อยู่สบาย ตายสงบ จากไปไม่คิดค้างใคร แง่บๆ

<<
กุมภาพันธ์ 2553
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28 
 
23 กุมภาพันธ์ 2553
 

หลานฝากถาม.. เมื่อไหร่อาจะรับอิสลาม..

ครอบครัวชาวมุสลิมครอบครัวหนึ่งที่ผมสนิทมาก
เคยผลัดกันช่วยเหลือกันในหลายๆด้าน
แม้กระทั้งเรื่องศาสนาอิสลามในตอนที่ผมมีปัญหากับแฟนเก่า
ด้วยปัญหาหลักก็คือคนมุสลิมด้วยกันมาขอแต่งงานและถูกใจเธอ
ตอนนั้น คนนอกอย่างผม พูดอะไรกับเธอก็ผิดไปหมด
ไม่ว่าอะไรแฟนเธอคนรอบข้างเธอที่เป็นมุสลิมก็ถูกเสมอๆ
แม้กระทั่งคำพูดผมที่ได้มาจากครู
(ที่ครอบครัวนี้แหละพาไปเรียนด้วย) ก็ยังผิด
ตอนนั้นแม้แต่ซูเราะห์กรุอ่านที่ผมบอกมี 114
เธอก็หัวเราะเย้ยผมว่าไปเอาจากไหนมาต่อเติมศาสนาเธอ
เธอว่า"เธอเป็นลูกคนเขียนหนังสือศาสนาแฟนเธอเป็นลูกโต๊ะอิม่าม
สาบานก็ได้ว่ามีแค่ 60 ซูเราะห์" แถมด้วยประมาณว่าไปไหนก็ไป
อย่าได้มาข้องแวะกับศาสนาเธออีก
พวกมุอัลลัฟและการ์เฟตเนี่ยชอบทำศาสนาเธอเสื่อม
ผมจำได้เธอบอกว่า พวกมุอัลลัฟต้อยต่ำขนาดไหน
ในมุมมองมุสลิมโดยกำเนิดผู้ได้รับพรจากบรรพบุรุษ
อย่างเธอและครอบครัวของแฟนใหม่
ซึ่งมันต่างกับตอนแรกที่เธอเคยพูดหว่านล้อมว่ามุอัลลัฟดีแค่ไหนโดยสิ้นเชิง
แถมมุสลิมหลายๆคนก็ยังรุมด่าผมเสียอีก
ผมถึงซึ้งคำว่า
"คนเรามักเชื่อตามที่ตนอยากเชื่อเท่านั้น และความเชื่อถือในคนต้องไตร่ตรอง"

ตอนนั้นก็ได้ครอบครัวนี้แหละช่วยเหลือในแนวทางที่ดี
ช่วงทีแฟนผมทิ้งไปก็เป็นช่วงที่ผมกำลังเจอปัีญหาอย่างหนัก
ไหนจะเพิ่งตัดสินใจขอแม่ว่าจะเปลี่ยนศาสนาซึ่งแม่ก็พูดแค่ว่า
"ถ้าไปต้องไปให้ดีอย่าให้เค้าว่าได้"
ความต้องการเป็นมุสลิมของผมแรงถึงขนาดที่จังหวะนั้นพ่อผมเสียพอดี
มันเป้นเรื่องน่าอึดอัดใจแทบน้ำตาร่วงที่
พิธีทางพุทธย่อมขัดต่อศาสนาอิสลาม
แล้วผมก็มีหน้าที่ต้องทำ...ตอนนั้นคำถามมากมายเช่น
ฉันจะป็นมุสลิม ฉันนับถืออัลเลาะห์ฉันจะกราบพระัได้อย่างไร
แต่นี่งานศพพ่อนะ ฉันจะไม่ทำได้หรือ เป็นต้น
หลังจากนั้นมาผมก็ยังทำตามสัญญาที่เคยให้ไว้กับตัวเอง
ยังศึกษากรุอ่านจนครบทั้งหมด ในเวลาหนึ่งปี
ซึ่งในหนึ่งปีนั้นผมพยายามทดลองปรับชีวิตในแบบผู้ศรัทธา
เช่นไม่กินหมูเลย ไม่แตะต้องเหล้าเลย หัดล้างหะดัส อะไรเป็นต้น
(ซึ่งไม่ได้ง่ายเลยในเมื่อในสังคมรอบตัวผมเป็นอีกแบบ)
จากนั้นแถมด้วยอีกหนึ่งปี... และเรื่อยๆตามจังหวะ
หลังจากเวลาที่กำหนด สิ่งหนึ่งที่ผมมั่นใจและตั้งปฏนิฐานไว้
สิ่งเคยเกิดในงานศพพ่อ ผมจะไม่ให้มันเกิดอีก
เ้พราะผมก็ยังมีหน้าที่ของผม ต่อแม่และน้องๆ เช่นกัน
นั่นเป็นสิ่งที่ผมเริ่มเทียบสังคมพุทธเดิมของผม กับสังคมมุสลิม
และแน่นอนเมื่อผมตัดสินใจไปแล้ว.. ฉันเลือกพุทธ
ครอบครัวนี้ก็ยังยอมรับการตัดสินใจของผม
แม้แต่ครูผู้สอนอิสลามแก่ผมท่านก็ยังบอกว่า
"ก่อนลมหายใจสุดท้าย แล้วคุณเฮือก รับอิสลามขึ้นมา คุณก็ดีกว่าผมแล้ว"
และคนกลุ่มนี้ก็ยังอ้าแขนรับผมเป็นอย่างดี
นั่นทำให้ผมซึ้งอีกข้อหนึ่งว่า ... คนดี
คนที่มองคนเป็นคนเท่ากัน มีน้ำใจต่อกัน มีคุณลักษณะว่าผู้ดีนั้น
เอาศาสนารึกรอบที่ตาเราวัดเราเชื่อมาตัดสินไม่ได้้เลย

ผมกลับมามีชีวิตปรกติสุขขึ้นเยอะ
และก็ได้มิตรดีๆเพิ่มอีกมาก ยังมีนิสัยเดิมๆ
ยังแยกร่างส่วนปรกติในชีวิตประจำวัน
และอีกตัวตนที่ไม่มีใครมีทางได้รู้จักผมในโลกออนไลน์
ยังใช้ความรู้อิสลามหางอึ่งที่มีในแบบของผม
เช่นตอนหลานผมโดนคนที่สุเหร่าพูดหว่านล้อมเรื่อง
กินเหล้าบาป แต่ยาบ้านั้นไม่ผิดศาสนา
ผมก็ให้เขากลับไปอ่านซูเราะห์อัน-นิซาอฺ อายะ 43
ซึ่งเป็นอันปิดข้ออ้างเรื่องน้ำกะทอ่มรึยาบ้าไปโดยปริยาย
หรือป๋าๆเค้าเิริ่มละหมาด แต่พวกนี้กำลังติดเมาซ์ผมก็ไล่ไป
เขาก็ว่า "ป๋าละหมาดแล้ว" ผมก็บอกว่า "ตามได้นิ"
จนเจ้าหลานชายตัวเล็กแอบไปกระซิบกับเพื่อนผมว่า
"อาๆ ถามจริงๆเหอะ ความรู้ศาสนาก็มี หลายๆทีผมยังอาย เมื่อไหร่จะรับอิสลาม"
ผมได้แต่ยิ้มแล้วตอบว่า
"วันใดเขาเ้ข้าใจโลกกว้างพอ เขาจะเข้าใจว่าทำไม"


Create Date : 23 กุมภาพันธ์ 2553
Last Update : 23 กุมภาพันธ์ 2553 20:29:48 น. 1 comments
Counter : 716 Pageviews.  
 
 
 
 
เจ้าของบล้อก เป็นคนที่ simple แต่ complex
 
 

โดย: ผ่านมา IP: 203.144.144.164 วันที่: 23 มีนาคม 2553 เวลา:22:25:08 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

itoursab
 
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




New Comments
[Add itoursab's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com