|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
|
|
|
|
|
|
|
ภารกิจพิชิตอีป้าวัยทอง::DAY45ขอบ่นหน่อยนะ
จัดจุกๆ จัดจุกๆ ไปเลยจร้าา . .จะบอกว่าก่อนกลับบ้านสงกรานต์ปั้นการทำฟาสจนจะลดจำนวน ไขมันในอาหารได้อยู่แล้ว แต่พอกลับบ้านสงกรานต์ไปกินปนเปื้อน มาสามสี่วันเท่านั้นแหละ.. ต้องมาปั้นกันใหม่เลย เหมือนมาเริ่มหนึ่งใหม่ เหอๆ แต่ช่างมันเหอะ . . เริ่มใหม่ก็ได้ . . One meal a day สามวันมานี้ก็เลยจัดหนักจัดเต็ม . . จัดมันจุกๆแม่มเลย จนตอนนี้ เหมือนจะเริ่มอยู่ตัวแล้วจร้าา . . อ่ะนะ . . ซักทีเหอะ . .

นี่ว่าจะลอง OMAD อีกสักวันสองวัน ถ้ามันโอเคแล้ว ก็จะสลับไปทำ Alternateday Fasting เหมือนเดิมแระ . . คือยังหลงไหลกับความรู้สึกในวันฟาสแบบนั้นอยู่ . . แต่คือ ลองก่อน ถ้าไม่ไหว จะกลับมาทำ 23/1 เหมือนเดิม

หลังมื้ออาหารก็ตบท้ายด้วยวิตามินซีด้วย . . ฝนแม่มชอบตกตอนเลิกงานช่วงนี้อย่าปล่อยให้ตัวเอง เป็นภูมิแพ้เลยเดวถ้ามันเกิดติดโควิดขึ้นมา มันจะยิ่ง อาการหนักระเบิดระเบ้อเข้าไปอีก . .

เมื่อวานตอนก่อนจะนอนลองวัดน้ำตาลดู . . เหยยยยย . . ไม่เลวร้ายยยย นะ. . ถึงแม้ค่าน้ำตาลตอนเช้าๆ จะยังอยู่ที่ 130+ อยู่ แต่นั่นก็เป็นเพราะฮอร์โมนแหละ ตอนนี้ ใกล้ ปจด. มาด้วย . . มันจะมีความหงุดหงิดกับตัวเองเพิ่ม ขึ้นมานิดนึง . . แต่พอไหวแหละ ไม่มาก . . แค่รู้สึกหม่นๆนิดๆ และก็อยากจะร้องตะโกนคำรามออกมาดังๆ เท่านั้นเอง 555+

วันนี้ พี่ผู้ชายที่นั่งอยู่แถวหลังถามว่า . . ไม่กินข้าวหรอ จริงๆ นางก็ถามตั้งแต่เมื่อวานแล้ว . . เราบอกว่าไม่กินค่ะ กินเมื่อเช้าไปแล้วอิ่มมาก ตอนนี้ทำฟาสติ้งกินมื้อเดียวต่อวันอยู่ เค้าก็แบบ . . ทำได้ไง ไม่หิวหรอ พี่พยายามลองงดมื้อเย็นนะ แต่มันไม่ได้เลย ทรมาน . . คือ จะบอกว่า . . มีคนมากมายทีเดียวที่เข้าใจผิด เกี่ยวกับเรื่องทำไอเอฟ ความจริงตั้งแต่ทำ Fast 72 hr. สำเร็จแล้วโฟสลงเฟส แล้วค่าน้ำตาล FBS ลดลง ก็มีคนทักแชทเข้ามาคุยหลายคนทีเดียว . . . คำถามก็จะประมาณว่า . . หนอนๆ น้ำตาลพอมันลงแล้ว มันจะลงเลยไหม มันจะขึ้นมาอีกไหม . . ส่วนอีกคนก็มา พี่ๆ หนูอยากทำแบบพี่ หนูเริ่มจาก การงดมื้อเย็นวันนี้เลยได้ไหม . . อีกคนมา เทอวๆ . . ช่วยสอนเรา ทำฟาสติ้งหน่อย . . แต่ . . พอเราเริ่มจะอธิบายจริงๆ พวกเขาเหล่านี้ ก็กลับบอกว่า . . พี่เอาสรุปรวบยอดเลยได้ไหม . . หรือบางคน พิมพ์บอก อธิบายไปตั้งหลายพารากราฟ แบบยาวมาก . . สุดท้าย พอเราพิมพ์จบ เค้าก็ถามกลับมาทันทีว่า . . "แล้วสรุปหนูควรทำไง"คือ แม่ม อยากจะถอนใจคำรามมมมม ออกมาดังๆ . .
อยากจะบอกว่า . . ตั้งแต่วันที่เราตั้งมั่นว่าจะเปลี่ยนพฤติกรรม ของตัวเองใหม่ . . ทั้งพฤติกรรมการกินและการใช้ชีวิต จากนั้นก็บังคับตัวเอง เข้าครัวทำอาหารโลวคราบมากินที่ทำงานทุกวัน ควบคู่ไปกับการไอเอฟ . . ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ ก็ได้ 45 วันแล้ว แต่ . . เรายังไม่เลิกค้นคว้าข้อมูลในสิ่งที่เราทำเลยนะ ยังหาข้อมูลทุกวัน บางเรื่องเราฟังแล้วฟังอีก ฟังสามสี่รอบ . . บางเรื่องเราไปหาคลิป จากคุณหมอท่านอื่นๆ มาฟังควบคู่ไปด้วย เพื่อความเข้าใจที่ถ่องแท้ . . เพราะงั้น อยากจะบอกพวกเขาไปจริงๆ ว่า . . ไม่ว่าจะทำอะไร . . . คุณควรจะหาข้อมูลให้มากๆ เข้าไว้ . . ร่างกายเป็นของเราก็จริง แต่ก็ใช่ว่าเราจะสั่งให้มันทำโน่นนั่นนี่ . .ผิดๆ ถูกๆ ตามใจเราไปเรื่อยได้ทางลัดมันไม่มีจริงหรอก . . ความสำเร็จจะเกิดขึ้นกับคนที่พร้อมเท่านั้นแหละอย่างของเรา . . ทำมา 45 วัน น้ำตาลลงมาในระดับที่พอใจ แบบที่ . . ก็ได้อยู่นะ แต่น้ำหนักคือค้างมาก . . เอาจริงๆ เราก็พยายามกรอกหูตัวเอง อยู่เสมอว่าอย่าไปโฟกัส ที่น้ำหนัก . . ให้โฟกัสที่การรักษาเบาหวานพอ แต่ . .พอน้ำหนักค้างแถมสัดส่วนเหมือนไม่ลง(ดังใจ) เราก็คิดมากเหอะ ปฎิเสธไม่ได้จริงๆ ว่าเรา แอบนอย . . คือมันก็แอบคิดอะนะ เราจึงพยายามหาทางแก้เช่นการทำ Fast72 แต่พอฟาสเสร็จ ก็ดันไปกินปนเปื้อนมาอีก มันก็เลยไม่สำเร็จ 555++ เออ . . แม่มมมม . . นอยหนักเข้าไปอีก . . เมริง . . 12 กิโล ที่ลดลงไป เอาจริงๆ มันก็เยอะแล้ว . . แต่ก็ยังเสือกนอย อยากเร่งวันเร่งคืนเร่งเวลา . . อยากกดปุ่ม Speed up มากขึ้นไปอีก แต่ถึงจะนอย . . เราก็ยังก้มหน้าก้มตาทำต่อไป . . ทำไมน่ะหรอ ก็เพราะเรารู้ไง ว่าเราทำอะไรอยู่ . . ซึ่งถ้าคุณไม่ศึกษาข้อมูลในสิ่ง ที่คุณตั้งใจจะทำ คุณ . . จะรู้จุดยืนของตัวคุณเองได้ยังไง . .กับคำถามที่ว่า . . หนอน ถ้ากลับไปกินข้าวปกติ ค่าน้ำตาลมันจะขึ้นสูงเหมือนเดิมไหมอ่ะ หรือคงที่ประมาณนี้เลยเนี่ยะ . . ตอบได้คำเดียวเลยว่า . . ขึ้น !!ถ้าการกินปกติของคุณ คือการกินแป้งและน้ำตาล จนร่างกายมัน Over Energy แล้วล่ะก็ . . ยังไงค่าน้ำตาล มันก็ต้องขึ้น . . แต่ . . เอาจิงๆ คำถามแบบนี้ ถามมาได้ไง ค่าน้ำตาลในเลือดยังไง มันก็แปรผันไปตามสิ่งที่เรากินอยู่แล้ว ถอนใจ . . ถึงบอกไงว่า . . อย่างแรก คุณต้องไปทำความเข้าใจ กับมันซะก๊อนนน . . ถามตัวเองและตอบตัวเอง ให้ได้ก่อนที่จะเริ่มตัดสินใจทำอะไร ปัญหาของเราคืออะไร? ตอบ ปัญหาของเราคือ อ้วน และยังเป็นคนอ้วน ที่เป็นโรคเบาหวานอีกด้วย เมื่อรู้ปัญหาแล้วจากนั้น ค่อยมาหาข้อมูลว่า เบาหวานที่เราเป็นเกิดจากอะไร แล้วเราถึงจะสามารถจัดการแก้ไขมันได้อย่างถูกต้อง อธิบายง่ายๆ . . ถ้าเราเปรียบร่างกายของเราเหมือนรถคันหนึ่ง ก่อนที่เราจะเอารถออกไปใช้ เราก็ต้องมีการเติมเชื้อเพลิงอย่างเช่น น้ำมันเข้าไปใช่ไหม . . พอมีน้ำมันรถถึงจะขับเคลื่อนได้ ร่างกายของเราก็เช่นกัน . . พอเรากินอาหารเข้าไปร่างกาย จะเข้าสู่กระบวนการเก็บ หมายถึงการเอาสารอาหารที่เรากินเข้าไป เอาไปจัดเก็บในถังเก็บต่างๆ เช่น ไขมันก็จะถูกส่งเก็บในถังไขมัน ส่วนแป้งจะถูกสลายออกมาเป็นน้ำตาลกลูโคส โดยหลักๆ แล้ว ร่างกายจะเก็บกลูโคสไว้ 3 ที่คือ . .
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -1. ที่ตับ ตับจะเก็บกลูโคสในรูปแบบของกลีเซอรอล เก็บได้ประมาณ 100-150 กรัม ซึ่งให้แคลอรี่น้อยมาก หายใจทิ้งไปวันๆ นึงก็เผาหมดเลยเหอะ - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -2. ที่กล้ามเนื้อ กล้ามเนื้อจะเก็บประมาณ 400-500 กรัม แล้วแต่ปริมาณกล้ามเนื้อของแต่ละคน แต่... ไอ้ที่เก็บในกล้ามเนื้อ เราไม่เอามาคำนวนเป็นพลังงาน เพราะว่าถ้าร่างกายเรามีไขมันเพียงพอ มันจะไม่เอาพลังงานสะสมไว้ในกล้ามเนื้อมาใช้ มันจะเก็บไว้ใช้ ในยามฉุกเฉินเท่านั้นอย่างเช่น เมื่อเราต้องหนีไฟใหม้บ้าน หนีน้ำท่วมวิ่งหนีเสือ บลาๆ แบบที่เหตุการณ์อันตรายต่อชีวิต ไรแบบนั้น มันถึงจะเอามาใช้- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -3. ที่ถังไขมัน เนื่องจากกลูโคสเป็นอันตรายต่อเส้นเลือด ในเลือดของเรานั้นจะบรรจุน้ำตาลได้แค่ 1 ชช. เท่านั้น ดังนั้น น้ำตาล ส่วนที่เรากินเกินมา จะถูกฮอร์โมนอินซูลินที่มีหน้าที่ควบคุมระดับ น้ำตาลในเลือด ส่งเอาไปเก็บไว้ในถังไขมัน ในรูปแบบของไตรกลีเซอร์ไรด์ ซึ่งไอ้ถังไขมันที่ว่าเนี่ยะ มันก็คือไขมันที่อยู่ใต้ผิวหนังของเรานั่นเอง โดยขนาดของถังไขมันแต่ละคนจะสามารถขยายได้มากน้อย ไม่เท่ากัน แล้วแต่กรรมพันธ์ที่พ่อแม่ให้มา - - - - - - - - - - - - - - -- - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ซึ่งไอ้กระบวนการจัดเก็บเชื้อเพลิงของร่างกายที่กล่าวไว้ด้านบนนั้น จะใช้เวลาประมาณ 4 - 6 ชั่วโมง พอหลังสี่ถึงหกชั่วโมงนับจาก ที่เราหยุดกินเป็นต้นไป ร่างกายจะค่อยๆ ลดปริมาณการหลั่งอินซูลินลง เพราะมันไม่ต้องเก็บแล้วไง จากนั้นมันถึงจะเอาสารอาหารที่จัดเก็บ ไว้เรียบร้อยแล้วนั้น นำออกไปใช้เป็นพลังงาน . .
นั่นหมายความว่า . . ถ้ายังไม่ครบ 4 - 6 ชั่วโมง ที่ร่างกาย ใช้เวลาจัดเก็บ แล้วคุณยังจะยัดอาหารเข้าไปๆ ในร่างกายอยู่เรื่อยๆ . . โดยไม่เว้นช่วงเวลาให้มันเอาไปใช้เลยยยย . . มันก็จะมีแต่กระบวนการ กิน --> เก็บ , กิน ---> เก็บ ไปเรื่อยๆ เรื่อยๆและถ้าสิ่งที่เรากิน ส่วนใหญ่เป็นพวกคาร์โบไฮเดรตแปรรูปที่ย่อยออกมาแล้วได้กลูโคส จำนวนมหาศาลแล้วนั้น . . ร่างกายมันก็ยิ่งจะเอาไปเก็บเป็นไขมัน สะสมอยู่ใต้ผิวหนังเรื่อยๆ จนคนๆ นั้นกลายเป็นโรคอ้วนในที่สุด

แล้วเบาหวานเกิดจากอะไร . . เบาหวานก็เกิดจากที่เรากินเก็บๆๆๆ สะสมจนถังไขมันที่ใช้เก็บของเราเต็มพอถังไขมันเต็ม อินซูลินจำนวน มหาศาลในเส้นเลือดไม่สามารถยัดยู้เอากลูโคสไปเก็บไว้ในถังไขมันได้แล้ว มันเลยไปบังคับให้เซลล์ต่างๆ เก็บกลูโคสในรูปแบบของไขมันแทน เก็บๆๆๆๆๆ เกิดเป็นไขมันแทรกอยู่ตามเซลล์ตามอวัยวะภายใน จนสุดท้าย แม้แต่เซลล์ก็เก็บไม่ไหวแล้ว ร่ายกายจึงต้องระบายกลูโคสออกจากร่างกาย ทางไต . . กลายเป็นฉี่หวานๆ หรือโรคเบาหวานนั่นเอง . .
ซึ่งปัญหาของคนที่เป็นโรคเบาหวาน คือ.. การที่เขาปล่อยให้ร่างกาย อยู่ในโหมดเก็บพลังงานอยู่ซ้ำๆๆๆเดิมไปเรื่อยๆ ทำให้ร่างกายอยู่ ในสภาวะอินซูลินค้างสูงอยู่ในเส้นเลือดตลอดเวลา คนพวกนี้ จึงไม่สามารถสลับโหมดกลับมาใช้พลังงานที่ร่างกายเก็บสะสมไว้ได้ . .
โคตรน่าสงสาร มีพลังงานสะสมเป็นแสนๆแคลอรี่ในตัวแต่เสือกใช้ไม่ได้ 55+
เดี๋ยววจะสงสารทำไมทำตัวเองทั้งนั้นอะนะ. .
นั่นแหละๆ. . พวกเขาเหล่านี้ จึงใช้พลังงานได้แค่สิ่งที่กินเข้าไป ณ เวลานั้นเท่านั้น มันจึงเกิดอาการที่กินแล้วก็ไม่อิ่ม กินแล้วก็หิวอีก ไปเรื่อยๆๆ เป็นวังวน ยังไม่พอ ถ้าเขายังไม่หยุดกินอาหารประเภทแป้ง และน้ำตาล ทั้งๆ ที่ถังเก็บมันเต็มจดยัดอะไรไม่ได้แล้ว ร่ายกาย ก็ยิ่งต้องระบายกลูโคสออกทางไตไปเรื่อยๆ สุดท้ายไตก็พัง
มาถึงตรงนี้แล้ว . . คงเข้าใจแล้วใช่ไหมว่า สิ่งที่เราทำอยู่คืออะไร สิ่งที่เราทำอยู่นี่ . . . อธิบายง่ายๆ คือ การพยายามให้ร่างกาย มันกลับมาใช้ไขมันได้ใหม่ โดยการกินแบบโลคาบคีโตเจนิค คือ กินแป้งและน้ำตาลให้น้อยที่สุด เพื่อให้ระดับอินซูลินในเลือดลดต่ำลง พออินซูลินลดต่ำลง ร่างกายจะได้สลับโหมดมาใช้ไขมันที่เราสะสมไว้ ก่อนหน้านี้เป็นแสนๆแคลอรี่ได้ . . . ทีนี้ . .พอเรากินแบบนี้ ไปสักพัก จนร่างกายมันกินไขมันเก่งแล้ว เราก็จะไม่หิวใช่ไหม (ที่ไม่หิวเพราะ ร่างกายมันไปเอาพลังงานจากสิ่งที่เราเก็บมาใช้แทนอาหารที่เรากินไง) พอเราไม่หิวเราก็จะ if ควบคู่ไปด้วยได้ จากนั้นจึงค่อยๆ เพิ่มช่วงเวลา ทำ Fastingก็คือเพิ่มช่วงเวลาไม่กิน เพื่อให้ร่างกายมันสามารถ เอาไขมันไปใช้ได้มากขึ้นๆ . .

ทำไปเรื่อยๆ จนถังไขมันที่มันเต็มจนล้น พร่องลงแล้ว ภาวะอินซูลินค้างสูงในกระแสเลือดลดลงแล้ว ร่างกายมันก็จะ สามารถกลับมาจัดการกับน้ำตาลที่เรากินเข้าไปได้อีกครั้ง ก็คือ เมื่อระบบกลับมาปกติแล้วเราถึงจะกลับมากินแป้ง ได้ตามปกติเหมือนเดิม ซึ่งจากสถิติที่เค้าทำๆ กันมา มันจะใช้ระยะเวลาประมาณหกเจ็ดเดือนหรือหนึ่งปี . .***ย้ำ การทำ IF นั้น . . มันไม่ใช่การอดอาหาร ของร้องเหอะ . . ทำความเข้าใจเสียใหม่ . . การทำไอเอฟหรือการฟาสติ้งมันคือการที่เราเว้นช่วงเวลา ให้ร่างกายเข้าสู่กระบวนการเอาพลังงานจากสิ่งที่มันเก็บไว้ เอามาใช้ ซึ่งถ้าร่างกายมันทำคล่องแล้วคุณจะไม่หิวเลย . . ในกรณีที่ถังไขมันคุณมีเยอะ คุณจะนั่งๆนอนๆชิวๆ ปล่อยให้เวลาผ่านไป โดยที่ไม่ต้องกินอะไรเลย ก็ได้ แต่ถ้าคุณทำไอเอฟแล้วหิว นั่นคือ คุณกำลังทำอะไร ผิดกระบวนการสักอย่าง . . ให้ไปดูใหม่ ตั้งแต่อาหารที่กิน หรือแม้แต่คนที่ไขมันสะสมก็แทบไม่มีให้ใช้แล้ว ก็ยังจะอยากทำไอเอฟ อยากฟาสติ้งแบบฮาร์ดคอร์ . . แบบนั้น มันก็ไม่ใช่ละ เพราะนอกจากคุณจะไม่ได้ประโยชน์จากการทำ IF แล้ว หากคุณฝืนทำไปเรื่อยๆ.... คุณย่อมกลายเป็นโรคขาดสารอาหารในที่สุด
ปอลอ. ทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมานั้นแค่อยากจะบอกว่า อย่ามาถามว่า . . หนูเริ่มอดมื้อเย็นตั้งแต่วันนี้เลยได้ไหม ไรแบบนั้น.. มันไม่ด๊ายยยย . . ทุกอย่างมันมีขั้นมีตอน มันมีที่มาของมัน และสิ่งที่คนอื่นทำก็ใช่ว่ามันจะเหมาะ กับตัวเราเสมอไป เพราะฉะนั้น . .ถ้าอยากรู้ก็ต้องลองทำ กับตัวเองดู แต่ถ้าลองแล้วมันไม่ใช่ก็ต้องเลิก กลับมา เดินสายกลาง มันได้หรือไม่ได้ ร่างกายจะบอกเราเอง . . อย่าลืมสังเกตุสิ่งที่ร่างกายพยายามจะสื่อกับเรา ไว้ให้ดีก็พอ!!นี่คือ . . สรุปรวบยอดให้มากที่สุดแล้วนะ . . อ่านเถอะ . . ถ้าคุณเป็นผู้ป่วยเบาหวาน และอยากรักษาให้มันหายด้วยแนวทางนี้ . . คุณต้องศึกษาข้อมูลนะ!!เหนื่อยยยยย อ่ะ . . . เป็นการบ่นที่วิชาการสุดๆ ไปเลย . .  บันทึกการบ่นโดย . . ตัวหนอนกิ๊วๆ
Create Date : 21 เมษายน 2565 |
Last Update : 5 พฤษภาคม 2565 16:21:36 น. |
|
16 comments
|
Counter : 927 Pageviews. |
 |
|
|
ผู้โหวตบล็อกนี้... |
คุณhaiku, คุณเริงฤดีนะ, คุณtoor36, คุณจันทราน็อคเทิร์น, คุณกะว่าก๋า, คุณSleepless Sea, คุณทนายอ้วน, คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณมาช้ายังดีกว่าไม่มา, คุณสองแผ่นดิน, คุณkae+aoe, คุณkatoy, คุณหอมกร, คุณนายแว่นขยันเที่ยว, คุณ**mp5**, คุณtanjira, คุณนกสีเทา, คุณSweet_pills |
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 21 เมษายน 2565 เวลา:16:15:25 น. |
|
|
|
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 21 เมษายน 2565 เวลา:16:27:28 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 21 เมษายน 2565 เวลา:16:37:41 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 21 เมษายน 2565 เวลา:20:44:20 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 22 เมษายน 2565 เวลา:6:14:15 น. |
|
|
|
โดย: katoy วันที่: 22 เมษายน 2565 เวลา:9:30:50 น. |
|
|
|
โดย: หอมกร วันที่: 22 เมษายน 2565 เวลา:12:52:30 น. |
|
|
|
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 24 เมษายน 2565 เวลา:13:39:44 น. |
|
|
|
โดย: **mp5** วันที่: 26 เมษายน 2565 เวลา:9:31:57 น. |
|
|
|
โดย: Sweet_pills วันที่: 6 พฤษภาคม 2565 เวลา:0:59:12 น. |
|
|
|
|
|
|
BlogGang Popular Award#19 |

|
|
|
|
|
|
อ่านแล้วเข้าใจได้ง่ายๆเลยค่ะน้องน้อง
นน.ลดลงตั้ง 12 กิโล..OMG!!
เก่งจัง..
สู้ต่อไป..นะคะ
(บอกตัวเองด้วย)
2 เดือนมานี่..นน.ขึ้น 2 กิโล
ด้วยออกกำลังกายน้อยลง..
ทานอาหารตามใจปากมากขึ้น..
มีนัดหาหมอเข่าเสื่อมตอน สิ้นเดือน..
ต้องลด 2 กิโล
น้องมิลลิ ก็มากิน ข้าวเหนียว มะม่วง
เสริมสร้างกิเลส..
ล่อไป 3-4 มื้อ (แทนข้าว)
กลุ่มใจอยู่นี่..ดีที่ข้างเหนียวมูน ทำเอง 1 กิโล กิน ได้ 3 วัน เหลือ หยิบมือ
มะม่วงซื้อเพิ่มมาก็..ไม่มีข้าวเหนียวแกล้มแล้ว..
อด เอ๊ย Low carbo.ต่อไแ