเป็นอาการที่
สมมุติ เดินก็รู้ชัดว่าเดิน
(จิตรู้ สัมปชัญญะ คือ ตระหนักชัดถึงเป้าหมายที่กระทำ)

ก็ให้สวิทย์มาที่จิตตัวที่ดูมันอีกที คือไปดูตัวจิตรู้อีกทีน่ะ
จิตมันคงมีอาการสวิทย์ไปมาอย่างนี้มัง
(ตามความเข้าใจจากที่ฟังเทศน์ และการปฎิบัติเอง)

จิตตัวหลังนี่เองที่เหมือนน้ำใสๆที่ไม่เจือปนกับอะไร ทั้งกิเลส ทั้งผัสสะทั้งหลาย ทั้งเครื่องปรุงแต่งทั้งปวง มันเป็นจิตใสที่ตามดูไปเรื่อย ไร้การเสวยอารมณ์ใดๆ
(จิตตัวนี้คืออะไร ยังไม่รู้จะบอกยังไง แต่เพียรฝึกก็จะรู้จักหรือเห็นอยู่ ที่ป้านู๋บีเดินแล้วแฉลบบ่อยๆ ลางทีอาจเกิดจากจิตนี้มันดู แล้วสลัดจิตตัวรับผัสสะก็ได้ มะรู้เหมือนกันนะ)

อยากให้โหลดไฟล์เสียงของท่านมาฟัง รับรอง แป๊บเดียวคลิ๊ก
(ท่านเป็นพระที่เก่งมากทางอภิธรรม มีชื่อเสียงในแวดวงนักปฎิบัติ แต่ไม่เป็นที่รู้จักเท่าไหร่ในวงกว้าง ไม่มีอะไรหวือหวา แต่ของจริง)
 
 

โดย: Lao fu zi IP: 124.121.245.61 วันที่: 24 มิถุนายน 2553 เวลา:21:29:51 น.  

 
 
 
แอ่บ!

ป้าบัวเนี่ยชอบปาดแซงหน้า
 
 

โดย: Lao fu zi IP: 124.121.245.61 วันที่: 24 มิถุนายน 2553 เวลา:21:31:40 น.  

 
 
 
(ทั้งเรื่อง มนต์ร้ากกกในสายฝน
กับเรื่องที่แปะมัวแต่กุมมือโกวเนี้ยน้อยหน้าหยก
จน จิ้งจกตุ๊กแก คาบแม่นางไปรับประทาน เหอ ๆ)

เนี่ย ต้องแก้ข่าวหน่อยล่ะ
คือ เหล่าฮูตะหากน่ะ ที่เป็นจิ้งจกต๊กแกน่ะแหละ
โกวเนี้ยหยกน้อยจะถูกฉกเพราะเหล่าฮูสกปรกน่ะแหละ
เค้ามีแฟนอยู่แล้วน่ะ ก็คือคนที่เค้าแต่งงานด้วยไง
เหล่าฮูตะหากที่มาเป็นตัวแทรก

โกวเนี้ยน้อยนั้น เค้าเก่งกล้าสามารถ แฟนเค้ามีข้อเสียที่ทำให้เค้าต้องน้อยอกน้อยใจในความเจ้าชู้ตะหากล่ะ
เหล่าฮูไม่ได้คิดแย่งเค้า แต่รอให้เวลาตัดสินตะหาก จึงได้แต่กุมมือแม่นางไว้ไม่แตะต้อง เพื่อรักษาใจของโกวเนี้ยให้ไม่ต้องด่างพร้อยรู้สึกผิด หากภายภาคหน้าไม่ได้เป็นคู่ตุนาหงัน

เป็นงาย หวานแมะ ไม่อีกทีก็ ฟายแมะ
 
 

โดย: Lao fu zi IP: 124.121.245.61 วันที่: 24 มิถุนายน 2553 เวลา:21:52:42 น.  

 
 
 
ลูกไป๊ของป๋าโจ ขรา
หม่ามี๊ ก็บอกป๋าเขาไปแล้ว ว่าที่เด็ดกว่าเซ็กซ์ก็ยังมี
ให้หมั่นนั่งมาธิไป เด๋วก็รู้เอง เขาก็ไม่เชื่อ แบบว่า
หม่ามี๊ เป็นแต่ภาคทฤษฎี ไม่มีรูปธรรมให้เขาจับต้องได้
เขาก็เลยยังไม่ปักใจเชื่อหม่ามี๊ แต่ป๋าเขาก็รับไปพิจารณา
เหมือนกัน บอกว่าถ้าขานั่งงอเข่าได้ไม่เจ็บ ก็จะลองดู
ตอนนี้วิบากกรรมมันเล่นงานอยู่ เคล็ดขัดยอกที่สะโพก
ที่เข่า ที่น่อง ที่ตรีน เวทนามันรุมเร้าซะจริงๆ
จะนั่งอึก็ยังโดนเวทนาเล่นงาน
แต่เวลาทำอย่างว่า...ทุกขเวทนามันไม่มากวนเลยนะ แม๊...
มันรู้ใจกันยังไง ก็ไม่รุ เหอๆ

ป๋าโจเขาบอกว่า พออย่างว่า... แล้วจะคลายเครียด
จิตใจปลอดโปร่งหัวแล่น ปึ๊ดๆๆๆ อารมณ์ก็ดีมีความสุข
หม่ามี๊ ก็ อืมๆๆๆๆๆๆความสุขนิดๆหน่อยๆ ของเขาก็ตามใจ
ไม่อยากขัดคอ แต่หม่ามี๊น่ะ ชอบความสงบ โล่ง โปร่ง เบา
ถึงจะมีความสุข พออย่างว่า.... แล้วมันก็ไคลแม๊กซ์มันก็
สุขอะนะ แต่มันมีความรู้สึกโหวงเหวง แล้วก็ช้ำนอกช้ำใน
ยังไงก็ไม่รุ บางทีก็มีความรู้สึกเหมือนหลังจากโดนมีด
บาดเนื้อ อะ มันวังเวง วิเวก วิเหว๋โหว๋ หวิวๆ บอกไม่ถูก
ก็ไม่ชอบความรู้สึกที่ตามหลังมา ก็เลยอะนะ
เลยรู้ตัวแบบว่าเหมือนกินยาขมทุกทีเลย

แล้วก็เรื่องถือศีลนานๆ เนี่ย ก็เป็นคล้ายๆนู๋บีอะนะ
แต่ของเจ้ เขาไม่เรื่องมาก ง่ะ เขาปล่อยให้เจ้พินา เอาเอง
แบบว่า พอถือศีลไปนานๆ วันดีคืนร้าย
มันจะมีหน่อแทงออกมาจึ๊กๆ
เป็นเรื่องที่เราทำไม่ดีเอาไว้ ของเจ้ก็เช่น เคยฆ่ากรรม
หมู่ครอบครัวหนู เกือบ20ชีวิต อยู่ๆมันก็คิดถึงเรื่องเก่าๆ
ขึ้นมา แต่มันไม่บอกอะไร มันฉายซ้ำๆอยู่นั่นแหละ เด๋วก็
จึ๊กๆ มาอีกแระไม่สงบสุขเลยแหละ พอเจ้นึกได้ เออ เราทำ
บาปกรรมไว้กะหนูครอบครัวนี้(ใช้กาวดักหนู อะนะ) ก็เลย
ขออโหสิกรรมเขาไป แล้วก็อุทิศบุญกุศลไปให้พวกเขา แล้ว
ก็บอกกับตัวเอง(คนลึกลับที่ไหนก็ไม่รู้ มันมีอยู่ในตัวเรา
แต่มันไร้ตัวตน อิอิ) ว่า เราสำนึกผิดแล้ว เราทำบาปฆ่าพวก
เขาเพราะเราไม่รู้ว่ามันบาป ต่อไปจะไม่ทำอีกแล้ว พอคิด
ได้แบบนี้ มันก็หายจ้อยไปเลยนะ เรื่องนี้ก็ไม่มาจึ๊กๆ กวน
ใจอีก แล้วพอวันดีคืนดีก็มีเรื่องอื่นๆโผล่มาอีก โหย....ขุด
โคตรขึ้นมาตั้งแต่สมัยไหนๆ แบบว่า โกหก ขโมยเงินแม่
ชักดาบ ฆ่ามด ฆ่ายุง ฆ่าปู ตกปลา กินไวน์ กินเบียร์ สารพัด
ที่เคยทำผิดศีล5 (ข้อ3 กาเม มันยังขุดเรื่องวางแผนหาเมีย
น้อยมาให้ซะมี เพื่อให้ตัวเองสบาย มันยังขุดให้ดูเร้ย...ว่า
จิตใจไม่บริสุทธิ์นะเนี่ย มีวาระซ่อนเร้น คิดแต่จะแหกคุก
ของซะมี...ไม่รักษาคำพูดของตัวเองเอาซะเลย อิอิ)
มันขุดมาฉายให้ดูหมด จนเราก็อืมๆ รู้แล้วว่าทำไม่ถูก
ก็อ้อมแอ้มบอกตัวเองว่า อืม ตรู...ผิดไปแล้ว ตรู...สำนึกผิด
ก็ได้ฟระ แต่ไอ้คนลึกลับ(อิอิ) มันก็ไม่ได้จุ้นจ้านบอกให้ไป
แก้เรื่องอดีตเล่านั้นนะ แค่เรายอมรับผิด แล้วจะไม่ทำอีก
มันก็สงบไม่มาจึ๊กๆ อะไรเรา ส่วนมากจะใช้วิธีแผ่กุศลที่
เราทำอยู่เนืองๆ ไปให้พวกเขาเท่านั้น ระลึกให้พวกเขา
มีความสุขทุกเมื่อ ก็สงบดี พอมันขุดจนไม่มีอะไรจะขุด
มันก็หาเรื่องอื่นๆ มาให้เราเล่น พาไปอ่านโน่น พาไปดูนี่
พาไปฟังธรรมมั่งอะไรมั่ง มันก็ไม่ได้มาเป็นตัวตนนะ
มันมาแบบดลใจ เข้าเน็ต เปิดโน่น เปิดนี่ ไปเรื่อยๆ ก็
ได้ความรู้สะสมไปเรื่อยๆ แล้วก็พินาทำความเข้าใจธรรม
ที่อ่านมาฟังมา ไปเรื่อยๆ ก็เข้าใจเพิ่มขึ้น รู้ว่าต้องทำอะไร
ทำยังไง แล้วก็เข้าใจตัวเองมากขึ้น รู้จักตัวเองมากขึ้น
ของเจ้ก็เป็นแบบนี้แหละ

เรื่องแสงวูบๆวาบๆ ภาษาพระจะใช่โอภาส หรือเปล่า
นู๋บี ก็พินาเอาเองละกัน โอภาสก็เป็นวิปัสสนูกิเลสของแรกๆ
ที่คนนั่งสมาธิส่วนใหญ่จะเจอ ถ้าขาดสติตามไปรู้มันจะขยาย
ออก ยิ่งถ้าเราชอบเราสนใจ แล้วขาดสติ มันก็ยิ่งสนองเรา
เต็มตรีน อิอิ เช่นบางคนใจอยากเห็นพระพุทธ ก็จะได้
เห็น ใจที่ปรุงเก่งมันก็ปรุงให้ดูเต็มที่ตามกิเลสที่มี
แต่จะของจริงหรือของปลอม ก็อยู่ที่กิเลสของใจคนดู
มันปรุงแต่งให้ตามใจคนนั้นแหละ ถ้าใจไม่มีกิเลส
ก็มีแนวโน้มจะเจอของจริง แต่ใจปุถุชน ร้อยทั้งร้อย
โดนกิเลสกินเรียบ เรียบร้อยโรงเรียนพญามาร
แต่บางทีก็มีมารภายนอกมาร่วมสนุกด้วยก็มี
แล้วแต่วิบากกรรมของคนๆนั้น บางคนเข้าใจว่า
ตัวเองเป็นพระสีอานมั่ง พระโน่น พระนี่มั่ง ก็เพราะ
กิเลสตรงนี้มันครอบใจแล้วไม่รู้ ก็เป็นบ้าไปคนเดียว
จิตหลอนเองแล้วหลงว่าเป็นของจริง แต่ถ้าเราไม่ได้มี
กิเลสอยากเป็นโน่นเป็นนี่ มันก็ไม่มีอะไร มันก็เห็นได้ตาม
จริง บางคนก็ชอบเอาตรงนี้ไปสอดรู้เรื่องคนอื่น ก็มี
มันก็ทำได้ แต่ต้องระวังเรื่องกิเลสความหลงครอบงำ
แล้วมันก็ไม่ได้ปัญญารู้ธรรม มันไปได้เป็นปัญญารู้เรื่องของ
คนอื่นแทน อย่างพระโมคคัลลานะ มีจักษุทิพย์เห็นไปได้ถึง
1พันโลกธาตุในครั้งเดียว แต่ไม่ได้ปัญญารู้ธรรม เพราะ
ไม่ได้รู้ที่ใจตัวเอง พอพระสารีบุตรแนะให้กลับมารู้ที่ใจตัว
เอง ก็ได้บรรลุธรรมในเวลาไม่นาน (จำได้ประมาณนี้อะ
ถูกหรือเปล่า ก็ไม่แน่ใจนะ เพราะจำจากตำรา อิอิ)

เคยฟังเทศนาของ ลพ.สุรศักดิ์ วัดมเหยงค์ เหมือนกัน
ท่านสอนให้ ดูจิตผู้รู้ ก็คือดูใจเรานั่นเอง

แบบว่าคนธรรมดาที่ยังไม่ตื่น ยังหลงอยู่ในโลก จะไม่มี
สติมารู้ที่จิตผู้รู้ คือไม่รู้ใจตัวเอง แต่มีสติไปรู้ที่อยู่ที่อารมณ์
กับสิ่งที่ถูกรู้ สิ่งที่มากระทบอยาตนะทั้ง6 เท่านั้น
เช่นรู้อารมณ์สุข แต่ไม่รู้ว่าตัวเองชอบอารมณ์สุข ไม่รู้ว่า
ตัวเองเพลินในอารมณ์สุข ไม่รู้ว่าตัวเองติดอยู่ในสุข

หรือไปรู้อารมณ์ทุกข์ ก็ไม่รู้ว่าตัวเองจมจ่อมอยู่ในความ
ทุกข์ ไม่รู้ว่าตัวเองไม่ชอบใจความทุกข์มันก็เลยติดอยู่ใน
ทุกข์นั้น ตัดตอนออกมาไม่ได้ ช่วยตัวเองไม่ได้ ก็จมทุกข์
ไปเรื่อยๆจนกว่าทุกข์มันคลายมันดับก็หายจากอาการทุกข์
ไป แต่ไม่รู้ว่าทุกข์ดับ รู้แต่ว่าไม่ทุกข์แล้ว เรียกว่าหลงใน
โลก หลงสุข หลงทุกข์ ไม่เคยรู้ที่ใจ ไม่เคยรู้สุขที่เกิดที่ใจ
ไม่เคยรู้ทุกข์ที่เกิดที่ใจ ไม่เคยรู้ใจตัวเอง

ถ้าเขียนเป็นผังก็เป็นแบบนี้
รู้ผู้ถูกรู้-รู้ผู้ถูกรู้-รู้ผู้ถูกรู้.....
ผู้ถูกรู้คือสิ่งที่จิตไปรู้ ได้แก่ สุขทุกข์ อารมณ์ วัตถุ ภาพ
สิ่งที่มากระทบ คือมีสติไปรู้ที่โลกไปรู้ที่เรื่อง
แต่ไม่รู้ใจตัวเอง เรียกว่าหลงอยู่ในโลก
เป็นคนหลับ เป็นคนฝันกลางวัน เป็นคนไม่รู้สึกตัว
ไม่รู้ที่ใจตัวเอง

แต่ถ้าเป็นคนตื่นแล้ว ในทางธรรม คือภาวนาเป็น
แต่ยังไม่บรรลุธรรมนะ คือเป็นปุถุชนที่หัดภาวนาเจิรญสติ
เจริญปัญญา สะสมพละ สะสมสมาธิ สะสมปัญญา ในทาง
พุทธะ ผู้ตื่น ผู้รู้ ผู้เบิกบาน ก็จะมีสติไปรู้ใจ มีจิตผู้รู้ตั้งมั่น
ขึ้นมาได้ คือมีสมาธิระดับหนึ่งแล้ว ตั้งแต่ขณิกะเป็นต้นไป
ระดับอุปจารสมาธิก็คือถึงขั้นมีฌาณเป็นต้นไป มีสมาธิมาก
ก็ตั้งมั่นรู้จิตผุ้รู้ได้มา คือจิตผู้รู้มันตั้งอยู่ได้นาน เราก็เห็นมัน
ชัด ถ้าจิตผู้รู้ตั้งมั่นได้น้อยอย่างขณิกะสมาธิก็ต้องอาศัยตาไว
รู้ให้ไว ก็รู้ได้เหมือนกันแต่รู้ไม่ชัดก็สะสมการเห็นธรรมได้
น้อยกว่า แต่ก็ยังเห็นได้ สะสมปัญญาทางธรรมได้เหมือนกัน
ก็จะเป็นผังแบบนี้

รู้ผู้รู้-รู้ผู้ถูกรู้-รู้ผู้รู้-รู้ผู้ถูกรู้-รู้ผู้รู้...

มันสลับกัน มารู้ที่ใจตัวเองบ้าง ไปรู้ที่เรื่องที่เรื่องราวบ้าง
ไปรู้ที่อารมณ์บ้าง ที่สำคัญคือมีการย้อนมารู้ที่ใจเนืองๆ อันนี้
เป็นิสัยฝึกกันได้ เตือนตัวเองบ่อยๆ การมารู้ที่ใจตัวเอง
มารู้ที่จิตผู้รู้เรียกว่าเป็นการรู้ธรรม สะสมเกิดเป็นปัญญา
ทางธรรม จะได้เนื้อได้หนังเป็นรูปธรรมก็ได้ที่ตรงนี้
จนเกิดปัญญาเห็นจิตผู้รู้มันก็ไม่เที่ยง จิตผู้รู้หรือใจเรา
มันก็ไม่เที่ยง รู้ลงเป็นไตรลักษณ์ได้ในมุมใดมุมหนึ่ง
ในเรื่อง อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เรียกว่ารู้ธรรมจนชัดเจน
แจ่มแจ้งแดงแจ๋ ก็ปล่อยวางไม่ยึดมั่นถือมั่นในจิตผู้รู้ได้
ก็จะเห็นความจริงของสัจธรรมได้จนถึงขั้นบรรลุธรรม

โอ้ว...โชว์น้ำหมากสู่รู้กระจัดกระจาย เลย อิอิ
ว่ากันตามตำราที่จำมานะ ก็พินากันเอาเอง ยังไม่รู้ของจริง
แหะ แหะ













 
 

โดย: ป้านู๋ขวัญ ขยันแพล่ม มาแว้ววว อิอิ IP: 124.120.152.137 วันที่: 25 มิถุนายน 2553 เวลา:10:11:34 น.  

 
 
 
เนี่ย ป้าขวัญเค้าคมกริบ
จะพูดกงไหนก็จารไนได้ชัดแจ้งดีแท้ๆ

รู้ผู้รู้-รู้ผู้ถูกรู้-รู้ผู้รู้-รู้ผู้ถูกรู้-รู้ผู้รู้...

กงนี้ท่านก็ว่าแบบนี้แหละ(แต่เหล่าฮูใช้จับใจฟาม พอพูดก็ไม่เหมือน จำไม่ล่าย) รู้ผู้รู้ แต่สวิทย์ไปมาเนี่ยเป็นการบรรยายให้เห็นอาการของจิต

แท้จินแล้ว จะว่าไปก็เหมือนดูจิตที่พูดๆกันอยู่น่ะแหละ แต่วิธีอธิบายก็ใช้โวหารที่ต่างออกไป ลางคนเข้าใจได้ง่าย เร็ว กับอาจารย์คนหนึ่ง แต่กับอีกท่านหนึ่งก็ไม่เข้าใจเท่าไหร่

อย่างเหล่าฮูฟังหลวงปู่ดุลย์ก็เข้าใจน่ะ ท่านพูดสั้นๆ แต่กินใจความลึกซึ้งมาก

"จิตที่ส่งออกนอก เป็นสมุทัย
ผลอันเกิดจากจิตที่ส่งออกนอก เป็นทุกข์
จิตเห็นจิตอย่างแจ่มแจ้ง เป็นมรรค
ผลอันเกิดจากจิตเห็นจิต เป็นนิโรธ"

"คิดเท่าไรๆ ก็ไม่รู้ ต่อเมื่อหยุดได้จึงรู้ แต่ต้องอาศัยความคิดนั้นแหละจึงรู้"


หลวงพ่อพุทธทาสฟังแล้วเข้าใจยากสักนิด แต่พอเข้าใจได้ในระดับหนึ่ง แต่พอได้มาฟังธรรมบรรยายของท่านเจ้าคุณโชดก ท่านเจ้าคุณประยุทธ เป็นอันยุติ ไม่มีที่จะเข้าใจได้แจ่มแจ้งขนาดท่านเลย
เอาแค่ว่า

อยาก ในตัณหา กับ
อยาก ในฉันทะ

มีท่านเท่านั้นที่อธิบายแล้วไม่เสียเปล่า

แต่ตอนฟังท่านอาจารย์พุทธทาสบรรยายไว้(สมัยวิวาทะกับท่านม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ) ก็ไม่คลิ๊กเท่าไร
ว่าแต่ ป่านนี้ที่เคยถามไว้ เคยมีใครสงสัยไปตามดูกันมั่งรึป่าวล่ะ
อิอิ

บอกห้าย พอเข้าใจอยากในฉันทะแล้ว เมื่อได้ไปฟังใครๆว่า
อย่าไปอยากดี อยากเด่น อยากบรรลุธรรม หรือ พออยากแล้วให้หยุดปฎิบัติ จะเข้าใจเลยว่า หมอนี่มันมะค่อยรู้เรื่องเท่าหร่ายน่ะ

พระพุทธเจ้าท่านสอนให้สันโดษ สงัดจากกาม
แต่ไม่ให้สันโดษในกุศลธรรม
แต่ท่านสอนให้มีฉันทะมากๆ ท่านให้มีความเพียรในฝ่ายกุศลธรรม

แล้วครายที่บอกอย่าไปอยากบรรลุธรรม อย่าอยากได้องค์ฌาน เขาก็คลาดเคลื่อนออกไปนิดหน่อย
(ก็นิดหน่อย เปลี่ยนไปใช้คำว่า มีฉันทะในการภาวนา มีฉันทะ เพียรให้ได้ฌานสุข อะไรทำนองนี้ )เพราะไปรังเกียจตัวอยาก สร้างฟามรู้สึกปลอมๆขึ้นว่า ฉันม่อยาก ไม่อยาก มันเฉยๆนะ ฉันนี่แหละ ผู้ไม่อยาก

มันเฉยๆ แล้วมาปฎิบัติหาตะหวักตะบวยอะไรล่ะ !(อุ๊ย หาเรื่องอีกแย๊ว)

เหล่าฮูติดข้องกงนี้มาตลอด เมื่อก่อนก็มีทิฏฐิแบบนี้แหละ ปามาณว่า
ไม่ต้องรู้จักชื่อผมหรอก เรียกผมว่า ผู้ไม่มีความอยาก
เนี่ย ไปสร้างอัตตาปลอมๆขึ้นมาล่ะ เขินจัง

มาแยกได้ชัดหลังฟังที่ท่านอธิบาย เลยไม่ค่อยตามฟังของท่านอื่นๆอีก บางท่านจะพูดซ้ำๆวนเวียนอยู่ที่เดิมน่ะแหละ ไม่ค่อยไปไหน บางท่านเน้นเป้าชัดๆ พูดทีไรก็เล็งเป้าเดียว

แต่ของท่าน จะมีแง่มุมใหม่ๆ วิธีคิด คิดแบบจับหลัก ท่านจะเลือกเฟ้นคำนานมาก.....อ่ะ กว่าจะเลือกนำมาใช้ให้เราเข้าใจ(ไปอ่านวิถีแห่งปราชญ์เส่ อ่านแล้วซาบซึ้ง ได้ข้อคิดดีๆน่ะ)

อย่างคำว่า "อย่าปลงใจเชื่อ" ในกาลามสูตร(เกสปุตตสูตร) ใครๆก็ว่า อย่าได้เชื่อเพราะฟังตามๆกันมา
พอท่านมาเลือกเฟ้นคำอธิบาย ท่านก็ใช้ "อย่าเพิ่งปลงใจเชื่อ"
ฟังแล้วเข้าใจแจ่มแจ้งเลยทีเดียวเทียว (เข้าใจว่าไงอ่ะ ใครสงสัยลองค้นดูนะ ก็ไม่เห็นครายสงสัย ซาแดงว่ารู้แล้วมัง)






ฝากป้านู๋บี

เหล่าฮูไปกินใบแป๊ะตำปึงล่ะ ดี๊ดี กินแล้วอาการภูมิแพ้มันทุเลา ล่าสุดไปหาหมอตามา เค้าว่ามันดีมาก ให้มองตัวเลขไกลๆ เที่ยวนี้เห็นหมด ไม่ผิด แปลกมากๆน่ะ

แต่เค้าเจอไขมันในลูกตา เค้าว่าให้งดมันๆด้วย
ว่าจะมาเล่าให้ฟัง แต่มัวฝอยเรื่องนุ้นนี้จนเลิม

เนี่ย มันแปลกชอบกล มีนัยยะสำคัญ มะรู้มันเป็นไปได้ไง รึคิดไปเอง
(กินยาหมอด้วย กินแป๊ะกำปึงด้วยน่ะ ทำฟามสะอาดห้องด้วย เลยมะรู้มาจากเหตุ-ปัจจัยตัวไหนมั่ง ท่านว่า เอกกรณังเหตุวาท ลัทธิเชื่อเรื่องเหตุเดียวผลเดียว แต่พุทธเราเป็นเหตุปัจจัยเดียว ก่อให้เกิดหลายผล
หรือผลเดียวมาจากหลายๆปัจจัย

เค้าว่า ผายลมทีหนึ่งดังถึงดวงดาวอะไรประมาณนี้มัง ไม่แม่นนัก

กินมาเดือนฝ่าๆน่ะ เลยมะรู้มาจากปัจจัยใดๆ รึร่วมกันไปเป็นองค์รวม แต่ คิดว่าใบแป๊ะกำปึงเนี่ยคงเกี่ยวอย่างมากเลย
ตอนนุ๊น เพื่อนของเพื่อนเค้าไปซดน้ำซุปที่ต้มจากซี่โครงไก่ แค่นั้นแหละ หามเข้าโรงพยาบาลเลย
ต่อมาเค้าไปกินใบไม้น่ะ เรียก จินจีเหมาเยี่ย(เรียกกันมั่วไปหมด จินๆน่าจะจินจีเหมาเยี่ยน่ะ แปลว่าใบขนไก่ทองน่ะ) อีกินวันละเจ็ดใบนะ สักพัก ทีนี้กินเข้ามันไก่หน้าตาเฉย(กินดื้อๆน่ะ) และโรคก๊งโรคเก๊าท์ก็ไม่เป็น แปลกดีแม๊ะ

จินจีเหมาเยี่ย ถามอากู๋ดู ไปๆมาๆกลายเป็นแป๊ะตำปึงได้ไงมะรู้ ที่มาที่ไปของชื่อพิเรนทร์นี้ยังหาไม่เจอ แต่พืชนี้มาพร้อมๆใบหญ้าปักกิ่งแก้มะเร็งน่ะ ใช้ลีจินๆ

อีกต้นชื่อฮวานง็อก ต้นนี้เค้ายิ่งโม้กันไปใหญ่น่ะ แก้สารพัดสารพัน แต่ที่เป็นที่ประจักษ์ก็แป๊ะตำปึงนี่แหละ คนที่พูดถึงเนี่ยเค้าเป็นเจ้าของเคเบิลรายใหญ่นะ หญ่ายมากๆ ที่ดูๆกันอยู่ทั่วไปส่วนใหญ่ก็ของอีน่ะ และยังมีอีกคนที่กินแล้วหาย ก็เพื่อนของเพื่อนที่สนิทกันในกลุ่มน่ะ เลยเอามาเล่าให้ฟัง น่าสกัดขายจังเลยเนอะ

เหมือนใบพลูคาว ตอนนี้มะรู้ใครทะลึ่ง สกัดขายขวดละตั้งเป็นพันบัก คนไทยนี่โง่จินๆ ไปตามก้นฝรั่ง เห็นเค้าขายตรงก็ขายตรงกะเค้ามั่ง ไม่รู้จะโลภไปถึงไหน ใบพลูคาวของพื้นๆเหมือนใบบัวบก ดันไปสกัดขายเป็นพัน เราๆนี่เหมือนหลงยุค มาอยู่ในยุคมือใครยาวสาวได้สาวเอา มรึงหลอกมัน มันหลอกมรึง ใครๆก็ต้ม ใครๆก็หลอก แปลกจินๆ ไว้เราต้มยาแก้ขาดละอายหรือภูมิละอายบกพร่องมาขายมั่ง เอาซะขวดละห้าพันดีแมะ
555555555

ง่า หมดมุขแล้วง่ะ คุยไปคุยมาเริ่มไม่หนุก เลยเอานี่มาคั่นนิดโหน่ย เผื่อไว้อ้างอิง เห็นว่าเคยสนใจเรื่องเกี่ยวกะสมุนไพรนิดหน่อย(ละมัง)

เคยย้อนไปดูโพสต์ป้านู๋บี ไหงเหมือนDéjà vu
มีคำพูดที่เหมือนพูดซ้ำ เช่น ป๋าหมานอ่านลีลาวดี กามนิต-วาสิฏฐี ปัญญาสาม รวมทั้งศีลห้าที่อามดเอ๊กเอามาฝาก
(อันนี้อ่านได้นิดเดียว ยังไม่ได้ต่อเลย แต่เขียนดีจินๆ สนุกน่ะ)
และเรื่องที่เหมือนเหล่าฮูมาคุยซ้ำที่ป้าเคยพูดไว้แล้ว ดูเหมือนเหล่าฮูจะตอบคำถามที่ป้าเคยไปจารไนไว้ก่อนซะทั้งนั้นเลย

เนี่ย สอนลิงปีนต้นไม้จินๆ รอบรู้ไปโม๊ด และมะมีปริปากซักแอะ ปล่อยเหล่าฮูพล่ามซะตั้งแยะ นัยว่า รักษาหน้าเหล่าฮูรึเป่า น่ารักจินๆ ลิงกะหมา
ขอนินจาเป็นพักๆๆนะ เพื่อสายตาอันใสซื่อของเหล่าฮู
 
 

โดย: Lao fu zi IP: 124.122.65.135 วันที่: 25 มิถุนายน 2553 เวลา:12:20:08 น.  

 
 
 
เรื่องดูอาการจิต เนี่ย เป็นของสำคัญมากๆเลยนะ
ในความคิดของป้านู๋ขวัญ อิอิ

บางคนเขาไม่สนใจจะดูอาการจิตของตัวเอง
จะเอาแต่ดูจิตของตัวเอง ก็ไม่รู้จะยังไงนะ
เพราะป้านู๋ขวัญเข้าใจว่า บุคคลที่จะเห็นจิตได้
มีแต่ผู้ที่บรรลุธรรมแล้วเท่านั้น
ส่วนปุถุชนคนมีกิเลสแล้วบอกว่าเห็นจิตเพียวๆได้น่ะ
ป้านู๋ขวัญ ว่าเขาเข้าใจผิดไปเอง จริงๆก็เห็นอาการจิต
นั่นแหละ แต่เป็นอาการจิตที่สว่างไสวของจิตผู้รู้ เท่านั้น
คือเห็นจิตผู้รู้แยกออกมาชัดเจนด้วยกำลังสมาธิที่ตั้งมั่น
ได้มาก แล้วคิดว่าจิตผู้รู้นี้คือจิตเที่ยง ธรรมเที่ยง ธรรมธาตุ
คือจิตเดิมแท้ หรืออะไรอื่นๆ ที่พระท่านพูดถึงเรื่องนิพพาน
ทั้งๆที่จริง จิตผู้รู้มันก็เป็นจิตประภัสสรดวงหนึ่ง ที่ประกอบ
ด้วยอาการจิต(เจตสิก)ที่เป็นชนิดโสภณเจตสิกที่เกิดขึ้นได้
ด้วยกำลังสมาธิระดับฌาณขึ้นไป ยังไม่ได้มีปัญญาทางธรรม
พอถึงเวลามันก็เสื่อมไปตามกฏแห่งความไม่เที่ยง แต่ถ้า
เป็นผู้บรรลุธรรมแล้วมันจะไม่มีเสื่อม ไม่มีจิตเสื่อม คือไม่มี
เจตสิกประเภทอกุศลเจตสิกเกิดขึ้นกับจิตดวงนั้นอีกเลย

ก็เข้าใจแบบนี้นะ แต่ยังไม่รู้จริง แหะ แหะ
เป็นความคิดส่วนตั๊วส่วนตัว ที่ไม่เหมือนบางคน
ถ้าไม่ตรงกับใคร ก็อย่าถือสาแล้วกัน
อิอิ
 
 

โดย: ป้านู๋ขวัญ อิอิ IP: 124.120.152.137 วันที่: 25 มิถุนายน 2553 เวลา:14:03:33 น.  

 
 
 
อ่านแล้วชอบ เลยอยากให้คนอื่นอ่านมั่ง
อุบาสกเปลี่ยน รักแซ่
วันที่ ๔ มีนาคม ๒๔๙๔ ได้สนทนาธรรมกับคุณลุง
คุณลุงแสดงว่า
"ดับหมด เป็นหมด"
"ผมใช้ภาวนา ธรรมดา รู้อยู่"
"พิจารณาแยกออกหมดแล้วมันก็ไม่มีอะไร"
"มันก็ จิตดูจิต เป็นเอง"
"พระพุทธเจ้าท่านเห็นโลกธรรมแปดนั่นเอง
อย่างไรทุกข์เกิด มันก็ดับไปเอง"
"บางทีผมก็ใช้ภานา จิตว่าง วางเฉย
ถึงพระสามองค์
บางทีก็มีปรุงเหมือนกันแต่ผมก็เฉยเสีย"

หลังจากนี้ท่านก็พูดซ้ำๆ ตลอดมาเป็นประจำ
รวมทั้งที่แสดงในเวลาประชุม ก็มักแสดงว่า
"รู้อยู่ ก็ว่างอยู่"
"รู้ว่าอะไรๆมันไม่เที่ยง แล้วจะไปยึดอะไร"
"ดับหมด เป็นหมด"
"หมดเกิด หมดตาย"
"นามรูปขันธ์ห้าไม่เที่ยง ใครจะไปบังคับบัญชามันได้
ก็มันไม่มีคัวของมันเอง"
"รู้เอง เป็นเอง เป็นผู้ตื่น เป็นผู้เบิกบานด้วยธรรม"

ท่านได้เริ่มป่วยมากเมื่อต้นเดือนสิงหาคม ๒๕๐๘
เมื่อเริ่มป่วยใหม่ๆ มีผู้หนึ่งไปเยี่ยม ถามว่า "คุณตาเป็นอย่างไรบ้างคะ"
ท่านลุกขึ้นยิ้มตอบว่า
"ไม่เป็นไร อยู่เฉยๆว่างๆรู้ตัวเอง ปล่อยตัวเองเสียแล้ว
ก็ไม่เจ็บป่วยอะไร"

ต่อมาหลายวัน ผู้ปฏิบัติท่านหนึ่งทำน้ำโสมชงเพื่อให้ชุ่มคอให้ดื่ม
เห็นรู้สึกกลืนไม่ใคร่สะดวก จึงบอกให้ค่อยๆดื่ม
แล้วจะทำแป้งมาให้รับประทานเพื่อจะได้ระงับเวทนา
ท่านว่า "ก็เวทนาไม่มี แล้วจะมาดับอะไร" ผู้ให้เลยต้องนิ่งไป

ขณะป่วยได้พยายมยามช่วยตัวเองทุกระยะ โดยไม่รบกวนใคร
เสร็จแล้วก็นอนเฉยๆตลอดวันและคืน
หลังจากป่วยแล้วหลายวันได้ช่วยตัวเองอยู่โดยอาการอย่างนี้
วันหนึ่งขณะลุกขึ้นยืนจะเข้าห้องน้ำจึงได้ล้มฟาดลงมาทั้งยืน
รุ่งขึ้นมีผู้ปฏิบัติถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง
คงตอบว่าไม่เป็นอะไรเช่นเคย อยู่เฉยๆไม่เป็นอะไร
ผู้ปฏิบัติหลายคนคิดจัดแจงให้ความสะดวกเรื่องห้องน้ำ
ท่านกลับพูดว่า "ช่างปรุงช่างแต่งกันไปเอง"
มีผู้หนึ่งถามว่าแล้วเวทนาไม่รวบรัดคุณตาบ้างหรือ
ก็ตอบว่า "ทำไมไม่รวบ ทำไมไม่รัด แต่รู้ดับ รู้ปล่อยเสียแล้ว มันไม่มีอะไร"

ต่อมาวันหนึ่ง ผู้ปฏิบัติสนทนากันถึงเรื่องขันธ์ห้า
ว่าเมื่อวันประชุม ท่านให้พวกเราพิจารณาให้รู้ความลับของขันธ์ห้า
ถามกันว่าอะไรเป็นความลับของขันธ์ห้า
คุณตาได้ยินจึงพูดขึ้นว่า "ก็ความไม่เที่ยงน่ะ ซี เป็นความลับ"
มีผู้หนึ่งถามว่า ใช่หรือ
ท่านยืนยันว่า "ทำไมจะไม่ใช่"

วันที่ ๕ กันยายน ๒๕๐๘
หลาน(ที่ร้านธรรมดานิยม) มาเยี่ยม ถามว่า "คุณลุงเป็นอะไรบ้างคะ"
ตอบว่า "จิตใจเป็นธรรมนำผู้ปฏิบัติออกจากทุกข์ออกจากกิเลส
อยู่ว่างๆ เปล่าๆ ไม่ยึดถืออะไร ไม่มีอะไร
รู้ของไม่เที่ยง จิตใจว่างไม่ยึด ไม่ถือ"

๖ กันยายน ๐๘
ผู้เยี่ยมถามว่า "วันนี้คุณตาเป็นอย่างไรบ้างคะ"
ตอบอย่างวันก่อน "จิตใจเป็นธรรม นำผู้ปฏิบัติออกจากกองทุกข์กองกิเลส
จิตใจรู้ว่าง ไม่มีอะไร ไม่มีใครเกิด ไม่มีใครตาย
อยู่ที่ว่างๆเสียแล้วก็ไม่มีอะไร
รู้เองเห็นเอง จิตใจอยู่ที่ไม่ยึดถือ มันก็ว่างจากทุกข์"

มีผู้พยาบาลให้ยารับประทาน
ท่านพูดว่า "จิตมันว่างเปล่าอยู่แล้ว ไม่ต้องทำอะไรก็ได้
ยาอะไรๆก็ดี แต่สู้จิตว่างเปล่าไม่ได้"

๘ กันยายน ๐๘
ท่านได้พูดกับผู้มาเยี่ยมว่า "จิตใจเป็นธรรมนำผู้ปฏิบัติออกจากกองทุกข์กองกิเลส
อย่างจัดแจงอะไรจะอยู่เฉยๆ"
คำว่าจะอยู่เฉยๆ พูดอยู่เสมอ เพื่อจะรู้ภายในให้แนบแน่นยิ่งขึ้น

๙ กันยายน ๐๘ เวลา ๑๐.๐๐ น.
มีบุตรหลานมาเยี่ยมหลายคน มีเสียงพูดคุยกัน
ขณะที่มีลูกนั่งอยู่ใกล้ ท่านได้ยกมือขึ้นสองข้างแล้วพูดว่า
"ข้างหนึ่งเป็นความว่างไม่ปรุงแต่งอะไร
ข้างหนึ่งปรุงแต่ง เกิดดับกันไป ไม่ปะปนกัน
ผู้พยาบาลพยุงให้นอน ท่านพูดว่า "จิตใจเป็นธรรม"
ลูกๆจะจัดแจงอิริยาบถให้เรียบร้อย
ท่านว่า "ขันธ์ห้ามันเป็นทุกข์จะไปจัดแจงอะไร"

ที่มา '//www.larndham.net/cgi-bin/kratoo.pl/001905.htm]001905 -'
 
 

โดย: ป้านู๋ขวัญ อิอิ IP: 124.120.152.137 วันที่: 25 มิถุนายน 2553 เวลา:15:08:09 น.  

 
 
 
(ก็เข้าใจแบบนี้นะ แต่ยังไม่รู้จริง แหะ แหะ
เป็นความคิดส่วนตั๊วส่วนตัว ที่ไม่เหมือนบางคน
ถ้าไม่ตรงกับใคร ก็อย่าถือสาแล้วกัน
อิอิ)

อาเหล่ายายเนี่ย ปากค๊มคม
มีการ ไม่เหมือนบางคนล่วย ส่วนตั๊ว ส่วนตัว
แด แด่ดี๊แด แด่

เนี่ย ไม่ต้องถือสากันเนี่ย นับว่ากงใจน่ะ


"คนกล่าวคำขนาบข่มขี่นั่นแหละ คือคนชี้ขุมทรัพย์ละ"

"คนเรา ควรมองผู้มีปัญญาใดๆ ที่คอยชี้โทษ คอยกล่าวคำขนาบอยู่เสมอไป ว่าคนนั่นแหละ คือผู้ชี้ขุมทรัพย์ละ ควรคบบัณฑิตที่เป็นเช่นนั้น"

"เมื่อคบหากับบัณฑิตชนิดนั้นอยู่ ย่อมมีแต่ดีท่าเดียว ไม่มีเลวเลย"

จิ๊กเค้ามาล่ะ คนกล่าวคำขนาบ
(//www.oknation.net/blog/print.php?id=128824)

ถ้าอ้ำอึ้งเกินไป ก็ไม่เห็นบางมุมมองที่ถูกอะไรบังอยู่ ลางทีก็มีนุ่นนี่มายืนบังล่ะ ถ้าได้บอกกล่าว ก็นับว่ากรุณา เป็นผู้กล่าวคำขนาบ

เหล่าฮูกลัวแต่ว่า ตัวเองจะไปจาบจ้วงล่วงเกินจนเกินพอดีน่ะเส่ ลางทีพูดนิดพูดหน่อย มาเป็นชุดๆ คิดว่าอยากกล่าวคำขนาบกะเค้ามั่ง แต่เค้าไม่เห็นบัณฑิตย์น่ะเส่ เค้าจะเอาไม้มาขนาบกบาลเหล่าฮูแทน
หวังดีก็เลยเป็นหวังเต๊ะด้วยประการฉนี้ เอิงเงย

ลางทีก็ล้อเล่นล่วงลึกเกินพอลี แต่ไม่รู้ตัว รึรู้ตัวแต่ชอบแหย่ เค้าก็จะไม่กล่าวคำขนาบ แต่เค้าจะด่าขนาบเลยล่ะ ลางทีก็เทศน์ลำดับญาติให้โดยไม่ต้องนิมนต์

เนี่ย จะนินจาพักผ่อน มาเห็นแว่บแล้วก็ต้องมาแสดงความขอบคุณที่กล่าวคำขนาบให้ได้รู้
อาป้าบัวขวัญ สนใจอภิธรรมล่วย ใส่ศัพท์อภิธรรมเข้ามาพลิกตำราแทบไม่ทัน
"โสภณเจตสิก"
ทำให้ได้ค้นเพิ่มจากที่ไม่เคยสนใจเท่าไหร่ ลีตรงนี้ จินๆน่ะ เลยเอามาแปะเพิ่มนิดนึง



ผัสสะ จะเกิดขึ้นไม่ได้ถ้าไม่มีจิต
แต่จิตเป็นไปได้ แม้จะไม่มีเจตสิกบางดวงเกิดร่วม

เช่น กลุ่มปัญจวิญญาณ ย่อมเกิดขึ้นได้แม้ไม่มีวิตกเจตสิกร่วมด้วย เป็นต้น จึงควรกล่าวว่า

"เจตสิกเนื่องกับจิต
แต่ไม่ควรกล่าวว่าจิตเนื่องกับเจตสิก"

ขอบคุง กำเสี่ย อึ่มก๊อย แต๊งกิ้ว
(ขอนุยาดนินจายาวนิดนึง พอลีญาติผู้ใหญ่เพิ่งบ๊ายบายกลับบ้านเก่าตะกี้เองจ้า เสร็จทู่ระแล้วจะหาเรื่องมาโม้ต่อ)
 
 

โดย: Lao fu zi IP: 124.122.65.135 วันที่: 25 มิถุนายน 2553 เวลา:20:20:28 น.  

 
 
 
ชวนป๋าบัว ดูหนัง เรื่องนี้เลย

ไปกับผม มะป้า ฮิ ๆๆๆๆๆๆๆ


เคยได้ยิน คำนี้ไหม

เราจะเป็น หู เป็น ตา ให้กันและกัน


ลึกมาก ลึก ๆๆๆๆ จนผม ขนลุกกกกกก


โอยยยย ขนลุก พี่เรียวทำดี มีมิติ นะ

พร๊อตตต แจ๋ว ไอเดีย บรรเจิด

อ๊อฟโร๊ดดดดดดดดดดด ด้วย

คิดได้ไงเนี่ยยยยยยยย สาธุ พี่เรียยววววว

ไม่ใช่รักแค่ หนุ่ม ๆ สาว ๆ มันแฝง นะ แฝง

ทำไมถึงชอบ ล่ะ

1. สาวหูตึง กับ สาวตาสั้น กับคำว่าเพื่อน ( พร๊อต แจ๋ว )
2. วิวดี ผมชอบเที่ยวววววววว เวียดนาม ถึงใหนหว่า ฮี่ๆๆๆ
3. ชอบเพลง เพราะดี พี่ อัสนี วสันต์ มาแว้วววววว


//www.youtube.com/watch?v=-H9Y3Ats_OQ

//www.youtube.com/watch?v=hqbkuPUePp8
 
 

โดย: มดเอ๊กซ IP: 124.120.243.224 วันที่: 25 มิถุนายน 2553 เวลา:21:18:14 น.  

 
 
 
^
^

แท้งกิ๋วจร้าไอ้หลานร้ากกกกก
เอ็งเป็นผู้ชายคนแรกเรยนะเนี่ย
ที่หลวมตัวมาชวนป้าบัวไปดูหนังด้วย เหอ ๆ

แหม๊ ม่ะอยากบอกเรยว่า
นอกจาก พี่เคน ธีรเดช ก๊ะ พี่ โดม ปกรณ์ลัม แร้ว
พี่เจ มณฑล ก็เป็น อีกหนึ่งหนุ่มในสเปคป้า
แหม๊ ขาว ๆ ปากแดง ๆ งี้ ป้าช้อบ ชอบ งิงิ
แท้งกิ๋วที่เอามาฝากจร้าาาา


อ่ะอันนี้ แถมมมม

//movie.postjung.com/show.php?id=296

.

.
 
 

โดย: คุณป้าบัวอ้า ๆ หุบ ๆ...( ผลุบ ๆ โผล่ ๆ) เหอ ๆ... IP: 117.47.91.145 วันที่: 25 มิถุนายน 2553 เวลา:22:29:02 น.  

 
 
 
หม่ามี๊ขวัญ เจ้าขราาาาาาา

----------------------------------
หม่ามี๊ ก็บอกป๋าเขาไปแล้ว ว่าที่เด็ดกว่าเซ็กซ์ก็ยังมี
ให้หมั่นนั่งมาธิไป เด๋วก็รู้เอง เขาก็ไม่เชื่อ แบบว่า
หม่ามี๊ เป็นแต่ภาคทฤษฎี ไม่มีรูปธรรมให้เขาจับต้องได้
เขาก็เลยยังไม่ปักใจเชื่อหม่ามี๊ แต่ป๋าเขาก็รับไปพิจารณา
เหมือนกัน บอกว่าถ้าขานั่งงอเข่าได้ไม่เจ็บ ก็จะลองดู
ตอนนี้วิบากกรรมมันเล่นงานอยู่ เคล็ดขัดยอกที่สะโพก
ที่เข่า ที่น่อง ที่ตรีน เวทนามันรุมเร้าซะจริงๆ
จะนั่งอึก็ยังโดนเวทนาเล่นงาน
แต่เวลาทำอย่างว่า...ทุกขเวทนามันไม่มากวนเลยนะ แม๊...
มันรู้ใจกันยังไง ก็ไม่รุ เหอๆ

+++++++++++++++++++++++

โถ ๆ น่าฉงฉาน ป๋าโจ เสียนี่กระไร
ถูกโรคาพยาธิรุมเร้า
แถม คุณนายเน่า ก็ ทำใจดำ
ม่ะยักกะเห็นอกเห็นใจกันเล๊ยยยย เหอ ๆ


อิอิ บางครั้งการทำสิ่งดี ๆ
แรก ๆ มันก็ต้องฝืนใจมั่งเป็นธรรมดา อ่ะ เจ้
ฝากปลอบใจ ป๋าโจ โตย ว่า
การปฏิบัติ มันก็เหมือน การฉีกเปลือกทุเรียนนั่นแหล่ะ
มันต้องอาศัยฟามพากเพียร ในการงัดแงะแกะเกา
ของแหล่ม ๆ อร่อย ๆ อ่ะ จะให้มันกินง่ายๆ
เหมียน ปอกกล้วยเข้าปากได้ไงเล่าคร้าาาา


และก็มีแต่ พวกลิงติดตัง เท่านั้นแหล่ะนะ
ที่พอใจแค่รสชาดแบบบ้าน ๆ ของกล้วย
ถ้าอยากกินทุเรียนหมอนทองอร๊อย อร่อย
ก็ต้องทนเจ็บมือ ให้ หนามทุเรียนมันตำเอามั่งจิ
มันถึงจะเจ๋ง ง่ะ งิงิ


นี่ ๆ ขอนุยาดแนะนำนะเจ้
ถ้า ป๋าแกบอบบางนั่งขัดตะหมาด มิได้
ลองนอนสมาธิ
หรือนั่งห้อยขาเอามือจับหัวเข่า
ให้ เอาลิ้นแตะเพดานปากตามกองลม เฉย ๆ ก็ได้นิ
อิฉันก็ใช้วิธีนี้นะ เพราะทำแร้ว
มันเอื้อกับกายเนื้อมากกว่า การนั่งขัดตะหมาดอ่ะ



นั่งขัดตะหมาดนาน ๆ
เส้นเลือดมันถูกกดทับไหลไม่สะดวกอ่ะ
ตอนนั่งน่ะไม่มีปัญหากับเวทนาหรอกนะ ตัดได้สบายมาก
แต่พอออกจากสมาธิแร้วตะคริวขึ้นทุ๊กที
เรยสงสารกายเนื้อมันอ่ะ
มันต้องอยู่รับใช้อิฉันอีกหลายปี
ต้องทนุถนอมมันหน่อย








-------------------------------
แล้วก็เรื่องถือศีลนานๆ เนี่ย ก็เป็นคล้ายๆนู๋บีอะนะ
แต่ของเจ้ เขาไม่เรื่องมาก ง่ะ เขาปล่อยให้เจ้พินา เอาเอง
แบบว่า พอถือศีลไปนานๆ วันดีคืนร้าย
มันจะมีหน่อแทงออกมาจึ๊กๆ


มันขุดมาฉายให้ดูหมด จนเราก็อืมๆ รู้แล้วว่าทำไม่ถูก
ก็อ้อมแอ้มบอกตัวเองว่า อืม ตรู...ผิดไปแล้ว ตรู...สำนึกผิด
ก็ได้ฟระ แต่ไอ้คนลึกลับ(อิอิ) มันก็ไม่ได้จุ้นจ้านบอกให้ไป
แก้เรื่องอดีตเล่านั้นนะ แค่เรายอมรับผิด แล้วจะไม่ทำอีก
มันก็สงบไม่มาจึ๊กๆ อะไรเรา
++++++++++++++++++++++++++++++++

อิอิ ม่ะน่าเชื่อ เรยว่า คนหัวดื้อของป๋าโจ
จะศิโรราบยอมรับผิด กับไอ้คนลึกลับ ซะได้
แหม๊ ! เสียชื่อ อิปลาไหล หม๊ดดดดดดด

แต่อันนี้ อิฉันก็เหมือนกันกับเจ้นะ
แต่มันก็ใช้ได้ผลกับ ศีลข้ออื่น ๆ อ่ะ
ทว่าวิธีนี้ มันใช้กับศีล ข้อ 2 ไม่ได้
เพราะ พอทำแบบนี้ มันสงบเป็นพัก ๆ ง่ะ
พอวันดีคืนร้าย เด๋วเจ้หิฯ มันก็มาจ้ำจี้จ้ำไช
ว่า นู๋บีจ๋าาาาาา ที่ ทำอยู่เนี่ย มันดีที่สุดแร้ว หรอ ?
นู๋บีรับผิดชอบฟามระย้ำของตัวเองอย่างเต็มที่แล้วหรือยัง


แล้วมันก็จะบ่นง้องแง้ง ผลุ่บ ๆ โผล่ ๆ งี้
จนกว่าเราจะยอมตามใจ ยอมควักตังค์
ยอมเสียฟอร์ม เสียหน้า
ไปชดใช้หนี้เวรหนี้กรรมให้เขาอ่ะ
มันถึงจะหายคาใจ และตายตาหลับ
และกลับมาปฏิบัติได้อย่างสงบสุข



ส่วนเรื่อง เบิ่งจิตเนี่ย
ตอนนี้ ก็ฝึก กระทบ รู้ ปล่อย วาง ฯ อยู่นะ
เพียงแต่ ไอ้ตรงรู้เนี่ย
มัน ได้แค่รู้ ว่ากำลังเกิดสภาวะจิตแบบนั้น
แต่มันยังลู้สึกถึง สเตปที่สูงกว่านี้ ไม่ได้
ยังเข้าไม่ถึงการทำใจยอมรับ
ฟามเป็น ตถตา ของ สภาวะจิต
เรยปล่อยยากส์ วางลำบาก
คงต้องสะสมเลเวลอีกยาวไกล เรยอ่ะ เอิ๊ก ๆ
 
 

โดย: คุณป้าบัวอ้า ๆ หุบ ๆ...( ผลุบ ๆ โผล่ ๆ) เหอ ๆ IP: 117.47.91.145 วันที่: 25 มิถุนายน 2553 เวลา:22:30:23 น.  

 
 
 
ถึง อาเหล่าแปะ


ไอ้เรื่อง หลับใน เอ๊ย ง่วงอย่างแรง
ตอนเดินจงกรมเหย็ง ๆ เนี่ย
อาจจะเป็น ถีนมิทธะ ก็ได้มั้ง (ไม่แน่ใจอ่ะ)
มันเหมือน กายมันง่วงจนหนังตาแทบปิด
แต่ใจมันคิดกบฏ ไม่ยอมทำตามที่ กายเรียกร้องอ่ะ


ตอนฝึกสมาธิโดยทำชี่กง
ให้เหงื่อมันซึม เกือบค่อน ชม.
หนังตามันก็เริ่มปิดเองแล้วนะ (แต่ไม่ง่วง )
จนออกจาก ชี่กง มาเดินจงกรม นี่แหล่ะ
เป็นเรื่องเรยง่ะ ง่วงจนอยากออกจากสมาธิ
แร้วกลับไปนอนเขลงบนเตียง


ตอนหลังสงสัย ว่า
มันเกิดอารายขึ้นกับตัวเอง
การทำสมาธิ แร้วง่วงมันเปนเพราอะไร
เรยไปถามกู ( เกิ้ล ) เอา
ก็ได้คำตอบมา และ เก็ทประมาณนึง


แล้วไม่นาน ก็ได้ไปเจอ กาทู้ นี้ อ่ะ

จะทราบอย่างไรว่าตัวเองกำลังจะเข้าสู่สภาวะของฌาน ให้สังเกตุอาการของ ถีนมิทธะ(ง่วง)ครับ
//pantip.com/cafe/religious/topic/Y9339504/Y9339504.html


ก็ เก็ท มากขึ้นนะ
ก็ไม่ลู้หรอกว่า สิ่งที่เจอกับตัวมันเป็น
ถีนมิทธะ หรือ เป็น ง่วงเหงาหาวนอนจากโมหะ
ลู้แต่ ไม่ชอบใจที่ มีสภาวะนี้เกิดขึ้นกับตัว
จน คอนโทรล ตัวเองไม่ได้
( ไม่ชอบให้อะไรอยู่นอกเหนือการควบคุมอ่ะ )
สุดท้ายเลยต้อง ใช้วิชามาร
งัดสารพัดวิธีรมากำจัด
สภาวะง่วง ที่เกิดขึ้น


ตอนนี้ดีขึ้นแระ อาการง่วงไม่โผล่หัวมาให้เห็นนัก
ยกเว้น ตอนใกล้นอน ปกติจะ นั่งมาธิ ก่อนนอนอ่ะ
พอจะนั่งช่วงนี้ที่ไร ไอ้ตัวง่วงมาเกาะหัวทู๊กที
หลัง ๆ เรยต้องยอมหยวน ๆ อ่ะ ง่วงก็นอนซะนะ
แต่ จะ ใช้วิธี ตื่นเช้ามานั่งมาธิ ตอน ตี 3 - 4 แทนอ่ะ
ก็ได้ผลค่อนข้างดี ไม่ค่อยมีเจ้าตัวง่วงมาเกาะหัว
อาจเป็นเพราะ เพิ่งตื่นนอนก็ได้ นอนอิ่มแระ
ไอ้เจ้านิวรณ์ทั้งหลายแหล่
เรยหาเรืองมานั่งง่วงโดยชอบธรรม ไม่ได้ 55555



แล้วบางวันก็แปลกนะแปะ
กำหนดจิตให้ตื่นตอนเช้ามืดปุ๊บ
พอถึงเวลาเป๊ะ ตามันลืมปั๊บ แบบในหนังผีเรยมั้ง
แล้วไม่มีอาการสะลืมสะลือ เหมือนที่เคยเป็นด้วยอ่ะ









------------------------------------

ช่วงไหน ที่จุกเสียด ก็ เปลี่ยนมาเดินเอามือไพล่หลัง
ก็ โอเคขึ้นนะ อาการ เดินเซเป็นอีเป๋หายไป
แล้วอาการจุกเสียดก็หายไปด้วย



ก็ทำตามปัจจัยให้เกื้อหนุนกัน สลับไปมาน่ะแหละ
เรื่องนี้ก็พิลึก เหล่าฮูลองวิธีของป้านู๋บีอยู่แท้ๆ
แต่นี่ป้าดันมาเดินมือไพล่หลัง ตลีดก ตลกดี
+++++++++++++++++++++++++++++++++

ก็ มันสงสาร กายเนื้อ ของตัวเองนิ
จิง ๆ ถ้า ฝืน เดินแกว่งแขนต่อ แบบเดิมก็ ไหว นะ
ใจมันยังสู้ อยู่นะ ทำได้ สบายมาก
อิฉันมันพวก อินทรีย์พละ แข็งโป้ก อยูแระ
แต่ไม่อยากฝืนสังขารขันธ์ อ่ะ
สภาพร่างกายมัน งอแงเกิดอาการผิดปกติงี้
ขืนยังดันทุรังเดินต่อ ไป สุขภาพคงเดี้ยงแหง๋ ๆ
เรยต้องยอม ผ่อนปรนตามใจกายเนื้อมันหน่อย






-----------------------------------
ส่วนอาการ วูบเหมือนโดดลงมาจากที่สูง นี่
เป็น ถี่ขี้นนะ เด๋ววูบ เด๋ววูบ เด๋วผงะ เด๋วผงก
ก็เสียว ๆ สนุกดี

อันนี้ วิปัสสนูปกิเลส
ล้อเล่นกะมันได้เลยรึ น่าทึ่ง!
+++++++++++++++++++++++

อิอิ ปกติ อิฉัน ก็ชอบ เดินอยู่ขอบเหว
ล้อเล่น กับ ความลู้สึกตัวเอง อยู่แระ
ม่ะลู้ ดิ เวลา นั่งมาธิ แร้ว เกิดอาการผิดปกติ
วูบ หรือ เห็นแสง ผงะ/ผงก
อิฉันก็มักจะมองมันแบบขำ ๆ ตลก ๆนะ
ลู้สึกเหมือน กะลังเห็น เด็กน้อยเข้ามาทำนู้นทำนี่
เรียกร้องฟามสนใจจากอิฉันอ่ะ
วันไหนนึกเอ็นดู ก็สนใจมันจิ๊ดนึง
วันไหนขี้เกียจนัวเนียด้วย
ก็ กลับมาใส่ใจกับการตามกองลม











--------------------------------------------
ว่าแต่เรื่อง พบร้ากกกเมื่อฝนตก ของแปะเนี่ย
พล็อตคล้าย ๆ เรื่อง แหยมยโสธร
ของอีตาหม่ำ จ๊กม๊ก เรยอ่ะ
ใครก๊อปใคร กันแน่เอ่ย เหอ ๆ



อ่าว แหยมเนี่ยนะ ไม่ใช่ร๊อก
ตอนนุ๊นเหมือนกระทิงเปลี่ยวน่ะ มะรู้ไง
แต่เชื่อว่าเป็นเรื่องวิบากน่ะ คงไม่ใช่ตั้งหน้าตั้งตาไปฟัดกะใคร
ส่วยแหยมเนี่ย คงหมายเถิงลูกสาวสุดสวยกะนายอะเภอ
คู่นั้นอีมีใจต่อกันมาก่อน แต่เหล่าฮูไม่ใช่แบบอีน่ะ แต่บรรยากาศก็คล้ายๆน่ะอุ๊ย ทะลึ่ง ดูตอนนี้ด้วยรึ ฮึ!
+++++++++++++++++++++


ม่ะช่าย แหยม 2 คร้าาาาา
อิฉัน หมายถึง แหยม 1 ง่ะ
อ่านเรื่อง สะดุดร้ากกก ตอนฝนพรำ ของแปะ
แร้วนึกถึงเรื่องของ ไอ้แหยม กับ อีเจ้ย
ที่ กระท่อมน้อยปลายนา อ่ะ เหอ ๆ

ประมาณเนี้ย

//www.youtube.com/watch?v=ZV6sIdk7XV4&feature=related



แหม๊ วันนั้น แปะก็คงมีสภาพคล้าย ๆ ไอ้แหยม มั้ง
5555555555555555555








--------------------------------------
เคยย้อนไปดูโพสต์ป้านู๋บี ไหงเหมือนD?j? vu
มีคำพูดที่เหมือนพูดซ้ำ เช่น ป๋าหมานอ่านลีลาวดี กามนิต-วาสิฏฐี
ปัญญาสาม รวมทั้งศีลห้าที่อามดเอ๊กเอามาฝาก
(อันนี้อ่านได้นิดเดียว ยังไม่ได้ต่อเลย แต่เขียนดีจินๆ สนุกน่ะ)
และเรื่องที่เหมือนเหล่าฮูมาคุยซ้ำที่ป้าเคยพูดไว้แล้ว
ดูเหมือนเหล่าฮูจะตอบคำถามที่ป้าเคยไปจารไนไว้ก่อนซะทั้งนั้นเลย

เนี่ย สอนลิงปีนต้นไม้จินๆ รอบรู้ไปโม๊ด
และมะมีปริปากซักแอะ ปล่อยเหล่าฮูพล่ามซะตั้งแยะ
นัยว่า รักษาหน้าเหล่าฮูรึเป่า น่ารักจินๆ ลิงกะหมา
ขอนินจาเป็นพักๆๆนะ เพื่อสายตาอันใสซื่อของเหล่าฮู
++++++++++++++++++++++++++


อืม...บางที เวลาที่ มีคนหยิบยกประเด็น
ที่อิฉันเคยแพล่ม ในศีล 5 ฯ ไว้แร้ว มาถก
อิฉันก็จะ ก๊อป ตัวหนังสือที่เคยเขียนในศีล 5 ฯ มาคุยด้วยอ่ะ
ขี้เกียจเขียนใหม่ แหะ ๆ แปะเรยลู้สึกคุ้น ๆ มั้ง


แล้ว ไอ้เรื่องที่ แปะพูคุยซ้ำกับ เรื่องที่ อิฉันพูดไว้น่ะ
มันเป็นเรื่องบังเอิญ ทั้งน้านเยยยอ่ะ
ลู้สึกว่า หลาย ๆ เรื่อง ที่แปะเคยเจอ
แล้วเอาประสบการณ์มาเล่าสู่กันฟังเนี่ย
หลาย ๆ เรื่องราวเหล่านั้น ก็เคยเกิดขึ้นกับอิฉันนะ
แต่เป็นคนละแง่ คนละมุม กันง่ะ
เวลาอิฉันอ่านเรื่องที่แปะเล่า มาทีก็สะกิดใจนะ
ว่า เฮ้ย ทำไม แปะถึงเคยเจอเหตุการณ์ เดียวกับตูเรย


อย่างเรื่อง มนต์รักกิมจ๊อ
ที่แปะไปหลงไหล อีสาว
โดยมีลีลาการแคะขี้มูกเป็นเหตุปัจจัย
อีฉันก็เคยเจอเหตุการณ์นี้นะ
แต่ ตอนนั้น อิฉันเป็นฝ่ายแคะขี้มูก
แล้วบังเอิญมีไอ้หนุ่มคนหนึ่งมาเห็นอ่ะ
รู้สึกไปเองว่า ไอ้หมอนี่ ค่อนข้างจะชื่นชมอิฉันนะ
( ก็ไม่ลู้ว่า เป็นเพราะ มันเเกิด
มนต์รักกิมจ๊อ ก๊ะ อิฉันหรือเปล่า แหะ ๆ)




หรือ อย่าง ตอนที่ แปะ โดน หมาไล่กัด
อิฉัน ก็เคยอยู่ในเหตุการณ์ แบบนั้น
แต่อิฉันก็อยู่ในสภาพ เจ้าของหมา ง่ะ
พอเห็นแปะเล่าเรื่องโดนหมาฟัดให้ฟัง
เรยลู้สึกแปลก ๆ ใจ ไงก็ไม่ลู้
มันเหมือน อิฉัน ได้รับทราบมุมองของเหตุการร์ ในอีกด้าน
สะท้อนผ่านการบอกเล่าของแปะ อ่ะ
มันทำให้อิฉันเข้าใจ คำว่า การมองต่างมุม ได้ชัดแจ้งขึ้นแยะ


แถมบางครั้ง อย่างตอนที่ แปะแนะนำ
เจ้ขวัญว่า จิมกระป๋อง ซื้อได้ทางเนต
อิฉันก็กำลังจะขยับปากแนะนำเจ้แบบแปะเหมือนกัน ฯลฯ
อะโหยยยยยย ลู้สึกว่า เราสองคน
จะมีรูปแบบวิธีการคิดที่คล้าย ๆ กันเรยนะเนี่ย
สมแร้วที่ เกิดในฤกษ์เดียวกัน เหอ ๆ


ว่าแต่ แปะชอบอ่าน ลีลาวดี
แล้วชอบ คำสอนที่ พระอาจาน สอนพระเรวัตตะป่ะ
ป๊ะป๋าหมาน ของอิฉัน ชอบมากกกกก
แล้วก็เอามาเทศนาสอนอิฉันด้วยแหล่ะ
ประมาณ ว่า

หากท่านมีอัฐ 1 บาท
จงอย่าได้ฝากทรัพย์นั้น
ไว้กับคนเพียงคนเดียว
เพราะถ้ามีเหตุให้ต้องสูญเสียทรัพย์
ท่านก็จะตกอับจนถึงกับสิ้นเนื้อประดาตัว


ขอท่านจงแบ่งอัฐนี้ ออกเป็น สีส่วน
แล้วฝากไว้กับสหายหลาย ๆ คนเถิด
เพื่อเป็นเกิดการกระจายความเสี่ยง


เฉกเดียวกับความรัก นั่นแหล่ะ
เผื่อใจไว้บ้าง อย่าเอามันไปฝากไว้
กับใคร ผู้ใดผู้หนึ่ง เพียงคนเดียว

อิอิ แปะ เห็นด้วยกับคำข้างบนป่ะ ?



อ้อ นินจา ตามบายคร้าาาาาาาาาาา แปะ
นู๋บัวก็ว่าเด๋วจะจะ หายหัวผลุบ ๆ โผล่ ๆ เหมียนกันแระ ฮ่ะ
กะว่าจะเป็นกลับไปปฏิบัติต่อ
ขอเติมน้ำในตุ่มตัวเองซะโหน่ย
เฮ้อออ ไอ้เรื่องตักน้ำใส่ตุ่ม ก็อยากทำ
น้ำหมากก็อยากพ่น
ม่ะอยากจับปลาสองมือเรยเจง ๆ


ขอหั้ยอาเหล่าแปะ สุขภาพแข็งแรง
นั่งโด๊ป ใบแปะตำปึง ได้แบบสบาย ๆ
ด้วย ดวงตาที่ใสซื่อ ด้วยเทอญ เหอ ๆ ^ 0 ^




ปอลิง
เสียใจด้วยเจ้าค่ะ ที่ ญาติผู้ใหญ่ ของแปะจากไป
แต่ก็ดีใจนะ ที่ แปะจะได้มีโอกาส
ทบทวน มรณานุสสติ ของตัวเองอีกครั้ง ^ - ^
 
 

โดย: คุณป้าบัวอ้า ๆ หุบ ๆ...( ผลุบ ๆ โผล่ ๆ) เหอ ๆ IP: 117.47.91.145 วันที่: 25 มิถุนายน 2553 เวลา:22:31:43 น.  

 
 
 
เสียใจด้วยค่ะ ที่ญาติผู้ใหญ่ต้องมาจากไป
ขอให้อาเหล่าฮู มีสติรักษาจิต
ทำการงานต่างๆได้สำเร็จลุล่วง ราบรื่น นะเจ้าคะ
ทุกชีวิตหนีไม่พ้น อนิจจัง ไม่เที่ยง เป็นทุกข์
 
 

โดย: ป้านู๋ขวัญ IP: 58.9.230.118 วันที่: 26 มิถุนายน 2553 เวลา:0:03:28 น.  

 
 
 
เสียใจกับเหล่าฮูฯ ด้วยครับ
ขอให้ญาติเหล่าฮูไปสู่ภพภูมิที่ดีกว่าเดิม

... เขาก็ไปแล้ว เหลือแต่เราหละหนา
เมื่อไหร่แค่นั้นแหละ แง่บๆ ...
 
 

โดย: itoursab วันที่: 26 มิถุนายน 2553 เวลา:21:24:32 น.  

 
 
 
ถึง พ่อแง่บศักดิ์ หลานร้ากกกกกกกกกกก

แหม๊ กะลังอยากจะหลอกใช้ เอ๊ย กะลังคิดถุงคุงหลานอยู่พอดี เยยยย
คือป้าไปอ่านเจอ กาทู้

''''อยากถือศีล 5 แต่บางครั้งก็หลีกเลี่ยงการโกหกได้ยากมากเลยค่ะ''''


ทำยังไงดีคะ สมมติว่าจำเป็นต่อชีวิตจริงๆ
ถ้าไม่โกหกอาจจะมีเรื่องใหญ่ตามมา เพื่อนๆพี่ๆเลือกทำยังไงกันคะ

จากคุณ : ไข่เจียวชุบชะอม



//www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y9406480/Y9406480.html


แร้ว เกิดอาการคันปากยิกๆ
อยากตอบมากมายเรยอ่ะ
เอ็งช่วยประทับร่างทรง
ลงไปตอบแทนป้าทีจิ นะนะ


เนี่ย ป้าอุส่า หาเรื่องงดเดินจงกรม
เพื่อมาจิ้มดีดฝอย เอ๊ย ตอบกาทู้นี้โดยเฉพาะเรยอ่ะแหะ ๆ
ฝากโพสข้อฟามข้างล่าง
ไปบอก จขกท. สักดอก สิจ๊ะ ^ 0 ^


----------------------------------------------
ถ้าไม่โกหกอาจจะมีเรื่องใหญ่ตามมา
เพื่อนๆพี่ๆเลือกทำยังไงกันคะ
+++++++++++++++++++++++++

ถ้าเป็นอิฉัน ก็ยินดีที่จะ โกหก คร้าาาาาา
เหตุผลง่าย ๆ ไม่ต้องคิดอะไรให้มากมาย
เก๊าะ ตรูม่ะช่าย โซดาบัน เอ๊ย โสดาบัน นี่หว่า
จะได้ รักษา ศีล ยิ่งชีวีตูยังมี อัตตา ให้รักษาอยู่ว้อยยยย


ผิดด้วยหรือเจ้าคะ
ถ้านู๋บีจะ สตอเบอรี่ เพื่อ ตัวเอง เอ๊ย เพื่อ ชาติ ?
ถ้าไม่ใช่ อรหันต์ มันก็ต้องมีอัตตา
มันก็ต้องทำ เพื่อตัวเองทั้งนั้นแหล่ะ
เพียงแต่ว่า คุณจะจริงใจ
และยอมรับกับสัญชาตญาณดิบ ( Id ) ตัวเอง ได้แค่ไหน
มันก็เท่านั้น....



เอาล่ะ จากประสบการณ์เล็ก ๆ น้อย ๆ
ที่อิฉันถือศีลเล่นเป็นงานอดิเรกอยู่บ่อย ๆ
จะฝอยให้ฟังนะเจ้าคะ



ไอ้เรื่อง สตอเบอรี่ เนี่ย
ถ้ายังวางอัตตาไม่ได้ มันก็จำเป็นต้องทำแหล่ะ
แต่เมื่อคุณทำแล้ว คุณพร้อมที่จะรับผิดชอบ
กับฟามระย้ำ เอ๊ย กรรมที่คุณก่อ แค่ไหน
ตะหาก อันนี้ตะหากที่สำคัญ
กฎแห่งกรรมมันไม่ฟังข้อแก้ตัวเอ๊ย เหตุผลทั้งหลายแหล่
ที่คุณยกมาหรอกนะ มันรู้แค่ว่า

กระทบคน กระทบโลก กระทบเรา

ถ้ากล้าทำ กล้ารับ มันก็จบ


จะเล่าเรื่อง ศีลข้อ 4 ว่าด้วยเรื่อง
วจีถลอกของอิฉันให้ฟัง เอาป่ะ
เกี่ยวกับเรื่องการเซ็นเอกสารราชการน่ะ
ปกติ อิฉัน ค่อนข้างระวังนะ
ขนาดเขียนวันที่ผิดเซ็นเอกสารผิด
ไปแค่ไม่กี่วัน อิฉันยังต้องวิ่งไปแก้เรย
อยากดัดสันด่าน ตัวเองให้มีสติไม่แหกศีลอ่ะ
แต่ถ้ามันเป็นเรื่องหยุมหยิมเล็กน้อย ๆ
ดูแล้วไม่มีผลกระทบกับใคร ( นอกจากตัวเอง )
ขี้เกียจนัก บางทีก็ไม่แก้ แหะ ๆ


บางทีพี่ที่ทำงานด้วย มาขอลายเซ็น
เพื่อไปเมคทำยอด สารพัดโครงการ
กิจกรรมทั้งหลายแหล่ ที่โรงบาลจัด
อิฉันก็บอกปัด ไปนิ่ม ๆ ว่า ขอไม่เซ็นนะคะ
ถือศีลอยู่ ไม่ได้ไปร่วมกิจกรรมนั้นจริง
ขอไม่เซ็นนะคะ


โชคดีที่ คนในโรงบาลค่อนข้างธรรมมะธรรมโม
ก็เรยเข้าใจอิฉันไม่มาเซ้าซี้อะไร
แต่บางครั้งก็รู้สึกผิดตะหงิด ๆ นะที่ปฏิเสธเขา
เพราะ พอพูดไป คนมาขอลายเซ็น
ก็ทำท่ากระดาก ๆ ไงไม่รู้
เฮ้ออออออออออ ก็ได้แต่ทำใจอ่ะนะ



แต่ถึงจะระวังแค่ไหน
บางครั้งการอยู่กับคนหมู่มาก
เราก็ถูกลากให้ให้ไปก่อกรรมทำวจีถลอกได้ง่าย ๆ
อย่างไอ้เรื่องขอลายเซ็น นี่แหล่ะ
บางทีเราไปขอความช่วยเหลือบางอย่างกับเขา
เขาก็ ถือโอกาสขอลายเซ็นเราไปทำยอด
คราวนี้ล่ะ น้ำท่วมปากบุ๋งๆ เรย


แร้วก็ลงเอย ด้วยการจำใจแจกลายเซ็นให้เขาไป
จะไม่ให้ก็ได้นะ แต่มันเกี่ยวกับเรื่อง หนี้บุญคุณ
เรยต้องยอมให้ศีลถลอก เพราะขี้เกียจผิดใจกัน
อีกอย่างมันเป็นเรื่องเล็กน้อย
ไม่กระทบกระเทือนใครเท่าไร
ถ้าต้องทำเพื่อรักษาน้ำใจก็ต้องทำแหล่ะ




หรือบางที น้องที่ทำงานด้วย เขียนใบลาป่วย ย้อนหลัง )
ทั้ง ๆ ที่ จิง ๆ เขาไม่ได้ป่วยแต่ลาไปเผาศพเพื่อน
ถ้าเขียนใบลากิจ วันที่ลาน้องเค้าต้องโดนหักเงิน
เพราะ คิดค่าจ้างเป็นรายวัน

ตานี้ วันนั้น หน.ฝ่ายไม่อยู่
อิฉันเรยรั้งตำแหน่งรักษาการณ์
ต้องเซ็นอนุมัติให้แบบไฟท์บังคับ
เนื่องจาก เป็น เดทไลน์ แล้วรอ พี่ หน. ไม่ได้
ก็เลยเซ็นไป ด้วย อาการ จิตตกเล็กน้อย
เหมือนมีอะไรมาคาอยู่ในอก
ประมาณว่า นี่ตู มีส่วนร่วมในการโกหก อยู่นะเนี่ย


ตอนนั้นอยากบอกน้องมันมาก
ว่า ช่วยเขียนใบลาตามจริงได้ไหม
แล้วพี่จะออกเงินค่าแรงในวันนั้นให้
น้องก็จะได้ไม่เสียประโยชน์
ส่วนศีลข้อ4 ของพี่ก็จะได้ไม่ถลอก



แต่ก็นั่นแหล่ะนะ ในชีวิตจริง
มันทำตามใจคิดไม่ได้หรอก
อีกอย่างถึงจะบอกน้องมันไป
น้องมันก็คงจะไม่รับตังค์แหง๋ ๆ
เผลอ ๆ จะผิดใจกันอีก
เพราะ มุมมองมันต่างกัน



ในแวดวงข้าราชการ
เรื่อง ซิกแซก เกี่ยวกับ เอกสาร ต่าง ๆ
เพื่อให้ได้ผลประโยชน์กับตัวเองมากที่สุด
มันก็มีให้เห็นบ่อย ๆ นะ
บางครั้งถึงเราไม่ได้ทำเอง
แต่ก็จำใจต้องไปมีส่วนรู้เห็นเป็นใจ กับเขาด้วย
เพราะถึงไม่เอออวย มั๊นก็รั้นทำอยู่ดี
แถม หากไม่ทำ อาจถูกมองว่า ใจดำ ไร้น้ำใจ ฯลฯ
แล้วอาจจะผิดใจกันจนมองหน้ากันไม่ติดอีกตะหาก


บางคน ผลงานไม่ได้อยู่ในเกณฑ์
ที่จะได้ประโยชน์จากเบี้ยหลวง
เขาก็เบี่ยงเบนเมคขึ้นมาให้ตัวเองได้รับจนได้
แถมยังมาเอ่ย ขอใช้สิทธิ ( ตามมารยาท ) ก๊ะตูอี๊ก


บางคนมีเหตุสุดวิสัย ( ป่วยหนัก ) จนทำงานไม่ได้
ไม่มีสิทธิได้เงินเดือน มีการมาขอลายเซ็นจากทุกคน
ให้ยินยอมให้มีการทำเรื่องซิกแซก จนเขารับเงินเดือนได้
หลาย ๆ คนเซ็นชื่อไปด้วยความอิ่มอกอิ่มใจ
ที่ได้แสดงความมีน้ำใจช่วยเหลือเพื่อนร่วมงาน
มีเสียงพูดแสดงความคิดเห็นกันเองในหมู่คนข้างเคียง ว่า
พวกเรามีอะไรก็ต้องช่วยเหลือกัน


แน่นอนล่ะ วันนั้นอิฉันก็ เซ็น ไปด้วยง่ะ
ทว่า เซ็น เสร็จ ไม่ยักกะรู้สึกเหมือนคนอื่น
จู่ ๆ ก็เกิดคำถามบางอย่างวาบขึ้นมาในใจ


ว่า สิ่งที่ทำลงไป คือการ ปกปิด
และ ช่วยชาวบ้านโกหก หลวง ใช่ไหมเนี่ย
แล้ว ตูมีสิทธิอะไรที่จะไปอนุญาต
ให้เขาเอาเงินหลวงไปใช้ฟระเนี่ย
เงินภาษีของประชาชนนะ
ไม่ใช่เงินของอิฉัน
ในเมื่อมันไม่ใช่ของอิฉัน
แล้ว อิฉันมีสิทธิตัดสินใจได้ด้วยหรือ ?




และ แน่นอน วันนั้น ศีล ข้อ 2
กับ ข้อ 4 ของอิฉัน ถลอก ตามเคย
เฮ้อออออ ก็คงต้องเลยตามเลย ง่ะ
ก็ได้แต่ทำใจว่า คนเรามันไม่เหมือนกัน



ถ้าฉันป่วยแบบเขา หากมันเลี่ยงได้
อิฉันก็จะไม่ทำแบบเขา
เพราะมันคงตะขิดตะขวงใจ
ที่จะแสวงหาประโยชน์
รับเอาในสิ่งที่ไม่ใช่สิทธิของเรา


แต่ก็นั่นแหล่ะนะ บางทีถึงคราวคับขัน
ถ้าฉันต้องกลายเป็นเขาจริง ๆ
บางทีอิฉันอาจต้องทำแบบเขาก็ได้
ไหนจะแม่แก่ ๆ ที่ต้องเลี้ยงดู
ไหนจะลูกน้อยที่ยังเรียนไม่จบ
หนี้สินที่ยังผ่อนไม่หมด


อืม...ที่จริงถ้าเลือกได้
ฉัน อยากให้เงินเขาเป็นการช่วยเหลือ
มากกว่า ช่วยเขาด้วยการเซ็นชื่อแบบนั้นนะ
แต่คงให้ได้ไม่เยอะเท่ากับการที่เขาจะได้จากเงินหลวงหรอก


ที่สำคัญ มันก็อิหลักอิเหลื่อ
เหมือน เรื่อง น้องที่เขียนใบลาป่วย นั่นแหล่ะ
ถึงเราจะมีเจตนาที่ดี
แต่ ศักด์ศรี และ ความ ละอายลึก ๆ ของคน
มันก็ทนรับความปรารถนาดีนั้นไม่ได้หรอก
เพราะมันจะทำให้เขารู้สึกผิดลึก ๆ ในใจ


ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องราวบางส่วนเกี่ยวกับ เหตุปัจจัย
ที่ทำให้ ศีลข้อ 4 วจีของอิฉันถลอกนะ
สำหรับอิฉัน ถ้าศีลข้อนี้
มันถลอกแล้วก็ให้มันถลอกไป
แต่อิฉันก็ตั้งใจจะรับผิดชอบ
ชดเชยให้หลวง ด้วยการบริจาคเงินให้โรงบาล
ใช้หนี้ที่เรามีส่วนช่วยโกหกหลอกลวงยักยอก ? เงินหลวง
ทำให้หลวงเสียประโยชน์ นะ


นี่ ตอนนี้ เจ้หิฯ ผจก.ส่วนตัวของอิฉัน
มันก็มีดำริ ก่อตั้งกองทุนชดเชยกะตังค์พร้อมดอกเบี้ย
ให้เจ้ากรรมนายเวร ด้วยอ่ะ
มันบอกว่า อิฉันชอบทำศีลถลอก
เกิดการกระทบคนกระทบโลก บ่อย ๆ


จึงสมควรที่จะสละทรัพย์
เพื่อชดใช้ ในส่วนที่พอจะทำได้
ว่าแร้วมันก็สั่งให้อิฉัน ตั้งงบบริจาคเพื่อการณ์นี้
ประมาณ 10 เปอร์เซนต์ของรายได้อ่ะ
เฮ้อ เท่ากับภาษีอากรเรย ง่ะ
ควักกระเป๋าอีกแระ ตรู
ลู้สึกขาดทุนป่นปี้ ยังไงก็มิลู้ เฮ้ออออ T -T




อืม.....ถ้าก่อกรรม ใดไว้
อิฉันก็จะพยามรับผิดชอบ
และทำชดใช้ให้เท่าที่สามารถทำได้แหล่ะ
แต่ก็ไม่ได้หวังให้ บาปและวิบากมันลดลง
เหมือน เติมน้ำเจือจางเกลือหรอกนะ


ทำอะไรไว้ ก็ต้อง ยอมรับวิบากที่จะตามมาง่ะ
ศีลขาด ก็คือ ศีลขาด นั่นคือสิ่งที่ต้องยอมรับ
ต่อศีลไงมันก็ไม่บริสุทธิผุดผ่องเป็นยองเป็นไยหรอกนะ
แต่ทำแบบนี้แร้ว มันสบายใจง่ะ ก็เรยทำ งิงิ


ปอลิง
แร้วถ้ามีโอกาส จะโม้ เรื่องราวของศีลข้อ 4
ให้ฟังอีกนะเจ้าคะ ไอ้ศีลข้อนี้ ดีเทลมันเยอะ
เห็นหงิ๋ม ๆ ติ๋ม ๆ งี้ มันจุกจิกหยุมหยิม จะตาย
ต้องเจริญสติดี ๆ ถึงจะรักษามันไว้ได้
ไม่งั้นถลอกได้ง่าย ๆ
( ถึงจะแปลงร่างเป็นอีใบ้ก็เหอะ เหอ ๆ )



.
 
 

โดย: คุณป้าบัวหุบ ( ไม่ลง ) IP: 114.128.81.141 วันที่: 27 มิถุนายน 2553 เวลา:22:53:37 น.  

 
 
 
จะมาบอกนู๋บัวว่า เจ้ไปอ่านศีล5ที่เว็บโน้นมาแระ
อ่านแล้วก็รู้สึกหนักแน่น ดีนะ อาจ้ชอบ ง่ะ
อุสาหะในการเขียนดี อ่านแล้วใจเป็นกลางๆดีนะ
ไม่เหวี่ยงดี เป็นความรู้สึกส่วนตัวอะนะ ครืออาเจเนี่ย
เวลาข้อเขียนที่ปรุงแต่งอารมณ์มากๆ ก็จะปรี๊ดขึ้น ปรี๊ดลง
ตามอารมณ์คนเขียน แต่อ่านศีล5 ของนู๋บัว แล้ว สงบดี ง่ะ
ชอบๆ

มีเรื่องมาเล่าอีกแระ
เมื่อวานนี้พาน้องฮาร์ทไปวัดแถวบ้าน พาไปดูปลาให้อาหาร
ปลามั่ง นกมั่ง ทีนี้ พอโปรยอาหารเม็ดในถุงหมดแล้ว
เหลือที่หล่นๆ ตามพื้น น้องฮาร์ทเขาก็เก็บพอเต็มกำ ก็เอามา
ฝากแม่ไว้ แล้วบอกให้แม่ถือดีดีนะ เราก็กำไว้ ซักพักมัน
เดินมาดูที่มือแม่ ว่าเออยังอยู่ครบ แล้วกำชับอีกว่า ถือดีดีนะ
แม่อย่าดื้อนะ (ดูมันดิ มันไม่ไว้ใจแม่มันเลยนะเนี่ย เอ...
หรือว่าเราไปเผลอทำอะไรให้มันไม่ไว้ใจหรือเปล่า ฟระ..)
เก็บจนหมดแระ ก็เอาให้ปลาอีกที เราเห็นแล้วก็ขำ
ดูลูกมันทำ มันก็ตรงไปตรงมาดีนะ แต่เราอะ สะอึกเรย
ไปทำอะไรไม่ดีแล้วจำไม่ได้ แต่ลูกมันจำได้นี่ดิ
อายลูกมันนะเนี่ย ขนาดลูกยังไม่ไว้เรา ซะงั้น
 
 

โดย: ป้านู๋ขวัญ ตามมาแพล่ม อีกแระ IP: 58.9.66.76 วันที่: 28 มิถุนายน 2553 เวลา:9:21:57 น.  

 
 
 
พอดีอ่านที่นู๋บัวเขียนแล้วมีเรื่องคนที่เปลี่ยนศาสนาแล้ว
ไปโดดตึกฆ่าตัวตาย อะ อ่านแล้วนึกถึงตัวเอง
พักหลังมานี่ สนใจเรื่องราวคำสอนและประวัติศาสตร์
ของพระเยซู มากเรยอะ ไม่รู้เป็นไร ใจมันอยากอ่านอยากรู้
อยากเห็นไปหมด อยากรู้ทำไมพระเยซูถึงต้องยอมถูกตรึง
กางเขน ทำไมพระองค์ถึงยังอธิษฐานให้คนบาปกลับใจมา
หาพระเจ้าและหันหลังให้กับบาป และอยากรู้ว่าพระเจ้าสอน
อะไร พระเยซูสอนอะไร ก็หาอ่านหาดูเอาบนเน็ต อะ
ก็ดูซ้ำไปซ้ำมา จนทั่นโจระแวงว่าเจ้ จะไปเข้ารีต เป็นสาวก
ซะงั้น อุส่าหารูป ลพ.ป. มาใส่เป็นวอลเปเปอร์ในมือถือ เจ้ ละ
โคตรขำ แต่พอหาข้อมูลไปเรื่อยๆ พิจารณาไปด้วย อาเจ้ ก็
ทึ่งมากเลยนะ จนเมื่อวานได้คุยกะทั่นโจ เลยถามเขาว่า
ทำไมถึงได้สงสารเมตตากับสัตว์ได้ทุกตัว แต่เวลาเจอ
คนบาปถึงทนไม่ได้ อภัยให้เขาไม่ได้ หรือทนรักคนบาป
เหล่านั้นไม่ได้ เสียสละให้คนบาปไม่ได้เลย ทั่นโจเขา
บอกว่ามันไม่เหมือนกัน เจ้ก็เลยบอกให้เขาลองดูสิ่งที่
พระเยซูทำเพื่อคนบาป มันยากนะ ที่จะเสียสละชีวิตและ
จิตใจเพื่อให้คนบาปรู้ซึ้งและกลับใจหันหลังให้กับการทำ
บาปลงได้ การสอนให้คนดีทำความดีมันมีแนวโน้มที่ดีมันก็
ทำได้ง่าย เหตุปัจจัยพร้อม ก็สำเร็จได้อยู่แล้วเมื่อถึงเวลา
แต่การทำให้คนบาปรู้สำนึกแล้วกลับตัวกลับใจเลิกทำบาป
ด้วยใจไม่ใช่ด้วยคำพูด มันยากมากนะ แทบจะเป็นไป
ไม่ได้เลย แต่คนที่เผยแพร่คำสอนของพระเยซูในปัจจุบัน
ในความเห็นของเจ้ เขาไม่สอนหลักธรรมของพระเยซู เลย
เจ้เห็นว่าพวกนั้นหาคนเข้ารีตมอมเมาประชาชนให้เชื่อ
ด้วยความหลงผิดของตัวคนเผยแพร่เอง จนดูเหมือนว่า
ศาสนจักรทั้งหลายเผยแพร่ลัทธิซาตาน มากกว่าจะเผย
แพร่หลักธรรมของพระเยซูนะ เหมือนๆกับศาสนาพุทธ
ของไทยเรา มีแต่คนบิดเบือนคำสอนตามความคิดความเข้า
ใจของตนเอง ไม่มีปัญญารู้ธรรมเป็นของตนเอง ก็ไม่รู้ตัว
ทำไปเพราะหวังดีต่อพระศาสนา อยากเผยแพร่พระศาสนา
บางที่ก็มอมเมาด้วยบุญด้วยกุศล บางที่ก็เอานรกสวรรค์มา
มอมเมาผู้คนให้กลัวให้เคลิ้ม ขนาดตัวเองยังไม่รู้ความจริง
ปัญญาก็ยังไม่มีเป็นของตัวเอง ก็มีแต่บิดเบือนพากันหลง
ไม่ต่างกับพวกที่เผยแพร่ศาสนาเพื่อความเชื่อแต่ไม่มีความ
เข้าใจหลักธรรมคำสอนใดๆ มีแต่เป็นเครื่องมือให้กับกิเลส
ตัณหา มาร ซาตาน ยิ่งอ่านก็ยิ่งปลง ทำให้เจ้มองโลกเปลี่ยน
ไปเยอะนะ ว่าเราเข้าใจหลักธรรมตามจริงด้วยใจของเรา
ได้หรือยัง เห็นโลกแล้วเข้าใจโลก เข้าใจคนอื่นได้ไหม
โลกนี้ยังมีอะไรที่เราไม่รู้ และไม่เข้าใจอีกเยอะ
จะว่าไปก็โชคดีนะ ที่ได้มาเกิดยุคนี้ มีของให้ดูให้ศึกษา
เพรียบ ( โลภมากนะเนี่ย คนเรา หิวความรู้ไม่รู้จักอิ่ม ซะงั้น)

อย่างพระเยซู พูดถึงนักบวชนอกรีตว่า
พระของเขาก็คือกระเพาะของเขา
การทำตัวให้เคร่งในกฏศาสนาแต่จิตใจยังรักการทำบาป
ก็ไม่ได้ช่วยให้เข้าถึงน้ำแห่งชีวิตอันเป็นดินแดนของ
พระเจ้าได้ เหมือนทำเอาหน้าไม่ได้ทำด้วยใจ
แม้พระเจ้าของพวกเขาเอง ก็ยังพูดว่าในวันวิพากษาชีวิต
หลังความตาย ท่านก็ไม่รู้จักคนเหล่านี้ที่เฝ้าบูชาสรรเสริญ
พระองค์ด้วยปาก ทำตามกฏศาสนาอย่างเคร่งครัด แต่จิตใจ
นั้นยังรักการทำบาป ละบาปด้วยใจไม่ได้ พระเจ้าของพวก
เขากล่าวว่าการกระทำอย่างนี้เป็นศรัทธาที่สูญเปล่า
อาเจ้ อ่านไปแล้วก็พิจารณาเทียบกับชาวพุทธเรา ก็เห็น
เหมือนกันที่มีพวกศรัทธาในพระพุทธเจ้ามาก แต่พอมีคน
มาทำให้ไม่ชอบใจ หรือลบหลู่พระพุทธเจ้า ก็จะเกิดโทสะบ้าง
อะไรบ้าง เป็นทุกข์ใจไปกับการที่คิดว่ามีคนเบียดเบียนตน
เอง เบียดเบียนพระพุทธเจ้า แล้วพวกเขาก็ลืมความดี
หันหลังให้กับความดี กระโจนเข้าสู่การกระทำบาปด้วยความสะใจ ตอบแทนกลับไปสู่ผู้อื่นแบบขาดสติขาดความยับยั้ง
ชั่งใจ ขาดปัญญา จะมีซักกี่คนที่ทำตามคำสอนของพระศาสดา
ต่างๆ ได้ถูกต้องตรงตามเจตนาของผู้สอน

เป็นเรื่องที่แปลกมากนะ ยิ่งพิจารณา ก็ยิ่งปล่อยวาง
ความคิด ความเชื่อ ความหลง ของตัวเราเอง
หลักธรรมคำสอน อ่านได้ไม่ยาก แต่ยากที่เข้าใจ เข้าสู่ใจ
ตามจริง มีปัญญารู้และเข้าใจได้ตามจริงขาดไหน
แค่ละบาป เลิกทำชั่ว กลับใจมาเป็นตนดี
คนสมัยเราก็ร้อง ยี้ กันเป็นแถวๆ
แต่ถามว่าศรัทธาในพระพุทธไหม ศรัทธาในพระคริสต์ไหม
พวกเขากลับเชื่ออย่างงมงาย ได้ง่ายดาย และคิดว่า
ความเชื่อจะช่วยให้รอด แต่ความจริงล่ะ
เป็นอย่างนั้นจริงๆหรือ
คนที่เชื่อและศรัทธาในพระพุทธเจ้า
ขนาดว่าใครลบหลู่ก็ไม่ได้ ใครแตะต้องคำสอนก็ไม่ได้
จะเกิดอาการของขึ้น ขาดสติบ้าไปตามอารมณ์นั้นๆ
จะได้พ้นทุกข์ตามคำสอนของพระพุทธเจ้าไหม ดูๆแล้วก็งง
ไม่รู้จะมีใครเข้าใจหรือเปล่านะ ตอนนี้ก็ฟุ้งซ่านอยู่ อิอิ
ดูโลกแล้วก็ตลกดี คนเรามันบ้าจริงๆนะ ไม่ใช่บ้าเล่นๆ
เรื่องความเชื่อแตะต้องกันไม่ได้
ปัญญาที่ต้องก้าวข้ามความเชื่อออกมาให้ได้ มันยิ่งยากกว่า
จะมีใครที่ก้าวข้ามออกมาได้บ้าง
แบบที่มีสติสัมปชัญญะบริบูรณ์นะ เป็นเรื่องที่เข้าใจยาก
แต่คงไม่เกินปัญญาของพวกเรา หรอกเนอะ


 
 

โดย: ป้านู๋ขวัญ ขยันแพล่ม อิอิ IP: 58.9.66.76 วันที่: 28 มิถุนายน 2553 เวลา:10:24:10 น.  

 
 
 
เย้ ๆๆๆๆๆๆ ดีใจจัง
ที่เจ้ ชอบ มหากาพย์ฮาเร็ม ที่อิฉันเขียน
จำได้ว่า ตอนที่เขียนน่ะ
เพิ่งเข้าสู่วงการปฏิบัติใหม่ ๆ อ่ะ
เรยห่มหนังลูกแกะ แงะวิญญาณยัยคิตตี้น้อยกลอยใจขึ้นมาเขียน
อ่านแร้วเรยออกแนวเย็น ๆ ใส ๆ


แต่ม่ะอยากบอกเรยอ่ะ เจ้
ว่าเจง ๆ ลึก ๆ มันก็มีนัยยะ
มีวาระซ่อนเร้น ( แปลว่า เหน็บ แอนด์ หลอกด่า )
บรรดาขาโจ๋โจทย์เก่า ของอิฉันเพรียบเรยมั้ง
ถ้าคนทั่วไปอ่านจะปรุงแต่งและประทับใจไปอย่างนึง
แต่ถ้าโจทย์เก่ามาอ่าน รับรองว่า
จะสะอึก เอ๊ย ซาบซึ้งไปคนละแบบ
ลูกไป๊เจ้ เนี่ย เค้าเป็น การ์ฟิลในคราบคิตตี้ อ่ะ
ลู้งิ แร้ว เจ้จะยังทนรับนู๋บี
มาเป็นศรีสะใภ้อยู่ไหมน้ออออ แผล่บ ๆ






--------------------------------------
มีเรื่องมาเล่าอีกแระ
เมื่อวานนี้พาน้องฮาร์ทไปวัดแถวบ้าน พาไปดูปลาให้อาหาร
ปลามั่ง นกมั่ง ทีนี้ พอโปรยอาหารเม็ดในถุงหมดแล้ว
เหลือที่หล่นๆ ตามพื้น น้องฮาร์ทเขาก็เก็บพอเต็มกำ ก็เอามา
ฝากแม่ไว้ แล้วบอกให้แม่ถือดีดีนะ เราก็กำไว้ ซักพักมัน
เดินมาดูที่มือแม่ ว่าเออยังอยู่ครบ แล้วกำชับอีกว่า ถือดีดีนะ
แม่อย่าดื้อนะ (ดูมันดิ มันไม่ไว้ใจแม่มันเลยนะเนี่ย เอ...
หรือว่าเราไปเผลอทำอะไรให้มันไม่ไว้ใจหรือเปล่า ฟระ..)
เก็บจนหมดแระ ก็เอาให้ปลาอีกที เราเห็นแล้วก็ขำ
ดูลูกมันทำ มันก็ตรงไปตรงมาดีนะ แต่เราอะ สะอึกเรย
ไปทำอะไรไม่ดีแล้วจำไม่ได้ แต่ลูกมันจำได้นี่ดิ
อายลูกมันนะเนี่ย ขนาดลูกยังไม่ไว้เรา ซะงั้น
+++++++++++++++++++++++

อิอิ ได้ไปให้อาหารน้องนก น้องปลา ด้วยหรอออ
ดีจัง อิฉันก็ชอบนะ เวลาไปให้อาหาร
บรรดาสารพัดสัตว์เนี่ย
เคยพาคุณนายแก้วดีไปออกเดท
ด้วยการหาเรื่องพาไปเที่ยว วัดใหญ่ ที่ พิษโรคอ่ะ
ตอนนั่งยอง ๆ อยู่ริมสระ คุยกันกระหนุงกระหนิง
หยิบยื่นหนมปังให้ลูกเต่า ลูกปลา ตาดำ ๆ กิน
มันเป็นความทรงจำที่ ดื่มด่ำ ชื่นมื่น
และ อิ่มอกอิ่มใจพิลึกเลยอ่ะ ^ ^


แต่อ่านเรื่องของ น้องฮาร์ท แร้ว ก็ขำอ่ะ
" แม่อย่าดื้อนะ " อิอิ แหม๊ เข้าใจพูดจริงวุ้ย
(ซาแดงว่า ป๋าโจสอนมาดี งิงิ )
และท่าจะให้เดาเหตุปัจจัยของ พฤติกรรมนี้อ่ะนะ
อิฉันขอเดาเอาว่า น้องฮาร์ทของอิฉาน
ไปก๊อปปี้ พฤติกรรมนี้มาจาก ป๊ะป๋าโจ คร่า
แบบว่า เห็น พ่อเป็น ฮีโร่ เรยเลียนแบบมาเด๊ะ ๆ
ระวังนะเจ้ เคยแกล้งไรป๋าโจไว้
เด๋ว ฮาร์ทจัง จะมาสะสางคดี
คิดบัญชีแทนพ่อ มิลู้ด้วย เหอ ๆ







---------------------------------------
จนเมื่อวานได้คุยกะทั่นโจ เลยถามเขาว่า
ทำไมถึงได้สงสารเมตตากับสัตว์ได้ทุกตัว แต่เวลาเจอ
คนบาปถึงทนไม่ได้ อภัยให้เขาไม่ได้ หรือทนรักคนบาป
เหล่านั้นไม่ได้ เสียสละให้คนบาปไม่ได้เลย ทั่นโจเขา
บอกว่ามันไม่เหมือนกัน เจ้ก็เลยบอกให้เขาลองดูสิ่งที่
พระเยซูทำเพื่อคนบาป มันยากนะ ที่จะเสียสละชีวิตและ
จิตใจเพื่อให้คนบาปรู้ซึ้งและกลับใจหันหลังให้กับการทำ
บาปลงได้ การสอนให้คนดีทำความดีมันมีแนวโน้มที่ดีมันก็
ทำได้ง่าย เหตุปัจจัยพร้อม ก็สำเร็จได้อยู่แล้วเมื่อถึงเวลา
แต่การทำให้คนบาปรู้สำนึกแล้วกลับตัวกลับใจเลิกทำบาป
ด้วยใจไม่ใช่ด้วยคำพูด มันยากมากนะ แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย



+++++++++++++++++++++++++++++


อิอิ เจ้จ๋าาาาาาาา
อันนี้ ขอทาย แบบไม่ต้องใช้ เจโตฯ ว่า
ป๋าโจ ต้องตอบว่า พระเยซู ไม่เจ๋ง อ่ะ
แบดบอย อย่างพ่อปั๋วนู๋เนี่ย
คงชอบ สไตล์ พระพุทธเจ้ากับองคุลีมาลมากกว่า ง่ะ
เพราะ มันเหมือนชีวิตป๋าโจดี
(ประมาณว่า โคตรไอ้เข้กลับใจ งิงิ)


อืม...จิง ๆอิฉันก็ชอบนะเรื่อง องคุลีมาลเนี่ย
การทำให้คนบาปรู้สำนึกแล้วกลับตัวกลับใจเลิกทำบาป
ด้วยใจไม่ใช่ด้วยคำพูด มันยากมาก ก็จริง
แต่มันก็แค่ น้อมใจเข้าหาสิ่งดีๆ โดยอาศัยศรัทธาอ่ะ
ถ้ารู้หลักจิตวิทยาเชี่ยว ๆ สักหน่อย
ก็โน้มน้าวมวลชนคนบาปได้นะ



ทว่าการทำให้คนบาปรู้สำนึก
แล้วกลับตัวกลับใจเลิกทำบาป ได้
โดยที่เขาสามารถใช้ปัญญาของตนเองมาตรึกตรอง
จนเห็นดวงตาธรรมเนี่ย แหล่มกว่าอ่ะ


แต่ก็นั่นแหล่ะนะ คนที่เกิดมาโชคดี
มีปัญญาแจ่ม ๆ แบบ องคุลีมาล
มันก็หาได้ไม่ง่ายหรอกเน๊าะ
เก๊าะว่ากันไปตาม วาสนาจริต
และ กรรมเก่า แระกัน
นี่อิฉันก็กะลังพยาม
วัดรอยเท้า องคุลีมาลอยู่ เหมือนกัน
( เผื่อฟลุ๊ค เหอ ๆ)




--------------------------------
แต่คนที่เผยแพร่คำสอนของพระเยซูในปัจจุบัน
ในความเห็นของเจ้ เขาไม่สอนหลักธรรมของพระเยซู เลย
เจ้เห็นว่าพวกนั้นหาคนเข้ารีตมอมเมาประชาชนให้เชื่อ
ด้วยความหลงผิดของตัวคนเผยแพร่เอง จนดูเหมือนว่า
ศาสนจักรทั้งหลายเผยแพร่ลัทธิซาตาน มากกว่าจะเผย
แพร่หลักธรรมของพระเยซูนะ เหมือนๆกับศาสนาพุทธ
ของไทยเรา มีแต่คนบิดเบือนคำสอนตามความคิดความเข้า
ใจของตนเอง ไม่มีปัญญารู้ธรรมเป็นของตนเอง
++++++++++++++++++++++++++++
เห็นด้วย เจ้าค่ะ
นี่แหล่ะ ข้อเสียของ ศรัทธา
แบบไม่มี ปัญญา กำกับอ่ะ
ทำให้บางคนถูกปิดหูปิดตา
และ ทำให้หลงทางได้ง่าย
เผลอ ๆ ศรัทธาของลูกแกะ
อาจตกเป็นเครื่องมือสนองตัณหาและ อัตตา
ของ บรรดาฝูงหมาป่าผู้ถือคัมภีร์ ก็ได้นะ


สงครามครูเสดเป็นตัวอย่างหนึ่ง
ที่คลาสสิก ในเรื่องนี้นะเจ้
เมื่อโลกียะ คืบคลานเข้ามา กลืนกิน โลกุตระ
ฟามล่มสลายทางจิตวิญญาณก็จะเกิดขึ้น
ไม่แปลกใจเรย ที่ พระพุทธเจ้า ทรงแยก
การมุ้ง การเมือง ออกจากกิจของสงฆ์
ขืนเอามารวามกันอ่ะนะ เจ๊งบ๊ง ก่อน ห้าพันปี แหง๋ ๆ


เออ เห็นเจ้ กะลังสนใจ
เรื่องเกี่ยวกับศาสนาคริสต์
แนะนำให้ลองอ่าน
เรื่อง นรกที่สวรรค์ลืม
ของ มรว.คึกฤทธิ์ นะ
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับ
ความศรัทธาในพระเจ้า อ่ะ
ป๋าคึกฯ แกเขียนได้แสบสันต์ดี


ป๋าแกหยิบเอาตำนานในไบเบิ้ล
เรื่อง ที่พระเยซู สร้างปาฏิหารย์
ช่วยขอทานให้หายตาบอด
มาสร้างเป็นประเด็น
ให้เราตะหนักถึง มุมมองอีกแง่
ตามแนววิถีแห่งพุทธ น่ะ


การมองเห็นเป็นอุปสรรคของการสัมผัสใจ
เมื่อ ซีโมน ชายหาปลาตาบอด
ที่มองเห็นได้อย่างอัศจรรย์
กลับร้องไห้คร่ำครวญ ว่า ดวงตาที่เปิดกว้าง
ได้นำทางที่มืดมิดมาสู่ชีวิตของเขา

บางครั้ง อำนาจการดลบัลดาลของพระเจ้า
ก็เข้าไม่ถึง ส่วนที่ลึกที่สุดของใจคน


อิอิ ก็ไม่ลู้ เจ้เคยอ่านไหมนะ
สงสัยว่า อิฉันจะ เอา มะพร้าวห้าวมาขายสวนซะล่ะมั้ง
จำได้ว่า อดีตเพื่อนสนิท ของอิฉัน
มันเคยเอามาประเคนให้อิฉันอ่านน่ะ
อะโหย อ่านแล้ว เก็ทสะเทือน
เกี่ยวกับเรื่อง มุมมอง และการปรุงแต่ง
ที่ไม่สอดคล้อง ของ ทวารทั้ง 6 ได้อย่างชัดเจนดี





อืม...จิง ๆ อิฉันก็เคย พิมพ์เรื่องนี้
ส่งเมล์ไปให้เจ้าเพื่อนบังเกิดเกล้าที่เคารพ
( เนื่องในวันคริสต์มาส ) นะ
เห็นมันเคยเป็นบาทหลวงฝึกหัดน่ะ
เรยส่งให้มันอ่าน กะแหย่มันเล่น เหอ ๆ


น่าเสียดายที่ ตอนนี้เอาต้นฉบับที่พิมพ์
เอาโพสให้เจ้อ่านทางเนตไม่ได้
เพราะมันเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ทางปัญญาของป๋าคึกฯ แก
เด๋ว ศีล ข้อ 2 ของอิฉันถลอก แหะ ๆ


อ้อ เจ้าเรื่องนี้ มัน อยู่ใน หนังสือรวามเรื่องสั้น
ชื่อ เพื่อนนอน อ่ะ ถ้าสนใจก็ลองไปหาอ่านดูจิ
แหล่มทุกเรื่องเรย รับประกัน อิอิ




.
 
 

โดย: คุณป้าบัวแพล่มมมมมมมมมมม IP: 118.173.227.78 วันที่: 28 มิถุนายน 2553 เวลา:21:51:31 น.  

 
 
 
ขอบใจนู๋บัวจ้า ไว้ว่างๆ ไม่มีอะไรทำแล้ว เจ้จะลองไปหาอ่าน
นะ เรื่องพระคริสต์ เจ้ก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน
มันอยากอ่าน อยากรู้ อยากเห็นสุดท้ายก็รู้แล้ววาง
กลับมาเจริญสติ เจริญปัญญา เหมือนเดิม
พระคริสต์สอนว่า คนมีคุณธรรมจะเป็นคนชั่วได้อย่างไร
และท่านไม่ได้สอนให้เชื่อแต่ให้ใช้ความคิดพิจารณา
อย่าให้ผู้ใดหลอกลวงให้หลงทาง
อาเจ้คิดว่ามันต่างจากที่เขาสอนกันในโบสถ์เลยนะ
ที่บอกว่าให้เชื่อพระคริสต์
แล้วจะได้ไปอยู่ในสวรรค์กับพระคริสต์
แล้วพวกที่เชื่อและศรัทธาพระคริสต์จริงจังถึงขั้นคลั่งศาสนา
แต่ก็ยังคงยอมเป็นทาสของการทำบาปเลิกละไม่ได้
มันเหมือนเป็นศรัทธาที่สูญเปล่า ไร้น้ำหนัก ไร้ผล
เหมือนคนหลงทางเห็นทางสวรรค์แล้ว
ไปไม่ถึงเพราะไม่รู้ความจริง ไม่เข้าใจหลักธรรม

ส่วนอาเจ้ ก็รู้สมใจแล้วก็วาง กลับมาสนใจดารขัดเกลา
ตัวเอง ฝึกใจให้มีศีลมีธรรมมีปัญญาเป็นของตน
และเราไม่ได้ตั้งใจฝักใฝ่ในบาป แต่ตั้งใจรักษาศีล5
ถึงแม้จะเผลอสติไปบ้างเป็นบางครั้ง
แต่รวมๆแล้วเราก็ตั้งใจหันหลังให้บาป
และเราตั้งใจจะไม่เป็นคนชั่วแน่นอน ก็ถือได้ว่า
มีคติธรรมไปในแนวทางเดียวกัน ไม่ได้ขัดแย้งกัน
เพียงแต่ว่าเราเลือกที่จะพึ่งพาตนเอง ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน
แล้วก็ชอบสไตล์พระพุทธเจ้ากับองค์คุลีมาล เหมือนกัน
ทำผิดก็ยอมรับผิดรับโทษไปตามกฏแห่งกรรม
ทำดีก็ยอมรับผลของกรรมดีไปตามกฏแห่งกรรม
ทำอะไรไปด้วยสติสัมปชัญญะ ก็ต้องทำใจยอมรับผลของมัน
ด้วยสติสัมปชัญญะที่หนักแน่นพอๆกัน เนอะ

อาเจ้ เล่าเรื่องเข้าสมาธิดิ่ง...วูบ ของนู๋บัว
ให้ป๋าโจ ฟังด้วยแหละ
แม๊...ป๋าเขาเก็ทเลยนะ แถมมีเกทับ ป๋าก็เคยมีประสบการณ์
ดิ่ง...วูบ กะเขาเหมือนกัน เขาบอกว่าก็เหมือนไคลแมกซ์..ง่ะ
มีผลทำให้หัวโล่ง มีความสุข หายง่วง
ป๋าเขาเล่าว่าสมัยเด็กๆมีก๋งสอนนั่งมาธิก็เคยดิ่ง...วูบ..เสียว
แล้วไปเห็นจุดแสงเล็กๆ แต่กลัวก็เลยไม่ได้ทำต่อ นอกนั้น
ก็มีเล่นเกมนินเทนโด้ เกมส์โดดร่ม อะ เกมโบราณเขาว่า
เป็นเกมส์เดียวที่เขาเล่นจดจ่อนานๆ แล้วมีอาการลั่นเปรี๊ยะ
แล้วขาดวูบไปเลยเหมือนตอนนั่งมาธิ ส่วนตอนนี้ก็มีตอนที่
ฟังเทศน์หลวงตาฤาษีลิงดำ บางครั้งก็มีอาการสงบแล้วก็ดิ่ง..
วูบ เหมือนตอนนั่งมาธิเหมือนกันแล้วก็จะหัวโล่ง โปร่ง เบา
มีความสุขเหมือนตอนไคลแมกซ์ แต่ไม่ได้เป็นทุกครั้งที่ฟัง
มันก็บังคับไม่ได้ อะนะ มันจะเป็นก็เป็นเอง ส่วนใหญ่
ตอนนี้ป๋าโจถ้ามีกระทบโลกแล้วเกิดพายุถล่ม เข้าหาฝั่ง
เขาจะเปิดเพลงสวดมนต์ชินบัญชร พาหุง ยอดกัณฑ์พระ
ไตรปิฎก เพลงสวดเจ้าแม่กวนอิม และอื่นๆอีกมากมาย
ก็ช่วยให้พายุสงบลงได้ เพลงสวดมนต์เดี๋ยวนี้มีแจกให้
โหลดบิท เยอะแยะเลย ทำนองก็เพราะเนื้อหาก็ดี
เจ้ก็ชอบฟัง เอามาฟังสลับกับฟังเทศน์ที่เราชอบ
พวกนิทานชาดก หรือชาดกต่างๆก็ดี ฟังแล้วสงบดีเหมือนกัน
ตอนนี้น้องฮาร์ทมันติดฟังเพลงสวดมนต์แล้วนะ ก่อนนอน
จะขอฟังทุกคืน ฟังไปแป๊บๆ ก็หลับละ ดีเหมือนกัน ไม่ต้องมา
ทะเลาะเรื่องไม่ยอมนอนตามเวลา

กะว่าพอน้องฮาร์ทรู้เรื่องอีกหน่อยซัก7ขวบ
จะเปิด นิทานชาดกให้ฟัง แล้วพอรู้เรื่องอีกซักหน่อย
ก็จะเปิดคำเทศน์ของพระให้ฟัง เดี๋ยวนี้อุปกรณ์มันทันสมัย
ดีนะ โทรศัพท์อันเดียวราคาถูกๆมันเล่นได้หมด ดูหนัง
ฟังเพลง เล่นเกมส์ โทรศัพท์ แล้วเด็กๆมันก็สนใจ
เทคโนโลยี พวกนี้ซะด้วยจิ เห็นปุ๊บ จับปั๊บ ยึดเลย อิอิ
ดีนะ ที่มีจีนมาช่วยผลิตของดีราคาถูกให้ใช้เลยสบายไป
เครื่องละพันกว่าๆ มันทำได้ใกล้เคียงกะไอโฟนเลยนะ
เจ๋งจริงๆ พวกพี่จีนเนี่ย
 
 

โดย: ป้านู๋ขวัญ ขยันแพล่ม IP: 124.120.156.149 วันที่: 29 มิถุนายน 2553 เวลา:9:19:51 น.  

 
 
 
.::: Itsumo Nando Demo คำแปลการ์ตูน Spirited Away :::.

คำแปลจาก DVD ของน้า BB แปล โดย Top & StoneRoses

บางครั้ง ฉันได้ยินเสียงเรียก
จากส่วนลึกในใจฉัน
ฉันอาจจะตกอยู่ในห้วงฝัน
ความฝันที่ช่วยให้มีชีวิตอยู่ได้
ผ่านน้ำตากี่ร้อยพันหยด
แห่งความโศกเศร้ากี่ร้อยพันอย่าง
แต่ฉันรู้ว่าในอีกฝั่งหนึ่ง ฉันจะได้พบเธอ
ทุกครั้งที่เราล้ม
เราจะมองไปยังท้องฟ้าเบื้องบน
ละระลึกว่าฟ้ายังเป็นสีฟ้า
เหมือนครั้งแรกที่ได้มอง
ทางสายเปลี่ยวนี้อาจจะยาวไกล
และไม่อาจเห็นปลายทาง
แต่ฉันสามารถรับสัมผัส
แห่งแสงที่โอบล้อม ด้วยสองมือและหัวใจ
ยามฉันเอ่ยคำลา
หัวใจฉันหยุดนิ่งในสัมผัสละมุน
ร่างกายว่างเปล่า
เริ่มระลึกถึงสิ่งจริงแท้ในความสงัด
ความหมายของการดำรงอยู่
ความหมายแห่งการดับสูญ
สายลม เมืองและดอกไม้
ทุกสิ่งล้วนมุ่งสู่จุดหมายเดียวกัน
ลา..ลา..
บางครั้ง ฉันได้ยินเสียงเรียก
จากส่วนลึกในใจฉัน
จงเรียนรู้ที่จะฝัน
และเก็บรักษามันไว้
อย่าพร่ำบ่นถึงความเศร้าโศก
หรือความเจ็บปวดใดในชีวิต
จงใช้ริมฝึมากเดียวกัน
ขับขานบทเพลงหวาน ให้กับตัวเอง
เสียงเพรียกแผ่วเบา
ของทุกความทรงจำที่เลือนหาย
จะคอยนำทางเธอเสมอ
แม้แต่เศษกระจกแตกร้าว
กระจัดกระจายบนพื้นดิน
ยังสามารถสะท้อนภาพชีวิตใหม่ได้
หน้าต่างแห่งชีวิต
นิ่งเงียบในแสงแรกแห่งรุ่งอรุณ
ร่างกายว่างเปล่า
จะถูกเติมเต็ม และก่อกำเนิดใหม่
ไม่จำเป็นที่จะออกไปค้นหา
ไม่จำเป็ฯที่จะฝ่าข้ามผืนทะเล
เพราะฉันได้เจอสิ่งล้ำค่า
ที่อยู่ในตัวฉันเอง
ฉันได้เจอสิ่งล้ำค่า
ที่จะอยู่กับฉันตลอดไป


//www.sookjai.com/index.php?topic=3606.0
 
 

โดย: มดเอ๊กซ IP: 124.120.247.42 วันที่: 29 มิถุนายน 2553 เวลา:9:45:25 น.  

 
 
 
หยุดตรรกะ แป๊บ ๆ แว๊บ ๆ

แวะฟังเพลง ที่ นำมาลง

กล่อมโลก ให้ นิทรา

//www.sookjai.com/index.php?board=47.0
 
 

โดย: มดเอ๊กซ IP: 124.120.247.42 วันที่: 29 มิถุนายน 2553 เวลา:9:48:09 น.  

 
 
 
เนื้อเพลง รักน้อง


เจ้านกน้อยล่องลอยโผบิน จากแผ่นดินทะเลสีคราม
ความเหงาเอยมาคอยเหยียบย่ำ ให้ทรมาน์
ฝ่านลมแล้งด้วยแรงท้าทาย สู่จุดหมายที่ไกลลิบตา
เพียงพบเธอ ทุกวันเห็นหน้า อิ่มเอิบดวงมาลย์

ดอกไม้ แย้มกลีบ บานแล้วในใจฉัน
จงหอมชั่วนิรันดร์ มิโรยร่วงผ่านจากใจเราผอง
จงมอบความรัก ด้วยใจภักดี
มอบชีวีให้เธอคุ้มครอง
ความหวังดี จงมาปกป้อง ทั้งตื่น และฝัน


C Am
เจ้านกน้อยล่องลอยโผบิน จากแผ่นดินทะเลสีคราม
Dm G7
ความเหงาเอย เหมือนคอยเหยียบย่ำให้ทรมาน
C Am
ฝ่าลมแรงด้วยแรงท้าทาย สู่จุดหมายที่ไกลลิบตา
Dm G7
เพียงพบเธอทุกวันเห็นหน้า อิ่มเอิบดวงมาลย์
Dm C
ดอกไม้แย้มกลีบ บานแล้วในใจฉัน
Am Dm G7
จงหอมชั่วนิรันดร์ มิโรยร่วงผ่านจากใจเราผอง
C Am
จงมอบความรักด้วยใจภักดี มองชีวีให้เธอคุ้มครอง
Dm G7
ความหวังดีจงมาปกป้อง ทั้งตื่นและฝัน


//www.sookjai.com/index.php?topic=3607.msg13900#msg13900
 
 

โดย: มดเอ๊กซ IP: 124.120.247.42 วันที่: 29 มิถุนายน 2553 เวลา:10:18:27 น.  

 
 
 
" ...ดังสายลมที่พัดผ่านลาญป่า พาใบไม้พลัดถิ่น
ดังสายน้ำที่ไหลรินพัดพา นำดวงใจฉันมาใกล้เธอ
ความหวังดีที่เธอให้สังคม ฉันชื่นชมเธอเสมอ
เพื่อพี่น้องผู้ที่ยากไร้ รวมดวงใจของเราฟันฝ่า .. "
...............................

เป็นเพลงเพลงหนึ่งที่แต่งโดยคุณจิ้น กรรมาชน


//www.sookjai.com/index.php?topic=3608.0


ประวัติ



วงคีตาญชลี
เป็นวงดนตรีที่ทำเพลงใต้ดินของไทยอีกวงหนึ่ง
ซึ่งทั้งวงประกอบด้วย
สองสามีภริยาจากจ. เพชรบุรี คือ
สุรินทร์ อิสมันยี และ สมศักดิ์ อิสมันยี
เป็นวงดนตรีเรียบง่าย ๆ น้อยชิ้น
กีต้าร์โปร่ง เมาท์ออแกน กลองเล็กๆ
และเสียงร้อง แต่เล่นได้อย่างไพเราะ
ซึ่งเพลงที่เป็นที่รู้จักนั้นจะมีเพลง
"อยากให้ความรักแก่คนทั้งโลก"
และ "นกเขาเถื่อน"



วงคีตาญชลีนั้นเดิมใช้ชื่อว่า "วงสายทิพย์" มาก่อน
ที่มาของวงคีตาญชลี : มาจากคำว่า คีต + อัญชลี
ซึ่งมีความหมายว่าคารวะด้วยเสียงเพลงเจ้าค่ะ
แต่คำว่า "คีตาญชลี"
นั้นเป็นชื่อหนังสือที่ได้รับรางวัลโนเบล
สาขาวรรณกรรมเล่มแรกของเอเซีย
ซึ่งรจนาโดยท่านระพินทรนาถ ฐากุร
กวีชาวอินเดีย
 
 

โดย: มดเอ๊กซ IP: 124.120.247.42 วันที่: 29 มิถุนายน 2553 เวลา:10:28:17 น.  

 
 
 
ความปีติ - คีตาญชลี


ขอให้กระแสเสียงทั้งมวลแห่งความปีติ จงคลุกเคล้าเข้ากับเพลงบทสุดท้ายของข้าพเจ้า
ความปีติที่ปรากฎออกมาให้เห็นทั่วพื้นพิภพ ในรูปของพฤกษานานาชาติอันมีอยู่ดาษดื่น
โดยความปีติที่ยังให้ฝาแฝดสองพี่น้อง คือชีวิตกับความตายลิงโลดโดดเต้นอยู่ทั่วโลก
ความปีติที่พัดพามากับพายุ พลางเขย่าและปลุกให้สรรพชีวิตตื่นขึ้นด้วยการรื่นเริงหรรษา
ความปีติที่นั่งนองน้ำตาอย่างเงียบเชียบ อยู่บนดอกบัวบานสีแดงแห่งความปวดรวดร้าว
ความปีติที่สลัดทุกสิ่งทิ้งให้สิ้นค่าอยู่กับภัสมธุลี โดยตนเองไม่รู้อะไรเลยแม้แต่คำเดียว

เรืองอุไร กุศลาสัย
ถอดความจาก คีตาญชลี
นิพนธ์โดย รพินทรนาถ ฐากูร
 
 

โดย: มดเอ๊กซ IP: 124.120.247.42 วันที่: 29 มิถุนายน 2553 เวลา:10:28:55 น.  

 
 
 

ปีที่แล้ว โน่นนนนนนนนนน

---------------------------------------------------------------------

ผมไป ร่วมงานทำบุญ 7 ตุลา ที่ลานพระบรมรูปมา
ตักบาตรใหญ่ พระป่า เป็นร้อยรูป ช่วยท่านขนถ่ายของในบาตร
จนเมื่อยเลย ของทำบุญเยอะมาก เพราะผมขนจนปวดไปทั้งตัว
แต่อิ่มใจดี แปลกนะ เราเดินไป ตรงแยก ที่ตั้ง ภาพคนที่เสียชีวิต

เห็นภาพแล้ว น้ำตาเราไหลเลย แต่ดีกว่าปีที่แล้ว วันเดียวกันนี้แหละ
น้ำตาตกใน ไหลไม่ออก เห็นคนตาย คนเจ็บ เห็นอวัยวะ รอยกระสุน
รอยเลือด เราสลดใจ แต่ทำอะไรไม่ได้เลย ( เราก็วิ่ง ตั้งแต่บึ้มแรก ฮ่า ๆๆๆๆ )




วันนี้ 7 ตุลา หลังจากทำบุญ ช่วยพระเสร็จ เราก็เดินตามขบวนเขา
เราไม่ชอบเดินอยู่มุมเดียว ชอบเดินสลับไปมา เดินอยู่ตรงหน้า
ยืนมุมสูง ชอบชะเง้อ ดูขบวนคนเขาเดิน วิวชัดเจน เป็นหมื่น ยาวสุดตาเลย

วันนี้ เรามาเจอเวทีสุดท้าย ๆๆๆๆ เขาบรรเลงเพลง เทียนแห่งธรรม
ได้ฟิวส์ มาก เพราะสุด ๆ เล่นกันทั้งครอบครัว

พ่อเล่น กีต้า กับ เม้าออแกน
แม่ เล่นกลอง

ลูกสาว เล่น ซอจีน ไวโอลิน ขลุ่ยฝรั่ง


ประสานกัน จนเราเคลิ้มเลย ยืนเหมือนต้องมนตร์สะกด
ยืนแช่ มอง ครอบครัวนี้ เล่น ตั้งนาน


เราไม่รู้เลย ครอบครัวนี้ คือ วงคีตาญชลี น่ะ

พอมาถึง ช่วงกลางคืน กำลังงัวเงียอยู่ ในหอประชุมธรรมศาสตร์
แล้ว เพลงนี้ก็ปลุกให้ตื่น ขนลุกไปทั้งตัว

เสียงเด็กชาวเขา ร้องประสานเสียง เพลงพลังใจ
มีท่อน ภาษาชาวเขาด้วย ชอบมากกกกกกก


เลยเอามาแบ่งให้ฟังนะ

 
 

โดย: มดเอ๊กซ IP: 124.120.247.42 วันที่: 29 มิถุนายน 2553 เวลา:10:29:55 น.  

 
 
 

3 อย่างที่เราต้องปฏิวัติ

1.การศึกษา
2.สื่อสารมวลชน
3.จิตวิญญาณ

แต่ตอนนี้ ต้องปฏิวัติตัวเราเองก่อน อันดีบแรก

แล้ว ไอ้ 3 ข้อ จะตามมา เอง

ตามภาพ Fractal แห่งผีเสื้อกระพือปีก


นุ่งผ้าขาวม้าผืนเดียว หน้าคอม ก็ กู้โลก ได้ฮ่า ๆๆๆๆๆ

การปฏิวัติในห้องนั่งเล่น

ไปล่ะ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ
 
 

โดย: มดเอ๊กซ IP: 124.120.247.42 วันที่: 29 มิถุนายน 2553 เวลา:10:35:29 น.  

 
 
 
^
^
แท้งกิ๋ว หลานลูกมด
ที่มาช่วยปั่นกาทู้จร้าาาาา
หวังว่า ตอนแว่บเข้ามาปั่นกาทู้ ที่ มาคม
คงม่ะได้ นุ่งผ้าขาวม้าผืนเดว อยู่หน้าคอมพ์นะ
ป้ากัวเป็นตากุ้งยิงงงงงงงงงงง อ่ะ ฮือ ๆๆๆ




แท้งกิ้ว หลานลูกลิง
ที่ยอมให้ป้าเข้าสิง ประทับร่าง ไปกร่าง เอ๊ย ไปฝอย
ที่โต๊ะสาดหนา น๊าาาาา
มิเสียแรงที่ป้ายกตำแหน่งหลานชายคนโปรดให้
แหม ? ใช้ง่าย ๆ โตไว ๆ งี้
ป้าปลื้มมากกกกกกกกก
แร้ววันหลังป้าจะมาพึ่งพา
อาศัยบริการจากอาคุงหลานอีกนะจ๊ะ แหะ ๆ







หม่ามี๊ขราาาาาาาาา

---------------------------

เรื่องพระคริสต์ เจ้ก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน
มันอยากอ่าน อยากรู้ อยากเห็นสุดท้ายก็รู้แล้ววาง
กลับมาเจริญสติ เจริญปัญญา เหมือนเดิม

+++++++++++++++++++++++

อิอิ สมัยก่อน อิฉันก็สนใจ
เรื่อง พระคริสต์ เหมือนกันอ่ะ
พวกศริสเตียน คริสตัง เนี่ย ส่วนใหญ่ที่ลู้จัก
เค้าน่ารักมากเลย หนักไปทางใจดีมีเมตตา
ดูอบอุ่น อยู่ใกล้แร้วสบายใจดี
นี่ถ้ามีโอกาสยังอยากเข้าไปโต๋เต๋
ชมนกชมไม้ในโบสถ์คริสต์ เรยอ่ะ
เพราะดูแล้ว มันคงจะ สงบน่าอยู่ดีนะ
ที่สำคัญ คงมี ศาสนศิลป์
ให้เสพ เพรียบเรยยย ช้อบชอบ


อืม...ตอนอยู่ ป. 5 เคย ส่ง จม.
ไปขอหนังสือจากพวกนั้นมาอ่านเล๊ย
แต่อ่านแล้วมีหลายจุดที่
แล้วมันสะดุดแล้วเกิดอาการศรัทธาไม่ลง
สุดท้าย อ่าน ๆไป
เลยได้ แต่ เทคนิคการวาดรูปมา
( รูปวดในหนังสือมัน ซ๊วยสวย แหะ ๆ)


อืม...ก็ม่ะลู้เจ้คิดเหมือนกันไหมนะ
สำหรับอิฉัน คิดว่า พระคริสต์
ก็คล้าย ๆ พระโพธิสัตว์มั้ง
ประมาณว่ากะลังกักตุนสะสมบารมีอยู่
ยังต้องเวียนว่ายในวัฏฏะ และ ภพภูมิทั้ง 31 อีกนาน



ส่วนพระเจ้าผู้สร้างโลก
และมีอำนาจบันดาลให้เกิดปาฏิหารย์เนี่ย
ตามทัศนะของอิฉัน เค้าก็คล้าย ๆ
เหล่าพรหมกับเทวดาผู้มีฤทธิ์ทั้งหลายมั้ง


ตำนานในไบเบิ้ล
อ่านแล้วก็ขลังดี แต่บางทีก็ขำนะ
ไม่ลู้ดิ ถ้าพระเจ้ายังลู้จักพิโรธ
เวลาที่ลูกแกะของพระองค์
ทำให้ไม่ทรงโปรด
พระเจ้าก็หมดฟามศักดิ์สิทธิ
ไม่ขลัง และไม่เจ๋ง
และไม่ผ่าน มาตรฐาน ISO ในสายตาอิฉันอ่ะ อิอิ



ไม่ลู้ดิ .......
บังเอิญอิฉันเป็นคนค่อนข้าง
จะขาดแคลนศรัทธาจริต อย่างแรง เลยมั้ง
เลยไม่คอยจะศรัทธาอะไรนัก
( ส่วนใหญ่จะหนักไปทางเอ็นดู ซะมากกว่าแหะ ๆ )


ขนาดทั่นพุทธทาส
อ่านงานเขียนของท่าน
แล้วยอมรับแนวคิดของทั่น
ก็ก็ แค่นั้นแหล่ะ ไม่ได้ศรัทธาอะไร
แถมเวลาเห็นภาพท่านนั่งเอ้เต้อยู่ข้างสระบัวนะ
ไม่ลู้เป็นไง เห็นแล้วได้แต่อมยิ้ม แฮะ
ประมาณว่า เออ ! ตุ้ยนุ้ยได้น่าเอ็นดูดีวุ้ย



หรือ เห็นรูปขรัวโต ทีไร
ก็มานั่งอมยิ้มขำ ๆ
ประมาณว่า ท่านทำหน้าดุ๊ดุ
ดูเคร่งจังเรยยยย ไม่เมื่อยหน้าหรือไงกันนะ ?
ลู้สึกแบบเดียวกับเวลาเห็น
รูปหลงตามหาบัว avatar ของป๋าขันธ์เรยง่ะ


ยิ่งรูปหลวงพ่อชาทำหน้ายิ้ม ๆ นะ
โอ๊ย ยิ่งเห็นยิ่งเอ็นดูใหญ่ เรย
แหะ ๆ มันเป็นฟามลู้สึก
ที่สังขารขันธ์ มันปรุงแต่งแว่บขึ้นมา
แบบปัจจุบันทันด่วน น่ะ
ไม่ลู้เหมือนกันว่าทำไมเป็นงี้นะ
มันเป็นอารมณ์ขันพิเรนทร์ที่ติดมากับอนุสัยมั้ง
แต่ ถ้าไปแพล่มให้เหล่า พุทธมามกะจ๋าฟัง
คงโดนเฉ่งว่า ลามปามเป็นขี้กลากแหง๋ ๆ เหอ ๆ


กับ พระพุทธเจ้า ก็เหมือนกันนะ
ฟังเลคเชอร์วิชาพุทธสาดมาตะแต่ตัวกระเปี๊ยก
แหกปากสวดอิติปิโสมาก็หลายหน
ก็ไม่ยักออสโมซิส ซึมซับหรือดลจิตให้คิดศรัทธาเรยอ่ะ
อย่างมากก็แค่ เห็นด้วยว่า
เออ พระพุทธเจ้าเก่งจังว่ะ หาทางพ้นทุกข์ได้ด้วยตัวเอง



แต่ก็แค่นั้น แล้วมันก็จบ
ไม่จะต่อยอดเกิดศรัทธาอะไรเลย
อย่างมากก็แค่เล่นบทครูพักลักจำด้วยในบางครั้ง
เกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติ แล้วหัดทำเอาเอง
สไตล์ KM ( Knowledge Management ) ง่ะ
นี่ครึ้ม ๆ ยังว่าจะแกว่งปากหาเท้า ตั้งกาทู้ ประมาณ

" นี่ ๆ เหล่านักปฏิบัติจ๋าาาาาาา
ถ้าไม่นึกศรัทธาใน ไตรสรณะ
จะทะลุธรรม บ่ ได้ เชียวเหยอ ? "

มากระแทกลูกตาชาวบ้านเล่นเหมือนกันนะ งิงิ
เฮ้อ ไม่ลู้ว่าจะมีใครคิดอะไรประหลาด ๆ
แบบ อิฉันไหมนะ เหอ ๆ








----------------------------------------------
อาเจ้ เล่าเรื่องเข้าสมาธิดิ่ง...วูบ ของนู๋บัว
ให้ป๋าโจ ฟังด้วยแหละ
แม๊...ป๋าเขาเก็ทเลยนะ แถมมีเกทับ ป๋าก็เคยมีประสบการณ์
ดิ่ง...วูบ กะเขาเหมือนกัน เขาบอกว่าก็เหมือนไคลแมกซ์..ง่ะ
มีผลทำให้หัวโล่ง มีความสุข หายง่วง
+++++++++++++++++++++++

อะโหยยยยย มี เกทับ ด้วยวุ๊ย
ป๊ะป๋าโจ แก ขี้คุยเหมือนกันนะเนี่ย งิงิ
อืม...จิง ๆ ไคลแม็กซ์ จากเซ็กส์
กับ ดิ่งวูบ จากสมาธิ นี่ มันก็เป็นฟามเหมือนที่แตกต่างนะ
ประมาณ ลางสาด ก๊ะ ลองกอง ยังไงยังงั้น
อีตาปราบเทวดา ก็เคยพูดถึงนิ ลางสาด ก๊ะ ลองกอง ? 555



อืม...จากประสบการณ์ (โดยส่วนตัว)อิฉันว่า
อารมณ์เสียวจากสมาธิ มันเหมือน ลองกองอ่ะ
ส่วน ไคลแม็กซ์จากเซ็กส์ มันเหมือน ลางสาด
ไง ก็เลือกเสพกันไปตามแต่จริต และ โอกาส แระกัน งิงิ


นี่ตอนนี้ เจ้หิฯ มันก็พยามเตือน
ให้อิฉัน ระวังตัวเองเหมือนกันนะเจ้
มันกัวอิฉันจะไปติดใจ ฟามเสียว
ตอน ที่ดิ่ง วูบ เวลานั่งมาธิ
จนไม่เป็นอันได้เจริญสติ อ่ะดิ
ขืนเป็นงั้นนะ เจ๊งบ๊ง แน่ ๆ เรย
คงต้องระวังในการเสพอารมณ์เหล่านี้ให้มากขึ้น แฮะ
เจ้เองก็เตือน ป๋าโจ ไว้มั่งก็ดี เน้อ
เด๋วป๋าแกจะนั่งสมาธิแร้วติดใจลองกอง มากมาย
จนกลายเป็น พรหมลูกฟัก เหอ ๆ






-----------------------------------------
ตอนนี้น้องฮาร์ทมันติดฟังเพลงสวดมนต์แล้วนะ ก่อนนอน
จะขอฟังทุกคืน ฟังไปแป๊บๆ ก็หลับละ ดีเหมือนกัน ไม่ต้องมา
ทะเลาะเรื่องไม่ยอมนอนตามเวลา

กะว่าพอน้องฮาร์ทรู้เรื่องอีกหน่อยซัก7ขวบ
จะเปิด นิทานชาดกให้ฟัง แล้วพอรู้เรื่องอีกซักหน่อย
ก็จะเปิดคำเทศน์ของพระให้ฟัง
++++++++++++++++++++++++

อะโหยยย กุศโลบายแหล่มมั่ก ๆ
สมกับเป็นคุณแม่ตัวอย่างงงงงงงงงงง
นี่กะจะฝึกปรือวิทยายุทธให้ลูกชาย
ตะแต่ปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมเรยเชียวหรือ แม่นาง


เคยเห็นแต่เขาเปิด โมสาร์ท ให้ลูกฟัง
เพื่อจะปั้นให้ลูกเป็น เด็กอัจฉริยะ
เพิ่งจะเห็น คุณนายเน่านี่แหล่ะ ที่ คิดแหกกรอบ
ตั้งใจจะส่ง ฮาร์ทจัง ลงแข่ง ธรรมะโอลิมปิก หรือไง เจ้ งิงิ


ไงก็ อนุโมทนาด้วยนะเจ้าคะ หม่ามี๊ขราาาา
แต่ก็ระวังหน่อยแระกัน
ค่อย ๆ ป้อน นะ เจ้
อย่าให้น้องเค้าลู้สึกว่าถูกยัดเยียด
เพราะ ถ้าเป็นงั้น เกมส์มันจะพลิก


ว่าแต่ดีจังอ่ะ ที่ชอบฟังซีดีธรรมมะกันทั้งบ้าน
ผิดกับอิฉันลิบเรยง่ะ ฟังเทศน์ฟังธรรมทีไร
เข้าภวังค์นั่งสัปะหงกทู๊กที ง่วงโคตร ๆ
ม่ะลู้ เป็น ถีนมีทธะ หรือว่า โมหะกำเริบ เอิ๊ก ๆ
แต่อิฉันก็ชอบ บทสวดที่เป็นทำนองสรภัญญะ นะ
ฟังแล้วมันเพลินดี มีเสียงสูงต่ำเหมือนดนตรีด้วย
ตะก่อนเวลาครึ้ม ๆ อารมณ์ดี ๆ
อิฉันมักชอบท่อง บทพาหุง เล่นแก้เฉาปากนะ
ทั้ง บาลี และ สรภัญญะ เรยแหล่ะ
ประมาณเดียวกับ เวลาฮัมเพลงอ่ะ


จิง ๆ พวกเพลงที่เค้าร้องในโบถ์คริสต์นี่ก็ชอบนะ
เพราะดี ฟังแร้วใจมันร่ม ๆ ดี
สมัยก่อนยังเคยอัดใส่เทปคาสเซตมาฟังเรยอ่ะ ^ ^


ว้า จะ 4 ทุ่มแระ
มัวแต่ฝอยจนไม่เป็นอันได้ปฏิบัติอีกแระตู
งั้นวันนี้ ป้านู๋บี ขอตัวก่อนน๊าาาาา
เด๋ว จาพักสายตาแระ
บ๊ายบาย คร่า ^ 0 ^
 
 

โดย: คุณป้าบัวแพล่มมมมมมมมมมม IP: 114.128.83.119 วันที่: 29 มิถุนายน 2553 เวลา:22:02:55 น.  

 
 
 
//www.youtube.com/watch?v=DRqev_jmQd4&feature=related


เมื่อเรายิ้มไห้โลก แล้วโลกจะยิ้มให้เรา
อาจเป็นรอยยิ้มที่ใช้ตาเนื้อมองไม่ได้
อาจเป็นรอยยิ้มที่มองไม่เห็น

เพียงเราสุขใจ นั่นแหละโลกยิ้มแล้ว

พอแล้วววว แหละ

วันนี้ วัดเกิดข้าพเจ้า ขอให้ทุกท่านจงมีความสุขนะ
ข้าพเจ้าเช่นกัน

ผ่านความมืดมิดอันยาวนานไปแล้ว นะ
หนึ่งสมอง และสองมือ เริ่มมีแรงแล้ว
ฝึกคอนโทรล ลำดับพลังที่กระจัดกระจายอยู่

เหยียบโลกเริ่มละมุนขึ้นมาก
หน้าต่างบานนี้ คือ บานแรกในรอบหลายปี
ที่ข้าพเจ้าเปิดออกมานะ
ลมเย็น เย็นจังเลย สายลมแห่งพวกท่าน
ลมแห่งพุทธรรม ยิ่งเย็นอาบกายใจข้า
สายลมแห่งมิตรภาพ สายลมแห่งธรรม
มันพัด พยุงข้าขึ้นมาใหม่
ข้ากอบ ร่างที่เคยแหลกสลายเป็นอณู
ให้กลับตื่น ฟื้นขึ้นมาใหม่

การเดินทางของจิตวิญญาณอีกมุมหนึ่ง
จากมุมหนึ่ง สู่ อีกมุมหนึง

สุดปลายรุ้ง คือ อะไร
เด็กน้อยถามพ่อ

พ่อตอบ ไอน้ำ และความว่างเปล่า

เด็กน้อย ไม่เชื่อ

ต้องมากกว่านั้นแน่

มันเลยต้องเดิน ไปดู


30 มิ.ย. ลมแห่งข้า ลมแห่งเมถุน
 
 

โดย: มดเอ๊กซ IP: 124.122.157.184 วันที่: 30 มิถุนายน 2553 เวลา:9:40:24 น.  

 
 
 
//www.youtube.com/watch?v=DAvejpRYsQM


เช้าแล้วนะ บทเพลงในวันใหม่
ในทุก ๆ ครั้ง ที่เริ่มใหม่
ใหม่ทุก ครั้ง ที่เริ่ม
ดี ทุกครั้งที่ นับต่อไป จาก 1 2 3 4......

พักกาย ใน เลข 5 นิดนึง นะ
แล้วค่อยไล่ ไป ทีละ ลำดับ

6 7 8 9.........

ทุกตัวเลข ทุกเช้า ๆ
ย่อม ใหม่ และเปี่ยมความหมายเสมอ
ยามเราหายใจ ปลายเท้าเหยียบโลก
มันยิ่งใหญ่ โอบอุ้ม นุมนวล ในเวลาเดียวกัน

เช้านี้ ใน ที่เล็ก ๆ มุมหนึ่ง ในโลก
พอแล้ว แหละ

จะตะกายไปทำไม

เมื่อ เราอยู่ กับใจ

ใจยามเช้า ใจแห่งความพอดี เรียบง่าย
 
 

โดย: มดเอ๊กซ IP: 124.122.157.184 วันที่: 30 มิถุนายน 2553 เวลา:9:47:15 น.  

 
 
 
สุขสันต์วันเกิด นะ ท่านมดเอ๊กซ์
คิดสิ่งใด อธิษฐานสิ่งใด ก็ขอให้ท่านสมปรารถนาทุกประการ

แก่ขึ้นอีก1 รอบปี แระเนอะ
แก่ขึ้น ก็รู้จักโลกมากขึ้น
ตามเวลาที่เสียไปกับการหายใจทิ้งไว้ในโลกสีฟ้านี้
เนาะ ท่าน เนาะ

 
 

โดย: ป้านู๋ขวัญ ขยันแพล่มเป็นกิจวัตร IP: 124.120.156.205 วันที่: 30 มิถุนายน 2553 เวลา:10:06:05 น.  

 
 
 
นู๋บัวจ๋า
เรื่องราวของพระเจ้าและพระคริสต์ ที่ระบุไว้ในคัมภีร์
อาเจ้ คิดว่ามันเป็นเรื่องของใบไม้นอกกำมือ ง่ะ
แบบว่า อ่านไป ทึ่งไป อะไรจะขนาดนั้น
แบ่บว่า การสื่อสารจากพระเจ้ามาถึงมนุษย์บนโลกได้เนี่ย
มหัดศะจอรอหันการันยอ มั่กๆเรย นะในความคิดของอาเจ้
ทั้งคนที่ฟังจากพระเจ้าโดยตรง คนบันทึก คนเก็บรักษา
แต่จากประสบการณ์ส่วนตัวของเจ้ พระเจ้าก็คงจะปวดเฮด
มิใช่น้อย แบบว่า บอกอย่างนึง ก็เข้าใจไปอีกอย่างนึง
บอกให้ทำอย่างนี้ๆๆๆ ก็ทะลึ่งไปคิดไปทำอย่างโน้นแล้วบอก
ว่าเป็นคำสั่งของพระเจ้าซะงั้น แบบว่าธรรมชาติของคนมัน
ชอบบิด และชอบเบือน ซึ่งอาจจะบิดเบือนไปตั้งแต่ตอนที่ฟัง
คนแรกแล้วก็ได้ เพราะฉะนั้นพระวจนะในพระคัมภีร์
พระคริสต์ท่านจึงสอนว่าไม่ได้บอกให้เชื่อ แต่ให้ใช้ความคิด
ประกอบไปด้วย อาจ้เลยคิดต่อไปว่า ต้องดูเจตนาของ
พระเจ้าให้ออกเป็นเรื่องๆไป ว่าพระวจนะนั้นๆตรัสบอกใคร
เพื่ออะไร มีเหตุอะไรจึงต้องตรัสแบบนั้น ถึงจะพอเข้าใจ
ที่ไปที่มา เท่าที่อาเจ้วิเคราะห์นะ พระเจ้าท่านเป็นนักวาง
แผนชั้นเลิศ มีสติปัญญามากๆ และมีพลังการสร้างสรรค์
ที่ล้นเลิศ ยอดเยี่ยม มากๆ เลยนะ มีความอดทน อดกลั้น
เป็นเลิศ บางครั้งการที่แสดงกิริยาพิโรธให้มนุษย์รู้สึก
อาจจะไม่ได้พิโรธจริงๆ ก็ได้ เหมือนพ่อแม่แสดงกิริยา
แสดงพระเดช แสดงพระคุณ ให้ลูกมันรู้สึกตัว เพราะ
บางทีบอกดีดี มันก็ไม่รู้สึก ก็ต้องเล่นบทโกรธมั่งอะไรมั่ง
แต่ความจริงจะเป็นอย่างไร ก็มีพระเจ้าองค์เดียวเท่านั้น
ที่รู้

แว่บแรกนะ อาเจ้นึกไปถึง เอวา ในเรื่องอวตารเลยนะ
แบบว่า เป็นผู้สร้างสรรพสิ่งและควบคุมได้ในทุกสรรพสิ่ง
ที่เป็นสิ่งที่ผู้สร้าง สร้างขึ้นมา อาเจ้ ทึ่ง ง่ะ ก็คงแบบที่นู๋บัว
เกิดอาการเอ็นดู จุด จุด จุด งิงิ

ทุกเรื่องที่เกิดขึ้นบนโลก และเป็นไปตามที่คัมภีร์กล่าวไว้
ก็คงเป็นแผนที่พระเจ้าวางไว้แล้ว รวมถึงเรื่องการมาของ
พระคริสต์ เหตุการณ์ตรึงการเขนพระคริสต์ เรื่องการ
ทดสอบจิตใจพระคริสต์ และเรื่องชาวยิว และชาวอื่นๆ
ที่อยู่ในแผนนั้น ยกเว้นชาวพุทธละมั้ง ที่อยู่นอกแผน
การของพระเจ้า ก็คงเป็นเรื่องอจินไตยเรื่องหนึ่ง มั้ง
ที่เรามีโอกาสได้มาเกิดร่วมยุคสมัย และจะได้เจอเหตุการณ์
ที่ไม่คาดฝันต่างๆนาๆ ของเรื่องใบไม้นอกกำมือ อะไรที่เรา
คิดไปเอง อาจจะไม่ตรงกับความเป็นจริงก็ได้ ความคิดเรา
บางครั้งก็ฟลุคคิดได้ถูก และบ่อยครั้งที่คิดผิด เรามีแค่ไม้
ขีดไฟนี่นา แต่เรื่องอจินไตย ก็คงอยู่ภายใต้สัจธรรมเหมือน
กันมีเกิด มีดับ ไม่เที่ยง เป็นวัฏฏสงสารหนึ่ง
แต่อาจจะใช้เวลายาวนานจนไม่รู้เบื้องต้นและเบื้องปลาย
เรื่องราวเป็นมายังไงก็ไม่มีใครรู้จริงอยู่ดี แต่ถึงจะ
ไม่รู้เบื้องต้นและเบื้องปลาย แต่เราก็โชคดี ได้พบเห็นมีคน
บอกวิธีจะเดินออกจาก วงเลข8 นี้ได้ ถ้าเราทำสำเร็จตาม
นั้นนะ แต่ถ้าเรายังสนุกอยู่ยังไม่คิดจะออกไปจากวงเลข8
เราก็อาจจะหลงเดินไปเข้าแผนของใครต่อใครอีกก็ได้
เพราะ มันไม่สิ้นสุด มันคาดหมายอนาคตไม่ได้
วันนี้รู้ พรุ่งนี้เกิดใหม่อาจจะลืมหมดแล้วก็ได้ ใครจะไปรู้
ถ้าไปเกิดในที่ๆไม่มีความรู้แห่งพุทธะ มีแต่เรื่องบูชาผีสาง
นางไม้ เราจะเป็นยังไง ก็ไม่รู้เหมือนกัน หรืออาจจะไปนอน
เล่นจำศีลอุตุอยู่ที่ไหนซักที่หนึ่ง ก็ได้ ใช่ปะ ถ้าโชคร้ายหลง
ขาดสติหนักๆก็อาจจะไปหลงอยู่ในอบายก็ได้ งิงิ ใครจะรู้
อนาคด อนางอ ของตัวเอง ที่เป็นไปตามกรรม

การเกิดของมนุษย์ว่ายากแล้ว การอุบัติของพระพุทธเจ้า
ยิ่งยากกว่า ความรู้ที่พระพุทธองค์ค้นพบและนำมาสอน
ไม่ใช่สิ่งที่ทำตามได้ง่ายๆ เพราะถ้ามันง่าย เราก็ทำสำเร็จ
แล้วไปอยู่ที่เดียวกับพระพุทธเจ้าแล้วใช่ไหมเล่า อิอิ
ใครๆก็อยากพ้นจากทุกข์ มีแต่สันติสุข ไม่ต้องเกิดอีก
ไม่ต้องตายอีก เที่ยงอยู่ในพระนิพพานที่เป็นสันติสุขนิรัดร์
ไม่ต้องดิ้นรนหาเลี้ยงปากท้อง หรือดิ้นรนเพื่อจะเข้าหา
ความสุข หรือดิ้นรนกระเสือกกระสนหนีทุกข์ไปวันๆ

เราแค่เห็นทาง แต่เข้าถึงจริงๆมันก็ยังยากอยู่ ชิมิ
ถ้าทำไม่สำเร็จรอบนี้ จะลืมไหมเนี่ย
แล้วถ้าลืมไป ต้องเริ่มใหม่เนี่ย กรรมเก่าที่สะสมไว้
จะดึงออกมาใช้ได้หรือเปล่า ก็ยังไม่รู้ แต่อย่างไรเสีย
กรรมเก่าที่เดินจงกลม นั่งมาธิ เจริญสติ เจริญปัญญาไว้
คงไม่เสียเปล่า ความตั้งใจที่อธิษฐานไว้คงไม่เสื่อมสูญ
เนาะ ว่าแล้ว ก็ทำกรรมสะสมสติ สมาธิ ปัญญา ให้ไว เนาะ
ทำด้วยใจ สะสมบารมีที่ใจ สะสมการกระทำที่ใจ
คงไม่สูญเปล่า คิดว่างั้นนะ
เพ้อเจ้อ จริงๆ เลยหนอคนเรา เมื่อไรจะทำได้สำเร็จซะที
ก็ไม่รู้ ได้แต่ก้มหน้าก้มตา กินไปทีละคำ ทีละคำ อิอิ
แล้วก็ท้องยุ้งพุงกระสอบ เจงๆ กินไม่รู้อิ่มซักที หนอ

ขอบ่นเล็กๆ น้อยๆ ให้คนโลภมาก(อาเจ้เองแหละ) มันฟัง งิงิ

เรื่อง เสพติดลองกอง กะลางสาด เนี่ย ก็ต้องระวังนิดหน่อย
เดี๋ยวเกิดหลงเสพติดขึ้นมา จะแกะไม่ออก งิงิ
อาจ้ มีสติน้อยๆ ก็ยังกลัวใจตัวเอง อยู่เนี่ยไม่กล้าปล่อยใจ
เต็มที่ แต่ทั่นป๋าโจ เนี่ย ท่าทางจะสติเยอะ ควบคุมตัวเองได้
และเขาก็มั่นใจว่าไม่เสพติด แกก็เลยเสพใหญ่เลย ง่ะ
ของแบบนี้ เป็นเรื่องที่ต้องระวังที่ตัวเอง เพราะถ้าหลงไป
แล้ว มันต้องเสียเวลา และตอนแงะออกอาจจะเจ็บมากก็ได้
แบบว่าเสพสุขมากๆ ตอนถอนมันก็ต้องออกแรงดึงมากๆด้วย
อาเจ้เป็นโรคขี้เกียจเสพ ขี้เกียจถอน เหอๆ
เลยไม่ค่อยเอาอะไรซักอย่าง ติดแต่เรื่องเสพติดความรู้
ไม่รู้จักพอนี่ ก็ถอนยากแระ เซ็งตัวเองอยู่เนี่ย

ส่วนน้องฮาร์ท อาเจ้ก็จะระวังให้มาก อะ
ส่วนใหญ่จะลองแหยมไปก่อน พอเขาขอก็ค่อยเพิ่ม
ถ้าไม่สนใจ ก็วางไปก่อน ไม่ชอบวิธีบังคับและยัดเยียด
จริงๆ ตอนนี้ก็เปิด นิทานชาดกให้ฟังบ้างแระ แต่เขาไม่
สนใจ เขาชอบเพลงมากกว่า ก็เลยปล่อยให้ฟังเพลงไปก่อน
กะว่า ปลูกฝังให้แต่เล็กๆ จิตใจจะได้รู้จักความสงบบ้าง
อยากให้เขามาทางทางพระ น่ะ แต่ไม่รู้จะได้แค่ไหน
ก็อยู่ที่ตัวเขาด้วย ถ้าเขารู้ว่าโลกนี้มันทุกข์ และมีทางที่
สงบสุขรออยู่ เขาอาจจะสมัครใจเลือกมาเองก็ได้ แต่ก็บังคับ
กันไม่ได้อยู่ดี ได้แต่นำเสนอแบบไม่ยัดเยียด อิอิ

เรื่องเพลงของศาสนาคริสต์นี่ อาเจ้ก็ชอบนะ
ฟังแล้ว ขนลุกดี อบอุ่นไปด้วยความรักและความหวังดี
แต่พอเปิดฟังบ่อยๆ จากยูทูบ อะ ป๋าโจชอบมาขัดคอ
บอกว่า ฟังอีกแระ อาเจ้ละ หมดมู๊ดฟังเรย กะลังอินๆนี่
หดเลยนะ หมดอารมณ์ มาชอบขัดคอความสุขของเรา อิอิ
ก็ว่ากันไป เนาะ


 
 

โดย: ป้านู๋ขวัญ ขยันแพล่ม เจงๆ IP: 124.120.156.205 วันที่: 30 มิถุนายน 2553 เวลา:11:27:50 น.  

 
 
 
^
^



หม่ามี๊ขราาาาา



---------------------------------------
เรื่องราวของพระเจ้าและพระคริสต์ ที่ระบุไว้ในคัมภีร์
อาเจ้ คิดว่ามันเป็นเรื่องของใบไม้นอกกำมือ ง่ะ
แบบว่า อ่านไป ทึ่งไป อะไรจะขนาดนั้น
ก็คงเป็นเรื่องอจินไตยเรื่องหนึ่ง มั้ง
ที่เรามีโอกาสได้มาเกิดร่วมยุคสมัย
และจะได้เจอเหตุการณ์
ที่ไม่คาดฝันต่างๆนาๆ ของเรื่องใบไม้นอกกำมือ



อะไรที่เราคิดไปเอง อาจจะไม่ตรงกับความเป็นจริงก็ได้
ความคิดเราบางครั้งก็ฟลุคคิดได้ถูก
และบ่อยครั้งที่คิดผิด เรามีแค่ไม้ขีดไฟนี่นา
แต่เรื่องอจินไตย ก็คงอยู่ภายใต้สัจธรรมเหมือนกัน




มีเกิด มีดับ ไม่เที่ยง เป็นวัฏฏสงสารหนึ่ง
แต่อาจจะใช้เวลายาวนานจนไม่รู้เบื้องต้นและเบื้องปลาย
เรื่องราวเป็นมายังไงก็ไม่มีใครรู้จริงอยู่ดี แต่ถึงจะ
ไม่รู้เบื้องต้นและเบื้องปลาย แต่เราก็โชคดี ได้พบเห็นมีคน
บอกวิธีจะเดินออกจาก วงเลข8 นี้ได้

++++++++++++++++++++++++++++


อันนี้เห็นด้วยคร้าาาาาาา ^ 0 ^
แหม๊ แม่ปั๋ว-ลูกไป๊ คู่นี้
ช่างเอออห่อหมก ได้เข้าขากัน เจง ๆ
ตั้งวงไพ่ซะเรย ดีป่ะเนี่ย งิงิ


นี่ ๆ หม่ามี๊ ขราาาาาาา
ตะกี้ อิฉัน ไปเจอ กาทู้ เนี๊ยะ


แฟนเข้าไปเป็นคริสเตียนโดยไม่ได้ปรึกษามาก่อน

//www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y9419709/Y9419709.html


.
 
 

โดย: ป้านู๋บัวก็เรยต้อง ขยันแพล่ม ตาม แม่ปั๋ว เหมียนกัน 555 IP: 114.128.83.119 วันที่: 30 มิถุนายน 2553 เวลา:23:20:19 น.  

 
 
 
อ่านแร้วนึกถึงเจ้มากมาย
เรย ลากมาฝาก ป๋าโจ ให้วิตกจริตเล่น ๆ
เอ๊ะยังใง ? เหอ ๆ


เออ จิงดิ วันนี้แว่บเข้าไปโต๋เต๋ที่หลุมดำ
เรย เห็น พญาแมงสาบ ก๊ะ น้องชาย
ให้เกียรติ เสด็จมา แง้ว ๆ เอ๊ย เสวนาธรรม กับเจ้
ที่ กาทู้ ขรัวโต ด้วยแหล่ะ
แหม๊ เอี้ยก้วยคนสวยนี่ เสน่ห์แรง เจง ๆ
ขนาดแอบงุบงิบมุดเข้าไปนอนเล่นก้นหลุมดำ
เหล่ามะแลงสาบ ยังตามมากัด เอ๊ยมาเรียกร้องฟามสนใจ
แหม ๆ ช่างน่าอิจฉาเสียนี่กระไร
อยากมี พญาแมงสาบตามมานัวเนียมั่งจังเลียยยย เอิ๊ก ๆ






----------------------------------------------
เรื่อง เสพติดลองกอง กะลางสาด เนี่ย ก็ต้องระวังนิดหน่อย
เดี๋ยวเกิดหลงเสพติดขึ้นมา จะแกะไม่ออก งิงิ
อาจ้ มีสติน้อยๆ ก็ยังกลัวใจตัวเอง อยู่เนี่ยไม่กล้าปล่อยใจ
เต็มที่ แต่ทั่นป๋าโจ เนี่ย ท่าทางจะสติเยอะ ควบคุมตัวเองได้
และเขาก็มั่นใจว่าไม่เสพติด แกก็เลยเสพใหญ่เลย ง่ะ
ของแบบนี้ เป็นเรื่องที่ต้องระวังที่ตัวเอง เพราะถ้าหลงไป
แล้ว มันต้องเสียเวลา และตอนแงะออกอาจจะเจ็บมากก็ได้
แบบว่าเสพสุขมากๆ ตอนถอนมันก็ต้องออกแรงดึงมากๆด้วย
อาเจ้เป็นโรคขี้เกียจเสพ ขี้เกียจถอน เหอๆ
เลยไม่ค่อยเอาอะไรซักอย่าง ติดแต่เรื่องเสพติดความรู้
ไม่รู้จักพอนี่ ก็ถอนยากแระ เซ็งตัวเองอยู่เนี่ย

+++++++++++++++++++++++++++++++++++

เห็นด้วย ก๊ะเจ้อีกแระ ... เรื่องเสพติดการเสพสุข อ่ะ

"เสพสุขมากๆ ตอนถอนมันก็ต้องออกแรงดึงมากๆ "



อืม....ว่าแต่ ป๋าโจ เนี่ยท่าทางจะ สติแยะ
ควบคุมตัวเองได้ดีแบบที่เจ้ว่า แหล่ะเนอะ
พิณาจากที่ ป๊ะป๋าแกถือศีลข้อ3 ได้
ด้วยฟามสะดวกสบายทั้งกายและใจ ตลอดเวลา
หักดิบ ได้เก่งเจง ๆ ขนาดเวลาลงแดง
เมื่อเห็นสาว ๆ ถูกสเปค
ป๋าแกก็ทรมานแค่จิ๊ดเดียวเอ๊งงงง เอิ๊ก ๆ


นี่ ๆ อิฉันว่า นะ อย่างป๋าโจเนี่ย
ม่ะได้ใช้ สติ ในการเขมือบ เอ๊ย เสพ ลางสาด แล ลองกองหร็อก
ดูจากรูปการ ป๋าแกควบคุมตัวเอง สไตล์ หินทับหญ้าง่ะ
ยกหินออกเมื่อไร หญ้าโตพรวด ๆ ท่วมหลังคาบ้านแหง๋ ๆ
เฮ้ออออ ม่ะเจ๋งเอาซะเรย พ่อปั๋วนู๋เนี่ย 5555


นี่ ๆ ถ้าเจ๋งจิงอ่ะนะ ลองให้ป๋าแกถือ ศีล 6 เด่ะ
ถ้าถือศีล 6 แล้ว มื้อเย็น ป๋าแกนั่งดมกลิ่นอาหารจานโปรดได้ แบบชิล ๆ
สามารถเสพสุขจากกลิ่นอาหารที่แตะต้องมิได้ อย่างไม่ทุรนทุราย
นั่นแหล่ะ ถึงจะเรียกว่า เจ๋ง จริง
สมกับเป็น พ่อปั๋วของอิฉันหน่อยเหอ ๆ
ลองถามป๋าแกจิ ว่า ทำได้อ๊ะปล่าว
ถ้าทำได้ ข้าน้อยก็จะขอคาราวะ 1 จอก ( ด้วย ไวตามิลค์ ) งิงิ



อืม....เจ้จำเรื่อง อาจาน ข้าวผัดกระเพรา
ที่ อิฉันเคยเม้าท์ให้เจ้ฟังสมัย ถือศีล 6 ใหม่ ๆ ได้ป่ะ
อิฉันเองกว่าจะ ถอนมื้อเย็นได้ ก็นานเรยแหล่ะ
แต่เด๋วนี้ อ่ะนะ ซาบายมั่ก ฮ่ะ

เมื่อกลิ่นอาหารมากระทบตะหมูก
มันสั่งให้เสพสุขจากกลิ่นที่รับรู้ได้
โดยหยุดที่เกิดความรู้สึกพอใจในกลิ่น
แต่ไม่ปรุงต่อ เป็นความกระสันอยากในรสของสิ่งต้องห้ามน่ะ


เด๋วนี้อ่ะนะ บางที เวลา ไปตลาดตอนเย็น
แล้ว ซื้อ เสบียงมาตุนไว้กินตอนเช้าวันรุ่งขึ้น
เวลานึกครึ้ม ๆ อยากเสพอาหาร
อิฉันก็จะใช้วิธี สูดกลิ่นอาหารแรง ๆ ทางตะหมูกอ่ะ
สูดลึก ๆ ให้เต็ม ปอด แร้วลู้สึกพอใจกับการเสพกลิ่นนั้น
แต่จะไม่เกิดฟามลู้สึกอยากกินนะ


ประมาณว่า สามารถสั่งให้จิต เสพสุขพอใจ ตามกรอบที่กำหนด ได้
โดยไม่ให้ล้ำเส้นออกมาจนเกิดฟามอยาก แล้วกลายเป็นทุกข์ อ่ะ
และ ถ้าจิตมันดื้อนัก ก็ ปลอบใจตัวเองว่า
ไม่ได้กิน ดมกลิ่น ก็ยังดี 5555




อ้อ พูดถึงเรื่อง ลางสาด ก๊ะลองกอง
แร้วนึกถึงมะไฟ อ่ะเจ้
สมัยยังเด็ก ลองกอง มันเป็นอะไรที่หรูหราไฮโซ
และแพงมากกกกกกกก
ไม่ได้ถูกแบบเดี๋ยวนี้หรอก นะ
ดังนั้น อิฉันไม่มีโอกาสได้แอ้ม หร็อก ลองกองเนี่ย
อย่างมากก็ได้ กินแค่ มะไฟ เปรี้ยว ๆ ปะแล่ม ๆ
วันไหนได้กินลางสาด ก็แจ่ม แระ


และ เมื่อชิมรสลางสาดหวานอมเปรี้ยว
อิฉันก็ไม่เหลียวกลับไปกินมะไฟอีกเรย
ยิ่งเคยได้ลิ้มลอง รสชาดหวานล้ำ ของ ลองกอง อ่ะนะ
น้องลางสาดเก๊าะ ตกกระป๋องไปเรยง่ะ
แบ่บว่า คนมันเคยเสพของมีคลาส
ที่ ดีกว่า ปราณีตกว่า แหล่มกว่าแร้วนิ
สองตามันเรยยอมไม่กลับไปมองของ โลว ๆ
นี่อิฉันไม่ได้กิน ทั้ง มะไฟ กับ ลางสาด มาเกือบ สิบปี แร้วมั้ง
นึกถึงเรื่องนี้ แร้ว ก็ได้ อุทาหอน หลายอย่างเหมือนกัน


ถ้า เราเคยสัมผัสฟามสุก ที่ มากกว่า ปลักควาย แร้วไซร้
เราก็จะไม่ขวนขวายกลับไปเกลือกกลั้วกระโจนลงปลักอีก
อิอิ ก็ม่ะลู้ พูดไป จะมีใครลู้เรื่องด้วยอ๊ะปล่าวววววว
สงสัยจะบ้าน้ำลายคนเดวซะล่ะมั้ง



แต่จะว่า ไป เด๋ว นี้
อิฉันก็ยังไม่ถึงกลับบ๊ายบายปลักโคลน หรอกนะเจ้
ยังมี ปรุง สลับ กับ ปลง อยู่บ้างเป็นพัก ๆ แหะ ๆ
อย่าง เวลา ดิ่งวูบ ตอนนั่งสมาธิ เนี่ย
เผลอ ๆ ก็ ติดสุข ติดเพลิน กับสภาวะนั้นเหมือนกัน



เจ้า การ์ฟิล มันชอบยุแยงนักล่ะ ประมาณว่า
เหอะน่า นู๋บี ไหน ๆ มัน ก็มี เสียวมาให้เสพ แระ
ก็เสพสุขจะสภาวะเสียว จิ๊ดนึง ให้มันพอกึ่ม ๆ น้าาาา
เสพ-สุข แต่ ไม่ เสพติดไง
นี่ก็เรย หยวน ๆ ไปก่อนอ่ะ
สงสารมัน โดนยัยคิตตี้ ยึดอำนาจ
จนจะเป็นกามตายด้านอยู่แระ เจ้าการ์ฟิลเนี่ย งิงิ




.
 
 

โดย: ป้านู๋บัวก็เรยต้อง ขยันแพล่ม ตาม แม่ปั๋ว เหมียนกัน 555 IP: 114.128.83.119 วันที่: 30 มิถุนายน 2553 เวลา:23:21:29 น.  

 
 
 
ถึง ไอ้นู๋ผ้าขาวม้าแมน แควนขับของป้า ^ - ^

วันนี้เป็นวันดี ๆ
ของหลานชายป้านู๋บีหรอกหรือ ?
โอ๊ะโอ๋ เกิดวันที่ 30 ซะด้วย โบราณว่า
เกิดฤกษ์ทรราชน้อย เรยน่ะนั่น
มิน่าล่ะ มัน ถึงมานัวเนียก๊ะ ยายเฒ่าหัวขบถ อย่างป้า ได้ งิงิ


อ่ะ ป้าให้ไอ้นี่เป็นของขวัญวันเกิด
ตามไปแกะห่อของขวัญได้ตะแต่ฟามเห็นที่ 18 ในลิงค์

//www.212cafe.com/freewebboard/view.php?user=kitisako&id=180


แระกันนะจ๊ะคุงหลาน
ป้าเพิ่งนั่งเมค สด ๆ ตะกี้นี้เอง งิงิ



.
 
 

โดย: คุณป้าบัวผ่อง บ้องแบ้ววววววววววววว งิงิ IP: 114.128.83.119 วันที่: 30 มิถุนายน 2553 เวลา:23:23:38 น.  

 
 
 
เรื่องลิ้งไปเป็นคริสต์เตียนไม่ยอมบอกปั๋วก่อง... เนี่ย
หม่ามี๊ก็ขอบใจนะที่ลากมาให้ดู งิงิ
น่าจ๋งจ๋าน ว่ะค่ะ ผู้หญิงคนนั้นเค้าจิตอ่อน
แล้วก็มีอาการทางจิตเป็นโรคซึมเศร้า
ต้องหาหมอด้วย แล้วก็เคว้งคว้าง อยู่แล้ว
เลยเชื่ออะไรง่ายๆ หลงอะไรต่อมิอะไรง่ายๆ
เสียหายหลายแสน คนแบบนี้พระเจ้าไม่สรรเสริญ
พระคริสต์ก็ช่วยอะไรไม่ได้มั้ง เข้าข่ายศรัทธาที่สูญเปล่า
อยู่ดี อาเจ้ คิดเองเออเองนะ ไม่รู้ถูกป่าว เพราะอาเจ้เข้าใจ
ว่า คนที่เชื่อพระเจ้าแบบงมงาย แต่ไม่ทำตามคำสอนให้ถูก
ทางก็ไร้ผล เข้าไม่ถึงพระเจ้าด้วยใจ เพราะไปติดที่ความเชื่อ
แทน เชื่อว่าพระเจ้าจะช่วย อธิษฐานขอพรผิดที่ผิดทาง กลาย
เป็นขอในเรื่องที่ไม่ควรขอ เรื่องที่ควรขอควรทำก็ไม่นำพา
เช่น ขอให้ตัวเองเป็นคนชอบธรรม เป็นคนมีธรรม เป็นคน
ดี เป็นคนมีใจเมตตาอนุเคราะห์ต่อคนรอบข้าง ขอให้ตนเอง
มีจิตใจที่บริสุทธิ์ ขอให้ตัวเองห่างไกลจากบาป ขอให้ตัวเอง
มีความสงบสันติสุข แบบเนี้ย น่าจะขอพรให้เกิดมีในใจตัว
เองเยอะๆ ไม่ใช่ไปขอเพื่อสนองกิเลสตัณหา ความ
อยากมีอยากได้อยากเป็น ขอสิ่งของเงินทองขอไปอยู่ใน
แผ่นดินของพระเจ้า โดยที่ไม่ได้ชำระตัวเองให้มีใจบริสุทธิ์
ก่อน ไม่รู้ดิ เจ้คิดของเจ้แบบนี้อะ อาจคิดไม่เหมือนคน
คริสเตียนบางคน อาเจ้ เคยไปงานศพพ่อของเพื่อนทั่นโจ
เขาเป็นคริสเตียนทั้งบ้าน ก็จะมีเทศนาในงานศพ
เผยแพร่ ความคิดความเชื่อไปในตัว แบบว่ามีคนศาสนา
อื่นๆไปร่วมงาน เขาก็ถือโอกาสเผยแพร่ความเชื่อไปด้วย
เพื่อหาคนเข้ารีต ง่ะ เป็นผู้หญิง ก็พูดเก่งนะ มีจิตวิทยาสูง
ฟังแล้วเคลิ้มเลยแหละ ฟังแล้วอยากได้จับจองที่ดินบน
สวรรค์ของพระเจ้าเหมือนกัน แค่เชื่อว่าพระเจ้ามีจริง
ก็ได้รับโฉนดจับจองที่เป็นเจ้าของได้แล้ว มีชีวิตนิรันดร์
ไม่ต้องรับกรรมเวียนว่ายตายเกิดทนทุกข์อดๆอยากๆ
ดิ้นรนเพื่อการมีชีวิตที่บีบคั้นไร้ความสวยงามในโลกต่างๆ
บางคนเขาคิดว่าแค่นี้จบแล้ว แต่จริงๆจะเป็นอย่างไรก็ไม่รู้
แต่สำหรับคนจิตอ่อน บางทีการเชื่อแบบนี้ก็ทำให้เขามีที่ยึด
เหนี่ยวจิตใจ อาจจะดีสำหรับเขาก็ได้ ถ้าผู้นำจิตวิญญาณใน
โบสถ์ที่เขาไป นำหลักธรรมของพระคริสต์ มาสอนต่อให้ถูก
ทาง แบบว่าศรัทธานำ แล้วตามด้วยปัญญารู้หลัก ทำตัวให้
เป็นคนชอบธรรมตามคำสอนของพระคริสต์ให้ได้ด้วย ก็จะ
ดีน่ะแหละ แต่ถ้าไปเจอพวกปีศาจคาบคัมภีร์เอาพระเจ้า
และพระคริสต์บังหน้าแต่สอดใส้เพื่อขยายอาณาจักรให้พวก
พ้องและกระเพาะของตัวเอง ก็แย่ไป คนในครอบครัวก็จะ
เดือดร้อนไปด้วย กลายเป็นหนีเสือปะจรเข้ อีก แต่ก็นะ
เรื่องแบบนี้ในศาสนาพุทธเราก็มีพวกอาศัยพระพุทธ
บังหน้าหากินเป็นปีศาจคาบคัมภีร์ทำเพื่อสะสมโลกธรรม8
สนองกิเลสตัณหาของตัวเอง หลอกลวงคนอื่นให้หลงจากทาง
ธรรมที่ถูกต้องตามหลักธรรมที่พระพุทธเจ้าท่านทรงสั่งสอน
ไว้ ก็มีเยอะแยะไป จะว่าไปก็มีทุกศาสนาแหละเนอะ
กิเลสมันไม่เข้าใครออกใคร เพราะมีอยู่ในใจมนุษย์ทุกคน
อยู่ที่ใครจะรู้ทันกิเลสตัวเองก็ได้รอด รู้ไม่ทันก็เสร็จโจร อิอิ

แต่ยังไง หม่ามี๊ ก็เห็นด้วยกะนู๋บัว ทุกประการ งิงิ
เวลาตั้งวงไพ่ จะได้เฮฮาขำกลิ้ง ลิงกะหมา
เข้าขา เข้ากั๊น เข้ากัน เป็นปี่ เป็นขลุ่ย เอิ๊กๆ

พูดถึงกระทู้ขรัวโต ในหลุมดำ แล้วก็ขำเหมือนกัน
อาการอย่างนี้ ถ้าทั่นป๋าโจมาเห็น หม่ามี๊ ต้องโดนด่า แหงมๆ
ว่าทำตัว โคตร แร่ดดดดด....จริงนะเธอว์ งิงิ
เอี้ยก้วย มันก็งี้แหละ ชอบไปกวนซ่งตรีนคนอื่น
พวกแมงสาบมันก็เลยชอบมากัดไง
ไปกวนซ่งตรีนเขาไว้เยอะ พอเขาว่างๆ ไม่มีที่ให้กัดกัน
ก็เลยมาตามกัด เอี้ยก้วยในหลุมดำซะงั้น
ป๋าโจ เขาก็เคยสั่งไว้ ว่าห้ามไปกวนซ่งตรีนคนอื่น
ให้กวนซ่งตรีนเขาได้ คนเดียว ง่ะ
แต่เอี้ยก้วยมันโคตรแร่ดดดด หัวดื้ออิ๊บอ๋าย มันก็เลยยัง
หูทวนลม กวนซ่งตรีนคนอื่นเป็นงานอดิเรก
กวนซ่งตรีน ป๋าโจ เป็นงานประจำ เอิ๊กๆ
ทุกวันนี้เลยโดนข้อหา ไว้ใจไม่ได้
เป็นชะนักติดหลังหม่ามี๊อยู่เนี้ยะ แกะไม่ออก 555

พูดถึงป๋าโจ เรื่องหินทับหญ้าอะไรเนี่ย ก็ปล่อยเขาไปเหอะ
เดี๋ยวเขาก็รู้เองแหละ ไปแนะนำมากๆ เดี๋ยวหมามี๊จะซรวย
เอาได้ ถ้าเขาอยากรู้เขาก็จะมาถามเอง งิงิ บอกไปก่อนเขาก็
ไม่รับรู้ ง่ะ สติ สมาธิ หินทับหญ้า มันก็ปนๆใกล้เคียงคลุกกัน
อยู่ ไม่รู้อะไรเป็นอะไร โดยรวม ถ้าไม่ติด ไม่หลง ไม่เพลิน
ยังรู้สึกตัวได้อยู่ พูดกันรู้เรื่อง ก็ยังโอเค นะ ทำไปเรื่อยๆ
เรื่องศีล6 ยังไม่ไหวง่ะ เอาแค่ศีล5ให้ได้ แล้วเหลือแค่ศีล1
คือสำรวมใจ เจ้ว่าก็โอแระ อาเจ้ขี้เกียจ ง่ะ
ส่วนป๋าโจ ก็อาเจ้ไม่อยากให้เครียดเพิ่มขึ้นถ้าต้องถือศีลเพิ่ม
เพราะป๋าโจเวลาเครียด ก็ต้องมาระบายกะหม่ามี๊
หม่ามี๊ก็ซรวยดิคะ หม่ามี๊กะว่าจะให้เหลือศีล1สำรวมใจจะ
เหมาะฝ่า ถ้าป๋าโจเครียดน้อย หม่ามี๊ก็สบายไง งิงิ
แบบว่าอย่างนู๋บัวตอนถือศีล6มันเครียดก่อนแล้วค่อยสบาย
ทีหลังตอนที่รักษาได้แล้วใช่ป่าวล่ะ หม่ามี๊หวังดีกะป๋าโจไม่
อยากเห็นเขาเครียด งิงิ ถ้าป๋าโจ เขาถือพรหมจรรย์ได้เมื่อ
ไร หม่ามี๊ถึงหนับหนุนเต็มที่ แบบว่าไม่เกี่ยวกันจะเครียด
ยังไงก็ไม่มีผลกับเราไง 555
(อิปลาไหล มันมาอีกแว้วววววว 555)

 
 

โดย: ป้านู๋ขวัญ ขยันแพล่ม อีกแระ IP: 124.120.154.129 วันที่: 1 กรกฎาคม 2553 เวลา:10:32:00 น.  

 
 
 
หม่ามี๊ขราาาาาาาาาาา
-----------------------
อาเจ้เข้าใจว่า คนที่เชื่อพระเจ้าแบบงมงาย
แต่ไม่ทำตามคำสอนให้ถูกทางก็ไร้ผล
เข้าไม่ถึงพระเจ้าด้วยใจ เพราะไปติดที่ความเชื่อ
แทน เชื่อว่าพระเจ้าจะช่วย อธิษฐานขอพรผิดที่ผิดทาง

กลายเป็นขอในเรื่องที่ไม่ควรขอ เรื่องที่ควรขอควรทำก็ไม่นำพา
เช่น ขอให้ตัวเองเป็นคนชอบธรรม เป็นคนมีธรรม เป็นคน
ดี เป็นคนมีใจเมตตาอนุเคราะห์ต่อคนรอบข้าง ขอให้ตนเอง
มีจิตใจที่บริสุทธิ์ ขอให้ตัวเองห่างไกลจากบาป ขอให้ตัวเอง
มีความสงบสันติสุข แบบเนี้ย น่าจะขอพรให้เกิดมีในใจตัว
เองเยอะๆ ไม่ใช่ไปขอเพื่อสนองกิเลสตัณหา ความ
อยากมีอยากได้อยากเป็น ขอสิ่งของเงินทองขอไปอยู่ใน
แผ่นดินของพระเจ้า โดยที่ไม่ได้ชำระตัวเองให้มีใจบริสุทธิ์
ก่อน ไม่รู้ดิ เจ้คิดของเจ้แบบนี้อะ อาจคิดไม่เหมือนคน
คริสเตียนบางคน

+++++++++++++++++++++++++

อะโหยยยยยยยยยยย
ทำไม๊ แนวทางการ อธิษฐาน ของเจ้
ถึงได้มี คอนเซปต์เดียวกับนู๋บี เป๊ะเรย หว่า
รู้ป่ะ หลังทวนจิต ทวนศีล ตอนเช้า ๆ แล้ว
สิ่งหนึ่งที่อิฉันทำเสมอ
จนเป็นเหมือน พิธีกรรม อันศักดิ์สิทธิ์
ก็คือ การ อธิษฐาน นะ



ใช้กุศโลบายแนว เดอะ ซีเคร็ต + สะกดจิตตัวเอง ของ อ.ชนาธิป

https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=anotherside&month=23-01-2010&group=5&gblog=226


ขอ - เชื่อ แล้ว เก๊าะ รับบบบบบบบบบบบบบบบบบ


.
 
 

โดย: คุณป้าบัว ( พยายาม จะ ) หุบบบบบบบบบบบบ IP: 114.128.83.119 วันที่: 1 กรกฎาคม 2553 เวลา:22:38:02 น.  

 
 
 
เพียงแต่ พอ ไปเล่นบทครูพักลักจำของเขามแล้ว
ก็ต่อยอดไม่ได้ขอสิ่งที่เกี่ยวกับโลกธรรม 8 น่ะ
ของงั้นอิฉันหาเองได้ โดยไม่ต้องไปง้อขอใคร
ทว่าอิฉันอธิษฐาน ขอเป็นเรื่องเกี่ยวกับ กุศลกรรม ต่างหาก


คอนเซปต์เดียวกับเจ้ เป๊ะเรย ^ - ^
ก็ ไม่ได้ ขอกับพระเจ้า หรือ สิ่งศักดิ์สิทธิ หรอกนะ
แต่อิฉันร้องขอ กับ จิตใต้สำนึกของตัวเอง
เพราะคิดว่า การร้องขอที่ได้ผลที่สุด
คือการ หยุดอ้าปากขอกะผู้อื่น
แล้ว หันมา อ้อนขอกับตัวเอง น่ะ


ด้วยเหตุนี้จึงไม่ได้ อธิษฐาน
กับ พระพุทธรูป หรอกคร้าาา
อิฉัน หันไปอธิษฐานกับ รูปเจ้าคิตตี้
ที่หน้าประตูบ้านซึ่งอิฉันอุปโลก
ให้มันเป็น ตัวแทนของจิตใต้สำนึก ( Id ) ของอิฉัน ง่ะ



แถมไม่ได้อธิษฐานขออะไรมากมายก่ายกองหรอก
แค่บอกกับตัวเอง ประมาณว่า


พยาม คิดดี พูดดี ทำดี
ทำแต่ความดี ละเว้นความชั่ว
ทำจิตใจให้บริสุทธิ์ ..... ฯลฯ
และ แค่ขอให้ เจ้า คิตตี้ (Id) เนี่ย
มันช่วยเป็นกำลังใจให้อิฉันในการปฏิบัติน่ะ
ไม่ต้องมาบันดาลโน่นนี่นั่นให้
แต่ขอให้คอยเป็นกำลังใจให้ แค่นี้ ก็พอแระ



อิฉันก็ขอมันแค่เนี๊ยะแหล่ะ แหะ ๆ
ทำมาหลายปีแระ ตะแต่อ่าน เดอะ ท็อป ซีเคร็ต
ของอีตาหมอสม จบอ่ะ
อืม...ไว้ครึ้ม ๆ จะโม้ให้ฟังแบบย้าว ยาวววววว
ตอนนี้ ขี้เกียจแพล่มมาก ไป
เด๋วจะดูธรรมะธรรมโมเกิน
มัน เขิลลล ว่ะ ขี้เกียจเป็น เป็นนางเอกหนังไทย
แบบ อังศุมาลิน หวานใจโกโบริ งิงิ




ว่า แต่ เอี้ยก้วยนี่ เสน่ห์ แร๊ง แรง เน๊าะ
มีแต่หนุ่ม ๆ เทียวไล้เทียวขื่อ ตามตอแยด้วย
ทำเอาเรทติ้งกาทู้ ขรัวโต วิ่งฉิวเรยแฮะ
เห็นทีพระนางการ์ฟิลต้องปูนบำเหน็จ
แต่งตั้งให้ เจ้ เป็น พริตตี้ ที่กาทู้ขรัวโต ซะล่ะมั้ง
เรียกแขกได้ดีเจง ๆ มิเสียทีที่เป็น
อิแรดทรงเครื่องเหมียน ๆ กัน 555555555


ไงก็ขออวยพรให้ เจ้ปฏิบัติภาระกิจ
กวนซ่งติง เอ๊ย ขวิดเหล่าแมงสาบ
จนไส้แตกตาย ได้ดังใจหมาย นะเคอะ เหอ ๆ

.
 
 

โดย: คุณป้าบัว ( พยายาม จะ ) หุบบบบบบบบบบบบ IP: 114.128.83.119 วันที่: 1 กรกฎาคม 2553 เวลา:22:39:09 น.  

 
 
 
ส่วนเรื่องเผยแผ่ศาสนาเนี่ย
ที่บ้านของอิฉันก็เคยเจอนะ
เล่นเอา คุณนายแก้วดี
กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ไปพักใหญ่
ตามประสาคนขี้เกรงใจ



จำได้ว่า ตรั้งนั้น ...เหล่าผู้เผยแผ่
มาอ่านพระคัมภีร์ ให้ ฟัง ( ถึงในบ้าน )
อุบาสิกาตัวอย่าง แบบคุณนายแก้วดี
ก็ ปฏิเสธคนไม่เป็น ซะด้วย
เลยยอม นั่งฟังเขาพูด ด้วยความจำใจ
จากนั้น ก็๋มาบ่นออด ๆ
ถาม อิฉัน ประมาณ ว่า


"แม่ไม่เข้าใจ น่ะ
ทำไม เขาต้องห้ามไหว้พระ
พระยะโฮวา คืออะไร
อยู่ในอาณาจักรพระเจ้า เป็นไง
มันจะ เหมือน สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ที่แม่รู้จักไหม ? "


โชคดีที่ก่อนหน้านั้น หนึ่งอาทิตย์
อิฉัน อ่าน "ไอสไตน์พบ พระพุทธเจ้าเห็น "มาบ้าง
เลยพอจะรู้เรื่อง ภพภูมิ ทั้ง 31 แบบงู ๆ ปลา ๆ
แล้ว กล้อมแกล้ม ตอบแม่ไปได้มั่ง
ถึงข้อดีของการเกิดในภพภูมิมนุษย์
และข้อเสียของการเสวยสุขในสวรรค์ชั้นฟ้า
พร้อมกับ ตบท้ายประมาณว่า ว่า


" ตราบใดที่เรายังเป็นปุถุชน ที่ไม่รู้จักพอ
หากเรายังตัดกิเลสตัณหาออกจากใจไม่ได้
ไม่ว่าจะอยู่ในอาณาจักรพระเจ้า
ในสวรรค์ชั้นฟ้า แดนสุขาวดี
หรือ อยู่ใน ยุคพระศรีอารย์
มันก็ยังเกิดการเปรียบเทียบกับบุคคลรอบข้าง
แล้วเราก็เกิดทุกข์ ได้ ทั้งนั้นแหล่ะ "


ก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่า
การอธิบายอย่างนี้
จะทำให้ แม่ เข้าใจไหม ?
เพราะ แม่เป็นพวกศรัทธาจริตชนผู้เปี่ยมล้น
เชื่อเรื่องบาปบุญคุณโทษ
อยากขึ้นสวรรค์ กลัวนรก
แต่อนิจจา คุณแม่ที่รัก ของอิฉัน
ไม่เคยรู้จัก ขันธ์ 5 เลย


ถ้าจะคุยเรื่อง ขันธ์ 5 นี่
อิฉันต้องบากหน้าไปคุยกับคนเกลียดวัด แบบคุณสมานพ่ออิฉันนะ
คิดแล้วก็ตลก ดี เฮ้อ..โลกนี้มันช่างขาดสมดุลจริง ๆแฮะ


แม่อิฉันปฏิบัติธรรมจนเป็นปกติ ( ในชีวิตประจำวัน ) เก่งมากเลยนะ
แม่มองเห็น ธรรม(ดา)ของโลก
แม่มองเห็น ธรรม ( ชาติ ) ของคน
แม่จึงไม่ค่อยโกรธเคืองใคร
แม่รู้จักปล่อยวาง แม่ไม่ค่อยยึดติด
ดวงจิตของแม่จึงแจ่มใส เสมอ
เพราะ ขันธสันดาน และ ขันธจริต ของแม่
มีคุณภาพสูง มาแต่กำเนิดน่ะ


น่าเสียดาย ที่ แม่ขาดภูมิรู้ ไปหน่อย
และ ต้องมาวุ่นวายกับเรื่อง โลก ๆ หลายอย่าง
( ทั้งเรื่อง หลายน เรื่องลูกชาย ลูกสะใภ้ )
แม่เลยขาดโอกาสในการปฏิบัติธรรมไป



ส่วน คุณพ่ออิฉัน
นั่นก็ ภูมิรู้สูงจนสุดสอย
แต่ค่อนข้างอาภัพ วาสนาจริต
พ่อจึง อุดมไปด้วย โทสะ และ โมหะจริต
ก็เลยเหินห่างทางธรรม
จนกู่ไม่กลับเสียแล้ว
แค่เห็น ชายผ้าเหลือง
พ่อก็อ้าปากจะนินทาแล้วล่ะ เฮ้อ



อืม...บ่นซะเพลิน ขอโทษเจ้าค่ะ
ขอพูดเรื่อง ถูกเคาะประตูบ้าน
มาอ่านพระคัมภีร์ให้ฟังต่อ นะเจ้าคะ
หลัง ๆ มานี่ พอแม่ถูกรบเร้า ให้ฟัง พระคำภีร์บ่อยเข้า
แม่ก็มา โอดครวญ กับ อิฉัน ว่า


"แล้วต่อไป แม่จะเปิดประตูบ้าน ให้เขาเข้ามาดีไหม
แม่กลัวเขาเสียใจ เลยไม่กล้าปฏิเสธ เขาน่ะ "

อิฉันเลยบอกคุณนายแก้วดี ไปว่า

" ในเมื่อเขามาเผยแผ่ฯ
ด้วยความรู้สึกปรารถนาดี
แม่ก็ทน ๆฟัง ไปเหอะ น่า
รักษาน้ำใจคนอื่นไว้บ้าง
มันก็ไม่เสียหายอะไรนี่


ได้บุญดีออก ไงซะ ฉันก็เชื่อว่า
อุบาสิกาตัวอย่าง แบบ แม่น่ะ
ก็ หัวแข็ง พอที่จะไม่ไปเข้ารีต กับเขาหร็อก "


แหม ? อิฉันพูดซะดีเชียวนะเจ้
แต่พอพวกนั้น มาบุกบ้านจริง ๆ
อิฉันนี่แหล่ะ ที่เผ่น ออกจากบ้านคนแรก (ทั้ง ๆ ที่ฝนตกปรอย ๆ)
ส่วนป๋าสมาน ก็หลบในห้องนอน เงียบกริ๊บ ( แต่เงี่ยหูเก็บข้อมูล )
โดยทิ้ง อุบาสิกา ตัวอย่าง
ให้ ต้อง เผชิญหน้า กับ คนพวกนี้ เพียงลำพัง
แหะ...แหะ...

คือ อิฉันรู้ ขันธสันดาน ของตัวเองดี น่ะ
ว่า ปากมันไว แค่ไหน
ขืนนั่งฟัง อิฉันได้ ปาฐกถา เรื่อง 31 ภพภูมิ
และ ขันธ์ 5 ให้เขาฟัง แหง๋ ๆ
อิฉันไม่อยากทำร้ายจิตใจใครน่ะ
แต่ก็ไม่ใจเย็นพอ ที่จะฟังเขาพูดด้วย
เลยเผ่นดีกว่าไง เฮ้อ


สุดท้าย หลัง ๆ เห็น แม่อิหลักอิเหลื่อนัก
อิฉัน เรยตัดสินใจหักดิบ
ด้วยการเดินหงิ๋ม ๆ ไปบอกเขาแบบสงบเสงี่ยม
ประมาณว่า


อืม... ลำบากใจจังเลยค่ะ ที่จะให้แม่ฟังไบเบิ้ล
เพราะอยากให้แม่ฝึกปฏิบัติแนววิถีพุทธ
อย่างพวก สติปัฏฐาน 4 มากกว่า
แล้วตอนนี้ ตัวเองก็กำลัง ถือศีล5 กับพรหมวิหาร4
ดูจิต และปฏิบัติธรรม อยู่ด้วย


หลังจากพูดเรื่องนี้ให้เขาฟัง
สาวกของพระเจ้า ก็ไม่เฉียดกราย
เข้าบ้านอิฉันอีกเรยอ่ะ
คุณนายแก้วดีเรยสบายใจขึ้นแยะ ^ ^



ส่วนเรื่องการปฏิบัติธรรม
(สไตล์ ปลาไหลนุสสติ )ของป๋าโจนั้น
ลูกไป๊อ่างอิฉัน ก็ ขออนุโมทนาโตยเน้ออออ
อ้อ แระขอหั้ย ป๋าโจ พ่อปั๋วของนู๋
ทั่นเข้าถึงดวงตาธรรม ถือศีล 1 สำรวมกายแอนด์ใจ
ประพฤติพรมจรรย์ได้ไว ๆ เน้ออออ
อิปลาไหล จะได้เริงร่า
ไม่ต้องมาเจอใบข่อย อยู่บ่อย ๆ เอิ๊ก ๆ

.
 
 

โดย: คุณป้าบัว ( พยายาม จะ ) หุบบบบบบบบบบบบ IP: 114.128.83.119 วันที่: 1 กรกฎาคม 2553 เวลา:22:39:58 น.  

 
 
 
ปอลิง

หลังจากคืนนี้ ....
อิฉันจะชิ่งหนีไปจำศีล ในกะลา ต่อแระน้าาาาาาา
ขอนุยาด นินจาสักระยะ อ้ามานานแระ
คอเริ่มแห้ง ขอหุบ หน่อยแระกัน เจ้าค่ะ
ถ้า ใคร มาเพ่นพ่าน แถวนี้
ก็ มา แตะมือรับช่วงแพล่มต่อให้หน่อยล่ะกัน
ส่วนป้านู๋บี ขอลาไปผลิตน้ำหมากก่อนนะเจ้าคะ แหะ ๆ



อ้อ จะหายหัวไปงี้ เรยเอารูปเจ้าคิตตี้
ที่ประตูหน้าบ้านมาให้ทุกทั่นดูต่างหน้า เวลาคิดถึงงงงงง งิงิ
( เพิ่งโพส ตะกี้ นี่เอง เรยอยากอวดจร้าาาาาา 555 )


//www.212cafe.com/freewebboard/view.php?user=kitisako&id=180


เราหุบแร้ววววว แม้เราไม่อยากจะหุบบบบบ เหอ ๆ

บ๊ายบายยยยยยยย เจ้าค่ะ ทู๊กกกกกก คนนนนนนน ^ 0 ^


.
 
 

โดย: คุณป้าบัวหุบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ IP: 114.128.83.119 วันที่: 1 กรกฎาคม 2553 เวลา:22:41:54 น.  

 
 
 
ขอหั้ย ป๋าโจ พ่อปั๋วของนู๋
ทั่นเข้าถึงดวงตาธรรม ถือศีล 1 สำรวมกายแอนด์ใจ
ประพฤติพรมจรรย์ได้ไว ๆ เน้ออออ
อิปลาไหล จะได้เริงร่า
ไม่ต้องมาเจอใบข่อย อยู่บ่อย ๆ เอิ๊ก ๆ

ซ้าทุ ซ้าทุ ซ้าทุ
แม๊ สมเป็นลูกไป๊ รู้ใจหม่ามี๊ จิงจิ๊งงงงง
ไม่เสียที ที่ยัดเยียดตำแหน่งลูกไป๊กิติมศักดิ์
ให้พระนางการ์ฟิล 555

อิปลาไหล แพ้ใบข่อย 555
ซะงั้น
 
 

โดย: ป้านู๋ขวัญ IP: 124.122.148.40 วันที่: 2 กรกฎาคม 2553 เวลา:10:07:30 น.  

 
 
 
มีเรื่องแปลกๆมาเล่า อีกละ
เป็นนิมิตเฉพาะตัว โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน เนาะ
เพราะไม่รู้ว่าจริงหรืองไม่จริง ก็ปุถุชนคนมีกิเลส อะนะ
เมื่อวานไปทำบุญที่วัดพุทธตอนเช้า
ระหว่างนั่งรถไปซื้อของและไปวัด
ทั่นโจก็ใส่หูฟัง ฟังเทศน์ ลต. ฤ.ตามปกติ
เขาเล่าว่าฟังๆอยู่ก็วูบลงไป แต่วันนี้มาแปลก
มีนิมิต เห็น ลต.ฤ มาให้เห็น แล้วก็มาพาไปเที่ยว
แล้วก็สอนเรื่องต่างๆให้ มาพาไปย้อนอดีตสมัยที่
ลต.ฤ ไปเที่ยวที่หนึ่งกับอาจารย์ของท่าน เป็นสวรรค์
หรือนิพพาน ก็ไม่แน่ใจ ท่านบอกว่าเป็นที่ส่วนตัว
เห็นได้เฉพาะตน ท่านโจบอกว่า เห็นบันไดทางขึ้นสวรรค์
อยู่ลิบๆ พอเดินปั๊บก็ถึงปุ๊บ เดิน2ก้าวถึงหัวบันได เลย
ลต.ฤ บอกว่า ต่อไปให้พรหมมาช่วยนำไปต่อ แล้วก็ได้
ยินแต่เสียง ลพ.ฤ ทั่นโจบอกว่า กำลังจะได้กลิ่นดอกไม้
อยู่เชียว ดันถูกลูกเมียเรียกกวน อิอิ แกบอกเลยเหมือน
จะตกมิตกแหล่ อยู่ได้แค่หัวบันได แค่นั้น แล้วก็รู้สึกว่า
เหมือนได้เห็นที่โล่งเป็นสนามหญ้ากว้าง ก็อยู่ได้แค่นั้น
ไปต่อไม่ได้ แถมกลับพอมาถึงบ้าน นะ มาเฉ่งเราใหญ่
เลยแหละ ว่าไม่รู้เรื่องอะไรเลย เคยสั่งไว้แล้วว่าถ้าเห็น
เขานิ่งๆอยู่ ห้ามกวน อิอิ (อิปลาไหล มันชอบลืม555)
นี่เป็นครั้งที2 แระ ครั้งแรก ไปได้แค่ตีนบันได
คราวนี้ไปถึงหัวบันได เลยปลอบใจแกไปว่า เด๋วครั้งที่3
ได้เข้าแน่ไปแน่เลย อิอิ ทั่นโจแกเลยสวนบอกว่า
ถ้าคราวหน้าสงสัยคงไม่กวนแต่คงจะถีบเขาลงมาเลยล่ะมั้ง
(แบบว่าประชด อิปลาไหลกะอิลูกปลาไหล พวกมารชอบขัดคอซะงั้น)

นอกนั้นเขาเล่าว่า ลต.ฤ ก็สอนหลายเรื่อง บอกว่าใครนับถือ
ก็มาสอน ใครไม่นับถือจะไปสอนให้เมื่อยตุ้มทำไมวะ แล้ว
ให้ไปอ่านตำรากรรมฐานแล้วก็ทำตามนั้น เพราะ ลต.ฤ ก็ทำ
ตามนั้นเหมือนกัน หลังจาก ลป.ป. มรณภาพไปแล้ว ท่าน
ก็ไม่มีใครสอนก็ต้องเรียนเองทำเอง อย่าไปขี้เกียจ
แล้วก็บอกว่า ท่านเองยังไม่ได้อรหันต์ ยังต้องเวียนว่าย
ตายเกิดอยู่ อันนี้ก็ไม่รู้จริงว่าหรือเปล่านะ เพราะเป็นนิมิต
ของท่านโจ เห็นว่าแปลกดี ก็เลยเอามาเล่าให้ฟัง มีเรื่องเล่า
เยอะกว่านี้อีกนะ แต่จำไม่ค่อยได้ กลัวเล่าผิด เพราะไม่ได้
สัมผัสเอง ก็เลยไม่กล้าเล่า กลัวเล่าผิด เล่าถูก อะนะ
แล้วมีที่สำคัญคือ ลต.ฤ บอกว่าใครจะสอนผิดสอนถูกอย่า
เพิ่งไปสนใจเรื่องนั้น ให้เร่งทำกิจของตัวเองให้รู้แจ้ง
เห็นจริงก่อน อย่าไปเสียเวลากับเรื่องของคนอื่น
(เราเปลี่ยนโลกไม่ได้ แต่เราเปลี่ยนตัวเองได้ อันนี้ป้าพูดเอง)

เสร็จแล้วทั่นโจมีมาทับถมอีกนะ เมื่อไหร่ป้าจะไปดูสวรรค์
กะเขามั่ง จะให้หัดเข้าสมาธิแบบเขาให้ได้ซะงั้น สงสัยอยาก
มีเพื่อนไปเที่ยวสวรรค์ด้วย

แต่ทั่นโจเขาไม่ได้นั่งสมาธินะ ไม่ได้ฝึกมโนมยิทธิด้วย
แล้วตอนที่อยากเจอ อธิษฐานขอเจอ ลต.ฤ ก็ไม่เคยได้เจอ
แต่พอเฉยๆ หมดอาลัยตายอยากไปแล้ว ก็มาให้เห็นเอง
ก็แปลกดีนะ เวลาอยากก็ไม่ได้เห็น เวลาไม่อยากดันได้เห็น
ซะงั้น ก็ว่ากันไป
 
 

โดย: ป้านู๋ขวัญ ขยันแพล่ม อิอิ IP: 58.9.141.243 วันที่: 4 กรกฎาคม 2553 เวลา:8:16:43 น.  

 
 
 
ป้านู๋ขวัญ: ฮืมมมม.... จุ๊ๆ
ของแบบนี้ กรรมใคร บุญเขา
เราก็ได้แค่พยายามต่อไป แง่บๆ
 
 

โดย: itoursab วันที่: 4 กรกฎาคม 2553 เวลา:23:06:03 น.  

 
 
 
แด่มรรคาแห่งพุทธะ และ ความรักแห่งพระผู้เป็นเจ้า


คริสต์ เน้นใช้ประตูศรัทธา เข้าหาความดีงาม
เพียงแค่ใจเปิด คลื่นความถี่ตรงกับสิ่งนั้น
ความดีงาม จิตวิญญาณแห่งคริสต์ พระเจ้า
จะไหลเข้าหาตัว ในเมื่อ พุทธมันแตกสาย
แตกนิกาย ครูอาจารย์ย่อย ๆ

คริสต์ก็เช่นกัน แตกไปอีกเป็นร้อย ๆ
ตามการตีความพระคัมภีร์ การนำพระคัมภีร์มารับใช้มวลมนุษย์
รับใช้พวก รับใช้การเมือง รับใช้ลิทธิล่าอาณานิคมเรือเหล็กปืนไฟ
สอดไส้ การฮุบดินแดน มีทั้งถูกผิด ดีชั่ว มากน้อย แตกต่างกันไป
ตามศรัทธา นานาจริตแห่งสาวก

คริสต์ ท่านเน้น มรรคาแห่งความรัก การให้ เมตตา
เมตตาที่ยิ่งใหญ่ในยุคสมัยนี้ ของทางคริสต์ อะไรจะยิ่งใหญ่เกิน
มรรคาแห่งแม่ชีเทเรซ่าได้ การให้โดยไม่หวังให้ใครมาเข้ารีต
ให้โดยไม่สดสอดไส้คาราเมล หวานซ่อนเปรี้ยว มีวาระแอบแฝง
ความรักแห่งพระเจ้า การให้ การเสียสละแห่งพระเยซู
มันยิ่งใหญ่ ความรักแห่งพระเจ้า พระคริสต์

คือ การให้ที่ไม่บังคับ ศรัทธาใคร ๆ หรือ มีอุบายแฝงเร้น
แม้เขาไม่นับถือศาสนาเรา ไม่เข้ารีต ไม่เป็นไร ใจก็ยังจะให้อยู่

การให้แห่งดวงตะวัน จันทรา ขุนเขาคีรี ฟากฟ้า เมฆา สายน้ำ
การให้แบบธรรมชาติ ยิ่งใหญ่ ไม่มีอะไรแอบแฝง

คือ ความรักแห่งพระเจ้า การให้แบบจิตใหญ่ เขาเป็นแบบนั้น

ยังให้ ยังรัก ยังเมตตา ปรารถนาดี ต่อ มวลมนุษย์
แม้ร่างของเรา จะถูกตรึงกางเขน ถูกคมหอกดาบ ศาสตราอาวุธ
ถูกทรมาณนานา ใจเราก็ยังเปี่ยมรัก เมตตา มิคลาย

ให้แม้อีกฝ่าย จะ ยื่นคมหอก คมดาบ
เรายื่นดอกไม้ ท่านจะตอบกลับ ด้วยหอกดาบ
เราก็ยังจะให้ต่อไป

หวังว่าซักวัน

ศาสตราในใจท่าน จะกลายเป็นดอกไม้
และ ดอกไม้จะเบ่งบานไปทั่วโลก


จิตแห่งพระเจ้า มันใหญ่แบบนั้น นี่คือ มุมมองของผม

ผมถามพระเจ้าว่า ท่านจะคับแคบโปรดเฉพาะ
คนที่เข้ารีตคริสต์หรือ นอกนั้น ถีบหัวส่งเลย

จิตพระเจ้า จะคับแคบแค่นั้นหรือ

พระคัมภีร์ พระธรรม ตัวอักษร มันดิ้นได้
ตีความความได้มากหลาย มีนัยยะ เป็นชั้น ๆ
ขึ้นอยู่กับภูมิธรรม ภูมิจิต ในตัวท่านเองแหละ

แม่ชีเทเรซ่า ท่านบอกว่า
มองเห็นพระเจ้า ใน คนยากไร้ มองเห็นพระเจ้าในตัวเราทุกคน

เมื่อแมชี เอาตัวท่านไป ลงคลุกคลี กับ ความทุกข์ยาก
ท่านจึงเห็นพระเจ้า พบพระเจ้า

พระเจ้าภายใน ยิ่งใหญ่ กว่าภายนอก
ความดีงาม ความเมตตา อันเป็นสากลนั่นไงเล่า

ยุคมืดแห่งยุโรป ศาสนาจักรหลาย ๆ ครั้งที่ผิด
อ้างพระเจ้า บนเลือดเนื้อ ซากศพของคนที่ไม่ศรัทธา
จิตวิญญาณแห่งพระเจ้า ท่านมองเห็่นความทุกข์ทรมาณ
ของคนนอกศาสนา แล้วถีบหัวส่งว่ามันเป็น ซาตาน
ถ้า ไม่เชื่อ ก็โดน ฆ่า โดนโทษทัณฑ์แห่งพระเจ้า

มันคือ ทัณฑ์แห่งพระเจ้า หรือ ทัณฑ์แห่งบาทหลวงบางองค์

พระเจ้าดีใจ หรือ ร่ำไห้ ถามจริง ๆ นะ

เมื่อเห็นสงครามระหว่างคริสต์โปรแตสแต้น กับ คริสต์โรมันแคทอลิก
ในยุโรปยุคหนึ่งก่อนเกิดประเทศอเมริกา
สงครามครูเสด อ้างพระเจ้า แล้วนำคนไป ห้ำหั่นกัน และ
ความย่อยยับแห่งอารยธรรมชาวอินคา มายา แอซแตก
ที่ บาทหลวงเสปน บางองค์
เอาศรัทธาของพวกตัว ไปเหยียบย่ำ ศรัทธาคนอื่น
จนอารยธรรมอันงดงามล้ำค่า ของอินเดียนแดงล่มสลาย

มือหนึ่งถือกางเขน แล้วเอาอีกเท้าหนึ่งไปเหยียบหัวคนอื่น
มือหนึ่งถือพระพุทธ แล้วเอาอีกเท้าหนึ่งไปเหยียบหัวคนอื่น

มันไม่ต่างกันหรอก


การตีความ นำศาสนา มารับใช้
การเมือง รับใช้ซาตาน มารแอ๊บแบ้ว

พระเจ้า จิตวิญญาณอันสูงส่ง มันไม่คับแคบแบบนั้นเลย

เมื่อ พระธรรม พระวจนะ พระคัมภีร์ อันแสนร่มเย็น
กลายเป็น เพลิงไฟอันเผาผลาญ ศรัทธาอันงดงามของคนอื่นเขา


เมื่อ สิ่งที่งดงาม สูงส่ง ถูก ใช้โดย มนุษย์ผู้เต็มไปด้วยบาป 7 ประการ
หรือ กิเลสพันห้า ตัณหาร้อยแปด แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้น



ทุบคำว่า นิกาย ศาสนาทิ้ง แล้ว จงใช้จิตวิญญาณมองมัน


จบแล้ว โหยยยย ของขึ้น ผมเขียนได้อีกเพียบ แต่พอก่อนนะ



จาก ทรราชตัวน้อย ที่ป้าบัวแกบอก ฮ่าๆๆๆๆๆๆ

นึกถึง หนังสือ ขบถฟันน้ำนม ของพี่จุ้ย ศุบุญเลี้ยงเลย ฮิ ๆๆๆๆๆ
 
 

โดย: มดเอ๊ก( ทรราชตัวน้อย ) IP: 124.120.243.70 วันที่: 5 กรกฎาคม 2553 เวลา:7:52:56 น.  

 
 
 


ผมไปคุ้ย ๆๆๆๆ ในคอมเจอข้อเขียนเก่า ๆ อารมณ์แปลก ๆ
แบบว่าของขึ้นคือ มีคนเขาเอาพระพุทธเจ้า ไปบูชายัญ
ในเว็บ ต่างศาสนาผมอยากเข้าไปลุยแต่ไม่มีเวลา
จึงได้เขียน พล่าม ๆๆๆๆๆๆ บ่น ๆๆๆๆๆ
ในห้องกระโถนท้องพระโรง น่ะ ปีกว่า ๆ มาแล้ว

กะว่าจะห้ามศึก ระหว่างศาสนาแต่ กลัวตัวเอง ว่ะ
เรานะ พวกนิสัยมารชอบท้าตีท้าต่อย เหมือนกันนะ
นิสัยเก่า รังสีพิฆาต ยังไม่จางเลย
เลยไปไม่ไปโพส ในเว็บ นั้นฮิ ๆๆๆๆๆ

เชิญบริโภคถ้อยคำแปลกๆ จากใจดิบ ๆแห่งข้าได้

------------------------------------------------------

เพื่อสันติภาพโลก


พระวัชราจารย์ชาวธิเบต พบสหายธรรม
เป็น พระวิปัสสนาจารย์ มหาเถระชาวพม่า
ท่านทั้งสองสทนาธรรมกันสักพัก พระธิเบต
แปลกใจพร้อมถามว่า
ท่านไปเรียนเองเรื่องเหล่านี้มาจากธิเบต
ตั้งแต่เมื่อไหร่
โดยเฉพาะ เรื่อง ฝึกสมาธิ มหาสติปัฏฐาน
ธิเบตกับพม่า ล้วนมีหลักการ
แนวทาง เดียวกันจนน่าประหลาดใจ


พระอาจารย์ชาวไทย มีเพื่อนเป็น พระลามะชาวภูฐาน
พระชาวไทยท่านเล่าให้ฟังว่า
เพื่อนของท่านเอาหลักปฏิบัติ ฝึกสมาธิของเซน
ไปฝึกในถ้ำน้ำแข็งแดนหิมาลัย ปฏิบัติมาหลายสิบปี
พอละร่างไป ร่างท่านก็ไม่เน่าไม่เปื่อย
พุทธธรรมจริง ๆ แล้ว ไม่แบ่งนิกาย เ
ซนจะยืมเทคนิก จากธิเบต ธิเบตจะยืมเทคนิกจากเซน
จากเถรวาท จากสุขาวดี จากนิจิเร็น
ก็ตามจริตนิสัย อัธยาสัย ความชอบ ของตัวเถิด
พระเถระบางสำนักปฏิบัติ ทั้งเซนควบสุขาวดี
ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไร




ท่านสัตยาโคเอ็นก้า
ท่านมีลูกศิษย์เป็น ชาวคริสต์ ฮินดู พราหมณ์
อิสลามก็เยอะ ท่านกล่าวเสมอว่า
ไม่จำเป็นที่ศิษย์ท่านต้องเปลี่ยนศาสนา
เพราะหลักเจริญสติ เป็นของสากล เ
ป็นของธรรมชาติ เป็นสมบัติของโลก
ที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบ
เวลาว่างเธอก็ปฏิบัติเถิด




ลูกศิษย์หลวงองค์ปู่ติช นัท ฮันห์
ถามด้วยความกังวลว่า เธอชอบ
หลักการปฏิบัติเซนของ หมู่บ้านพลัมมาก
แต่เธอไม่ใช่ชาวพุทธ
เธอจะต้องเปลี่ยนศาสนาใหม
องค์หลวงปู่ติช นัท ฮันห์ บอกว่า
เธอไม่ต้องเปลี่ยนสิ่งที่เธอนับถือดอก
ปฏิบัติศาสนธรรมของเธอไป
ไม่ว่าเธอจะเดินเข้าโบสถ์ ตีระฆัง ล้างจาน
ทำสิ่งต่างๆ ในชีวิต
ประจำวันของเธอไป แต่ขออย่างเดียว
เธอจงทำอย่างมีสติ
องค์หลวงปู่ ติช นัท ฮันห์
ท่านยังเคยเข้าไปรับมิสซา ที่โบสถ์คริสต์
เลย ลูกศิษย์ต่างศาสนาของท่านก็เยอะ



มีคนถาม หลวงปู่ติช นัท ฮันห์ ว่า
ถ้าให้เลือกระหว่างคำว่า
พุทธศาสนา กันสันติภาพโลก
ท่านจะเลือกอะไร หลวงปู่
ตอบทันทีว่า ท่านเลือกสันติภาพ
ตราบใดที่มีคำว่าศาสนากางกั้น
จะเกิดการรบพุ่งไม่เข้าใจระหว่างศาสนา
แล้วคำว่าศาสนาจะมีดีอะไร
ถือศาสนาแต่ไร้เมตตา ความรัก
ไร้ความนับถือ ยกย่องกัน
อย่ามีเลยดีกว่า
มีศาสนาแต่ไร้สันติภาพ
ท่านเลยเลือก ไร้ศาสนา
แต่มีสันติภาพ ความรัก ความเมตตา ดีกว่า




คนไร้ศาสนา เราจะมองด้วยความคิดเก่า ๆ ว่า
พวกนี้เป็น พวกปทปรมะ พวกบัวใต้น้ำ บัวเต่าถุย
ห่างไกลทางธรรม แต่ท่านทะไลลามะ
กลับบอกว่า โปรดจงอย่าทิ้ง คนไร้ศาสนา
แต่ สนใจทางจิตวิญญาณเลย
ยิ่งต้องช่วยเหลือ ตามจริตนิสัยเขา



ความรักแห่งพระคริสต์ คือ โพธิจิตแห่งพุทธะ
เมตตาของพระแม่มารี คือ เมตตาของเจ้าแม่กวนอิม
เมตตาของพระแม่อุมาเทวี คือ เมตตาของพระนางตาราธิเบต


นักบุญซึ่งเป็นแม่ชีเทซ่า กับ พระโพธิสัตว์ฉือจี้
หลักเมตตาแห่งพุทธะฉือจี้แห่งใต้หวัน กับ หลักเมตตาของแม่ชี
เทเรซ่า ล้วนไม่ต่างกันเลย
ภาษาเมตตา กรุณา เป็นภาษาสากล

แม้แต่ เดรัจฉาน ยัน มหาโจร ก็ยังรักลูก เมตตาลูกเลย


จิตสาธารณะ จิตเมตตากรุณา
จิตแห่งความดีงาม เป็นของโลก
ของทุกนิกายสายธรรม


เมล็ดธรรมของศาสดาใด
เมื่อเติบใหญ่ ร่มใบล้วนให้ความร่มเย็น



รักเหมือนพระองค์ทรงรัก
ช่วยเหมือนพระองค์ทรงช่วย
ให้เหมือนพระองค์ทรงให้
รับใช้เหมือนกับพระองค์ทรงรับใช้
กอบกู้เหมือนพระองค์ทรงกอบกู้
อยู่กับพระองค์ ๒๔ ชั่วโมง
สัมผัสพระองค์ในยามที่พระองค์จำแลงกายอยู่ในสภาพที่น่ารังเกียจ


ชาวคริสต์ ก็ควรเห็นว่า พระเจ้าจำแลงกายในสภาพชาวพุทธ
ชาวพุทธ ก็ควรเห็นว่า พระโพธิสัตว์จำแลงกายในสภาพชาวคริสต์
เห็นพระเจ้าสถิตอยู่ในใจกันและกัน
เห็นพระพุทธะสถิตอยู่ในใจกันและกัน
เราควรให้ความรัก ความเมตตา แสวงมรรคาร่วมกัน
นับถือกันเป็นเพื่อนทางจิตวิญญาณ




แม่ชีเทเรซ่า ใช้หลักแห่งความรัก
ความเมตตาของพระคริสต์ช่วย
เหลือผู้ยากไร้ ในอินเดีย
เป็นต้นแบบ ให้ นักบุญ และชาวพุทธจำนวน
ไม่น้อย เมื่อพูดถึงเมตตาของแม่ชีเทเรซ่า
เราชาวพุทธต่างก็ให้ความ
ชื่นชม และเห็นเป็นแบบอย่าง
เมื่อพูดถึงความรักความเมตตาแล้ว
คำว่าศาสนาจะหายไป โลกทั้งผองคือพี่น้องกัน




เราทั้งหมดคือลูกของพระคริสต์
ลูกของพระพุทธะ พระอัลเลาะห์
พระตรีมูรติ ในเวลาเดียวกัน
ผมเชื่อเหลือเกิน ว่าบนสวรรค์ชั้นฟ้า
เขาไม่แบ่งแยกกันหรอก
แต่มนุษย์ เรามันบ้าจัด อ่อนหัดทางจิตวิญญาณ
แบ่งแยกกันเอง ใช้คำว่าศาสนา ต่างลัทธิ
ต่างนิกายเข้าทำร้ายโจมตีกันอย่าง
อิสราเอล กับ ปาเลสไตน์
ใช้คำว่า ศาสนาบังหน้า อ้างลัทธิการเมือง
เชื้อชาติเข้าประหัตประหาร ห้ำหั่นกัน
จะพุทธ จะคริสต์ จะยิว จะอิสลาม
เห็นแล้วก็สลดใจ




คุณจะเอาศาสนธรรมไปรับใช้ผองชน
หรือเอามาบังหน้า
รับใช้ทิฐิมานะแห่งตน
ถึงแม้คุณประกาศตัวว่า นักปฏิบัติ เก่ง
ผ่านครูบาอาจารย์ ผ่านการศึกษามาเยอะ
แต่ถ้าเข้าไม่ถึงหัวใจ
ของศาสดาตัว ความมืดบังตา อวิชชาบังจิต
แล้วใช้ปากเน่า ๆ
อมคัมภีร์ อมพระพุทธ อมธรรมะ อมพระเจ้า อมความดี
มาพ่นใส่คนอื่น
ภาษาธรรมสวยงาม แต่ กลิ่นมันเหม็นคาวฉาวโฉ่
ฟุ้งไปทั่ว ไม่รู้ตัวเลย
หากจิตคุณไม่ดี เจตนาคุณไม่ดี
คุณไร้ความรัก ไร้เมตตา ไร้การให้อภัย
หัวใจเคลือบด้วยทิฐิมานะ
การเอาชนะคะคานกัน โลกมันถึงได้รุ่มร้อน
จนทุกวันนี้ ไงครับ



ถ้าคุณไม่เข้าถึงหัวใจแห่งศาสนาตัว
มันก็ตีกัน ทะเลาะกัน 24 ชั่วโมง
ถ้าคุณเข้าถึงแล้ว ไม่มีทางใช้ความรุนแรงหรอก
ศาสดาองค์ใหนล่ะ
ที่สอนให้ คนฆ่ากัน ทำร้าย ดูถูกกัน
บ่มเพาะ ปลูกฝังความโกรธเกลียดชังในใจศาสนิกของตน
บิดเบือน ตีความศาสนาเข้าข้างกลุ่มตัว พวกตัวเอง
แล้วถล่ม ถ่มถุย ทำลายล้างชาวบ้าน คนต่างสายธรรมตัว
เราไม่เห็นด้วย


แม้แต่ชาวพุทธต่างนิกาย
ต่างครูบาอาจารย์ ก็ควรสังวรระวังด้วย
พุทธ พิฆาต พุทธ
ใครต่างจากตัว ก็ จับมาบูชายัญซะ
เกิดความแตกแยก
พุทธด้วยกันเองตัวดีเลยครับ ฟังด้วยนะ



ชาวอิสลามโรงฮิงยา เป็นชาวอิสลามกลุ่มน้อยในพม่า
บ้านเขาอยู่ไม่ได้ อยู่ไปก็ตายเปล่า
คนที่อ้างว่าตัวเป็นชาวพุทธสวมเครื่องแบบทหาร
ไล่เข่นฆ่า ข่มเหงบีฑา เขา
คุณเป็นพุทธแต่ไร้ความเมตตา ไร้มนุษยธรรม
ใช้ศาสนาบังหน้า จงเกลียดจงชังคนอื่นเขา
คุณน่ะพุทธของเทียม


ใครที่อ้างคำว่า ศาสนา นิกาย อาจารย์ มาบังหน้า
แล้ว ทำร้าย ทำลาย ดูถูก ข่มเหง ย่ำยีคนอื่นเขา
คุณมันของเก๊ พุทธเก๊ คริสต์เก๊ อิลามเก๊ ยูดายเก๊
อ่อนหัดทางศาสนธรรม ไม่เข้าถึงจิตวิญญาณแห่งศาสดาตน
ศาสดาอาจารย์ ของท่านจ้องมองดูโลก
ดูพฤติกรรมแล้ว ต้องถอนหายใจ ร้องไห้ เสียใจ แน่
สู้ อุตส่าทนลำบากลงมาเกิด เผยแพร่ศาสนา
หวังให้มนุษย์มีความรักดี มีศีลธรรม
แต่ทำไมยุคนี้ถึง ยังมืดบอด
เต็มไปด้วยความขัดแย้ง กลิ่นคาวเลือด
แทนที่จะเข้าถึงพระเจ้า พระนิพพาน
สิ่งดีงามของศาสดาอาจารย์ตัว แต่กลับ
ยกขโยง พากันลงนรก
จำไว้นะ มนุษย์ผู้โง่เขลาทั้งหลายเอ๋ย



ท่านจะโดน แดนพุทธะ
แดนแห่งพระผู้เป็นเจ้า สวรรค์ชั้นฟ้า แดนสุขาวดี
ตราหน้าเอาว่า เป็นตัวอุบาทว์ทางศาสธรรม
เป็นสาวก ของ ผีห่า ซาตาน พระยามาร ลูซิเฟอร์
ไม่ใช่ลูกของพระเจ้า ไม่ใช่ลูกของพระคริสต์ ไม่ใช่
ลูกของพระพุทธะ และศาสดา องค์ใด เลย
โปรดจงสังวรไว้ด้วย



ทุบกำแพงคำว่า นิกาย ศาสนา ไปได้เลย
คำว่านิกาย ยี่ห้อ เป็นเพียง
เสื้อผ้า มองให้ลึกแล้ว หลายๆ เรื่องเป็นเรื่องเดียวกัน
หลักเมตตา มหาสติ
ความดีงาม เป็นเรื่องสากล
เป็นเรื่องสาธารณะ ทุกนิกายสายธรรม มี


จากดวงใจที่ไร้ศาสนา ข้าขอถือเอาความดีงามเป็นสิ่งสูงสุด

- จิตคารวะ รักนะ จุ๊บ จุ๊บ -
 
 

โดย: มดเอ๊ก( ขบถฟันน้ำนม ) IP: 124.120.243.70 วันที่: 5 กรกฎาคม 2553 เวลา:8:14:40 น.  

 
 
 
" มันเป็นสัจธรรมพื้นฐาน
ความเฉยชา คือ ผู้พิฆาต ความคิดดีนับร้อยพันและแผนการอันวิเศษ
ณ บัดหนึ่ง มีผู้มุ่งมั่นตั้งใจลงมือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ย่อมอำนวยชัย

มิว่าสู ทำสิ่งใด หรือ ฝันจะทำอะไร ทำ ณ บัดนี้
ความทรนงองอาจ มีพรสวรรค์ พลังอำนาจ และ มหัศจรรย์แห่งตน "

เกอเธ่...


-------------------------------------------
สโลแกน เท่ ๆ ตั้งแต่ ครั้งอยู่ พลังจิต บัดนี้
อกาลิโกหายไป เว็บใหม่มาแล้ว จากเว็บสุขใจ

ล่าสุด น้องใหม่ เทรนมากับมือ ตั้งเว้บ
ใต้ร่มธรรมแล้ว จ้า

ไปช่วยน้องมันหน่อย แม้เพียงอักษร คำพูด มันมีค่านะ


//www.tairomdham.net/index.php?topic=18.0
 
 

โดย: มดเอ๊ก IP: 124.120.243.70 วันที่: 5 กรกฎาคม 2553 เวลา:8:35:51 น.  

 
 
 
สุขาวดีนั้นอยู่สุดแสนไกล
นับด้วยล้านโกฏภพ
ฉันจะไปที่นั่นได้อย่างไร
หากอาศัยเพียงรองเท้าฟางคู่หนึ่ง

- ไฮกุ ท่านอิกคิวซัง -

-----------------------------------------

อีดสโลแกน เมื่อ ลุยตอนเว็บเขากะลา ฮ่า ๆๆๆๆ

วิญญาณฉันอิสระ พุทธะติดปีกไซเบอร์ สาธุ
 
 

โดย: มดเอ๊ก IP: 124.120.243.70 วันที่: 5 กรกฎาคม 2553 เวลา:8:43:18 น.  

 
 
 
พรรณาอักษร

นักเขียนกวีนิพนธิ์ หรือใจรักในงานประพันธ์ เชิญตรงนี้เลย

//www.tairomdham.net/index.php?board=63.0

 
 

โดย: มดเอ๊ก IP: 124.120.243.70 วันที่: 5 กรกฎาคม 2553 เวลา:8:44:53 น.  

 
 
 
ขอนุญาติคุณมดเอ๊ก เอาข้ความของคุณไปแปะที่กระทู้ขรัวโต
หน่อยน้า อยากให้คนอื่นได้อ่านด้วย
ช่วยๆกันโปรโมท กระทู้ป้าบัว
The Underground Project Impossible อิอิ

'//board.palungjit.com/f181/นี่-ๆ-เหล่านักปฏิบัติ-จ๋าาา-ช่วยวิสัชนา-ตอบ-นู๋บี-ทีซิ-ว่า-ขรัวตาจะตีไหมค้าาาาาาาา-209696-34.html'
 
 

โดย: อิปลาไหลจอมวุ่น อิอิ IP: 124.120.148.204 วันที่: 5 กรกฎาคม 2553 เวลา:10:57:42 น.  

 
 
 
1.ท่านทากุอัน พระอริยเซน ปราสาทนกกระเรียน มุซาชิ
2.นารูโตะ ล่าสุด พลังแห่งความรัก แปรเป็นพลังเซียนหกวิถี ปิดผนึก
จักระจิ้งจอกเก้าหางสำเร็จ ถึงขั้น คุมพลังจักระจิ้งจอกเก้าได้แล้ว
3.วางหนึ่งดาบฆ่า มา คว้า หมื่นดาบช่วย ปริศนาธรรม กำมือ


ปล่อยให้ พี่ชาย สหายหน่วยรบพิเศษเก่า แกเมาปลิ้น พลุ่งพล่าน
สติแตกซ่าน เรียกได้ว่าเมาแหลก อาการเปราะบาง ตะโกนโหยหวน
ความเจ็บปวด ร้าวราน ที่อัดแน่น ออกมาในรูป ความบ้าคลั่ง เมาว่ะ
เห็นความเศร้า ผนึกความแค้น กิเลส โกรธ เศร้า เหงา
มันทะยานออกมา ไร้สติคุม มีแต่ผม กับ ลุงอีกคน

ที่รับรู้เรื่องราว สุดรันทด สุดอัดอั้น รู้แล้ว พยายามจะช่วยกันเยียวยา
ตามกำลัง วันเสาร์นี้ รู้ผล นะ ยังไงวันนี้ ตอนเย็น ข้าจะลากพี่ไปเคลีย
เคลียปัญหา ให้ได้ แกวิตกจริต ฟุ้งซ่าน อ่อนไหว คิดมากไป
ภาพนิดเดียว ที่พบ ติดตา แกไปตีความ แล้วเสือกซัดเหล้า
ไปเลย 1 วันเต็ม ๆ

วันนี้ตอนเลิกงาน เห็นแกโขกหมากกระดานกับคนข้างห้อง
บอกให้แกไปนอน แกรับปาก ว่าจะไปนอน ไอ้เราก็ง่วง นะ
ทำงานเสร็จ ช่วยเว็บ 2 ชั่วโมง ขอไปนอนก่อน

หัวถึงหมอน นอนเลยหลับ โหยยยยยยยยย นอนได้ซักพัก
นั่นแหละ กูรู้เลย งานเข้าแล้วพี่น้องเอ้ยยยยยยยยยยยยยย

แกเมาจนถึงขั้น จักระจิ้งจอกเก้าหาง กลืนกิน สติแกแล้ว
เรารู้นะ เห็นสำเนียง ถ้อยคำที่ปล่อย สำเนียง เมาแบบสุด ๆ แล้ว

เรานอนดูอาการอยู่ ทุกคำ ทุกอาการ ที่พรั่งพรู ไหลออกมา
เล่นเอา วงเหล้า นั้นแตก วันนี้ รู้รส รึยังล่ะ พี่เขาเมาแล้วบ้า
บ้าสุด ๆ นักรบเก่า รบพิเศษ เคยฆ่าคน ผ่านความทุกข์มาเยอะ
มีสิ่งคั่งค้าง ตกตะกอนมากมาย ในใจ มันพร้อมระเบิดเสมอ
หนาวขี้เลย วันนี้ ไอ้คนข้าง ๆ ห้อง เห็นสัจธรรม

ไอ้วันนั้น เรารู้รส แกคว้า มีดสปาต้า จะวิ่งออกนอกห้อง
พร้อมอาการเมา จะเอาไปไหนก็ไม่รู้ กูแทบบ้า ยื้อแกอยู่
ตั้งนาน จนแกวาง มีดสปาต้าทหาร จน สงบลง ได้อุบาย
ลุงที่เคารพ ช่วยปราบอาการ บ้า อาการเมา

มีดที่แก้คว้า มันเฉียด แขนข้าพเจ้าไปหวุดหวิด ตอนแกเหวี่ยง นะ

ตอนนี้ ข้าพเจ้า เอา ดาบ มีสปาต้าทหาร ของมีคมไปเก็บไว้หมดเลย
บางอัน ตั้งใจจะผิดศีลว่ะ จะขโมยไปถวาย พระ เป็นสังฆทาน
และ จะมุสากับแกว่า แกเมา ทำของหายไปเอง

ศีล 2 ข้อ ข้าพเจ้ายอมผิด นะ และขอรับเศษกรรมอันนั้น

นี่ ๆๆๆๆ เหลือปืนอีก นะ เฮ่อ ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ต่อ ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


ตื่นมา แม่งนอนไม่เต็มที่ เพลีย ด้วย หิวด้วย ปล่อยแม่งเลย
นอนดู อาการ ฟังอาการแก ซักนิด วงเหล้าตรงนั้น กระเจิงไปแล้ว

เหลือแต่แก เดินเซ คว้าน้ำมาราดตัว เป๋ นอน คว่ำ พลิกไปพลิกมา
เหล้าแดกคนแล้วพี่น้อง แก แหกปาก ตะโกน สุดจะโหยหวน รันทด
รู้ว่า แกเจ็บปวดมากกกกกกก อาการเก่า ๆ ภาพเก่า ๆ ที่ฝังตรึง
มัน ปลดผนึก ออกมา หลอกหลอน เป็นเสียงร้องอันบ้าคลั่ง

เดินไม่ไหวแล้ว ได้แต่คลาน ๆ ชนของกระจุยเลย
เหวี่ยงโดน มั่วไปหมด สติหาย เป๊ แต่ยังมีฤทธิ์

ปล่อยเลย มองดูแก ใจก็คิด ๆ เอาไงดีวะ

เลย พาพี่ข้างห้องลาก แกไปนอนในห้องแก
ปิดกุญแจนอกห้องไว้เลย กะให้แก นอนหลับไปเลย
ไม่ให้ ออกมา แสดงอิทธิฤทธิ์ อีก

เปิดพัดลม ให้ด้วย จะได้เย็น หลับสบาย หายห่วง

ฮ่า ๆๆๆๆๆๆ ซักพัก นะ แกมีแรงว่ะ แว๊ก ๆๆๆๆๆๆๆ
แกใช้วิชา กระแทก ประตูกลอน กระเด็น แล้วออกมา

เซ เป๋ คลาน อยู่ข้างนอก
ตะโกนแหกปาก ด้วยความเจ็บปวดเหมือนเดิม

ช่างแม่ง ละกัน ผมนึกในใจ

หิวด้วยว้อย ยยยยยยยยยยย
เลยปล่อยให้แก ออกกำลังกาย
แสดงอิทธิฤทธิ์ ปาฏิหาริย์ ให้เต็มที่

เราหิว เลย คว้า ข้าวมากิน ตรงหน้าประตู ดู อาการ



เราอิ่ม และอาการ พี่แกคลายตัว

เลยคุย ลองคุยกับแก ใจเย็น เบา ๆ

พาแกเข้าไปนั่ง บนหน้าประตู แล้ว ลากกระป๋องน้ำ
เอาแก้ว ตักราด ตัวแก ค่อยลาด แก ระบาย บ่น
พรั่งพรู ความทุกข์ ความเศร้าภายใน ออกมา
น้ำตาแกไหลพรากกกกเลย ผมราดไป พูดเบา เย็น
ปลุก ปลอบ แย๊บ ๆ เตือน สติแก

เฮ่อ ๆๆๆๆๆ อาการเมา บ้าแกคลายตัวแล้วล่ะ พอฟังกันรู้เรื่อง

ผมพูดถึงความฝันของแก เกษตรธรรมชาติ เชียงราย
ดอยรายปลายฟ้า เรียบง่าย ในบั้นปลายชีวิต ธรรมะ ธรรมชาติ
อายุแกไกล้จะ ปลายทางแล้ว แกเปรยความฝันให้เราฟังบ่อย


พี่ชายสหายนักรบคนนี้ พื้นฐานแกเป็นคนดี เราสัมผัสแกมาแล้ว

ข้างหลักแกสัก รูป พระพิฆเณศ เต็มหลังเลย ศิษย์พระพิฆเณศว่ะ
ทำไม ข้อย จะต้องมา รู้จักแกด้วยวะ 2 เดือนแล้วนะ ฮ่วย ๆๆๆ

เราก็ทุกข์ และยังไม่เข้าที่นะ อ้าววววว ตาย 5 แกยิ่งกว่าเราอีกว่ะ


นึกถึง ปราสาทนกกระเรียน
ปริศนาธรรมกำมือ และนารูโตะ มาเลย

สิ่งที่ขวางพี่คนนี้ คือ เหล้า กับ ความแค้น



2 อัน ที่จะทำลายความฝันแก วันนี้ เราบอกแกไปยกใหญ่ แกฟังเรา
พูดไป ราดน้ำไป ให้ ใจแกคลาย ด้วยน้ำเย็น น้ำตาแกไหล แปลใจแกคลายลง

ใจตอน ตักน้ำ เรานึกถึงน้ำทิพย์ของพระแม่กวนอิม
เมื่อ คืนได้สัมผัส เรานึกถึงท่านแว๊บ ๆ แป๊บเดียวมีสิ้นค้า
เป็น รูปปั้นเจ้ากวนอิม มาที่บริษัทเลย เฮ่ยยยย จิตกูแปลกจังว่ะ

อะไรก็ช่าง เว่ยยยยย ถือว่า เป็นมงคลละกัน

เมื่อ คืน เรานึกถึงท่าน ถึงปัญหาของพี่นักรบคนนี้ ในที่ทำงาน นะ
แล้ว ฮ่า ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ สิ้นค้ามาเลย รูปปั้น องค์กวนอิมโพธิสัตว์



ห้องผม เป็นที่มีความแปลก พี่เขาเคยมาค้าง วันแรก
จากที่แก นอนไม่ค่อยหลับ กระสับ กระส่าย พอมาห้องผม
แกบอกว่า แปลกดี ห้องผมมันเย็น นอนแล้วหลับสบายเลย


วันนี้ เลยลากแกมานอน ตอนคลายจากอาการอาการเมา
ในห้องนี้แหละ แกหลับไปเลย เฮ่อ ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ไอ้ สามอันแรก เขียน กะจะเขียน แต่เขียนไม่ออก งานเข้า อ่ะ

ต่อไป อะไรจะเกิด ก็ต้องเกิด เรายื่นมือไปแตะ ช่วยแค่บางส่วน
นอกนั้น แล้วแต่ เขา ชีวิตเขา เส้นสาย ลายแทงแห่งกรรมเขา

สาธุ ขอให้โล่ง ว่ะ โล่งทั้งสองฝ่าย จะอยู่ รึ จะจาก ก็ขอให้เป็นไปด้วยดี นะ


จาก

กระโถน ส้วม อยากระบาย เขียน บ่นอะไร เชิญ เอาให้โล่ง โปร่งไปสิบทิศ

//www.tairomdham.net/index.php?topic=68.msg317#msg317
 
 

โดย: มดเอ๊ก IP: 124.121.207.51 วันที่: 8 กรกฎาคม 2553 เวลา:9:09:49 น.  

 
 
 
หมดแรงอ่อนล้า.. เหลือเพียงแววตาฝันใฝ่
ปีกบางบอบช้ำเดินทางแสนไกล.. อกมีบาดแผล
กลับมาเพียง.. ลำพัง รู้เธอห่วงใย
ฉันมัวเพลินบนฟ้า.. ไกลห่างเธอ..

ก่อนจะเอ่ยลา.. รู้ดีว่ารังนั้นอุ่น
ไม่มีขวากหนามเมื่อยามใกล้คุณ.. อุ่นใจเสมอ
แต่ในบาง เวลา.. สายลมกลับหวน..
เหมือนจะชวนให้เหินลอยอีกครา.. สู่ฟ้า..

อยากให้เธอโผบิน..และได้ยินเมฆคุยกับลม..
ในคืนฟ้าหม่น.. อาจจะมีหยาดฝนโปรยปราย
ออกไปตามแสงจันทร์
ก่อนตะวันร้อนแรงดุดัน..
บินเคียงข้างกัน..
ให้ใจติดปีกฝันนำพา.. ฝ่าทะเลคลื่นลม



เจอเพลงแล้ว นะ เพลงนี้เลย



//www.naronk.org/uboard/show.php?Category=thai&No=1022



ขอคุณเนื้อเพลงจาก บล๊อกนี้มากเลย

//www.oknation.net/blog/waritwimol/2008/04/25/entry-1
 
 

โดย: มดเอ๊ก IP: 124.121.207.51 วันที่: 8 กรกฎาคม 2553 เวลา:9:12:45 น.  

 
 
 




ชิงช้าสวรรค์

ผมชอบ อัลบั้ม ลูกทุ่งของพี่จุ้ย

เชิญฟังจ้า

//www.naronk.org/uboard/show.php?Category=thai&No=1517


//www.kateep.com/music/song/musiconline-id-11194.htm
 
 

โดย: มดเอ๊ก IP: 124.121.207.51 วันที่: 8 กรกฎาคม 2553 เวลา:9:23:15 น.  

 
 
 
น่าเห็นใจ ดวงใจที่หลงทางนะ
ขอให้พบทางออกจากเขาวงกตได้ไวๆ เนาะ
คนจมน้ำบางทีถ้ามีขอนไม้ให้เกาะ ก็รอดได้อยู่นะ
เหล้า กับความแค้น เฮ้อ โรคคลาสสิค เป็นกันเยอะนะ
 
 

โดย: ป้านู๋ขวัญ IP: 58.9.41.215 วันที่: 8 กรกฎาคม 2553 เวลา:23:50:26 น.  

 
 
 
เหนื่อยยยยย ว้อยยยยยยยยย ขอฟังเพลงหน่อยนะ

พี่จุ้ย แบบเต็ม ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ข้อยชอบ พี่จุ้ย

//iamkittiya.blogspot.com/2009/09/01.html
 
 

โดย: มดเอ๊กกกกกกก IP: 124.122.158.103 วันที่: 10 กรกฎาคม 2553 เวลา:9:23:20 น.  

 
 
 
เหนือ่ยก็ นอนนนนน ฮับพี่ มด แง่บๆ
 
 

โดย: itoursab วันที่: 10 กรกฎาคม 2553 เวลา:16:29:10 น.  

 
 
 
จักรวาลนั้นเริ่มต้นเกิดขึ้นมาเองเลย เหมือนโอปปาติกะ (ชอบคำตอบนี้มาก)

อันนี้คิดเพิ่มต่อเติมเอาเอง แบบว่าเป็นลูกอีช่างคิด ง่ะ

จิตจักรวาลเริ่มแรกก็คงจะเกิดขึ้นมาเอง เหมือนโอปาติกะ
ไม่มีใครสร้างและไม่มีใครทำลายได้

ทฤษฎี BIG BANG ก็คล้ายๆกับว่าอยู่ๆความว่างเปล่าในเอกภพก็เกิดการระเบิดขึ้น
มากมาย แต่มีที่จุดหนึ่งณ.GOLDEN POINT ที่เกิดสิ่งมหัศจรรย์ขึ้นมาได้ มันเกิดขึ้นเอง
จากความไม่รู้ตัว บางทีก็มีคนบอกว่าความว่างเปล่าแต่เดิมมันไม่บริสุทธิ์ มันมีพลังงานแฝงอยู่
มันก็ค่อยๆสะสมตามเวลาที่ผ่านไป พอได้ที่มันก็ระเบิดตูมๆๆๆ

หลวงปู่หลอดสอนว่า จิตเกิดจากความไม่รู้ จิตเกิดจากอวิชชา

อวิชชาก็คือความไม่รู้

โลภ โกรธ หลง ก็เกิดมาจากอวิชชา ความไม่รู้

จิต ก็เกิดมาจากอวิชชา ความไม่รู้

สุขุมรูป มีรูปตา หู จมูก ลิ้น กาย 5 กองนั้น รวมกันเข้าเรียกว่า จิต
ด้วยอำนาจกรรมชั่ว(อวิชชา ความไม่รู้)ในสุขุมรูป 5 กอง ก็เกิดหมุนกันเข้าเป็น
รูป ปรมาณูกลม คงรูปอยู่ได้ด้วยการหมุนรอบตัวเอง ไม่หยุดนิ่ง เป็นคูหาให้จิตได้อาศัยอยู่ข้างใน
เรียกว่า รูปวิญญาณ หรือจะเรียกว่า รูปถอดก็ได้

จิตหมุนติ้วๆ ก็เพราะวิญญาณหมุนรอบตัวเอง เป็นเหตุให้จิตเกิด – ดับสืบต่อ

จิตเป็นผู้รู้สึกนึกคิด ส่วนวิญญาณเป็นคูหาให้จิตได้อาศัยอยู่ และเป็นยานพาหนะพาจิตไปเกิด หรือจะไปไหนๆ ก็ได้

จนกว่ากรรมชั่วเหตุเกิดจะหมดไป(อวิชชา ความไม่รู้ หมดไป) ชีวิตรูปถอด หรือวิญญาณ
ก็จะหยุดการหมุน รูปสุขุม "รูปวิญญาณ" ซึ่งเกิดมาจากกรรมชั่ว(อวิชชา)สืบต่อมาแต่
ชาติแรกเกิดก็จะสลายแยกออกจากกันไป คงรูปอยู่ไม่ได้มันก็กระจายไป
ส่วนกิจกรรมดี ธรรมะที่ติดอยู่กับวิญญาณมันก็กระจายไปกับรูปปรมาณู คงเหลือแต่ความว่างที่คั่นช่องว่างของรูปปรมาณูทุกๆ ช่อง ฉะนั้นโดยปราศจากรูปปรมาณู ความว่างนั้นจึงบริสุทธิ์และสว่าง รวมเข้ากับความว่างบริสุทธิ์สว่างของจักรวาลเดิมเข้าเป็นหนึ่งเรียกว่า "นิพพาน"


เราคิดเองเออเองนะ พอดีมีจินตนาการอยู่นิดหน่อย อ่านมากแล้วก็เลยฟุ้งซ่านมาก อะนะ

เพราะความว่างเปล่ามันไม่รู้ตัวมันก็เลยรวมหัวกันระเบิดตัวเองเล่นกันสนุกสนาน
แบบว่าว่างงานมานานไม่มีไรทำ พลังงานแฝงมันสะสมมานาน เลยซ่าส์ คะนอง คึก
เลยระเบิดตัวเองเล่นซะงั้น ถ้ามีคนอื่นอยู่ใกล้ๆ ก็คงจะยิงพลังงานไประเบิดคนอื่นแทน (555)
(เรียกว่า กรรมชั่ว รึเปล่า? หุหุหุ)
แบบว่าพลังงานมันสะสมมากมันก็อึดอัด ต้องระบายออกบ้างจะได้สงบๆ โปร่ง โล่ง แล้วก็ เบา สบาย 555
แต่ดันโชคร้ายเพราะไปทำกรรมชั่ว กรรมเลยสนอง ดันติด golden point โดยไม่ตั้งใจ
ถูกวิญญาณจับคู่ได้เป็นต้นธาตุ-ต้นธรรม เป็นคู่กรรม จิต-วิญญาณ แล้วเดินเครื่องเกิดการหมุน
แล้วหยุดตัวเองไม่เป็น แบบว่าโง่ อะ (555) แล้วท่าทางมันไม่ได้เกิดเฉพาะของดีๆอย่างจิตบริสุทธิ์
แต่ของไม่ดี อย่างกิเลสตัณหา โลภ โกรธ หลง มันก็เกิดด้วย มันเป็นของคู่กันมั้ง
(เหมือนการถลุงแร่บริสุทธิ์ มันก็ได้ขี้แร่ออกมาด้วย เป็น by product)
มาเป็น แพคเกจ เลย มันเลือกไม่ได้ ด้วยจิ ก็เลยกลายเป็นอย่างที่เห็นๆ กันอยู่ วนลูป จนเวียนหัว
กลายเป็น เลข 8 หาจุดเริ่มและจุดปลายไม่ถูก

ที่กลายมาเป็นแบบนี้ก็เพราะยังมีอวิชชาเป็นสมบัติประจำตัวอยู่ เหมือนพวกเรานี้ไง
มีแต่อวิชชาบังตา กิเลสบังใจ
มันก็เกิดแล้วก็ขยายตัวเองออกไปเรื่อยๆ กลายเป็นเอกภพที่ขยายตัวไม่หยุด
ออกลูกออกหลาน ตามมาอีกเพรียบ รวมทั้งตัวเราด้วยก็เกิดดับสืบต่อ หยุดเกิดไม่เป็น
ต้องมาเรียนรู้วิธีจากพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ต่างๆ ที่ทำสำเร็จหยุดหมุน หยุดเกิด
หยุดภพ หยุดชาติได้แล้ว เรียกว่า ดับอวิชชา ดับความไม่รู้ ได้แล้ว
เพราะเกิดวิชชามาแทนที่ เกิดปัญญาดับอวิชชาได้ถาวร
เข้าถึงพระนิพพาน เป็นความว่างที่สว่างบริสุทธิ์
ก็จะได้จบกิจของตัวเองไป จะได้เสวยแต่ความสุข สงบ สันติ ถาวร ไม่ต้องมีเกิดๆดับๆตลอดไป
แบบว่ากำจัดพลังงานแฝง(อวิชชา ความไม่รู้)ได้หมดจด ไม่มีการสะสมพลังงานอีก
ก็ไม่ต้องมีอึดอัด ไม่มีพลังงานเสียที่ต้องระบายออก
ก็เสถียร สถาพร ตลอดศก ตลอดไป เป็นชีวิต สงบสุข มีแต่สันติ นิพพานเป็นนิรันดร์

พูดง่าย แต่ทำได้ยาก เนอะ

ความว่างเปล่าที่ไม่รู้ กับความว่างบริสุทธิ์สว่างแบบพระนิพพาน น่าจะเป็นคนละสภาวะกัน
ความว่างที่ยังมีอวิชชาเป็นส่วนหนึ่งของตน กับความว่างที่ไม่มีอวิชชาคือพระนิพพาน
ก่อนเกิดเพราะความไม่รู้(อวิชชา) จึงเกิดขึ้นเอง พอเกิดมาแล้วทำตนให้รู้แจ้งก็ดับสนิทไม่ต้องเกิดอีกต่อไป

รู้วิธีที่ถูกต้องตามที่พระพุทธเจ้าท่านได้แสดงมรรควิธีไว้
ทำให้ถูกต้องตามมรรควิธี ก็ได้ผลเป็นรู้แจ้งตามท่านไป แต่ถ้าทำไม่ถูกวิธี ก็งมๆ กันต่อไป
เราก็ยัง งมๆ อยู่เหมือนกัน ก็มันยากนี่นา (ใครทำได้แล้ว มายกมือซะดีๆ อิอิ)

on the mode เพ้อเจ้อ หุหุ

เคล็ดลับวิชาสูงสุดคืนสู่สามัญ อาจจะเป็น "รู้ตัว" ก็ได้นะ เพราะตอนเกิดมันไม่รู้ตัวไง
ถ้ารู้ตัว มันก็อาจจะไม่เกิดก็ได้ แต่ใครจะมีสติรู้ตัวได้ทุกวินาทีหนอ ยิ่งรู้ได้แบบออโต้รับรองไม่มีพลาด
วกกลับมาที่ สติปัฏฐาน4 ฝึกเจริญสติ รู้ตัวเนืองๆ ปาย อย่าขี้เกียจ
 
 

โดย: ป้านู๋ขวัญ ขยันแพล่ม อิอิ IP: 124.120.146.196 วันที่: 13 กรกฎาคม 2553 เวลา:16:01:14 น.  

 
 
 
ถึง อิปลาไหล ขวัญใจใบข่อย งิงิ

ไง เจ้ปลาไหล สบายดีป่ะคร้าาาาาา
( หวังว่า คงยังไม่พลาดท่า
ถูกจับลงหม้อเอาไปทำ ต้มเปรต นะ อิอิ )
แร้ว ทั่นใบข่อย ได้ไป ทริปเปิ้ลทัวร์ ที่สวรรค์ อ๊ะยังอ่ะ
ป๊ะป๋าโจ ประสบฟามสำเร็จในการปีนบันได
เสด็จเข้าไปในสวรรค์วิมานชั้นดาวดึงส์ อ๊ะยังคร้าาาาา
( หรือว่า โดนเมียถีบตกสวรรค์ ล่ะหว่า เหอ ๆ )


แต่อิฉันว่า นะ อย่าง ป๋าโจ อ่ะ
ม่ะกล้า ไปอยู่คนเดียวบนสวรรค์ นาน ๆ หร็อก
แก ยังมีห่วง อีรุงตุงนัง เรยง่ะ
ป๋าแกกัวเจ้หนีไปบวชชี 555





นี่ ๆ ทำไมเจ้ ม่ะเลคเชอร์ให้ ป๋าแกฟัง
เหมือนที่แนะนำอิฉันล่ะ ที่บอกว่า


----------------------------------------------

เรื่องแสงวูบๆวาบๆ ภาษาพระจะใช่โอภาส หรือเปล่า
นู๋บี ก็พินาเอาเองละกัน โอภาสก็เป็นวิปัสสนูกิเลสของแรกๆ
ที่คนนั่งสมาธิส่วนใหญ่จะเจอ ถ้าขาดสติตามไปรู้มันจะขยาย
ออก ยิ่งถ้าเราชอบเราสนใจ แล้วขาดสติ มันก็ยิ่งสนองเรา
เต็มตรีน อิอิ เช่นบางคนใจอยากเห็นพระพุทธ ก็จะได้
เห็น ใจที่ปรุงเก่งมันก็ปรุงให้ดูเต็มที่ตามกิเลสที่มี
แต่จะของจริงหรือของปลอม ก็อยู่ที่กิเลสของใจคนดู
มันปรุงแต่งให้ตามใจคนนั้นแหละ ถ้าใจไม่มีกิเลส
ก็มีแนวโน้มจะเจอของจริง แต่ใจปุถุชน ร้อยทั้งร้อย
โดนกิเลสกินเรียบ เรียบร้อยโรงเรียนพญามาร
แต่บางทีก็มีมารภายนอกมาร่วมสนุกด้วยก็มี
แล้วแต่วิบากกรรมของคนๆนั้น บางคนเข้าใจว่า
ตัวเองเป็นพระสีอานมั่ง พระโน่น พระนี่มั่ง ก็เพราะ
กิเลสตรงนี้มันครอบใจแล้วไม่รู้ ก็เป็นบ้าไปคนเดียว
จิตหลอนเองแล้วหลงว่าเป็นของจริง แต่ถ้าเราไม่ได้มี
กิเลสอยากเป็นโน่นเป็นนี่ มันก็ไม่มีอะไร มันก็เห็นได้ตาม
จริง
+++++++++++++++++++++++


ม่ะแน่นะ ป๋าโจ ฟังแร้ว
อาจจะเก็ท สะเทือน เก๊าะด้ายยยย 55555
 
 

โดย: ไม่ประสงค์จะออกนาม ( ต่ประสงค์จะแพล่มมมมมม ) IP: 222.123.173.45 วันที่: 16 กรกฎาคม 2553 เวลา:0:20:40 น.  

 
 
 
อ่ะ เอา ฟอร์เวิร์ดเมล์ที่เคยส่งมาให้เจ้อ่านเล่น ๆ
แบ่บว่า ไม่มี อีแมวเจ้นิ เรย โพสให้อ่านในนี้ แร้วกัน
จะได้ อัพเดต ข่าวคราว ของว่าที่ลูกสะใภ้
ตามประสาแควนขับที่ดี งิงิ





รูปถ่ายเจ้าแม่ฮาเร็ม กับ ผู้ชายคนล่าสุดดดดดดดด ณ ทุ่งดอกกระเจี๊ยว เอ๊ย กระเจียวววววว
Wednesday, July 7, 2010 12:05 PM
From: "B. SONJ"

เรียน พ่อแม่พี่น้องทู๊กทั่น
ตอนนี้ประชุม อยู่ที่ โรงบาล
อาจาน สอนไวมาก ๆๆๆๆๆ ไม่ค่อยลู้เรื่อง ( ตามไม่ทันง่ะ )
เลยใช้วิธี อันไหนลู้เลื่องตูก็ฟัง
อันไหนไม่ลู้เรื่อง ตามไม่ทันตูก็ผ่าน
ยิ่งถ้าเป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับห้องยา ยิ่งดูผ่าน
พอกล้อมแกล้มไปได้ ไม่ยากอะไร งิงิ

เท่าที่ฟัง ในส่วนของห้องยาแทบจะไม่เปลี่ยนแปลงเลย
คล้ายของเดิมมากกกกกก แต่ พวกรายละเอียดอื่น ๆ
ห้องยาจะสามารถดูข้อมูลได้มากกว่าเดิม
เช่น รูป อาการ แลป แพ้ยา ข้อมูลยา ฯลฯ
และสามารถส่งต่อข้อมูลกับจุดต่าง ๆ ใน เรื่องช็อตโน้ตชัดเจนขึ้น

โดยรวม ระบบนี้ ดีสำหรับคนไข้ แพทย์
จุดที่ต้องประมวลผลข้อมูล และห้องยา
แต่จะเพิ่มภาระงานให้กับจุดอื่น
ที่ต้องลงข้อมูลต่าง ๆ ( ต้องลงข้อมูลมากขึ้นซับซ้อนขึ้น )


เอาล่ะ จบการรายงานข่าวเรื่องการประชุม Hos XP
ต่อไปนี้คือการบ่น ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

รีสอร์ทที่พักก็อยู่ห่างไกลความเจริญ มากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
แมง เยอะ ขี้จิ้งจกตรึม
อาหารเช้าก็พอกินกันตายได้
ดีอยู่อย่างเดียวคือ บรรยากาศท่ามกลางป่าเขา
เงียบสงบดี เหมาะกับการปฏิบัติเป็นอย่างยิ่ง


ตอนเย็นยังถือศีล 6 ( งดอาหารเย็นต่อเนื่อง)
เลิกประชุม ก็กลับมาซุกหัวอยู่ในห้อง
ไม่มี อะไรทำ อาบน้ำเสร็จก็นั่งมาธิโลดดดดด
แล้วเก๊าะนอนสมาธิต่อ
เนี่ย นั่งมาธิมาราธอน ได้ตั้ง 1ชม.ครึ่ง แหนะ
ไอ้แสงวูบวาบประมาณโอภาส โอแภส ไม่ค่อยเจอแระ
(แต่มี จิ้งจก ร้องทัก เป็นพัก ๆ )


ยังมีผงะ ผงก หงายเงิบ เป็นระยะ
แถมบางทีลมหายใจมันสูดเฮือกกกกกกเข้าปอดนานมาก ๆ
แล้วก็มีอาการ กระตุก เพิ่มขึ้นมาอีกสเตป
ส่วนเวลา ที่จิตมันรวม ดิ่งวูบ
สติมันก็ไวพอที่จะจับและตามฟามรู้สึกนั้นได้
ตั้งแต่จุดที่เริ่มเกิด (สมู๊ทมากขึ้นตามลำดับ)
โดยที่จิตมันไม่กระเจิง ติด ๆ ขัด ๆ แบบเมื่อก่อนแระ
เปลี่ยนจากความรู้สึกแบบโดดร่มสไตล์ดิ่งพสุธา
มาเป็นฟามลู้สึกแบบนกที่กำลังบินถลาลงจากหน้าผาง่ะ
แต่ก็ยังฟุ้งซ่านอยู่ดี คงต้องฝึกฝนอีกนานนนนนนนแหะ ๆ



เอาล่ะบ่นเรื่องที่พัก และ การ ปฏิบัติจบแร้ววว
บ่นเรื่องอาหารการกินต่อ
อาหารเบรค ไม่ถูกใจเล๊ยยยยยยย
( ไม่หนมสอดไส้ ก็ หนมตาล 2 ชิ้น )
มีแมงวันบินมาทำรีวิวประกอบเพลงด้วย


วันนี้เบรคเป็น แก้วมังกร คนละ ชิ้น กับน้ำตะไคร้
อร่อยซะจน คนจัดเบรคต้องเข้ามาขอร้อง
ให้ช่วยไปหยิบมากินกันหน่อย
ส่วน อาหารเที่ยง มีส้มตำยืนพื้นทุกมื้อ
ส่วนที่เหลือก็ หนมจีนแกงกะทิ ( เห็นแร้ว ม่ะปลื้มเอาซะเรยยยยย )
ห้องน้ำที่ประชุม ก็น้อย แถม ไม่ค่อยสะอาด
คิดถึง เบรคอร่อย ๆ และ ส้วมสะอาด ที่โรงบาลตัวเอง จังเยยยยยย T 0 T



จาก เภสัชกรสาวสวยที่สุด ณ OPD ( เพราะมีอยู่คนเดียววว 555 )

ปล.

อ่ะ ส่งรูปถ่ายของเจ้าแม่ฮาเร็ม กับ ผู้ชายคนล่าสุดมาให้ดูต่างหน้าจร้าาาาาา

ตอนแรกว่าจะโพสท่าให้มันโจ่งครึ่มกว่านี้แระ
แต่กัวติดเรทอ่ะ เด๋วศีล ถลอก
ที่สำคัญกัว พี่ อ. ( นามสมมุติ ) จะเสื่อมเสียชื่อเสียง
เด๋วศรีภรรยาเฮียแกจะมิให้เข้าบ้านนนนนนน งิงิ


อ้อเด็ก ๆ ในฮาเร็มของพี่ เห็นแล้ว
อย่าน้อยอกน้อยใจไปเรยน้าาาาา
พี่ร้ากกกกกก น้อง ๆ ทู๊กกกกกคน
อย่างเท่าเทียมกัน(ตามระบอบประชาธิปไตย )จร้าาาาา เหอ ...เหอ...


Fw: Fwd: FW: Brain Damaging Habits. มีพากย์ไทย
Monday, July 12, 2010 7:31 PM



ถึงทุ๊กทั่นนนน

//www.prakard.com/Default.aspx?g=posts&t=243321

เอามาฝากจร้าาาา
อ่านแร้วลู้สึกว่ามีประโยชน์ดี
เรยเอามาแบ่งปันง่ะ
อ้อ ขออภัย ถ้าใครเคยได้รับ ฟอร์เวิร์ดเมล์ ฉบับนี้แร้ววว
แบ่บว่า ขี้เกียจคลิ๊กเลือกอีเมล์ที่จะส่งอ่ะ
เรยเลือก ส่งให้วบ้านแบบเหมายกโหลลลลลลล แหะ ๆ


ปอลิง

ส่วนลิ้งค์ข้างล่างนี้เอามาฝากทั่นชาย ต. ( นามสมมุติ )
เพราะ ไหน ๆ ชาย ต. ก็ (อุส่าห์ ) จับพลัดจับผลู
ได้บังเอิญไปอ่านหนังสือ
ที่พี่ซื้อยกโหลหอบเอาไปบริจาคห้องสมุด
( ไอสไตน์พบ พระพุทธเจ้าเห็น ) แระ
แสดงว่าพวกเรามีกรรมต่อกัน งิงิ




อ่ะ ชาย ต. ลองเปิดดูนะ
เผื่อว่า ดูแร้วจะนึกครึ้ม เลิกดูซีรี่ย์เกาหลี
แร้วหันมาหันมา ถือศีล กินมัง
เดืนจงกรมรอบโรงบาล เป็นเพื่อนพี่ เหอ ๆ




แหม่มสุริวิภา สัมภาษณ์คนเขียน ไอสไตน์พบ พระพุทธเจ้าเห็น

//www.manytv.com/search.php?q=%CA%C1+%CA%D8%A8%D4%C3%D2


อ้อ ขอโต๊ดดดด ที่ ส่งเมล์ แบบสหวิชาชีพ
พี่ขี้เกียจส่งหลายเมล์รอบว่ะ
จะรีบไปเดินจงกรมรอบโรงบาล (ทุ่มครึ่ง แระ )
ไอ้ครั้นจะไม่ส่ง ก็กระไรอยู่
รับปากไปแร้ว เด๋วศีล ข้อ 4 จะถลอกกกก เอิ๊ก ๆ


บ๊าย บายยยยย จร้าาาา


จากเภสัชฉาว ที่สวยที่ซู๊ดดดด ณ จุด OPD งิงิ


***********************
หมายเหตุ
ข้อฟามใน ฟอร์เวิร์ดมัน ย้าวยาววววว
เรย เสิร์ช จากอากู๋มาแปะ ให้อ่านแทนนะเจ้าคะ อิอิ


.
 
 

โดย: ไม่ประสงค์จะออกนาม ( แต่ประสงค์จะแพล่มมมมมม ) IP: 222.123.173.45 วันที่: 16 กรกฎาคม 2553 เวลา:0:21:41 น.  

 
 
 
ถึง ไอ้นู๋ผ้าขาวม้าแมน
ไงหายเหนื่อยยังอ่ะ ถ้ายังม่ะหายเหนื่อย
ป้าแนะนำให้ไปหา ไวอะกร้า เอ๊ย วิตามิน
ไม่ก็ กระทิงแดงมาโด๊ป สัก 1 ลังอ่ะ
จะได้สดชื่นนนนนนน กระปรี้กระเปร่า งิงิ





ถึง แง่บศักดิ์หลานร้ากกกกกกกก ( อะแค้ก ...อะแค้ก...)

นี่ๆ คุณหลานจ๋าาาาาาาาาา
ป้าไปอ่านเจอกาทู้


น้ำปานะ....ข้อควรรู้สำหรับผู้ถืออุโบสถศีล

//www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y9472168/Y9472168.html


แร้วเกิดอาการคันปากจี๊ด ๆ
เรยคิดถุง คุงหลานอีกแระ ง่ะ
ว้า ม่ะชักแม่น้ำทั้ง 5 ดีกั่ว
เอาเป็นว่า ขอประทับร่างทรง เอาโพสไปแปะ
หน่อยสิจ๊ะทูนหัววววว แหะ ๆ


อืม....โบราณว่า หลานชายที่กตัญญู
เสนอตัว ยอมให้พวกป้า ๆหลอกใช้ เอ๊ย ใช้สอย
แล คอยช่วยเหลือปรนนิบัติ
เป็นมือเป็นไม้ให้พวกป้า ๆ ผู้แก่ชราบ่อย ๆเนี่ย
มักได้อานิสงค์แรงนะจ๊ะ คุงหลานจ๋าาาา งิงิ


ไงก็ฝากข้อฟามข้างล่าง ไปโพสให้หน่อยเน๊าะ
เพราะป๋าวรพจน์ ยังม่ยอมคืนอมยิ้มให้ป้าเรยว่ะ
( สงสัยจะโดนขังลืมมมม ว่ะ เหอ ๆ )

************************************

เรียน จขกท. ที่เคารพ







อืม....เห็นกาทู้น้ำปานะฯ ของคุณแร้ว
คันปากยิก ๆ แฮะ....เรยปะเหลาะให้ไอ้เจ้าหลานชายนอกไส้
มันมาโพสตัวหนังสือเป็นร่างทรงให้




อ้าง
------------------------------------
ตอนนี้ที่ผมยังสงสัยอยู่ก็คือ กาแฟ ครับ แต่ถ้าพิจารณาเป็นเภสัช น่าจะได้
เพราะคาเฟอีน หากบริโภคในปริมาณที่ไม่มาก น่าจะเป็นยาได้ครับ
+++++++++++++++++++++

ถ้าจะ เลี่ยงบาลี เอ๊ย พิณาเป็นเภสัช
มันก็ไม่ยากส์ หร็อก จร้า
จะเมล็ดกาแฟ หรือ ใบกัญชา
มันก็มีฤทธิ์ทางยาทั้งนั้นนิ
หมอ ชีวกฯ ทั่นเคยว่าไว้นิ เอิ๊ก ๆ
ถ้าจะโด๊ปกาแฟ เป็นน้ำปานะ ตอนเย็น
ก็ถามตัวเองก่อนดิ ว่า ดื่มเพราะ สนองฟามหิวหิว
หรือว่า ดื่ม เพื่อ สนอง ตัณหา ( ฟามอยาก )

ของงี้ ใครทำใครได้
กมฺมุนา วตฺตตี โลโก กุ๊ก ๆ อ่ะ
อิฉันมันไม่มีเจโตฯ ซะด้วย บอกไม่ได้หร็อกว่า
ศีลข้อ6 ของใคร ถลอก ไม่ถลอก ตกท่อ ไม่ตกท่อ อิอิ




และในฐานะที่ คุณเคยให้กิ๊บ อิฉัน
ในกาทู้ "หลายปี กับศีล ข้อ 5 " ของคุณ kengjangds
แสดงว่า เราเคย มีกรรม ต่อกัน (ในฐานะแฟนคลับอิฉัน งิงิ)
ดังนั้น คุณบัวผ่องจะสมนาคุณ
ด้วยการเขียนราวละมุนละไม
เรื่องเกี่ยวกับ



น้ำปานะ....ข้อควรรู้สำหรับผู้ถืออุโบสถศีล
ที่ไม่อยากย่ำต๊อก อยู่แค่ ระดับ ธรรมมานุบาล


มาให้อ่านแระกาน เหอ ๆ


อืม...จะบอกว่าในฐานะที่
อิฉันแร่ดไปถือ ศีล6
( ศีล 5 + งด กินข้าวเย็น แต่ขี้เกียจถือครบ 8 )
เป็นงานอดิเรกมาเกือบปี (แบบได้มั่งไม่ได้มั่ง )
เวลาเห็นคนโพสเรื่อง น้ำปานะ ทีไร
มันอดที่จะคันคะเยอ มิได้ เรย วุ้ย งิงิ


ยิ่งเจอคำถามประมาณ

นู๋จะถือศีล 8 ค่า ว่าแต่ว่านู๋พอจะหาซด น้ำปานะ อะไร
แก้เฉาปากได้บ้างหว่า ?

หรือ ไม่ก็

สมาทานศีล 8 อย่างไรไม่ให้มะโหหิว
พร้อมแนะนำสูตรตำรับ จตุมธุ แบบชิล ๆ
ไว้ให้กักตุนควักมากินเป็นเสบียงไว้เลี้ยงตัว
ยามฟามหิวเข้ามานัวเนียอ่ะนะ


แหม๊ อ่านกาทู้แนวนี้ทีไร
ก็ได้แต่ปลง ๆ ขำ ๆ
กับฟามไร้เดียงสา ของ เหล่า พุทธมามกะจ๋า เจง ๆ วุ้ย
อ้อ แร้วก็ สงสัยตะหงิด ๆ ด้วยง่ะ
ว่า ทำไม๊ สาวกสมณะโคดม
ถึงนิยม เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว เวลาถือศีลอุโบสถ
แต่ไม่ยักหัดฝึกฟามอดทน
เพื่อ เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงใจ กันบ้างเรยหว่า ?
น่าแปลกใจเจง ๆ เยยยยย



อืม....จิง ๆ เรื่องน้ำปานะ ที่คุณเอามาโพสในกาทู้เนี่ย
มันก็ เข้าท่า และ เป็น เรื่องที่ ควรรู้
สำหรับพวกเด็ก ๆ ระดับธรรมมานุบาลที่ยังอ่อนหัดอ่ะนะ
แต่ถ้าจะ อัพเกรด จากความเป็นคน สู่ ความเป็น มนุษย์
แน่ใจเหรอ ว่า การถือศีลแค่ระดับจิบน้ำปานะ
แทนมื้อดินเนอร์ เนี่ย มันเพียงพอแล้ว ?



เฮ้อออ ดังตฤณกล่าวไว้ ว่า
จะทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนา
ก็ต้องรู้ตัวว่าทำเพื่อการปลดแอกตนเอง
เพื่อความเป็นอิสระ เพื่อความหลุดพ้น
เพื่อความดับสนิทแห่งทุกข์หรืออนุปาทาปรินิพพาน


ไม่ใช่เพียงแค่ทำทานตามๆเขา
รักษาศีลตามๆเขา
เจริญภาวนาตามๆเขา


ถ้าทุกทั่น เชื่ออย่างสุดหัวใจ
ว่า ทั่น มิได้ ถือศีลตาม ๆ เขา
งั้น อิฉัน ขอถามเอาเรื่อง หน่อยดิ๊


สมณะโคดม บัญญัติ ศีล ข้อ 6
มา ให้เหล่าสาวก ถือไว้ทำติ้ง เอ๊ย ถือไว้เพื่อจุดประสงค์อันใด
สมณะโคดม อนุโลมให้สาวก ซด เอ๊ย จิบ น้ำปานะ เพราะเหตุใด
แร้วเวลา ถือศีล อุโบสถ ที่ ซดน้ำปานะกันจ๊วบส์ ๆ เนี่ย
เคยย้อนกลับมาถามตัวเองบ้างไหม
ว่า ที่กลืนลงคอไป นั้น
มันเป็นไปเพื่อ บรรเทาฟามอยาก
หรือเพื่อ ใช้เป็น ปัจจัย 4 ประทังชีวี ?



โถ ๆ เจง ๆ บัวเหล่าที่ 5 อย่างอิฉัน
ก็ยังแบกศีลข้อ 6 ไว้ไม่มั่นคงเท่าไรอ่ะนะ
ถลอก บ๊อย บ่อยยยยยย
เพราะอิฉัน ยึดคติ ถ้าหิว กรูก็กิน
แต่ถ้า อยาก กรูไม่กิน ! อ่ะ


แหม ๆ ของงี้มันต้อง มัชฌิมาปฏิปทา ง่ะ
ก็อิช้าน กัว hypoglycemia จะถามหา นิคร้าาาา
ถ้าหิวแร้วทะลึ่งไม่กิน เด๋วน้ำตาลไปเลี้ยงสมองไม่พอ
ปัญญาเก๊าะอ่อน กันพอดี เหอ ๆ


อืม...ปกติถือศีล 6 แบบ ปรับเวลาตามสะดวกนะ
วันไหน คนไข้เยอะ จ่ายยาเสร็จช้า
ก็อนุโลมให้สวาปามได้ถึง ประมาณ บ่าย 2
แต่พยามกินให้เสร็จก่อนบ่าย 1 เพื่อสร้างวินัย
และ เพื่อสุขภาพที่ดี ตามหลัก ไบโอคล็อก
( ทว่า ถ้าทำไม่ได้ก็หยวน ๆ แหะ )


ที่สำคัญ คือ เมื่อเสร็จจากมื้อ เที่ยง
อิฉันกระเดือกแต่น้ำเปล่านะ
ต่อให้เป็น น้ำปานะ ก็ไม่ดื่ม
เพราะ จะดื่มทีไรมันลู้สึกตะขิดตะขวงมั้ง
ประมาณว่า นี่ตรูดื่มเพราะ หิว
หรือ ว่า ดื่ม เพราะ ตะกละ เอ๊ย เพราะ ฟาม อยากกันแน่ ?
พอหาข้อแก้ตัวที่ชอบธรรมให้ตนเองมิได้ เก๊าะเรยดื่มไม่ลง


ดังนั้น ถ้าตัดสินใจจะถืออุโบสถศีล(แบบไม่ตามก้นชาวบ้าน )
แทนที่จะ มัววิตกจริต คิดสารพัด
ว่า โน่นขม้ำได้ไหม นี่เขมือบได้ปล่าว ?
ลองใช้วิธีนี้ดีป่ะ


ก่อนจะกระเดือกอะไรลงคอ
ถามตัวเองก่อนจิ ว่า
กินเพราะฟามหิว
หรือเชมือบเพราะฟามอยาก ?


ไอ้เรื่องน้ำปานะ อ่ะนะ
อิฉันว่า สมณะโคดม อนุโลมให้
สำหรับพวกกระหม่อมบาง เอ๊ย อินทรีย์อ่อน
ตอนเริ่มเรียนชั้น ธรรมมานุบาล มากกว่ามั้ง
เพราะขืนไม่บันยะบันยัง
ให้ฝึกแบบฮาร์ดคอร์ ทรมาณมาก ๆ
เหล่าสาวกผู้บอบบางจะเป็นลมเป็นแล้งซะเปล่า ๆ เหอ ๆ


แต่ถ้าเธอว์กระโหลกแข็งโป๊กเมื่อไร
ก็คงจะต้องอัพตัวเอง ขึ้นมาได้แร้ววววว
ขืนมัวไป นั่งตาแป๋ว กระดิกตรีนซดน้ำปานะ อยู่ทุกบ่อย
โดยอ้างพุทธบัญญัติ เป็นสรณะงี้ เก๊าะคงจะกร่อย ๆ พิลึก เน๊อะ งิงิ



********************************************
 
 

โดย: ไม่ประสงค์จะออกนาม ( แต่ประสงค์จะแพล่มมมมมม ) IP: 222.123.173.45 วันที่: 16 กรกฎาคม 2553 เวลา:0:23:03 น.  

 
 
 
เอาล่ะ ไหน ๆ ก็เม้าส์
จนน้ำลายแตกฟองในกาทู้ชาวบ้าน แระ
แวะมาเม้าส์ ในกาทู้ ของ ไอ้หลานชายนอกไส้ มั่งดีฝ่า
เด๋ว มันจะน้อยใจหาว่า ป้ามันลำเอียง
แจมแต่กาทู้หนุ่ม ๆ ม่ะช่วยมันทำมาหากินมั่งเรย งิงิ
อ่ะ ไงก็ฝากไปโพส ให้ นู๋ยิ้ม แฟนคลับของป้า อ่านหน่อยเนอะ
ไหน ๆ อีนู๋มันก็ จุดธูปเรียกป้า ในกาทู้ แระ เหอ ๆ



พระโดนผู้หญิงอาบัต... แล้วถ้าโดนเพศที่สามละ
//www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y9443555/Y9443555.html#2
---------------------------------


อันนี้ ป้าขอตอบแบบโลก ๆ ตามประสาโลกียชน
เพราะขี้เกียจไปค้นพระไตรปิฎก อ่ะนะ ว่า
มันจะ อาบัติ ไม่อาบัติ ต้องดูที่ เจตนา
เหมือน เวลาที่อัลเลาะห์ พิณาตัดสิน
เรื่อง มุสลิมใช้น้ำมันดิบที่เกิดจาก
การหมักซากหมูยุคจูราสิก มั้ง งิงิ


อิทัปปัจจัยตา สิ่งนู้นมี สิ่งนี้จึงมื
ก่อนอื่น จึงต้อง วิเคราะห์ถึงรากเหง้า
และเหตุปัจจัย ที่ เกิดการบัญญัติพระวินัยข้อนี้ก่อน
สัณนิษฐานว่า สมณะโคดม คงอยากปกป้องลูกแกะของพระองค์
จากพิษสงของมาตุคาม กระมัง
แหม ๆ ก้อ จับงู น่ะ ไม่อาบัติ นิ
แต่จับมาตุคาม เนี่ยเป็นเรื่อง ( เด๋วไฟช๊อต เอิ๊ก ๆ )
สมณะโคดมคงกัวไฟช๊อต พระสงฆ์สาวก น่ะ 5555




อืม....จากฟามลู้สมัยมัธยม
เมื่อสายไฟ 2 เส้น บังเอิญมาแตะกัน
ถ้ามีกระแสไฟสูงมากพอ ก็มีฟามร้อนเกิดขึ้น
สุดท้ายไฟราคะก็ลุกพรึ่บพรั่บ เกิดไฟช๊อตได้ไม่ยากส์
แต่ถ้าหากมีระบบป้องกันที่ดี เช่น ฟิวส์ เบรกเกอร์
ก็จะช่วย ตัดก่อนตาย
เตือนก่อนวายวอด ได้ เมื่อกระแสเกิน
ในส่วนของวินัยสงค์ในข้อนี้
จึงเหมือน ฟิวส์ กับ เบรกเกอร์
หรือ ฉนวน มั้ง




ดังนั้น ต่อข้อถาม ของคุงหลานที่ว่า
ถ้า เนื้อหนังของพระ ไปสัมผัสกับ สรีระของ เพศที่ 3
จะอาบัติไม่อาบัติ ปุถุชนอย่างป้าคงต้องพิณาว่า
เกิด short cicuit ( กำหนัด ) อ๊ะปล่าว อ่ะ อิอิ


แต่ก็อย่าลืมด้วยว่า
สมการคำนวณค่าพวกนี้ ทางไฟฟ้า
มันมีหลายตัวแปรนิ
ขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัยมากมายก่ายกอง
ทั้งคุณสมบัติของ สายไฟ ฟิวส์ ฉนวน
และ สิ่งที่มาสัมผัส ฯลฯ
ดังนั้นคงต้อง พิณา เป็น ราย ๆ ไป



อาทิ

ระหว่าง
เอ็งไปโดนตัวพระ
ป้านู๋บี ไปโดน ตัวพระ
ป๋าต๊อบ (ปริญญา) ไปโดนตัวพระ
กะ น้องปอย ไปโดนตัวพระ
หรือ อ. ยิ่งศักดิ์ ไปโดนตัวพระ
ระดับฟามต่างศักดิ์ ณ จุด สัมผัส ของแต่ละคน
ก็ต่างกันแระ มองด้วยสายตาแบบโลก ๆ
เอ็ง คิดว่า แบบไหน ไฟจะช็อตหลวงพี่
ได้รุนแรงกว่ากันล่ะ เหอ ๆ




ว้า ตูม่ะแพล่มสอน ไอ้เข้ ว่ายน้ำดีฝ่าว่ะ
บังเอิญเภสัชกรสาวสวยอย่างป้า
ถนัดแต่เรื่องทำยาคุมจร้า
ม่ะค่อยถนัดเรื่องทำไฟช๊อต งิงิ
เอาเป็นว่า ถ้าจะให้ชัวร์
เวลา เนื้อพระ สัมผัส เนื้อใคร
แนะนำให้เอ็ง แบก โวลต์มิเตอร์
ไปเชคหาค่า ฟามต่างศักดิ์ ดู ก็แร้วกาน
จะได้ลู้ว่า ไฟมันจะมีโอกาสช๊อต-ไม่ช๊อต
อาบัติ -ไม่อาบัติ


แต่ป้าว่า นะ อย่าไปใส่ใจเรื่องของชาวบ้านเรยว่ะ
ชั่วช่างชีดีช่างสงฆ์ อ่ะ
สนใจเฉพาะเรื่องของตัวเอง ดีกว่าว่ะ
ที่สำคัญถ้าหาเรื่องเล่นกับไฟ แร้ว
ก็อย่าเผลอให้ไฟมันช๊อต
จนชักแหง่ก ๆ ตายหยังเขียด คาปลักโคลน
ก็แระกัน แง่บ ๆ


ปอลิง

ถึงคุณ นู๋ยิ้ม
ขออำภัย ที่คราวนี้ พี่บีเบอร์ 5
ฝอยได้ ไม่ ฮา เท่าที่ควร
คือว่า ช่วงนี้ เจ้ หมดมุข ง่ะ
บิ้ว อารมณ์ไม่ขึ้น
เรยแปลงร่างเป็นไก่โก่งคอขันเอกอี้เอ่กเอ๊ก ไห้ผู้ใดฟังมิได้


แต่ถ้า อีนู๋ ใจดี ยก พี่ชายของนู๋ให้เจ้
ไม่แน่ เจ้อาจจะเกิดไฟช๊อต เอ๊ย เกิดแรงบันดาลใจ
ในการผลิตมุขใหม่ ๆ ก็เป็นได้
โอเค ป่ะ ? ป้าชอบผู้ชาย ตาหวานนนนนนน แผล่บ ๆ



.
.


 
 

โดย: ไม่ประสงค์จะออกนาม ( แต่ประสงค์จะแพล่มมมมมม ) IP: 222.123.173.45 วันที่: 16 กรกฎาคม 2553 เวลา:0:24:18 น.  

 
 
 
เหอๆ...

อ่านคำตอบของนู๋บีเบอร์5 แระ ชอบไปโม๊ดดด
โดนเสน่ห์ยาแฝด รึป่าว วะ ตรู อ่านไปยิ้มไปยังกะ อิบร้า เหอๆ

เห็นด้วยกะนู๋บัวเบอร์5 ทุกประตูเรยจ้ะ
ยกเว้นเรื่องสอนป๋าโจ แหะๆ
ขาใหญ่เขาต้อง เรียนรู้ ลองผิดลองถูก เอง ว่ะค่ะ
อิปลาไหลมันรู้งาน มันปิดปากเงียบกริ๊บบบบ 555
รอแต่ถีบขาใหญ่ตกสวรรค์ ง่ะ งานถนัด 555
แม่กะลูกปลาไหล งี้นะ สามัคคีช่วยถีบเป็นปี่เป็นขลุ่ยเยย555

งานของอิปลาไหล เท่าที่สังเกตนะ
มันชอบจะทำให้ป๋าโจหมดกำลังใจ หมดอาลัยตายอยากในชีวิต
จนไม่อยากอยู่ในโลกนี้เลยแหละ ป๋าโจเขาเล่ามาอีกทีนะ
เขาประทับใจวีรกรรมมากกกกก ว่ะค่ะ เอิ๊กๆ
ที่ทำสำเร็จไปครั้งแรก แกงอล ก็เลยนอนไม่ลุก ไป3 วัน
ไม่มีแรงจะใช้ชีวิต555 แกบอกว่า ตอนหมดอาลัยไม่อยาก
มีชีวิตอยู่ก็ได้เห็นแสงสว่างมารับ จะพาไปไหนก็ไม่รู้ พอจะก้าว
ข้ามไป ดันเปลี่ยนใจเพราะคิดได้ว่า อิปลาไหลมันต้องมีซะมี
ใหม่ แน่ๆเลย แกก็เลยกลับมาซะงั้น ฮ่วย...แม๊ถ้าเป็น
อิปลาไหลนะ คงถลาลื่นปึ๊ดมุดเข้าไปไม่เหลียวหลัง แน่ๆ555
(อันนี้ป๋าโจก็คิดเหมือนอิปลาไหล555) แต่ว่าพอหลังจาก
ครั้งนั้นแล้วเขาก็เล่าว่าได้เจอปาฏิหาริย์สัมผัสนิมิตภาพพระ
ที่มีแสงสีเหลือง1องค์ กับพระที่มีแสงสีขาวอีก1องค์ แล้วจิต
เขาก็เหมือนจะมีจิตใหม่เพิ่มขึ้นมา เหมือนกับว่าไปก๊อปปี้จิต
พระมาไว้ที่ตัว แล้วเห็นภาพพระพุทธติดตัวตลอดเวลา ทำให้
ไม่กล้าทำความชั่วความเลว เพราะละอายพระ ซะงั้น อิอิ
ก็เลยศรัทธาในพระพุทธเจ้าแล้วเริ่มรักษาศีล5 ศึกษาธรรม
ฟังธรรม ฟังสวดมนต์มาเรื่อยๆ จนมาเกิดหมดอาลัย
ตายอยากในชีวิตรอบ2 (อันนี้ไม่เกี่ยวกับอิปลาไหลนะ อิอิ) ก็
ได้นิมิตเห็น ลต.ฤ มาสอนมาพาไปเที่ยว ส่วนครั้งที่3 นี่ล่าสุด
บอกว่ากำลังจะเข้าด้ายเข้าเข็ม ดันมีลูกค้ามากวน เหอๆ เลย
อด เยย วันพระคงมีหลายหนแหละ 555 วันนี้ไม่ได้ เด๋ววัน
หน้าก็มีมาเอง ของป๋าโจ เขาต้องให้พระสอน อิปลาไหลสอน
ไม่ได้หรอก แต่เรื่องทำให้หมดกำลังใจเนี่ย อะ งานถนัด 555

อีกอย่าง ป๋าโจ เข้ามุ่งฌาณสมาบัติ อภิญญามหาศาล
ส่วนอิปลาไหล มันจะมุ่งนิพพานท่าเดียว คุยกันไม่ค่อยรู้เรื่อง ว่ะค่ะ


 
 

โดย: อิปลาไหล แถมาช่วยแพล่มๆ อิอิ IP: 124.120.155.132 วันที่: 16 กรกฎาคม 2553 เวลา:12:28:16 น.  

 
 
 
^
^
หม่ามี๊ ขราาา ^ 0 ^
เด๋ว พรุ่งนี้ มาฝอยโตยเน้ออออออ
แต่ตอนนี้ หกโมงกว่าแระ
ขอ นุยาด ไปช้อปปิ้งก่อนอ่ะ
วันนี้ มีตลาดนัดวันศุกร์ ซะด้วย


จะได้ไปกักตุนเสบียงไว้หม่ำ
และฝึกฝนทดสอบฟามเข้มแข็งของจิตใจ
ให้ศีลข้อ 6 มันแกร่ง ขึ้นด้วย ด้วย
( ช่วงนี้ อิฉันหาเรื่องอู้บ๊อย บ่อย ไม่ค่อยได้ปฏิบัติเล๊ยย )


ปอลิง

บ๊ายบายคร้าาาา
แล้วจาซื้อ ปลาไหลต้มเปรต
มาเซ่น เอ๊ย มากำนัล ป๋าโจนะคร้าาา
( เมนูโปรด ของพ่อปั๋วนู๋ ชิมิ ? งิงิ )

.
 
 

โดย: ไม่ประสงค์จะออกนาม ( แต่ประสงค์จะเป็นสะใภ้ป๋าโจ อ๊ะจึ๋ยยยยย !) IP: 222.123.173.45 วันที่: 16 กรกฎาคม 2553 เวลา:18:22:13 น.  

 
 
 
อะโหลลลลลลลลลลล

มาแร้วคร้าาาาาา หม่ามี๊ขราาาาาาาาา
อืม... ขอแก้ตัว เอ๊ย แก้ต่าง ให้ตัวเองหน่อยน๊ะเคอะ
นู๋บี ม่ะเค๊ย ไม่เคย ใช้เสน่หายาแฝดกับผู้ใดเรยเน้อ
( นู๋บีถนัดแต่ใช้ยาเบื่อ ก๊ะ สารหนู นะเธอว์ เหอ ๆๆๆ)



อิอิ ไอ้ข้อหาเป็นแรดทรงเครื่อง
ปลอมตัวมาโปรยเสน่ห์ ใส่ชาวบ้านเนี่ย
โดนคน ครหามาตะแต่สมัยเพ่นพ่านที่ ลานธรรม แระ
นี่แหล่ะ วิบากกรรม ของสาวทรงเสน่ห์ เฮ้อออออ



นี่ ๆ พูดแร้วจะหาว่าคุย สมัยเมื่อสิบปีก่อน
เคยมีไอ้หนุ่มโดนเสน่หายาเบื่อ
จนแต่งกลอนส่งมาให้ทางเมล์ด้วยน้าาา
หม่ามี๊อยากอ่านไหมคร้าาาาา
ถ้าไม่อยากอ่านก็ไม่เป็นไร
แต่นู๋บีอยากอวด ง่ะ


หูยยยนาน ๆ ทีจะมีไอ้หนุ่มเขียนกลอนให้

มันรจนาไว้งี้อ่ะ

----------------------------------

เจ้ายั่วแย้มรอยยิ้มที่ริมแก้ม
สีม่วงแซมกลีบประดับกับเรือนผม
ทิ้งชม้ายชายมาเจ้าตาคม
พี่สุดข่มใจคิดด้วยติดตรึง


เพียงแค่รอยยิ้มยั่วก็มัวเมา
ร รอยยิ้มเจ้าเจือพิษให้คิดถึง
ดอกสวาทสีม่วงมัดเข้ารัดรึง
ใจคำนึงสเน่หาสุดอาวรณ์


ดอกไม้งามหนามไหน่นั้นร้ายกาจ
ใครจะคาดพิษร้ายปลายเกสร
ยิ้มที่ยวนยั่วใจให้ขาดรอน
อาจเร้นซ่อนคมคอยเชือดอย่างเลือดเย็น

++++++++++++++++++++++++++

เจ้ว่า อักขรในบทกวี นี้ พรรณนาชมโฉมนู๋บี
ได้ ...คู่ควร ก๊ะ เสน่ห์...ของนู๋ไหมคร้าาาา งิงิ







-----------------------------


เห็นด้วยกะนู๋บัวเบอร์5 ทุกประตูเรยจ้ะ
ยกเว้นเรื่องสอนป๋าโจ แหะๆ
ขาใหญ่เขาต้อง เรียนรู้ ลองผิดลองถูก เอง ว่ะค่ะ
อิปลาไหลมันรู้งาน มันปิดปากเงียบกริ๊บบบบ 555
รอแต่ถีบขาใหญ่ตกสวรรค์ ง่ะ งานถนัด 555
แม่กะลูกปลาไหล งี้นะ สามัคคีช่วยถีบเป็นปี่เป็นขลุ่ยเยย555

อีกอย่าง ป๋าโจ เข้ามุ่งฌาณสมาบัติ อภิญญามหาศาล
ส่วนอิปลาไหล มันจะมุ่งนิพพานท่าเดียว คุยกันไม่ค่อยรู้เรื่อง ว่ะค่ะ
++++++++++++++++++++++++++++++

เหอ ๆ ฟังเรื่อง ปฏิปทา ของอิปลาไหล ก๊ะ ทั่นใบข่อยแร้วววว
ลู้สึกว่า แตกต่างกัน ราว ฟ้า กับเหว เรยเน๊าะ
นึกถึง พระโมคคัลลานะและพระสารีบุตร จังเรยอ่ะ ทำไม๊ ก็ไม่รู้
นี่ ๆ ว่าง ๆ เจ้ลองหาประวัติ พระนันทะ
ที่บวชเพราะอยากได้นางฟ้านางสวรรค์เป็นเมีย
มาให้ ป๋าโจอ่านดูดิ เผื่อป๋าแกจะได้สติ
เก็ทสะเทือน เลื่อนลั่นแร้วเจริญรอย
ตามพระนันทะมั่ง ( ท่านเจ๋งดีนะเจ้ )
ว่าแต่ เรื่องสอนป๋าโจเนี่ย
อิปลาไหล ช่าง ลู้หลบเป็นปีก รู้หลีกเป็นหาง
ได้เก่งเจง ๆ งิงิ



อืม....สำหรับอิฉันก็ปฏิบัติแบบตามมีตามเกิด
ตามอารมณ์ และ ทรงผม ง่ะ งิงิ
ไม่ได้ตั้งเป้าจะเอาสวรรค์ หรือ เอานิพพาน หรอกนะเจ้
เวลาเห็นชาวบ้านพูดถึงนิพพาน
ลู้สึกว่า มันดู เหมือน สาวไฮโซไฮซ้อ
ดูหะหรูหะหรามีแต่ชายหนุ่มมะรุมมะตุ้ม
รุมหมายปองไงก็ไม่ลู้อ่ะ


ทำให้เกิดอารมณ์หมั่นไส้ไอ้ตัวนิพพานขึ้นมาตะหงิด
เรยขี้เกียจไปไขว้คว้าไปหามันมากอดไว้แนบอก
อิฉันให้ฟามสำคัญไปที่เรื่อง ...
ทักษะการรับมือกับฟามทุกข์
และ การรักษาฟามสมดุลของจิต ณ ปัจจุบันขณะ
มากกว่าง่ะ ทำได้ระดับนี้ก็โอ แระ ^ ^


เออ วันก่อนดู ทีวีช่องสารคดี ( PSI )
เห็นเรื่อง เกี่ยวกับ มหันตภัยดาวหางพุ่งชนโลก
จนทำให้ไดโนเสาร์สูญพันธุ์ แบบไมรู้เนื้อรู้ตัว
แถมเค้ายังบอกอีกว่า ในอวกาศยังมี ดาวหางทำนองนี้
ลอยเพ่นพ่านรอพุ่งชนโลกอีกแยะ
จนต้องคอยเฝ้าระวัง ฯลฯ

อะโหยยยย ฟังแร้วลู้สึกแปลก ๆไงไม่ลู้แฮะเจ้
หนำซ้ำยังเกิดจินตนาการบรรเจิดอีกตะหาก
ก้อไม่ได้กัวโลกจะแตก มนุษยชาติจะดับสูญหรอกนะ
เพียงแต่ลู้สึกว่า ชีวิตนี้มันช่างไม่แน่นอนจังเรยอ่ะ
ทะเลาะกัน แค้นเคืองกัน ไปก้อเท่านั้น
จะตายวันตายพรุ่งก็ไม่ลู้


ม่ะแน่พรุ่งนี้ เดินช้อปปิ้ง เอนจอย อีทติ้ง
ตบกันกลิ้ง ยิงกันตายที่ป้ายรถเมล์ อยู่ดี ๆ
อาจมีดาวหางพุ่งชนโลกจนสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าคน
สูญพันธุ์ไปจนหมดก็ได้ เน๊าะ ^0^


พอปุ๊บปั๊บตาย มันก็เหมือนเวลา รีเซท คอมพิวเตอร์ เรยอ่ะ
ล้างข้อมูลจากสัญญาเก่า ๆ แล้วก็มาเริ่มต้น บู๊ทเครื่องใหม่
ใช้งาน แล้วก็ แฮ้ง ก็เดี้ยง วุ่นวายกับเรื่องพวกนี้
จากนั้นพอหมดเวลาของนาฬิกาชีวิต
มันก็ รีเซทตัวเองอัตโนมัติ
วนลูปกลับมา นับหนึ่งใหม่
แล้วก็ เกิด ๆ ดับ ๆ ไปเรื่อย ๆ


ไอ้ เจ้า รัก-โลภ-โกรธ-หลง
ที่ เคยยึดมั่นถือมั่นเอาไว้เป็นอารมณ์แต่สมัยไหน
ก็หมดฟามหมายไปแระ ล้างไพ่ใหม่ จำไม่ได้แระ


ไม่ลู้ว่าที่ผ่านมาเราไปนั่งจมปลัก
อยู่กับเวทนาซ้ำซาก จากสัญญาเดิม ๆ
ทำไมให้เสียเวลาไปเปล่า ๆ นะ


ทำไมต้องแบกทุกสิ่งไว้บนหัว
แล้วรอให้โลกถึงวันแตกดับ
รอให้ตัวตายเสียก่อน ถึงจะวางมันลง ได้
ดูมันเป็นอะไรที่ไร้ประโยชน์จังง่ะ
เพราะ ไม่ว่าจะทุกข์ กับมันหรือไม่
มันก็ดำเนินไปตามครรลองของมันอย่างนั้นเอง...
จะไปปรุงแต่งให้เปลืองสมอง ทำไม


นี่ตอนนี้อิฉันก็เลยพยามหัดปล่อยวาง วิตกวิจารณ์
จากอนาคตและอดีตกาล อยู่อ่ะ
ก็ทำได้มั่งไม่ได้มั่งแหล่ะ ยังเป็นมือสมัครเล่นอยู่ แหะ ๆ
ถ้าช่วงไหน กำลังสติ ณ ปัจจุบันขณะ มากพอ
มันก็วางวิตกวิจารณ์ วางอัตตาตัวเองได้ง่ายขึ้นนะ
แต่ถ้าวันไหนสติแตก ก็ปรี๊ดดดดด เหมียนกัน
อาศัยว่า โชคดีที่เคยหัดปฏิบัติก๊อก ๆ แก๊ก ๆ มามั่ง
เรย มีทักษะและเทคนิค ในการบันยะบันยังได้ แยะ
เลยไม่กลายเป็น ทอร์นาโด 36 ลูก ถล่มอิปลาไหล แบบป๋าโจ 555


เฮ้ออออ ฝอยไปโน่นเรยตู
ไม่ลู้ดิ เวลาดูสารคดีทีไร บางทีมันก็มี สัจธรรม
เดินพาเหรดมาทำรีวิวประกอบเพลง
ให้เห็นอยู่บ่อย ๆ ก็ไม่ลู้เจ้เคยลู้สึกแบบนี้ไหม นะอิอิ


.
 
 

โดย: ไม่ประสงค์จะออกนาม ( แต่ประสงค์จะเป็นลูกสะใภ้ป๋าโจ อ๊ะจึ๋ยยยยย !) IP: 114.128.0.201 วันที่: 17 กรกฎาคม 2553 เวลา:20:06:44 น.  

 
 
 
อ้อ ตะวานที่ตลาดนัด
มะมีปลาไหลต้มเปรตรอ่ะ
เรยเอาลิ้งนี่ มาฝากคุณพ่อปั๋วแทน
เพราะ วันก่อนนู้น เปิดดูแร้วช้อบบบบ ชอบบบบ
เรยเอามาฝาก ฮ่ะ ^0^
แหม๊ ดู ๆ แร้ว พระภาสกรสมัยยังมะบวช
นี่ก็ คล้าย ๆ ป๋าโจเหมียนกัน 555

พระอาจารย์ภาสกร ภาวิไล

เจาะใจ :: พระภาสกร ภูริวุฑฒโน (ภาวิไล) 01-07-53 [ part 1]

//www.manytv.com/videos/11942-_01_07_53_part_1_.php

เจาะ ใจ :: พระภาสกร ภูริวุฑฒโน (ภาวิไล) 01-07-53 [ part 2]
//www.manytv.com/videos/11943-_01_07_53_part_2_.php



.
 
 

โดย: ไม่ประสงค์จะออกนาม ( แต่ประสงค์จะเป็นลูกสะใภ้ป๋าโจ อ๊ะจึ๋ยยยยย !) IP: 114.128.0.201 วันที่: 17 กรกฎาคม 2553 เวลา:20:08:29 น.  

 
 
 
ถึง อาเหล่าแปะฟันหลอออออ



ก็ไม่ลู้ ทั่นผู้เฒ่านินจาเต่า
จะ แวะเข้ามาผลุ่บ ๆ โผล่ ๆ แถวนี้ไหมน๊อออ
เอาเป็นว่า เม้าส์เรื่อยเปื่อยทิ้งไว้
ให้อ่านแก้คิดถึงแระกัน


นี่ ๆ แปะ เมื่อคืนวันพุธ
อิฉันก็นั่งสมาธิเหมือนเคยอ่ะ
แต่สิ่งที่ไม่เหมือนเคย คือ นั่งไปได้แป๊บ ๆ
กะลังเริ่มเข้าที่เข้าทาง
มันได้ยินเสียงตะคอกของผู้ชาย
ตะโกนก้อง ดัง ๆ แบบโกรธ ๆ + หัวเสีย
ว่า " มืงเป็นใครวะ " อ่ะ


แล้วก็มีเสียงใครก็ไม่ลู้
ห้ามผู้ชายคนนั้น แบบงึมงำๆฟังไม่ได้ศัพท์ สักแป๊บ ๆ
ตอนแรกก็ไม่ได้ใส่ใจอ่ะนะ
คิดประมาณว่า คนเมาแถวนั้นมันคงทะเลาะกัน
มันอยากจะแหกปากร้อง ก็ช่างมัน
ประเดี๋ยวคงมีคนไปมุงดู
แต่ กรูไม่สน กรูจะนั่งมาธิ


ตานี้ ซักแป๊บพอออกจากสมาธิ
( เพราะยุงกัดกัวเป็นไข้เลือดออก !)
ก็เรยชักเอ๊ะใจน่ะ เพราะเหตุการณ์รอบแฟลต
มันเงียบสงัดตามปกติไม่ยักมีอะไรเกิดขึ้น
แถมพิณาจาก ทิศทางของเสียงที่ได้ยิน ( หลังแฟลต )
ในรัศมี ราว 2 กิโลเมตรดูแล้วยังไง
มั๊นก็ไม่น่าจะมีคนเรยสักตัว
ที่สำคัญ ระยะขนาดนี้
มันไม่ได้จะแหกปากได้ชัดแจ๋วได้แบบนั้นนะ


จึงเริ่มสงสัยว่า ตกลง เยื่อแก้วหูตูปรุงแต่งจนวิปลาส
หรือว่า เป็นเพราะอะหยัง ?
แต่ถ้าว่า เป็นเพราะหูแว่วมันก็กระไรอยู่
เพราะเสียงมันชัดมาก
แถม สติสัมปชัญญะก็อยู่ครบนะ
( ก่อนนั่งมาธิ เดินจงกรมมาแระ )


แถมพอตอนเช้า เอาไปถาม
ไอ้รุ่นน้องที่ทำงานที่อยู่แฟลตเดียวกัน
ไอ้เจ้าชาย ต. มันก็ยืนยันว่า ในช่วงเวลานั้น
มันม่ะเห็นได้ยินอะไรเล๊ยยยยย
แถมมีบ่นกระปอดกระแปด ประมาณว่า
อิฉันพูดอะไรก็ไม่ลู้ ( มันเสียวว้อยยยย )

ก็เรยต้องแว้ดบอกมันไปประมาณว่า
เฮ้ย พี่ถือศีลอยุ่นะเว้ย
พี่จะโกหกได้ไงฟระ
( เชื่อกันมั่งสิว้อยยย )


เฮ้ออออ นี่จนถึงเด๋วนี้ก็ยังม่ะลู้เรยอ่ะ
ว่า เสียงที่ได้ยินนั้น มันได้แต่ใดมา ?
เรยลู้สึกจะคาใจนิดโหน่ย ติดจะขำ ๆด้วยซ้ำ
เพราะถ้าเป็นเสียงพวกสัมพเวสี เจง ๆ แบบที่สงสัย
ไอ้เจ้าผีตนนั้น คงเสียเซล์ฟพิลึกเน๊าะ
ที่มาหยอกใครม่ะหยอก เสือกมาหยอกป้านู๋บี
เพราะนอกจากมันจะเรียกร้องฟามสนใจไม่ได้แร้ว
ยังหน้าแตกกลับไปด้วย

แหม๊ ถ้าเป็น สัมพเวสีเจง ๆ นะ
รู้งิ ตอนมันถามว่า เมิงเป็นใครวะ
ตอบมันไปดีกั่ว ว่า
" เมิงอยากจะลู้ไปทำไมฟระ
ว่ากรูเป็นคราย ลู้แร้วได้อะไร ไม่ลู้แร้วได้อะไร "


จะได้สอนเรื่องอจินไตย
ให้มันเป็นธรรมะรับประทานไปด้วย
เผื่อมันจะเห็นดวงตาธรรม เอิ๊กส์ ๆ
แต่หลังจากวันนั้น ก็นั่งมาธิอีกครั้งนะ
ไม่ยักได้ยินเสียงอะไรอีกเรย
สงสัยผีมันจะเข็ดมั้ง
เพราะไม่ประสบฟามสำเร็จในการหยอก งิงิ


นี่ ๆ อาแปะขราาาา
มีอะไรพอจะแนะนำนู๋บี
เป็นวิดทะยาทานมั่งไหมค้าาาาา ^ 0 ^

.
 
 

โดย: ไม่ประสงค์จะออกนาม ( แต่ประสงค์จะเป็นลูกสะใภ้ป๋าโจ อ๊ะจึ๋ยยยยย !) IP: 114.128.0.201 วันที่: 17 กรกฎาคม 2553 เวลา:20:10:17 น.  

 
 
 
เจ้ายั่วแย้มรอยยิ้มที่ริมแก้ม
สีม่วงแซมกลีบประดับกับเรือนผม
ทิ้งชม้ายชายมาเจ้าตาคม
พี่สุดข่มใจคิดด้วยติดตรึง
...

อันนี้ อ่านแร้ว สยองแทน คริๆ
เชื่อว่าได้มา เพราะฝีมือล้วนๆ ไม่มีมั่วนิ่ม แน่นอน ชิมิ
อิปลาไหล ยกนิ้วให้ว่ะค่ะ

แร้วก็...

ยิ้มที่ยวนยั่วใจให้ขาดรอน
อาจเร้นซ่อนคมคอยเชือดอย่างเลือดเย็น
...
ยาเบื่อ ก๊ะ สารหนู ก็ยังยอดเยี่ยมไร้เทียมทาน
ขอซูฮกพระนางการ์ฟิลด์ ด้วยน้ำชานารีแดง.. 1 จอก 555

แร้วเรื่องพระนันทะ อะ
ลู้สึกว่า อิใบข่อย ก็เดินทางนี้อยู่นะ มีสวรรค์เป็นเป้าหมาย
แต่ไม่ลู้จะทำถูกทางไหม 555
ถึงได้ปีนสวรรค์ทุกทีที่มีโอกาส
ก็รอให้พระท่านมาเมตตาบอกทาง อิใบข่อย ละกัน
ถึงเป็นแฟนก็ทำแทนมะด้าย
ซะด้วย จิ เหอๆ (ช่วยถีบตกสวรรค์ได้อย่างเดียวอะ 555)

ว่าถึงอันนี้ ของนู๋บี
"ทักษะการรับมือกับฟามทุกข์
และ การรักษาฟามสมดุลของจิต ณ ปัจจุบันขณะ"
ก็ อันนี้ แหละ ทักษะของผู้รักนิพพาน ง่ะ
แบบว่า...งี้ อะ ตามความคิดของ เจ้ นะ
นิพพาน คือสภาวะ ณ.จุด zero point of the momentum
เป็นกลางต่อทุกสิ่ง ไม่เหวี่ยง ซ้าย-ขวา บน-ล่าง
...+1 0 -1... เป็นค่า 0 ตลอดกาล ง่ะ ไม่เดินหน้า ไม่หัวทิ่ม
ไม่มีสุข ไม่มีทุกข์ ไม่มีเฉยๆ ไม่มีดี ไม่มีชั่ว ไม่มีขาว ไม่มีดำ
ไม่มีเทาๆ ด้วย nothing โบ๋เบ๋ กลวง ไม่มีแรงปรารถนาใดๆ
สงบราบคาบ กวนก็ไม่ขึ้น กระทืบก็ไม่จม
เหมือนก้อนหิน แต่ไม่ใช่ก้อนหิน ง่ะ
หนักแน่นและเบาหวิว เป็นเนื้อเดียวกัน
จะจับก็ไม่ติด จะถีบก็ไม่ไป แต่มันก็มีอยู่ ไม่ใช่ไม่มี
มันมีแต่ สงบ สันติ ราบคาบ ไม่ฟู ไม่ฟุ้ง ไม่สงสัย ...
เป็นอิสระจากนิวรณ์ทั้ง5อย่างแท้จริง และไม่เสื่อมตามกาลเวลา

ฟังแร้ว เคลิ้มตาม ปะคะ 555 ถ้าไม่เคลิ้มตาม ก็อันนี้

พระพุทธองค์จึงตรัสว่า “พระนิพพาน อันผู้บรรลุเห็นได้เอง ไม่ขึ้นกับกาล แต่เป็นของรู้ได้เฉพาะตน”

“...ผู้บรรลุพระนิพพาน...จะมีชีวิตอยู่ก็ไม่เดือดร้อน ถึงจะตายก็ไม่เศร้าโศก...เพราะมองเห็นที่หมายข้างหน้าแล้ว

...ความตายเรา (ตถาคต) ก็มิได้ชื่นชอบ ชีวิตเราก็มิได้ติดใจ เราจักทอดทิ้งร่างกายนี้ อย่างมีสติสัมปชัญญะ มีสติมั่น...เรารอท่าเวลาตายเหมือนคนรับจ้างทำงานเสร็จแล้ว รอรับค่าจ้าง...(เสร็จกิจพรหมจรรย์ รอตายไปอนุปาทิเสสนิพพาน)

----------------------
เรื่อง ดูสารคดี แล้วรู้สึกอย่างนี้ ก็ดีแล้ว ง่ะ

อะโหยยยย ฟังแร้วลู้สึกแปลก ๆไงไม่ลู้แฮะเจ้
หนำซ้ำยังเกิดจินตนาการบรรเจิดอีกตะหาก
ก้อไม่ได้กัวโลกจะแตก มนุษยชาติจะดับสูญหรอกนะ
เพียงแต่ลู้สึกว่า ชีวิตนี้มันช่างไม่แน่นอนจังเรยอ่ะ
ทะเลาะกัน แค้นเคืองกัน ไปก้อเท่านั้น
จะตายวันตายพรุ่งก็ไม่ลู้

อิปลาไหล มันพาเจ้ไปอ่านอะไรต่อมิอะไร ตามใจมันเนี่ย
ก็ไปทางนี้แหละ ไปดูธรณีวิทยาโลก งี้ ดูกาล อวกาศ จักรวาล
ดวงดาว ดาราจักร งี้ เห็นแล้วก็ปลง ว่า ตรู มาทำอะไร
แถวนี้ ฟระ...เป็นบ้าเป็นหลัง อยู่คนเดียว เหอๆ

มาเห็นความจริงว่า เรายืนอยู่ บนแผ่นเปลือกโลก ที่ไม่มี
ความเสถียรเลยแม้แต่น้อย เปลือกโลกมันแปะอยู่บนลาวา
เหมือนฟองเต้าหู้ในหม้อต้มน้ำเต้าหู้ แท้ๆ เปลี่ยนแปลงไป
เรื่อยๆ ไม่คงที่ ไม่คงทน ที่อยู่ได้เป็นปกติสุขเนี่ย เพราะ
บุญเก่าอุ้มไว้แหละ พอหมดบุญก็ได้เสวยวิบากกรรมแทน
โลกเขาพลิกตัวทีนึง ก็กลับบ้านเก่าแระ แล้วก็มาสงสัย
เรามาเกิดเพื่อพบกับความลำบากเลี้ยงชีพชอบ ทำการชอบ
แล้วก็รอวันตาย เพื่อตัดสินชะตากรรมของเราเองอีกแระ
เกิด แก่ เจ็บ ตาย หลงทางไปเรื่อยๆ ถูกกรรมซัดไปโน้นที
ซัดมานี้ที บางทีเห็นพวกสัตว์เดรัจฉาน ก็อิดฉามันนะ
เห็นมันอยู่กับนิพพานตลอดเวลา แต่มันไม่รู้จักนิพพาน
ไอ่ส่วนเรารู้จักนิพพานแต่ดันเข้าอยู่ไม่ได้ เพราะติดทิฏฐิ
ของมนุษย์ผู้มีใจสูง แถมมีอวิชชาบังตา กิเลสบังใจ
แงะไม่ออกปล่อยวางก็ไม่เป็น ได้แต่เห็นแต่ทำอะไรไม่ได้
ช่วยตัวเองได้แค่บางครั้ง ส่วนใหญ่ก็จมน้ำ 555

พวกสัตว์เขา ไม่ต้องเป็นทุกข์ เพราะโลภ โกรธ หลง
แต่เขาก็มีทุกข์เรื่องหิว สืบพันธ์ การดำรงชีพ ที่ต้องทำไป
เพราะความไม่รู้มันพาให้เป็นไป หิวก็หาอาหาร ไม่หิว
ก็ทำอย่างอื่น อิอิ พวกที่ฉลาดขึ้นมาหน่อย ก็รู้จักสะสม
อาหาร สร้างสังคมพวกพ้องเป็นหมู่คณะตามสัญชาติญาณ
มีผู้นำ มีผู้ตาม ไม่ต้องมีกบฏล้มล้างปฏิวัติให้วุ่นวาย
มีจารีตตามประเพณีนิยมสูงกว่ามนุษย์สมัยนี้อีกนะ 555
แพ้ชนะ กันแล้วก็จบ ไม่มีอาฆาตพยาบาทจองเวรข้ามภพ
ข้ามชาติ เอ๊ะ..หรือว่ามีเป็นเฉพาะบางคน บางพวก แบบว่า
เคยเกิดเป็นมนุษย์แล้วติดนิสัยอาฆาต พยาบาท นิสัยเลวๆ
ของพวกมนุษย์อยู่ในจิตวิญญาณสันดานดิบเลย
ทำให้เสียชื่อสัตว์เดรัจฉาน ผู้บริสุทธิ์ไร้เดียงสา ซะงั้น
มีแบบนี้ไหมเนี่ย ... (คิดไปถึงนั้น.. เลย ตรู 555)

แบบที่นู๋บี ว่า...ไอ้ เจ้า รัก-โลภ-โกรธ-หลง
ที่ เคยยึดมั่นถือมั่นเอาไว้เป็นอารมณ์แต่สมัยไหน
ก็หมดฟามหมายไปแระ ล้างไพ่ใหม่ จำไม่ได้แระ

อาเจ้ ก็แปลกใจนะ มันจำไม่ได้ก็จริง แต่มันก็แสดงอาการ
ออกมาให้เรารู้ได้ ว่าเรามี พวกนี้อยู่ในจิตวิญญาณ
ในสันดานของพวกเราทุกคน จะมีมาก มีน้อย ก็อีกเรื่อง
ที่ชัด ก็คือ หลง นี่แหละ เจ็บแสบมาก ที่ไม่รู้ เพราะ หลง
นี่แหละ หลง ไม่รู้ ว่า หลง เฮ้อ....
ใครไม่มีหลง แล้ว ยกมือขึ้น มอบตัวมาซะดีดี
มีป่าว อิอิ หลง รู้ ว่าหลง ไม่หลง รู้ ว่า ไม่หลง ทุกขณะจิต
ที่เป็นปัจจุบัน อะ สุดยอดมนุษย์ อิปลาไหลก็ยังทำมะได้..
รู้บ้าง ไม่รู้บ้าง มีเจริญ มีเสื่อม ไม่คงเส้นคงวา เอาซะเรย
ลุ่มๆ ดอนๆ ลูบๆ คลำๆ อยู่เนี่ย ตายแล้วจะจบสวยไหม
ก็ยังไม่รู้เล้ย ดำน้ำลื่นปึ๊ดไปเรื่อย อิอิ

อันนี้ ก็อนุโมทนา กะนู๋บี ด้วยเน้อ คริๆ

จะไปปรุงแต่งให้เปลืองสมอง ทำไม
พยามหัดปล่อยวาง วิตกวิจารณ์
จากอนาคตและอดีตกาล อยู่อ่ะ
เรย มีทักษะและเทคนิค ในการบันยะบันยังได้ แยะ
---------
ใครคิดได้ ทำได้ ก็รู้ได้ด้วยตัวเองเนอะ
คิดได้ แต่ทำไม่ได้ ก็ไม่รู้ต่อไป ก็สมควรแล้ว ใช่ปะ
กรรมเป็นของตน คิดอะร ทำอะไร ก็ได้อย่างนั้น

เอ้า มาช่วยกัน ฮุย เล ฮุย ตัวใครตัวมัน เนาะ

ขอบใจเรื่องพระอาจารย์ภาสกร ภาวิไล นะ
ไว้จะหาเวลาดูอีกทีนะ ธุรกิจเยอะคิวยาว 555




















 
 

โดย: อิปลาไหล กลัวใบข่อย 555 IP: 124.120.153.21 วันที่: 19 กรกฎาคม 2553 เวลา:11:34:32 น.  

 
 
 
เรื่องอจินไตย ไม่มีประสบการณ์ส่วนตัวง่ะ
ไปอ่านเจอของท่านอาจารย์ ไชย ณ พล (ศิยะ ณัญฐสวามี)
ท่านเล่าเรื่องราวประสบการณ์ ข้อคิดเห็นเกี่ยวกับมาร
เห็นว่าอาจจะมีประโยชน์ เลยเอามาแปะไว้ ลองพินาดูละกัล

ถาม : ประสบการณ์การเจอมาร อาจารย์เจอบ้างไหม พอจะ
เล่าได้ไหมครับ

ตอบ : มารที่เจอบ่อยที่สุด คือกิเลสของตัวเอง ก็ไม่มีอะไรมาก
กิเลสของเรากำเริบเองนี่ พวกเราเข้าใจไหม จะได้ไม่ต้อง
เล่าเพราะทุกคนมีประสบการณ์ มารข้างนอกก็เจอบ้างนิดๆ
หน่อยๆพอให้ชีวิตมีรสชาติ เวลามารข้างนอกมานี่ ไม่ว่าจะ
เป็นเทวปุตรมารจำพวกใดก็ตาม ส่วนใหญ่ ก้จะมาลองของ
แบบซุกซน ที่มาแกล้งก็มีบ้างเหมือนกัน ถ้าบังเอิญเราไป
ทำให้เขาโกรธหรือหมั่นไส้ ตอนที่เจอบ่อยที่สุดคือตอนที่อยู่ที่
ถ้ำที่เมืองกาญจน์ ตอนนั้นอยู่ในถ้ำตามลำพังมีพระไตรปิฎก
ไปเล่มหนึ่ง วันหนึ่งจุดเทียนนั่งอ่านพระไตรปิฎกอยู่ อยู่ๆก็มี
แสงวาบมาจากตอนบนของถ้ำลงมาข้างหน้า ก็เงยหน้าขึ้นดู
เห็นเป็นยักษ์ตนหนึ่งหล่อมาก ตัวสูงใหญ่ ใครว่ายักษ์
น่ากลัว ตัวจริงเขาหล่อมาก (*-* อิปลาไหล ตาโต เชี๊ยะ)
เรายังสู้ไม่ได้เลย พอเงยหน้าขึ้นดู เขาส่งรังสีอะไรไม่ทราบ
มาที่หน้าผากเรา เหมือนมันจะเจาะเข้าไปข้างในหัว แต่
เจาะไม่เข้า เราก็เฉยเพราะไม่รู้ว่ามันคืออะไร มันคล้ายเป็น
การยิง แต่ไม่ใช่ปืนนะ มันออกจากหัวเขามาสู่หัวเรา พอมัน
ไม่เข้าเขาก็มีท่าทางละอายใจก็กลับไป ไม่พูดไม่จาเลย

ถาม : อาจารย์คิดว่าเขามีวัตถุประสงค์อะไรครับ

ตอบ : คงมาลองมั้ง ใครมานั่งหัวโด่แผ่รัศมีแถวนี้ ถิ่นของข้า
ก็เลยลองดูซิว่าเอ็งแน่มาจากไหน บุกถิ่นข้าไม่บอกไม่กล่าว

ถาม : อย่างนี้ก็มีเหรอครับ เราไปปฏิบัติธรรมเขาทำทำไม
ไม่บาปหรือครับ

ตอบ : บาปมันก็บาป แต่เขาคงคะนอง คนคะนองก็มักจะ
อย่างนี้แหละสร้างบาปเนืองๆ เป็นนักปฏิบัติธรรมก็ใช่ว่า
พวกนี้ไม่กล้ายุ่งนะ ขนาดพระอรหันต์ยังโดนเลย สมัยหนึ่ง
พระสารีบุตรนั่งสมาธิอยู่ อยู่ๆรู้สึกปวดหัวขึ้นมา ครู่หนึ่งก็หาย
ไป จึงหันไปหาพระโมคคัลลานะ บอกว่าเมื่อกี้มีอาการ
แปลกๆ ท่านอยู่ดีๆ ก็ปวดศีรษะขึ้นมา พระโมคคัลลานะมีตา
ทิพย์นี่ท่านเห็นท่านก็บอกว่าอาวุโสสารีบุตรมีอานุภาพมาก
หนอ เมื่อครู่นี้มียักษ์ อันธพาลมาทุบศีรษะท่าน
ยังไม่เป็นไรแค่ปวดศีรษะเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งยักษ์ตนนี้มี
กำลังมาก ถ้าเป็นคนธรรมดาจะต้องถึงแก่ชีวิตเป็นแน่ เห็น
ไหมพระอรหันต์ยังโดนเลย ดังนั้นอย่าประมาท

*-*
 
 

โดย: อิปลาไหล มาแว้ว...อิอิ IP: 124.120.153.21 วันที่: 19 กรกฎาคม 2553 เวลา:16:58:48 น.  

 
 
 
เจ้ จ๋า เจ้ คิดถึงเจ้จัง

ช่วงนี้ เจ้ ธุระกิจ เยอะ คิวยาวววว
อิฉัน เก๊าะ กะละงงานเข้าาาาาา เหมียนกันอ่ะ เหอ ๆ
งั้น เอาไว้ ฤกษ์งามยามดี
พวกเราค่อยจะมาเม้าส์กันต่อเน้อ
ช่วงนี้อิฉันลู้สึกว่าจะพระศุกร์เข้า
พระเสาร์แทรกไงพิก๊ล
อยากจะแลกเปลี่ยนนำหมากก๊ะเจ้ ใจจะขาด
แต่ อมน้ำหมากไว้ก่อนดีฝ่า


เพิ่งไปทำแฮตทริกมาอ่ะ แหะ ๆ
ไปแหย่ รังแตนกับแอดมิน เวบ แอนตตี้ วิมุติ
นี่ขานั้นก็หนวดกระดิก ริก ๆ
จับอิฉันยัดหม้อถ่วงน้ำยิก ๆ เรยอ่ะ คริก ๆ


เอ้า เอา มาม่า มาฝาก คร้าาาาา


//drama-addict.com/webboard/index.php?topic=4705.0

อืม...พระนางการ์ฟิลด์ ไปก่อเรื่องมาอีกแระ
She ซ่าส์ ซะจน เจ้หิฯ ปวดเฮด
เหนื่อยก๊ะมัน แฮ่ก ๆ เรย ว่ะค่ะ เหอ ๆ

.
 
 

โดย: คุณป้าบัวเกรียน IP: 117.47.89.163 วันที่: 19 กรกฎาคม 2553 เวลา:23:51:17 น.  

 
 
 
อะซิก ๆ หม่ามี๊ขราาาาาาา
อิฉันมีเรื่องจะบ่น !อิฉันโดนรังแก
แง ๊ อิฉันทน อมน้ำหมากต่อไปไม่ไหวแร้ววววว ์ ฮือ ๆ


เรื่องมันมีอยู่ว่า
พอ โดนแบน ( เป็นคนแรก ) จาก กระทู้ แอนตี้วิมุติ
ล่าสุด ตะวาน อิพระนางการ์ฟิล์ด มันก็เรยนึกครึ้ม
ชวนไปสมัคเป็นมาชิก เวบดราม่า อ่ะ
มันบอกว่า เวบแนวนี้น่าจะเหมาะกับอิฉันที่สุดแระ
ประมาณว่า โดนแบนจนแจ๋นเข้าเวบธรรมะไม่ได้
กรูเข้ามาเจื๋อกในเวบดราม่าแทนก็ได้ฟระ แหะ ๆ


แต่พอยุรยาตร ไปโพสกาทู้ เปิดชิง กาทู้แรก

"เรื่องอื้อฉาวววววว ของคุณป้าบัวเกรียน กับการติดโทษแบน 4 เวบ รวดดดด"

ก็ต้องร้องเอ๋ง เพราะโดนบรรดา มอด เอ๊ย ม็อด ของที่นั่น
มันอุ้มกระเตงกาทู้อิฉัน
ไปถ่วงน้ำทิ้งภายในเวลา 2 ชม. หลังโพสอ่ะ
ทำไมมันจมูกไวนักฟระ
ตูกะลังว่าจะหาแฟนคลับแถวโน้น
ทำเรทติ้งเพิ่มอยู่ทีเดียวเชียว ฮือ ๆ


เนี่ยมันเป็นอะไรที่โหดร้ายกับชีวิต
ลูกผู้หญิงต้วเล็ก ๆ อย่างอิฉันเหลือเกิน
ตอนอยู่ที่ พังจิต อ่ะนะ ป็าวี ยังใจดีกว่านี้ตั้งแยะ
ถึงจะแจกใบแดง ใบเหลืองไง
ก็ยังอุส่าห์ ยอมหยวน ๆให้เก็บตัวหนังสืออิฉันไว้ดูต่างหน้า


เฮ้ออออออ เจองิ แร้วลู้สึกว่า
ป๋าวี แกเป็นพระเอกผู้การุณ ไปเรยอ่ะ
นี้ก็เรยเซ็งจิต กะพวกมอดแถวนั้น มวากกกกกกกก
ผิดหวังๆๆๆๆๆๆๆๆ แร้วเก๊าะ งอลลลลลลล
เรยขี้เกียจโพสกาทู้แกว่งปากหาเท้า
ต่อล้อต่อเถียง กับไอ้พวกมอด นั่นแระ
กลับมาตายรัง มาอี๋อ๋อ ก้อร่อก้อติก แลกน้ำหมาก
กับสปีชีซ์เดียวกัน อย่าง เอี้ยก้วยคนสวยดีฝ่า ฮี่ ๆ



----------------------------------
แบบว่า...งี้ อะ ตามความคิดของ เจ้ นะ
นิพพาน คือสภาวะ ณ.จุด zero point of the momentum
เป็นกลางต่อทุกสิ่ง ไม่เหวี่ยง ซ้าย-ขวา บน-ล่าง
...+1 0 -1... เป็นค่า 0 ตลอดกาล ง่ะ ไม่เดินหน้า ไม่หัวทิ่ม
ไม่มีสุข ไม่มีทุกข์ ไม่มีเฉยๆ ไม่มีดี ไม่มีชั่ว ไม่มีขาว ไม่มีดำ
ไม่มีเทาๆ ด้วย nothing โบ๋เบ๋ กลวง ไม่มีแรงปรารถนาใดๆ
สงบราบคาบ กวนก็ไม่ขึ้น กระทืบก็ไม่จม
เหมือนก้อนหิน แต่ไม่ใช่ก้อนหิน ง่ะ
หนักแน่นและเบาหวิว เป็นเนื้อเดียวกัน
จะจับก็ไม่ติด จะถีบก็ไม่ไป แต่มันก็มีอยู่ ไม่ใช่ไม่มี
มันมีแต่ สงบ สันติ ราบคาบ ไม่ฟู ไม่ฟุ้ง ไม่สงสัย ...
เป็นอิสระจากนิวรณ์ทั้ง5อย่างแท้จริง และไม่เสื่อมตามกาลเวลา

ฟังแร้ว เคลิ้มตาม ปะคะ 555
+++++++++++++++++++

ฟังแร้วไม่เคลิ้มคร้าาาาาาาาา
แต่แปลกใจ อ่ะ หูยยย ทำไม เจ้
มีแนวคิดเหมือนกันเรยง่ะ งิงิ


ยิ่ง ที่ บอกว่า
"พวกสัตว์เขา ไม่ต้องเป็นทุกข์ เพราะโลภ โกรธ หลง
แต่เขาก็มีทุกข์เรื่องหิว สืบพันธ์ การดำรงชีพ ที่ต้องทำไป
เพราะความไม่รู้มันพาให้เป็นไป หิวก็หาอาหาร ไม่หิว
ก็ทำอย่างอื่น ฯลฯ "



อันนี้ก็คล้ายกันอีกแระ
จำได้ว่า เมื่อ 2 - 3 วันก่อนอิฉันยังคิดเรื่องนี้ อยู่เรยนะ
ประมาณว่า จริงหรือ ที่สัตว์มันทุกข์กว่าคน ?
ในเมื่อ สัตว์มัน ไม่ค่อยจะคิดปรุงแต่ง นู้นนี่นั่น
อย่างมากก็ แค่เป็นทุกข์
กับเรื่อง ปากท้อง กิน ขรี้ ปรี้ นอน
ตามครรลองของธรรมชาติ
แต่ไม่มีเรื่อง ทิฐิ มานะ เสน่หา อาฆาต พยาบาท
ที่ซับซ้อนซ่อนเงื่อนอิรุงตุงนังแบบ คน
ดังนั้น ชีวิตสัตว์ มันน่าจะสุโขสโมสร
มีฟามทุกข์ใจ น้อย กว่า คนนะ


การมีมันสมองก้อนโต ๆ น
รู้จักคิดอะไรต่อมิอะไรได้ มากกว่าสัตว์อื่นนี่
บางทีมันก็เหมือน ดาบ 2 คมเน๊าะ
เพราะ ยิ่งคิดมากก็ทุกข์มาก
คิดน้อยก็ทุกข์น้อย ( ถ้าคิดไม่เป็น อ่ะนะ )
หรือ ถ้าไม่คิดได้เลย นี่ก็แจ๋ว ( ทำยากส์เน๊าะ )


บางทีการเป็นสัตว์เดรัจฉาน นี่ก็ดีนะ
เพราะ มันก็ไม่ต้องคิดอะไรให้หนักหัวดีเน๊าะ
แต่ถ้าถามว่า หากเลือกได้
อิฉันก็ไม่อิจฉาสัตว์พวกนั้น
จนอยากเกิดเป็น เดรัจฉานหรอกนะ งิงิ
ถึงมันจะคิดน้อย ทุกข์(ใจ )น้อยกว่าคนก็เหอะ



อิฉันบอบบางเกินกว่าจะใช้ชีวิต
ท่ามกลางธรรมชาติที่โหดร้ายในป่าเขาลำเนาไพรอ่ะ
เคยเห็นสารคดีชีวิตสัตว์ ประมาณพวก คนป่า
กับ สัตว์ ในแอฟริกา อ่ะนะ
หูยยยย ยังคิดอยู่เล๊ย ว่า ถ้ากรูไปอยู่งั้นนะ
กรูอดตายแหง๋ ๆ เพราะทำอะไรก็ไม่เป็นสักอย่าง
ยิ่งเห็นภาพชีวิตวงจรของผู้ล่า ผู้ถูกล่าในป่าแล้ว
ก็ยิ่งอึ้ง มันดูปากกัดตีนถีบ
ดิ้นรนเอาชีวิตรอดไงก็ไม่ลู้แฮะ


ดังนั้นขอเกิดเป็น มนุษย์ขี้เหม็นดีฝ่าอ่ะ
ถึงจะมีโอกาสทุกข์ใจ มากกว่า เดรัจฉาน
ถึงจะห่างไกลนิพพาน มากกว่ามัน
แต่ อิฉันว่า การเกิดเป็นคน ก็ยังมีโอกาส
เจริญสติปัฏฐาน 4 เพื่อรับมือกับฟามทุกข์ทางใจได้อ่ะ
และวิธีนี้ เนี่ย มันก็น่าจะง่ายกว่า และสบายกว่า
การที่เรา จะต้องไปตก ระกรรมลำบาก
ไปเกิดเป็นเดรัจฉาน มีชีวิตที่ไม่มั่นคง เท้งเต้ง
เที่ยวตะลอน ๆ ไปวัน ๆ
เพียงเพื่อ ล่าเหยื่อหาอาหาร
หรือ ไปเป็นเหยื่อของสัตว์อื่น น่ะ







------------------------------------------------


อาเจ้ ก็แปลกใจนะ มันจำไม่ได้ก็จริง แต่มันก็แสดงอาการ
ออกมาให้เรารู้ได้ ว่าเรามี พวกนี้อยู่ในจิตวิญญาณ
ในสันดานของพวกเราทุกคน จะมีมาก มีน้อย ก็อีกเรื่อง
ที่ชัด ก็คือ หลง นี่แหละ เจ็บแสบมาก ที่ไม่รู้ เพราะ หลง
นี่แหละ หลง ไม่รู้ ว่า หลง เฮ้อ....


มีป่าว อิอิ หลง รู้ ว่าหลง ไม่หลง รู้ ว่า ไม่หลง ทุกขณะจิต
ที่เป็นปัจจุบัน อะ สุดยอดมนุษย์ อิปลาไหลก็ยังทำมะได้..


++++++++++++++++++++++++

อิอิ จิง ๆ ไอ้ หลง รู้ว่า หลง นี่อิฉันเจอบ่อยนะ
เพียงแตยังปลงไม่ได้ เรยต้องตามใจ
ไอ้เจ้าการ์ฟิล์ดเป็นระยะไง 555555


ขำ ๆ นะจะเล่า ประสบการณ์
เรื่อง ถือศีล 6 อีกอย่างให้ฟัง
เย็นวันหนึ่ง นะ ไปช้อปปิ้งที่ตลาด
แล้วอย๊ากอยากกินเป็บซี่ใส่น้ำแข็งเย็นเจี้ยบ ๆ มั่ก ๆ
แต่ติดว่า ถือศีล 6 อยู่ ซดได้แต่น้ำเปล่า
ก็แกล้งทำไม่ลู้ไม่ชี้
เรยปล่อยให้ ไอ้เจ้าการ์ฟิลด์มันเต้นแร้งเต้นกา
ตะแต่ กลับจากตลาด มาจนถึง บ้าน


ทว่า เจ้ากรรม ถึงบ้านเปิดตู้เย็น ปุ๊บ
เก๊าะ เจอ เป็บซีขวดหนึ่งตุนไว้ในตู้เย็นพอดี เอาล่ะสิ
ไอ้เจ้าตัวตะกละมันเลยรวมหัวกับเจ้าการ์ฟิลด์เหย็ง ๆ
ก่อหวอด บอกว่า พวกเราจากินเป็บซี่ ๆๆๆๆ
สุดท้ายเรยหน้ามืด คว้า ขวดเป็บซี่
เตรียมจะบิดฝาเปิดขวดกินแระ
จู่ ๆ ก็ดันมีเสียงยัยคิตตี้ถามขึ้นมา ลอย ๆ ว่า

ถ้าไม่กินเป็บซี่ นี่มันจะตายไหมนะ นู๋บี ?



เอาล่ะสิ เจอคำถามนี้
อาการอยากหายเป็นปลิดทิ้งเลยมั้ง
ณ ตอนนั้น มันเหมือนอยู่บนทางสองแพร่งนะ
กินก็ได้ ไม่กินก็ได้ มันไม่เดือดร้อนแระว่าจะเลือกอะไร
แต่แล้วไอ้เจ้าการ์ฟิล์ดมันก็งอแง
แง้ว ๆ สวนขึ้นมาทันควัน ว่า


จริงอยู่ ไม่กินก็ไม่ตาย แต่กรูจะกิน ว้อยยยยยย


ไอ้เราเห็นแร้วก็เรยชักใจอ่อน
เออ กินก็ได้ฟระ ซร่วบบบบบ
แล้ววันนั้น ศีล 6 ของอิฉันก็ถลอกนิดหน่อย
แถมมันเป็นการกินที่แปลก ๆ ไงก็ไม่ลู้แฮะ
มันเหมือนเสพกำซาบ
รสอร่อยจากการดื่มเป็บซี่ทุกหยาดหยด
แต่จิตมันนิ่งมากเรย ง่ะ มันรับรู้ความสุขจากตรงนั้น
แต่เหมือนมีอะไรมาคอยระแวดระวัง
ไม่ยอมให้จิตมันตื่นเตลิดเพริดไปกับรสสัมผัสน่ะ
ก็เป็นประสบการณ์ที่แปลกดี
เจ้เคยเป็นเหมือนอิฉันมั่งป่ะ อิอิ


.
 
 

โดย: เจ้าป้าบัวเกรียนนนนนนนนนนน IP: 114.128.7.10 วันที่: 20 กรกฎาคม 2553 เวลา:21:14:26 น.  

 
 
 

อ้อ อันนี้ เอามาฝากเจ้


//www.212cafe.com/freewebboard/view.php?user=kitisako&id=170


เรื่องอื้อฉาวววววว ของคุณป้าบัวเกรียน
กับการติดโทษแบน 4 เวบ รวดดดด


ไอ้พวกมอด มัน ม่ะให้โพสในเวบดราม่า
ตรูเอามาโพสที่รังหนู ก็ได้ฟระ
ลองอ่านดูนะเจ้ เผื่อจะลู้ว่า อะไรคือเหตุปัจจัย
ให้อิฉันโดน เวบ แอนตี้ ฯ แบน
สงสัยมันกัวโดน หมาบร้าาา อย่างอิฉันกัด เหอ ๆ

.
 
 

โดย: เจ้าป้าบัวเกรียนนนนนนนนนนน IP: 114.128.7.10 วันที่: 20 กรกฎาคม 2553 เวลา:21:15:45 น.  

 
 
 
คุณลูกขราาาาาาา หมามี๊ ขอนุยาต หัวเราะจิ๊ดนุง นะคะ
55555555555555555555555555555 อุ๊ฟ..
หม่ามี๊ หัวเราะดังไป เป่าคะ ฮุฮุ

ทำไม๊พวกแมงสาบ มันใจดำจัง วะคะ
ไม่เห็นใจ อกเหี่ยวๆของคนเฒ่าซะมั่งเรยย
พวกแมงสาบไร้กรุณาเยี่ยงเนี๊ยะ มีสิดได้ไปทัวร์ โลกันนรก
แหงมๆ อุ๊ฟ ไม่ได้แช่งครายน้า พูดไปตามเนื้อผ้า
และอารมในแบบอิปลาไหลฉาว เฉยๆ คริ คริ
ทำไม๊ ไม่เหมือนโลกของ บิวตี้แอนด์เดอะบิส เรย วะคะ
หรือ โลกของอลิสในวันเดอร์แลนก็ยังดี แบบ มหึมันส์

นี่นี่...ฟามจริง นู๋การ์ฟิลด์ ต้องพินา ตัวเองนะเนี่ย
ว่าทำไรไม่ถูกใจพวกแมงสาบมัน 5555
ไปเที่ยวรังแมงสาบ ก็ต้องเข้าใจหัวอกพวกแมงแสบด้วยดิ๊
พวกเนี้ย มันชอบอยู่ในที่มืดๆเหม็นๆ ถ้าเอาไฟไปส่อง
มันก็วงแตกอะดิ ยิ่งไปส่องในรังของมัน มันก็รวมหัวกัน
ล๊อกกุนแจปิดรังไม่ให้เข้าไปส่องไฟแยงลูกกะตามัน อะดิ

แล้วเนี๊ยะ พระนางการ์ฟิล กะจะทำชื่อเสียง กระฉ่อนวงการ
โลกอินเตอร์ฯ ด้วยการไปที่ไหน ก็แสดงแสนยานุภาพ
แดงเถือกไว้ก่อน หรอ วะคะ ฮุฮุ ซู๊ดดดยอด คงได้ขึ้น
เป็นตำนานสมใจ คริๆ ขนาดเวบมาม่า ก็ยังไม่เว้น อันนี้
รับไม่ได้ ว่ะค่ะ เวบมาม่าทำไม่ถูกนะเนี่ย ต้องประท้วง
แอดมินทำทีเป็นคนใจกว้างขวาง ทำไมต้องมาแบน
โฉมงามพระนางการ์ฟิล ด้วยฟระ ผิดหวัง เจงๆ หรือว่า
แม่นางการ์ฟิลมีรัศมีธรรโมะ ขั้นรุนแรง พวกนั้นเรยทน
รับรัศมีอันร้อนแรง มิด้ายยย 555 ขนาดว่า 2 ชม.ก็รีบล๊อก
กุนแจ เนี่ย ไม่ทำมะดาเรย โขวโบก

สงสัย พระนางการ์ฟิล นี่พลังานแฝงสะสมเยอะเกินพิกัด
คนอื่นเขาเลยทนรับฝ่าพระบาทไม่ไหว กัวตับแตกตาย
คารังตัวเอง 555

ต้องหาวิธีปลดปล่อยพลังงานของพระนางการ์ฟิลมั่ง ก็ดีนะ
อย่าง หากระดูกเทียมให้แทะเล่น อ่าว...โทด ลืมๆ ดันนึกถึง
ไอ้มิคกี้ลูกชายสี่ขา 555 หรือจะเอาใบข่อย ก็ไม่ดีอีก หม่ามี๊
ไม่หนับหนุน คริๆ เอาแบบเห้งเจียไม๊ ไปป่วนสวรรค์เล่น
ไม่รู้จะแนะนำยังไงดี อ่า... ลองสังเกตดูละกัน ว่าพระนาง
การ์ฟิล ท่านชอบอะไรเป็นพิเศษ ไปลองเล่นกีฬาที่ออกแรง
มั่งก็ดีนะ อย่าเอาแต่เดินจงกรมเอาใจแต่เจ๊หิ ไปว่ายน้ำล่อ
ไอ้เข้ มั่งก็ได้นะ พระนางการ์ฟิลจะได้ปลดปล่อยพลังงานออก
มาได้บ้าง เผื่อพระนางจะหงอย เอ๊ย มะใช่ จะได้ โล่ง โปร่ง
เบา และฉบายตัว อารมณ์ดี มีสมดุลย์ ใสปิ๊งๆ หนุ่มๆ หรือตา
เฒ่าได้เห็น จะได้วิ่งไล่ตามมาซบหลังเท้าของพระนางไง 555

หม่ามี๊ ... แนะนำพอได้ ปะคะ คริ คริ
เนี่ยนะ หม่ามี๊ ส่องดูพฤติกรรมแล้ว พระนางการ์ฟิล เนี่ย
ต้องมีเสน่ห์รุนแรงเป็นอันดับ1ของจักรวาล แน่นอน
ดูอาการแร้วววว ปิ๊งๆๆๆๆๆๆ ว่ะค่ะ
ถ้าอบรม จริตจกร้าน ซะหน่อยนะ หม่ามี๊ว่า
คอนโดเป็นล้านห้องก็ไม่พอเก็บหนุ่มๆ ว่ะค่ะ ว่าแต่ว่า
ทำไมรอบนี้ เล่นแจกยาเบื่อก่อนโปรยเสน่ห์ อ่า หรือว่า
ชะล่าใจ เกินไป ประเมิน2เว็บ นั้น สูงไปหรอ คะ เรยได้
ผลเกินคาดหมาย 5555

กะจะมาปลอบใจนะเนี่ย ไม่รู้จะซาบซึ้งใจกะคำปลอบโยน
อันนิ่มนวลประดุจใยไหม ของหม่ามี๊ รึเป่า 555


 
 

โดย: อิปลาไหล มาแว้ว อิอิ IP: 124.122.181.230 วันที่: 21 กรกฎาคม 2553 เวลา:9:21:46 น.  

 
 
 
อ่านนี้แร้ว...
"อิฉันบอบบางเกินกว่าจะใช้ชีวิต
ท่ามกลางธรรมชาติที่โหดร้ายในป่าเขาลำเนาไพรอ่ะ
เคยเห็นสารคดีชีวิตสัตว์ ประมาณพวก คนป่า
กับ สัตว์ ในแอฟริกา อ่ะนะ
หูยยยย ยังคิดอยู่เล๊ย ว่า ถ้ากรูไปอยู่งั้นนะ
กรูอดตายแหง๋ ๆ เพราะทำอะไรก็ไม่เป็นสักอย่าง
ยิ่งเห็นภาพชีวิตวงจรของผู้ล่า ผู้ถูกล่าในป่าแล้ว
ก็ยิ่งอึ้ง มันดูปากกัดตีนถีบ
ดิ้นรนเอาชีวิตรอดไงก็ไม่ลู้แฮะ"

ต้องโขวโบก ว่า อย่าเอาความคิดแบบมานุด ไปคิด ดิ
สัตว์เดรัจฉาน น่ะ มันไม่เคยคิดมาก นี่หว่า
ไปเกิดเป็นอะไร ยังไง จะกันดารอาหาร และสิ่งยังชีพ
มันก็ไม่เคยบ่นง้องแง้ง เหมือนคนนะเฟร้ย...
สัตว์มันดีกว่าคน ก็ตรงเนี้ย อยู่ตรงไหนก็ได้ เกิดก็ไม่บ่น
ตายก็ไม่แช่งชักหักกระดูกคราย... น่าร๊ากกกกจะตาย
ถ้าคนมันทำได้แบบที่สัตว์เดรัจฉานเป็น นะ ถึงจะเรียกว่า
เข้าขั้นคนที่ประเสริฐกว่าสัตว์เดรัจฉาน ว่ะค่ะ
คนที่ไม่บ่น ไม่ว่า อยู่ตรงไหนก็ได้ ไม่อยู่ตรงไหนก็ได้
มีกินก็ได้ ไม่มีกินก็ได้ อยู่ก็ได้ ตายก็ดี หูยยยย แม่เจ้า...
น่าร๊ากกกกกกกกกกกกก ที่ซู๊ด ได้เจอคนแบบเนี้ย
ใจมันจะขาดรอนๆ เพราะหลงร๊ากกกกเธอว์เป็นที่สุด 555
(อิปลาไหลมัน อาการสาหัส นะเนี่ย พราะงี้แหละ มันถึงติด
แหงก อยู่กะฟามหลง จุด จุด จุด ไง 555)

แร้วก็...

"มันเหมือนเสพกำซาบ
รสอร่อยจากการดื่มเป็บซี่ทุกหยาดหยด
แต่จิตมันนิ่งมากเรย ง่ะ มันรับรู้ความสุขจากตรงนั้น
แต่เหมือนมีอะไรมาคอยระแวดระวัง
ไม่ยอมให้จิตมันตื่นเตลิดเพริดไปกับรสสัมผัสน่ะ
ก็เป็นประสบการณ์ที่แปลกดี
เจ้เคยเป็นเหมือนอิฉันมั่งป่ะ อิอิ"

อิอิ อาการแบบเนี๊ย เจ้ ไม่เค้ย ไม่เคย ได้ลิ้มรส เรย ง่ะ
ฉะมาทิ อาเจ้ยังไม่เข้าขั้น อิอิ กะอีกอย่าง ไม่กล้าลองของ
กัวติด เสพติดฟามสุข 555 ก็เลยไม่ยอมให้อิปลาไหล
มันลองเสพสุขแบบเปลือยใจล่อนจ้อน ซะกะที
กัวมันเตลิดแล้วฉุดมันไม่อยู่ 555
พูดแบบเข้าใจง่ายๆว่า อาเจ้ ยังใจมะถึง ว่ะค่ะ ฮุฮุ

ว่าแต่ว่า อาเจ้ อ่านที่โพสต์ในรังนู๋แล้วก็ชอบนะ
ทำไม๊พวกแมงสาบมันถึงตาต่ำ จัง วะ
เอ่อลืมไป สันดานแมงสาบมันเป็นงั้นเอง..เนาะ
จะไปโทษแมงสาบมันก็ไม่ค่อยจะเป็นธรรมเท่าไร
ต้องโทดตัวเราเอง ดั๊น สูงเกินไป ร้อนแรงเกิ๊น พวกเขา
ทนรับรัศมีฉาวงามแบบพระนางการ์ฟิล ไม่ได้มั้ง 555
เอ...แร้ว เราคิดแบบนี้ มันเป็นมานะทิฏฐิด้วยเป่า แบบว่า
แบ่งเขา แบ่งเรา เหยียดชนชั้น วรรณะ อีกตะหาก 555
แต่อย่างพระภาสกร พูดไว้ในเจาะใจ อะ คนเราคบกันได้
ด้วย ศีล สมาธิ บารมี ที่เสมอกัน ถ้าห่างกันมาก มันก็จืด
ก็ห่าง เข้ากันไม่ได้ก็ต้องโดนถีบให้ห่างออกไปเอง ตาม
ธรรมชาติที่เป็นแรงดูด และแรงผลัก ตามขั้วของมัน อะนะ

ว่าแต่ว่า เรื่อง เจ้าป้า dfh เนี่ย ป้าก็เห็นด้วยนะ ฝีมือเจงๆ
ไปอยู่ในใจพวกแมงสาบได้เนี่ย ไม่ทำมะดา
พระนางการ์ฟิลด์ ยังต้องฝึกฝีมือ อีกหลายขั้น
กว่าจะเทียบชั้น กะ เจ้าป้า dfh ได้ คริคริ
พูดงี้ พระนางการ์ฟิล จะหางกระดิก ระริก ๆ เป่าเนี่ย 555

เทคนิคการเข้าไปอยู่กลางดวงใจของคนอื่น
มันเป็นเทคกานิค ขั้นสูง กว่า ยาเบื่อ กะสารหนู จิ๊ดนุง
แล้วก็ไม่ใช่วิชาหว่านฉะเหน่ห์ อีกด้วย เพราะอย่างเจ้าป้า
dfh เนี่ย พวกแมงสาบเขาก็ไม่ได้หลงรักเจ้าป้าเขานิ แต่
พวกเขาก็ระลึกถึงเจ้าป้าในอีกแบบหนึ่ง มันเป็นอะไรที่
คลาสสิคดีใช่ปะ แบบว่าฮีโร่ เจ๋งว่ะ ทำได้ไง ฟระ...ยอมให้มันคนนึง
แบบว่ามีคนระลึกถึงวีรกรรมที่พวกเขาประทับใจ
ยกให้เป็น เอกะทัคคะ ในด้านที่พวกเขาชื่นชอบ
แบบอะไรนะ ตัวบ่งชี้ดราม่าขั้นเซียนเหยียบยอดเมฆ
มีดราม่าที่ไหน ต้องมีเจ้าป้า dfh ที่นั่น ไม่มีพลาดซักดอก
เหอๆ จะว่าไป เจ้าป้า dfh ก็เจ๋ง ไม่ใช่น้อยนะเธอว์
ชนะใจแมงสาบได้ 555 อิปลาไหลยังทำมิได้เรย..
อิปลาไหลมันกัวแมงสาบจนขรี้ขึ้นไปอยู่บนหัวเรย 555
มันต้องอาศัยความเพียร วิริยะ อุสาหะ สม่ำเสมอ ทำกิจกรรม
ซ้ำๆซากๆ (ถึงแม้มันจะงี่เง่าก็ตาม) จนกระทั่งคนอื่นเขา
สังเกตเห็นความพยายามในเรื่องนั้นๆ จนเรื่องนั้นมันฉาย
แสงเข้าลูกกะตา ประจักษ์แจ้งแก่ใจคนอื่นๆ จนเขายอมรับ
ในน้ำใจแห่งความพยายาม คริคริ
แต่ต้องเป็นเรื่องที่ทำให้คนอื่นเขาประทับใจด้วยนะ
มันถึงจะได้ไปอยู่ในใจของพวกเขาได้

จะสอน อิเข้...ให้ว่ายน้ำปะเนี่ย
แต่เรื่องนี้มันยากส์ นา แล้วก็ต้องใช้เวลามากด้วย
จะคุ้มกับการลงทุนลงแรง หรือเปล่าก็ไม่รู้ นะ คริคริ
มีแต่คน บ๊องๆ บวมๆ อะ ที่คิดทำเรื่องแบบนี้มันท้าทาย
ฟามสามารถ มันต้องวางแผน แล้วก็โอกาสที่จะสำเร็จ
ก็มีน้อย ซะด้วยจิ 555

เหมือนลงทุนสร้างหนังให้คนไม่รู้เรื่องมันเก็ท เนอะ
ส่วนใหญ่จะขาดทุน มีน้อยคนที่ทำได้ แบบรู้ตัว
อย่าเจ้าป้า dfh เนี่ย อาจจะทำได้แบบไม่รู้ตัว นะ
ก็แพล่มกันไป 555









 
 

โดย: อิอิ อิปลาไหล มาแว้ว IP: 124.122.181.230 วันที่: 21 กรกฎาคม 2553 เวลา:10:15:37 น.  

 
 
 
โถ! น่าโฉงฉาน
(ฉายตาของเหล่าฮูน่ะ กั่วจะตามอ่านของป้ามาจนถึงบรรทัดนี้ โสงสัยต้องย้อนกลับไปหาไดอาซีแพมมากินต่อ5555555555555555555)

เกรียนได้ใจ ขนาดมีโวหารฉะฉานและฟามจำเป็นเลิศขนาดนี้
ไหงไม่ทำให้พวกสหายปลวกสะดุ้งสะเทือนใดๆ
(พี่ทั่นลบและแบนดื้อๆ เสียดาย ฟายๆไม่ได้อ่าน555555555555)

ที่จินอยากเข้าไปตอแยกะพวกอีหล่ะ แต่เหล่าฮูมีทิฎฐิน้อมไปกะพวกอี เลยตอนนี้ขอดูสถานการณ์ไปพลางๆ ไหนๆป้ากิมโน๊ยก็กลับสมาคมแล้ว พวกอีไม่เป็นมิตรก็ช่างอีเถอะนะ ก็ดีที่ได้เห็นซะก่อน จะได้ไม่มัวไปฝอยเพลิน

อาเกิดเป็นเป็ดนี่ ทำไมพูดจาแปลกๆ เห็นว่าเป็นสหายกะป้ากิมโน๊ยมานานสองนาน ไหงพิลึกๆชอบกล

พอดีไปเห็นอีจารไนแนวทางปฎิบัติต่างๆมาเปรียบเทียบ ซาแดงว่าอีมีเลศนัยปั่นกระทู้ รึไม่ อีก็แยกไม่ออก ไม่ชัดเขนรึเป่า

ในนุ๊นฮาร์ดคอร์แยะ ดูสัปปายะกะเหล่าฮูนิดหน่อย อาเตชอาจสนใจก็ได้ ปากไวไม่แพ้พวกอี น่าจะเสี้ยมอาเตชไปเป็นเพื่อน ดูทีเผื่ออีจะแบนแฝดพร้อมๆกัน 5555555


(ถึง อาเหล่าแปะฟันหลอออออ)

เนี่ย เหล่าฮูจะพูดกะแม่กิมโน๊ยเนี่ยนะ บอกกงๆว่า ร้อนๆหนาวๆชอบกล เรื่องเมื่อปีมะโว้แม่ยังจำได้ นี่เผลอๆก่อนจะได้ทักทายรู้จักกันซะอีกมัง จำได้ว่ามีแต่อาอั่งไล๊สหายน้อย ที่เคยมาล้อเหล่าฮูเล่น ไหงแม่กิมโน๊ยรู้ความนัยนี้ได้ล่ะ บรื๋วๆ





(ก็ไม่ลู้ ทั่นผู้เฒ่านินจาเต่า
จะ แวะเข้ามาผลุ่บ ๆ โผล่ ๆ แถวนี้ไหมน๊อออ
เอาเป็นว่า เม้าส์เรื่อยเปื่อยทิ้งไว้
ให้อ่านแก้คิดถึงแระกัน)

บอกให้ คิดถึงพอสังเขปล่ะ


(นี่ ๆ แปะ เมื่อคืนวันพุธ
อิฉันก็นั่งสมาธิเหมือนเคยอ่ะ
แต่สิ่งที่ไม่เหมือนเคย คือ นั่งไปได้แป๊บ ๆ
กะลังเริ่มเข้าที่เข้าทาง
มันได้ยินเสียงตะคอกของผู้ชาย
ตะโกนก้อง ดัง ๆ แบบโกรธ ๆ + หัวเสีย
ว่า " มืงเป็นใครวะ " อ่ะ)

อันนี้อยากให้ระมัดระวังนิดๆจ้า สัมภเวสีนี้ก็มี โอปปาตกกะก็มี พาลก็มี เทวดาผีบ้านผีเรือน มีทั้งดีและเกเรเหมือนคนแหละจ้า

ด้วยอัธยาศัยแม่กิมโน๊ย เหล่าฮูคะเนได้ว่า คงมะใช่พวกสมาคมตาแหกเป็นแม่นมั่น(แต่เหล่าฮูเป็นสมาชิกกิตติมศักดิ์ล่ะ)

งั้นเสียงที่ได้ยิน จากสถานที่ที่ไม่น่าจะมีเสียงแบบนั้น ก็คงต้องสำรวจหรือคะเนเองแล้วล่ะ ว่า
อาจเป็นเสียงใกล้ๆนั่นแหละ หรือ
โอปปาติกกะ สปีชี่ใดสปีชี่หนึ่ง

ป้ากิมโน๊ยอาจประสาทแข็ง แต่ก็อยากให้ระวังเล็กน้อย เพราะลางทีพวกนี้อีประสาทแข็งกว่าน่ะ นี่ว่าจะไม่พูดเรื่องทำนองนี้อีกก็อดจะพูดถึงไม่ได้

เอาซะหน่อย

ตอนนุ๊นที่ซัวเถา หลังลูกทัวร์แยกย้ายไปเยี่ยมญาติ เหล่าฮูมีเวลา7วันพักผ่อนสบายๆ ตอนนุ๊นเป็นช่วงเดือน12 อุณหภูมิน่าจะลบนิดหน่อยน่ะ(ซัวเถาไม่หนาวมาก อยู่ค่อนมาทางใต้)

คืนหนึ่ง เพื่อนหัวหน้าทัวร์ด้วยกันมาพักห้องเดียวกันเพื่อประหยัดค่าที่พัก หมอเป็นสมาชิกvipของสมาคมตาแหกเหมือนกัน ตัวอีสูงปรี๊ดราว185cmกระมัง แต่อีสมัครใจให้เหล่าฮูออกหน้าเสมอๆ ตั้งแต่ตอนเรียนหนังสือแล้ว

คืนนั้น อีเพิ่งมาจากฮ่องกงกระมัง มาถึงก็มาพักด้วยกัน คืนนั้นหนาวมาก เหล่าฮูดื่มชา เลยนอนดึกเป็นนิสัย (ดื่มชาจีนกงฟูฉ่ารสเข้มข้น ที่นุ่นเค้ากินกันทุกคนน่ะ) เพื่อนเหล่าฮูมันก็หลับก่อน เหล่าฮูหลังจากไปโม้กะพวกสาวๆที่เคาน์เตอร์(คุ้นเคยกันทุกชั้นน่ะ) ก็มานอนที่ห้อง

มาตื่นอีกที เสียงรอบๆตัวเหล่าฮูดังมาก มีเด็กๆและไม่เด็กสิบกว่าคน มาวิ่งวนรอบเตียงนอน ไม่รู้มันวิ่งอีท่าไหนไม่ติดหัวเตียง แต่แรกคิดว่าคงเหนื่อยไปแบบอาการผีอำ เลยนึกสนุก มันอยากอำให้มันอำ เดี๋ยวอำมันกลับมั่ง

(ตอนนุ๊นคุ้นเคยกะโอปปาติกกะน่ะ เจอซะชินชา จนมันคงเบื่อเลิกตอแยกะเหล่าฮู เพราะไม่ค่อยตื่นเต้นซะแล้ว)

ปรากฏว่า ยิ่งดูมันวิ่งวนไปมา ไม่เห็นมันจะทำอะไรมากไปกว่านั้น บ้างก็ยืนจ้องดู เหล่าฮูนึกขึ้นได้ว่า เพื่อนมันนอนอยู่อีกเตียงนึงข้างๆ แล้วป่านนี้มันไม่เตลิดไปแล้วรึ

พอคิดจะหันไป มันก็หมดแรง ตอนนั้นเชื่อว่า ผีอำเป็นอาการของระบบประสาทมากกว่านะ ไม่ค่อยเชื่อไปทางอำนาจจิตของพวกนี้หรอก(แต่ก็เชื่อเรื่องผี เคยเจอแย๊วอ่ะ แต่ข้ามไปก่อนนะ)

เลยคิดว่า ผีอำคงไม่ใช่แค่ระบบประสาทของเราหรือฮอร์โมนในร่างกาย หรืออะไรที่เกี่ยวกับระบบร่างกายมันขัดข้องซะแล้ว
ก็พวกมันก็ดูเราเฉยอยู่ เราก็ดูมันเฉยอยู่ ด้วยว่าก็อยากรู้ให้ชัด ไม่ใช่กลัวสุดขีดแล้วไปเหมาเข่งเป็นผีไปซะหมด

ทีนี้เลยขยับตัวไม่ได้น่ะ เหล่าฮูก็ลองสวดมนตร์ ไม่น่าเชื่อว่า สวดไม่ได้เลย มันเหมือนกึ่งๆสติจะขาดตอน
และตอนนั้นเริ่มจะมีอารมณ์ขึ้นมาละ ด้วยว่าดูเชิงนานไปหน่อย คาดว่าร่วมๆสิบห้า-ยี่สิบนาทีกระมัง ขยับตัวอย่างไรก็ไม่ได้ เขยิบเอื้อมมือไปจะสะกิดเพื่อนก็เป็นไปด้วยความยาก สติก็ดูไม่สมบูรณ์

เหล่าฮูตอนนั้นคิดว่า ต้องเรียกสติให้กลับมาสมบูรณ์ ไม่กึ่งหลับกึ่งตื่น หยิกเล็บ เกาแรงๆ สุดท้ายกัดลิ้น ก็ช่างไม่มีแรงเอาเสียเลย เลยกัดมันสุดแรงน่ะแหละ และพยายามลุกขึ้นเปิดไฟห้อง

ที่สุดก็เอื้อมไปเปิดไฟได้น่ะ พอไฟสว่างวาบ ทุกอย่างก็ปลาสนาการไปสิ้น เพื่อนก็ตกใจ ถามหน้าตาเลิ่กลั่กว่ามีอะไร เพราะที่มันเห็น คือเหล่าฮูตัวเปียกน้ำ(เหงื่อ)ไปทั้งตัว กลางฤดูหนาวลบสี่องศา และเปิดแอร์ให้ลมระบาย(อย่าสงสัยตรงนี้นะ นี่เรื่องสักยี่สิบปีมาแล้วน่ะ)

ตอนนั้นพอได้สติ ถามมันว่า มรึงนอนเฉยไม่รู้เรื่องอะไรเลยรึ ไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยรึ ทำนองนี้
มันได้แต่ส่ายหน้า รังแต่จะสร้างความหวาดหวั่นให้กับสหาย เลยปล่อยผ่านไป บอกคงผีอำธรรมดาน่ะ ไม่เล่ารายละเอียดอะไร

ตอนหลังสรุปว่า ที่นุ่นคงอดอยากปากแห้ง ผู้ที่น่าจะสงเคราะห์อะไรได้บ้าง ก็มัวตกอกตกใจ พวกนี้น่าสงสาร ตอนนุ้นไม่ได้แผ่เมตตาให้นะ จะไล่เตะพวกที่มาก่อกวนด้วยน่ะ โทษฐานไม่พูดไม่จา จะหลอกให้กลัวก็ไม่หลอก

นี่เล่าเรื่องเบาๆพอเป็นน้ำจิ้ม คือจะบอกว่า ถ้ามีโอกาสก็เจริญเมตตาหลังจากเจริญปัญญา จะได้ให้โอปปาติกะ(ปรทัตตุปะชีวกเปรต)ซึ่งไม่มีโอกาสได้ส่วนบุญจากใคร อาจได้จากเรา เราก็สงเคราะห์ทุกครั้งได้ก็ดี

(ที่จิน เหล่าฮูเชื่อว่า การแผ่เมตตา-อุทิศส่วนกุศล มันน่าจะส่งผลต่อสภาพจิตใจของผู้แผ่น่ะ ส่วนแผ่ให้ญาติมิตรหรืออุทิศบุญต่างๆ ไม่รู้ชัดว่าจะสำเร็จประโยชน์ยังไง ขั้นนี้อาศัย เชื่อ ครูบาอาจารย์)

มันเป็นไปได้ทั้งนั้น แต่ที่จริง คนน่ากลัวกว่าผีนะ แต่ยังไงเสีย ก็ฟังเป็นอุทาหรณ์เล็กๆไว้สักนิดนะ หากจิตเราเป็นกัมมนียะ คือเหมาะแก่การทำงานระดับนึง ก็จะมีสภาวะธรรมปรากฏให้เห็นให้รู้เอง ข้อนี้หลายคนก็พูดทำนองเดียวกันนะ แต่ที่จริงสงวนไว้สำหรับคนมีปัญญาน่ะ คนมีโมหะรังแต่จะเข้ารกเข้าพง และเลยเป็นคำที่พวกเจ้าสำนักเอามาใช้ล่อศรัทธาคนน่ะ





( แต่ กรูไม่สน กรูจะนั่งมาธิ


ตานี้ ซักแป๊บพอออกจากสมาธิ
( เพราะยุงกัดกัวเป็นไข้เลือดออก !)
ก็เรยชักเอ๊ะใจน่ะ เพราะเหตุการณ์รอบแฟลต
มันเงียบสงัดตามปกติไม่ยักมีอะไรเกิดขึ้น
แถมพิณาจาก ทิศทางของเสียงที่ได้ยิน ( หลังแฟลต )
ในรัศมี ราว 2 กิโลเมตรดูแล้วยังไง
มั๊นก็ไม่น่าจะมีคนเรยสักตัว
ที่สำคัญ ระยะขนาดนี้
มันไม่ได้จะแหกปากได้ชัดแจ๋วได้แบบนั้นนะ
จึงเริ่มสงสัยว่า ตกลง เยื่อแก้วหูตูปรุงแต่งจนวิปลาส
หรือว่า เป็นเพราะอะหยัง ?
แต่ถ้าว่า เป็นเพราะหูแว่วมันก็กระไรอยู่
เพราะเสียงมันชัดมาก
แถม สติสัมปชัญญะก็อยู่ครบนะ
( ก่อนนั่งมาธิ เดินจงกรมมาแระ )



ก็ตามรู้ไปน่ะ ถ้ามันมาพูดให้ได้ยิน มันเจตนาให้เรารับผัสสะที่มากระทบ ก็รับผัสสะในลักษณะรู้ สักแต่ว่ารู้ การไม่สนมันจะก่อให้เกิดการบิดเบี้ยว ไม่รู้เห็นตามจริง

ครูอาจารย์ที่ท่านธุดงค์ เข้าใจว่าก็วางใจแบบนี้ เหมือนว่าครั้งหนึ่ง หลวงปู่ฝั้นธุดงค์อยู่ในป่า เผลอเพ่งผีกองกอยมากไปหน่อย มันไหม้เลย คือดันไปทำให้ท่านรับรู้ว่ามีการมาของมัน ทีนี้สภาวะจิตของท่านขณะปฎิบัติ แน่วแน่และทรงพลัง ก็เผลอไปเพ่งพวกอสูรกายเข้า ท่านก็คงเจริญกรรมฐานในลักษณะรู้สักว่ารู้ เห็นสักว่าเห็น(หมายความว่าวิญญาณขันธ์รับรู้ แต่ไม่ไปถึงสังขาร ปรุงแต่งใดๆ)



(จะได้สอนเรื่องอจินไตย
ให้มันเป็นธรรมะรับประทานไปด้วย
เผื่อมันจะเห็นดวงตาธรรม เอิ๊กส์ ๆ
แต่หลังจากวันนั้น ก็นั่งมาธิอีกครั้งนะ
ไม่ยักได้ยินเสียงอะไรอีกเรย
สงสัยผีมันจะเข็ดมั้ง
เพราะไม่ประสบฟามสำเร็จในการหยอก งิงิ)


แน่ะ ว่าแล้วไม๊ล่ะ!
ดุๆไปพิเรนทร์กว่าเหล่าฮูซะอีก
คนเกเรมี ผีเกเรก็มี
แต่ถ้าเจอผีเกเร ก็วีนใส่ได้หากคับขัน พวกนี้จะกลัว หากขณะเจริญจิต-ปัญญาภาวนา แล้วไปก่นด่าแช่งชักหักกระดูกมันน่ะ แหะๆๆ

แค่นี้ก่อนนะ ยังไงก็มาเล่าให้ฟังบ่อยๆน่ะ จะได้แชร์ให้เหล่าฮูฟังมั่ง อยากฟังน่ะ ว่าเจริญก้าวหน้าหรือขลุกขลัก แก้ปัญหา ทำยังไงมั่ง ตอนนี้นึกเรื่องสนุกๆไม่ออก เดี๋ยวนึกออกค่อยมาโม้ใหม่จ้า


.
 
 

โดย: Lao fu zi IP: 124.120.12.235 วันที่: 21 กรกฎาคม 2553 เวลา:18:12:00 น.  

 
 
 
อะโหยยยยยยย หม่ามี๊ขราาาาาาาา
แท้งกิ๋ว ที่คอยเป็นมิ่งขวัญและกำลังใจให้นู๋บีซำเหมอ
รับลู้ถ้อยคำ จำนรรจา สำเนียงภาษาปลอปประโลม
แบบ ตบจูบ ๆ เอ๊ย แบบ อ่อนโยนประจดุจเส้นไหมเสริมใยเหล็ก
แร้ว หัวเราะกิ๊ก จนอยากจะขันเอกอี้เอ๊กเอ้ก เรยว่ะค่ะ
5555555555555555555555555555555555




--------------------------------------------
นี่นี่...ฟามจริง นู๋การ์ฟิลด์ ต้องพินา ตัวเองนะเนี่ย
ว่าทำไรไม่ถูกใจพวกแมงสาบมัน 5555
ไปเที่ยวรังแมงสาบ ก็ต้องเข้าใจหัวอกพวกแมงแสบด้วยดิ๊
++++++++++++++++++++++++++++
โอ มายก๊อด ! หม่ามี๊ขราาาาาา
นู๋บีใช้วิปัสนึก ตรึกดู แร้วเพิ่งจะเก็ทสะท้าน
ว่า อะไรคือเหตุปัจจัย ที่นู๋ทำให้
เหล่าแมงสาบ ขุ่นมัวจนเดือดพล่าน
สงสัยเป็นเพราะ นู๋ เผลอ พก น้อง ต๊ะเอ๋
เข้าไปรังแมงสาบด้วยมั้ง
โสงสัยพวกมันคงจะกัว เจ้าตัวต๊ะแกของนู๋
ไล่เชมือบพวกมันจนสูญพันธุ์ เหอ ๆ


แต่ถึงจะเก็ท ก็ยังม่ะหายงง อ่ะนะ
แปลกใจจิ๊ดนุงส์ ว่า
ทำไมต้องลบตัวหนังสือกรูจนเหี๊ยนด้วยฟระ
เพราะเท่าที่อ่านดู มันก็แค่กวนซ่งติงหน่อย ๆ เท่านั้นเองนะ
ไม่ได้ใช้คำหยาบ ด่าพ่อด่าแม่ ประณามใคร
จนทำให้แมงสาบร้อนรนทนไม่ได้ซะหน่อย
จำได้ว่า ตอนอ่านโองการแช่งน้ำของแอดมิน
แร้ว ลู้ว่าโดนแบน อ่ะนะ นั่งขำกรั่ก ๆ อย่างก๊ะอิบร้าาาา
ทว่าจู่ ๆ คำถามหนึ่งก็ ผุดขึ้นมาในหัว
เหล่า แมงสาบพวกนั้น กลัว อะไร ?



เฮ้อออออ จิง ๆ นี่ถ้าไม่โดนยัดหม้อถ่วงน้ำอ่ะนะ
ยังว่าจะ งัดเอาประสบการณ์
เรื่องการเบิ่งจิต มาถก ก๊ะพวกนั้นอยู่เรยยยย
แถม ครึ้ม ๆ ว่าจะเอา ตัวหนังสือ เรื่อง
พระยอม แต่เณรไม่ยอม


กับ การเพ่งโทษผู้อื่นเป็นบาป ฯ
I am OK , you are not OK


มาตั้งกาทู้ ในห้องฟรีสไตล์
เป็น วิดทะยาทาน อ่ะนะ
ดั๊น โดนแบน ซะแระ กรู เหอ ๆ







-----------------------------------
ขนาดเวบมาม่า ก็ยังไม่เว้น อันนี้
รับไม่ได้ ว่ะค่ะ เวบมาม่าทำไม่ถูกนะเนี่ย ต้องประท้วง
แอดมินทำทีเป็นคนใจกว้างขวาง ทำไมต้องมาแบน
โฉมงามพระนางการ์ฟิล ด้วยฟระ ผิดหวัง เจงๆ หรือว่า
แม่นางการ์ฟิลมีรัศมีธรรโมะ ขั้นรุนแรง พวกนั้นเรยทน
รับรัศมีอันร้อนแรง มิด้ายยย 555 ขนาดว่า 2 ชม.ก็รีบล๊อก
กุนแจ เนี่ย ไม่ทำมะดาเรย โขวโบก
++++++++++++++++++++

อันนี้ก็งงเป็นไก่ตาแตก เหมียนกัน
ถ้าโดนเวบทำมะ ล็อคกาทู้ นี่ ยังพอเข้าใจอ่ะนะ
แต่โดนเวบมาม่าแบน นี่ดิ๊ กรู รับ บ่ ด้ายยยยยยย
แหม๊ กะลังบริหารเสน่ห์ เรียกหนุ่ม ๆ แถวนั้น
หั้ยเคลิบเคลิ้ม มารุมมะตุ้มรุมรักป้าบัวฯ
ขยาย ฐานแฟนคลับให้ถ้วนทั่วอยู่แท้ ๆ
ดั๊นมาทำลายพิธีกรรมมนต์ดำอันศักสิทธิ ของกรูซะนี่ ซิก ๆ


ตอนแรก ว่าจะไปร้องห่มร้องไห้ก๊ะ คุณจ่าแอดมินแระ
ว่า เฮ้ย เมิงแบนกาทู้ ของกรูทำไม๊ ?
ไม่งั้นก็ ตั้งกาทู้ใหม่ ประมาณว่า

คุณป้าบัวเกรียน สะอื้น ร่ำไห้หงิ๋ง ๆ
เมื่อ กาทู้เปิดซิ๋ง ของคุณป้า
โดนมือมืดอุ้มไปทิ้งทะเล !


แต่คิดไปคิดมาอย่าดีฝ่าว่ะ
แถวนั้น ดูท่า นักเลงคอมแยะ อ่ะ
ขืนไปกวนซ่งตรีน มันมาก ๆ
เกิดมันหมั่นไส้ ตามจิกไอพี
แร้วส่งไวรัสมาถล่มเครื่องคอมพ์
เก๊าะซรวย จนงอมพระราม สิคร้าาา
ดังนั้น เลิกตอแย ขาหญ่ายแถวนั้นดีฝ่า แหะ ๆ


เฮ้อออออออ ขนาด บ่นลมบ่นแล้งแค่เนี้ยะ
ไอ้พวกมอด มันยังรับมิได้
งั้นต่อไป ถ้า โพส กาทู้
" ตัวหนังสืออื้อฉาว ของอิสาวบัวผ่อง "
เก็บดีเทลการเกรียน ทีละช็อต ตลอดทุกเม็ด
พวกมอดมิช็อคตายหรอกหรือ เหอ ๆ








--------------------------------------
สงสัย พระนางการ์ฟิล นี่พลังานแฝงสะสมเยอะเกินพิกัด
คนอื่นเขาเลยทนรับฝ่าพระบาทไม่ไหว กัวตับแตกตาย
คารังตัวเอง 555

ต้องหาวิธีปลดปล่อยพลังงานของพระนางการ์ฟิลมั่ง ก็ดีนะ
อย่าง หากระดูกเทียมให้แทะเล่น อ่าว...โทด ลืมๆ ดันนึกถึง
ไอ้มิคกี้ลูกชายสี่ขา 555 หรือจะเอาใบข่อย ก็ไม่ดีอีก หม่ามี๊
ไม่หนับหนุน คริๆ เอาแบบเห้งเจียไม๊ ไปป่วนสวรรค์เล่น
ไม่รู้จะแนะนำยังไงดี อ่า... ลองสังเกตดูละกัน ว่าพระนาง
การ์ฟิล ท่านชอบอะไรเป็นพิเศษ ไปลองเล่นกีฬาที่ออกแรง
มั่งก็ดีนะ อย่าเอาแต่เดินจงกรมเอาใจแต่เจ๊หิ ไปว่ายน้ำล่อ
ไอ้เข้ มั่งก็ได้นะ พระนางการ์ฟิลจะได้ปลดปล่อยพลังงานออก
มาได้บ้าง เผื่อพระนางจะหงอย เอ๊ย มะใช่ จะได้ โล่ง โปร่ง
เบา และฉบายตัว อารมณ์ดี มีสมดุลย์ ใสปิ๊งๆ หนุ่มๆ หรือตา
เฒ่าได้เห็น จะได้วิ่งไล่ตามมาซบหลังเท้าของพระนางไง 555
++++++++++++++++++++++++++++++++++


แหม๊ ! หม่ามี๊ ขราาาาาาา ... แนะนำได้แหล่ม งิงิ
ช่วงนี้ ไงก็มิลู้ แฮะลู้สึกว่า
ไอ้เจ้าการ์ฟิลด์ มันยึดอำนาจ เบ็ดเสร็จ
แอบตีหัวเจ้หิ แร้วถือเลื่อยไฟฟ้า
มาหั่นขาเก้าอี้ อินังคิตตี้ ว่ะค่ะ เอิ๊กส์ ๆ


ตอนนี้เก๊าะเรยต้อง ตามใจ
ไอ้ทั่นการ์ฟิลด์ มันจิ๊ดนึง 555
อืม.... เท่าที่สังเกต อะนะ ไอ้เจ้าการ์ฟิลด์ เนี่ย
มันชอบ กวนซ่งติง ชาวบ้านอ่ะ
ถ้า ยั่วเย้ากระเซ้าแหย่ ระริกระรี้ อะซิก ๆ
แร้วทำให้ เหล่าแมงสาบมัน หนวดกระดิก ได้เนี่ย
แหม๊ มันมีฟามสุกที่ซูดดดดดดดดดด เหอ ๆ


เฮ้อออ แล้วนิสัยเสีย อีกอย่าง ของ พระนางการ์ฟิล
ก็คือ เวลามันเห็น ใครถูก ยำตรีน รุมกินโต๊ะ อ่ะนะ
มันจะคันยิก ๆ จนต้องกระดิกหางเข้าไปช่วยง่ะ
ชาย ต. เสนาบดีฝ่ายเสบียง ของอิฉัน
มันยังบ่นเล๊ย ตอนลู้เรื่องที่อิฉันถูกแบนจากเวบ แอนตี้วิมุด
ประมาณว่า อยู่ดีไม่ว่าดี
พี่จะไปแกว่งปากหาเท้าทำไม๊


ก็เรยตอบมันไปประมาณ ว่า


พี่ไม่ชอบ พฤติกรรม แบบหมาหมู่
รุมกินโต๊ะ คนที่ไม่มีทางสู้
พี่ไม่ลู้หรอกนะว่าใครผิดใครถูก
แต่ รวมหัวกันมาจิกมาทึ้ง พวกดูจิต
โดยที่อีกฝ่ายไม่มีโอกาสได้ตอบโต้งี้
มันไม่แฟร์ว่ะ พี่ไม่ชอบ
เลยต้องแถเข้าไปเจื๋อกซะหน่อย


แม๊ทีแรกล่ะ จิกทึ้งคนอื่น ซะเมามันเรยยยย
พอตูโดด มาเล่นด้วย ล่ะ
เงียบกริ๊บบบบบบ ไม่ยอมต่อฟามยาว
สาวฟามยึด ในประเด็นที่ถกกัน
แต่หันมาเหน็บแนมนู๋ เรื่องอื่นแทน คริ คริ







--------------------------------------
เนี่ยนะ หม่ามี๊ ส่องดูพฤติกรรมแล้ว พระนางการ์ฟิล เนี่ย
ต้องมีเสน่ห์รุนแรงเป็นอันดับ1ของจักรวาล แน่นอน
ดูอาการแร้วววว ปิ๊งๆๆๆๆๆๆ ว่ะค่ะ
ถ้าอบรม จริตจกร้าน ซะหน่อยนะ หม่ามี๊ว่า
คอนโดเป็นล้านห้องก็ไม่พอเก็บหนุ่มๆ ว่ะค่ะ


เทคนิคการเข้าไปอยู่กลางดวงใจของคนอื่น
มันเป็นเทคกานิค ขั้นสูง กว่า ยาเบื่อ กะสารหนู จิ๊ดนุง
แล้วก็ไม่ใช่วิชาหว่านฉะเหน่ห์ อีกด้วย

++++++++++++++++++++++++++++

อิอิ หม่ามี๊ ขราาาา พูดซะ
ไอ้เข้อย่างนู๋ อมยิ้มแก้มตุ่ย เรยอ่ะ งิงิ
แปลกมวากกกกกกกกกกก
ตะเช้าเพิ่ง จะต่อปากต่อคำ
ถก ประเด็นนี้ก๊ะ ชาย ต. อยู่พอดี
(เรื่องการ บริหารเสน่ห์ ในเวบ )



เนี่ย มันก็เลคเชอร์สอนอิฉัน
ประมาณ ว่า พี่อ่ะ จะเข้าไปโพสที่เวบไหน
ก็หัดทำตัวเป็นเด็กดี เป็นนู๋บีที่น่าร้ากกกกก ซะมั่ง
คนอ่านจะได้เคลิบเคลิ้ม หลงซาเหน่
จะได้ไม่ต้องโดนเค้าหมั่นไส้
จนต้องถูกเฉดหัวกระเซอะกระเซิงออกมางี้ ฯลฯ



ไอ้เราก็เรย แว้ด ๆ ฉอด ๆ
กลับไปประมาณว่า ไอ้เรื่องทำตัวเป็น
สาวสวยแสนดีดี มีคุณธรรม ค้ำจุนโลก
จนใครอ่านก็ตกหลุมร้ากกกก เนี่ย
เรื่องจิ๊บ ๆ จะทำเมื่อไรก็ทำได้
แต่ทำแบบนี้ มันน่าเบื่อ มันไม่ท้าทาย


มันต้องทำให้ชาวบ้านมาซูฮก
ยอมรับนับถือ ยกย่องเราได้
ทั้ง ๆ ที่เรา เป็น แบดเกิร์ล งี้ ดิ มันถึงจะเจ๋ง
อย่างพี่เนี่ย มันต้องสไตล์
นางเอกในซีรี่ซ์เกาหลีว้อยยยย
ประมาณ ถึง เธอว์จะร้ายยยย แต่นายก็ร้ากกก
แบ่บ ละครเรื่อง สวย เริ่ด เชิด โสด ไง้
ไม่เคยดู หรือไงฟระ เอิ๊ก ๆ ฯลฯ


สุดท้าย โม้มั่ก ๆ ชาย ต. มันคงจะเบื่อมั้ง
เลย เลิกตักน้ำลดหัวตอ อย่างอิฉัน 5555







--------------------------------------
ต้องโขวโบก ว่า อย่าเอาความคิดแบบมานุด ไปคิด ดิ
สัตว์เดรัจฉาน น่ะ มันไม่เคยคิดมาก นี่หว่า
ไปเกิดเป็นอะไร ยังไง จะกันดารอาหาร และสิ่งยังชีพ
มันก็ไม่เคยบ่นง้องแง้ง เหมือนคนนะเฟร้ย...
สัตว์มันดีกว่าคน ก็ตรงเนี้ย อยู่ตรงไหนก็ได้ เกิดก็ไม่บ่น
ตายก็ไม่แช่งชักหักกระดูกคราย... น่าร๊ากกกกจะตาย
+++++++++++++++++++++++++

อิอิ อันนี้เห็นด้วย เจ้าค่ะ อาเจ้
โสงสัย อิฉันจะเคยตัว เลยเอา ฟามคิด
แบบหมานุดขี้เหม็น มาแสดงฟามเห็นอ่ะ แหะ ๆ


อ้อ แต่ไงอิฉันก็ยังยืนยันนะ
ว่า ตามฟามคิดของ อิฉัน
ไงเกิดเป็นคน นี่ก็โชคดี กว่า เดรัจฉาน นะ
เพราะว่า ไงซะ การมีฐานันดรศักดิ์เป็น หมานุด เนี่ย
มันก็ทำให้เรา มีสิทธิ ที่จะเลือก ก่อกรรม ได้หลากหลายกว่าอ่ะ
อย่างถ้าเป็นสัตว์อ่ะ เจอทุกขเวทนา
ไม่ว่าจะ หิว บาดเจ็บ ถูกไล่ล่า ฯลฯ
มั๊น ก็ไม่มีสิทธิบ่น ต้องทนทุกข์ก้มหน้ารับกรรมกันปาย
แต่ คนเนี่ย มันมี สิทธิที่จะเลือก อ่ะนะ
เวลาเจอกับ ทุกขเวทนา พวกนี้


บ้าง ก็ เลือกที่จะใช้สิทธิ บ่น
บ้าง ก็ เลือกที่จะใช้สิทธิ ทน
บ้าง ก็ เลือกที่จะใช้สิทธิ หวัง


แต่จะมีสักกี่คนกันน๊ออออ
ที่เค้ายอมแหกคอกเลือกที่จะใช้สิทธิ ฝึกวิชา สติปีฏฐาน ทั้ง 4
จนสำเร็จเคล็ดวิชา ฝ่าด่านอรหันต์ทองคำ

เฮ้อออออ นานาจิตตัง อ่ะเน๊าะ
ของงี้ มันก็ต้องแล้วแต่ วาสนาจริต เหอ ๆ








---------------------------------------
แต่อย่างพระภาสกร พูดไว้ในเจาะใจ อะ คนเราคบกันได้
ด้วย ศีล สมาธิ บารมี ที่เสมอกัน ถ้าห่างกันมาก มันก็จืด
ก็ห่าง เข้ากันไม่ได้ก็ต้องโดนถีบให้ห่างออกไปเอง ตาม
ธรรมชาติที่เป็นแรงดูด และแรงผลัก ตามขั้วของมัน อะนะ
++++++++++++++++++

หูยยยยย เจ้ดู คลิปพระภาสกร แร้วเหยออออ
ไม่ลู้เป็นเหมือนกันไหม นะ
อยากจะบอกว่า ตอน ดูถึงช่วงที่ท่านพูดเรื่อง นี้
ที่ว่า คนเราคบกันได้ด้วย ศีล สมาธิ บารมี ที่เสมอกัน เนี่ย
อิฉัน นึกถึง เจ้ มั่ก ๆ เรยยย อ่ะ
ไม่ลู้สินะ จู่ ๆ มันก็แว๊บ เข้ามาในขมองอ่ะ


เลยนึกสงสัยไปว่า คงเพราะ อย่างซี้ แหง๋ ๆ
เวรกรรม เอ๊ย ผลบุญ มันถึงชักนำ
ให้เราได้โคจรมาพูดคุยกระหนุงกระหนิง
อยู่ในจักรวาลเดียวกัน เนี่ย งิงิ


.
 
 

โดย: คุณป้าบัวแพล่ม IP: 222.123.173.16 วันที่: 21 กรกฎาคม 2553 เวลา:20:58:05 น.  

 
 
 
ปอลิง

ว้าาาาา ตะกี้ โพส แร้ว ติดโปรแรมกรองคำอ่ะ
งั้นรออ่านหลัง ไอ้แง่บ มันอนุมัติบัตรผ่านแระกัน
เด๋วจะงง เหอ ๆ



ปอลิง 1


เฮ้อออ ถ้าเลือกเกิดได้ เกิด เป็น แมงวัน ก็ดีนะเจ้
เลือกเกิดเป็นสายพันธุ์ที่เขาขุนเอามาเลี้ยง
ให้มันสร้างรังดักแด้ เอาไปเครื่องประดับอ่ะนะ
เคยดูในสารคดี เห็นมันสบ๊าย สบาย
มีคนประคบประหงมเลี้ยงดูปูเสื่อเพรียบเรย

มีหน้าที่ กิน ขรี้ ปี้ แร้วเก๊าะนอน
จนหมดวงจรชีวิตอันแสนหวาน ตายตามอายุขัย
เฮ้อออ จะว่าไป แมลงวันพวกนี้ก็เหมือน
ได้นั่งอยู่ใน สรวงสรรค์วิมานเมฆเรยนิ



อืม....พูดถึง สวรรค์ชั้นฟ้า
แร้วก็นึกถึง ป๊ะป๋าโจ พ่อปั๋วของนู๋บี ว่ะค่ะ
อ่ะ เอาเรื่องนี้ มาฝากหั้ยป๋าโจอ่าน ตามประสาลูกไป๊ ที่ดี
( ส่วน หม่ามี๊ ม่ะต้องอ่าน ก็ได้นะเจ้าคะ
เพราะ หม่ามี๊ ม่ะปาดถะหนา จะไปซาหวัน เหมือนป๋าโจ นิ อิอิ


อย่าลืมเอาไปให้ ป๊ะป็าโจ อ่านให้ได้นะคร้าาาาา
เผื่อว่า จะ เก็ทสะเทือน เหอ ๆ


https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=tonic&month=28-11-2008&group=4&gblog=14



และ ขออวยพรให้ พ่อปั๋วของนู๋
ได้ ออนทัวร์ สำเริงสำราญในทิพยสถาน
ณ วิมาน แห่งนี้ ด้วยนะเจ้าคะ
โอ้ สวรรยาาาาา 5555555555555


ส่วนอันนี้ เอามาฝากเจ้
เผื่อจะอยากไปเลี้ยงที่บ้าน 5555555


[img]//media.playpark.com/images/Playlive/News/FWD/kajoy.jpg[/img]


//media.playpark.com/images/Playlive/News/FWD/kajoy.jpg


ปอลิง 2
อะโหล อาเหล่าแปะ ฟันหยอออออออ
สบายดี ปล่าวคร้าาาาาาาาาาาา
หายไปเรยน่าาาาาาา
( นึกว่า ปลีกวิเวกไปปฏิบัติ ที่วัด ซะอีก อิอิ )

อืม....เด๋ว อิฉันจามาเมาส์
แล พ่นน้ำหมากใส่อาเหล่าแปะนะเจ้าคะ
แต่ วันนี้ คุณนายแก้วดี มานอนด้วย อ่ะ
ขอตัวไปปรนนิบัติพัดวีหม่ามี๊
ตามประสา กุมารี ยอดกตัญญู ก่อง งิงิ

บ๊ายบาย คร้าาาา




.
.
 
 

โดย: คุณป้าบัวแพล่มมมมมมมมมมมมมมม IP: 222.123.173.16 วันที่: 21 กรกฎาคม 2553 เวลา:21:05:17 น.  

 
 
 
เปลี่ยนหน้าเหอะ
ปวดลูกกะตามากมาย
นานแล้วที่ไม่มาในสมาคม
สงสัยจะโดนไล่ออกไปแระ
รึตัดสิทธิ
สมาชิกไปแร้วววก็มิรุ้......หงิมๆ
 
 

โดย: ป้านู๋เว IP: 1.46.226.241 วันที่: 22 กรกฎาคม 2553 เวลา:0:42:10 น.  

 
 
 
หวัดดีจ้ะ นู๋เว คนงาม ยินดีที่กลับมาตายรังนู๋ นะจ๊ะ
คิดถึงนะจ๊ะ จุ๊ฟๆ

ถึงพระนางการ์ฟิลด์ เมื่อวาน อิก๊วยเจ๋ง มันมาจากไหน
ก็ไม่รู้ มาถึงมันก็โพสต์ ชมโฉมพระนาง
เป็นเวอร์ชั่วน้องต๊ะเอ๋ ซะงั้น
ไม่รู้ว่าจะถูกใจพระนาง รึเป่านะ
(ไม่เกี่ยวกะอิปลาไหล นะ อิก๊วยเจ๋ง คนเดียวเรย)

ตามมาด้วยมหากาพย์ วงศ์เหี้ย อีก
เท่านั้นยังไม่พอ ยังไปเอาไร้สารนุกรม วงศ์เหี้ยที่มิวเตชั่น
ผ่าเหล่าไปเกิดในคนอีก ตามนี้อะ
'//board.palungjit.com/f181/นี่-ๆ-เหล่านักปฏิบัติ-จ๋าาา-ช่วยวิสัชนา-ตอบ-นู๋บี-ทีซิ-ว่า-ขรัวตาจะตีไหมค้าาาาาาาา-209696-38.html'
ตั้งกะ #754 ชอบหรือไม่ชอบ ก็ไปเตะอิก๊วยเจ๋งละกันนะ

อิเอี้ยก้วย กะ อิปลาไหล มันบอกว่ามันไม่รู้เรื่อง แหะๆ

ปล. เรื่อง "อย่างซี้" เนี่ย ก็สงสัยตะหงิดอยู่เหมือนกัน 555
ไม่รู้จะยังไงนะ แต่สนใจน้อง ต๊ะเอ๋ มากๆ เห็นแร้วเป็นต้อง
วิ่งถลาเข้าใส่ แหะๆ (ดู อิก๊วยเจ๋งมันดิ ชอบเสร่อ 555)


 
 

โดย: อิปลาไหล มาแว้ว อิอิ IP: 124.120.150.156 วันที่: 23 กรกฎาคม 2553 เวลา:11:17:18 น.  

 
 
 
เรื่อง โอสวรรยา... เนี้ย ไม่สะเทือน ป๋าโจหรอก ว่ะค่ะ
ป๋าเขาเคยแหยมๆ ออกมา ว่าอยากจะลองเสพ ขั้นสูงสุด อิอิ
ก็เคยเตือนอยู่เหมือนกัน ว่า ไม่กัวหลง เหยอ
เขาบอกว่า ไม่ลองก็ไม่รู้ ดิว่ะครัฟ จะหลงก็หลงไป
ถ้าเอาชนะความหลงไม่ได้
ก็ให้มันตายไปกับความหลงนั่นแหละ
เอา กะเขา ดิ
ก็อย่างว่าแหละ อยากได้อยากมีเยอะๆ ก็ต้องออกแรงเยอะ
บททดสอบมันก็ต้องเยอะ ถึงแม๊จะเป็นหนอนผู้ยิ่งใหญ่
ในสวรรยา ก็ต้องลองเป็นและต้องสอบผ่านให้ได้
ถ้ามันจะสอบตกหลงตายในสวรรยา ก็เป็นประสบการณ์
ที่ต้องเดินผ่าน อะนะ เรื่องของคนบางคน เราไปคิดแทนเขา
ไม่ได้ ถึงเป็นแฟนก็ทำทำแทนไม่ได้ ง่ะ

ตัวใครก็ตัวมัน ว่ะค่ะ

ปล.โพสต์แรกติดเซนเซอร์ ง่ะ อ่านอันนี้ไปก่องละกัน
 
 

โดย: อิปลาไหล อิอิ IP: 124.120.150.156 วันที่: 23 กรกฎาคม 2553 เวลา:11:27:45 น.  

 
 
 
^
^
งั้นเด๋ว รออ่านหลังผ่านเซนเซอร์ก่อน
แร้ว ป้านู๋บีค่อยย้อนกลับมาแพล่ม
ก๊ะ ป้านู๋เว ป้านู๋ขวัญ ดีฝ่าเน๊าะ
( เฉาปากมานานแระ อิอิ )


แต่ตอนนี้งานเข้าอีกแร้วอ่ะ
ติดภารกิจจ่ายยาคลินิก ARV ประจำเดือน
ให้คนไข้เอดส์ อีกเพรียบบบบ เยยย
เคลียร์งานเสร็จ เด๋วจามาเม้าส์โตยเน้อ ^ 0 ^


ปอลิง

สมาชิกทั่นไหน สนใจอยากทดลองชิม รสชาดของ
ยาสูตรค็อกเทล GPO-vir S 30 ก็บอกได้นะจ๊ะ
ป้านู๋บี จะ ได้ขยักยาเอาไว้ให้ลองเสพ
ในสต๊อคยาที่ ป้าเก็บไว้ มีเพรียบบบ เยยย
( ป้านู๋ขวัญ อยากได้ไปฝาก ป๋าโจ ซัก กระปุกป่ะค๊ะ เหอ ๆ )


บ๊ายบาย ขอตัวไปเชคยา ARV ต่อแระ งิงิ ^@^


 
 

โดย: คุณป้าบัวแพล่มมมมมมมมมมมมมมม IP: 222.123.238.233 วันที่: 23 กรกฎาคม 2553 เวลา:12:41:05 น.  

 
 
 
มาเอาใจพระนางการ์ฟิลดิ์ เป็นการเฉพาะ
อาเจ้ ช่วยไปโปรโมท รังนู๋ ให้แล้วนะจ๊ะ ที่เว็บพังจิตปู๊น
อิอิ

'//board.palungjit.com/f4/การติดสภาวะ-249365-2.html'
 
 

โดย: อิปลาไหล มาอีกแว้ว IP: 124.120.150.156 วันที่: 23 กรกฎาคม 2553 เวลา:15:05:17 น.  

 
 
 
น้ำใจแม่ เรื่อง GPO-vir S 30
ขอน้อมรับน้ำใจก็แล้วกันนะ แต่ยาไม่เอาว่ะค่ะ อิอิ
แค่นี้ก็น่วมแระ ไม่อยากเละเป็นเต้าหู้ยี้ ว้อยยย
กุกัว ว่ะค่ะ

อิอิ
 
 

โดย: อิปลาไหล มาอีกแว้ว อิอิ IP: 124.120.153.69 วันที่: 23 กรกฎาคม 2553 เวลา:15:57:07 น.  

 
 
 
ศีล 5 ...ในฮาเร็ม... ? อีกที่หนึ่งเว่บใหม่ ใต้ร่มธรรม

//www.tairomdham.net/index.php/topic,47.0.html
 
 

โดย: มดเอ๊กซ IP: 124.121.208.184 วันที่: 23 กรกฎาคม 2553 เวลา:20:12:46 น.  

 
 
 
เว็บที่ผมช่วยคิด จะมีกระแส มหาสติ กับ เมตตา
เป็นแกนนำ วิปัสสนาต้องโด่ง นำ อิทธิฤทธิ์

แต่ไม่ปฏิเสธ อิทธิฤทธิ์

มีกลิ่น หมู่บ้านพลัม เล่นกีต้าได้ พร้อมกับเจริญสติ


ร้องเพลงได้ อารมณ์ดี ขำได้ ผ่อนคลาย ไม่เคร่งจัด

คนเข้ามา ไม่ต้องเก่ง คนธรรมดา ก็เข้ามาได้

เข้าถึงธรรม อย่างอารมณ์ดี มีสติ เบิกบาน

นำร่องมา จน มี เว็บสุขใจ กับ ใต้ร่มธรรม

คนแนวเดียวกัน มาร่วมกันทำ

ผมจะช่วยประคอง น้อง ๆ เขา

ต่อไปเขาจะเก่ง ขึ้น ผมจะเบามือลง

ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ








 
 

โดย: มดเอ๊กซ IP: 124.121.208.184 วันที่: 23 กรกฎาคม 2553 เวลา:20:30:48 น.  

 
 
 
ขึ้นหน้าใหม่ให้แล้วฮับ...
ตามนิเรยยย แง่บๆ

https://www.bloggang.com/viewdraft.php?id=itoursab&month=23-07-2010&group=6&gblog=13

Ps: ป้าบี รูปปรากรอบด้วย
 
 

โดย: itoursab วันที่: 23 กรกฎาคม 2553 เวลา:20:45:44 น.  

Name
* blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Opinion
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet

itoursab
 
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




New Comments
[Add itoursab's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com