ฤดูหวานรัก...Sweet Ogi - Megi วางแผงแล้ว /สนพ. ที่รัก
Group Blog
 
 
พฤศจิกายน 2558
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
16 พฤศจิกายน 2558
 
All Blogs
 
บทที่ 5

บนชั้นดาดฟ้าของโรงแรมหรูระดับห้าดาวที่ตั้งอยู่ ใจกลางเมืองในเขตกรุงเทพฯ

หญิงสาวหยิบตลับแป้งในกระเป๋าสะพายใบเก๋ขึ้นมาส่องเพื่อตรวจดูความเรียบร้อยอีกครั้ง จากนั้นก็จัดชุดให้เข้าที่เข้าทาง ชุดเสื้อทำงานกับกางเกงราคาแพงยี่ห้อดังชุดนี้เน้นย้ำความสูงโปร่งของเรือนร่างดูเซ็กซี่น้อยกว่าชุดวันที่บุกรุกเข้าไปในห้องทำงานชายหนุ่มเป็นสิบเท่าร้อยเท่าแต่ก็เก๋ไก๋อยู่ในที สมกับยี่ห้อนำเข้าจากต่างประเทศหล่อนยิ้มหยันเมื่อนึกถึงราคาสูงลิบลิ่วของมัน ที่คงมากพอจะซื้ออาหารบรรเทาความอดอยากแร้นแค้นให้ใครสักคนได้สักปีสองปีเลยกระมัง

เมื่อเหลียวมองบรรยากาศสุดหรูรอบกาย ภายในห้องรับรองส่วนตัวผนังสองด้านเป็นกระจกใส มองเห็นวิวสระน้ำดาดฟ้าด้านนอก แสงไฟสีส้มจากใต้สระน้ำและจากโคมไฟรอบบริเวณสระน้ำสว่างไสว แขกในโรงแรมหลายคนว่ายน้ำเล่นอยู่ในสระบ้างก็นอนเล่นอยู่บนเตียงข้างสระ ท้องฟ้ามืดสนิท เพราะนี่ก็เกือบหนึ่งทุ่ม ใกล้ถึงเวลานัดสำคัญ

อย่างน้อยผู้ชายคนนั้นก็ใจอ่อนยอมให้สัมภาษณ์เท่าที่รู้มาเขาไม่ค่อยยอมให้สัมภาษณ์เรื่องส่วนตัวเท่าไรนักนี่ถือเป็นครั้งแรกก็ว่าได้ และภารกิจแรกของหล่อนก็สำเร็จลุล่วงจนได้

กว่าภารกิจนี้จะสำเร็จเล่นเอาเหนื่อยโขต้องไปเฝ้าหน้าห้องอยู่สองสัปดาห์ ตามประกบเขาแจจนไม่ต้องทำอะไรแล้วที่หนักหนาสุดคือ ต้องหาผู้ช่วยคนหนึ่งมาจัดฉากเรื่องลิฟต์ค้างต้องเสียหน้าให้เขาจับไต๋ได้ แต่ก็คุ้มค่า ดร. วายุยอมให้สัมภาษณ์ในที่สุด ตอนรับโทรศัพท์จากเลขานุการหน้าห้องเขาดีใจจนแทบเฮ พอจะดูออกว่าดวงตาคมกล้าฉายแววพึงใจในตัวหล่อนอยู่ไม่น้อย เชื่อว่าการสัมภาษณ์ครั้งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของสัมพันธภาพระหว่างทั้งสองวันนี้หล่อนจะต้อนเขาให้อยู่หมัด

เมื่อประตูห้องเปิดเข้ามาคอลัมนิสต์สาวลุกขึ้นยืนต้อนรับ “สวัสดีค่ะ คุณมาตรงเวลาจังเลย หนึ่งทุ่มเป๊ะ”หล่อนทักทายเสียงสดใส

วายุยักไหล่ทีหนึ่ง “ผมถูกฝึกมาให้รักษาความตรงต่อเวลา” เขาเดินมานั่งโซฟาด้านขวามือของหล่อน

“ขอบคุณนะคะที่ยอมให้ฉันสัมภาษณ์” น้ำเสียงคนพูดเป็นกันเองแกมเย้าหยอกแววตาไหวระริกเจือความท้าทาย

“ก็คุณช่างตื๊อซะขนาดนี้ อีกอย่างผมขี้เกียจจะติดลิฟต์อีก” น้ำเสียงชายหนุ่มยังคงเคร่งขรึม

หล่อนยิ้มขำ “แต่ถึงยังไงฉันก็ต้องขอบคุณสุดหล่อของฉันอยู่ดีง่ายซะเมื่อไหร่กันที่ดร. วายุจะยอมให้สัมภาษณ์ อืม ว่าแต่จะรับเครื่องดื่มอะไรก่อนมั้ยคะ”

“ไม่ดีกว่าครับเริ่มสัมภาษณ์เลยดีกว่า ผมมีเวลาไม่มาก” อยากรู้นักว่าหล่อนเรียกผู้ชายทุกคนว่า...สุดหล่อของฉันหรือเปล่า

“แหมหายใจเข้าออกเป็นเวลาอย่างเดียว ไม่เคยคิดอยากลองปล่อยเวลาไปตามลมบ้างหรือคะ” หล่อนแกล้งกระเซ้า แต่เมื่อเห็นสีหน้าคร่งขรึม กระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อยเลยเสริมต่อ “โอเคค่ะ ฉันลืมไปว่าคุณไม่น่าจะชอบคุยเล่นสักเท่าไหร่”

“เอาเป็นว่าเข้าเรื่องดีกว่าครับ”

หล่อนยิ้มขำน้อยๆหยิบเครื่องบันทึกเสียงขนาดเล็กจิ๋วมากดปุ่ม และเริ่มคำถาม “ดร.วายุ วินเซนต์ สิทธาวรกานต์ เป็นลูกครึ่งอะไรคะ”

“พ่อผมเป็นคนไทย ส่วนแม่ผมเป็นลูกครึ่งอเมริกันฮาวายเอี้ยน”

“มิน่าล่ะฉันยังสงสัยอยู่ว่าสีผิวคุณไม่ขาวจัด ที่แท้ผิวสีแทนอ่อนๆของคุณคงมาจากเลือดฮาวายเอี้ยนของฝั่งแม่คุณนั่นเอง รู้มั้ยคะฉันว่าคุณเป็นลูกครึ่งที่หล่อและเซ็กซี่ที่สุดในยุคนี้เลยค่ะ ฉันชอบผมสีน้ำตาลอ่อนของคุณมันเข้ากับตาสีเทาเข้มของคุณดีจัง”

วายุถอนหายใจเบาๆ “ขอบคุณสำหรับคำชมแต่รบกวนช่วยเข้าคำถามต่อไปจะได้มั้ยครับ”เขาพยายามแกล้งทำเสียงเข้มอย่างไม่จริงจังนัก เพียงอยากดึงคนชอบนอกเรื่องให้วกกลับเข้าเรื่องสักที

“โอเคค่ะ คนเจ้าระเบียบ” หล่อนหยอกเย้าอย่างขี้เล่น จนดวงตาคมของวายุฉาบเคลือบรอยยิ้ม แม้เจ้าตัวยังปั้นหน้าขรึมก็ตาม“ทำไมด็อกเตอร์ถึงมีชื่อรองว่าวินเซนต์ละคะ”

“ไม่ต้องเรียกผมว่าด็อกเตอร์หรอกครับ”

“ทำไมละคะ” หล่อนถามยิ้มๆ

“ผมไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ถ้าต้องมาเรียกกันว่าด็อกเตอร์ตลอดเวลา ผมไม่ค่อยชิน”

“โอเคค่ะแล้วเรื่องชื่อรองละคะ”

“ครับ วินเซนต์เป็นนามสกุลของคุณตาผมท่านยืนกรานให้ผมใช้นามสกุลท่านเป็นชื่อรอง”

“อ๋อ แล้วคุณมีชื่อเล่นว่าอะไรคะ”

“วิน ครับ บ้างก็เรียกวินนี่”

“วิน กับวินนี่” หญิงสาวทำหน้าครุ่นคิด “แต่คุณคงไม่ว่าอะไรถ้าฉันขอเรียกว่าวายุนะคะฉันไม่อยากเรียกเหมือนคนอื่น...กลัวคุณลืมฉันง่ายๆ”ท้ายประโยคเอ่ยอย่างยั่วเย้า

วายุเพ่งพินิจสาวสวยตรงหน้าสีหน้าเคร่งขรึมไม่อาจคาดเดาความรู้สึกได้ มีเพียงเจ้าตัวเท่านั้นที่รู้ว่าความรู้สึกในตอนนี้เปรียบได้กับต้นไม้ที่กำลังถูกแรงพายุซัดปะทะระลอกแล้วระลอกเล่าจวนเจียนจะถูกโค่นล้ม จึงสั่งตัวเองอย่างหนักแน่นให้ปักหลักยึดที่มั่นอย่างแน่นหนา ดังเช่นเวลาปะทะกับเหล่าอาชญากรเพราะหากเขาพลาดท่า นั่นหมายถึงอีกฝ่ายจะเข้าคุมเกมทันทีและเขาคุ้นชินกับการเป็นฝ่ายคุมเกมมาทั้งชีวิต ไม่ว่าจะเรื่องงานหรือ...หัวใจ

“ถ้าอย่างนั้นผมควรเรียกคุณว่าอะไรดีล่ะซันนี่ เป็นชื่อเล่นหรือชื่อจริง” เขาถามกลับบ้าง

“ทั้งสองอย่าง แต่คุณเรียกฉันว่าซันนี่ได้ค่ะเพราะไม่ว่าคุณจะเรียกฉันว่าอะไร ฉันก็ไม่มีทางลืมคุณง่ายๆ หรอกค่ะ” คำพูดทีเล่นทีจริง กับรอยยิ้มยั่วเย้า ช่างมีผลกระทบต่อคนฟังหากวายุยังควบคุมสีหน้าเรียบเฉยได้เป็นอย่างดี

เมื่อเห็นอีกฝ่ายนิ่งเฉย ไม่รับลูกต่อจึงตัดสินใจถามคำถามถัดไป การรับมือผู้ชายคนนี้ต้องมีชั้นเชิงการรุกและการถอย “คุณอยู่เมืองนอกตั้งแต่เด็กแต่ทำไมพูดภาษาไทยแทบไม่แปร่งเลยละคะ”

“ผมต้องกลับมาอยู่กับพ่อที่เมืองไทยทุกปิดเทอมตั้งแต่เด็กแล้วพ่อผมก็บังคับให้ผมเรียนภาษาไทยมาตั้งแต่เด็กภาษาไทยเป็นเหมือนภาษาที่สองของผม”

“คุณเกิดที่เมืองไทยหรือเปล่าคะ” หล่อนรุกคำถามต่อ

“เกิดที่อเมริกาครับแต่พอสี่เดือนก็ย้ายกลับมาอยู่เมืองไทย แล้วพอสามขวบก็ย้ายกลับไปอยู่อเมริกากับแม่ผมอีกครั้ง”

“ฉันได้ข้อมูลมาว่าคุณจบปริญญาเอกด้านCriminology and Criminal Justice จากอเมริกา ไม่ทราบว่าเป็นการศึกษาเกี่ยวกับอะไรพอจะอธิบายคร่าวๆ ให้ฟังหน่อยได้มั้ยคะ”

“ถ้าแปลเป็นไทยก็คืออาชญาวิทยาและการบริหารงานยุติธรรมครับ สรุปง่ายๆ คือ เป็นการศึกษาถึงปัญหา สาเหตุและการป้องกันอาชญากรรม รวมถึงการบริหารงานการจัดการระบบงานยุติธรรม พวกหลักการบริหารการบังคับใช้กฎหมายอาญา การแก้ปัญหาการกระทำความผิดในสังคม ไปจนถึงการบริหารเพื่อความปลอดภัยในองค์กรเอกชนโดยรวมจะเป็นการศึกษาแบบสหวิทยา คือ เป็นการผสมผสาน ทั้งด้านสังคมวิทยา จิตวิทยากฎหมาย และทัณฑวิทยา ครับ”

“ทำไมคุณถึงเลือกเรียนทางสายนี้ละคะ”

“คุณพ่อผมท่านรบเร้าความจริงผมอยากเรียนด้านคอมพิวเตอร์มากกว่า แต่ตระกูลทางฝั่งพ่อผมทำงานสายตำรวจกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษท่านก็เลยอยากให้ผมมาทางนี้”

“คุณพ่อคุณคงรักคุณมาก”

วายุยิ้มบางๆ แทนคำตอบ

“คุณพอจะเล่าประวัติการทำงานให้ฟังย่อๆได้มั้ยคะ”

“พอเรียนจบผมก็ได้เข้าทำงานในตำแหน่งนักอาชญาวิทยาและผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายอาญาระหว่างประเทศที่องค์การตำรวจสากลในนิวยอร์กทำงานอยู่เจ็ดปีกว่า ก็ตัดสินใจย้ายกลับมาอยู่ประเทศไทย และทางสำนักงานสืบสวนคดีแห่งชาติก็ติดต่อให้ผมมาร่วมงานด้วย”วายุเล่าสั้นๆ แต่กระชับ

“ทำไมคุณถึงย้ายกลับมาอยู่ประเทศไทยละคะ”

“อืมผมคิดว่าตัวเองเป็นคนไทยมากกว่าเป็นคนอเมริกันและคนเราคงต้องการกลับแผ่นดินเกิดของตัวเอง”

ถ้อยคำนั้นบาดลึกความรู้สึกคนฟังนัก ‘คนเราต้องการกลับแผ่นดินเกิดของตัวเอง’ความรักและความภาคภูมิใจที่มีต่อผืนแผ่นดินนี้เด่นชัดในน้ำเสียงและหล่อนก็มีความรู้สึกไม่ต่างจากเขา...เพียงแค่หล่อนอยู่ในสถานะที่แตกต่างจากเขาเท่านั้น

“คุณ คุณ...ซันนี่”

เสียงห้าวทุ้มดึงหล่อนออกจากห้วงภวังค์

“คุณเป็นอะไรหรือเปล่า” วายุถามด้วยความประหลาดใจ เมื่อจู่ๆ คนสัมภาษณ์ก็ใจลอยไปครู่ใหญ่

“อ้อ ไม่เป็นไรหรอกค่ะแค่คิดอะไรเพลินๆ เท่านั้นเอง” เสียงหวานใส และรอยยิ้มสื่อว่าสาวสวยลูกล่อลูกชนแพรวพราวคนเดิมกลับมาอีกครั้ง “แต่ฉันชอบจังเลยนะคะที่คุณเรียกฉันว่าซันนี่...มันดูไม่ห่างเหินดีค่ะ”

^________^




Create Date : 16 พฤศจิกายน 2558
Last Update : 16 พฤศจิกายน 2558 8:46:41 น. 0 comments
Counter : 275 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

isaiahland
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 33 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add isaiahland's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.