พฤษภาคม 2553
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
29 พฤษภาคม 2553
 

ฟิค พีก้อง >> เมื่อไหร่ก็รักคุณ ตอนที่ 7 : เมื่อ คุณ...จะไม่มีวันสูญเสียผมไป ผมสัญญา

ตอนที่ 7

“สวัสดีค่ะ” เสียงตอบรับโทรศัพท์ที่ผมกดโทรไปหาก้อง เป็นรอบที่สอง หลังจากที่รอบแรก สายของผมโดนตัดไปซะเฉย ๆ เสียงตอบรับนี้เป็นเสียงผู้หญิง ที่ผมแทบไม่ต้องเดาเลยว่าเป็นใคร

“ครับ ขอสายก้องหน่อยครับ”

“พี่พีรึเปล่าคะ ข้าวเองค่ะ พอดีพี่ก้องเค้าฝากโทรศัพท์ไว้กับข้าวน่ะ พี่พีรอแป๊ปนึงนะ” เสียงใสที่ดังมาตามสายยังเจือความรื่นเริง ที่ขัดหูผมอย่างเดิม...ผมรอได้เพียงครู่เดียว เสียงใสนั่นก็ตอบมาอีกครั้งแต่คราวนี้ น้ำเสียงเจือความลำบากใจอย่างปิดไม่มิด

“เอ่อ..พี่พีคะ พี่ก้องเค้าติดคุยกะคนไข้อยู่น่ะค่ะ แต่.แต่ข้าวบอกแล้วนะคะ ว่าเป็นสายของพี่พี ข้าวเองก็โดนว่ามาเหมือนกัน ว่าสายพี่พีก็ไม่ว่างรับ อย่าเพิ่งยุ่ง แหม .. ทั้ง ๆ ที่คนไข้ก็บอกให้รับก่อนก็ได้แท้ ๆ สงสัยจะอารมณ์ไม่ดีจริง ๆ ด้วย พี่พีมีธุระด่วนรึเปล่า ฝากข้าวไว้ก็ได้นะ”

ข้าวเล่าเรื่อย ๆ น้ำเสียงเกรงอกเกรงใจผมซะเหลือเกิน แต่ผมกลับรู้สึกเหมือนโดนหมัดแย็บ เข้าซ้ายที ขวาทีจนตอนนี้มันเริ่มจะเจ็บจี๊ด ๆ ขึ้นมา

“ก็นิดหน่อยน่ะ ว่าแต่ก้องเค้ามีเรื่องอะไรเหรอข้าว ถึงได้อารมณ์ไม่ดี” ถึงยังไง คำพูดที่ว่า “อารมณ์ไม่ดี” ก็ทำให้ผมอดถามออกไปไม่ได้

“คืองี้ค่ะพี่พี จำเรื่องเซอร์ไพรส์ กับเรื่องความลับของพี่ก้อง ที่ข้าวคุยกับพี่พีคราวก่อนได้มั้ยคะ จริง ๆ แล้ว ข้าวได้บัตรชมงานศิลปะที่แกลลอรี่ XXX พี่พีอาจจะไม่รู้ว่าพี่ก้องเค้าชอบการวาดรูป และงานของศิลปินคนนี้มากนะคะ เพราะพี่ก้องบอกว่ามีแค่พี่แก้วกับข้าวเท่านั้นที่รู้ แต่ก็ช่างเถอะค่ะ เรื่องสำคัญมันไม่ได้อยู่ตรงนั้น แต่มันสำคัญที่ว่าพี่ก้องเค้าอยากไปด้วยมากเลยค่ะ แต่ว่าไปไม่ได้... เพราะติดว่านัดกับเพื่อนไว้แล้ว ข้าวถามว่านัดอะไร ก็ไม่บอกค่ะ บ่นแต่ว่า เรื่องไร้สาระ ๆ แล้วก็หงุดหงิด ๆ พี่พีพอรู้มั้ยคะ ว่านัดกับเพื่อนคนไหน ถ้ารู้ช่วยบอกเค้าให้เลื่อนนัดให้หน่อยสิคะ งานแบบนี้ ไม่รู้อีกกี่ปีถึงจะจัดอีกซักทีนะคะ ข้าวเองก็เสียดายเหมือนกัน รบกวนพี่พีหน่อยนะคะเพราะถ้าให้พี่ก้องบอกเพื่อนคนนั้นเอง พี่ก้องก็คงไม่ยอมเลื่อนนัดเพื่อนหรอก พี่พีก็รู้ พี่ก้องน่ะ รักษาสัญญาจะตาย”

ฟังแค่นี้ผมก็รู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งตัว ไม่รู้จะเรียกความรู้สึกนี้ว่าอะไร รู้แต่ว่ามันเป็นสิ่งที่ทำให้ผมพูดคำพูดที่ไม่ได้ผ่านการกลั่นกรองจากสมองออกมาแม้แต่น้อย

“ขอโทษนะ พี่คงช่วยอะไรไม่ได้ เพราะพี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน ยังไงพี่ฝากข้าว บอกก้องเค้าด้วย ว่าพี่โทรมา มีธุระสำคัญให้เค้าโทรกลับด้วย อ้อ .. ย้ำให้ด้วยนะ ว่าสำคัญมากกก” ผมย้ำคำพูดอีกครั้งด้วยเสียงหนัก ๆ ก่อนจะขอวางสาย

บ้าจริง ๆ .. แค่พี่แก้ว กับข้าวเท่านั้นที่รู้ งั้นเหรอ...หงุดหงิด เว้ย ...

แล้วตลอดบ่ายวันนั้น ผมก็หมดสมาธิที่จะทำงาน ได้แต่มองไปที่โทรศัพท์ เอามันไปด้วยทุกที่ เหมือนกลัวว่าผมจะพลาดวินาทีสำคัญที่ก้องจะโทรมา แต่สรุปแล้วตั้งแต่บ่ายจนค่ำ ก็ไม่มีสายเรียกเข้าจากคนที่ผมตั้งตารอเลย แม้แต่สายเดียว มีแต่สายของไอ้พวกก๊วนเพื่อน ที่โทรมา แล้วก็บ่นกันยกใหญ่ เรื่องที่ผมบังคับให้ทุกคน บอกเลิกนัดทุกสิ่งทุกอย่าง เพื่อไปสนามแข่งกับผมวันพรุ่งนี้....ให้ทำไงได้หล่ะ ถ้าไปถึงแล้วไม่เจอใคร ก้องก็จับได้น่ะสิ ว่าเรื่อง แข่งอำลาสนามนั่น เป็นเรื่องที่ผมคิดวางแผนขึ้นเองทั้งหมด เพื่อให้คิววันเสาร์นี้ ของก้องว่างเพื่อผมคนเดียวเท่านั้น ....


ว่าง เพื่อไปทำสิ่งที่ก้องเรียกว่า ..เรื่องไร้สาระ ฮึ...


อารมณ์ผมมันไม่ปรกติ มาตั้งแต่ได้คุยกับข้าวแล้ว ยิ่งโดนไอ้เจ้าพวกนี้ บ่นอย่างนั้น อย่างนี้ ผมก็ยิ่งรำคาญหนัก เลยเผลอตัดบทบอกไปสั้น ๆ ว่า

“ ชั้นจะพาแฟน ไปแนะนำให้พวกแกรู้จัก”

เท่านั้นแหละ เงียบปากกันหมด เจริญกันจริง ๆ เพื่อนผม และมั่นใจได้ ว่าพรุ่งนี้ ต้องมีกลุ่มของแอนนาไปร่วมด้วยแน่ ๆ สถานการณ์อาจจะวุ่นวายบ้าง แต่ผมคิดว่าผมรับมือได้
ก็ดีเหมือนกัน.. ผมจะได้เคลียร์ ให้ชัด ๆ ไปเลย เพราะผมที่ไม่สามารถแบ่งแม้ช่องว่างเล็ก ๆ ในหัวใจให้ใครได้อีก ก็ไม่อยากจะให้ใครต้องมามีความหวัง ลม ๆ แล้ง ๆ กับตัวผมอีกต่อไป

อีกอย่าง ผมก็อยากจะให้ก้องรู้ ว่าสำหรับผมแล้ว ผมภูมิใจที่จะได้บอกเพื่อน ๆ ของผมถึงฐานะของเราสองคน ดังนั้น ถ้าข้าวเป็นเพื่อนสนิทของก้องจริง ก้องก็ควรบอกเรื่องนี้กับเขาเช่นกัน ตอนนี้ผมคิดได้แค่นี้จริง ๆ !!!!!

................

อีก 10 นาที จะ 5 ทุ่ม ....

ผมกดเบอร์โทรออก เป็นชื่อของ ก้อง ค้างไว้ ไม่รู้จะเป็นรอบที่เท่าไหร่ แล้วไอ้จอมมารตัวไหนกันนะ ที่ทำให้ผมตัดใจ ไม่ยอมกดโทรออกซักทีนึง ... ผมฝากน้องคนสนิทของเขาไว้แล้วนี่ !!! ว่ามีเรื่องสำคัญมาก!!! ยังไงก้องก็ควรจะโทรมาหาผม ถึงจะน้อยครั้งมาก ที่เขาจะเป็นฝ่ายโทรมาก่อน และผมเองก็ไม่เคยเก็บเรื่องเล็กน้อยแบบนี้มาคิดมาก....

แต่ !! ครั้งนี้ยังไงก้องก็ต้องโทรมาหาผมก่อน.... ผมจะรอ

สุดท้ายแล้วผมก็รอจนร่างกายทนฝืนกระบวนการทำงานที่บังคับให้คนเราจะต้องพักผ่อนไม่ไหวอีกต่อไป ... ผมเผลอหลับไปกับ สติสัมปชัญญะสุดท้าย ที่ได้คำตอบว่า ไอ้เจ้าจอมมารตัวนั้นที่มันห้ามผมไว้ไม่ให้กดโทร มันมีชื่อว่า....ความน้อยใจ นั่นเอง



เช้านี้ผมตื่นมารับก้อง ด้วยอารมณ์ที่ไม่แจ่มใสนัก พอเจอหน้ากัน ผมก็รู้สึกได้ทันทีว่า อารมณ์ของก้องเองก็ไม่สดใสเหมือนกัน ...

นี่เขาโมโหเรื่องที่ต้องไปสนามแข่งกับผม แทนที่จะได้ไปกับข้าว จริง ๆ งั้นเหรอ !!

ให้ตาย !! ...ผมอยากถามก้องให้เคลียร์กันไปเลย ว่าทำไมเขาถึงไม่โทรกลับหาผม แต่โอกาสมันไม่อำนวยเอาซะเลย เพราะทุกคนอยู่กันครบหน้า ผมจึงต้องเก็บเรื่องที่คาใจไว้ก่อน ไม่อยากให้ทุกคนจะต้องไม่สบายใจไปด้วยกับเรื่องของเรา

จนถึงตอนนี้ที่เหลือแค่ผมกับก้องอยู่ด้วยกันสองคนบนเส้นทางที่จะไปสนามแข่ง ผมเลยตัดสินใจ ถามไปท่ามกลางความเงียบระหว่างเราสองคน

จริง ๆ แล้ว อาจจะไม่ใช่ว่าก้อง ไม่ยอมโทรกลับหาผม .... แต่บางทีข้าวนั่นแหละที่อาจจะไม่บอกก้อง เรื่องที่ผมโทรไปก็ได้ !!!

“ก้อง เมื่อวานผมโทรหาคุณ คุณรู้รึเปล่า”

ผมกลั้นใจรอฟัง ขอให้คำตอบเป็นไปอย่างที่ผมคิดไว้ทีเถอะ...

“รู้ ... ข้าวบอกผมแล้ว”

รู้ !! คุณรู้... และทั้ง ๆ ที่ผมบอกว่าเป็นธุระสำคัญมาก แต่คุณก็ไม่ยอมโทรกลับหาผมงั้นเหรอ แล้วตอนนี้คุณยังมาทำเสียงสะบัดที่มันแปลได้ว่า ‘ไม่พอใจ’ แบบนี้ใส่ผมอีกงั้นเหรอ !! นี่คุณไม่พอใจที่ต้องไปกับผมมากจนทำได้กับผมขนาดนี้เลยเหรอก้อง.... ให้มันได้เหอะ !!!

“งั้นเหรอ” ผมก็ตอบได้แค่นี้ เหมือนกัน.... และตอนนี้ผมเองก็พยายามจะสะกดอารมณ์อะไรก็ตามที่มันกำลังพลุ่งพล่านขึ้นมาของตัวเองเอาไว้อย่างสุดชีวิต ผมไม่อยากให้เราสองคนต้องมาทะเลาะกัน ...

ผมหวังว่า ความเงียบ และการปล่อยให้เวลาผ่านไปอีกซักนิด อาจจะทำให้อะไร ๆ ดีขึ้นก็ได้

......................

ผมคิดผิด !!!

ดูเหมือนสถานการณ์ ที่ผมพยายามจะประคับประคอง ให้มันดีขึ้น จะยิ่งแย่ลงไปกว่าเดิม ก้องทำท่าเฉย แต่ทำหน้าตาแบบที่ผมดูปุ๊ป ก็พอจะรู้ว่าเขา ไม่พอใจมาก ตั้งแต่ที่สนามแข่ง ตอนที่พบเพื่อนของผม มาจนถึงตอนนี้ที่เรากำลังทานข้าวด้วยกัน ผมพยายามจะเอาใจเขา และแสดงให้เห็นว่าผมภูมิใจที่จะบอกทุกคนว่าเขากับผมเป็นอะไรกัน แต่ก้องก็เหวี่ยงใส่ผมตลอด ....

ผมตักอาหารให้ เขาก็แหวผมมาเข้ม ๆ ว่า “ไม่ต้องพี”

พอผมเห็นว่าเขาเงียบจากวงสนทนา ถามว่าเขาเป็นอะไร ก็อีกละ ห้วนมาเลยว่า “ ผมไม่ได้เป็นอะไร คุณเซ้าซี้ทำไมเนี่ย”

จนสุดท้ายอยู่ ๆ เขาก็ขอตัวลุกจากโต๊ะไปเฉย ๆ ไอ้พวกบ้านี่ก็แซวผมกันใหญ่ ว่าหมดมาดไอ้เพลย์บอยเจ้าสำราญบ้างล่ะ แหยแฟนมั่งล่ะ น่าชกปากจริง ๆ !!!

แต่จะบอกว่าผมไม่รู้สึกอะไรเลยก็ไม่ใช่ !! ที่ก้องหักหน้าผมหลายต่อหลายครั้งต่อหน้าเพื่อนผมทั้งโต๊ะ !!

แต่เอาเถอะ ไม่เป็นไรผมทนได้ !! ก้องอาจจะยังไม่ชิน กับเพื่อน ๆ และสังคมของผม ผมคงต้องให้เวลาเขาปรับตัวอีกซักหน่อย...


ผมนั่งรอจนรู้สึกว่าก้องหายไปนานจนผิดสังเกต เลยตัดสินใจออกมาตามเขา ก้องจะเป็นอะไรรึเปล่านะ !!

ผมเดินตามหาก้องอยู่ซักพักแต่ก็ไม่พบ หรือเขาจะกลับไปแล้ว !! ไม่น่าใช่ ถ้าเขาอยากจะกลับก็น่าจะบอกผมก่อน..... ผมเริ่มกังวลใจไปสารพัด วิ่งวนตามหาเขาอย่างไม่สบายใจ .. จนในที่สุดผมก็เจอ ผมรีบเข้าไปหาเขาด้วยความเป็นห่วง..

แต่คำพูดต่าง ๆ ที่เขาตอบกลับมา ทำให้ผมถึงกับ งง นี่มันเกิดอะไรขึ้น อยู่ ๆ ก้องก็โมโหผมขึ้นมาอย่างไม่มีที่มาที่ไป..

และสุดท้ายสิ่งที่ทำให้ความอดทนของผมหมดลง กับอาการ เหวี่ยง โกรธ แบบไม่มีเหตุผลของก้อง ก็คือ เสียงตะโกน คำว่า เบื่อ !! คำว่าอึดอัด !! ที่มาจากปากเขา

“อะไรนะ !! คุณอึดอัด ที่ต้องอยู่กับผมงั้นเหรอก้อง !! ต้องอยู่กับเพื่อนคุณงั้นหรอ คุณถึงจะสบายใจ วันนี้คุณฝืนใจมากใช่มั้ย ที่ต้องมากับผม แทนที่จะได้ไปที่ ๆ คุณอยากไป ใช่มั้ยก้อง !!”

ผมตะโกนใส่เขากลับไปบ้างอย่างเหลืออด ก้องจะรู้มั้ย ว่าสองคำนี้ มันทำให้ผมเจ็บมากขนาดไหน !!!

ผมมองเขาด้วยสายตาที่บอกให้รู้ว่าผมเสียใจ และก็เห็นเขามองตอบกลับมาด้วยสายตาที่แสดงคำว่าผิดหวังเช่นกัน !!

ก้องผิดหวังในตัวผมเหรอ ทำไม ? เรื่องอะไร ? ทั้ง ๆ ที่คนที่ควรรู้สึกอย่างนั้นควรเป็นผมมากกว่า ...

ในระหว่างที่ผมกำลังสับสนกับแววตาที่สื่อมาของอยู่ แท็กซี่สีเขียวส้ม ก็วิ่งตีโค้งเข้ามาพอดี

“คุณจะไปไหนก้อง!! คุยกันให้รู้เรื่องก่อน!!” ผมพูด พร้อมกับพยายามรั้งแขนเขาไว้ เมื่อก้องกำลังจะก้าวขึ้นแท็กซี่คันนั้น

“ปล่อยผมพี !!”

ไม่เด็ดขาด !!!

ผมจับเขาไว้อย่างแน่นหนา และใช้สาย ตาบอกผ่านคำพูด ‘ผมไม่มีวันปล่อยมือจากคุณ...ก้อง ’

แต่แล้วความรู้สึกของผมก็สะดุดอีกครั้ง เมื่อสายตาอันแน่วแน่ไม่ยอมแพ้ของผม มันประสายกับสายตาของก้องแล้วได้พบคำว่า เสียใจ สะท้อนออกมาจากแววตากลมหวานคู่นั้น

ก้องสะบัดแขนผมเต็มแรง จนหลุด หันหลังให้ผม แล้วก้าวขึ้นแท็กซี่ออกไป ไม่แม้แต่จะหันมามองผมเลย

“โธ่เว้ย... อะไร .. อะไรกันวะเนี่ย!!!”


.......................

>>>> พอมาถึงตอนนี้ พอสติเริ่มมา ผมถึงได้รู้ว่าตัวเองพลาดไปถนัด ... ถ้าใครคนนั้น ไม่หวังดีกับเราสองคนจริง ๆ อย่างที่ผมรู้สึก ตอนนี้ผมก็เผลอเดินไปตามเกมส์ของเขาแบบเต็ม ๆ ..ทำไมผมไม่เฉลียวใจซักนิดนะ ผมน่าจะรู้ตัวตั้งแต่เรื่องโทรศัพท์นั่นแล้ว....

แต่คนอย่างพีรวิชญ์ นอกจากก้องบดินทร์แล้ว ก็ไม่เคยยอมให้กับเรื่องอะไร หรือใครทั้งนั้น !!!

...ถึงคราวที่ผมจะต้องพลิกกระดานกลับมา เกมส์นี้ผมเป็นผู้คุมมาตั้งแต่ต้น ถึงเวลาแล้วล่ะที่จะต้องให้คนอื่นเดินไปตามหมากที่ผมวางไว้บ้าง.....

ผมขอตัวกลับ โดยไม่สนใจเสียงบ่น เสียงด่า ของบรรดาเพื่อนผม และก๊วนสาว ๆ ของแอนนา เพราะสิ่งที่ผมจะต้องทำต่อไปนี้ มันเป็นเรื่องที่สำคัญกว่าหลายเท่า....

และไม่ผิดไปจากที่ผมคาดการไว้ ผมมาถึงที่บ้าน แต่ก้องก็ยังไม่กลับมา.. ผมก็คิดอยู่แล้ววว ว่าก้องคงหลบอยู่ที่ไหนซักแห่งแน่ ๆ ถ้าเขายังไม่ต้องการเห็นหน้าผมตอนนี้...

อยากหลบก็หลบไปก้อง !! ต่อให้คุณหลบนานแค่ไหน ผมก็รอได้...

ผมบอกแม่ฟองกับทุกคนว่าก้องต้องไปทำธุระต่อกับเพื่อน ... เพื่อไม่ให้ทุกคนในบ้านจับได้ถึงความผิดปกติของเราสองคน และเพื่อความรอบคอบ ผมไม่ควรให้ก้องรู้ถึงการมาของผม ถ้าเขายังโมโหไม่หาย ก็อาจหนีไปไหนอีก ผมเลยต้องเอารถไปจอดแอบไว้อีกมุมหนึ่ง ให้พ้นจากสายตาของคนที่มาจากข้างนอกซะ .. ขั้นตอนนี้ถือว่าเรียบร้อย ที่เหลือก็แค่รออย่างใจเย็นให้ก้องบดินทร์กลับมาก็เท่านั้น...

จนเริ่มดึก ทุกคนนอนกันไปหมดแล้ว ผมเลยเป็นคนอาสาอยู่รอเปิดประตูให้ก้อง ...ผมยืนรับลมเย็น ๆ รอเขาอยู่ที่ซุ้มต้นไม้ ใกล้กับริมรั้วหน้าบ้าน ลมเย็น ๆ ที่พัดมาสบาย ๆ ทำให้จิตใจผมสงบลงอย่างประหลาด เหมือนคุณเลยนะก้อง สายลมเย็นที่พัดผ่านหัวใจผม...

และแล้ววินาทีที่ผมรอคอยก็มาถึง.... แต่ !!! ไอ้รถคันเล็กสีขาว กับ หญิงสาวเจ้าของรถที่ลงมายืนข้าง ๆ ก้องนี่สิ !!

มันทำให้ลมรอบตัวผม มันเริ่มพัดแรงขึ้นแบบทันทีทันใด... ผมหลบมุมไม่ให้สองคนนั้นมองเห็น ก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าลับหลังผมแล้ว ข้าวจะพูดอะไรกับก้องบ้าง .... โบราณว่าไว้ รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง !!!!

แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้รู้เขา ผมกลับรู้เราชัดเจนซะก่อน ว่าไอ้ลมที่มันเริ่มพัดแรงอยู่รอบตัวผมตอนนี้ กำลังจะกลายเป็นพายุโซนร้อน ขึ้นมาา ในชั่วขณะที่ผมเห็นร่างเล็กนั้น เขย่งตัวขึ้น ใช้ริมฝีปากสัมผัสกับคนที่ยืนหันหลังให้ผมอยู่ในตอนนี้ !!!

จูบ !!! ... ข้าว จูบก้องงั้นเหรอ !!! จูบต่อหน้าผมด้วย !!


เฮอริเคน !! ตอนนี้ในใจผมมันอยากถล่ม ให้ราบ ให้หนักยิ่งกว่าคลื่นยักษ์ ซัก 10 เท่าตัว .. แต่รอยยิ้มที่ผมมองเห็นข้ามไหล่ก้อง ทำให้ผมหยุดเอาไว้ ผมไม่แน่ใจว่าข้าวเห็นผมหรือเปล่า ถึงได้ยิ้ม แบบนั้นออกมา ...

ไม่ได้..ถ้าผมขาดสติตอนนี้ ก็เท่ากับว่าผมก้าวพลาดซ้ำซาก ... และอาจจะแพ้ให้กับผู้หญิงคนนี้ซักวันหนึ่ง......

ผมต้องใจเย็นไว้ ... อย่างน้อย ก้องก็ไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มก่อน ผมปลอบตัวเอง

ผมกำหมัดแน่นอย่างพยายามระงับอารมณ์ รอจนจังหวะที่ข้าวขึ้นรถและขับออกไปแล้ว จึงเปิดประตูรั้วออกมา..


“ก้อง ” เสียงเรียกไม่ดังนักของผม ทำให้ก้องถึงกับสะดุ้ง !!

“พี !!”

“ มันไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิดนะพี ” ก้องอธิบายกับผมเสียงสั่น แววตาตื่นตระหนก ที่เหมือนจะมีน้ำเข้ามาหล่อเลี้ยงนัยตามากเกินความจำเป็นนั้น บวกกับมือของเขาที่ยึดผมไว้แน่น...

อาการเหล่านี้ ผมจำได้จนเจนใจ.... มันเหมือนกับสายตาของเขาในวันนั้น วันที่เราสองคนเกือบจะต้องถูกจับให้แยกจากกัน ... สายตาแบบนี้ที่บ่งบอกว่ากลัวที่จะสูญเสียผมไป....อาการยึดแขนผมไว้แน่นแบบนี้ ที่เหมือนจะบอกว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเขาเลือกผม...เลือกที่จะอยู่กับผมแม้ว่าจะต้องเจอกับอะไรก็ตาม

มันเป็นท่าทางที่บริสุทธิ์และจริงใจซะจน ผมไม่มีทางแปลเป็นอื่นได้ !!!

ก้อง ... สำหรับผมแล้ว แค่คุณบอกผมว่า ‘ไม่’ ด้วยสายตาท่าทาง แบบนี้ ผมก็พร้อมจะฟังคุณพูด แต่...

แต่... ในช่วงเวลาที่ผมกำลังจะหันหน้ากลับมาฟังคำอธิบายของก้องนั้นเอง สายตาของผมก็พบเข้ากับรถสีขาวคันเล็ก ที่จอดนิ่งห่างออกไป ...


รอดูผลงานงั้นเหรอ !! ได้..เดี๋ยวพี่จะแสดงให้ดู...น้องข้าว หึ !!


“แต่เป็นอย่างที่เห็นใช่มั้ยก้อง คุณ....คุณจูบกับผู้หญิงคนนั้นน่ะ!!” พร้อมกับคำพูดที่ผมพยายามให้มันอัดแน่นเต็มไปด้วยอารมณ์โกรธนี้ ผมก็สะบัดแขนเต็มแรง จนแขนของผมหลุดออกจากมือของก้อง ..... ผมเห็นก้อง มองตามมือที่สะบัดออกของผม ด้วยแววตาเจ็บปวด ใบหน้า น่ารักนั้นเริ่มแหย เหมือนไกล้จะร้องไห้เต็มที


ผมขอโทษก้อง !! ผมจำเป็นต้องทำจริง ๆ


“พี..พีคุณฟังผมก่อนสิ”

ก้องยังพยายามจะอธิบาย อย่างร้อนรน ตั้งแต่รู้จักกันมา ก้องแทบไม่เคยพูดแก้ตัวอะไรด้วยซ้ำไป เด็กดื้ออย่างก้อง... เคยแต่ดื้อไม่ยอมรับ หัวใจตัวเอง แต่วันนี้ เขากำลังอ้อนวอนให้ผมฟังเขา ...

‘ ไม่ได้ !! ผมยังใจอ่อนตอนนี้ไม่ได้ !!

“หยุด!!...หยุดก้อง อย่าเพิ่งพูดอะไรตอนนี้!! คุณคิดว่าผมยังมีสติพอที่จะฟังคุณอย่างใจเย็นได้เหรอ!! ผมเห็นแฟนผมจูบกับคนอื่นนะก้อง โธ่เว้ย!!” ผมเตะประตูรั้วเต็มแรง จนก้องสะดุ้ง

“ผมไม่ได้จูบกับข้าว!! มันไม่ใช่นะพี คุณมีสติหน่อยสิ” เสียงนั้น เบา โหย น้ำใส ๆ ที่คลอ เต็มตาเขา กำลังจะหยดเต็มที ... นั่นทำให้ผมแทบจะเลิกล้มแผนการ

“ผมบอกอย่าเพิ่งพูดไงก้อง !! ”

ผมพูดแค่นั้น แล้วรีบเมินหน้าไปจากเขา... ผมต้องรีบเดินห่างออกไป ไม่งั้นผมคงจะอดทนใจแข็งต่อไปไม่ไหวแน่ ๆ ตอนนี้ผมได้แต่ภาวนา ให้เป็นไปตามที่ผมคิดไว้ ขอแค่ก้องเข้ามารั้งผมไว้อีกรอบ แต่ถ้าให้ดี ช่วยเข้ามากอดผมได้มั้ยก้อง กอดผมแน่น ๆ ซักครั้ง ให้คนในรถคันนั้น ได้ เห็นด้วยตาของเขาเอง ให้เต็ม ๆ ตา !!

“เดี๋ยวพี”

............................


เหนือความคาดหมาย !!!


ไม่ใช่แค่สัมผัสแผ่วเบา ที่เขาเคยมอบให้กับผมมา !!

แต่ครั้งนี้ ริมฝีปากอวบอิ่มที่สั่นน้อย ๆ ของก้อง ทำให้ผมได้รับรู้ถึงความรู้สึกทั้งหมดจากใจเขา มันแทนคำว่าขอโทษ คำว่าเขารักผม และ คำว่าขอให้ผมเชื่อในตัวเขา ...

‘ ผมเชื่อคุณอยู่แล้วก้อง ’ เพราะจะมีแค่ผมคนเดียวเท่านั้นใช่มั้ย ? ที่จะได้รับสัมผัสลึกซึ้งแบบนี้จากคุณ รสสัมผัสที่แสดงออกอย่างจริงใจ แบบไม่ประสี ประสา ไม่ได้เชี่ยวชาญ แต่มันช่างเนิ่นนาน และหอมหวาน จนคนรับอย่างผมต้องใช้กำลังใจทั้งหมดที่มี ห้ามใจตัวเอง ไม่ให้ตอบสนองสัมผัสนั้นกลับไป ....


‘ ผมจะจดจำความรู้สึกนี้ไปตลอด.... ความรู้สึกทรมานที่แสนหวานที่สุดในชีวิต ของผู้ชายที่ชื่อ...พีรวิชญ์ ’


ผมแทบจะขาดใจตาย !! กว่าที่ก้องจะถอนริมฝีปากออกไป และดูเขาเองก็อาจจะไม่ต่างจากผมเท่าไหร่นักหรอก เพราะสองแขนที่ยึดผมไว้นั่น บ่งบอกว่าคนทำเองก็แทบจะยืนไม่อยู่ อยู่แล้ว !!

“คุณน่าจะรู้ดีกว่าผมนะพี ว่าแบบนี้ต่างหาก ที่เรียกว่า....จูบ”

เสียงแผ่วเบาของเขา ดังสะท้อนก้องอยู่ในใจของผม ...รู้สิก้อง ผมรู้ดีเลยแหละ !!

“ขอโทษนะก้อง... แต่ตอนนี้ ผมยังไม่แน่ใจ”

น้ำเสียงนิ่ง ๆ กับแววตาเฉยชาของผม คงจะตีบทแตกกระจุย เพราะแขนของก้องที่ยึดตัวผมไว้รู้สึกมันจะคลายซะเฉย ๆ และเหมือนร่างในอ้อมแขนที่ผมประคองไว้จะทรุดลงไปจนผมต้องใช้มือทั้งสองข้างประคองเขาไว้

แค่นี้ก็น่าจะพอแล้วสินะ ....

“ผมคงจะต้องหาคำตอบด้วยตัวผมเอง อีกซักครั้ง....”

ผมเห็นสายตาของก้องฉายแววสับสน มึนงง กับคำพูดผมนิดหนึ่ง นิดเดียวจริง ๆ ..

... เพราะหลังจากนั้น ใบหน้าของเราก็ใกล้กันจนผมไม่สามารถโฟกัสไปที่แววตา ของเขาได้อีก แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะผมจะอ่านความหมายนั้น จากอย่างอื่นแทน และผมคิดว่าผมจะได้คำตอบที่ชัดเจนยิ่งกว่าเราสบตากันซะอีก !!


“แบบนี้ต่างหากล่ะก้อง ที่เขาเรียกว่า...จูบ”

ผมกระซิบเบา ๆ ชิดริมหูของคนที่ตอนนี้ กำลังใช้ไหล่ของผมเป็นที่พักพิง ผมได้ยินเสียงหอบหายใจน้อย ๆ ของก้อง และก็ต้องยอมรับแบบเสียเชิงพีรวิชญ์นิดหน่อย ว่าเสียงนั้นมันก็ดังผสมกับเสียงหอบหายใจของผมเหมือนกัน

และตอนนี้ในระยะสายตาของผม ไม่มีรถคันเล็กสีขาวอีกแล้ว !! อาจเพราะจูบเมื่อกี้ ทำให้ผมลืมไปหมด ทุกสิ่งทุกอย่าง เลยไม่รู้ว่ารถคันนั้นมันหายไปตั้งแต่ตอนไหน ..

แต่ที่แน่ ๆ ผมคงทำให้น้องข้าวสมใจแล้วล่ะนะ ... เพราะเขาคงได้เห็นผลงานของตัวเอง ชัด ๆ แบบเต็ม ๆ ตา และ ผมก็จะยินดีมาก ๆด้วย ถ้าข้าวจะเก็บภาพที่ผมตั้งใจให้เห็นในวันนี้ไว้นึกถึงทุกครั้งที่เห็นหน้าก้อง !!!


เก็บเอาไว้เตือนตัวเองแล้วกันนะครับน้องข้าว !! จะได้ไม่ลืมอีก ว่าผู้ชายคนนี้เป็นของพี่คนเดียวเท่านั้น !!


................................


“แบบนี้ต่างหากล่ะก้อง ที่เขาเรียกว่า...จูบ”

เสียงกระซิบที่ข้างหู แหบพร่า นั้นเย้าแหย่ ชวนให้น่าโมโหจริง ๆ แต่ผมในตอนนี้ยังไม่สามารถจะทำอะไรได้ แค่ยืนด้วยตัวเอง ก็ยังทำไม่ได้เลย เจ็บใจตัวเองจริง ๆ ผมก็ผู้ชายเหมือนกันนะ ...

แต่จูบในความหมายของผมน่ะ กลับกลายเป็นเด็กอนุบาลไปเลยเมื่อเทียบกับจูบในแบบของพี เสียหน้าชะมัด !!

แม้จะเขิน.. แม้จะเสียหน้า ผมก็ยังยิ้มและถอนหายใจอย่างโล่งอก อยู่กับบ่าของพี..
ถ้าเทียบกับ นาทีก่อน ที่ผมรู้สึกเหมือนต้องสูญเสียเขาไปแล้ว การได้ถูกพีเย้าแหย่แบบนี้ มันคือความสุขที่ผมไม่สามารถจะหาได้จากที่ไหนอีก

“ก้อง !! เงียบเชียว จูบเดียวนี่คุณถึงกับยืนไม่ไหว ไปไม่เป็น เลยเหรอ ฮึ ” อ้อมแขนที่รัดแน่นอย่างหยอกล้อ ทำให้ผมขืนตัวออกมา

“ คุณแกล้งผมนี่พี ... คุณไม่ได้โกรธผมจริงใช่มั้ย คุณเชื่อผมใช่มั้ย” น้ำเสียงที่ใช้ถามของผมไม่หนักแน่นนัก ผมอยากจะฟังให้แน่ใจอีกซักครั้งจากปากของเขา


“โกรธจริงสิก้อง ... แต่ความโกรธน่ะ มันเอาชนะความรักของผมไม่ได้หรอกนะ ผมรักคุณก้อง ...และผมก็เชื่อคุณ..ผมเชื่อคุณเสมอ..”

พีส่งผ่านรอยยิ้มอ่อนโยน จากปากและดวงตาของเขามายังหัวใจผมพร้อมกับคำพูดนี้ นั่นทำให้น้ำตาที่ผมกลั้นไว้ ไหลลงมาอย่างห้ามไม่อยู่

“พี ผมขอโทษ” ผมโผเข้ากอดเขาแน่นเต็มแรง ด้วยความรู้สึกทั้งหมด รับรู้ได้ถึงอ้อมแขนอบอุ่นที่ยกขึ้นมาโอบกอดผมไว้ และลูบหลังผมอย่างอ่อนโยน

“ผมรู้แล้ว .. ผมรู้แล้วก้อง.. เมื่อกี๊คุณบอกผมแล้วนี่” พีรับรู้ได้จริง ๆ ด้วย ว่าจูบของผมนั้น มันแทนคำว่าขอโทษ


“ผมก็ขอโทษคุณเหมือนกันนะก้อง ... ขอโทษ ที่ผมยังทำให้คุณหวั่นไหว”

พีกอดผมไว้อีกครั้ง เราสองคนคงรู้สึกตรงกัน ว่าอยากจะใช้อ้อมแขนนี้เติมเต็มความรู้สึกให้แก่กันและกัน


“ก้อง คุณไปที่ ๆ นึง กับผมได้มั้ย” อยู่ ๆ พีก็โพล่งขึ้นมา

“ตอนนี้เหรอพี มันดึกแล้วนะ”

“ตอนนี้ก้อง นะ ๆ ผมรับรองว่าไม่นาน” ถึงมันจะดึกมากแล้วจริง ๆ แต่ผมก็พยักหน้าตกลง ตอนนี้ผมยังไม่กล้าขัดใจเขาเลยแม้แต่เรื่องเดียว

.............................................


สถานที่ ที่คุณพีรวิชญ์ เค้ายอมขับรถทางไกล 2 ชั่วโมงมาในคืนนี้ ก็คือบ้านพักที่ระยองของพ่อผม ผมไม่เข้าใจว่าทำไมจะต้องมาที่นี่ในตอนนี้ แต่ผมก็ไม่อยากถามให้เสียบรรยากาศ สงบเย็น ของเราสองคนที่อยู่ด้วยกันในความมืดมิด ท่ามกลางเสียงคลื่นกระทบฝั่งเป็นจังหวะไพเราะแบบนี้

“ก้อง คุณจำคำพูดของผม ที่บอกกับคุณในคืนนั้นได้มั้ย” พีพูดออกมา เมื่อเราสองคนหยุดเดิน และยืนอยู่เคียงข้างกัน

“จำได้สิ”

“ถ้างั้น .. คุณช่วยพูด ให้ผมฟังหน่อยได้มั้ย ก้อง”

ผมเปิดรอยยิ้มสดใสให้กับความทรงจำอันอ่อนหวานของเรา

“...คุณเคยเห็นทรายมันแยกจากน้ำทะเลมั้ย..ทรายมันไม่มีวันแยกจากน้ำทะเล ก็เหมือนคุณกับผม ถ้าคุณไม่ทิ้งผม ผมก็จะไม่มีวันทิ้งคุณ ... เราสองคนจะไม่มีวันสูญเสียกันและกันไป”

ผมเผลอพูดออกไปแล้ว !! ครบทุกคำเลยใช่มั้ยนี่ !! หน้าผมผ่าวร้อนขึ้นมาเหมือนเปิดสวิซต์ แบบนี้พีก็รู้หมดสิว่าผมจำได้ ทุกฉากทุกตอน ไม่ขาดตกเลยซักคำพูดเดียว !! ... เข้าใจหาจังหวะนะพี ถ้าเป็นช่วงเวลาปกติล่ะก็ ผมไม่มีทางพูดคำพูดน่าอายแบบนี้ออกไปหรอก..

“ก้อง !! ผมเคยบอกว่าถ้าคุณไม่ทิ้งผม ผมก็จะไม่มีวันทิ้งคุณ....ผมขอถอนคำพูดนี้ได้มั้ย”

อ่ะ !! ...อะไรนะ !! หมายความว่ายังไงกันน่ะพี !!

“ถอนคำพูด..หมายความว่าไงพี” อารมณ์อ่อนหวานของผม หายไปแทบหมด เหลือแต่ความกลัวเข้ามาแทนที่ นี่คงไม่ได้หมายความว่า พีจะขอ ... ขอเลิกกับผมหรอกนะ ใช่มั้ยพี ไหนคุณบอกว่าเชื่อใจผมไงล่ะ !!

พีหันมาหาผม ใช้สองแขนจับบ่าผมไว้อย่างมั่น

“ผมขอถอนคำพูดนั้น ... และวันนี้ ขอน้ำทะเลและทรายเป็นพยาน ผมขอสัญญาก้อง ว่าต่อให้คุณทิ้งผม ผมก็จะไม่มีวันทิ้งคุณ .... ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม คุณ...จะไม่มีวันสูญเสียผมไป ผมสัญญา...”

ผมยืนนิ่ง !! น้ำตาจากไหนก็ไม่รู้ ที่ไหลลงมาเต็มหน้า เพราะคำพูดนี้ ของพี !!

ขอบคุณมากนะพี ที่ช่วยเสริมสร้างความมั่นใจให้ผม ... ต่อไปนี้ ไม่ว่าวันข้างหน้าจะมีอะไร ผมจะไม่มีวันหวั่นไหวอีกแล้ว...

อีกครั้ง ที่ผมโผเข้ากอดพีไว้แน่น .. กอดคนที่ผมรักเขาด้วยทั้งหมดของหัวใจ... กอดคนที่รักและอดทนเสมอเพื่อผม ... กอดคนที่ทำให้ความหวั่นไหวในใจผม จะไม่มีอีกต่อไปแล้ว นับจากวันนี้...


“ขอบคุณมากนะพี ... คุณก็จะไม่มีวันสูญเสียผมไปเหมือนกัน ผมสัญญา...”


.................................................................................................




Create Date : 29 พฤษภาคม 2553
Last Update : 31 พฤษภาคม 2553 0:12:42 น. 7 comments
Counter : 688 Pageviews.  
 
 
 
 
ซึ้งกินใจมากเลยคะ อ่านแล้วตอนแรกร้องไห้ตามก้องเลย
สนุกมากเลยคะ
 
 

โดย: นา IP: 124.121.32.18 วันที่: 1 มิถุนายน 2553 เวลา:20:44:07 น.  

 
 
 

ซึ้ง..จริงไรจริงคะ

เป็นกำลังใจให้คนแต่งนะคะ ชอบฟิคเรื่องนี้จังเลย
 
 

โดย: jew IP: 124.122.220.178 วันที่: 4 มิถุนายน 2553 เวลา:2:18:12 น.  

 
 
 
โหยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
ซึ้งมากกกกกกกกกกกกกกกกก
ยิ้มทั้งน้ำตากันเลยทีเดียว

อ่านแล้วอินสุดๆ

ขอบคุณนะคะ .. รักคนแต่งฟิคจัง .. ^^'
 
 

โดย: sky^^' IP: 124.122.3.101 วันที่: 11 กรกฎาคม 2553 เวลา:0:39:55 น.  

 
 
 
บรรยายไม่ถูกเลยค่ะ ว่ารู้สึกยังไง รู้แต่ว่ามันซาบซึ้ง มันอิ่มอก อิ่มใจ ไปกับความรักความเข้าใจ ของคนคู่นี้ จริงๆ ขอบคุณมากมายนะคะ ^___^".writer....
 
 

โดย: lek^lek. IP: 223.206.221.178 วันที่: 14 มิถุนายน 2554 เวลา:7:11:21 น.  

 
 
 
ร้องไห้จนต่อมน้ำตาจะแห้งเลย
 
 

โดย: FlukeLover IP: 183.89.210.86 วันที่: 24 ตุลาคม 2554 เวลา:5:02:13 น.  

 
 
 
ขอบคุณมากค่ะ อยากจะบอกว่าเหมือนการทำบุญเลยค่ะ ทำให้คนอ่านอย่างดิฉันมีความสุขมากมายจริงๆ
 
 

โดย: Leelanuch IP: 110.175.167.244 วันที่: 27 พฤศจิกายน 2554 เวลา:7:54:24 น.  

 
 
 
อินไปกับพีและก้อง
 
 

โดย: Puy IP: 49.48.80.43 วันที่: 22 สิงหาคม 2555 เวลา:20:00:45 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

ยังคงรักจะยืนอยู่ตรงนี้
 
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




[Add ยังคงรักจะยืนอยู่ตรงนี้'s blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com