Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2550
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
20 กรกฏาคม 2550
 
All Blogs
 

คำให้การของ “พ่อท่าน”



ถามว่าข้ามีชื่อจริง ๆ ว่าอะไรน่ะหรือ?

โอ๊ย....ไม่รู้ว่าจะมาตั้งคำถามแบบนี้การทำไม เอ็งเป็นโรคจิตหรือเปล่า? ถามมาได้ไอ้เรื่องไร้สาระพวกนี้ คิดจะหาสาระในความไร้สาระหรือไง ตั้งคำถามก็ไม่ตรงประเด็นเอาเสียเลย อย่าบอกว่าเป็นนักข่าวอยู่ในสังกัดหนังสือพิมพ์คุณภาพนะ ข้าไม่เชื่อหรอก

แต่เมื่อเอ็งถามมาข้าก็จะตอบไป ข้าจะชื่อว่าอะไรก็ไม่สำคัญ จะเรียกข้าว่า “องค์พ่อ” จะเรียกข้าว่า “ท่านเท้า” จะเรียกข้าว่า “ท่านพ่อ” หรือจะเรียกว่า “พ่อท่าน” ก็ตามใจแต่ปรารถนาเถิด ข้าไม่ถือสา

แล้วอีกอย่าง เวลาคุยกับข้า ไม่ต้องมาถ่อมตัวว่าเป็นลูกช้าง ลูกม้า ลูกหมา หรือเป็นขี้ดินขี้ตีนอะไรหรอก ข้าไม่ใช่คนเจ้ายศเจ้าอย่าง เอากันง่าย ๆ สบาย ๆ แบบเบิร์ด ๆ นี่แหละ อยากจะขออะไรก็ขอมา อยากจะถามอะไรก็ว่ามาตรง ๆ

ข้ามาทำไม?

อ้าว...นี่คิดจะสอบสวนข้าหรือไง เอ็งรับจ๊อบกรมสอบสวนคดีสอบสวนพิเศษมาหรือไง ข้าไม่ใช่นักโทษ ข้าไม่ใช่อาชญากร ข้าไม่เคยคอร์รัปชั่นโกงบ้านกินเมือง ไม่ต้องมาซักไซ้ไล่เลียงกันถึงขนาดนั้นก็ได้ แต่เอาเถอะ ข้ารู้ว่าพวกเอ็งอยากรู้จักข้าให้มาก ๆ ข้ารู้ดีว่าการจะเป็นพ่อลูกกันมันต้องรู้จักกันให้สนิทชิดเชื้อหน่อย สายสัมพันธ์ของเราจะได้แน่นแฟ้นคบหากันได้นาน ๆ

ข้าก็มาจากลังกานั่นแหละ เขาให้ข้ามาเฝ้าพระบรมธาตุของพระพุทธองค์ มาอยู่ตั้งแต่สมัยที่เขาเรียกเมืองนี้ว่าตามพรลิงค์โน่น ข้าก็ทำหน้าที่อารักษ์เรื่อยมา ตั้งเจ็ดแปดร้อยปีแล้ว แต่ก็อยู่เงียบ ๆ มาตลอด เพิ่งจะมาวุ่นวายเมื่อปีสองปีนี่เอง
เออ...เป็นเพราะไอ้ขุนนั่นแหละ จู่ ๆ มันดันเกิดศรัทธาในตัวข้าขึ้นมา เลยจัดพิธีป่าวประกาศเสียยิ่งใหญ่ มันก็ไม่ได้ถามข้าก่อนว่าข้าชอบหรือไม่ชอบ แต่มีคนแห่แหนกันมาหาข้ามืดฟ้ามัวดิน นับแต่นั้นชีวิตเงียบสงบของข้าก็ต้องวุ่นวายอยู่ไม่สุขอย่างที่เอ็งเห็นนี่แหละ

ข้าไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมพวงเอ็งถึงให้ความสนใจข้ากันมากมายนัก บางที แก่งแย่งกันเข้ามาหาถึงขั้นต้องตีรันฟันแทงกัน เหยียบกันตายไปก็หลายคน ยิ่งแม่เฒ่านั่น น่าสงสารมันจริง ๆ เพราะความที่อยากจะพบข้ามากจนไม่ประมาณตัวเอง อดหลับอดนอนมาแต่ดึกดื่น ข้าวปลาก็ไม่ได้กิน แล้วจะเอาเรี่ยวแรงที่ไหนไปเบียดเสียดกับผู้คนที่แห่แหนกันมาจนไม่มีที่จะเดินได้ล่ะ พอออกแรงยื้อแย่งกับพวกเขาก็ต้องเป็นลมเป็นแล้งตายไปต่อหน้าต่อตา วิญญาณออกจากร่างไปเสียก่อนที่จะมีโอกาสได้รูปสักการะของข้าไปคล้องคอ ไปสร้างความมั่งมีศรีสุขให้กับตัวเอง โอ้...อนิจจัง อนิจจา

ข้ามีดียังไง?

เรื่องนี้ไม่ต้องให้ข้ายกตัวอย่างอื่นไกลที่ไหนเอาเป็นว่าเมื่อก่อนคนแถวนี้ อดอยากปากหมอง ข้าวปลาแทบไม่มีจะกิน แล้วเดี๋ยวนี้เป็นยังไง แค่ไปกอบเศษหินเศษอิฐที่ตกเรี่ยราดหน้าพระธาตุไว้ในครอบครอง ก็กลายเป็นเงินเป็นทองร่ำรวยกันหน้าตาเฉย

พวกเอ็งเรียกกันว่ายังไงนะ ไอ้เศษหินเศษอิฐพวกนั้นน่ะ?...อ้อ..ข้านึกออกแล้ว เรียกว่า “มวลสารศักดิ์สิทธิ์” ตอนนี้มันเป็นของหายากแล้วใช่ไหมล่ะ เมื่อหาไม่ได้ก็ต้องซื้อกันด้วยเงินทอง เดี๋ยวนี้หันหน้าไปทางไหนก็มีแต่คนที่ยิ้มย่องผ่องใส

เออ...เอ็งก็ไม่น่าจะมาตั้งคำถามยั่วยุให้ข้าเสียอารมณ์ ข้าเลยบ่นไปก็ด้วยความหวังดี อยากให้พวกเอ็งร่ำรวยกันทุกคน พวกเอ็งร่ำรวยกันหมด ชาติก็ร่ำรวยด้วย

เมื่อกี้เอ็งถามว่าข้ามีประโยชน์ยังไงใช่ไหมล่ะ?

เมื่อไอ้ขุนมันปลุกข้าตื่นขึ้นมา ข้าก็ปวารณาตัวเองว่ามาเป็นแสงสว่างนำทางให้พวกเอ็ง อยากจะขออะไร ข้าให้ได้ก็จะให้ ข้าไม่ค่อยชอบขัดใจใคร แต่ขอให้เป็นเรื่องดี ๆ นะ เรื่องที่ข้าให้แล้วรู้สึกสบายใจ มันก็ทำให้พวกเอ็งสบายใจไปด้วย ใช่ไหมล่ะ? ข้าอยากให้ทุกคนหน้าตาผ่องใสเหมือนฟ้าหลังฝน

ไม่ว่าอยากรวยทั้งโคตร โคตรมหารวย โคตรเศรษฐีมีกำไร โคตรเศรษฐีรวยล้นฟ้า มีมรดกโชคลาภมหาเศรษฐี มหาเศรษฐีบุญฤทธิ์ ก้าวหน้ามหาโชคมหาเศรษฐี โคตรเฮงโคตรรวยทรัพย์ไพศาล รวยมั่งคั่ง รวยเงินล้าน เงินไหลมา ก็เรียงหน้ากันเข้ามาเลย ข้าไม่ยี่หระ

แต่ถ้าจะให้ข้าสรุปความกันแบบไม่อ้อมค้อมหรือฟันธงชัดถ้อยชัดคำแบบพวกโหรในยุคนี้มันชอบทำกัน ข้าก็ขอสรุปสั้น ๆ ว่า...มึงมีกูไว้มึงไม่จน...ก็แล้วกัน

หรือว่าใครจะเถียง ตอนรับไปแค่ 39 บาท พอเวลาผ่านไปไม่นาน มันก็พุ่งเป็น 3-4 แสน แล้วจะไม่ให้เรียกว่า “มึงมีกูไว้ไม่จน” ได้ยังไง

แล้วอีกอย่าง ฝากไปบอกพวกพ้องลูกหลานของเอ็งด้วย เวลาเอาข้าไปห้อยคอน่ะควรจะห้อยไว้ในอกเสื้อ ไม่ต้องเอาออกมาอวดกันว่าของข้าใหญ่ ของข้าโตหรอก การอวดการโชว์มันก็ไม่ใช่ของดีนักหรอก ให้ข้าแค่อยู่ข้างในเสื้อนั่นก็พอ เพราะหากออกมาโชว์นอกเสื้อแล้วเกิดก้มตัวผิดท่าไปฟาดโดนหัวใครเขาเข้ามันจะเกิดเรื่องเกิดราวเอาได้

เฮ่ย...ดูยังไงว่าเป็นของจริงของเก๊หรือ?

เรื่องนี้ท่าจะเลอะเทอะไปกันใหญ่ ไม่รู้ว่าไปคิดกันทำไม ไปเถียงกันทำไม มันไม่เกิดประโยชน์อะไรหรอก มีแต่โทษทั้งนั้น เดี๋ยวก็ต่อยตีกันหัวร้างข้างแตก เดี๋ยวก็ยิงแทงกันตาย กลายเป็นข่าวครึกโครม บ้านเมืองจะยิ่งไม่สงบสุขกันไปใหญ่

ข้าไม่ได้สนใจหรอกว่ารูปสักการะของข้าจะมีมวลสารศักดิ์สิทธิ์อะไรเป็นส่วนประกอบหรอก จะเป็นดินหินทราย ว่าน ไม้ หรือผงวิเศษ หรืออะไรก็ได้ทั้งนั้น

อย่าไปคิดกันมากความเลยรูปสักการะของข้าจะหอมหรือเหม็น มันจะหอมหรือเหม็นก็อยู่ที่ใจของพวกเอ็งนั่นแหละ ถ้าใจเอ็งหอมมันก็หอมไปเอง ถ้าใจเอ็งเหม็นแล้วจะให้มันหอมได้อย่างไร

อะไรนะ เอ็งเห็นข้าชอบแต่งองค์สวย ๆ งาม ๆ หรือ?

เอ็งอย่ามาใส่ความข้านา เรื่องพวกนี้นี่ พวกเอ็งคิดเองเออเอง ไม่ว่าจะปัดเงิน ปัดทอง ฝังเพชรฝังพลอยอะไรนั่น มันเป็นความชอบความอยากของพวกเอ็งทั้งนั้น อยากให้ข้าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ แล้วก็มาตู่ว่าข้าชอบโน่นชอบนี่ทั้งที่ข้าไม่เคยพูดสักแอะ

ยังมีอะไรอีกล่ะ...อ้าว...หาว่าข้าชอบดื่มเหล้าเมายาหรือ?

เฮ่ย...มันจะมากไปแล้ว มากล่าวหากันพล่อย ๆ แบบนี้ได้ยังไง พวกเอ็งเคยเห็นข้ากินเหล้าหรือ? พวกเอ็งเคยเห็นข้าเคี้ยวใบกระท่อมหรือ? พวกเอ็งเห็นข้าสูบกัญชาตอนไหน?
บ้า...มันจะบ้ากันไปใหญ่ พูดแบบนี้ไม่เข้าท่าจริง ๆ ถ้าท่านสารวัตรอยู่แถวนี้ เอ็งเสร็จแน่ ข้าจะแจ้งความให้จับเอ็งข้อหาหมิ่นประมาทซึ่ง ๆ หน้า ไม่รู้ไปฟังใครมา ขอร้องเถอะ ทีหลังเลิกเลยนะ อย่าเอาของมึนเมามาบรวงสรวงบูชาข้าเด็ดขาด

ข้าจะบอกให้ ข้าเป็นคนรักธรรมชาติ ข้าชอบพวกใบรัก ใบยอ ใบขนุน ใบมะขาม ใบมะยม ไอ้พวกใบไม้ที่พวกเอ็งไม่ค่อยเห็นคุณค่ากันนั่นแหละ แต่มันมีคุณค่าต่อจิตใจของข้ามาก เห็นแล้วมันสบายอกสบายใจ

อะไรน่ะ...ข้าคิดจะมาเป็นพระเจ้าองค์ใหม่ของพวกเอ็งหรือ?

โอ้โห...คำถามนี้ตอบยากจริง....โว้ย มันเป็นยังไงหรือไอ้ที่เอ็งว่า ข้าฟังแล้วมึนตึ๊บเลย ข้าขอคิดดูก่อน

ข้าไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมผู้คนในบ้านนี้เมืองนี้ถึงให้ความสนใจกับตัวข้ากันมากมายนัก นอกจากพวกเอ็งตะลุยปั๊มรูปสักการะของข้าออกมาเป็นสิบเป็นร้อยล้าน จนหนังสือพิมพ์ลงข่าวว่ามีรถขนวิ่งขึ้นล่องกันเป็นว่าเล่น ไอ้พวกที่หล่อที่ปั๊มก็หล่อก็ปั๊มกันทั้งคืน ไม่เป็นอันหลับอันนอน

ข้าว่าเพลา ๆ ลงหน่อยบ้างก็ได้ ข้ารู้ว่าทุกคนอยากร่ำรวยเป็นเศรษฐี แต่ถ้ารีบร้อนเกินไปมันก็มีโทษ เห็นวันก่อนก็มีรถขนรูปสักการะข้าไปจิ้มท้ายรถบรรทุกจนตายอนาถ นั่นก็ไม่ทันได้รวย ใจเย็น ๆ กันหน่อย อย่ารีบรวยกันนักเลย

ความจริงข้าไม่ได้คิดอะไรมากมายนัก ข้าเป็นพวกขอได้ไหว้รับ แต่ก็ต้องหมั่นขอนะไม่ใช่อะไรหรอก ตอนนี้มีคนนับแสนนับล้านมาขอข้า มาขอกันทุกนาทีก็ว่าได้ ฉะนั้น ต้องเตือนความจำข้ากันบ่อย ๆ

เอาละ...ข้าขอพูดจากใจเลย ข้าไม่ได้คิดถึงเรื่องพระเจ้าองค์เดิมหรือพระเจ้าองค์ใหม่เท่าใดนัก ข้าก็ไม่แน่ใจความนับถือศรัทธาของพวกเอ็งจะจีรังยั่งยืนขนาดไหน เห็นพวกเอ็งมีความสับสนในพฤติกรรมตัวเองอยู่เรื่อย

แล้วเป็นไง ทุกวันนี้มีแต่ความเสื่อมโทรมทางศีลธรรม เสื่อมโทรมทางจริยธรรม ดูเอาเถิดมีการก่ออาชญากรรมกันเป็นว่าเล่น คอร์รัปชั่นโกงกินบ้านเมืองกันหน้าตาเฉย ทำกันทั้ง ๆ ที่รู้ ทำกันต่อหน้าต่อตานี่แหละ

ไอ้พวกที่ทำธุรกิจก็มีจิตใจเอนเอียงไปทางตะวันตก แข่งขันกันแบบเอาเป็นเอาตาย แข่งขันเพื่อเอาชนะคะคานกัน จนสนามธุรกิจเป็นทะเลสีเลือด พวกปลาใหญ่ไล่กินปลาเล็กจิตสำนึกในการอยู่ร่วมกันอย่างสันติมันหดหายลงไปทุกที

ใช่น่ะสิ มันติดยึดกันแต่วัตถุ มีเงินก็เอาเงินไปสร้างโบสถ์สร้างวิหารกันใหญ่โตหลังละสิบล้านร้อยล้าน แล้วเงินนั้นเอามาจากไหน ก็ต้องไปขูดรีดจากชาวบ้านมาในนามของความศรัทธาอีก ทำไมไม่ไปสร้างตัวพระเณร ครอบครัวหรือว่าสังคมให้มันดีล่ะ? ต่อไปจะได้มั่งมีศรีสุขกันถ้วนหน้า

เมื่อขาดที่พึ่งก็ต้องหันมาพึ่งพาสิ่งศักดิ์สิทธิ์หันไปพึ่งหมอดู เพลิดเพลินฟังพวกมันพกลมไปตามเรื่องตามราว พอไอ้ขุนมันไปปลุกข้าขึ้นมาก็แห่กันมาเต็มบ้านเต็มเมือง แห่กันมาจนหัวกระไดไม่แห้งเสีย...เฮ้อ...ข้าไม่รู้จะพูดยังไงดีแล้ว

แต่เอ...จะให้ข้าเป็นพระเจ้าองค์ใหม่ของพวกเอ็งน่ะหรือ?

ข้าไม่อยากเป็นหรอกพระเจ้าองค์ใหม่นั่น เดี๋ยวพวกเอ็งก็ลืมข้า เมื่อไปเจอพระเจ้าองค์ใหม่กว่าข้า

ข้าไม่รู้ว่าทำไมถึงอยากให้ข้าเป็นพระเจ้าองค์ใหม่กัน พวกเอ็งไม่สงสัยกันเลยบ้างหรือไง ว่าทำไมข้าถึงได้มาเฝ้าฐานพระบรมธาตุของพระพุทธองค์มาเนิ่นนานตั้งเจ็ดแปดร้อยปีเข้าไปแล้ว

ไม่รู้ว่าทำไมไปสนใจกันแค่เปลือก แค่กระพี้แค่เศษหินเศษทราย แค่เรื่องจะดูว่าของจริงของปลอม แต่ไม่เห็นสนใจถามไถ่กันบ้างว่าสิ่งที่ข้าเฝ้าอยู่นั้นมีของดี ๆ อยู่?

ข้าเข้าใจดีว่า บางเรื่องบางราวที่ลึกซึ้งนั้นต้องใช้เวลาศึกษาเรียนรู้ แต่ถ้าพวกเอ็งไม่คิดที่จะเริ่มต้น แล้วเมื่อไหร่ถึงจะได้รู้ความจริง ได้รู้ถึงแก่นแท้กันล่ะ

ข้าเองความจริงก็เป็นเพียงแค่ของชั่วคราวช่วยให้พวกเอ็งมีความสุขได้ชั่วคราว แต่สิ่งที่บรรจุอยู่ในพระบรมธาตุนั่นเป็นของแท้และลึกซึ้ง

ความจริงก็เป็นสิ่งที่พวกเอ็งก็รู้จักกันดี แต่กลับปล่อยให้อะไรต่อมิอะไรมาบังตาบังใจจนหน้ามืดตามัว

ลืมกันหมดแล้วหรือไง? คำสอนของพระพุทธองค์ที่ว่า “ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน” นั่นนะ



คัดจากเรื่องสั้น โดย.. จรัญ ยั่งยืน จาก มติชนสุดสัปดาห์ 16 มิถุนายน 2550 ซึ่งนำมาลงใน //www.tamdee.net โดยจั่นเจาเมื่อพุธ ที่ 18 ก.ค. 2550 เวลา 09:32 น.




 

Create Date : 20 กรกฎาคม 2550
0 comments
Last Update : 20 กรกฎาคม 2550 15:30:42 น.
Counter : 875 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


Darksingha
Location :
สมุทรสงคราม Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]





Click for use Graphics comment


Darksingha ที่แสดงถึงอำนาจและความมืดมัว ผมให้แทนคำว่า Age of Doubt หรือยุคแห่งความสงสัยก็แล้วกัน ดังนั้นBlogนี้จึงเป็นแดนสนธยาที่เต็มไปด้วยหมอกควันแห่งคำถาม และการละเล่น เพื่อแสวงหา ?


TV3 Live CH5 Live CH7 Live Modernine TV Live NBT LIVE - CH11 TPBS - Public Channel ASTV1 New11 - Online News 24 hours Nation Channel DMC.TV - Buddhistic Television ASTV5 - Suvarnbhumi ASTV7 - Buddhistic Television  True New 24 Channel  skynew  cnnibn Channel  cnn Channel  bbcnews_island Channel  cctv  Channel  bfmtv  Channel  ntv  Channel  fox8 Channel  foxnews5 Channel  cspan  Channel  france24 Channel  world_explorer Channel  discovery_channel Channel  nasa  Channel kimeng-channel dmc-channel ebr-channel research-channel utv-channel michigan-channel at-florida-channel islam-channel peace-usa-channel bbc-panorama-channel CH7 Live CH7 Live CH7 Live CH7 Live CH7 Live CH7 Live CH7 Live CH7 Live

music is life

ชุมทางเพลงเพื่อชีวิต

Friends' blogs
[Add Darksingha's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.