กินเพลิน เที่ยวสบาย ไปกับ iRoeng

iRoeng
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 21 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2556
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
2425262728 
 
5 กุมภาพันธ์ 2556
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add iRoeng's blog to your web]
Links
 

 

พาเพื่อน(เด็กใต้) ตลุยหนาวบนดอยเชียงราย - เชียงใหม่

กลับมาเจอกันอีกครั้งครับ เป็น Blog ที่ 2 ของปีนี้ ก่อนอื่นต้องกล่าว คำว่า สวัสดี ก่อนครับ

     ช่วงนี้มีโอกาสได้เดินทางขึ้นเหนือ เป็นว่าเล่น(เดือนละครั้ง) ปกติจะกลับบ้านปีละ 1- 2 ครั้งเท่านั้น แต่ครั้งนี้จะว่ากลับบ้านไหมก็ไม่เชิงครับ เพราะหยุดงาน 6 วัน  แต่พักอยู่บ้านแค่ คืนเดียวเท่านั้น เพราะนอกนั้น ก็ตลอนพาเพื่อนเที่ยวครับ^^

     พูดมาเยอะแล้ว เริ่มออกเดินทางกันดีกว่าครับ วันแรกพวกเราก็ออกเดินทาง จาก กทม. สายๆ หน่อย ขับรถไปเรื่อยๆ ไปถึงเชียงรายก็ ทุ่มนิดๆแล้ว ก็เลยแวะหาอะไรทานในเมือง แถวหอนาฬิกา และรอดูการแสดงแสงสีเสียงของหอนาฬิกาเมืองเชียงรายซะหน่อย  (การแสดงแสงสีเสียงนี้จะมีทุกวัน เวลา 20.00 น.)

รูปบริเวณหอนาฬิกาครับ ของจริงสวยกว่านี้มาก มีแสงสี และเพลงบรรเลงด้วยครับ


ดูหอนาฬิกาใกล้ๆแล้วกันนะครับ เป็นหอนาฬิกาที่สวยที่สุดในประเทศก็ว่าได้ครับ^^ (เป็นฝีมือการออกแบบโดย อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ )


พอดูการแสดงเสร็จ ถ่ายรูปจนหนำใจแล้ว ก็ขับรถเข้าบ้านเพื่อจะกลับไปพักผ่อนกันครับ

วันรุ่งขึ้น ก็ได้ตื่นสายหน่อย ทานข้าวเสร็จ บ่ายๆ ก็ออกเดินทางไปภูชี้ฟ้ากันครับ จากที่บ้านเดินทางไป ภูชีฟ้าก็ไม่ไกลเท่าไหร่ ระยะทาประมาณ 100 กว่าโลได้มั้งครับ ขับรถชิลๆ เดี๋ยวก็ถึง^^

ไปเที่ยวภูชี้ฟ้าครั้งนี้ (ครั้งที่ 2 ในชีวิต)พวกเราพักที่ บ้านออย ครับ บรรยากาศดี ที่พักราคาไม่แพงครับ เดินทางไปถึงก็ประมาณ 4-5 โมงเย็นครับ นั่งเล่นสักพัก ก็ขึ้นไปดูพระอาทิตย์ตกบนภูชี้ฟ้ากันครับ จากที่พัก ขับรถไปประมาณ 3-4 กิโลเมตร ก็จะถึงภูชี้ฟ้าครับ

จอดรถอะไรเสร็จ ก็เดินขึ้นภูชี้ฟ้ากันครับ เห็นป้ายบอกระยะทางประมาณ 750 เมตร ก็จะถึงยอดภูครับ ระยะทางดูอาจจะไม่ไกลเท่าไหร่  แต่สำหรับคนอ้วนๆอย่างผม ที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย ทำเอาหอบตั้งแต่ 100 เมตรแรก กันเลยทีเดียวครับ เหนื่อยๆหอบๆ จนต้องพักเหนื่อยโดยการถ่ายรูปวิวข้างทางไป เดินไปครับ ^^

พระอาทิตย์ยังไม่ทันจะตก แต่พระจันทร์มาต้อนรับพวกเราแล้วครับ


เดินไปเรื่อยๆ ถ่ายรูปไป เป็นการพักเหนื่อยที่คุ้มครับ(สำหรับผม) รูปวิวข้างทางอีกสักรูปนะครับ


ถ้าเดินทางเรียบนี่ถึงไหนถึงกันครับ แต่ถ้าขึ้นเนิน ขึ้นเขานี่ทำให้หอบและเหนื่อยได้เหมือนกัน เดินสักพักก็จะถึงยอดภูแล้วครับ แวะถ่ายรูปไปเรื่อยๆ


ถึงยอดภูชี้ฟ้าซะทีครับ นั่งพัก นานพอสมควร ^^  แต่ข้างบนอากาศดีครับ ลมเย็นกำลังดี ไม่หนาวครับ ทำให้หายเหนื่อยไว  และข้างบนภูแทบจะไม่มีคนเลยครับ ข้อดีของการมาเที่ยววันธรรมดา


พวกเราเดินเล่น ถ่ายรูปกันจนพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าครับ ถึงจะเดินลงมา


ต้องรีบลงครับ กลัวจะมืดเพราะไฟฉายอะไรก็ไม่มีครับ ระหว่างเดินลงก็ถ่ายรูปไปเรื่อยๆครับ  วิวข้างทางตอนเดินลงครับ


แสงยามเย็นนี่มันช่างสวยจริงๆนะครับ สวยจนที่จะอดถ่ายรูปไว้ไม่ได้  แสงสวยๆ กับต้นไม้กิ่งไม้ มันก็เข้ากันดีนะครับ


ขออีกสักรูปแล้วกันครับ ก่อนที่จะกลับที่พัก เพื่อพักผ่อนและทานมื้อเย็น


ทานมื้อเย็นเสร็จ ก็นอนหลับพักผ่อน เพื่อจะออกไปลุยตอนเช้าอีกรอบ  เพราะตอนเช้าจะมีรถมารับตอน ตี5 ครับ(ตอนแรกคิดว่าทาง บ้านออยบริการรถขึ้นภูฟรี แต่ที่ไหนได้ ค่าบบริการ 40 บาท/คน ไป/กลับ ครับ แต่ก็ดีครับ ไม่ต้องขับรถเอง ไม่ต้องไปหาที่จอดรถข้างบน 40 บาท ไปกลับ ถือว่าคุ้มครับ)

ตอนเช้าเดินขึ้นภูอีกรอบ แต่เช้านี้รู้สึกว่าไม่เหนื่อยและหอบเท่าเมื่อวานเย็นแล้วครับ เลยทำให้เดินขึ้นภูชี้ฟ้า สบายๆครับ  แต่ในความสบายก็แอบเซ็งรองเท้าตัวเองครับ อุตส่าเลือกรองเท้าที่ลุยๆแล้ว แต่ที่ไหนได้ เดินขึ้นภู ไม่ถึง 100 เมตร รองเท้า ก็ขาดไปข้าง จำเป็นต้องโยนทิ้งครับ ทานเดินเท้าเปล่า ไปข้างครับ เดินจนถึงยอดภู อีกข้างจึงทอดทิ้งครับ เลยเดินเท้าเปล่าลงจากภูเลย (มีแต่คนมอง อายก็อาย^^)

ระหว่างเดินขึ้นก็ถ่ายรูปไปเรื่อยๆครับ  รูปนี้เป็นมุมไกลหน่อยครับ


เจาะยอดภูเข้ามาอีกหน่อยครับ คิดว่าจะรอพระอาทิตย์ขึ้นตรงมุมนี้ แต่รอแล้วรอเล่า ไม่มีให้เห็น ก็เลยตัดสินใจเดินขึ้นยอดภูกันเลย


อดทนเดินอีกนิดก็จะถึงยอดภูชี้ฟ้าแล้วครับ


ระหว่างทางขึ้นจะมีเด็กชาวเขาตัวเล็กแต่งชุดประจำถิ่นมาให้บริการถ่ายรูปด้วยครับ ค่าถ่ายรูปด้วยก็แล้วแต่สินน้ำใจของนักท่องเที่ยงครับ


ในที่สุดก็เดินถึงยอดภูชี้ฟ้าครับ ตอนเช้านี้นักท่องเที่ยวก็พอมีสมควรครับ ส่วนมากจะไปกระจุกกันอยู่ที่ป้ายภูชี้ฟ้าครับ  (ถ่ายรูปกับป้ายแสดงว่ามาถึงแล้วครับ ^^)

เดินเล่น ถ่ายรูปไปเรื่อยๆครับ รอแสงตอนเช้าครับ ทะเลหมอกวันนี้ก็มีไม่มากครับ เพราะว่าอากาศไม่หนาวชื้นมากก็ไม่รู้นะครับ แต่ก็พอมีให้เห็นบ้างครับ

ข้างบนภูมีวัวภูเขาด้วยนะครับ(ตั้งขึ้นมาเอง) เพราะว่าเห็นตั้งแต่ตอนเย็น ตอนเช้าก็ยังมีอยู่ครับ ก็เลยถ่ายรูปมาซะหน่อย


บรรยากาศวิวบนภูชี้ฟ้าครับ ทิวเขาสลับทับซ้อนกัน มันช่างเป็นอะไรที่สวยงามครับ (สำหรับผมนะ)


เดินเล่นอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะลงก็มีแสงสาดมาให้ชื่นใจหน่อยหนึ่งครับ อุตส่ารอตั้งนาน


หลังจากลงจากภูกลับที่ พัก อาบน้ำอะไรเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลา เดินทางต่อครับ จากภูชี้ฟ้า มุ่งหน้าสู่ม่อนแจ่ม เชียงใหม่ครับ 

จากภูชี้ฟ้ามาม่อนแจ่มพวกเรา ใช้เส้นทางจาก ภูชี้ฟ้า > เทิง > จูน > ดอกคำใต้ > วังเหนือ > ดอยสะเก็ด > แม่ริม > ม่อนแจ่ม ครับ ระยะทางประมาณ 270 กิโลเมตรครับ

ขับรถชิลๆ จนมาถึงม่อนแจ่มครับ ลืมไปว่า ตอนเช้ายังไม่ได้ทานไรเลย นอกจากกาแฟคนละแก้ว ก็เลยแวะทานข้าวที่ม่อนม่วน ซะหน่อยครับ (มาครั้งก่อนหาทางเข้าไมเจอก็เลยอดมาที่ ม่อนมวนเลย)

บรรยากาศที่ม่อนม่วนก็สวยงามดีครับ มีทั้งห้องพัก รูปแบบของห้องพักจะเป็นบ้านเป็นหลังๆแบบนี้ครับ คืนละเท่าไหร่ก้ไม่ได้ถามนะครับ


และส่วนของที่นั่งทานอาหารครับ  บริเวณนี้ เป็นบริเวณระเบียงของม่อนม่วนครับ


วิวข้างนอกก็สวยไม่แพ้ที่อื่นครับ แต่ตอนพวกเราไปมันช่วงบ่ายครับ แดดแรงไปหน่อย


พวกเราเลือกนั่งตรงระเบียงข้างในครับ เย็นๆโลมพัดตลอดครับ ชอบๆ เพราะอยู่ กทม. ไม่เจออากาศแบบนี้ ^^
เวลาผ่านไป อาหารที่พวกเราสั่งไปก็มาครับ (รสชาติอาหารกลางๆนะครับ ไม่ได้อร่อยมาก ความรู้สึกของผมนะครับ) เมนูแรกเป็น หมูมะนาว หรือเปล่าไม่แน่ใจ จำชื่อไม่ได้ครับ ^^ แต่หน้าตาเป็นแบบนี้ครับ


เมนูที่ 2 เป็น ยำเห็ดสด 3 อย่างครับ


เมนูที่ 3 เป็น กะหล่ำปลีผัดน้ำปลาครับ


ผัดๆ ยำๆ ไปแล้ว เมนูสุดท้ายเป็น แกงส้มชะอมไข่ กุ้งสดครับ


กินข้าวอิ่ม นั่งเล่นนานไปหน่อย ก็ถึงเวลา เข้าที่พักแล้วครับ เพราะมัน จะ 5โมงเย็นแล้ว พวกเราก็เดินทางไปยังที่พัก คือ ม่อนม้งครับ ที่พักกลางหุบเขา ต้องขับรถไปจอดที่จอดรถของที่พัก แล้วจะมีรถมารับไปอีกทีครับ ทางแคบและชันเอาเรื่องครับ (มิน่าถึงต้องมีรถรับส่ง)


นั่งรถเข้ามาประมาณ 10 นาที ก็จะถึงที่พักแล้วครับ บรรยากาศสวยใช้ได้เลยครับ


บ้านพักมีไม่กี่หลังเองครับ บรรยากาศเงียบสงบดีครับ


พวกเราพักหลังนี้ครับ บรรยากาศชิลมากๆ   แต่กลางคืนนี่ลมพัดแรงเอาเรื่องนะครับ ประตูบ้านดังทั้งคืน เพราะบ้านหลังที่พวกเราพัก จะเป็นช่องลมผ่านมั้งครับ


บรรยากาศ หน้าที่พัก จะเป็นสวนผักครับ แต่มีบางส่วนกำลังปลูกต้นส้ม หรือเปล่าไม่แน่ใจครับ


กลางคืนก็นอนหลับสบาย มาที่นี่นอนไวครับ เพราะว่าอากาศเย็น และไม่มีทีวีให้ดูครับ นอนอิ่มๆ ตอนเช้าก็ออกเดินทางไปม่อนแจ่มครับ  ที่ม่อนแจ่มคนเยอะพอสมควรครับต้องจอดรถข้างล่างแล้วเดินขั้นประมาณ 100 เมตร ครับ


วิวสุดฮิตของม่อนแจ่มจะเป็นมุมนี้หรือเปล่านะ เป็นที่นั่งทานข้าว ทานกาแฟครับ


พวกเราทานข้าวเช้ากันที่นี่ครับ ข้าวต้มคนละชาม ทานไปชมวิวไปครับ ฟินสุดๆ


ทานอิ่มแล้วก็เดินเล่นถ่ายรูปกันนิดหน่อยครับ เลยเก็บภาพเด็กชาวเขามาด้วยนิดหน่อยครับ


แถมรูปเด็กชาวเขาผู้ชายให้อีกรูปครับ ก่อนที่จะบ๊าย บาย ม่อนแจ่มไปอินทนนท์ กันครับ


จากม่อนแจ่ม ก็ขับรถชิลๆ หลงบ้างไรบ้าง จนมาถึงดอยอินทนนท์ ครับ ที่อินทนนท์พวกเราพักที่บ้านพักโครงการหลวงครับ สะอาด สะดวก ราคาก็ไม่แพงอย่างที่คิดครับ (ติดใจครั้งก่อนที่มาพัก จึงมาพักอีกรอบ)

หลังจากเช็คอิน เก็บกระเป๋าเสื้อผ้าอะไรเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็ขับรถขึ้นไปเที่ยว พระธาตุนภเมทนีดลและพระธาตุนภพลภูมิสิริ กันครับ

เริ่มต้นด้วยนี่เลย ขับรถแวะไปที่นี่ก่อน คือ สวนหลวงสิริภูมิหรือน้ำตกสิริภูมิครับ น้ำตกสิริภูมิเป็นน้ำตกที่อลังการมากครับ อยู่บนหน้าผาเกือบยอดเขาเพราะอยู่ไกลยังมองเห็นครับ


เดินเล่นที่สวนหลวงสิริภูมิ ถ่ายรูปนิดหน่อย ก่อนจะขึ้นไปเที่ยวพระธาตุนภเมทนีดลและพระธาตุนภพลภูมิสิริครับ 


ต้นพญาเสือโคร่งก็มีนะครับ แต่มันยังบานไม่เต็มที่


หรือว่ามันจะเหี่ยวแล้วหว่า ^^


เดินเล่นสวนหลวงสิริภูมิหนำใจแล้วก็เดินทางไปพระธาตุกันครับ ทางขึ้นจะมีต้นพญาเสือโคร่งบ้านอยู่ 2 ข้างทางครับ สวยไม่เบา แต่ปีนี้พญาเสือโคร่งบ้านช้าไปหน่อย ตอนที่พวกเราไปยังบานไม่เต็มที่ครับ


จากสวนหลวงสิริภูมิ ก็ขับรถมาที่พระธาตุประมาณ 18 กิโลเมตรครับ ก็จะเจอทางเข้าพระธาตุนภเมทนีดลและพระธาตุนภพลภูมิสิริ อยู่ซ้ายมือครับ ก็เลี้ยงรถเข้าไปเลยครับ จดรถปุ๊ป ก็เดินขึ้นบันใดเลื่อน เพื่อขึ้นไปสักการะพระธาตุได้เลยครับ

พระธาตุแรกที่ขึ้นไปจะเป็น พระธาตุนภเมทนีดลครับ


บริเวณรอบๆพระธาตุจะตกแต่งด้วยดอกไม้นาๆชนิดครับ สวยงามมากครับ


นี่ก็สวยและเยอะมากกก


บริเวณพระธาตุยังมองวิวภูเขา หรือวิวแม่แจ่มได้ด้วยนะครับ


ลงจากพระธาตุนภเมทนีดลแล้วก็ขึ้นบันใดเลือนมายังพระธาตุนภพลภูมิสิริ ต่อเลยครับ บริเวณรอบๆพระธาตุจะปลูกดอกไม้ประดับเยอะมากครับ


เดินเล่นถ่ายรูปเสร็จแล้วก็เดินลงครับ เพื่อจะไปหาจุดที่ถ่ายพระอาทิตย์ตกดินกันครับ
ระหว่างทางลงก็ถ่ายรูปดอกกุหลาบพันปีมาฝากซะหน่อยครับ สีแดงสดเชียว


ลงจากพระธาตุแล้วก็ขับรถขึ้นไปอีกหน่อย จะเป็นจุดจอดฮอครับ ผมเลือกจุดนี้ถ่ายแสงตอนเย็นครับ เพราะจะได้เห็นพระธาตุนภเมทนีดลและพระธาตุนภพลภูมิสิริด้วยครับ


รอแสงอยู่นานมากครับ อากาก็เย็นมากๆด้วยครับ เลยเก็บมาได้ไม่กี่รูป


และทิ้งทายกับตอนเย็นที่อินทนนท์ด้วยรูปตัวเองกับรถคู่ใจ ที่ไปไหน มันพาเราไปได้ไม่มีงอแงสักรูปครับ ^^


พอถ่ายรูปเสร็จก็ขับรถลงมาหาไรทานครับ ก่อนที่จะเข้าที่พัก พวกเราทานข้าวกันที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวครับ  จะมีร้านอาหารอยู่หลายร้านครับ เลือกได้ตามสะดวกเลยครับ เมนูอาหารก็คงจะเหมือนๆกันครับ

และเย็นนี้พวกผมก็สั่งปลาเรนโบเทราทอดสมุนไพร มาทานกันครับ


จานนี้นี่ขาดไม่ได้เลยครับ ติดใจจากครั้งก่อน ก็คือเห็ดหอมทอดซีอิ๊วครับ อร่อยๆ


และนี่ก็เห็ดอีกเช็นกัน แต่เป็น เห็ดหอมผัดน้ำมันหอยครับ อร่อยเช่นกัน


และอย่างสุดท้าย สั่งน้ำๆมาซดร้อนๆบ้างครับ ก็คือ ต้มยำเห็ดครับ รสแซบ สะใจมากๆๆ


ทานอิ่มแล้ว อากาศก็เย็นถึงเวลากลับที่พักเพื่อพักผ่อนแล้วครับ อากาศคืนนี้เย็นมากเพราะผ้าห่อมที่เขาให้มาห่มแล้วไม่รู้สึกว่าอุ่นเลยครับ แต่ก็ต้องทน ในเมื่อเลือกที่จะมาเที่ยวแล้ว ^^

นอนแป๊ปๆ ก็ถึงเวลาตื่นแล้วครับ พวกเรานัดกัน ตี 5 ครึ่งเพื่อที่จะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่กิ่วแม่ปานกันครับ  พวกเราขึ้นมาแต่เช้าคนยังไม่ค่อยมากันเลยครับ ข้างบนจะมีร้านขายกาแฟ หมวก ถุงมือ กันหนาว และจะจุดไฟผิงกันหนาวกันด้วยครับ (บรรยากาศตอน ตี 5 กว่าๆ บนกิ่วแม่ปาน)


นั่งรอสักพักใหญ่ๆ แสงเริ่มจะมี ก็ย้ายจากกองไฟ ไปนั่งยังข้างถนนซึ่งเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นของกิ่วแม่ปานครับ  เช้านี้คนเยอะพอสมควรนะครับ  แสงเช้าเริ่มจะมาให้เห็นแล้วครับ


เช้านี้ที่ข้างบนอินทนนท์ อากาศก็เย็นชิลๆครับ ประมาณ 1-2 องศา เองครับ เสื้อกันหนาว กางเกงขายาวที่ใส่ แทบจะไม่ได้ช่วยให้ความอุ่นอะไรเลยครับ  แต่ก็ต้องทนครับ ^^
นั่งรออยู่พักใหญ่ๆ เริ่มมีแสงสีส้ม มาให้เห็นแล้วครับ


พระอาทิตย์จะโผล่มาให้พวกเราเห็นแล้วครับ


แต่วันนี้เสียดายที่ไม่เห็นเป็นลูกกลมๆ เหมือนไข่แดงครับ แต่ก็พอได้อยู่ครับ ก่อนจะขึ้นไปยัง(ป้าย)จุดสูงสุด ก็ฝากรูปพระอาทิตย์ยามเช้าที่กิ่วแม่ปานอีกสักรูปครับ


พอขึ้นไปยังป้ายจุดสูงสุด คนก็เยอะ ไม่เข้าคิวอีกต่างหาก ไม่สบอารมย์ ก็เลยพากันกลับที่พัก เพื่อที่จะอาบน้ำ ทานข้าวเช้า เพื่อที่จะได้เดินทางต่อครับ

หลังจากทานข้าวเสร็จแล้ว ก็ออกเดินทางต่อไปยังขุนวางครับ จากที่พักขับไปอีก 12 กิโลเมตร ก็จะถึงขุนวางครับ แต่ระหว่างทาง ต้องขับรถๆระวังๆหน่อยนะครับ ไหนจะทางทรุด ดินถลม หรือทางที่เป็นหลุมเป็นบ่ออีกครับ  แต่พอไปถึงก็ชื่นใจกับดอกพญาเสือโครงครับ บานสีชมพู สวยๆครับ


แต่รู้สึกว่ามันจะยังบานไม่เต็มที่นะครับ แต่ก็ยังพอมีให้เห็นครับ


ไหนก็มาเพื่อสิ่งนี้แล้ว ก็ขอลงรูปอีกหน่อยนะครับ กับ ดอกพญาเสือโคร่ง


เป็นพวง เป็นพุ่ม สวยๆครับ


หรือว่าที่ดอกพญาเสือโคร่งบ้านช้าเพราะว่าอากาศไม่ค่อยหนาวเท่าไหร่มั้งครับ เพราะถ้ามันออกใบแล้วดอกก็จะไม่ออกอะครับ (ไม่รู้ว่าใช่หรือเปล่า)


ถนนที่ปกคลุมไปด้วยต้นพญาเสือโคร่งครับ สวยและโรแมนติกมาก ถ้าอากาศไม่ร้อน แดดไม่แรงแบบนี้นะครับ ^^


หลังจากเดินเล่น ถ่ายรูปที่ขุนวางเสร็จแล้ว ก็ได้เวลาเดินทางต่อครับ จุดหมาปลายทางของพวกเราก็คือ วัดพระธาตุดอยสุเทพครับ แวะไหว้พระ เพื่อเป็นศิริมงคลแก่ตนเองซะหน่อย เดี๋ยวจะหาว่ามาไม่ถึงเชียงใหม่^^


ไหว้พระทำบุญเสร็จแล้วก็ออกเดินทางต่อครับ จากวัดพระธาตุดอยสุเทพ ก็ขับขึ้นไปอีกนิด ไปที่หมู่บ้านม้งดอยปุยครับ เพราะว่าสมาชิกร่วมทริปของเรา อยากจะใส่ชุดม้งถ่ายรูปครับ ถ้าไม่ไปอาจจะมีเคืองได้ ก็เลยจัดให้ครับ ไหนๆก็มาแล้ว ^^

เดินถ่ายรูปกันไปเรื่อยๆครับ ถ่ายคนบ้างถ่ายดอกไม้บ้าง ที่นี่จะปลูกดอกฝิ่นให้ถ่ายรูปครับ สีสวยๆครับ (มองไปมองมามันก็คล้ายๆดอกทิวลิปเหมือนกันนะครับ)

ดอกฝิ่นสีชมพูขาวครับ


ดอกนี้สีแดงขาวครับ


สีขาวล้วนก็สวยไม่แพ้กันนะครับ


มีดอกกระดาษ หรือเขาเรียกดอกอะไรอะครับ แบบนี้อะครับ มีขายเยอะเหมือนกัน


ระหว่างทางเจอม้งเด็กก็เลยขอถ่ายรูปมา 1 รูปครับ ตาใสแป๋วเลย


เสร็จภาระกิจที่หมู่บ้านม้งดอยปุยแล้ว ก็ถึงเวลากลับที่พักครับ คืนสุดท้ายก่อนกลับ พวกเราพักที่ B2 นิมานฯ สะดวกต่อการเดินทางครับ

และมื้อเย็นพวกเราฝากท้องไว้กับร้านอาหารเหนือ ที่ซอยนิมานฯ 13 ครับ คือร้าน ต๋อง (เต็มโต๊ะ) ครับ รสชาตอาหารก็กลางๆครับ เป็นอาหารเหนือรสชาตคนกรุงเทพครับ แต่ก็ว่าไปมื้อนี้พวกเราก็จัดหนักใช่เล่นนะครับ มาดูอาหารที่พวกเราสั่งมาทานกันครับ

อย่างแรกก็ต้องออเดิฟเหนือครับ จะมี น้ำพริกหนุ่ม น้ำริกอ่ง หมูยอ ไข่ต้ม ผักลวก ใส้อั่ว แคบหมู และก็จิ้นส้ม(แหนมย่าง)


เมนูที่ 2 ครับ ตำขนุน


เมนูที่ 3 ลาบหมูคั่ว (ลาบหมูน้ำเยอะไปหน่อย)


เมนูนี้หาทานยากหน่อยครับ เพราะว่าจะมีเป็นบางฤดู เท่านั้น ก็คือแกงเห็นถอบ(เห็ดเผาะ)ยอดมะขามอ่อน ครับ  อร่อยๆเปรี้ยวๆ


อีกเมนูจะเป็น ปลาช่อนทอดสมุนไพรครับ  เพื่อนอยากกินก็เลยสั่งมา(ความรู้สึกส่วนตัว ว่าไม่ค่อยโอเท่าไหร่ครับ)  และอีกอย่าง เมนูสุดท้ายที่สั่งเพิ่มมาจะเป็น ใส้อั่วอีกจานครับ(แต่ไม่ได้ถ่ายรูปมา)


อิ่มหนำสำราญกันแล้ว ว่าจะไปเดินย่อยซะหน่อย โดยการไปเดินที่ถนนคนเดินประตูท่าแพ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เดิน เพราะวนรถ อยู่ 2-3 รอบ ก็หาที่จอดรถไม่ได้ ก็ต้องกลับที่พักนอน เพื่ออีกวันจะต้องเดินทางกลับ กทม. แล้ว

ระหว่างทางกลับ กทม. ผมได้แวะสักการะพระธาตุหริภุญชัย ซึ่งเป็นพระธาตุประจำปีเกิดของผมเพื่อเป็นศิริมงคลแก่ตนเองครับ


เจดีย์พระธาตุหริภุญชัย ครับ


ทิ้งท้ายทริปนี้ ด้วยภาพนี้ที่วัดพระธาตุหริภุญชัยเช่นกันนะครับ ก่อนที่จะขับรถยาวถึง กทม. เลยครับ


เสร็จสินภาระกิจพาเพื่อน(เด็กใต้)ตลุยหนาวบนดอยเชียงราย - เชียงใหม่ แล้วครับ ยังไงครั้งหน้าจะไปเที่ยวไหน ก็คอยติดตามกันนะครับ


ขอบคุณที่แวะเข้ามาเที่ยวด้วยกันนะครับ

เจอกันทริปหน้าครับ




 

Create Date : 05 กุมภาพันธ์ 2556
9 comments
Last Update : 5 กุมภาพันธ์ 2556 6:12:54 น.
Counter : 10394 Pageviews.

 

เหมือนได้เกาะชายเสื้อไปเที่ยวด้วยเลยคะ รอชมทิปต่อๆ ไปคะ

 

โดย: yuii IP: 124.122.155.195 5 กุมภาพันธ์ 2556 8:02:38 น.  

 

ภาพเซตนี้ สวยจังครับ อยากไปเที่ยวด้วยจัง ได้แต่หวังไว้ในใจลึกๆ อยากมีโอกาสนี้สักนี้

 

โดย: ผมเอง IP: 202.60.199.21 5 กุมภาพันธ์ 2556 8:20:10 น.  

 

ไม่ได้ไปเชียงรายมานาน สงสัยต้องจัดทริปบ้างละครับ

 

โดย: ซุง IP: 134.204.208.36 5 กุมภาพันธ์ 2556 8:28:20 น.  

 



cool

 

โดย: soup IP: 124.122.115.54 5 กุมภาพันธ์ 2556 10:13:11 น.  

 

@yuii ยินดีครับ ครั้งหน้าจะพาเที่ยวอีกนะครับ^^

@ผมเอง ถ้าไปด้วยกัน ก็สอนผมถ่ายรูปด้วยนะครับ

@ซุง เห็นเที่ยวตลอดๆ ยังไงลองไปเที่ยวเชียงรายดูบ้าง

@soup ขอบคุณครับ^^

 

โดย: im_moji 5 กุมภาพันธ์ 2556 11:20:12 น.  

 

ขอบคุณสำหรับภาพสวย ๆ ที่เอามาฝากน่ะครับ Thanks...(",)

 

โดย: jom2507 5 กุมภาพันธ์ 2556 21:39:02 น.  

 

@jom2507 ยินดีครับ

 

โดย: im_moji 6 กุมภาพันธ์ 2556 0:16:34 น.  

 

 

โดย: Kavanich96 6 กุมภาพันธ์ 2556 9:59:49 น.  

 

@kavanich96 สวัสดีครับ

 

โดย: im_moji 8 กุมภาพันธ์ 2556 19:04:10 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.