|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
|
|
|
|
|
|
|
สวัสดีโยคะ วันที่ 1
วันนี้ตั้งใจอีกสักครั้งกับการเรียนโยคะ คงไม่บ่อยครั้งนักที่ชีวิตที่ห่างไกลเมืองหลวงที่เจริญๆ อย่างเราจะมีโอกาศได้เล่นโยคะ ทั้งๆที่ได้สมัครไว้ตั้งแต่เมื่อกลางเดือนที่แล้ว ด้วยเห็นว่าสนใจ แต่เอาเข้าจริงๆกับไม่มีเวลา(คงเป็นได้เพียงข้ออ้าง) ที่ไม่ได้ไปเรียนอย่างต่อเนื่อง ไปเพียงแค่ 2 ครั้งเอง คิดดูสิ อาจารย์ผู้สอนก็แสนจะใจดี ให้กำลังใจสารพัด งั้นขอเม้าส์อาจารย์หน่อยนะค่ะ อาจารย์นะ..เป็นชายหนุ่มอายุอานามก็ไม่น่าจะเกิน 35 ปีเหรอ ผิวสีเข้ม มีหนวด มีเคราเล็กน้อย ออกแนวติสส์ๆ อาจารย์จบจากมช.และมีใจรักศาสตร์โยคะอย่างจริงจัง จากประสบการณ์ที่เรียนพักลักจำมาจากเชียงใหม่มาพอสมควร จบมาก็ได้งานทำที่ดี มีเงินเดือนที่พอใช้ไม่ลำบาก แต่..ดัน กลับคิดเปลี่ยนใจลาออกจากงานประจำซะอย่างงั้น โดยมีเหตุผลเพียงแค่ว่าชีวิตอิ่มตัวกับชีวิตที่จำเจแล้ว ทำมาร่วม 4-5 ปี จริงๆตัวเราก็เคยคิดนะ ว่างานทุกวันเนี้ยจำเจ แต่เราก็พยายามมองหาข้อดีของสิ่งที่เราทำ และบอกตัวเองว่าต้องรักมัน ถึงมันจะไม่ใช่สิ่งที่เราฝันหรือชอบก็ตาม แต่อาจารย์มีความกล้า และมุ่งมั่นมากที่ ทำตามใจของตัวเอง เมื่อคิดว่างานประจำนะเต็มอิ่มแล้ว ก็อยากมาลองทำอะไรที่มันอิสระ ไม่มีเวลาเข้า เวลาออก ไม่มีสาย เราถึงได้สนใจแนวความคิดของอาจารย์มาก พอได้คุยได้ถามถึงการเปิดสอนของอาจารย์ก็ยิ่งน่าสนใจ ผู้ชายเพียงคนเดียว คนเชียงรายก็ไม่ใช่ คิดนำเทรนการรักสุขภาพแบบใหม่ ที่กำลังได้รับความนิยมจากเมืองใหญ่ๆเข้ามาในจังหวัดเล็ก ที่มีเพียงแค่กลุ่มคน กลุ่มเล็กๆ ที่พอจะรู้จักโยคะจากการได้ยินหรือได้เห็นในทีวี มันยากที่เดียวในความคิดเรา เริ่มจากอาจารย์เล่าให้ฟังว่า พอลาออกก็ตะลอนไปอินเดียประเทศที่อาจารย์สนใจ ดังใจหวัง ว่าจะไปศึกษาโยคะจากแก่นแท้ของมัน จากจุดเริ่มกำเนิดคือโยคี อาจารย์เอาเงินที่เก็บมาตลอดการทำงาน ไปลงเรียนครอสที่อินเดียที่ต้องฝึกในวัด เหมือนเราฝึกวิปัสนา(อะไรประมาณนั้นแหละ) ที่มีวินัยต้องตื่น ต้องกิน เป็นเวลา อาจารย์ไปคนเดียวเลยนะ ที่นู้นเค้ามีที่ให้นอน มีข้าวให้กิน 3 มื้อ แต่แบบสมถะมากๆ กินอาหารมังสวิระด้วย ช่วงเช้าต้องตื่น ตี 5 เพื่อนั่งสมาธิ ครึ่งชม. จากนั้นก็ปฎิบัติภารกิจส่วนตัว และเริ่มฝึกภาคเช้า เป็นการเรียนท่าทางต่าง 2 ชม แล้วต่อด้วยการ เข้าห้องแลคเชอร์เรียนรู้ความเป็นมาของโยคะแบบรู้จริง รู้ลึกๆ ถึงแก่น ในแบบของอินเดีย พักเที่ยงทานข้าว พักผ่อนเล็กน้อย เข้าห้องแลคเชอร์อีกครั้ง เพื่อเรียนความหมายของท่าต่างๆ ประโยชน์ที่จะได้รับจากท่านั้น และ การกำหนดลมหายใจให้เป็นจังหวะ แล้วตกเย็น ก็ฝึกท่าอีก 2 ชม โดยเน้นทฎษี ที่ได้เรียนมาในวันนั้น เพื่อให้ปฎิบัติได้จริง ที่นู้นนะคนต่างชาตินิยมมาฝึกกันเยอะมาก มาจากหลายประเทศ ผู้หญิงนิยมมาเรียนมากกว่าผู้ชาย แต่ท้อถอยออกไปก่อนก็เยอะ เพราะต้องปรับตัวหลายอย่างมาก บางคนรับไม่ได้ อาจารย์ถ่ายรูปที่ฝึกมาด้วย ดูแล้วเคร่งมาก มีเพียงเสื่อกกที่ใช้รอง แต่รู้เลยว่าเป็นการเรียนรู้ที่ต้องได้ผลที่ดีแน่นอน มีเกรียติบัตรที่รับรองว่าได้เข้าฝึกและผ่านการทำท่าทางที่ถูกต้อง ซึ่งเกียรติบัตรใบเนี้ยเป็นที่ยอมรับของหลายๆประเทศเลยทีเดียว พอเราได้พูดคุยกับอาจารย์นะ เรายิ่งสนใจอยากไปแต่ติดที่เราไม่เก่งภาษา เค้าพูด บรรยายเป็นภาษาอังกฤษหมดเลย แต่อาจารย์ก็บอกว่ามันเข้าใจ เพราะสื่อกันด้วยท่าทาง และคนอินเดียก็พูดอังกฤษช้าๆไม่เร็ว ต่อๆนะแล้วพออาจารย์ไปฝึกมาแล้ว ที่นี่อาจารย์ก็เริ่มหาทำเล จังหวัดที่คิดจะเปิดที่สอนเป็นจริงเป็นจังซะที เพราะตอนนี้มีความรู้ที่ได้ไปร่ำเรียนมาแล้ว ก็ไปหาหลายที่ตามเมืองหลวงที่เจริญๆ เริ่มจากเชียงใหม่ ภูเก็ต พัทยา แต่ด้วยตัวอาจารย์ไม่ได้มีคณะ หรือมีชื่อเสียงอะไรมาก่อน และไม่มีเงินทุนอะไรมากมาย จึงเปิดได้แต่เพียงที่สอนเล็กๆเท่านั้น ซึ่งถ้ามองจากภายนอกคงสู้อะไรกับโรงเรียนที่เปิดสอนใหญ่ๆไม่ได้ แม้ราคาค่าสอนจะถูกแสนถูกเมื่อเทียบกับที่อื่นๆก็ตาม สุดท้ายเลยมาลงตัวที่เชียงรายนี่แหละ ต้องถือเป็นโชคดีของเราใช่ไหมที่ค่าครองชีพที่เชียงรายไม่สูง อาจารย์เปิดสอนมา 2 เดือนแล้ว คนมาเรียนไม่เยอะ แต่ทุกคนที่มาเรียนจะชอบ และอยากเรียนไปเรื่อยๆ(เราคิดอย่างนั้น) และส่วนมากจะอายุเยอะแล้วส่วนใหญ่จะเยอะกว่าอาจารย์ทั้งนั้น อาจเพราะคนเชียงรายยังไม่ค่อยรู้จักโยคะเท่าที่ควร จึงมีแต่คนในละแวกที่สอน อาจารย์มาเช่าห้องเล็กๆบริเวณคอนโด ในห้องก็ไม่มีอะไรเลย มีเบาะยางที่อาจารย์ลงทุนซื้อมาเพื่อลูกศิษย์อยู่ประมาณ 20 แผ่น มีตะเกียงน้ำมันหอมละเหย อีก 2 เตาเพื่อช่วยรีแลกซ์ มีเครื่องเล่นแผ่นซีดีที่อาจารย์น่าจะพบมาจากอินเดียเป็นเพลงบรรเลงสไตล์อินเดียคลอช้าๆ เพื่อให้เราหายใจช้าลงตามจัหวะของเพลง บริเวณห้องไม่มีแอร์ ไม่มีพัดลม ไม่มีกระจก มียุงเยอะเลย เพราะต้องเปิดหน้าต่างเพื่อให้อากาศมันถ่ายเทบ้าง แล้วเรียนกันช่วงหัวค่ำ แต่อาจารย์นะยังไปหาซื้อผ้าดิบขาวเมตร 20 บาท (แบบบางเพื่อให้ลมผ่านได้) เอามาตัดแขวงตรงหน้าต่างแทนผ้าม่าน หาโซ่เส้นเล็กๆมาร้อยที่ปลายผ้าเพื่อให้แนบกับหน่าต่าง ช่วยไปได้เยอะเลยทีเดียว(ดูๆแล้วเหมือนออกแนวสปา สวยแบบเรียบง่ายดี) มีโลชั่นตะไคร้ให้ทาด้วยถ้าใครเป็นคนเนื้อหวานเป็นพิเศษ ยุงจะตอมเยอะเพราะพอเล่นแล้วร่างกายจะร้อนยุงจะชอบ ในห้องนั้นจะมีหนังสือนิตยสารที่เกี่ยวกับโยคะ และประเทศอินเดียให้อ่านด้วย เนี้ยเป็นทั้งหมดที่เราคิดอยากเรียน(ถึงแม้ช่วงแรกกะจะเบี้ยวแล้ว) เพราะผู้สอนมีใจรักและอยากจะสอนเราจริงๆถึงได้ทุ่มเทหลายๆอย่างที่เรามองเห็นได้จากการกระทำของอาจารย์ และคิดดูนะคอร์สล่ะ 600 บาทเอง เรียน 12 ชม. ตอนแรกเราก็เลือกเรียนซะดิบดีว่าจะเรียนวันอังคารกับพฤหัส เหตุเพราะบ้านเราอยู่ไกลออกจากเมืองเชียงรายไปอีก ตั้งเกือย 20 กม. การเข้ามาเรียนจึงต้องขับรถเข้ามา สร้างความขี้เกียจให้เรามากทีเดียว ผ่านไป 2 อาทิตย์ ไปเรียน 2 ครั้งเดียวเอง อาจารย์เป็นคนโทรมาถามว่าเป็นอะไรไม่เห็นไปเรียนไม่สะดวกเรื่องอะไรหรือเปล่า แถมบอกคงไม่ค่อยมีเวลาใช่ไหมอาจารย์บอกให้มาเรียนวันไหนก็ได้ที่เราสะดวก ได้ยินแล้วละอายที่ไม่มีความมุ่งมั่น คราวนี้เลยตัดสินใจว่าจะเรียนทุกวัน คือจะพยายามทำให้มากที่สุดเพื่อตัวเราเอง ตัวเราก็มีปัญหาเรื่องน้ำหนักที่ติดตัวมาตั้งแต่เรียนจบ แล้วเริ่มทำงานออฟฟิต ก็ใช้ความพยายามอยู่หลายวิธีแล้วก็ได้แต่ยุบๆพองๆ ไม่แน่นอน ตามกิจวัตรของเรา แล้วเราก็แทบจะไม่ได้ออกกำลังกายเลย ก็คราวนี้แหละที่เราจะพยายามทำให้ได้ จากปัจจุบัน น้ำหนักชั่งวันนี้เลย 63.8 กล. อ้วนเลยล่ะไม่เรียกว่าอวบเหรอ จริงๆก็ละอายตัวเองมาตั้งนานแล้ว ใส่อะไรก็ไม่ดูดีซักที เทอะทะ อ่อนแอ เพราะมาจากนิสัยเป็นคนติดกินเร็ว ทำอะไรเร็ว ตัวถึงได้โตเร็วปานนี้ ยิ่งอาจารย์มาแนะนำให้ลองงดทานเนื้อสัตว์ใหญ่ดูบ้าง พวกเนื้อวัว เนื้อหมู(ทานมาตลอดเลยนะ) น่าจะทำให้ระบบการย่อย ระบบขับถ่ายดีขึ้น เพราะเราปัญหาเรื่องระบบย่อยมาตลอดเพราะเคยทานยาลดความอ้วนและลดแบบผิดวิธี กินยาถ่าย หลายๆอย่าง แล้วเดือนนี้ก็เป็นเดือนเกิดของเราด้วยถือเป็นฤกษ์ที่ดี ที่เราจะเริ่มดูแลสุขภาพและทำอะไรดีๆให้กับตัวเอง มันเป็นของขวัญที่ดีและมีคุณค่ากับเราทั้งชีวิตเลยนะ.. แล้วจะถ่ายภาพที่เรียนมาให้ดูกันนะ
Create Date : 06 มิถุนายน 2550 |
|
27 comments |
Last Update : 6 มิถุนายน 2550 17:07:23 น. |
Counter : 3011 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: ป้าจะอิ๊บ (jipnaja ) 6 มิถุนายน 2550 12:50:32 น. |
|
|
|
| |
โดย: Yoawarat 13 มิถุนายน 2550 23:03:40 น. |
|
|
|
| |
โดย: ัีyummy delicious IP: 61.7.175.180 18 มิถุนายน 2550 20:41:22 น. |
|
|
|
| |
โดย: boonroenj@hotmail.com IP: 124.121.111.83 9 กันยายน 2550 22:58:27 น. |
|
|
|
| |
โดย: pp_zinzin IP: 125.26.70.235 12 ตุลาคม 2550 13:13:01 น. |
|
|
|
| |
โดย: ป้าแอ๊ม IP: 61.47.30.147 31 มีนาคม 2551 15:13:48 น. |
|
|
|
| |
โดย: natt IP: 118.175.2.115 13 พฤษภาคม 2552 10:57:13 น. |
|
|
|
| |
โดย: วิศรา IP: 125.27.110.235 13 มิถุนายน 2552 20:32:46 น. |
|
|
|
| |
โดย: nana IP: 125.25.131.171 26 กรกฎาคม 2552 9:37:47 น. |
|
|
|
| |
โดย: boom (yasothara ) 22 กันยายน 2552 11:20:06 น. |
|
|
|
| |
โดย: จิ๊บ IP: 118.172.72.18 30 กันยายน 2552 14:17:24 น. |
|
|
|
| |
โดย: เจี๊ยบ IP: 125.24.126.127 3 ธันวาคม 2552 14:18:36 น. |
|
|
|
| |
โดย: นา IP: 91.156.85.252 16 มกราคม 2553 3:12:23 น. |
|
|
|
| |
โดย: iszabella IP: 125.27.63.217 6 มิถุนายน 2553 1:31:51 น. |
|
|
|
| |
โดย: มิเมย IP: 223.24.248.144 6 ตุลาคม 2554 21:08:22 น. |
|
|
|
| |
โดย: fairy IP: 223.206.178.98 15 ธันวาคม 2554 22:53:31 น. |
|
|
|
| |
โดย: KaNan IP: 1.46.228.120 9 มกราคม 2555 20:04:59 น. |
|
|
|
| |
โดย: ฟาง IP: 125.25.181.34 15 กุมภาพันธ์ 2555 14:17:39 น. |
|
|
|
| |
โดย: nong IP: 223.207.130.249 12 เมษายน 2555 15:07:13 น. |
|
|
|
| |
โดย: ปานชีวา IP: 118.174.58.170 26 มิถุนายน 2555 16:04:37 น. |
|
|
|
| |
โดย: เจ IP: 202.29.56.224 11 กันยายน 2555 15:39:03 น. |
|
|
|
| |
โดย: ninlakang IP: 118.174.53.155 26 พฤษภาคม 2556 21:27:43 น. |
|
|
|
| |
โดย: panadda IP: 115.67.36.24 16 สิงหาคม 2556 20:06:29 น. |
|
|
|
| |
โดย: panadda IP: 115.67.36.24 16 สิงหาคม 2556 20:07:51 น. |
|
|
|
| |
โดย: ------------ IP: 27.145.163.201 25 สิงหาคม 2556 19:03:39 น. |
|
|
|
| |
โดย: Nualjan IP: 27.55.137.122 5 ตุลาคม 2556 19:35:12 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
เชียงราย Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
|
ผู้หญิงธรรมดา ธรรมดา ที่มองโลกตามความเป็นจริง.. และใช้ชีวิตบนความสับสนของตนเอง รักการเรียนรู้ แต่ไม่ชอบความผูกพันธ์ เพราะเป็นคนโลเล ความคิดไม่เคยหยุดนิ่ง ชอบคิด-ชอบทำแต่ไม่ชอบสานต่อ เข้าใจเรื่องอื่นๆได้ดี แต่ไม่เคยเข้าใจตัวเองเลย... <º))))> ฉันเห็น ขุนเขา. ตะวัน. จันทร์เพ็ญ. โดดเด่น.. แต่ว่า..เดียวดาย <((((º>
|
|
|
|
|
|
|
---------
ป้าเคยเล่นโยคะ แต่เล่นไปได้แค่ 5 ครั้งก็ขี้เกียจซะแล้ว
อยากกลับไปเล่นเหมือนกันแฮะ