Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2550
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
5 กรกฏาคม 2550
 
All Blogs
 
วีรชนสามัญชน: สุวิทย์ วัดหนู นักต่อสู้เพื่อคนจนตลอดกาล

วีรชนสามัญชน: สุวิทย์ วัดหนู นักต่อสู้เพื่อคนจนตลอดกาล
วันพฤหัสบดี 03 พฤษภาคม 2007 - 01:53 AM



วันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๕๐ สังคมไทยได้สูญเสียบุคลากรคนสำคัญต่อกระบวนการประชาธิปไตยและการต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมในสังคมไปอีกคน บทบาทของเขาในฐานะนักเคลื่อนไหวคนสำคัญของขบวนการภาคประชาชน หลายครั้งที่มีการชุมนุมทางการเมืองหรือการชุมนุมเรียกร้องของ คนจนเมืองหรือเครือข่ายของคนสลัม คุณสุวิทย์ วัดหนู มักเป็นกลไกสำคัญของการเชื่อมร้อยประสานพลังเพื่อต่อรองกับรัฐ


ตลอดระยะเวลากว่าค่อนชีวิต คุณสุวิทย์ทุ่มเทแรงกายแรงใจเข้าสู่การงานอันหลากหลาย โดยมีแกน หลักทางความคิด คือ ความเชื่อที่ว่าสังคมที่ดีงามจะเกิดขึ้นได้ด้วยการให้ความเป็นธรรมแก่กันอย่างเสมอหน้า แม้ว่าในแต่ละช่วงชีวิต วิธีการในการต่อสู้ ของเขาจะปรับเปลี่ยนไปตามบริบทและเหตุปัจจัยรอบข้างมากน้อยเพียงใดก็ตาม ในช่วงวัยหนุ่ม เขาเป็นแกนนำนักศึกษาจากทิศบูรพาที่เหมารถเข้าร่วม เหตุการณ์ประวัติศาสตร์ ๑๔ ตุลา และเมื่อเกิดเหตุการณ์ ๖ ตุลา มหาโหด ที่ชนชั้นปกครองไทยเข่นฆ่านักศึกษาประชาชนอย่างป่าเถื่อน คุณสุวิทย์ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ย้ายเวทีการต่อสู้ ไปสู่การต่อสู้ด้วยอาวุธในเขตป่าเขา หลังจากนั้น จังหวะของชีวิตนำพาเขาออกจากป่าเพื่อเผชิญการต่อสู้ด้วยแนวทาง สันติวิธีเพื่อสิทธิที่อยู่อาศัยของคนชั้นล่างในเมือง ตลอดจนเคลื่อนไหวทางการเมืองภาคประชาชนอย่างเข้มข้นจวบจนวินาทีสุดท้ายของชีวิต

คุณสุวิทย์เกิดวันที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๔๙๕ ที่ ต.บางสะเหร่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ริมทะเลภาคตะวันออก เป็นบุตรคนที่ ๒ ของตระกูลวัดหนู จากพี่น้องทั้งหมด ๘ คน บิดาชื่อ นายสะหวง วัดหนู มารดา ชื่อ นางกิ่ง บิดามีอาชีพเป็นชาวไร่ มีไร่มันสัมปะหลังของตนเองจำนวนหนึ่ง แต่การที่มีลูกหลายคน ทำให้มีฐานะยากลำบากพอสมควร และทำให้ชีวิตในวัยเด็กของคุณสุวิทย์ ต้องต่อสู้ดิ้นรนพอสมควร สภาพชีวิตดังกล่าว ทำให้เขาเป็นคนที่อดทนและมีรากเหง้าหลักยึดอยู่ที่วิถีชีวิตอันเรียบง่าย คุณสุวิทย์เริ่มเรียนประถมที่โรงเรียนบ้านบางสะเหร่จนจบชั้นประถมปีที่ ๗ และเข้าศึกษาต่อที่โรงเรียนชลราษฎรอำรุง หรือโรงเรียนชลชาย กระทั่งจบ มัธยมศึกษา ปีที่ ๕ ใน พ.ศ. ๒๕๑๔ และสอบเข้ามหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ วิทยาเขตบางแสน หรือ มหาวิทยาลัยบูรพาในปัจจุบัน ในสาขาเอกฟิสิกส์-คณิตศาสตร์ คณะศึกษาศาสตร์ และจบการศึกษา ใน พ.ศ. ๒๕๑๘ ช่วงเวลา ในรั้วมหาวิทยาลัยแห่งนี้นี่เอง ที่หล่อหลอมวัยหนุ่มของเขาให้มุ่งมั่นในแนวทาง การทำงานเพื่อส่วนรวม ในระยะปี ๑ และปี ๒ คุณสุวิทย์ยังเป็คนที่มุ่งมั่นในการเรียน จนได้รับความยอมรับและได้รับเลือกตั้งให้เป็นนายกสโมสรนิสิต ในปี ๒๕๑๖ ขณะที่ศึกษาอยู่ปีที่ ๓ ในขณะนั้น ได้เกิดกระแสการต่อสู้เพื่อคัดค้านระบบกดขี่น้องใหม่ ซึ่งคุณสุวิทย์ได้เริ่มเข้าร่วมมีบทบาทสำคัญ นอก จากนี้ก็คือกระแสใหญ่ใน พ.ศ. ๒๕๑๖ ก็คือการต่อต้านเผด็จการ และเรียกร้อง ประชาธิปไตย ตั้งแต่กรณีทุ่งใหญ่ จนถึงกรณีชุมนุมคัดค้านการถอนชื่อนักศึกษา รามคำแหงเมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. ๒๕๑๖ ซึ่งคุณสุวิทย์ได้เดินทาง มาร่วมการชุมนุมที่กรุงเทพฯเป็นครั้งแรก และต่อมา เมื่อเกิดกรณีเคลื่อนไหว เพื่อประชาธิปไตยในกรณี ๑๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๑๖ คุณสุวิทย์ก็เป็นแกนใน การเคลื่อนไหวนักศึกษาประชาชนในเขตภาคตะวันออก เพื่อสนับสนุนการต่อสู้ และร่วมกับนักศึกษาอื่นเหมารถเข้ามาร่วมชุมนุมที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ด้วย

หลังจากนั้น ก็ร่วมหาทุนจากประชาชนภาคตะวันออก สนับสนุนการทำงานของศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (ศนท.) ต่อมาคุณ สุวิทย์ก็ได้ร่วมการจัดตั้งกลุ่มบางแสนเสรีขึ้น เพื่อเคลื่อนไหวสนับสนุนการต่อสู้ ของประชาชนในภาคตะวันออก ตามแนวทางเดียวกับที่คุณเสกสรรค์ ประเสริฐกุล ตั้งสหพันธ์นักศึกษาเสรีที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ใน พ.ศ. ๒๕๑๗ คุณ สุวิทย์เริ่มตื่นตัวและเข้าร่วมการเคลื่อนไหวทางการเมืองฝ่ายประชาชนอย่างจัง โดยเริ่มจากการร่วมจัดตั้งกลุ่มศึกษาปัญหาเศรษฐกิจ การศึกษา สังคมและการเมือง ร่วมจัดตั้งศูนย์กลางนักเรียน นิสิตนักศึกษา ภาคตะวันออก และร่วม การต่อสู้กับประชาชนภาคตะวันออก ขับไล่ฐานทัพอเมริกา ที่สัตหีบ จ.ชลบุรี นอกจากนี้ ก็คือ การเข้าร่วมต่อสู้กับประชาชนชาวหมู่บ้านมาบประชัน อ.พัทยา จ.ชลบุรี ในการคัดค้านการสร้างอ่างเก็บน้ำมาบประชัน ปี พ.ศ. ๒๕๑๘ เนื่องจากการทุ่มเททำงานเพื่อส่วนรวม ดังนั้น คุณสุวิทย์ จึงจำเป็นต้องเรียนต่อปีที่ ๕ อีก ๑ ภาคการศึกษา ในระหว่างนั้นได้ร่วมเป็นที่ปรึกษาการจัดตั้งพรรคสานทอง ซึ่งเป็นพรรคนักศึกษาฝ่ายก้าวหน้า ของ มศว. บางแสน

พรรคสานทองได้รับการเลือกจากนักศึกษาให้เข้าบริหารองค์การนิสิต และได้เสียงข้างมากในสภานิสิต นอกจากนี้ยังได้เข้าควบคุมกิจกรรมค่ายอาสาพัฒนาในมหาวิทยาลัย และเข้าดูแลงานแก้ไขปัญหาของประชาชนในพื้นที่ภาคตะวันออกอีกด้วย ในระหว่างนี้ คุณสุวิทย์ก็เข้าร่วมต่อสู้กับประชาชนชาวหมู่บ้านทุ่งโปง อ.นาเกลือ จ. ชลบุรี ในการคัดค้านการเข้ามายึดครองที่ดินหมู่บ้านของกองทัพเรือ และร่วมต่อสู้กับชาวบ้านที่เขตรักษาพันธ์สัตว์ป่า อ.สอยดาว จ.จันทบุรี ในเรื่องที่ดินทำกิน หลังจบการศึกษาในเดือนตุลาคม พ.ศ. ๒๕๑๘ ด้วยวุฒิปริญญาตรี เขาทำงานเป็นอาจารย์ที่โรงเรียนช่างกลพระรามหก ในช่วงเวลาราว ๑ ปี

ในระหว่างนี้ก็ได้ร่วมเป็นที่ปรึกษาของกลุ่มอาชีวะเพื่อประชาชน ซึ่งเป็นองค์กรนักเรียนอาชีวะฝ่ายก้าวหน้า นอกจากนี้ก็ยังร่วมการเคลื่อนไหวกับฝ่ายประชาชนเรื่อยมา โดยเฉพาะประชาชนในภาคตะวันออก จนเมื่อเกิดเหตุการณ์กวาดล้างนักศึกษาประชาชนและรัฐประหารฟื้นเผด็จการ ในกรณี ๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๑๙ คุณสุวิทย์ก็เดินทางสู่เขตป่าเขา เพื่อจับปืนร่วมรบกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ที่เขตงานจังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยใช้ชื่อจัดตั้งว่า สหายเชิด ด้วยความหวังที่จะสร้างสังคมใหม่ที่มีความดีงาม และสร้างความเป็นธรรมให้กับผู้คนในสังคม เขาได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในบรรดา นักศึกษา ที่ได้เข้าร่วมในกองร้อยที่ ๑ ของทหารปลดแอกเขตสุราษฏร์ธานี ต่อมาราว พ.ศ. ๒๕๒๒ เขาก็เป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับมอบหมายให้เดินทางไปขยายเขตงานของพรรคที่ชุมพร โดยใช้ชื่อจัดตั้งว่า สหายโอ และอยู่ที่ชุมพรจนถึงระยะเวลาสุดท้ายของสงครามกลางเมืองครั้งนั้น อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะผิดหวังกับการต่อสู้ที่สิ้นสุดลง แต่ประสบการณ์พิเศษครั้งนั้นยังอยู่ในความทรงจำของเขาตลอดมา และทำให้เขายังคงเลือกเส้นทางที่จะเป็นนักต่อสู้ เพื่อประชาชนต่อมา คุณสุวิทย์ใช้เวลาต่อสู้ในแนวทางจับปืนสู้ด้วยอาวุธเป็นเวลาประมาณ ๘ ปี จึงได้ออกจากป่ามาในช่วงประมาณ พ.ศ .๒๕๒๗ โดยที่ไม่ได้มอบตัวกับทางการ

เขากลับมาปรับตัวและใจเข้าสู่วิถีชีวิตคนเมืองอยู่พักใหญ่ เริ่มแรกเขาทำงานหลายอย่างจากความช่วยเหลือของเพื่อนพ้องน้องพี่ ทั้งงานหนังสือพิมพ์ ร้านอาหาร รวมไปถึงการทำสวนที่ชุมพร และต่อมาใน พ.ศ. ๒๕๒๙ ก็ได้เป็นผู้ช่วย ส.ส. ของคุณจตุรนต์ คชสีห์ หรือ สหายเสริม ซึ่งชนะเลือกตั้งที่จังหวัดชุมพร หลังจากทำงานเป็นผู้ช่วย ส.ส. อยู่ระยะหนึ่ง เขาก็กลับเข้ากรุงเทพฯ ตามคำเชิญชวนของครูประทีป อึ้งทรงธรรม ให้ทำงานร่วมกับมูลนิธิดวงประทีปเมื่อประมาณ พ.ศ. ๒๕๓๐ และนั่นคือก้าวแรกของการได้กลับมาร่วมงานกับองค์กรพัฒนาเอกชน เพื่อเติมเต็มอุดมคติเพื่อส่วนรวมของเขาอีกครั้ง คุณสุวิทย์เริ่มเข้าสู่สายงานชุมชนเมืองด้วยโครงการเขตปลอดยาเสพติดในชุมชนคลองเตย และมีโอกาสเห็นภาพการทำงานร่วมกับชาวชุมชนของมูลนิธิพัฒนาที่อยู่อาศัย (มพศ.) เขาจึงโยกตัวเองเข้าสู่การทำงานในองค์กรแห่งนี้ตลอดมา ในระหว่างที่ทำงานที่มูลนิธิดวงประทีปนี้เอง คุณสุวิทย์ ได้พบกับ คุณสุวรรณี สีดาเหลือง สตรีชาวขอนแก่น ซึ่งทำงานอยู่มูลนิธิดวงประทีปเช่นกัน ต่อมา ทั้งสองก็ได้สมรสกันเมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๒ และได้ใช้ชีวิตร่วมกันเรื่อยมา จนถึงวาระสุดท้ายของชีวิตของคุณสุวิทย์ในวัย ๕๔ ปี อาจกล่าวได้ว่า คุณสุวิทย์ เป็นหนึ่งในนักพัฒนายุคแรกๆ ที่เกาะติดประเด็นของคนจนเมืองมาโดยตลอด และร่วมต่อสู้ในฐานะ พี่เลี้ยงของชาวชุมชนเพื่อให้ตระหนักถึงสิทธิเสรีภาพของประชาชนในสังคมประชาธิปไตยและสิทธิที่จะมีคุณภาพชีวิตที่ดี ตลอดจนสิทธิในที่อยู่อาศัยที่ประชาชนในรัฐพึงได้รับ

อีกด้านหนึ่ง คุณสุวิทย์ยังเป็นนักพัฒนาที่เกาะติดกับการเคลื่อนไหวทางการเมือง โดยสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคพลังสังคมประชาธิปไตย ซึ่งเป็นพรรคการเมืองในรัฐสภา ที่ต่อสู้ตามแนวทางสังคมนิยม เมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๑ ได้รับเลือกเป็นคณะกรรมการกลางของพรรค และยังคงอยู่จนกระทั่งพรรคยุบ ตัวลงเมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๕ ด้วยการเกาะติดการเคลื่อนไหวภาคประชาชนเช่นนี้ จึงไม่แปลกอะไรเลย ที่เราจะเคยเห็นภาพเขาอยู่ท่ามกลางการการต่อสู้ของชาวสลัม ในการคัดค้านการไล่รื้อชุมชนแออัด รวมไปถึงการเคลื่อนไหวผลักดันให้แก้ปัญหาในระดับโครงสร้าง เช่น การผลักดันพระราชบัญญัติชุมชนแออัด ภาคประชาชน นอกจากนี้ คุณสุวิทย์ยังได้เข้าร่วมการต่อสู้ของชาวนา ด้วยการสนับสนุนการต่อสู้ของสมัชชาเกษตรกรรายย่อยภาคอีสาน(สกยอ.)ในสมัยแรก และเมื่อเกิดการเคลื่อนไหวประชาธิปไตย เช่น กรณีการต่อสู้ครั้งพฤษภาประชาธรรม พ.ศ. ๒๕๓๕ คุณสุวิทย์ก็เข้าร่วมอย่าง เต็มที่ และเป็นหนึ่งในโฆษกประจำเวทีในการต่อสู้ดังกล่าว ในบทบาทของนักพัฒนา เขายังมีส่วนร่วมในการก่อรูปของขบวนชาวบ้านดังเช่นการจัดตั้งเครือข่ายสลัม ๔ ภาค และร่วมสนับสนุนการต่อสู้ของสมัชชาคนจนในฐานะที่ปรึกษา นอกจากนี้ เขายังเป็นหนึ่งในกรรมการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) มาตั้งแต่ยุคพฤษภาประชาธรรม และเป็นเลขาธิการ ครป. ในช่วง พ.ศ. ๒๕๔๓-๒๕๔๕ ในขณะที่ยังเป็นเลขาธิการ มพศ. มาเป็นระยะเวลาหลายปี ต่อมา

คุณสุวิทย์ยังเคยเป็นเลขาธิการเครือข่ายเดือนตุลา อันเป็นองค์กรเครือข่ายของเพื่อนพ้องคนเดือนตุลา ใน พ.ศ. ๒๕๔๖ จนล่าสุดในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๙ คุณสุวิทย์ก็เข้าร่วมการเคลื่อนไหวต่อต้าน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และรับหน้าที่เป็นโฆษกบนเวที เมื่อมีการชุมนุมเรียกร้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ลาออก เมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๙ และยังคงอยู่ในคณะกรรมการกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยต่อมา จนหลังจากการเกิดรัฐประหาร ๑๙ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๙ เขาก็มีภารกิจร่วมกับ ครป.และสมัชชาประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (สปป.) ในการรวบรวมความคิดเห็นในการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับคู่ขนานจากความเห็นขององค์กรประชาชนในเครือข่ายทั่วประเทศ

ในขณะเดียวกัน คุณสุวิทย์ ยังเป็นหัวหอกหลักในการรวบรวมความเห็นของคนจนเมือง ทั้งคนสลัม คนไร้บ้าน ฯลฯ เพื่อขมวดเป็นข้อเสนอต่อการร่างรัฐธรรมนูญฉบับคนจนเมือง นอกจากนี้ ก็คือภารกิจในความพยายาม ที่จะจัดตั้งพรรคการเมืองภาคประชาชน ที่เป็นตัวแทนของคนยากคนจนขึ้นมาใหม่ แต่ภารกิจเหล่านี้ คนที่เหลืออยู่ก็จะยังมุ่งมั่นที่จะเดินหน้าต่อไป คุณสุวิทย์ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ ๑๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ ด้วยอาการหัวใจวายเฉียบพลัน จึงเป็นที่อาลัยรักอย่างยิ่งของมิตรสหายในภาคประชาชน


สุวิทย์ วัดหนู
ผู้มีศักดิ์


คือผู้รักปวงชน
คนส่วนใหญ่


ด้วยเชิดชู รู้ค่า
ประชาธิปไตย


ไม่ยอมก้มหัวให้
เผด็จการ


บนเวที มีวาทะ
ที่จะแจ้ง


นอกเวที ล้วนสำแดง
ความอาจหาญ


ไม่เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า
กล้าประจาน


รัฐบาล ที่เหมือนโจร
ปล้นเมืองกิน


เพียงบัดเดียว เหลียวหา
สุวิทย์หาย


แต่ความตาย ไม่อาจพราก
ไปจากถิ่น


ยังตำนาน นักสู้
กู้แผ่นดิน


ให้ยลยิน ก้องอยู่
คู่เมืองไทย


ด้วยอาลัยยิ่งจาก

กลุ่มเพื่อนสุราษฎร์

ที่มา //www.firelamtung.com



Create Date : 05 กรกฎาคม 2550
Last Update : 5 กรกฎาคม 2550 11:54:37 น. 2 comments
Counter : 989 Pageviews.

 
ตกใจและใจหาย นึกไม่ถึงว่าพี่สุวิทย์จะจากพวกเราไปเร็วอย่างนี้ ขอให้หลับให้สบายไปสู่สุขคตินะคะ


โดย: เคยทำงานร่วมกับพี่สุวิทย์ IP: 67.124.202.203 วันที่: 10 สิงหาคม 2550 เวลา:14:26:55 น.  

 
whenever you felt that your heart is going to breakdown
feel it with the love of God ask for his and then you will
find out what is the truth love in Your life as he does for me!

GOD always forgive your mistake
the one that you cant even forget,
he always does it and always being with us
to help and blesss us for us whose heart is full of him


โดย: da IP: 124.120.15.123 วันที่: 19 เมษายน 2553 เวลา:1:38:28 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Darksingha
Location :
สมุทรสงคราม Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]





Click for use Graphics comment


Darksingha ที่แสดงถึงอำนาจและความมืดมัว ผมให้แทนคำว่า Age of Doubt หรือยุคแห่งความสงสัยก็แล้วกัน ดังนั้นBlogนี้จึงเป็นแดนสนธยาที่เต็มไปด้วยหมอกควันแห่งคำถาม และการละเล่น เพื่อแสวงหา ?


TV3 Live CH5 Live CH7 Live Modernine TV Live NBT LIVE - CH11 TPBS - Public Channel ASTV1 New11 - Online News 24 hours Nation Channel DMC.TV - Buddhistic Television ASTV5 - Suvarnbhumi ASTV7 - Buddhistic Television  True New 24 Channel  skynew  cnnibn Channel  cnn Channel  bbcnews_island Channel  cctv  Channel  bfmtv  Channel  ntv  Channel  fox8 Channel  foxnews5 Channel  cspan  Channel  france24 Channel  world_explorer Channel  discovery_channel Channel  nasa  Channel kimeng-channel dmc-channel ebr-channel research-channel utv-channel michigan-channel at-florida-channel islam-channel peace-usa-channel bbc-panorama-channel CH7 Live CH7 Live CH7 Live CH7 Live CH7 Live CH7 Live CH7 Live CH7 Live

music is life

ชุมทางเพลงเพื่อชีวิต

Friends' blogs
[Add Darksingha's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.